ธนาคารกรุงไทย เตรียมเสนอขายหุ้นกู้อนุพันธ์ชุดใหม่ “Krungthai UBS XRP 2.0” จ่ายผลตอบแทนอ้างอิงดัชนี UBS XRP 2.0 ที่กระจายการลงทุนใน 3 สินทรัพย์หลากหลายทั่วโลก “หุ้น-อัตราดอกเบี้ย-สินค้าโภคภัณฑ์” เปิดโอกาสสร้างผลตอบแทนในทุกสภาวะตลาด คงจุดเด่นคุ้มครองเงินต้น 100% เสนอขาย 26-28 มิถุนายนนี้

นายรวินทร์ บุญญานุสาสน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานธุรกิจตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ธนาคารกรุงไทย มุ่งมั่นพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการที่ตอบโจทย์ผู้ลงทุนอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด เตรียมออกและเสนอขาย หุ้นกู้อนุพันธ์ Krungthai UBS XRP 2.0 อายุ 3 ปี โดยปีที่ 1 และปีที่ 2 จ่ายผลตอบแทนคงที่ในอัตรา 0.50% ต่อปี และปีที่ 3 จ่ายผลตอบแทนอ้างอิงดัชนี UBS XRP 2.0 ที่ออกแบบโดยธนาคารยูบีเอส (UBS) ธนาคารระดับโลก เฉพาะกรณีดัชนีมีกำไร ด้วยอัตราการมีส่วนร่วม 80% เหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่ต้องการกระจายความเสี่ยง และสร้างผลตอบแทนการลงทุนจากสินทรัพย์ต่างประเทศ ด้วยจุดเด่นของดัชนีที่มีการกระจายการลงทุนใน 3 กลุ่มสินทรัพย์ทั่วโลก คือ หุ้น อัตราดอกเบี้ย และสินค้าโภคภัณฑ์ ด้วยเงื่อนไขการคุ้มครองเงินต้น 100% จากธนาคารกรุงไทย ที่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือที่ AAA โดย Fitch Rating

“ปีที่ผ่านมา ผู้ลงทุนเผชิญกับความไม่แน่นอนจากปัจจัยเสี่ยงรอบด้าน ทั้งการปรับขึ้นดอกเบี้ยจากธนาคารกลางทั่วโลก ความตึงเครียดระหว่างรัสเซียและยูเครน รวมถึงความไม่แน่นอนทางการเมืองในประเทศ ธนาคารจึงพัฒนาผลิตภัณฑ์ เพื่อเป็นทางเลือกในการกระจายความเสี่ยงให้กับผู้ลงทุน เพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนจากสินทรัพย์ที่หลากหลายทั่วโลก อ้างอิงดัชนีที่บริหารโดยมืออาชีพระดับโลก โดยยังคงจุดเด่นคุ้มครองเงินต้น”

ทั้งนี้ ดัชนี UBS XRP 2.0 ออกแบบกลยุทธ์การลงทุน 4 รูปแบบ คือ Carry Trend Value และ Specific ควบคุมความผันผวน ปรับพอร์ตอย่างสม่ำเสมอ มุ่งสร้างผลตอบแทนทุกสถานการณ์ โดยดัชนี UBS XRP 2.0 สามารถสร้างผลตอบแทนเป็นบวกอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2004 แม้ในช่วงเกิดวิกฤตทางการเงิน

ธนาคารเตรียมเสนอขายหุ้นกู้อนุพันธ์ “Krungthai UBS XRP 2.0” ให้กับผู้ลงทุนสถาบันและผู้ลงทุนรายใหญ่ ลงทุนขั้นต่ำ 3 ล้านบาท เปิดจองซื้อผ่านสาขาธนาคารกรุงไทย ระหว่างวันที่ 26-28 มิถุนายน 2566 สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ธนาคารกรุงไทยทุกสาขา หรือ อีเมล This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it. หรือโทร. 02-208-4673, 02-208-4691, 02-208-4817, 02-208-4831, 02-208-4840

SCAP เปิดปี 66 ส่งผลงานไตรมาสแรกกำไรทะลุ 394 ลบ. รายได้รวมขยับพุ่ง 1,552 ลบ. ผลงานเข้าเป้าตามคาด

ซีอีโอ ‘วิชิต พยุหนาวีชัย’ชี้ธุรกิจเริ่มกลับมาท็อปฟอร์มจากสถานการณ์เศรษฐกิจที่ดีขึ้น เล็งออก‘หุ้นกู้’ขยายธุรกิจสอดรับเป้าหมาย

วิชิต พยุหนาวีชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ศรีสวัสดิ์ แคปปิตอล 1969 จำกัด (มหาชน) หรือ SCAP เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 1 ประจำปี 2566 บริษัทมีกำไรสุทธิ 394.44 ล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้น 75.44% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 224.83 ล้านบาท ขณะที่รายได้รวมอยู่ที่ 1,552.08 ล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้น 131.83% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้อยู่ที่ 669.49 ล้านบาท รับอานิสงส์พอร์ตสินเชื่อขยายตัวดันรายได้ดอกเบี้ย รายได้ค่าธรรมเนียม และรายได้อื่นๆเพิ่มขึ้น สำหรับพอร์ตสินเชื่อคงค้างอยู่ที่ระดับ 26,521.67 ล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้น 133.10% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

ทั้งนี้ปัจจัยการเติบโตหลักเกิดจากการขยายตัวของธุรกิจสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ใหม่เป็นหลัก สะท้อนภาพธุรกิจเช่าซื้อของบริษัทที่มีอนาคตสดใสหลังการควบรวม เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ประกอบธุรกิจบริษัทเงินทุน อีกทั้งได้อานิสงส์สถานการณ์เศรษฐกิจที่กลับมาพลิกฟื้นดีขึ้น กระตุ้นให้เกิดยอดการจองซื้อรถจักรยานยนต์ใหม่ขยายตัวเพิ่มขึ้นตั้งแต่ช่วงเทศกาลปีใหม่ต่อเนื่องจนถึงเทศกาลสงกรานต์

“ไตรมาสแรกของปี 66 เราสามารถสร้างความเชื่อมั่นในหุ้น SCAP ให้แก่นักลงทุนได้ตามที่ตั้งใจ สะท้อนจากผลการดำเนินงานที่เข้าเป้าทั้งรายได้และกำไร อีกทั้งน่าจะคลายกังวลประเด็นเรื่องเพดานดอกเบี้ยเช่าซื้อที่เราสามารถบริหารจัดการได้ตามแผนที่วางไว้ ส่วนแนวโน้มการเติบโตเราประเมินว่าจะดีต่อเนื่องทั้ง 2 ไตรมาสแรก จากกำลังซื้อของผู้บริโภคที่ยังมีอยู่ตลอด คาดการณ์ว่าปิดครึ่งปีแรกเราน่าจะทำผลงานได้ตามเป้า และทั้งปีบริษัทฯ จะสามารถสร้างการเจริญเติบโตได้ตามแผน ส่งผลให้รายได้และกำไรทำนิวไฮรอบใหม่” วิชิต กล่าว

ขณะที่แผนงานในระยะถัดไป บริษัทเตรียมพร้อมในการเสนอขายหุ้นกู้ ให้แก่นักลงทุนทั่วไป ผู้ลงทุนสถาบัน โดยอยู่ระหว่างการเตรียมรายการข้อมูลและร่างหนังสือชี้ชวน เพื่อนำส่งสำนักงาน ก.ล.ต. พิจารณา โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อขยายธุรกิจผ่านการปล่อยสินเชื่อใหม่ให้แก่ลูกค้าของบริษัท ซึ่งจะสอดรับกับเป้าหมายตลอดทั้งปีที่บริษัทได้วางแผนไว้ ปัจจุบันบริษัทมีการควบคุมคุณภาพหนี้และมีมาตรการเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ อย่างต่อเนื่องเพื่อให้คงอยู่ในระดับที่เหมาะสม และสามารถควบคุมได้ และให้เป็นไปตามแผนที่วางไว้

บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) โดย นายปีติพงศ์ พึ่งบุญ ณ อยุธยา ประธานกรรมการ , ดร.ชญานิน เทพาคำ ประธานกรรมการบริหาร, นางฐิติมา รุ่งขวัญศิริโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร พร้อมด้วยคณะกรรมการบริษัท จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2566 โดยมีวาระสำคัญเพื่อรายงานผลการดำเนินงานประจำปี 2565 พร้อมลงมติอนุมัติจ่ายปันผลให้กับผู้ถือหุ้น

นางฐิติมา รุ่งขวัญศิริโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยในการประชุมผู้ถือหุ้นประจำปี 2566 ว่า ที่ประชุมผู้ถือหุ้นมีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลในอัตรา 0.02 บาทต่อหุ้น คิดเป็นอัตราการจ่ายปันผลสูงถึง 42% ของกำไรสุทธิ การจ่ายปันผลในครั้งนี้เป็นผลมาจากผลการดำเนินงานที่ปรับตัวดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญภายในเงื่อนเวลาที่เร็วกว่าที่บริษัทฯ คาดการณ์ไว้ โดยในปี 2565 บริษัทฯ สร้างรายได้รวมเติบโตกว่า 62% พร้อมรายงานกำไรสุทธิสูงถึงประมาณ 500 ล้านบาท ความสำเร็จนี้เป็นเครื่องยืนยันความสามารถของบริษัทฯ ในการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของตลาดที่เปลี่ยนแปลงไป ตลอดจนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจได้อย่างรวดเร็วและเต็มประสิทธิภาพ ทั้งนี้กลุ่มธุรกิจที่พักอาศัยประเภทบ้านแนวราบสร้างผลงานได้อย่างโดดเด่น ภายหลังจากการปรับโครงสร้างทางธุรกิจได้เพียง 1 ปี บริษัทฯสามารถเปิดตัวบ้านเดี่ยวโครงการแรกภายใต้ชื่อ โครงการศิรนินทร์ เรสซิเดนเซส พัฒนาการ (SIRANINN Residences Pattanakarn) มูลค่าโครงการกว่า 2,900 ล้านบาท และได้รับการตอบรับจากลูกค้าเกินความคาดหมายด้วยยอดโอนกรรมสิทธิ์สูงกว่า 830 ล้านบาทภายในสองเดือนหลังจากเปิดตัวโครงการ สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่น และการยอมรับในคุณภาพบ้านแบบสิงห์ เอสเตท นับเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญในการรุกตลาดโครงการบ้านแนวราบอย่างเต็มรูปแบบเพื่อเจาะตลาดกลุ่มเป้าหมายที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น

ในปี 2566 นี้ บริษัทฯ จะทยอยเปิดตัวโครงการใหม่อีก 5 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 10,000 ล้านบาท ซึ่งจะพร้อมโอนกรรมสิทธิ์และหนุนรายได้ของบริษัทฯ ในช่วงปลายปีนี้ เสริมทัพด้วยผลประกอบการที่แข็งแกร่งจากทุกหน่วยธุรกิจที่คาดว่าจะสร้างรายได้เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะธรุกิจโรงแรมในปี 2566 นี้ ซึ่งถือว่าเป็นปีแรกของการฟื้นตัวอย่างเต็มรูปแบบของภาคการท่องเที่ยวทั่วโลก และโรงแรม ในทุกประเทศที่บริษัทฯ ดำเนินกิจการอยู่สามารถเทรดได้เต็มที่ ซึ่งจะผลักดันรายได้และผลกำไรจากธุรกิจโรงแรม ที่ดำเนินงานผ่าน SHR ให้เติบโตได้อย่างก้าวกระโดด

จากปัจจัยสนับสนุนข้างต้น บริษัทฯ มีความมั่นใจที่จะขับเคลื่อนผลการดำเนินงาน สู่เป้าหมาย All-time High ทั้งรายได้และกำไรในทุกพอร์ตธุรกิจ ภายใต้แรงส่งสำคัญจากกลยุทธ์ S EXCELS มุ่งสู่ความเป็นเลิศในทุกมิติ โดยบริษัทฯ วางเป้าให้รายได้รวมของบริษัทฯเติบโตขึ้นอีก 34% สู่ 16,700 ล้านบาท ยังผลไปถึงการดำเนินงานของบริษัทฯ ที่จะเติบโตขึ้นอย่างมีนัยสำคัญด้วยเช่นกัน” นางฐิติมา กล่าว

“ธนาคารกรุงไทย” ตอบโจทย์ผู้ลงทุน ออกหุ้นกู้อนุพันธ์ชุดใหม่ “BNP Alpha Commodity” อายุ 3 ปี จ่ายผลตอบแทนอ้างอิงดัชนีสินค้าโภคภัณฑ์ในตลาดโลก เปิดโอกาสสร้างผลตอบแทนจากสินค้าโภคภัณฑ์ ทั้งน้ำมัน ทองคำ และสินค้าโภคภัณฑ์อื่นๆ โดยมีดอกเบี้ยคงที่ 0.5%ใน 2 ปีแรก คุ้มครองเงินต้น 100% เครดิตเรทติ้ง AAA เปิดจอง 22-24 มี.ค.นี้

นายรวินทร์ บุญญานุสาสน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานธุรกิจตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า จากภาวะเศรษฐกิจการเงินและการลงทุนในปี 2566 ที่มีความผันผวน มีปัจจัยความท้าทายรอบด้าน ทั้งเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวไม่ชัดเจน อัตราดอกเบี้ยและเงินเฟ้ออยู่ในระดับสูง ซึ่งธนาคารยังคงมุ่งมั่นพัฒนาผลิตภัณฑ์การลงทุน เพื่อตอบโจทย์เป้าหมายทางการเงินของผู้ลงทุนในทุกสภาวะตลาดอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด ธนาคารเตรียมเสนอขาย “หุ้นกู้อนุพันธ์กรุงไทย BNP Alpha Commodity” อายุ 3 ปี จ่ายผลตอบแทนอ้างอิงดัชนีสินค้าโภคภัณฑ์ในตลาดโลกผ่านดัชนี BNP Paribas AW Alpha Commodity 4 ER เพื่อเป็นทางเลือกสำหรับผู้ลงทุนที่ต้องการกระจายความเสี่ยง เพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนการลงทุนจากสินค้าโภคภัณฑ์ที่หลากหลาย พร้อมรับอัตราดอกเบี้ยคงที่ 0.5% ต่อปีใน 2 ปีแรก และคงจุดเด่นคุ้มครองเงินต้นเต็มจำนวนโดยธนาคารกรุงไทย ที่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือที่ AAA โดยสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือฟิทช์ เรทติ้งส์ โดยผลตอบแทนอ้างอิงเฉลี่ยในอดีตของหุ้นกู้อนุพันธ์อยู่ที่ 6.11% ต่อปี

ทั้งนี้ ดัชนี BNP Paribas AW Alpha Commodity 4 ER ได้รับการพัฒนาจากธนาคารชั้นนำระดับโลก บีเอ็นพี พารีบาส์ (BNP Paribas) กระจายการลงทุนในสินทรัพย์โภคภัณฑ์มากกว่า 10 ประเภท ทั้งกลุ่มพลังงาน เช่น น้ำมัน กลุ่มโลหะมีค่า เช่น ทองคำ เงิน และกลุ่มโลหะอุตสาหกรรม เช่น ทองแดง อะลูมิเนียม เป็นต้น มีกลยุทธ์การลงทุนที่แข็งแกร่ง แบบมืออาชีพ มุ่งเน้นสร้างผลตอบแทนการลงทุนในทุกสภาวะตลาด จาก 3 กลยุทธ์คือ 1. Carry เลือกถือตัวที่ให้ผลตอบแทนสูง 2. Momentum จับจังหวะขาขึ้น ขาลงของตลาด 3. Value ซื้อตัวที่ถูก ขายตัวที่แพง โดยปรับพอร์ตการลงทุนทุกวัน เพื่อบริหารจัดการความเสี่ยง ลดความผันผวน

ธนาคารเตรียมเสนอขายหุ้นกู้อนุพันธ์กรุงไทย BNP Alpha Commodity ให้กับผู้ลงทุนสถาบันและผู้ลงทุนรายใหญ่ ลงทุนขั้นต่ำ 3 ล้านบาท เปิดจองซื้อผ่านทุกสาขา ระหว่างวันที่ 22-24 มีนาคม 2566 สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ธนาคารกรุงไทยทุกสาขา หรือ โทร. 02-208-4673, 02-208-4691, 02-208-4831, 02-208-4840, 02-208-4817 หรือ email : This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.

พร้อมเดินหน้าส่งมอบสินค้าและบริการที่ดีมีคุณภาพและช่วยเหลือธุรกิจ SME อย่างต่อเนื่อง

Page 5 of 9
X

Right Click

No right click