October 09, 2024

บริษัท เจริญโภคภัณฑ์ จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ โดยแบรนด์ CP รับ 6 รางวัลความเป็นเลิศด้านการตลาดแห่งปี 2024  (Marketing Excellence Awards 2024) จากผลงานแคมเปญอันโดดเด่นในระดับนานาชาติ “ไก่ไทยจะไปอวกาศ” คว้ารางวัล 2 สาขาในระดับ Gold ได้แก่ สาขา Excellence in Brand Strategy สุดยอดแคมเปญที่มีการวางกลยุทธ์เป็นเลิศ และ Excellence in Communications แคมเปญที่มีผลงานด้านการสื่อสารโดดเด่นที่สุดของปี

ขณะเดียวกัน แคมเปญ “ไก่ไทยจะไปอวกาศ” ยังคว้าอีก 2 รางวัลระดับ Bronze ในสาขา Excellence in TV / Video Advertising แคมเปญโฆษณาทางโทรทัศน์และวิดีโอยอดเยี่ยม และสาขา Marketing Team of the Year ซึ่งเป็นรางวัลที่มอบให้แก่สุดยอดทีมเวิร์ค ที่รวมพลังความคิดและสร้างสรรค์ผลงานการตลาดอันเป็นเลิศ

นอกจากนี้ แคมเปญ "ไส้กรอกแบรนด์ CP Extreme Cheese Lava" ยังสามารถคว้าอีก 2 รางวัลจากเวทีเดียวกัน ประกอบด้วย ระดับ Silver Award สาขา Excellence in Out-of-Home Advertisement แคมเปญโฆษณาบนสื่อนอกบ้านยอดเยี่ยม และระดับ Bronze ในสาขา Excellence in Interactive Marketing AR & VR  สาขาการตลาดออนไลน์ใช้เทคโนโลยี AR & VR

นางสาวอนรรฆวี ชูรัตน์ ผู้บริหารสูงสุด สายงานการตลาดกลาง ซีพีเอฟ กล่าวว่า รางวัลที่ได้รับ 6 รางวัลสะท้อนความสำเร็จของกลยุทธ์การตลาดและสร้างการเติบโตของธุรกิจ โดยเฉพาะ แคมเปญ ไก่ไทยจะไปอวกาศ และ ไส้กรอก CP Extreme Cheese Lava ซึ่งให้ความสำคัญกับการตอบโจทย์ความต้องการที่แท้จริงของผู้บริโภค มาจากการศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภคแบบเชิงลึก สามารถสื่อสารเพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นระหว่างแบรนด์กับผู้บริโภคจนเกิดความเชื่อมั่นต่อแบรนด์ นำไปสู่การซื้อซ้ำในระยะยาว 

รางวัลที่ได้รับ แคมเปญ ไก่ไทยจะไปอวกาศ' เป็นอีกหนึ่งบทพิสูจน์ว่า มาตรฐานความปลอดภัยของเนื้อไก่แบรนด์ CP ที่ก้าวสู่ความปลอดภัยระดับอวกาศ 'Space Safety Standard' ตามหลักเกณฑ์ความปลอดภัยด้านอาหารขององค์การ NASA ซึ่งเป็นมาตรฐานระดับเดียวกับที่นักบินอวกาศสามารถรับประทานได้ ที่ผ่านมา ซีพีเอฟมีการจัดกิจกรรมสื่อสารทางการตลาดให้ผู้บริโภคได้มีส่วนร่วมภาคภูมิใจความสำเร็จในระดับประเทศ โดยเปลี่ยนใจกลางสยามสแควร์ ให้เป็นสถานีอวกาศ จนขึ้นอันดับ 1 Trend X ประเทศไทย และอันดับ 3 ของโลก ตลอดจนสร้างยอดขายในประเทศเติบโตขึ้น 11% และขยายผลสร้างผลลัพท์ที่ดีต่อธุรกิจสู่ระดับนานาชาติ

ส่วน แคมเปญ 'ไส้กรอก Extreme Cheese Lava'  เน้นกลยุทธ์การสื่อสารที่สามารถเข้าถึงและมัดใจผู้บริโภค 'เจน Z & Alpha' ได้ ด้วยการใช้นวัตกรรม AR  และ VR รวมถึง 'ROBLOX' เกม Virtual World เป็นช่องทางในการสื่อสาร และใช้ภาษาที่สร้างความใกล้ชิดกับคนรุ่นใหม่ เพื่อเจาะกลุ่มเด็กนักเรียนและผู้ที่ชื่นชอบกิจกรรมท้าทาย ด้วยการเนรมิตสถานีรถไฟฟ้า BTS และ MRT ให้เป็นเมืองชีสฉ่ำที่ตรงใจกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งสามารถกระตุ้นยอดขายในกลุ่มไส้กรอกได้เพิ่มขึ้น 25%

รางวัล Marketing Excellence Awards จัดโดย MARKETING-INTERACTIVE นิตยสารออนไลน์ชั้นนำระดับเอเชีย ด้านการโฆษณาและการตลาด ประเทศสิงคโปร์ ที่เข้าถึงกลุ่มผู้บริหารด้านการตลาดทั้งในเอเชีย เป็นรางวัลที่มอบให้ผลงานด้านการตลาด การโฆษณาเชิงสร้างสรรค์ การประชาสัมพันธ์ การวิจัยการตลาด และการสื่อสารการตลาดที่โดดเด่นของภูมิภาค

บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ เปิดตัว 2 ผลิตภัณฑ์ใหม่ ภายใต้แบรนด์ CP "หมูฮ้อง สูตรภูเก็ต" และ "ขาหมูพะโล้" ใช้วัตถุดิบพรีเมียมหมูชีวา ที่มีโอเมก้า 3 ตอบโจทย์สไตล์คนรุ่นใหม่หรือผู้ที่ชื่นชอบการรับประทานเมนูตุ๋น อร่อยติดมันเด้งดึ๋ง ที่ต้องใช้ระยะเวลาให้การปรุงนานให้สะดวกขึ้น พร้อมทั้งได้รสชาติอร่อยตามต้นตำรับอย่างแท้จริง ภายในงานได้รับเกียรติจาก 'เชฟอิน-ณรงค์ฤทธิ์ แซ่ขอ' จาก TikTok กำลังอิน และเจ้าของร้าน ครัวบ้านอิน รวมถึง ชาตรี จากเพจชาตรีกินแซ่บ มาร่วมสร้างสีสันและถ่ายทอดประสบการณ์ความอร่อยของ 2 เมนูนี้

สำหรับ "หมูฮ้อง สูตรภูเก็ต และ ขาหมูพะโล้" รังสรรค์ด้วยความพิถีพิถัน ด้วยการนำเนื้อหมูชีวาที่มีเนื้อนุ่มฉ่ำมาตุ๋นจนเปื่อย รสชาติเข้มข้นเข้าเนื้อ หอมกลิ่นเครื่องเทศสามเกลอ สำหรับเมนูหมูฮ้อง อาหารพื้นเมืองขึ้นชื่อของเมืองภูเก็ต ซึ่งมีความพิเศษที่แตกต่างจากการตุ๋นเนื้อหมูสามชั้นทั่วไป ครั้งนี้แบรนด์ CP ได้นำเคล็ดลับความอร่อยจากต้นตำรับมาบรรจุลงในซอง เพื่อให้ผู้บริโภคได้สัมผัสความออริจินัล เหมือนบินไปรับประทานถึงถิ่น

ทั้ง 2 เมนู ยังมีความพิเศษจากการเลือกใช้วัตถุดิบชั้นดีอย่าง หมูชีวา ที่อุดมด้วยโอเมก้า 3 จากธรรมชาติ มาจากเลี้ยงด้วยสูตรอาหารซูเปอร์ฟู้ด อาทิ เมล็ดแฟลกซ์ (Flaxseed) น้ำมันปลาและสาหร่ายทะเล เป็นต้น ไม่มีการใช้ยาปฏิชีวนะ 100% ตลอดการเลี้ยงดู ได้การรับรองมาตรฐานความปลอดภัยการเลี้ยงจาก NSF จากประเทศสหรัฐอเมริกา การันตีด้วยรางวัลระดับนานาชาติ ทั้งนี้เป็นผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์รายแรกและรายเดียวที่ได้รับการรับรองตรา ‘อาหารรักษ์หัวใจ’ จากมูลนิธิหัวใจแห่งประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์ มีส่วนช่วยในการบำรุงสมองและหัวใจ จึงเหมาะกับผู้บริโภคทุกเพศทุกวัย ตั้งแต่คุณแม่ตั้งครรภ์ วัยเด็ก วัยทำงาน และผู้สูงวัย สามารถรับประทานได้ทุกวัน

เมนู "หมูฮ้อง สูตรภูเก็ต และ ขาหมูพะโล้" มีวางจำหน่ายแล้ววันนี้ ที่ห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั่วไป เฉพาะที่ แม็คโครและโลตัส กับโปรโมชัน ซื้อผลิตภัณฑ์ในราคาพิเศษ เพียงชิ้นละ 139 บาท (จาก 149 บาท) ตั้งแต่วันนี้ถึง 18 กันยายน 2567

การจัดการเรียนรู้ในปัจจุบันไม่ได้มุ่งเพียงเนื้อหาวิชาการเท่านั้น หลายโรงเรียนยังให้ความสำคัญกับแนวทางการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามนโยบาย “ลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้” โดยจัดให้มีการสอนที่สัมพันธ์กับชีวิตประจำวันหรือชีวิตจริงของเด็กนักเรียนมากยิ่งขึ้น เพื่อยกระดับการพัฒนาทักษะความสามารถรให้กับเด็กและเยาวชน

นายวินิต ศิริสันติเมธาคม ผู้อำนวยการ โรงเรียนบ้านโนนสูงน้อย ต.หนองชัยศรี อ.หนองหงส์ จ.บุรีรัมย์ เล่าว่า โรงเรียนบ้านโนนสูงน้อย เป็นโรงเรียนขนาดกลาง เปิดสอนระดับอนุบาล 2 ถึงชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 มีนักเรียน 246 คน การเรียนการสอนของโรงเรียนบ้านโนนสูงน้อย มุ่งให้ “นักเรียนเป็นศูนย์กลาง” นอกจากด้านวิชาการที่เป็นพื้นฐานแล้ว ยังเน้นการเพิ่มเวลารู้ ด้วยการเพิ่มเวลาและโอกาสให้นักเรียนได้ลงมือปฏิบัติจริง เพื่อให้มีประสบการณ์ตรง รู้จักคิดวิเคราะห์ ฝึกการทำงานเป็นทีม และเรียนรู้ด้วยตนเองอย่างมีความสุข จากกิจกรรมสร้างสรรค์ที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น

ขณะเดียวกัน โรงเรียนบ้านโนนสูงน้อย ที่เป็นโรงเรียนดีประจำตำบล และเป็นหนึ่งในสถานศึกษาในโครงการ สานอนาคตการศึกษา คอนเน็กซ์อีดี (CONNEXT ED) อยู่แล้ว จึงตัดสินใจเสนอโครงงานเรื่อง ร้านการแฟเด็กน้อย ร้อยเรียงสู่อาชีพ เพื่อสร้างทักษะในการประกอบอาชีพให้กับนักเรียน ถือเป็นการฝึกกระบวนการทำงาน และยังช่วยสนับสนุนการสร้างงาน สร้างอาชีพเสริม แลเพิ่มรายได้ให้กับตนเองและครอบครัวของนักเรียน หลังจากเสนอโครงการแล้ว ก็ได้รับการอนุมัติและการสนับสนุนจาก บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ ให้จัดทำร้านจำหน่ายกาแฟและเครื่องดื่ม ภายใต้ชื่อร้าน "CP สานฝันเด็กไทย"

“ร้านกาแฟ "CP สานฝันเด็กไทย" เป็นโครงการที่เหมาะสมกับบริบทของชุมชน และสอดคล้องกับนโยบายการดำเนินงานของโรงเรียน ที่ต้องการเสริมทักษะความรู้และอาชีพให้กับเด็กนักเรียน เพื่อปูพื้นฐานอาชีพให้กับพวกเขาในอนาคต ซึ่งร้านจำหน่ายกาแฟและเครื่องดื่มชงนั้นใช้เงินลงทุนไม่มาก หากนักเรียนจะนำความรู้ที่ได้ไปต่อยอดเป็นอาชีพของตนเองและครอบครัวก็สามารถทำได้ โรงเรียนก็อยากให้เด็กๆ ได้เป็นเจ้าของกิจการ โครงการฯ นี้จึงช่วยสานฝันการประกอบอาชีพของพวกเขาได้ สำหรับนักเรียนจะมีรายได้จากส่วนแบ่งการขาย และร้านเปิดเป็นบัญชีร้านเพื่อควบคุมรายรับรายจ่าย มีการทำบัญชีควบคู่ เพื่อให้ร้านดำเนินงานได้อย่างยั่งยืน มีคุณครูดูแล 4 คน มีนักเรียน 10 คนเป็นคนดูแลประจำร้าน โดยเด็กๆมีโอกาสเข้าเรียนรู้ทุกคน” ผอ.วินิต กล่าว

สำหรับน้องๆ นักเรียนที่ผ่านการฝึกประกอบอาชีพจากร้านกาแฟ ที่ผ่านมาจำนวนหนึ่งรุ่น เป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 - 3 จำนวน 40 คน ซึ่งเป็นการเพิ่มเวลารู้ในที่คาบชุมนุมที่ ในช่วงบ่ายสามถึงสี่โมง ทุกวันจันทร์ จึงไม่กระทบกับการเรียนการสอน โดยมีน้องๆ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 จำนวน 24 คน ที่จบการศึกษาและได้ไปศึกษาต่อในลำดับชั้นที่สูงขึ้น ในจำนวนนี้ได้ใช้ความรู้จากการได้ศึกษาลงมือปฏิบัติจากโรงเรียน ไปใช้ในงาน Part Time ได้ทันที

ดญ.ฑิมพิกา ผมพันธุ์ หรือน้องแก้ม นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 หนึ่งในแกนนำนักเรียน บอกว่า ดีใจมากและขอขอบคุณที่ซีพีเอฟ สนับสนุนการเปิดร้านกาแฟ ทำให้มีร้านกาแฟและวัตถุดิบในการเปิดร้านกาแฟอย่างครบถ้วน และยังมีพี่ๆจากร้านสตาร์คอฟฟีมาเป็นวิทยาการช่วยสอน ฝึกอบรมการชงกาแฟสด และเครื่องดื่มต่างๆทำให้มีสูตรชงที่แน่นอน จนลูกค้าต่างติดใจในรสชาติที่อร่อย โครงการนี้ทำให้เรามีความรู้สามารถนำไปต่อยอดสร้างรายได้ให้ตัวเองและครอบครัวได้หลังจากจบการศึกษา หรือแม้แต่ช่วงวันหยุดปิดภาคเรียนก็สามารถแล้ว ทำเป็นอาชีพเสริมสร้างรายได้ ที่สำคัญทักษะเหล่านี้ยังทำให้คว้ารางวัลในการประกวดโครงงานสร้างความภูมิใจให้กับพวกเรา

เช่นเดียวกับ ดช.ทีทายุ เทินสะเกษ หรือน้องอชิ นักเรียนชั้นเดียวกัน กล่าวว่า การได้ฝึกทักษะอาชีพร้านกาแฟ ทำให้มีโอกาสได้ทำงานร่วมกับเพื่อนๆ รู้เทคนิคการขาย การพบปะผู้คน สร้างความมั่นใจให้กับตนเองและเพื่อนๆ นอกจากการจำหน่ายกาแฟและเครื่องดื่มต่างๆที่หน้าร้าน ซึ่งตั้งอยู่บริเวณด้านข้างสหกรณ์โรงเรียนแล้ว เรายังขยายการจำหน่ายเป็นเครื่องดื่มชงบรรจุขวด ราคาย่อมเยาเพียงขวดละ 5 บาท ทำให้สะดวกต่อการดื่มและสามารถซื้อหาไปฝากครอบครัวได้ ถือเป็นอีกช่องทางการจำหน่ายที่สร้างรายได้เพิ่มให้กับโครงการ ขณะเดียวกัน ยังมีการรับคำสั่งซื้อสินค้าสำหรับงานต่างๆ รวมถึงการออกบูธในงานแสดงสินค้าต่างๆ อย่างเช่น งานของดีลำปลายมาศ ซึ่งบูธของเราได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก และยังได้วางแผนต่อยอดสู่การทำเบเกอรี่ในอนาคตด้วย

โครงการ สานอนาคตการศึกษา คอนเน็กซ์อีดี และซีพีเอฟ ภูมิใจที่ได้มีส่วนสนับสนุนนโยบาย “ลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้” ให้กับเด็กไทย และเป็นอีกพลังในการสนับสนุนให้น้องๆนักเรียนมีวิชาความรู้ติดตัวสู่อนาต และเปิดโลกกว้างทางการศึกษาและการยกระดับพัฒนาเด็กๆ มาอย่างต่อเนื่อง

บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน​) หรือ ซีพีเอฟ ขับเคลื่อนสนับสนุนกรมประมงร่วมปฏิบัติการไล่ล่าปลาหมอคางดำอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดเจ้าหน้าที่ซีพีเอฟลงพื้นที่ร่วมกับประมงจังหวัดสมุทรสาครปฏิบัติการจับปลาหมอคางดำ ณ คลองบริเวณประตูน้ำใกล้วัดบางน้ำวน ต.บางโทรัด อ.เมือง จ.สมุทรสาคร พร้อมส่งมอบปลากะพงจำนวน 5,000 ตัวเพื่อปล่อยลงสู่แหล่งน้ำ เพื่อตัดวงจรการแพร่กระจายของปลา ส่งผลให้วันนี้ ซีพีเอฟได้สนับสนุนกรมประมงจัดกิจกรรมลงแขกลงคลองจับปลารวม 12 จังหวัดสามารถขจัดปลาออกจากแหล่งน้ำไปมากกว่า 10,000 กิโลกรัม และส่งมอบปลานักล่ารวม 64,000 ตัวแล้ว พร้อมร่วมกับโรงงานศิริแสงอารำพีรับซื้อปลาเพื่อทำปลาป่นต่อเนื่อง

นายเผดิม รอดอินทร์ ประมงจังหวัดสมุทรสาคร เป็นประธานในกิจกรรม “ลงแขกลงคลอง” ครั้งที่ 3 ที่บริเวณท่าน้ำหน้าวัดบางน้ำวน  ม.4 ต.บางโทรัด อ.เมือง จ.สมุทรสาคร โดยมี นายกู้เกียรติ ดิษแพ นายกอบต.บางโทรัด  ผู้นำชุมชนตำบลบางโทรัด ผู้แทนจากหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ตำรวจน้ำ เรือนจำจังหวัดสมุทรสาคร พันธมิตรกำจัดปลาหมอคางดำ ตลอดจนกลุ่มเกษตรกรในพื้นที่ ในวันนี้มีกิจกรรมร่วมแรงกันจับปลาด้วยเครื่องมือจับสัตว์น้ำชนิดต่างๆ การปล่อยปลานักล่า รวมถึงการสาธิตเมนูอาหารจากปลาหมอคางดำ โดยมีผู้แทนจากซีพีเอฟร่วมกิจกรรม มอบอุปกรณ์จับปลา และปลากะพง จำนวน 5,000 ตัว ให้แก่ประมงจังหวัดสมุทรสาครเพื่อปล่อยลงสู่แหล่งน้ำกำจัดลูกปลาหมอคางดำ รวมถึงสนับสนุนอาหารและน้ำดื่มแก่ผู้ร่วมงานครั้งนี้

สำหรับกิจกรรมจับปลาครั้งนี้ จับปลาหมอคางดำได้ประมาณ 1,400 กิโลกรัม ประมงสมุทรสาครแบ่งให้ชาวบ้านไปบริโภค ส่งมอบให้กรมราชทัณฑ์ นำไปใช้ปรุงอาหารเลี้ยงผู้ต้องขัง รวมถึงนำไปทำเป็นอาหารเลี้ยงสัตว์น้ำในศูนย์แสดงพันธุ์สัตว์น้ำอควาเรียม จังหวัดสมุทรสาคร และมอบให้แก่หน่วยงานต่าง ๆ ที่มาร่วมลงจับปลาหมอคางดำในครั้งนี้

“ประมงสมุทรสาครได้เริ่มดำเนินการกำจัดปลาหมอคางดำ มาตั้งแต่ 2 กุมภาพันธ์ 2567 ร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ประมงพื้นบ้าน ร่วมกันจับปลาหมอคางดำในแหล่งน้ำธรรมชาติอย่างจริงจัง จนถึงวันนี้สามารถจับปลาหมอคางดำออกจากแหล่งน้ำธรรมชาติได้แล้วกว่า 1 ล้านกิโลกรัม  และยังเดินหน้ากำจัดปลาหมอคางดำต่อเนื่อง” นายเผดิม  กล่าว

โดยซีพีเอฟร่วมกับโรงงานปลาป่น บริษัท ศิริแสงอารำพี ได้เข้ามาช่วยรับซื้อปลาหมอคางดำ พร้อมสนับสนุนอุปกรณ์จับปลา รวมทั้งมอบพันธุ์ปลานักล่ารวมแล้ว 10,000 ตัว เพื่อปล่อยลงแหล่งน้ำตัดวงจรชีวิตและกำจัดปลาหมอคางดำในแหล่งน้ำให้เบาบางลง  คืนความอุดมสมบูรณ์ให้แก่ทรัพยากรในแหล่งน้ำ รวมถึงการให้ความรู้แก่ประชาชนในพื้นที่เพื่อสร้างความตระหนักถึงสถานการณ์ของปลาหมอคางดำในจังหวัดสมุทรสาคร

นายอดิศร์ กฤษณวงศ์ ผู้บริหารสูงสุดสายงานรัฐกิจและเอกชนสัมพันธ์ ซีพีเอฟ กล่าวว่า บริษัทเดินหน้าร่วมมือกับกรมประมงในการจัดกิจกรรม “ลงแขกลงคลอง”​เพื่อกำจัดปลาหมอคางดำอย่างจริงจังใน 12 จังหวัดแล้ว ได้แก่สมุทรสงคราม สมุทรสาคร สมุทรปราการ ระยอง ชลบุรี จันทบุรี ฉะเชิงเทรา  เพชรบุรี นครปฐม ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช และยังเดินหน้าพร้อมร่วมกับจังหวัดอื่นๆ ต่อเนื่อง นอกจากนี้ บริษัทยังได้สนับสนุนปลานักล่ารวม 64,000 ตัว แก่ประมงสมุทรสงคราม ประมงสมุทรสาคร ประมงจันทบุรี และประมงระยอง  พร้อมได้ประสานงานเพื่อประเมินผลการดำเนินโครงการอย่างต่อเนื่อง

ซีพีเอฟได้บูรณาการขับเคลื่อน 5 โครงการเชิงรุกเพื่อร่วมกำจัดปลาหมอคางดำออกจากแหล่งน้ำฟื้นฟูระบบนิเวศ ประกอบด้วย โครงการร่วมกับกรมประมงรับซื้อปลาเพื่อทำปลาป่น 2,000,000 กิโลกรัม ที่ปัจจุบันร่วมกับโรงงานปลาป่นในสมุทรสาครจัดซื้อปลาไปแล้วกว่า 605,860 กิโลกรัมและยังเไปจังหวัดอื่นช โครงการปล่อยปลานักล่า 200,000 ตัว รวมถึง โครงการร่วมมือกับมหาวิทยาลัยนำปลาไปใช้ประโยชน์ เช่น แปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์อาหาร และโครงการสนับสนุนผู้เชี่ยวชาญและมหาวิทยาลัยในการศึกษาวิจัยนวัตกรรมหรือเทคโนโลยีเพื่อตัดวงจรและควบคุมการแพร่พันธุ์ของปลาชนิดนี้ในระยะยาว.

สอนนักเรียนร่วมสร้างความมั่นคงทางอาหารในโรงเรียน สู่คลังอาหารชุมชน

Page 1 of 53
X

Right Click

No right click