December 06, 2025

บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) (เป็นองค์กรที่เกิดจากการควบรวมกิจการของรัฐซึ่งประกอบไปด้วย กสท โทรคมนาคม และ บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน)) จับมือ ซุปเปอร์แนป (ประเทศไทย) ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ในการสนับสนุนภาครัฐบาลก้าวสู่ระบบดิจิทัลที่ล้ำหน้า กับโครงการความร่วมมือเพื่อยกระดับศูนย์ข้อมูลแห่งชาติ (National Data Center) และบริการแบบคลาวด์สู่มาตรฐานสากลในระดับเทียร์ 4 (Tier IV)

การที่บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ ประกาศเป็นพันธมิตรกับ ซุปเปอร์แนป (ประเทศไทย) ผู้นำศูนย์ข้อมูลในภูมิภาคอาเซียน นับเป็นการการยกระดับมาตรฐานของศูนย์ข้อมูลและการบริการคลาวด์ในประเทศไทยให้ก้าวสู่ระดับ เทียร์ 4 ซึ่งจะช่วยให้ บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ สามารถให้บริการคลาวด์แก่หน่วยงานของรัฐได้แบบเต็มประสิทธิภาพ 100% ด้วยศูนย์ข้อมูลที่มีความปลอดภัยสูงที่ได้รับการรับรองมาตรฐานเทียร์ 4 ในระดับสากลที่ทั่วโลกยอมรับ

โครงการนี้ นับเป็นก้าวสำคัญของประเทศไทยในการยกระดับประสิทธิภาพ ความปลอดภัย และความมั่นใจในระบบคลาวด์ของรัฐบาลให้สูงยิ่งขึ้น เพื่อให้สอดรับกับการเร่งเปลี่ยนแปลงสู่ดิจิทัลได้อย่างรวดเร็ว จากการแพร่ระบาดใหญ่ในช่วงสองปีที่ผ่านมา

โดยในปัจจุบัน ได้มีการนำแอปพลิเคชั่นต่าง ๆ มาใช้เพิ่มขึ้นอย่างมาก เพื่อเป็นกำลังในการขับเคลื่อนระบบดิจิทัลของรัฐบาล รวมถึงการทำงานจากที่บ้าน การประชุมทางวิดีโอ และความจำเป็นในการจัดเก็บ บริหารจัดการ และเข้าถึงข้อมูลในรูปแบบที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ซึ่งกลายเป็นสิ่งที่มีความสำคัญสูงสุดในทุกวันนี้

นาวาอากาศเอก สมศักดิ์  ขาวสุวรรณ์ รักษาการกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือเอ็นที กล่าวถึงความร่วมมือกับซุปเปอร์แนป (ประเทศไทย) ว่าจะทำให้เอ็นที มีทางเลือกที่หลากหลายและสะดวกมากขึ้นในการใช้บริการ Data Center และ Cloud 

“ในฐานะที่เอ็นที เป็นหน่วยงานรัฐวิสาหกิจที่ได้รับมอบหมายภารกิจในการเป็นผู้ขับเคลื่อนและยกระดับการสื่อสารโทรคมนาคมและดิจิทัลให้แก่ภาครัฐ ซึ่งมาจากการที่เรามีโครงสร้างพื้นฐานด้านโทรคมนาคมมากที่สุดและครอบคลุมทั่วประเทศอยู่แล้ว ดังนั้นความร่วมมือในครั้งนี้จึงเป็นการนำจุดแข็งของทั้งสององค์กรมาร่วมกันพัฒนาขีดความสามารถในการให้บริการของเอ็นที โดยเรามั่นใจว่าจะสามารถตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลายและมอบประโยชน์กับลูกค้าได้มากขึ้น” นาวาอากาศเอก สมศักดิ์ กล่าว

หน่วยงานของรัฐจะสามารถเข้าถึงบริการศูนย์ข้อมูลและคลาวด์ โดยไม่จำเป็นต้องตั้งศูนย์ข้อมูลของตนเอง โครงการนี้จะช่วยประหยัดทั้งเวลา และทรัพยากร อีกทั้งช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านระบบโครงสร้างพื้นฐานได้อย่างมาก ในขณะที่ช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพของรัฐบาล

ซุปเปอร์แนป (ประเทศไทย) ในฐานะศูนย์ข้อมูลไฮเปอร์สเกลแห่งแรกในประเทศที่รองรับการเชื่อมต่อกับผู้ให้บริการโครงข่ายโดยไม่จำกัดค่าย จะให้บริการด้านพลังงาน พื้นที่ ความปลอดภัย และระบบเชื่อมต่อเครือข่ายให้กับกระทรวงต่าง ๆ  เพื่อตอบสนองความต้องการด้านประสิทธิภาพและความปลอดภัยในระดับสูง อีกทั้งยังรับประกันความพร้อมเพื่อรองรับความต้องการในอนาคตด้วยความยืดหยุ่นและให้ความสามารถในการปรับขยายได้

โครงการฯ ภายใต้บันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ในครั้งนี้ช่วยให้รัฐบาลปรับใช้ระบบคลาวด์ได้อย่างรวดเร็ว อีกทั้งมั่นใจได้ว่ากระทรวง และหน่วยงานต่าง ๆ สามารถเข้าถึงข้อมูลที่จำเป็นได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ รวมถึงได้รับประโยชน์จากเทคโนโลยีที่ใช้ง่าย มีความยั่งยืน และพร้อมรองรับการปรับขยายศักยภาพได้ตามต้องการ

“ในฐานะศูนย์ข้อมูลและผู้ให้บริการคลาวด์ที่ทันสมัยที่สุด ศูนย์ข้อมูลของเราสร้างขึ้นเพื่อรองรับความต้องการของรัฐบาลและองค์กรต่างๆ ในขณะที่บริการของเราถูกจัดสรรเพื่ออำนวยความสะดวกในการจัดเก็บและประมวลผลข้อมูลที่สำคัญต่อภารกิจด้วยความปลอดภัยสูงสุดและรับประกันความพร้อมใช้งานตลอดเวลา” คุณสุนิตา บ๊อตเซ่ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ ซุปเปอร์แนป (ประเทศไทย) ได้กล่าว

“เรารู้สึกเป็นเกียรติที่ได้ร่วมงานกับเอ็นที และได้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการนวัตกรรมของเอ็นที ในขณะเดียวกันก็เป็นการสนับสนุนเป้าหมายด้านความยั่งยืนด้วยการนำเสนอบริการโครงสร้างพื้นฐานในระบบดิจิทัลของซุปเปอร์แนป ด้วยประสบการณ์ระดับสากลและความรู้ของคนในประเทศ เพื่อสนับสนุนภาครัฐบาลในการสร้างสรรค์นวัตกรรมได้เร็วยิ่งขึ้นและปรับขยายได้ตามความต้องการ” คุณสุนิตากล่าวเสริม

ศูนย์ข้อมูล ซุปเปอร์แนป (ประเทศไทย) ได้รับการออกแบบในลักษณะโมดูลาร์และพร้อมรองรับการขยายศักยภาพ ด้วยการขยายศูนย์ข้อมูลเพิ่มเติมอีก 2 อาคาร ที่สามารถให้บริการพลังงานถึง 60 เมกะวัตต์และพื้นที่รองรับได้มากกว่า 5,000 ตู้ รวมถึงการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติ ที่ได้รับการสนับสนุนจากการออกแบบชั้นนำ ซึ่งช่วยให้โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลของรัฐบาลสามารถเติบโตไปพร้อมกับความต้องการ

นอกจากนี้ ศูนย์ข้อมูลอันล้ำสมัยของซุปเปอร์แนป (ประเทศไทย) ยังเชื่อมต่อผ่านเครือข่ายไฟเบอร์จากผู้ให้บริการโครงข่ายหลายรายแบบแยกสายและการันตีความเสถียรด้วยระบบ Redundancy สำหรับการเชื่อมต่อเครือข่ายที่ให้ความมั่นใจได้สูงสุดในทุกสถานการณ์

ความร่วมมือในครั้งนี้นับเป็นโอกาสครั้งสำคัญ เพราะการโฮสต์เซิร์ฟเวอร์ที่ศูนย์ข้อมูลของ ซุปเปอร์แนป (ประเทศไทย) ที่สร้างขึ้นด้วยวัตถุประสงค์ที่เฉพาะเจาะจง ทำให้มีข้อได้เปรียบมากมายซึ่งรวมถึงเรื่องความยั่งยืน เนื่องจากนวัตกรรมเทคโนโลยีด้านพลังงานและระบบควบคุมอุณหภูมิของ ซุปเปอร์แนป (ประเทศไทย) ช่วยให้บริษัทกลายเป็นศูนย์ข้อมูลที่ทันสมัยที่สุดที่ให้ความยั่งยืนด้วยการออกแบบ ซึ่งพร้อมรองรับการใช้พลังงานความหนาแน่นสูงถึง 33 กิโลวัตต์ต่อตู้ และมีค่าเฉลี่ยประสิทธิภาพการใช้พลังงาน (PUE) ต่อปีที่ 1.35-1.45 โดยเป็นระดับที่ให้ประสิทธิภาพมากกว่าศูนย์ข้อมูลอื่น ๆ ในภาคพื้นอาเซียน

คุณสมบัตินี้จะช่วยให้หน่วยงานของรัฐสามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และบรรลุเป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อมด้วยการเป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนระดับโลกสู่พลังงานสะอาด

โครงสร้างพื้นฐานและโซลูชั่นของ ซุปเปอร์แนป (ประเทศไทย) จึงช่วยให้รัฐบาลไทยจะสามารถบรรลุมาตรฐานสากลสูงสุดสำหรับศูนย์ข้อมูลและบริการคลาวด์ และตอกย้ำสถานะและชื่อเสียงของประเทศไทยในฐานะศูนย์กลางดิจิทัลและเทคโนโลยีระดับโลก ที่มีความปลอดภัย ความน่าเชื่อถือ และความเป็นเลิศ

ปัญหาโลกร้อน การใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างสิ้นเปลือง ความเหลื่อมล้ำของรายได้ กำลังเป็นวิกฤตอย่างรุนแรง

ดร.ปราโมทย์ วิบูลย์กิจโชติ  รองกรรมการผู้จัดการใหญ่  บมจ.ทิพยประกันภัย พร้อมด้วย คุณสมยศ คงประเวช รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ธุรกิจค้าปลีก บมจ.ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก หรือโออาร์  และคุณธารินี สุทธิปริญญานนท์ นายกสมาคมการค้าผู้แทนจำหน่ายสถานีบริการน้ำมันพลังไทย มอบเงินบริจาค จำนวน  193,095 บาท  (หนึ่งแสน   เก้าหมื่นสามพันเก้าสิบห้าบาทถ้วน)  จากโครงการ “TIP @ พีทีทีสเตชั่น ร่วมปันบุญ สู้ภัย COVID-19”  โดยลูกค้าที่ซื้อประกันภัยทุกประเภทผ่านช่องทางตัวแทนพีทีที สเตชั่น ระหว่างวันที่ 1 ก.ค. 64 - 30 ก.ย. 64 ทุกๆ 100 บาทจากค่าเบี้ยประกันภัยสุทธิ จะหัก 1 บาทเพื่อนำไปร่วมสมทบบริจาคให้กับมูลนิธิรามาธิบดี เพื่อซื้อเครื่องช่วยหายใจและอุปกรณ์ต่างๆ ในการรักษา และช่วยชีวิตผู้ป่วยจากโควิด-19 โดยมี คุณเสรี  คีรีศรี ที่ปรึกษาประธานกรรมการ บมจ.ทิพยประกันภัย  ให้เกียรติร่วมมอบ ณ มูลนิธิรามาธิบดี

กว่า 2 ปีที่ผ่านมา กรุงเทพฯ ถูกปิดเพราะสถานการณ์โควิด-19 ไม่ว่าจะเป็นปิดเมือง ปิดร้าน หรือปิดการท่องเที่ยว

อลิอันซ์ อยุธยา นำโดย มร.ลาร์ส ไฮบุทสกี้(ขวา) กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. อลิอันซ์ อยุธยา ประกันภัย พัชรา ทวีชัยวัฒนะ(ที่สองจากขวา) รองกรรมการผู้จัดการใหญ่สายงานบริหารงานลูกค้า บมจ. อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต พร้อมด้วย ผู้บริหารระดับสูง ร่วมงาน “อลิอันซ์ อยุธยา Charity Food Fun Fair”  กิจกรรมทำความดีส่งท้ายปี ตลาดนัดเพื่อชุมชน เลือกซื้อสินค้าของดีจากชุมชน พร้อมเปิด “ครัวชุมชน” ทำอาหารช่วยเหลือชุมชนที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ซึ่งเป็นกลุ่มเปราะบาง จำนวน 400 กล่อง งานจัดขึ้นภายใต้มาตราการควบคุมโรคโควิด-19 รายได้ภายในงานร่วมสมทบทุนมูลนิธิสโกลาส์ ออฟ ซัสทีแนนซ์ หรือ โครงการล้านมื้ออาหารขจัดความหิวโหย ณ อาคารเพลินจิต ทาวเวอร์ เมื่อเร็วๆนี้

มาสเตอร์การ์ด จับมือกับ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด และ 2C2P พลัส ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของผู้ให้บริการชําระเงินทั่วโลก 2C2P เปิดตัว บัตร Thailand Post Prepaid Card แบบ Business Card บัตรที่มาเพิ่มความพิเศษให้เฉพาะผู้ประกอบการร้านค้าออนไลน์ที่ใช้บริการเก็บเงินปลายทาง Cash-On-Delivery (COD) สามารถใช้จ่ายได้คุ้มค่า ตรงความต้องการ ครอบคลุมการทำธุรกิจ e-Commerce ได้อย่างครบวงจร ไม่ว่าจะซื้อสินค้าจากไปรษณีย์ไทย ชำระค่าส่ง หรือแม้แต่ชอปออนไลน์ก็สามารถทำได้ทุกที่ที่มีสัญลักษณ์ MasterCard รวมทั้งสิทธิประโยชน์ต่างๆ มากมายที่มอบให้ผู้ถือบัตร ไม่ว่าจะ โปรโมชันรับส่วนลดร้านค้า ร้านอาหาร โรงแรมชั้นนำต่างๆ รวมทั้ง Cash Back รับเงินคืน หรือรับ e-Voucher รวมทั้งสิทธิพิเศษอื่นๆ จากทั้งไปรษณีย์ไทยและมาสเตอร์การ์ดอีกมากมาย

นับเป็นครั้งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สำหรับบัตร Thailand Post Prepaid Card แบบ Business Card บัตรพรีเพดเชิงพานิชย์ ที่จะเข้ามาเป็นส่วนช่วยให้ธุรกิจ e-Commerce มีความคล่องตัวและความยืดหยุ่นมากขึ้น มาพร้อมความพรีเมียมและการใช้งานที่ง่ายเพียงเปิดบัตรพร้อมผูกกับบัญชีของแอปพลิเคชัน Wallet@POST ที่ไปรษณีย์ไทยได้พัฒนาร่วมกับ 2C2P พลัส สำหรับให้ร้านค้าออนไลน์ที่ใช้ COD ใช้ในการรับเงิน โอนเงินออกไปยังบัญชีธนาคาร จากยอดเงินที่อยู่ใน Wallet เมื่อลูกค้าชําระเงินค่าสินค้าหรือสิ่งของที่ฝากส่งด้วยบริการเก็บเงินปลายทาง COD เข้ามาก็สามารถใช้จ่ายได้ทุกที่ทั่วทุกมุมโลกเลยทีเดียว

ความพิเศษของบัตร Thailand Post Prepaid Card แบบ Business ไม่ได้มีเพียงเท่านั้น บัตรนี้ถูกออกแบบมาเพื่อมอบบริการพิเศษมากมายให้แก่ธุรกิจ SMEs ขนาดเล็ก ทั้งการรับส่วนลดในการซื้อเครื่องมือเพื่อบริหารร้านค้า โปรแกรมบัญชีผ่านระบบคลาวด์ การจัดการใบแจ้งหนี้แบบอิเล็กทรอนิกส์ เสริมความทันสมัย ต่อยอดให้การทำธุรกิจเติบโตได้อีกขั้น ทั้งนี้ สิ่งสำคัญที่สุดคือการหันมาใช้ระบบดิจิทัลทั้งสำหรับการรับและจ่ายเงินจะช่วยเพิ่มความโปร่งใสของรายได้ให้แก่ธุรกิจของ SMEs ส่งผลให้ความน่าเชื่อถือทางเครดิตของธุรกิจต่อสถาบันการเงินเพิ่มขึ้น เปิดโอกาสให้ธุรกิจได้เข้าถึงแหล่งเงินทุนจากสถาบันการเงินได้สะดวกยิ่งกว่า

ดร.ดนันท์ สุภัทรพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด กล่าวว่า “ไปรษณีย์ไทย พัฒนาการให้บริการอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ที่ผ่านมา เราปรับตัวเพื่อตอบสนองผู้ใช้บริการทุกกลุ่มเป้าหมาย สนับสนุนและพัฒนาให้เกิดบริการในรูปแบบที่สอดคล้องกับยุคนิวนอร์มอล การทำงานร่วมกับ 2C2P พลัส และมาสเตอร์การ์ดในการเปิดตัวบัตรพรีเพดสำหรับธุรกิจ e-Commerce ในครั้งนี้ เป็นอีกหนึ่งความร่วมมือที่สำคัญในการพัฒนาบริการ เนื่องจากบัตร Thailand Post Prepaid Card แบบ Business นี้เป็นบัตรพรีเพดเชิงพาณิชย์ใบแรกของไทยและยังเป็นใบแรกของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อีกด้วย ซึ่งได้จัดทำขึ้นพิเศษเพื่อรองรับกลุ่มลูกค้าหลักของไปรษณีย์ไทยโดยเฉพาะ นั่นคือกลุ่มลูกค้า e-Commerce ที่ใช้บริการเก็บเงินปลายทาง COD ให้สามารถสัมผัสการใช้จ่ายได้แบบไร้รอยต่อ ไม่ว่าจะชำระเงินค่าสินค้าค่าฝากส่งของจากไปรษณีย์ไทย และยังสามารถใช้ชำระสินค้าอุปโภค บริโภคต่างๆ ทั้งรูปแบบออฟไลน์และออนไลน์ได้ทุกที่ที่มีสัญลักษณ์ MasterCard อีกด้วย มีบัตรเดียว ทั้งสะดวก รวดเร็ว และยังมีสิทธิประโยชน์ที่ร่วมกับพันธมิตรทั้งไทยและต่างประเทศอีกมากมาย”

ด้าน นายปิยชาติ รัตน์ประสาทพร กรรมการบริหาร บริษัท ทูซีทูพี พลัส  (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “แม้ว่าผู้บริโภคชาวไทยจะเริ่มใช้จ่ายแบบดิจิทัลมากขึ้นในการซื้อของออนไลน์ แต่ยังมีอีกหลายคนที่เลือกใช้บริการเก็บเงินปลายทาง ซึ่งส่งผลกระทบต่อการทำธุรกรรมของผู้ประกอบการ เป้าหมายของเราในการทำงานร่วมกับไปรษณีย์ไทยคือร่วมมือกับระบบการชำระเงินที่มีความชำนาญในการส่งผ่านเงินเพื่อช่วยเหลือธุรกิจขนาดเล็กที่ต้องการได้รับเงินอย่างรวดเร็ว ด้วยความร่วมมือกับมาสเตอร์การ์ด เราสามารถมอบความสะดวก ปลอดภัยและรวดเร็วในการทำธุรกิจผู้ประกอบการออนไลน์ในประเทศไทยโดยการผูกรายได้ของพวกเขาเข้ากับบัตรที่สามารถนำไปใช้ทำธุรกรรมที่หลากหลายได้ ทำให้ธุรกิจขนาดเล็กมีความแข็งแกร่งในการดำเนินงานมากขึ้น และสามารถเข้าถึงบริการของธนาคารได้มากขึ้น”

“การแพร่ระบาดของโควิดทำให้พฤติกรรมในการทำธุรกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนไป ส่งผลให้ตลาดและธุรกิจต่างๆ เปลี่ยนไปสู่ระบบดิจิทัลอย่างแท้จริง ความเปลี่ยนแปลงนี้ได้กระตุ้นให้ทั้งธุรกิจและประเทศต่างๆ เห็นความจำเป็นเร่งด่วนในการพัฒนาสู่ระบบดิจิทัลเพื่อลดผลกระทบทางเศรษฐกิจในกรณีที่อาจเกิดวิกฤติขึ้นอีกในอนาคต ควบคู่กับการผลักดันให้เกิดการพัฒนาที่ครอบคลุมทุกส่วนในยุคเศรษฐกิจดิจิทัล ด้วยความร่วมมือกับบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด และ 2C2P พลัส มาสเตอร์การ์ดรู้สึกตื่นเต้นที่ได้ร่วมเปิดตัว Thailand Post Prepaid Card รูปแบบใหม่ Business Card เพื่อเป็นสมาร์ทโซลูชันที่ช่วยแก้ไขปัญหาต่างๆ หลายจุดให้กับธุรกิจรายย่อยของไทย ทั้งยังช่วยให้ธุรกิจเหล่านี้ปรับตัวเพื่อรับมือกับโลกหลังโควิดอีกด้วย นอกจากนี้ บัตรพรีเพดนี้ยังเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามระดับโลกที่มาสเตอร์การ์ดมีตลอดมาเพื่อสนับสนุนการเข้าถึงบริการทางการเงิน โดยตั้งใจที่จะนำประชากร 1 พันล้านคน และธุรกิจขนาดเล็ก 50 ล้านรายเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจดิจิทัลภายในปี 2025” ไอลีน ชูว ผู้จัดการประจำประเทศไทยและเมียนมาร์ มาสเตอร์การ์ด กล่าวปิดท้าย

การร่วมมือครั้งนี้เกิดจากการคาดการณ์ว่าธุรกิจอีคอมเมิร์ซจะเติบโตในปี 2020 เนื่องจากผู้บริโภคหันมาพึ่งพาการซื้อของออนไลน์มากขึ้นจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยคาดว่า ตลาด e-Commerce จะเติบโตสูงถึง 35% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน นอกจากนี้การชำระเงินแบบดิจิทัลได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันของคนไทยไปแล้ว โดยข้อมูลจาก Mastercard Safety & Security Index 2020 ระบุว่า “ผู้บริโภคชาวไทยมักใช้บัตรเครดิตในการชำระเงินสำหรับการซื้อสินค้าออนไลน์ในประเทศแม้ว่าการชำระเงินปลายทางจะยังคงเป็นรูปแบบการชำระเงินที่ใช้บ่อยที่สุด”

สำหรับผู้ประกอบธุรกิจ e-Commerce ที่สนใจสมัครบัตร Thailand Post Prepaid Card แบบ Business Card สามารถสมัครได้แล้ววันนี้ที่แอปพลิเคชัน Wallet@POST หรือ สอบถามเพิ่มเติมโทร THP Contact Center 1545

เมื่อออกรถใหม่ ทีทีบีไดร์ฟช่วยผ่อนค่างวดคนละครึ่ง รับส่วนลดสูงสุด 5,000 บาท

“เคทีซี” หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) จัดโปรโมชันเด็ด “รวมโค้ดส่วนลดท่องเที่ยว” ให้สมาชิกบัตรเครดิตเคทีซีได้เดินทางท่องเที่ยวอย่างคุ้มค่ากว่าใคร อาทิ

มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดสอนหลักสูตร aMBA (Analyst MBA) หลักสูตรบริหารธุรกิจมหาบัณฑิต

X

Right Click

No right click