“ซีพี ออลล์” ผู้บริหารร้านเซเว่น อีเลฟเว่น เซเว่น เดลิเวอรี่ และ ผู้ถือหุ้นใหญ่ บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) เตรียมเสนอขายหุ้นกู้ จำนวน 3 รุ่น อายุ 4 ปี อายุ 7 ปี และอายุ 12 ปี เสนอขายให้แก่ประชาชนเป็นการทั่วไป(ผู้ลงทุนทั่วไปและผู้ลงทุนสถาบัน) อัตราดอกเบี้ยอยู่ระหว่าง [2.95 – 4.35]% ต่อปี กำหนดจ่ายดอกเบี้ยทุก 6 เดือน คาดว่าจะเสนอขายในเดือนกุมภาพันธ์ 2566

ผ่านสถาบันการเงินชั้นนำ 7 แห่ง ได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ธนาคารกรุงไทย ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย และบริษัทหลักทรัพย์เกียรตินาคินภัทร รวมถึงขายผ่านแอปพลิเคชั่น TrueMoney Wallet โดยบริษัทฯ และหุ้นกู้ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือที่ระดับ A+ แนวโน้ม “คงที่” จากบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เมื่อวันที่ 24 มกราคม 2566

 

นายเกรียงชัย บุญโพธิ์อภิชาติ Chief Financial Officer บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “ซีพี ออลล์” เตรียมพร้อมที่จะเสนอขายหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ จำนวน 3 รุ่น ประกอบด้วย รุ่นอายุ 4 ปี อัตราดอกเบี้ย [2.95 – 3.10]% ต่อปี รุ่นอายุ 7 ปี อัตราดอกเบี้ย [3.55 – 3.75]% ต่อปี และรุ่นอายุ 12 ปี อัตราดอกเบี้ย [4.20 – 4.35]% ต่อปี สำหรับหุ้นกู้รุ่นอายุ 12 ปี บริษัทฯ สามารถไถ่ถอนหุ้นกู้ทั้งหมดหรือบางส่วนได้เมื่อหุ้นกู้ครบปีที่ 7 โดยหุ้นกู้ทั้ง 3 รุ่น มีกำหนดจ่ายดอกเบี้ยทุก 6 เดือน การเสนอขายหุ้นกู้ครั้งนี้ จะเสนอขายให้แก่ประชาชนเป็นการทั่วไป คาดว่าจะเสนอภายในเดือนกุมภาพันธ์ 2566 ผ่านสถาบันการเงิน 7 แห่งที่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่าย ได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) และบริษัทหลักทรัพย์เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) รวมถึงมีการขายผ่านแอปพลิเคชั่น TrueMoney Wallet เพื่อเพิ่มความสะดวกและตอบโจทย์นักลงทุนยุคดิจิทัล อีกด้วย

สำหรับหุ้นกู้ชุดดังกล่าวได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือจากบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เมื่อวันที่ 24 มกราคม 2566 ที่ระดับ A+ แนวโน้ม “คงที่” (Stable) ซึ่งสะท้อนถึงพื้นฐานทางธุรกิจที่แข็งแกร่งของบริษัทฯ อาทิ การเป็นผู้นำในธุรกิจร้านค้าสะดวกซื้อในประเทศไทย อีกทั้งมีการรุกขยายธุรกิจออกไปยังประเทศเพื่อนบ้าน คือประเทศกัมพูชา และ สปป.ลาว ลักษณะของธุรกิจค้าปลีกที่สร้างกระแสเงินสดจากการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง มีเครือข่ายสาขาที่ครอบคลุมทั่วประเทศ รวมถึงแพลตฟอร์มออนไลน์ที่ประสบความสำเร็จ ได้รับผลตอบรับสูงจากลูกค้า โดยปัจจุบันมีลูกค้าสมาชิก “All Member” อยู่มากกว่า 14 ล้านคน

ทั้งนี้ “ซีพี ออลล์” เป็นผู้ประกอบธุรกิจหลักในการบริหารร้านสะดวกซื้อภายใต้แบรนด์ “เซเว่น อีเลฟเว่น” ที่ให้บริการความสะดวกกับชุมชน โดยในไตรมาสที่ 3 ปี 2565 บริษัทฯ มีสาขา “เซเว่น อีเลฟเว่น” เปิดให้บริการมากกว่า 13,000 สาขา และภายในปีนี้ บริษัทฯ มีแผนจะเปิดสาขาเพิ่มอีก 700 สาขา ในรูปแบบ Standalone โดยเน้นร้านขนาดใหญ่ในรูปแบบร้านเดี่ยว (Standalone) ที่มีพื้นที่จอดรถหน้าร้าน ส่วนการขยายสาขาในต่างประเทศ คาดว่าในปี 2566 จะเริ่มเห็นสาขาของ “เซเว่น อีเลฟเว่น” ใน สปป.ลาว ขณะที่ในประเทศกัมพูชามีการเปิดสาขาไปแล้วกว่า 40 สาขา และยังจะขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าให้ความสำคัญในการดำเนินธุรกิจแบบ O2O ที่ผสมผสานช่องทาง Omni-Channel ทั้งออนไลน์และออฟไลน์ รวมถึงบริการเดลิเวอรี่ของ ‘เซเว่น อีเลฟเว่น’ (7Delivery) ที่จัดส่งสินค้าถึงบ้าน ผ่านทางแอปพลิเคชั่น เพื่อตอบรับกับไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนแปลงไปของผู้บริโภคอีกด้วย

“การออกหุ้นกู้ในครั้งนี้เป็นโอกาสอันดีของผู้ลงทุนที่แสวงหาการลงทุนในตราสารที่ให้ผลตอบแทนที่น่าพอใจ และเป็นกิจการที่มีความมั่นคงภายใต้อุตสาหกรรมค้าปลีกที่มีศักยภาพในการเติบโตสูง ภายหลังจากวิกฤติการแพร่ระบาดของโรค Covid-19 ผลการดำเนินงานของซีพี ออลล์ ในไตรมาส 3 ปี 2565 ที่ผ่านมามีการฟื้นตัวและเติบโตอย่างโดดเด่น และยังมีแนวโน้มที่ดีในผลการดำเนินงานสำหรับปี 2565 และต่อเนื่องในปี 2566 จากธุรกิจท่องเที่ยวที่เติบโตสูง อีกทั้งบริษัทฯ ยังเป็นองค์กรแห่งความยั่งยืนระดับโลก โดยได้รับเลือกให้เป็นสมาชิก DJSI ในกลุ่มอุตสาหกรรม Food & Staples Retailing กลุ่มดัชนี DJSI Emeeging Markets ต่อเนื่องเป็นปีที่ 6 (2017-2022) และกลุ่มดัชนี DJSI World ต่อเนื่องเป็นปีที่ 5 (2018-2022) โดย “ซีพี ออลล์” เป็นองค์กรเดียวในประเทศไทยในกลุ่มดัชนี DJSI World ของกลุ่มอุตสาหกรรมนี้อีกด้วย ซึ่งทั้งหมดนี้จะช่วยตอกย้ำความมั่นใจให้กับผู้ลงทุนที่จะเลือกลงทุนในหุ้นกู้ของบริษัทฯ เพื่อสร้างความเติบโตอย่างยั่งยืนไปพร้อมกันนายเกรียงชัยกล่าว

 

สำหรับผู้ลงทุนทั่วไปที่สนใจจองซื้อหุ้นกู้ บมจ.ซีพี ออลล์ ซึ่งกำหนดจองซื้อขั้นต่ำ 100,000 บาท ทวีคูณครั้งละ 100,000 บาท สามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.sec.or.th หรือติดต่อผ่านสถาบันการเงินทั้ง 7 แห่ง

1. ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (ยกเว้นสาขาไมโคร) โทร. 1333 (โดยบุคคลธรรมดาสามารถจองซื้อทางออนไลน์ผ่าน Bualuang mBanking ได้อีก 1 ช่องทาง)

2. ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) โทร. 1572 (โดยบุคคลธรรมดาสามารถจองซื้อทางออนไลน์ผ่านแอปพลิเคชัน KMA ได้อีก 1 ช่องทาง)

3. ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) โทร.02-111-1111 (โดยบุคคลธรรมดาสามารถจองซื้อทางออนไลน์ผ่านแอปพลิเคชัน Krungthai Next ได้อีก 1 ช่องทาง)

4. ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) โทร. 02-888-8888 ต่อ 819 (โดยบุคคลธรรมดาจองซื้อทางออนไลน์ผ่าน www.kasikornbank.com/kmyinvest ยกเว้นบุคคลสัญชาติต่างด้าว และนิติบุคคล สามารถจองซื้อผ่านสำนักงานใหญ่และสาขา)

5. ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)* โทร. 02-777-6784 (โดยบุคคลธรรมดาสามารถจองซื้อทางออนไลน์ผ่านแอป SCB EASY ได้อีก 1 ช่องทาง)

6. ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) โทร. 02-626-7777 (โดยบุคคลธรรมดาสามารถจองซื้อทางออนไลน์ผ่าน Mobile Application - CIMB Thai Digital Banking ได้อีก 1 ช่องทาง)

7. บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน)** โทร. 02-165-5555

* ซึ่งรวมถึงบริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด ในฐานะหน่วยงานขายของธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)

** ซึ่งรวมถึงธนาคารเกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) ในฐานะหน่วยงานขายของบริษัทหลักทรัพย์เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน)

 

ทั้งนี้ ผู้สนใจจองซื้อหุ้นกู้ผ่านทางระบบจองซื้อของธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ที่อยู่ในแอปพลิเคชั่น TrueMoney Wallet สามารถศึกษาเพิ่มเติมถึงรายละเอียด ขั้นตอน และวิธีการสมัคร TrueMoney Wallet Application และวิธีการจองซื้อ พร้อมภาพตัวอย่างประกอบโดยสังเขปได้ที่เว็บไซต์ www.truemoney.com หรือติดต่อขอคำแนะนำเรื่องขั้นตอน และวิธีการสมัครจากเจ้าหน้าที่ของ บริษัท ทรู มันนี่ จำกัด โทร. 1240 กด 6

ธนาคารเกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) ตอบรับความนิยมการลงทุนในหลักทรัพย์ต่างประเทศ เปิดเสนอขายหุ้นกู้ที่มีอนุพันธ์แฝง สกุลเงินบาท ประเภท Quanto (Quanto Structured Note) ที่มีการจ่ายผลตอบแทนอ้างอิงกับผลการดำเนินงานของหุ้นหรือหลักทรัพย์ต่างประเทศ

เพื่อปิดความผันผวนด้านค่าเงิน  และมีรูปแบบการจ่ายผลตอบแทนที่หลากหลาย ทั้งแบบที่มีการคุ้มครองเงินต้นทั้งหมด ,บางส่วน หรือแบบ Yield Enhancement เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ลงทุนเลือกลงทุนให้สอดคล้องกับมุมมองการลงทุน และผลตอบแทนที่คาดหวัง โดยผลิตภัณฑ์แรกในกลุ่มที่เปิดขายคือ Quanto Booster Note ซึ่งเป็นหุ้นกู้มีอนุพันธ์แฝงประเภทคุ้มครองเงินต้นบางส่วน ด้วยจุดเด่นการเพิ่มอัตราผลตอบแทนให้สูงขึ้นด้วยอัตราการมีส่วนร่วม หรือ Participation Rate (PR) ที่สูงกว่า 100%

ดร.วีรวิชย์ ฤกษ์จำนง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายตลาดการเงิน ธนาคารเกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปัจจุบันการลงทุนในหลักทรัพย์ต่างประเทศเริ่มเป็นที่นิยมมากขึ้น ผู้ลงทุนแสวงหาโอกาสที่จะได้รับผลตอบแทนที่สูงกว่าการลงทุนในประเทศ อย่างไรก็ตาม แม้ว่าราคาหลักทรัพย์ในต่างประเทศจะปรับตัวสูงขึ้นตามที่คาดหวัง แต่ผู้ลงทุนยังต้องเผชิญกับความเสี่ยงของค่าเงิน ซึ่งค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นจะทำให้ผู้ลงทุนได้รับผลตอบแทนในรูปเงินบาทลดลง ยิ่งค่าเงินมีความผันผวนมาก การลงทุนก็ยิ่งเผชิญกับความไม่แน่นอนมากขึ้น ธนาคารเกียรตินาคินภัทรเล็งเห็นถึงข้อจำกัดและความต้องการของผู้ลงทุน รวมถึงพัฒนาการของตลาดหุ้นกู้ที่มีอนุพันธ์แฝงซึ่งเติบโตอย่างแข็งแกร่งในปัจจุบัน โดยมีมูลค่าการเสนอขายในปี 2565 สูงเกิน 1 แสนล้านบาท ธนาคารจึงได้นำเสนอหุ้นกู้ที่มีอนุพันธ์แฝง สกุลเงินบาท ประเภท Quanto (Quanto Structured Note) เพื่อเป็นทางเลือกให้แก่ผู้ลงทุนที่ต้องการกระจายการลงทุนไปยังหุ้นหรือหลักทรัพย์ต่างประเทศโดยไม่ต้องเผชิญกับความเสี่ยงของค่าเงิน

Quanto Structured Note ที่ธนาคารเกียรตินาคินภัทรเสนอขายมีรูปแบบการจ่ายผลตอบแทนที่หลากหลาย ทั้งแบบที่มีการคุ้มครองเงินต้นทั้งหมด บางส่วน หรือแบบ Yield Enhancement เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ลงทุนเลือกลงทุนให้สอดคล้องกับมุมมองการลงทุน ผลตอบแทนที่คาดหวัง และความเสี่ยงที่รับได้ของผู้ลงทุน” ดร.วีรวิชย์ กล่าว

นายจุฬวิชช์ ชัยธชวงค์ ผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า Quanto Structured Note คือหุ้นกู้ที่มีอนุพันธ์แฝง สกุลเงินบาท ที่มีการจ่ายผลตอบแทนอ้างอิงกับผลการดำเนินงานของหุ้นหรือหลักทรัพย์ต่างประเทศ โดยไม่ได้รับความเสี่ยงค่าเงิน เช่น ในกรณีที่ผู้ลงทุนลงทุนใน Quanto Note ด้วยเงินต้น 1 ล้านบาท เมื่อหุ้นอ้างอิงปรับตัวเพิ่มขึ้น 10% ผู้ลงทุนจะได้รับเงินต้นคืนพร้อมผลตอบแทน 10% เป็นเงินบาทเท่ากับ 1 ล้าน 1 แสนบาท

ผลิตภัณฑ์แรกในกลุ่ม Quanto Structured Note ที่ธนาคารเกียรตินาคินภัทรเปิดเสนอขายคือ Quanto Booster Note ที่อ้างอิงบนผลการดำเนินงานของหุ้นหรือหลักทรัพย์ต่างประเทศตั้งแต่ 2 ตัวขึ้นไป ซึ่งผลตอบแทนที่ได้รับจะขึ้นอยู่กับผลการดำเนินงานของหลักทรัพย์อ้างอิงต่างประเทศที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นน้อยที่สุด หรือเรียกว่าดู Worst Performance ระหว่างหลักทรัพย์อ้างอิงต่างประเทศนั้น โดยจุดเด่นของผลิตภัณฑ์นี้คือการเพิ่มอัตราการมีส่วนร่วม หรือ Participation Rate (PR) ที่สูงกว่า 100% เพื่อให้ผู้ลงทุนได้รับผลตอบแทนที่สูงกว่าการลงทุนโดยตรงในหลักทรัพย์ต่างประเทศ เช่น ในกรณีที่กำหนดอัตราการมีส่วนร่วม(PR) = 200% หากผลการดำเนินงานของหุ้นที่ Worst Performance ปรับเพิ่มขึ้น 10% ผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนเป็น 2 เท่า ซึ่งเท่ากับ 20% ในทางกลับกันกรณีที่ราคาของหุ้นที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นน้อยที่สุดปรับตัวลดลงจากราคาวันแรก ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินต้นบางส่วนแต่จะไม่เกินระดับการคุ้มครองเงินต้นตามระดับที่กำหนด ซึ่งไม่ว่าราคาหุ้นจะปรับตัวไปในทิศทางไหนผู้ลงทุนก็จะไม่ได้รับผลกระทบของความเสี่ยงค่าเงิน” นายจุฬวิชช์ กล่าว

สำหรับผู้ลงทุนที่สนใจผลิตภัณฑ์ Quanto Booster Note ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://youtu.be/O2LU16RubQI

หรือติดต่อสอบถามข้อมูลและเงื่อนไขการลงทุนได้ที่ ธนาคารเกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) สายตลาดการเงิน 

บมจ.ยูนิค เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น (UNIQ) บริษัทรับเหมาก่อสร้างชั้นนำของไทย พร้อมแล้วที่จะเสนอขายหุ้นกู้ 2 รุ่นให้กับผู้ลงทุนทั่วไป โดยเปิดจองซื้อในวันที่ 17 มกราคมเป็นวันแรก จนถึงวันที่ 19 มกราคม ผู้ลงทุนสามารถจองซื้อหุ้นกู้อายุ 1 ปี 7 เดือน อัตราดอกเบี้ย 3.85% ต่อปี และหุ้นกู้อายุ 3 ปี 6 เดือน อัตราดอกเบี้ย 4.95% ต่อปี ผ่านธนาคารกรุงไทย และธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย เผยผู้ลงทุนให้ความสนใจตอบรับ ด้วยปัจจัยสนับสนุนทั้งอายุหุ้นกู้ ผลตอบแทน อัตราความน่าเชื่อถือของบริษัทฯที่ระดับ BBB และของหุ้นกู้ที่ BBB- ซึ่งเป็น “ระดับลงทุน” รวมถึงความมั่นคงของธุรกิจในฐานะบริษัทรับเหมาก่อสร้างชั้นนำของไทย

นายเติมพงษ์ เหมาะสุวรรณ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส กลุ่มงานบัญชีและการเงิน บริษัท ยูนิค เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ UNIQ บริษัทรับเหมาก่อสร้างชั้นนำของไทย เปิดเผยว่า บริษัทฯ พร้อมแล้วสำหรับการเสนอขายหุ้นกู้ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ ที่จะเสนอขายให้แก่ประชาชนทั่วไป ในวันที่ 17-19 มกราคม 2566 ผ่านธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) และธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) โดยหุ้นกู้อายุ 1 ปี 7 เดือน อัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ 3.85% ต่อปี และรุ่น 3 ปี 6 เดือน อัตราดอกเบี้ย 4.95% ต่อปี จ่ายดอกเบี้ยทุก 3 เดือน (เว้นแต่งวดดอกเบี้ยงวดสุดท้ายของรุ่นอายุ 1 ปี 7 เดือน ซึ่งจะมีระยะเวลา 4 เดือน) ซึ่งบริษัทฯ เชื่อว่า ยังคงได้รับความสนใจจากผู้ลงทุนเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา

สำหรับหุ้นกู้ชุดดังกล่าวได้การจัดอันดับความน่าเชื่อถือจากบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2565 ที่ระดับ BBB- ซึ่งเป็น “ระดับลงทุน” (Investment grade) ขณะที่อันดับความน่าเชื่อถือองค์กรอยู่ที่ BBB แนวโน้ม “คงที่” (Stable) โดยอันดับเครดิตดังกล่าวสะท้อนถึงขีดความสามารถในการแข่งขันของบริษัทฯ ในการรับงานก่อสร้างโครงการโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ของภาครัฐ และงานที่อยู่ระหว่างดำเนินการ (Backlog) จำนวนมากที่จะช่วยประกันรายได้ให้แก่บริษัทฯ ในช่วงหลายปีข้างหน้า โดยในไตรมาสที่ 4 ปี 2565 บริษัทฯ มีงานที่อยู่ระหว่างดำเนินการ (Backlog) มูลค่าประมาณ 63,271.01 ล้านบาท ซึ่งสามารถทยอยรับรู้รายได้จนถึงปี 2568 และมีโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงเตาปูน - ราษฎร์บูรณะ (วงแหวนกาญจนาภิเษก) สัญญาที่ 4 งานออกแบบและก่อสร้างอุโมงค์ทางวิ่งและสถานีใต้ดิน ช่วงสะพานพุทธ - ดาวคะนอง รับรู้รายได้ถึงปี 2570 โดย ณ วันที่ 30 กันยายน 2565 บริษัทฯ ยังมีเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด

กว่า 5,349 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก ณ สิ้นปี 2564 จำนวน 1,566 ล้านบาท ทำให้บริษัทฯ มีสภาพคล่องเพียงพอเพื่อรองรับการขยายตัวของบริษัทฯ ได้

ทั้งนี้ ยูนิค เอ็นจิเนียริ่งฯ เป็นผู้ประกอบการธุรกิจรับเหมาก่อสร้างชั้นนำของไทย ที่มุ่งเน้นงานสาธารณูปโภคขนาดกลางและขนาดใหญ่ ที่ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญในด้านบริหารการจัดการและการเลือกใช้เทคโนโลยีระดับสูงให้เหมาะสม และยังเป็นผู้เชี่ยวชาญงานก่อสร้างสะพานโครงสร้างเหล็กและสะพานโครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็ก งานก่อสร้างอุโมงค์รถยนต์ลอดใต้ทางแยก งานก่อสร้างทางพื้นคอนกรีตเสริมเหล็กและแอลฟัลท์ติกคอนกรีต งานระบบสาธารณูปโภคใต้ดิน ทั้งไฟฟ้า ประปา และโทรศัพท์ รวมถึงงานในโครงการรับเหมาก่อสร้างที่มีขนาดใหญ่มูลค่าโครงการสูง หรือเป็นโครงการที่ต้องอาศัยความชำนาญหรือเทคโนโลยีเฉพาะด้าน

ทางด้าน ธนาคารผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจัยที่ทำให้หุ้นกู้ UNIQ ได้รับความสนใจจากผู้ลงทุน มาจากอายุหุ้นกู้ที่มีระยะเวลาเหมาะสมตอบโจทย์ผู้ลงทุน ขณะที่ผลตอบแทนอยู่ในระดับที่น่าพอใจ และอันดับความน่าเชื่อถืออยู่ใน “ระดับลงทุน” รวมถึงผู้ลงทุนยังเห็นถึงโอกาสและศักยภาพการเติบโตของบริษัทฯ ในฐานะบริษัทผู้รับเหมาชั้นนำของไทยที่ได้รับความไว้วางใจจากหน่วยงานรัฐ รัฐวิสาหกิจ จนทำให้บริษัทฯ รักษาตลาดโครงการขนาดใหญ่ไว้ได้อย่างต่อเนื่อง ทำให้บริษัทฯมีรายได้ที่แน่นอนจากการรับงานจากหน่วยงานรัฐ สะท้อนถึงความมั่นคงของ UNIQ ในอุตสาหกรรมรับเหมาก่อสร้างได้เป็นอย่างดี นักลงทุนที่สนใจหุ้นกู้ UNIQ สามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.sec.or.th โดยจองซื้อขั้นต่ำ 100,000 บาท และทวีคูณครั้งละ 100,000 บาท ผ่านธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) โทร 0-2111-1111 หรือจองซื้อทางออนไลน์ ผ่านแอปพลิเคชัน Krungthai NEXT หรือ ผ่าน Money Connect by Krungthai (https://moneyconnect.krungthai.com/) และธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) โทร.02-626-7777 หรือจองซื้อทางออนไลน์ผ่าน แอป CIMB Thai Digital Banking

“ธนาคารกรุงไทย” รุกตลาดหุ้นกู้อนุพันธ์ต่อเนื่อง หลังประสบความสำเร็จในการออกหุ้นกู้อนุพันธ์กว่า 20,000 ล้านบาท เตรียมเสนอขายชุดใหม่ “กรุงไทย Citi DRP”

อายุ 3 ปี คุ้มครองเงินต้น 100% สนับสนุนผู้ลงทุนเข้าถึงผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ความต้องการ สร้างผลตอบแทนที่มั่นคงในช่วงท้ายปี เสนอขายวันที่ 1-2 ธันวาคมนี้

นายรวินทร์ บุญญานุสาสน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ตลาดการเงินโลกมีแนวโน้มผันผวนอย่างต่อเนื่องในปี 2566 จากความเสี่ยงที่เศรษฐกิจโลกจะเข้าสู่ภาวะถดถอย ความไม่แน่นอนของสงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครน และนโยบายการเปิดประเทศของจีน ส่งผลให้ผู้ลงทุนมองหาการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำ และเงินต้นได้รับความคุ้มครอง ธนาคารจึงรุกเสนอขายหุ้นกู้อนุพันธ์แฝง เพื่อตอบโจทย์ผู้ลงทุนอย่างต่อเนื่อง หลังประสบความสำเร็จในการเสนอขายหุ้นกู้อนุพันธ์แฝงไปแล้วกว่า 20,000 ล้านบาท ล่าสุด เตรียมเสนอขายหุ้นกู้อนุพันธ์แฝงกรุงไทย Citi DRP หรือ Citi Diversified Risk Premia อายุ 3 ปี ด้วยจุดเด่นคุ้มครองเงินต้น 100% มุ่งสร้างผลตอบแทนภายใต้ภาวะตลาดที่ผันผวน ไม่มีค่าธรรมเนียมเรียกเก็บจากการลงทุน เหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่มองหาการลงทุนที่มีความหลากหลาย และต้องการจัดพอร์ตการลงทุน เพื่อกระจายความเสี่ยง มีโอกาสสร้างผลตอบแทนตามดัชนีที่อ้างอิง แต่เงินต้นยังปลอดภัย

ทั้งนี้ หุ้นกู้อนุพันธ์แฝงกรุงไทย Citi DRP จ่ายผลตอบแทนอ้างอิงดัชนี Citi DRP ซึ่งมี Citigroup เป็นผู้จัดทำดัชนี มีนโยบายลงทุนกระจายในสินทรัพย์หลัก ทั้งตราสารหนี้ อัตราแลกเปลี่ยนสกุลหลัก และสินค้าโภคภัณฑ์ โดยไม่ลงทุนในสินทรัพย์ประเภทหุ้น มีกลยุทธ์เลือกเฟ้นสินทรัพย์ที่จะเข้าลงทุนแบบมืออาชีพ ทั้ง กลยุทธ์ Value Carry และ Momentum นอกจากนี้ ยังมีการปรับพอร์ตสม่ำเสมอ เพื่อบริหารผลตอบแทนท่ามกลางความผันผวนของตลาด โดยดัชนีอ้างอิง Citi DRP มีผลตอบแทนการลงทุนในอดีตเฉลี่ย 6.40% ต่อปี ซึ่งธนาคารกรุงไทยในฐานะผู้ออกหุ้นกู้ ยังคุ้มครองเงินต้นจากการลงทุน 100% และจ่ายดอกเบี้ยเพิ่มอีกปีละ 1% ในช่วง 2 ปีแรก

คาดว่า จะเสนอขายหุ้นกู้อนุพันธ์แฝงกรุงไทย Citi DRP ในวันที่ 1-2 ธันวาคม 2565 โดยเสนอขายผู้ลงทุนรายใหญ่ และผู้ลงทุนสถาบัน ผู้ที่สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ธนาคารกรุงไทยทุกสาขา หรือ อีเมล This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it. หรือ โทร.0-2208-4817 0-2208-4831 0-2208-4673 และ 0-2208-4691

TPIPL ประสบความสำเร็จจากการออกและเสนอขายหุ้นกู้ 3 ชุดให้แก่ผู้ลงทุนทั่วไปและผู้ลงทุนสถาบัน

Page 7 of 9
X

Right Click

No right click