×

Warning

JUser: :_load: Unable to load user with ID: 6847

จริงอยู่ที่ข้อเท็จจริงจะทำให้ผู้รับสารสามารถเข้าถึงข้อมูลและเกิดการเรียนรู้ ข้อเท็จจริงสามารถบ่งชี้ถึงปริมาณหรือข้อพิสูจน์ที่ทำให้ผู้รับสารเกิดความเชื่อ

ในครึ่งปีหลัง ความไม่แน่นอนต่างๆ ได้เริ่มก่อตัวให้เห็นและมีอิทธิพลต่อผลตอบแทนของการลงทุนเรามากมาย

 

สุพัตรา เป้าเปี่ยมทรัพย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) เปิดเผย ว่า “ในครึ่งปีแรกบริษัทฯ มียอดขายรวม 24,376 ล้านบาท รายได้ 19,282 ล้านบาท ลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน 6.1 เปอร์เซ็นต์ จากผลของการปรับพอร์ตผลิตภัณฑ์ของบริษัทให้เข้าสู่สัดส่วน คอนโดมิเนียม 40เปอร์เซ็นต์ ทาวเฮาส์ 40 เปอร์เซ็นต์ และบ้านเดี่ยว 20 เปอร์เซ็นต์ และการเปลี่ยนแผนการขายที่เน้นการขายบ้านพร้อมอยู่เพิ่มขึ้นทำให้การเปิดโครงการในช่วงครึ่งปีแรกลดลง ขณะที่กำไรสุทธิในครึ่งปีแรกอยู่ที่ 2,426 ล้านบาทเท่ากันกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นผลจากการเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการด้านต่างๆ

 ในช่วง 6 เดือนแรกของปีมีการเปิดโครงการใหม่แล้ว 26 โครงการ มูลค่า 19,900 ล้านบาท โดยในครึ่งปีหลังจะเปิดโครงการใหม่เพิ่มอีก 42 โครงการ มูลค่ารวม  41,500 ล้านบาท  โดยมีโครงการไฮไลท์หลายโครงการทั้งในกลุ่มธุรกิจพรีเมียม และกลุ่มธุรกิจแวลู  อาทิ “เดอะรีเซิร์ฟ สาทร”ภัสสร บางนา-วงแหวน”เดอะไพรเวซี่ จตุจักร”, และ  “พฤกษาวิลล์ รามคำแหง-วงแหวน” โดยจะใช้กลยุทธ์การตลาดรูปแบบใหม่ที่เน้นคุณภาพและสิ่งอำนวยความสะดวกในโครงการ สร้างความแตกต่างของโปรดักส์ให้เหมาะกับลูกค้าแต่ละกลุ่ม รวมถึงเพิ่มสัดส่วนการใช้สื่อดิจิตอลในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย นอกจากนี้ในกลุ่มทาวน์เฮาส์จะมุ่งรักษาความเป็นเจ้าตลาดทาวน์เฮาส์อย่างต่อเนื่อง โดยจะขยายตลาดไปยังต่างจังหวัดในหัวเมืองใหญ่ และในเขต EEC มากขึ้น

 อีกทั้งบริษัทฯ ยังได้เพิ่มช่องทางการขาย New Sales Channel  อีก 3 ช่องทางได้แก่ “โบรกเกอร์”  ซึ่งจะช่วยให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าคอนโดมิเนียมที่เป็นชาวต่างชาติได้มากยิ่งขึ้น  “B2B” การมอบส่วนลดพิเศษกับองค์กรพันธมิตรกับพฤกษา ปัจจุบันมีองค์กรที่เป็นพาร์ทเนอร์แล้วถึง 1,314 แห่ง (รวมบริษัทในเครือ) โดยในครึ่งปีแรกมียอดขายจากสองช่องทางใหม่นี้ คิดเป็นสัดส่วนถึง 28% ของยอดขายทั้งหมด และอีกช่องทางการขายที่เพิ่มขึ้นได้แก่ Pruksa Member  ที่เน้นให้สมาชิกพฤกษาแนะนำผู้ซื้อ ซึ่งผู้แนะนำจะได้รับสิทธิพิเศษตามเงื่อนไขที่กำหนด ที่ผ่านมาพบว่า 47% ของลูกค้าที่ถูกแนะนำจะซื้อที่อยู่อาศัยของพฤกษา  และพฤกษามีฐานข้อมูลเชิงลึกของลูกค้าขนาดใหญ่มากกว่า 1 ล้านข้อมูล ซึ่งจะช่วยเข้าถึงกลุ่มลูกค้าต่างๆ ที่อยู่ในฐานข้อมูลเพื่อผลักดันยอดขายได้ดียิ่งขึ้น

 ด้านความคืบหน้าของการลงทุนในธุรกิจเฮลท์แคร์นั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการก่อสร้างโรงพยาบาลวิมุต คาดว่าจะสามารถเปิดให้บริการได้ในช่วงไตรมาส 3 ปี 2563 ซึ่งระหว่างนี้มีแผนเปิดคลีนิค “บ้านหมอวิมุต” ซึ่งเป็นคลินิกที่เปิดให้บริการรักษาโรคทั่วไป รวมถึงให้คำปรึกษาด้านสุขภาพกับผู้อาศัยในชุมชน  เป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่ต่อยอดจากโรงพยาบาลวิมุต โดยจะเปิดโครงการนำร่องให้บริการที่แรกในย่านรังสิต คลอง 3 จ.ปทุมธานี ในช่วงปลายปีนี้ ซึ่งย่านรังสิตถือเป็นแหล่งชุมชนขนาดใหญ่ และมีโครงการของพฤกษาอยู่เป็นจำนวนมาก และจะขยายไปยังชุมชนอื่นต่อไปในอนาคต

 ทางด้านปิยะ ประยงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจพฤกษา เรียลเอสเตท แวลู บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “ในครึ่งปีหลังจะมีการปรับพอร์ตเน้นเปิดโครงการคอนโดมิเนียมมากขึ้น เพื่อเป็นการวางเป้าหมายรายได้ในระยะยาว โดยจะเปิดโครงการคอนโดมิเนียมเพิ่มอีก 10 โครงการ คิดเป็น 40% ของพอร์ตรวมทั้งหมด ซึ่งมีหลากหลายทำเลทั้งใจกลางเมืองย่านธุรกิจและตามแนวรถไฟฟ้า คาดว่าจะช่วยเพิ่มมาร์เก็ตแชร์ในกลุ่มคอนโดได้มากยิ่งขึ้น ในส่วนของบ้านเดี่ยวจะเน้นการสร้างความแตกต่างทั้งในด้านของดีไซน์ ฟังก์ชั่น สิ่งอำนวยความสะดวกภายในโครงการ และนวัตกรรมการอยู่อาศัย ให้ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของลูกค้าให้มากที่สุด และในครึ่งปีหลังนี้จะมีการรับรู้รายได้จากการโอนคอนโดมิเนียมจำนวน  4 โครงการ ได้แก่  พลัมคอนโด ปิ่นเกล้า สเตชั่น,  พลัมคอนโด รามคำแหง สเตชั่น, เออร์บาโน่ ราชวิถี และแชปเตอร์วัน อีโค รัชดา-ห้วยขวาง   มูลค่าราว 12,200 ล้านบาท ประกอบกับแนวโน้มของอัตราการปฏิเสธธนาคารของลูกค้าพฤกษาในครึ่งปีแรกที่ผ่านมาซึ่งอยู่ในระดับต่ำเพียง 4.6% จากกลยุทธ์บ้านพร้อมขาย (Ready to Move in) และ Pre-Approve ทั้งบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮาส์ จึงคาดว่าจะสามารถบรรลุเป้าหมายรายได้ตามแผนที่วางไว้อย่างแน่นอน

 

ท่ามกลางโลกที่กำลังเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วรวมถึงความต้องการของผู้บริโภค ฮาร์ลีย์-เดวิดสันประกาศแผนการลงทุนเชิงกลยุทธ์เพื่อรองรับธุรกิจในสหรัฐฯ พร้อมกระตุ้นการเติบโตของแบรนด์ในระดับสากลเพื่อกระตุ้นการเติบโตที่จะช่วยให้บริษัทบรรลุเป้าหมายปี ค.ศ. 2027  ด้วย ด้วยแผนกลยุทธ์ “More Roads to Harley-Davidson” ซึ่งครอบคลุมการดำเนินงานไปจนถึงปี ค.ศ. 2022

กลุ่มสินค้ามอเตอร์ไซค์ระบบไฟฟ้าที่มีน้ำหนักเบาและคล่องตัว กำหนดเปิดตัวในปี ค.ศ. 2022

แมตต์ ลาวาทิช ประธานบริษัทและประธานคณะเจ้าหน้าที่บริหาร ฮาร์ลีย์-เดวิดสัน บอกว่าแผนการดำเนินงานนี้ จะช่วยเพิ่มศักยภาพและความสามารถในการแข่งขันของฮาร์ลีย์-เดวิดสัน ประกอบด้วยความเป็นเลิศในการพัฒนาและการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ ความนิยมต่อแบรนด์ในระดับสากล และ เครือข่ายผู้จำหน่ายที่กว้างขวาง ฮาร์ลีย์-เดวิดสันจะปฏิวัตินิยามของอิสรภาพแห่งการขับขี่ยานยนต์สองล้อไปอีกขั้น เพื่อสร้างแรงบันดาลใจแก่นักขี่รุ่นใหม่ในอนาคต ซึ่งอาจยังไม่เคยสัมผัสกับความตื่นเต้นเร้าใจในการพุ่งทะยาน ควบคู่ไปกับการรักษากลุ่มนักขี่ที่ภักดีต่อแบรนด์ฮาร์ลีย์-เดวิดสันในปัจจุบัน โดยแผนกลยุทธ์ More Roads to Harley-Davidson เกิดจากการประเมินผ่านมุมมอง ลูกค้ามาเป็นอันดับหนึ่ง จนออกมาเป็นแผนงาน 3 ด้านประกอบด้วย 

  

Harley-Davidson LiveWire กำหนดเปิดตัวในปี ค.ศ. 2019

ผลิตภัณฑ์ใหม่

เพื่อรุกแข่งขันในตลาดผู้บริโภคที่มีขนาดใหญ่และมีอัตราการเติบโตรวดเร็ว ด้วยกลุ่มผลิตภัณฑ์มอเตอร์ไซค์ที่ครอบคลุมทุกความต้องการทั้งในเรื่องระดับราคา แหล่งพลังงาน ความจุเครื่องยนต์ รูปแบบการขับขี่ และตลาดสากล โดยให้ความสำคัญกับเรื่องต่าง ๆ ประกอบด้วย

  • ตลาดมอเตอร์ไซค์ขนาดใหญ่ ผ่านการพัฒนามอเตอร์ไซค์ประเภททัวริ่งและครูเซอร์ที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้นและใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยยิ่งขึ้น ซึ่งจะช่วยให้นักขี่ฮาร์ลีย์-เดวิดสันในปัจจุบันรู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกับมอเตอร์ไซค์และสามารถขับขี่ได้นานยิ่งขึ้น
  • มอเตอร์ไซค์รุ่นกลางขนาด 500 - 1,250 ซีซี ซึ่งจะมีสินค้าที่แตกต่างกัน 3 รูปแบบและความจุเครื่องยนต์ 4 แบบ เริ่มตั้งแต่มอเตอร์ไซค์แบบแอดเวนเจอร์ทัวริ่งรุ่นแรกของบริษัท Harley-Davidson™ Pan America™ (ฮาร์ลีย์-เดวิดสัน® แพน อเมริกา™) , รุ่น 1250cc Custom (1250 ซีซี คัสตอม) และ รุ่น 975cc Streetfighter (975 ซีซี สตรีทไฟเตอร์) ซึ่งทุกรุ่นวางแผนเปิดตัวในช่วงต้นปี 2020 และจะมีรุ่นอื่น ๆ ทยอยเปิดตัวเพิ่มเติมจนถึงปี ค.ศ. 2022
  • การพัฒนามอเตอร์ไซค์รุ่นความจุเครื่องยนต์ขนาดเล็ก (รุ่น 250 – 500 ซีซี) สำหรับตลาดเกิดใหม่ในเอเชีย ผ่านการจับมือเป็นพันธมิตรกับผู้ผลิตในเอเชีย โดยมีจุดประสงค์เพื่อเพิ่มการเข้าถึงแบรนด์ ฮาร์ลีย์-เดวิดสันของลูกค้าและขยายตลาดในอินเดีย หนึ่งในตลาดที่มีขนาดใหญ่และมีอัตราการเติบโตรวดเร็วมากที่สุดของโลก รวมถึงตลาดประเทศอื่น ๆ ในเอเชีย
  • ตลาดรถมอเตอร์ไซค์พลังงานไฟฟ้า จะมีการเปิดตัวมอเตอร์ไซค์พลังงานไฟฟ้ารุ่นแรกของฮาร์ลีย์-เดวิดสัน LiveWire (ไลฟ์ไวร์) ซึ่งจะเป็นมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าสองล้อหน้ากว้างแบบไม่มีคลัทช์เพื่อการขับขี่ในสไตล์ “บิดและออกตัวทันที” รุ่นแรก ในปี ค.ศ. 2019  และจะมีการเปิดตัวรุ่นอื่น ๆ เพิ่มเติมไปจนถึงปี ค.ศ. 2022 เพื่อเพิ่มทางเลือกผลิตภัณฑ์มอเตอร์ไซค์ที่มีน้ำหนักเบา ขนาดเล็กและเข้าถึงได้ง่ายให้มากยิ่งขึ้น เพื่อกระตุ้นนักขี่มอเตอร์ไซค์หน้าใหม่กับการขับขี่รูปแบบใหม่ ๆ ของฮาร์ลีย์-เดวิดสัน

 

Pan America มอเตอร์ไซค์แบบแอดเวนเจอร์ทัวริ่งรุ่นแรกของHarley-Davidson

เพิ่มการเข้าถึงแบรนด์

ฮาร์ลีย์-เดวิดสัน จะขยายแนวทางการกระจายสินค้าในตลาด และตอบสนองความต้องการของลูกค้าในปัจจุบัน ด้วย

  • การสร้างประสบการณ์ผู้บริโภคที่มีส่วนร่วมสูงให้ครอบคลุมช่องทางการค้าปลีกทั้งหมด ซึ่งประกอบด้วยการยกระดับและขยายการดำเนินงานระบบดิจิทัลของบริษัททั่วโลก ผ่านการพัฒนาประสบการณ์บนเว็บไซต์Harley-Davidson.com
  • การจัดตั้งพันธมิตรเชิงกลยุทธ์กับผู้ให้บริการอี-คอมเมิร์ซชั้นนำระดับโลก เพื่อขยายการเข้าถึงแบรนด์ฮาร์ลีย์-เดวิดสัน สู่กลุ่มผู้บริโภคหน้าใหม่ที่มีศักยภาพ
  • การกำหนรูปแบบการค้าปลีก ซึ่งรวมถึงหน้าร้านจำหน่ายขนาดเล็กภายในเขตเมืองทั่วโลก เพื่อนำเสนอแบรนด์สู่กลุ่มคนเมืองและเพิ่มยอดขายของผลิตภัณฑ์ใหม่ของฮาร์ลีย์-เดวิดสัน รวมถึงขยายการจัดจำหน่ายสินค้าเครื่องแต่งกายในระดับสากล

 

สตรีทไฟเตอร์ 975 ซีซี คือส่วนหนึ่งของกลุ่มสินค้ามอเตอร์ไซค์รุ่นกลางขนาด 500 - 1,250 ซีซี กำหนดเปิดตัวในปี ค.ศ. 2020

 ผู้จำหน่ายฮาร์ลีย์-เดวิดสัน

  บริษัทจะยกระดับประสิทธิภาพของเครือข่ายผู้จัดจำหน่าย ช่วยให้ผู้จัดจำหน่ายฮาร์ลีย์-เดวิดสัน สามารถขับเคลื่อนนวัตกรรมและสร้างความสำเร็จให้แก่ตนเองและฮาร์ลีย์-เดวิดสัน ไปพร้อมกับการมอบประสบการณ์ผู้บริโภคระดับพรีเมียมของแบรนด์ ให้ครอบคลุมผลิตภัณฑ์และฐานลูกค้าที่มีความหลากหลาย แมตต์ ลาวาทิช สรุปว่าแผนงานทั้ง 3 ด้านของบริษัทคือการกำหนดขอบเขตแบรนด์ขึ้นใหม่ เพื่อให้เข้าถึงลูกค้ามากขึ้น   

การระดมทุนและการเงิน

นอกจากการสร้างนักขี่หน้าใหม่ บริษัทยังคาดหวังให้แผนกลยุทธ์ More Roads to Harley-Davidson สามารถสร้างมูลค่าที่เพิ่มมากขึ้น ช่วยให้ธุรกิจมั่นคงและแข็งแกร่ง เพิ่มอัตราผลตอบแทนของกิจการฮาร์ลีย์-เดวิดสัน  มอเตอร์ และทำให้บริษัทสามารถจ่ายผลตอบแทนแก่ผู้ถือหุ้นได้เพิ่มขึ้น โดยบริษัทได้วางแผนด้านทุนทั้งหมดด้วยการลดค่าใช้จ่ายทุกด้านและการจัดสรรการลงทุนและทรัพยากรที่เคยวางแผนไว้ก่อนหน้านี้ใหม่ทั้งหมด ซึ่งรวมถึงงบลงทุนด้านการดำเนินงานถึงปี ค.ศ. 2022 จากเดิม 450 ล้านดอลลาร์ เป็น 550 ล้านดอลลาร์ และการลงทุนด้วยเงินทุนจนถึงปี ค.ศ. 2022 จาก 225 ล้านดอลลาร์ เป็น 275 ล้านดอลลาร์ โดยบริษัทคาดหวังว่าแผนกลยุทธ์นี้จะสามารถสร้างรายได้ต่อปีเพิ่มขึ้นมากกว่า 1 พันล้านดอลลาร์ในปี ค.ศ. 2022 เมื่อเปรียบเทียบกับปี ค.ศ. 2017

กฤติยา ศรีสนิท กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท อยุธยา แคปปิตอล ออโต้ ลีส จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า กรุงศรี ออโต้ สามารถรักษาการเติบโตของธุรกิจในกลุ่มสินเชื่อรถจักรยานยนต์ได้อย่างต่อเนื่องในครึ่งปีแรก 2561 โดยมียอดสินเชื่อใหม่สินเชื่อรถจักรยานยนต์ รถบิ๊กไบค์ และรถบิ๊กไบค์ มือสอง รวมอยู่ที่ 8,900 ล้านบาท หรือเติบโตถึง 19% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ซึ่งสวนทางกับยอดขายรถจักรยานยนต์และตลาดสินเชื่อรถจักรยานยนต์ที่หดตัว 2%

เบื้องหลังการรักษาอัตราการเติบโตมาจากกลยุทธ์ 3 ด้านที่กรรมการผู้จัดการใหญ่ เปิดเผยออกมาว่าประกอบด้วย การขยายพื้นที่บริการดีลเลอร์ในเชิงราบและเชิงลึก เพื่อเจาะตลาดที่มีศักยภาพ ผ่านสาขาของกรุงศรี ออโต้ 51 แห่งทั่วประเทศ และการปรับระบบโซนนิ่งเชิงกลยุทธ์โดยเพิ่มกำลังคนในการให้บริการดีลเลอร์ในแต่ละพื้นที่ และเพิ่มจำนวนโซนเพื่อลดปริมาณพื้นที่ที่พนักงานต้องดูแลลง ส่งผลให้บริการรวดเร็วขึ้น

 สร้างการรับรู้แบรนด์ในกลุ่มผู้บริโภค ด้วยการเปิดช่องทางบริการบนแพลตฟอร์มออนไลน์ ที่ช่วยให้บริการลูกค้าได้ตามความต้องการ และรุกให้บริการในงานมหกรรมยานยนต์ทั่วประเทศ เพื่อให้ลูกค้าเข้าถึงผลิตภัณฑ์และบริการสินเชื่อมอเตอร์ไซค์ได้ง่ายขึ้น รวมถึงออกแบบแคมเปญสื่อสารการตลาดออนไลน์เพื่อขยายฐานลูกค้าในกลุ่มรถบิ๊กไบค์

 พัฒนาผลิตภัณฑ์และประสิทธิภาพบริการ  ผ่านการทำความเข้าใจลูกค้า ดีลเลอร์ และตลาด เพื่อให้สามารถออกแบบข้อเสนอที่ตอบโจทย์ทั้งดีลเลอร์และผู้บริโภคซึ่งมีความต้องการแตกต่างกันไปในแต่ละพื้นที่ รวมถึงใช้เทคโนโลยีเช่นแท็บเล็ตเพื่อให้บริการที่ฉับไวยิ่งขึ้น

 กฤติยามองว่าโอกาสเติบโตของตลาดสินเชื่อมอเตอร์ไซค์ยังมีอยู่ตามต่างจังหวัดที่ยังมีดีลเลอร์ปล่อยสินเชื่อเองอยู่ โดยกรุงศรี ออโต จะสามารถนำเอาความชำนาญด้านการปล่อยสินเชื่อไปสนับสนุนให้ดีลเลอร์สามารถมุ่งมั่นกับงานขายที่ถนัดได้  

 

Page 1 of 2
X

Right Click

No right click