นายประเทศ ตันกุรานันท์ ตัวแทนคณะผู้บริหารและพนักงานดีแทค เข้ารับโล่ประกาศเกียรติคุณจากนายอนุทิน ชาญวีระกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข
FWD ประกันชีวิต ร่วมสนับสนุนมูลนิธิพิมาลี (Pimali) สร้างสังคมแห่งการเรียนรู้
ความรับผิดชอบต่อสังคมและการคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมเป็นหัวใจของการขับเคลื่อนองค์กรสู่ความยั่งยืนที่มั่นคง บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) จำกัด หรือ NT วางนโยบายภายใต้แผนงาน CSR (Corporate Social Responsibility) ให้เป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์สำคัญในการดำเนินธุรกิจเพื่อสังคม
ปัญหาความเหลื่อมล้ำของรายได้ เป็นอีกหนึ่งวิกฤตที่ทั่วโลก รวมทั้งประเทศไทยกำลังเผชิญ
ซีพี ออลล์ เดินเครื่องยกระดับการศึกษา ร่วมพัฒนาโรงเรียน CONNEXT ED
สตาร์ทอัพ Plant based ไทยหัวใจสีเขียว อย่าง Plantae (แพลนเต้) แบรนด์เครื่องดื่มทางเลือกโปรตีนจากพืช ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรักสุขภาพและเทรนด์การบริโภค Plant based ที่มาแรงไปทั่วโลก เปิดตัว ReEarth แคมเปญ CSR แนวใหม่ ที่ใช้อินเตอร์แอคทีฟมาเพิ่มสีสันให้การช่วยเหลือสิ่งแวดล้อมไม่น่าเบื่อ เพื่อหารายได้สนับสนุน องค์การกองทุนสัตว์ป่าโลกสากล หรือ WWF องค์การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมระหว่างประเทศ เพื่อยับยั้งการทำลายสิ่งแวดล้อม และรณรงค์ให้มนุษย์อยู่ร่วมกับธรรมชาติ
โดยการจัดทำ แก้วเชครักษ์โลก รุ่นลิมิเต็ด อิดิชั่น “Shaker ReEarth” ที่ผลิตจากฟางข้าวสาลีนำมาผสมกับวัสดุจาก PP Food Grade ด้วยนวัตกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยทางแบรนด์ดีไซน์สัญลักษณ์รูปหมีแพนด้า ซึ่งเป็นสัญลักษณ์หนึ่งในสัตว์ป่าหายากใกล้สูญพันธุ์ที่ทั่วโลกให้ความสำคัญในการอนุรักษ์ พร้อมข้อความ “EARTH IN YOUR HANDS” เพื่อย้ำเตือนถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมที่เกิดจากการกระทำของพวกเราทุกคน จำนวนจำกัดเพียง 3,000 ใบ จำหน่ายใบละ 990 บาท โดยทุกๆ 100 บาท ต่อ 1 การสั่งซื้อ จะมอบให้กับ WWF เพื่อนำไปปลูกต้นไม้ 1,000 ต้น ปกป้องผืนป่า เพื่อระบบนิเวศและบ้านที่อบอุ่นของเหล่าสัตว์ป่า
และ ห้ามพลาด!! กับกิจกรรมอินเตอร์แอคทีฟสนุกๆ อย่าง “Shake ReEarth” บนเว็บไซต์ www.plantae.co เพียงแค่เขย่าก็จะได้รับรู้ข้อมูลว่าการทานโปรตีนจากพืชของ Plantae เพียง 1 scoop คุณก็สามารถช่วยสิ่งแวดล้อมได้ ทั้งลดการใช้น้ำ 270 แกลลอน ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 96% ช่วยชีวิตไก่ 0.22 ตัว และลดการใช้พื้นที่ 7.11 ตารางเมตร ซึ่งสามารถเพิ่มพื้นที่การปลูกป่าไม้ได้ 5.4 ต้นเลยทีเดียว พร้อมส่วนลดและของรางวัลจากแบรนด์ เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นจริงและตอกย้ำความตั้งใจของแบรนด์ที่ว่า “We don’t just provide food, We save lives”
มาร่วมเปลี่ยนโลกกับ Plantae ในแคมเปญ “Shake ReEarth” ได้ที่ www.plantae.co ตั้งแต่วันนี้ ถึง 31 ธันวาคม 2564 สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Facebook, Line official : @plantae.life
พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี (คนซ้าย) มอบโล่ประกาศเกียรติคุณในงานวันคนพิการสากล ประจำปี 2564
เมื่อสถานการณ์โควิด-19 กำลังดีขึ้น แต่ช่องว่างทางดิจิทัลยังคงอยู่
หลังจากที่มีการควบรวม บมจ.ทีโอที และ บมจ. กสท โทรคมนาคม เป็น บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NT
บมจ.กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต ตอกย้ำการเป็นผู้นำด้านประกันสุขภาพและดิจิทัล
บมจ.กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต นำโดย คุณมานพ กาศกระโทก ผู้อำนวยการธุรกิจ ฝ่ายตัวแทน สำนักงาน 30G จังหวัดนครราชสีมา (คนที่ 5 จากซ้าย) พร้อมตัวแทนในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา ร่วมส่งมอบน้ำดื่ม เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม ณ ศูนย์อำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเทศบาลตำบลโนนสูง จำนวน 1,500 ขวด ทั้งนี้ บมจ.กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต ขอส่งมอบกำลังใจให้แก่ประชาชน และผู้เกี่ยวข้องทุกภาคส่วนที่ได้รับผลกระทบ จากเหตุการณ์อุทกภัยในครั้งนี้ และจะอยู่เคียงข้างทุกความเชื่อมั่น ดูแลกันตลอดไป
OPPO, Orange, Deutsche Telekom และ Saint-Gobain ร่วมจัดงานประชุม CSRtech Innovation Summit ครั้งที่ 4 ที่เซี่ยงไฮ้ ภายใต้ UN (United Nations) 2030 Agenda for Sustainable Development โดยงานประชุมในครั้งนี้ จัดขึ้นเพื่อค้นหานวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อรองรับความท้าทายจากการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วของสิ่งแวดล้อมและสังคม ซึ่งสอดรับกับพันธกิจของแบรนด์อย่าง “Technology for mankind, kindness for the world” โดย OPPO ได้กล่าวถึงความเข้าใจ รวมถึงประสบการณ์ในการเสริมสร้างความยั่งยืน ทั้งด้านการออกแบบผลิตภัณฑ์ การผลิต และการดำเนินงาน พร้อมผลักดันให้ผู้ประกอบการร่วมคิดค้นวิธีการใหม่ๆ เพื่อก้าวสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืนผ่านนวัตกรรมทางเทคโนโลยี
งานประชุม CSRtech Innovation Summit ในปีนี้ จัดขึ้นเพื่อมุ่งค้นหาโซลูชันที่เป็นนวัตกรรม ด้วย 3 เป้าหมายหลัก ได้แก่ การปกป้องโลก การขับเคลื่อนธุรกิจที่ยั่งยืน และการให้คุณค่าต่อความเป็นอยู่ที่ดีของมนุษย์ โดย งานประชุมครั้งนี้ยังเปิดโอกาสในการมีส่วนร่วมระหว่างสตาร์ทอัพกับผู้เล่นในอุตสาหกรรมและนักลงทุน ซึ่ง
สตาร์ทอัพสามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์ บริการ และเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่ช่วยส่งเสริมให้บรรลุเป้าหมายข้างต้น โดยภายในงาน OPPO ได้กล่าวถึงประสบการณ์การออกแบบผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ไม่ว่าจะเป็น การออกแบบที่ช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ลดขยะพลาสติก และการออกแบบบรรจุภัณฑ์ที่มีน้ำหนักเบา รวมถึง trade-in service ที่ช่วยสนับสนุนเศรษฐกิจหมุนเวียนและลดของเสียอีกด้วย
โดยก่อนการจัดงานประชุม OPPO ได้จัดงานเวิร์กชอป CSRtech innovation and entrepreneurship ขึ้น 3 แห่ง คือ ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ และเซินเจิ้น โดยงานเวิร์กชอปที่เซินเจิ้น OPPO ได้เชิญ Youth Programme Officer จาก United Nations Development Programme (UNDP) China มาร่วมกล่าวถึงนวัตกรรมและการเป็นผู้ประกอบการ รวมถึงบริษัท Voibook Technology สตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีที่มุ่งออกแบบดีไซน์ที่เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาทางการได้ยินและการพูด มาร่วมพูดคุยเกี่ยวกับความร่วมมือกันกับ OPPO ในโครงการ City Voice Messenger
งานประชุมในครั้งนี้ ได้รับกระแสตอบรับเข้าร่วมสมัครอย่างท่วมท้นจากบริษัทสตาร์ทอัพทั่วโลก ซึ่งมีบริษัทสตาร์ทอัพที่โดดเด่นเพียง 12 รายเท่านั้นที่ได้รับคัดเลือกให้ร่วมเสนอไอเดีย และด้วยไอเดียที่โดดเด่นของบริษัท Viobook Technology และ SATOR Tech ทำให้ทั้งสองบริษัทได้รับรางวัล Outstanding Start-up โดยไอเดียจาก Viobook Technology คือการเป็นองค์กรเพื่อสังคมที่มีความเป็นนวัตกรรม มุ่งเน้นการใช้เทคโนโลยี AI เพื่อพัฒนาการสื่อสารให้แก่ผู้บกพร่องทางการได้ยินและการพูด ส่วน SATOR TECH มุ่งมอบโซลูชันแบบครบวงจรให้แก่บริษัทในเครืออุตสาหกรรมพลังงาน อสังหาริมทรัพย์ และรถยนต์ ด้วยการใช้เทคโนโลยี AI ที่พัฒนาขึ้นเองและเทคโนโลยีการขับขี่แบบอัตโนมัติ
(Voibook Technology ได้รับรางวัล Outstanding Start-ups จากการมุ่งใช้เทคโนโลยี AI เพื่อพัฒนาการสื่อสารในกลุ่มผู้บกพร่องทางการได้ยินและการพูด)
ส่งเสริมความยั่งยืนผ่านพันธมิตรในอุตสาหกรรม
OPPO ได้ทำงานร่วมกับพันธมิตรในอุตสาหกรรมมาอย่างยาวนาน ไม่ว่าจะเป็น Orange และ Deutsche Telekom เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยในเดือนพฤษภาคม 2564 OPPO ถือเป็นหนึ่งในบริษัทแรกๆ ที่เข้าร่วม Eco Rating Initiative ที่จัดตั้งโดยผู้ให้บริการเครือข่ายชั้นนำในยุโรป มาช่วยประเมินประสิทธิภาพด้านสิ่งแวดล้อมของโทรศัพท์มือถือ โดยพิจารณาจากวัตถุประสงค์ด้านวงจรการใช้งานผลิตภัณฑ์ (Life cycle) และตัวชี้วัดของเศรษฐกิจหมุนเวียน ซึ่งปัจจุบัน OPPO ได้รับการยอมรับให้เป็นหนึ่งในแบรนด์ที่ยั่งยืนที่สุด จากการเป็นโทรศัพท์มือถือที่มีความทนทาน รีไซเคิลได้ ซ่อมแซมได้ ทนต่อสภาพอากาศ และมีการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ
“ในฐานะกำลังสำคัญในการพัฒนาสังคม บริษัทเทคโนโลยีอย่าง OPPO ไม่เพียงแค่มีหน้าที่ส่งมอบนวัตกรรมและเทคโนโลยีเพื่อประโยชน์ด้านการค้าเท่านั้น แต่ยังต้องเผชิญกับความท้าทายและปัญหาในระดับโลกด้วย”
Scott Zhang, OPPO Vice President of Oversea Sales กล่าว “OPPO กำลังเดินหน้าส่งเสริมการพัฒนาอย่างยั่งยืน พร้อมสอดรับกับพันธกิจของแบรนด์อย่าง ‘Technology for mankind, kindness for the world' ทั้งในด้านการผลิต การดำเนินงาน และการออกแบบผลิตภัณฑ์”
( Scott Zhang, OPPO Vice President of Oversea Sales กล่าวเปิดงาน พร้อมเล่าถึงการดำเนินงานของ OPPO ด้านความรับผิดชอบต่อสังคม)
พันธกิจของ OPPO ด้านความรับผิดชอบต่อสังคม
OPPO รับผิดชอบต่อสังคมด้วยการดำเนินงานมากมาย อาทิ การปกป้องสิ่งแวดล้อม การเพิ่มขีดความสามารถของเยาวชน ความครอบคลุมด้านดิจิทัล และการส่งเสริมสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี ซึ่งขับเคลื่อนภายใต้แนวคิด Virtuous Innovation ที่เป็นหัวใจหลักในการดำเนินงานทุกๆ ด้าน
OPPO ได้ผสานการพัฒนาอันยั่งยืนเข้ากับวงจรการออกแบบและการผลิตสินค้า อีกทั้งยังได้เพิ่มระบบแบบอัตโนมัติและพัฒนาระบบการประหยัดพลังงาน เพื่อลดการใช้พลังงานและการปล่อยก๊าซเรือนกระจก รวมถึงการใช้วัสดุรีไซเคิลในบรรจุภัณฑ์ของผลิตภัณฑ์ และการสร้าง trade-in service เพื่อรีไซเคิลและนำโทรศัพท์มือถือเก่ามาใช้ใหม่
สุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของผู้ใช้งาน ถือเป็นอีกหนึ่งความท้าทายในระยะยาวของ OPPO จึงเกิดเป็นความร่วมมือกันระหว่าง OPPO Health Lab และสถาบันทางการแพทย์มืออาชีพ รวมถึงวิทยาลัยการกีฬา เพื่อร่วมกันพัฒนาซอฟต์แวร์ ฮาร์ดแวร์ และบริการที่เกี่ยวข้องกับนวัตกรรมด้านสุขภาพ นอกจากนี้ OPPO ยังเชื่อว่า เทคโนโลยีควรมอบประโยชน์ให้แก่ทุกๆ คนได้ จึงมีการออกแบบผลิตภัณฑ์ให้เข้าถึงได้ง่ายยิ่งขึ้นและออกแบบให้ผู้สูงอายุใช้งานได้ง่ายขึ้นอีกด้วย โดยในสมาร์ทโฟนรุ่น OPPO Find X3 5G ได้เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่อย่าง Color Vision Enhancement เพื่อช่วยแก้ไขปัญหาการมองเห็นสีในกลุ่ม Color Vision Deficiency (CVD) ให้สามารถมองเห็นเฉดสีที่ถูกต้องและคอนทราสต์ของสีที่ลึกมากขึ้นเพื่อใช้ในการแยกสีต่างๆ นอกจากนี้ OPPO ยังทำงานร่วมกันกับพันธมิตรและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียต่างๆ เดินหน้าร่วมส่งเสริมการพัฒนาอย่างยั่งยืน เช่น การร่วมมือกันระหว่าง OPPO และ United Nations Development Programme (UNDP) เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการรุ่นเยาว์ เสริมศักยภาพในด้านการจัดการความท้าทายต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศผ่านนวัตกรรมทางเทคโนโลยี
โดยในอนาคต OPPO จะยังคงร่วมมือกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียต่างๆ เพื่อเสริมสร้างความรับผิดชอบต่อสังคมผ่านนวัตกรรมทางเทคโนโลยี พร้อมสร้างอนาคตที่เปิดกว้าง มีการแลกเปลี่ยนซึ่งกันและกัน และมีความยั่งยืนสำหรับทุกคน
"ป่าชุมชน" พื้นที่ป่าไม้ที่คนในชุมชนมีส่วนร่วมบริหารจัดการทรัพยากรป่าไม้และต้นไม้ บนหลักการสร้างความเท่าเทียม ลดความเหลื่อมล้ำ ส่งเสริมการใช้ทรัพยากรธรรมชาติเกิดประโยชน์สูงสุด เพื่อรักษาพื้นที่ป่าและความสมบูรณ์ของนิเวศป่าไม้ สร้างกลไกการมีส่วนร่วมของคนในชุมชน ด้วยการวางแผน พัฒนา การบริหารจัดการ การใช้ประโยชน์จากป่าให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด เพื่อความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของชุมชนทั้งในเชิงเศรษฐกิจ คือ การสร้างรายได้ให้แก่คนในชุมชน ด้านสังคม เกิดการพัฒนาอาชีพตามศักยภาพของชุมชน เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศ เป็นแหล่งเรียนรู้ธรรมชาติ และด้านสิ่งแวดล้อม รักษาระบบนิเวศ ปกป้องความหลากหลายทางชีวภาพ
บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ ดำเนินธุรกิจโดยบูรณาการแนวคิดการดำเนินงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม ริเริ่ม "โครงการซีพีเอฟรักษ์นิเวศ" เพิ่มพื้นที่สีเขียวในสถานประกอบการของบริษัทมาตั้งแต่ปี 2557 ทั้งในรูปแบบของการปลูกต้นไม้ สร้างสวนป่าเชิงนิเวศ ขยายผลสู่การสร้างเครือข่ายป่าชุมชน
“ศูนย์เรียนรู้สวนป่ารักษ์นิเวศ โครงการหมู่บ้านเกษตรกรรมกำแพงเพชร” ต.เทพนคร อ.เมือง จ.กำแพงเพชร เป็นสวนป่านิเวศในฟาร์มสุกรแห่งแรกของไทย ที่มาจากแนวคิดพลิกพื้นที่ว่างเปล่าในฟาร์มเลี้ยงสุกรเป็นป่านิเวศในชุมชน เมื่อปี 2557 จากความมุ่งมั่นของซีพีเอฟ ที่จะสร้างธุรกิจฟาร์มสุกรรูปแบบใหม่ มุ่งเน้นความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน บนพื้นที่กว่า 30 ไร่ ที่เกิดจากความร่วมมือของภาคีเครือข่ายภาครัฐ เอกชน และชุมชน ร่วมพัฒนาพื้นที่ของโครงการหมู่บ้านเกษตรกรรมกำแพงเพชร ด้วยการสร้างป่านิเวศที่สมบูรณ์ เกิดความหลากหลายทางชีวภาพทั้งพันธุ์พืชและพันธุ์สัตว์ มีการอนุรักษ์พันธุ์ไม้หายากในท้องถิ่น เป็นแหล่งเรียนรู้นอกห้องเรียนให้กับชุมชน สถานศึกษาและผู้ที่สนใจ
ศูนย์เรียนรู้สวนป่ารักษ์นิเวศ ที่นี่ เป็นแหล่งรวบรวมป่า 6 ประเภท ได้แก่ ป่าพันธุ์ไม้หายาก ป่าชายน้ำ ป่านิเวศแนวป้องกัน ป่าเต็งรัง ป่าเศรษฐกิจ และป่าเบญจพรรณ มีต้นไม้มากกว่า 24,000 ต้น เป็นพันธุ์พืชกว่า 200 ชนิด พันธุ์ไม้หายากกว่า 140 ชนิด สามารถเก็บต้นกล้าที่งอกจากเมล็ดตามธรรมชาตินำมาอนุบาลเพื่อขยายพันธุ์ อาทิ ต้นกระทิง หว้า ชัยพฤกษ์ และภู่นายพล นอกจากนี้ ยังมีพันธุ์สัตว์ที่อาศัยในผืนป่าอีกกว่า 70 ชนิด ซึ่งปัจจุบัน มีฐานการเรียนรู้ 3 ฐาน คือ ศาลาชากังราว ศาลากล้วยไข่ และศาลาวนเกษตร เป็นแหล่งข้อมูลสำหรับผู้มาเยี่ยมชม โดยมีวิทยากรประจำศูนย์เรียนรู้ฯ ที่เป็นเยาวชน เกษตรกรในโครงการฯ และตัวแทนของซีพีเอฟ ทำหน้าที่ให้ข้อมูลในแต่ละฐาน พร้อมทั้งนำเทคโนโลยีที่ทันสมัย มาประยุกต์ใช้เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ที่มาเยี่ยมชมสวนป่าฯ โดยนำ QR Code มาใชเพื่อการเรียนรู้ด้วยตัวเอง และพัฒนาโปรแกรมการศึกษาดูงาน (Integrated Learning Center) ที่เหมาะสมกับกลุ่มที่เข้าเยี่ยมชม
พิเชษฐ์ ใหญ่แก่นทราย ประธานหมู่บ้านเกษตรกรรมกำแพงเพชร กล่าวว่า สวนป่ารักษ์นิเวศฯ สร้างประโยชน์ให้กับชาวชุมชนอย่างมาก ทั้งเป็นแหล่งเรียนรู้ระบบนิเวศพืชและสัตว์ เป็นที่อยู่และขยายพันธุ์ของสัตว์ท้องถิ่น เป็นแหล่งเรียนรู้วิธีการปลูกป่า 3 อย่าง ประโยชน์ 4 อย่าง ที่ช่วยสร้างจิตสำนึกรักษ์ธรรมชาติและสามารถนำไปต่อยอดปลูกในพื้นที่อื่นๆได้ ป่าที่สมบูรณ์กลายเป็นแหล่งอาหาร เปรียบเหมือนตลาดสดของชุมชน เพราะในป่ามีทั้งพืช ผัก สมุนไพร เห็ด และปลา เป็นแหล่งเพาะกล้าไม้ป่าเพื่อจำหน่ายหรือแจกให้กับผู้ที่สนใจ พื้นที่สีเขียวที่เพิ่มขึ้น กลายเป็นแหล่งพักผ่อน ออกกำลังกาย และเป็นแหล่งท่องเที่ยวของชุมชน
ปี 2559 ซีพีเอฟต่อยอดส่งเสริมป่าชุมชนแห่งที่ 2 ใน “โครงการปลูกป่านิเวศ หมู่บ้านเกษตรกรรมหนองหว้า” อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา บนพื้นที่ 14 ไร่ ส่งเสริมชุมชนหมู่บ้านเกษตรกรรมหนองหว้า เรียนรู้เทคโนโลยีการเลี้ยงสุกรที่ทันสมัยและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยรวบรวมพันธุ์ไม้ยืนต้น ไม้เศรษฐกิจ ไม้หายาก และพืชสมุนไพรกว่า 109 ชนิด รวมพันธุ์ไม้มากกว่า 50,000 ต้น ประยุกต์หลัก “การปลูกป่านิเวศ” ตามทฤษฎีการปลูกป่าของ ‘ศ.ดร.อาคิระ มิยาวากิ’ ด้วยการปลูกพันธุ์ไม้พื้นเมืองที่เหมาะกับสภาะแวดล้อมในพื้นที่ ใช้เทคนิคการปลูกต้นไม้แบบถี่ 3 ต้นต่อพื้นที่ 1 ตารางเมตร แบบสุ่มคละชนิดพันธุ์ไม้ ให้เหมือนป่าธรรมชาติ ซึ่งช่วยร่นระยะเวลาการเจริญเติบโตของป่าธรรมชาติ จาก 100 ปี เหลือ 10 ปี ก่อเกิดเป็นรูปแบบป่า 3 อย่าง ประโยชน์ 4 อย่าง สร้างระบบนิเวศที่ดี ด้วยความร่วมมือของทุกภาคส่วน ทั้งหน่วยงานราชการในพื้นที่ ซีพีเอฟ เกษตรกร ชุมชนใกล้เคียง รวมทั้งปลูกจิตสำนึกคนรุ่นใหม่นักเรียนของสถานศึกษาในพื้นที่มีส่วนร่วมในกิจกรรมปลูกต้นไม้
สมชาย พงษ์พันธ์ เกษตรกรในหมู่บ้านฯ กล่าวว่า จากผืนดินว่างเปล่าเมื่อ 5 ปีก่อน วันนี้ต้นไม้เติบใหญ่กลายเป็นผืนป่าที่สมบูรณ์ เป็นที่อยู่อาศัยของสิ่งมีชีวิต สร้างแหล่งอาหารของชุมชน ชาวชุมชนได้รับประโยชน์จากป่านิเวศฯ ที่ทุกคนร่วมกันสร้าง เพราะให้ทั้งพื้นที่สีเขียว ความร่มรื่น เป็นคลังอาหารของคนในชุมชน ซึ่งในพื้นที่ป่ามีทั้งไม้ยืนต้น พืชสมุนไพร เห็ด ซึ่งคนในชุมชนสามารถเข้าไปเก็บมาปรุงอาหาร เป็นศูนย์เรียนรู้ต้นแบบของชุมชน สำหรับผู้ที่สนใจ
ต้นกล้าเล็กๆที่ค่อยๆเติบโตสู่ต้นไม้ใหญ่ที่แข็งแรงในพื้นที่โครงการสวนป่าชุมชน ช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากการกักเก็บคาร์บอน สนับสนุนเป้าหมายของเครือเจริญโภคภัณฑ์ มุ่งสู่องค์กรที่ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สุทธิเป็นศูนย์ (Carbon Neutral) ภายในปี 2573 และสนันสนุนเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติ (Sustainable Development Goals : SDGs) รับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change ) ภายใต้แผนกลยุทธ์ CPF 2030 Sustainability in Action ที่มีเป้าหมายเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้ประเทศไทย 20,000 ไร่ ภายในปี 2573 โดยส่วนหนึ่งมาจากการเพิ่มพื้นที่สีเขียวในสถานประกอบการทั่วประเทศ 5,000 ไร่ ซีพีเอฟ เดินหน้าส่งเสริมให้ฟาร์มและโรงงานของบริษัทปลูกต้นไม้ ที่สำคัญ คือ การสร้างเครือข่ายความร่วมมือโดยชุมชน สนับสนุนการดำเนินโครงการป่าชุมชนให้อำนวยประโยชน์อย่างทั่วถึง เพื่อให้ชุมชนพร้อมทำหน้าที่ดูแลรักษาป่าอย่างยั่งยืน
นายชัยสิทธิ์ ธรรมพีร เป็นตัวแทนชมรมนิสิตเก่าค่ายอาสาสมัคร จุฬาฯ มอบเงินจำนวน 110,000 บาท เพื่อสมทบทุนสร้างเครื่องบำบัดโรคระบบทางเดินหายใจอัตราการไหลสูง (High Flow Nasal Cannula) แก่คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยมี ผศ.นพ.ทายาท ดีสุดจิต หัวหน้าหน่วยระบบประสาทในเด็ก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ และ รศ.พญ.นฤชา จริกาลวสาน ผู้ช่วยคณบดีฝ่ายวิรัชกิจ และประจำหน่วยโรคระบบทางเดินหายใจและเวชบำบัดวิกฤต เป็นผู้รับมอบ เมื่อเร็วๆนี้ ที่ อาคารอานันทมหิดล