เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2567 ราคา Bitcoin (BTC) สามารถปรับขึ้นได้ประมาณ 8.6% ทำระดับสูงสุดที่ 2,000,000 บาท ท่ามกลางรายงานว่าปริมาณซื้อขายของบรรดากองทุน Spot Bitcoin ETF ในสหรัฐฯ ยังคงเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ ราคาบิทคอยน์เคยยืนเหนือระดับ 2 ล้านบาทเป็นครั้งแรกเมื่อเดือนเมษายนปี 2564 หรือประมาณ 3 ปีที่แล้ว โดยในปีเดียวกันนั้น ราคาบิทคอยน์ได้ทำระดับสูงสุดที่ 2,285,500 บาทในเดือนพฤศจิกายน ปี 2564 ซึ่ง ณ ตอนนั้นมีปัจจัยมาจากชื่อเสียงของ Bitcoin ที่เริ่มเป็นที่รู้จักในหมู่ประชาชนทั่วไปมากขึ้น

ขณะที่ราคาคริปโทเคอร์เรนซีสกุลอื่น ๆ ต่างปรับสูงขึ้นตามราคาบิทคอยน์ในวันนี้ เช่น ราคา Ethereum (ETH) สกุลเงินดิจิทัลที่มีมูลค่าตลาดสูงสุดเป็นอันดับ 2 สามารถปรับขึ้นได้ 3.74% ทำระดับสูงสุดที่ 115,613 บาท ขณะที่ราคา Cardano (ADA) สามารถปรับขึ้นได้ 5.39% ทำระดับสูงสุดที่ 22.44 บาท เป็นต้น

บรรดานักวิเคราะห์เชื่อว่าราคา BTC ที่ปรับขึ้นในช่วงนี้เป็นผลมาจากกระแสคาดการณ์เหตุการณ์ Bitcoin Halving ที่กำลังจะเกิดขึ้นในเดือนเมษายน ประกอบกับความต้องการบิทคอยน์ของกองทุน Spot Bitcoin ETF ทำเกิดการเข้าซื้อบิทคอยน์เพื่อสะสมก่อนเกิดการ Halving เนื่องจาก Bitcoin Halving จะทำให้รางวัลจากการขุด Bitcoin ลดลงครึ่งหนึ่งจาก 6.25 BTC เหลือ 3.125 BTC ส่งผลให้อุปทานของบิทคอยน์ลดน้อยลง โดย Bitcoin Halving ครั้งที่ 4 ถูกคาดว่าจะเกิดขึ้นภายในช่วงปลายเดือนเมษายน พ.ศ. 2567 ที่จะถึงนี้ ทั้งบรรดากองทุนและนักลงทุนรายย่อยจึงทยอยซื้อบิทคอยน์เพื่อสะสมรอการมาถึงของ Bitcoin Halving

อ้างอิง: Bitkub Blog


คำเตือน:

*คริปโทเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง ท่านอาจสูญเสียเงินลงทุนได้ทั้งจำนวน โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้

**สินทรัพย์ดิจิทัลมีความเสี่ยง โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้

***ผลตอบแทนของสินทรัพย์ดิจิทัลในอดีตหรือผลการดำเนินงานในอดีต มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลตอบแทน ของสินทรัพย์ดิจิทัลหรือผลการดำเนินงานในอนาคต

ณ งาน Mobile World Congress 2024 ลูกค้าและพันธมิตรชั้นนำของอินเทลกว่า 65 ราย ร่วมจัดแสดงเทคโนโลยีและโซลูชันผ่านฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ และบริการใหม่ ๆ เพื่อการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานในอนาคตให้ทันสมัย

นายณัฐสิทธิ์  สุนทราณู  ผู้บริหารสูงสุด ฝ่ายการตลาดบัตรเครดิต “เคทีซี” หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ในระหว่างที่สภาพเศรษฐกิจกำลังฟื้นตัว และเป็นช่วงที่ผู้บริโภคจำเป็นต้องใช้จ่ายในหลายเทศกาลไตรมาสแรกนี้เคทีซีจึงต้องการแบ่งเบาภาระค่าครองชีพให้กับผู้บริโภค โดยในหมวดของการช้อปออนไลน์ที่มีกลุ่มผู้บริโภคตอบรับมากขึ้นเรื่อยๆ เราได้เตรียมความคุ้มค่าไว้มอบให้กับสมาชิกบัตรเครดิตเคทีซี และสมาชิกบัตรกดเงินสด “เคทีซี พราว” ในแคมเปญ 3.3 ลดใหญ่ต้นปี เพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำสิทธิพิเศษในหมวดช้อปออนไลน์ ซึ่งมี “ช้อปปี้” (Shopee) เป็นพันธมิตรที่ทำธุรกิจร่วมกันมายาวนาน และเป็นอีคอมเมิร์ซเบอร์ต้นๆ ที่ครองใจนักช้อปชาวไทย โดยในปีที่ผ่านมา 5 หมวดสินค้ายอดนิยมที่มีการใช้จ่ายด้วยบัตรเคทีซีผ่านช้อปปี้ ได้แก่ ของใช้ในบ้าน ความงามและของใช้ส่วนตัว สุขภาพ เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน อุปกรณ์มือถือและแก็ดเจ็ท (Gadget)” 

“สำหรับสิทธิพิเศษที่เคทีซีจัดเตรียมให้กับสมาชิกในแคมเปญดังกล่าว คือ 1) แลกรับโค้ด Shopee มูลค่า 333 บาท  โดยใช้ 1,699 คะแนน KTC FOREVER แลกรับผ่านแอปพลิเคชัน “KTC Mobile” และนำโค้ดส่วนลดไปกรอกในแอป “ช้อปปี้” ก่อนการชำระด้วยบัตรเครดิตเคทีซี ระหว่างวันที่ 3 มีนาคม 2567 – 31 มีนาคม 2567 หรือ 2) รับส่วนลดสูงสุด 500 บาท เมื่อช้อปครบตามเงื่อนไขที่กำหนด สำหรับสมาชิกบัตรเครดิตเคทีซี และ บัตรกดเงินสด “เคทีซี พราว” โดยสมาชิกฯ ยังสามารถรับบริการผ่อนชำระ 0% นานสูงสุด 10 เดือน (เฉพาะสินค้าที่ร่วมรายการ) ในวันที่ 3 มีนาคม 2567

“นอกจากนี้ สมาชิกฯ ยังสามารถรับโค้ดส่วนลดอีกมากมายจนถึงวันที่ 31 พฤษภาคม 2567 อาทิ ส่วนลดทุกวันพุธเที่ยงวัน / ส่วนลดเฉพาะร้านค้า Shopee Mall / ส่วนลดวันเงินเดือนออก (PAYDAY) และส่วนลดรายเดือน ช้อปคุ้มค่าและครบครันบนช้อปปี้ ผ่านแคมเปญ Shopee 3.3 ลดใหญ่ต้นปี โดยสามารถค้นหารายละเอียดโปรโมชันเพิ่มเติมได้ที่ ktc.promo/shopee

ผู้สนใจสมัครบัตรเครดิตเคทีซีทุกประเภท คลิก https://ktc.today/apply-card สมัครบัตรกดเงินสด “เคทีซี พราว” คลิก https://ktc.today/KTC-PROUD หรือติดต่อ KTC PHONE โทร. 0-2123-5000 หรือศูนย์บริการสมาชิก “เคทีซี ทัช” ทุกสาขาทั่วประเทศ ทั้งนี้ ผู้ถือบัตรเครดิตควรใช้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนได้เต็มจำนวนตามกำหนด จะได้ไม่เสียดอกเบี้ย 16% ต่อปี สำหรับผู้ถือบัตรกดเงินสด “เคทีซี พราว” ควรกู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว 

เอสซีจี ยกทัพโซลูชันเพิ่มมูลค่าให้ธุรกิจและลดต้นทุนสำหรับธุรกิจโรงแรม (Hotel) ร้านอาหาร (Restaurant) และธุรกิจจัดเลี้ยง (Café and Catering) หรือ HoReCa ด้วยโซลูชันที่ครอบคลุมความต้องการของผู้ประกอบการและตอบโจทย์ทางธุรกิจที่หลากหลาย เพื่อสร้างความยั่งยืนในระยะยาว ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Upvalue Your Business ​with SCG Renovation Solutions​” ในงาน THAIFEX-HOREC Asia 2024 ระหว่างวันที่ 6-8 มีนาคมนี้ ณ อิมแพ็ค เมืองทองธานี

จากการฟื้นตัวของธุรกิจท่องเที่ยว โรงแรม ร้านอาหาร และการจัดเลี้ยง หลังสถานการณ์โควิด 19  จึงเป็นโอกาสที่ดีในการผลักดันประเทศไทยสู่การเป็นศูนย์กลาง HoReCa ของเอเชีย เอสซีจีพร้อมเป็นตัวช่วยให้ผู้ประกอบการในธุรกิจดังกล่าว ด้วยการเสริมจุดแข็งและเพิ่มมูลค่าทางธุรกิจในด้านต่าง ๆ ผ่าน 3 โซลูชันที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและความคุ้มค่า ได้แก่ “โซลูชันเรื่องเสียงครบวงจร” เพิ่มประสิทธิภาพเรื่องเสียงมาตรฐานโรงแรม 5 ดาวให้กับห้องพัก ห้องจัดเลี้ยง และห้องสัมมนาของโรงแรม ด้วยผนังกันเสียงและดูดซับเสียง เพื่อควบคุมคุณภาพเสียง พร้อมลดเสียงสะท้อนให้เหมาะสมกับพื้นที่และการใช้งาน  “โซลูชันบริหารจัดการพลังงาน” กับ SCG Solar Roof Solutions ระบบหลังคาโซลาร์ครบวงจร ช่วยลดต้นทุนค่าไฟฟ้าจากการใช้พลังงานอย่างคุ้มค่าและมีประสิทธิภาพสูงสุด ด้วยบริการให้คำปรึกษาด้านการบริหารจัดการพลังงานโดยวิศวกรผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางจากเอสซีจี อีกทั้งมีบริการหลังการขายที่คอยดูแล ให้คำแนะนำ ตรวจเช็กระบบ ตลอดอายุการใช้งาน พร้อมรับประกัน 25 ปี และ “โซลูชันรีโนเวทหลังคาอาคารขนาดใหญ่” ช่วยแก้ปัญหาหลังคารั่ว ร้าว เก่า โทรม ไม่ว่าจะเป็นการรื้อ-เปลี่ยนหลังคาทั้งผืน (Re-Roof) หรือซ่อมหลังคารั่วแบบ Top Up Roof โดยไม่ต้องรื้อหลังคาเก่าออก และบริการพ่นสีหลังคาใหม่ (Repaint) ทำให้สามารถดำเนินธุรกิจได้ตามปกติ มั่นใจได้เรื่องความสวยงามและความปลอดภัย เอสซีจีเชื่อมั่นว่า โซลูชันเหล่านี้จะช่วยเพิ่มความคุ้มค่าให้ธุรกิจในระยะยาวได้อย่างยั่งยืน ทั้งในด้านการลดต้นทุน และการเพิ่มมูลค่าทางธุรกิจด้วยประสิทธิภาพจากโซลูชันต่าง ๆ ที่พัฒนาจากสินค้าคุณภาพและความเชี่ยวชาญของเอสซีจี ที่จะช่วยแก้ปัญหาเฉพาะด้านได้อย่างตรงจุด รวมถึงการดูแลหลังการขายและการรับประกันที่ทำให้ผู้ประกอบการมั่นใจ ไร้กังวล

ทั้งนี้ นอกจากธุรกิจโรงแรม ร้านอาหาร และการจัดเลี้ยง เอสซีจียังมีบริการครบวงจรสำหรับธุรกิจอื่น ๆ ด้วย ทั้งอาคารสำนักงาน โรงพยาบาล สถานศึกษา รวมไปถึงโรงงานอุตสาหกรรม มาพบโซลูชันที่ตอบโจทย์ธุรกิจของคุณได้ที่บูธเอสซีจี โซน FURNISHING Hall 12 บูธ V24 ในงาน THAIFEX-HOREC Asia 2024 วันที่ 6-8 มีนาคม 67 ณ อิมแพ็ค เมืองทองธานี หรือสอบถามรายละเอียดบริการเพิ่มเติมได้ที่ SCG HOME Contact Center 02-586-2222

บริษัท ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค เบเวอเรจ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องดื่มภายใต้แบรนด์สินค้าของซันโทรี่และเป๊ปซี่โคในประเทศไทย ขอแนะนำผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุด สติงค์ เอเนอร์จีดริ๊งก์ กลิ่นสตรอเบอร์รี บลาสท์ (Sting Energy Drink Strawberry Blast) ตัวช่วยอัพเลเวลสำหรับชาวมูเตลู ครั้งแรกในประเทศไทยกับแบรนด์เครื่องดื่มให้พลังงานชื่อดังที่ตื๊ดซ่าไม่ซ้ำใคร ในรูปแบบไฮบริด ที่จะช่วยเติมเต็มความสดชื่นและเอเนอร์จีระหว่างวันได้แบบตื๊ดๆ ผสานความซ่าที่มาจากการอัดก๊าซอย่างลงตัว พร้อมด้วยรสชาติอร่อย หวานกำลังดี ให้ความสดชื่น และหอมกลิ่นสตรอเบอร์รี ตอบโจทย์สายมูชูกำลัง และสายตื๊ดสุดซ่าสไตล์ตัวจี๊ด มีให้เลือกในรูปแบบขวด PET ขนาด 295 มิลลิลิตร และ 300 มิลลิลิตร ทยอยวางจำหน่ายแล้วในร้านสะดวกซื้อ ร้านค้าปลีก-ส่ง ซูเปอร์มาร์เก็ต และห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั่วประเทศ

รวมถึงของมูเก็ตติ้งสะท้านโลกออนไลน์กับชุดสินค้าลิมิเต็ดอิดิชัน สติงค์ ชุดน้ำแดงไหว้ศาล (Sting Wish Kit) ประกอบด้วยเครื่องดื่มสติงค์ เอเนอร์จีดริงก์ พวงมาลัยสีแดง และธูปสีแดงแรงฤทธิ์ 9 ดอก พร้อมแผ่นทอง เหมาะสำหรับสายมูใช้ไหว้ศาล เพราะสายมูตัวจริงต้องไปต่อให้สุด…แล้วหยุดที่ สติงค์ เอเนอร์จีดริงก์ อยากตื๊ดซ่า ไม่ตกเทรนด์ ต้องรีบจับจองทาง LazMall @PepsiCo Thailand บนแพลตฟอร์ม Lazada เท่านั้น สอบถามหรือติดตามรายละเอียดกิจกรรมต่างๆ เพิ่มเติมได้ทาง Facebook: Sting Thailand

บริษัท กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้านบริษัทประกันชีวิต และสุขภาพ ร่วมกับ บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) ผู้นำธุรกิจไลฟ์สไตล์เอ็นเตอร์เทนเมนต์ครบวงจร ฉลองเปิด โรงภาพยนตร์ระดับเวิลด์คลาส “Siam Pavalai Royal Grand Theatre by Krungthai-AXA Life” เพื่อสร้างประสบการณ์สุดพิเศษเหนือระดับให้กับลูกค้าคนสำคัญ พร้อมมอบโปรโมชัน และสิทธิประโยชน์ให้กับลูกค้า กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต ณ ชั้น 6 พารากอนซีนีเพล็กซ์ ศูนย์การค้าสยามพารากอน

นางแซลลี่ โอฮาร่า ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “บริษัทฯ ในฐานะผู้สนับสนุนเนมมิ่งสปอนเซอร์โรงภาพยนตร์ระดับเวิลด์คลาส Siam Pavalai Royal Grand Theatre by Krungthai-AXA Life รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้ร่วมเป็นพันธมิตรกับเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป ในการสนับสนุนในครั้งนี้ ทั้งนี้การสนับสนุนดังกล่าว ถือเป็นอีกหนึ่งในแผนการตลาดของบริษัทฯ ในปี 2024 Year of Double Growth เพื่อเป็นการมอบความสุข และการบริการที่เหนือระดับ พร้อมตอบแทนลูกค้าที่ให้ความไว้วางใจบริษัทฯ ให้ดูแลอย่างต่อเนื่อง บริษัทฯ ได้จัดกิจกรรมที่หลากหลายเพื่อตอบสนองทุกไลฟ์สไตล์ของลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของ Health Wealth Travel Lifestyle และรวมถึง Entertainment ซึ่งการรับชมภาพยนตร์ถือเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมทางเลือกที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก โดยความร่วมมือกับเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จะมีการจัดแคมเปญสุดพิเศษ รูปแบบใหม่ๆ พร้อมทั้งการบริการระดับเวิลด์คลาสจากโรงภาพยนตร์ Siam Pavalai Royal Grand Theatre by Krungthai-AXA Life ที่จะร่วมสร้างความประทับใจให้กับลูกค้าอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังเป็นอีกหนึ่งช่องทางในการสร้างการรับรู้ของแบรนด์ให้เติบโต สร้างประสบการณ์ การบริการที่สุดพิเศษเหนือระดับให้กับลูกค้าคนสำคัญ ของ กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต  ซึ่งตอกย้ำความมุ่งมั่น และเป้าหมายหลักของบริษัทฯ ในการมีลูกค้ามาเป็นที่หนึ่ง และพร้อมอยู่เคียงข้างทุกความเชื่อมั่น ดูแลกันตลอดไป

นายสุรเชษฐ์ อัศวเรืองอนันต์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายสื่อโฆษณาบริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ทางเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป และ กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต มีความมุ่งมั่น ที่จะส่งมอบความสุข สนุกสนาน เพื่อก้าวสู่ Top of Mind Brand ให้ลูกค้า นึกถึงเป็นเราอันดับต้นๆ ในด้านไลฟ์สไตล์เอ็นเตอร์เทนเมนต์ครบวงจร ผ่านสิทธิพิเศษต่างๆ ของ โรงภาพยนตร์ Siam Pavalai Royal Grand Theatre by Krungthai-AXA Life รวมถึงสร้างสรรค์กิจกรรมทางการตลาดอื่นๆ อาทิ คอนเสิร์ต การแสดงโชว์ กิจกรรมมีทแอนด์กรี๊ดของศิลปินทั้งไทยและต่างประเทศ รวมถึงการรับชมภาพยนตร์ที่ถ่ายทอดผ่านระบบ อันทันสมัย ด้วยนวัตกรรมระดับโลกควบคู่ความใส่ใจสิ่งแวดล้อม เพื่อสร้างความประทับใจและความพึงพอใจสูงสุดให้กับลูกค้า กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต นอกจากนี้ยังสามารถต่อยอดการสร้างโอกาสในการขยายฐานลูกค้าของกันและกันระหว่างลูกค้าของเมเจอร์ฯ และลูกค้าของ กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต ได้อีกด้วย

โรงภาพยนตร์ Siam Pavalai Royal Grand Theatre by Krungthai-AXA Life ตั้งอยู่บริเวณ ชั้น 6 ศูนย์การค้าสยามพารากอน มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย 2 ชั้น คล้ายโรงละคร มีเก้าอี้ทั้งหมด 1,164 ที่นั่ง โดยมีระบบการฉายภาพยนตร์แบบเลเซอร์โปรเจกชัน (Laser Projection System) เป็นนวัตกรรมด้านเทคโนโลยีระบบการฉายภาพใหม่ล่าสุดและดีที่สุดในโลก ให้ความคมชัดสว่างกว่าระบบฉายปกติถึง 20 เท่า สมจริงและความสดใสของภาพจากเครื่องฉายระบบเลเซอร์ ซึ่งเป็นระบบการฉายแบบ RealD 3D ทำให้ได้ภาพที่สว่างมากกว่าระบบปกติลดอาการปวดหัวและเมื่อยล้าสายตา ช่วยเพิ่มคุณภาพในการชมภาพยนตร์ระบบ 3 มิติ จอภาพแบรนด์ Harkness รุ่น Spectral 240 ซึ่งเป็นรุ่นใหม่ล่าสุดจากอเมริกาโดยเป็นจอ Silver Screen หรือจอภาพสีเงินที่สามารถสะท้อนแสงได้มากกว่าปกติถึง 50% ซึ่งเป็นจอภาพที่ส่งเสริมระบบการฉายแบบ RealD 3D ให้มีคุณภาพมากยิ่งขึ้นไปอีก นอกจากนี้ จอภาพของโรงภาพยนตร์ ยังถือว่าเป็นจอที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ให้คุณได้สัมผัสกับมุมมองของภาพที่กว้างจนสุดลูกหูลูกตา”

สำหรับสำหรับลูกค้า กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต เตรียมพบกับสิทธิพิเศษสุดประทับใจได้เร็วๆ นี้ ที่ www.krungthai-axa.co.th และ แอปพลิเคชัน Emma by AXA หรือติดตามรายละเอียดโปรโมชั่นเพิ่มเติมได้ที่ www.majorcineplex.com และ www.facebook.com/MajorGroup

องค์กรพิทักษ์สัตว์แห่งโลก ประเทศไทย เปิดโครงการ “กองทุนช่วยเหลือเพื่อไถ่ชีวิตช้าง” โดยมีเป้าหมายเพื่อนำเงินไปช่วยเหลือช้างออกจากสถานที่เลี้ยงดูที่มีสภาพไม่เหมาะสม และมีสวัสดิภาพต่ำ ให้พ้นจากวงจรชีวิตที่ทุกข์ทรมานจากการถูกกักขังและถูกฝึกด้วยวิธีการที่โหดร้ายเพื่อร่วมทำกิจกรรมกับนักท่องเที่ยว เช่น ขี่ช้าง อาบน้ำช้าง โชว์ช้าง ฯลฯ อีกทั้งช้างเหล่านี้ยังต้องถูกผสมพันธุ์อย่างไม่เป็นไปตามธรรมชาติ ที่เรียกว่า “การผสมพันธุ์เชิงพาณิชย์” เพื่อการแสวงหาประโยชน์จากลูกช้างเกิดใหม่ซึ่งต้องถูกพรากแม่พรากลูก จนนำเข้าสู่วงจรชีวิตที่ทุกข์ทรมานอย่างไม่มีวันสิ้นสุด โดยกองทุนนี้จะสามารถช่วยไถ่ชีวิตช้างอย่างยั่งยืนโดยมั่นใจได้ว่าช้างทุกตัวที่ได้รับการไถ่ตัว จะมีคุณภาพชีวิตที่ดีตลอดชั่วอายุขัย และไม่ต้องถูกส่งกลับไปทำงานเพื่อสร้างความบันเทิงให้กับนักท่องเที่ยวอีกต่อไป

“คำแพง” ช้างเพศเมีย อายุ 54 ปี ในอดีตถูกบังคับให้ทำงานอย่างหนัก ตั้งแต่งานลากซุง และกิจกรรมที่สร้างความบันเทิงแก่นักท่องเที่ยว ทำให้มีสภาพร่างกายที่ซูบผอมมากอย่างเห็นได้ชัด ตาบอดหนึ่งข้าง และไม่เหลือฟันสำหรับเคี้ยวอาหารอีกต่อไป นอกจากนี้ ยังพบร่องรอยของความทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัสเมื่อคำแพงทำงานไม่ได้ ก็จะถูกล่ามโซ่ไม่ให้เคลื่อนที่ไปไหนทั้งวัน ทำได้เพียงโยกตัวไปมาอย่างรุนแรง ซึ่งบ่งบอกถึงสภาวะความเครียดของช้าง “คำแพง” เพิ่งได้รับชีวิตใหม่ โดยการช่วยเหลือจากองค์กร Unchained Elephants ให้มีโอกาสได้ใช้ชีวิตช่วงบั้นปลายที่สงบสุขอย่างยั่งยืน โดยอาศัยอยู่ที่มูลนิธิสมบูรณ์เลกาซี่ จังหวัดกาญจนบุรี หนึ่งในปางช้างเป็นมิตรกับช้างที่องค์กรพิทักษ์สัตว์แห่งโลกให้การสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง

“คำแพง” คือหนึ่งในตัวอย่างของช้างอีกกว่า 3 พันตัว ในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวที่กำลังอยู่อย่างทุกข์ทน และรอคอยชีวิตใหม่ที่มีอิสระตามธรรมชาติ อย่างที่สัตว์ป่าทุกตัวควรจะได้รับ “กองทุนช่วยเหลือเพื่อไถ่ชีวิตช้าง” จึงเป็นสุขสุดท้ายที่จะทำให้ช้างได้พบกับบั้นปลายของชีวิตที่มีความสุข โดยไม่ต้องมีชีวิตที่เสี่ยงต่อการถูกนำกลับไปใช้งานในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวที่โหดร้ายทารุณ

ปัจจุบันองค์กรพิทักษ์สัตว์แห่งโลก ได้ทำงานร่วมกับปางช้างที่มีสวัสดิภาพการเลี้ยงดูช้างระดับสูงจำนวน 10 แห่งทั่วประเทศ ซึ่งจากการทำงานร่วมกับปางช้างเหล่านี้ ทำให้ได้เห็นถึงปัญหาและอุปสรรคที่สำคัญ นั่นคือค่าใช้จ่ายที่สูงมากเพื่อไถ่ชีวิตช้างให้เป็นอิสระจริง ๆ เพื่อไม่ทำให้ช้างต้องมีชีวิตที่เผชิญความเสี่ยงต่อการถูกนำกลับไปใช้งานในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวที่โหดร้ายทารุณอีกต่อไป ดังเช่นตัวอย่างความสำเร็จในการช่วยเหลือ “คำแพง” ทุกวันนี้ประเทศไทยยังมีช้างอีกจำนวนมากที่กำลังอยู่อย่างทุกข์ทน และรอคอยชีวิตใหม่ที่เป็นอิสระตามธรรมชาติ อย่างที่สัตว์ป่าทุกตัวควรจะได้รับ “กองทุนช่วยเหลือเพื่อไถ่ชีวิตช้าง” จึงเป็นสุขสุดท้ายที่แท้จริง ที่จะทำให้ช้างได้พับกับบั้นปลายของชีวิตที่มีความสุข

สำหรับ “ปางช้างที่เป็นมิตรต่อช้าง” ช้างแต่ละตัวที่ปางช้างแหล่านี้จะได้ใช้ชีวิตตามวิถีธรรมชาติไม่มีกิจกรรมที่นักท่องเที่ยวสัมผัสช้าง ไม่มีการบังคับขี่ช้าง ไม่มีการแสดงโชว์ ไม่มีกิจกรรมอาบน้ำช้าง ถูตัวช้าง ฯลฯ ช้างได้กินอาหารที่หลากหลาย มีสารอาหารที่จำเป็นและเพียงพอ ไม่ต่างจาก “คำแพง” ช้างทุกตัวมีสวัสดิภาพดีขึ้นทั้งร่ายกายและจิตใจ มีความสุขเพิ่มขึ้น พฤติกรรมต่าง ๆ ที่แสดงออกเปลี่ยนไปในเชิงบวก ทำให้ทั้งเจ้าของปางช้าง ควาญช้าง รวมทั้งนักท่องเที่ยวที่ได้สัมผัสประสบการณ์ใหม่นี้ มีความสุขจากการมอบความรักที่แท้จริงให้แก่ช้าง โดยพวกเราในฐานะนักท่องเที่ยวเป็นเพียงผู้เฝ้าดูชีวิตที่มีความสุขในแบบธรรมชาติของช้างเหล่านั้น 

ในช่วงเดือนแห่งความรักนี้ องค์กรพิทักษ์สัตว์แห่งโลก หวังที่จะเห็นช้างไทยที่เรารัก สัตว์ตัวยักษ์ที่แสนฉลาด น่ารัก และอบอุ่น ในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวในปัจจุบัน เป็นช้างรุ่นสุดท้ายของประเทศไทยที่ต้องวนเวียนอยู่ในวงจรแห่งความโหดร้ายทารุณนี้  เราทุกคนสามารถส่งมอบความรักที่แท้จริงให้แก่ช้างได้มีชีวิตใหมผ่าน “กองทุนช่วยเหลือเพื่อไถ่ชีวิตช้าง” ด้วยการบริจาคให้กับ มูลนิธิพิทักษ์สัตว์แห่งโลก (ประเทศไทย) ซึ่งจะสามารถช่วยให้ช้างให้ได้มีสวัสดิภาพและมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นทั้งทางตรงและทางอ้อม อีกทั้งยังเป็นส่วนหนึ่งที่สะท้อนให้เห็นว่าสังคมต้องการให้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวช้างทั่วประเทศ ปรับเปลี่ยนแนวทางการดูแลช้างให้ได้มาตรฐานด้านสวัสดิภาพและสนับสนุนการท่องเที่ยวด้วยหัวใจที่มีความรับผิดชอบมากขึ้น 

รายละเอียดโครงการและช่องทางบริจาค

1. เว็บไซต์องค์กรพิทักษ์สัตว์แห่งโลก ประเทศไทย

https://www.worldanimalprotection.or.th/elephant-rescue-fund

2. โครงการปันบุญ ของธนาคารทหารไทยธนชาติ (Pun boon by TTB)

https://www.punboon.org/foundation/projects/01213003

หรือสแกน QR code ตามไฟล์แนบ (ใช้แอปพลิเคชันธนาคารใดก็ได้)

3. ธนาคารกสิกรไทย K+ Market ผ่านแอปพลิเคชันธนาคาร KBANK

- เปิดแอปพลิเคชันธนาคารกสิกรไทย

- ไปที่เมนู K+ market

- ค้นหาชื่อ “World Animal Protection”

- เข้าไปที่หน้าของมูลนิธิฯ

- กดเลือกโครงการที่ต้องการบริจาค ชื่อ “กองทุนช่วยเหลือเพื่อไถ่ชีวิตช้าง”

 

บ้านปู เน็กซ์ บริษัทลูกของบ้านปู ผู้ให้บริการโซลูชันพลังงานสะอาดชั้นนำในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ต่อยอดความแข็งแกร่งทางธุรกิจกับ SVOLT ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือจัดตั้งโรงงานและพัฒนาอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับการกักเก็บพลังงาน เซลล์แบตเตอรี่ และการรีไซเคิลแบตเตอรี่ ตั้งเป้าให้โรงงาน SVOLT Thailand แห่งนี้เป็นผู้นำในอุตสาหกรรมแบตเตอรี่ลิเธียมในประเทศไทย เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และภูมิภาคอื่นๆ โดยได้รับเกียรติจาก Mr. Yang Hongxin, Chairman และ CEO บริษัท เอส โวลต์ เอเนอร์จี้ เทคโนโลยี จำกัด (SVOLT) Mr. Zhang Feng, Vice President บริษัท เอส โวลต์ เอเนอร์จี้ เทคโนโลยี จำกัด (SVOLT) นางสมฤดี ชัยมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) นายสินนท์ ว่องกุศลกิจ Group Senior Vice President บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) และนายสมิทธิพร เศรษฐปราโมทย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู เน็กซ์ จำกัด ร่วมลงนามความร่วมมือ

SVOLT และบ้านปู เน็กซ์จะเป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ร่วมกันในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ในการประกอบแบตเตอรี่ลิเธียม ระบบกักเก็บพลังงาน การผลิตเซลล์แบตเตอรี่ และธุรกิจอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของตลาดในประเทศไทยและสอดรับกับนโยบายต่างๆ นอกจากนี้ จะศึกษาความเป็นไปได้ในการตั้งโรงงานผลิตระบบกักเก็บพลังงานในประเทศไทย และอัปเกรดสายการผลิตจากแบตเตอรี่สำหรับยานยนต์ไฟฟ้าเป็นระบบกักเก็บพลังงานอีกด้วย โดยจะเริ่มต้นจากการศึกษาความเป็นไปได้ในการผลิตเซลล์แบตเตอรี่ในไทยเพื่อขานรับนโยบายภาครัฐและเตรียมความพร้อมสำหรับการผลิตในปี พ.ศ. 2569 เป็นต้นไป พร้อมทั้งขยายขอบเขตความร่วมมือทางธุรกิจ การใช้ทรัพยากรร่วมกัน และการพัฒนาโครงการด้านระบบกักเก็บพลังงานเพื่อสร้างแผนธุรกิจใหม่ๆ สำหรับรุกตลาดทั้งในไทยและภูมิภาคอาเซียน ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย และทวีปอเมริกาเหนือ

นายสมิทธิพร เศรษฐปราโมทย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู เน็กซ์ จำกัด กล่าวว่า “วันนี้เป็นอีกก้าวสำคัญของบ้านปู เน็กซ์ ที่จะมุ่งขับเคลื่อนสังคมไร้คาร์บอนในอนาคต การต่อยอดความร่วมมือกับ SVOLT เพื่อตอกย้ำการเป็นพันธมิตรธุรกิจที่แข็งแกร่ง พร้อมเปิดโอกาสใหม่ในธุรกิจด้านการกักเก็บพลังงาน เซลล์แบตเตอรี่ และการรีไซเคิลแบตเตอรี่ อีกทั้งช่วยสร้างมูลค่าในธุรกิจแบตเตอรี่ของบ้านปู เน็กซ์ ให้ครบวงจรยิ่งขึ้น รวมถึงผลักดันให้เรานำจุดแข็งมาตอบสนองความต้องการของตลาดในประเทศและบุกเบิกนวัตกรรมต่างๆ ที่เกิดจากความร่วมมือทางการค้า ซึ่งจะช่วยขับเคลื่อนอนาคตที่ยั่งยืนให้ประเทศไทยและทั่วโลกได้”

Mr. Yang Hongxin, Chairman และ CEO บริษัท เอส โวลต์ เอเนอร์จี้ เทคโนโลยี จำกัด (SVOLT)  กล่าวว่า “เรารู้สึกยินดีที่หน่วยงานภาครัฐของไทยและบ้านปู เน็กซ์ ได้สนับสนุนการพัฒนาธุรกิจของ SVOLT ในประเทศไทย การลงนามในข้อตกลงครั้งนี้เป็นผลสำเร็จจากการทำงานร่วมกันของทั้งสองบริษัท ซึ่งจะนำจุดแข็งของแต่ละฝ่ายมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพื่อส่งเสริมการพัฒนาอุตสาหกรรมพลังงานรูปแบบใหม่ที่มีคุณภาพสูงในประเทศไทย เราเชื่อว่าความร่วมมือทางธุรกิจครั้งนี้ระหว่าง SVOLT และบ้านปู เน็กซ์ จะช่วยให้ SVOLT สามารถส่งมอบเทคโนโลยีและผลิตภัณฑ์แบตเตอรี่ล้ำสมัยสู่ตลาดไทยได้ดียิ่งขึ้น อีกทั้งช่วยส่งเสริมการพัฒนาตลาดพลังงานใหม่ในประเทศซึ่งจะช่วยให้ประเทศไทยกลายเป็นศูนย์กลางการผลิตรถยนต์ระดับโลก และสร้างประโยชน์ให้กับธุรกิจและผู้บริโภคชาวไทย”

ในฐานะองค์กรด้านเทคโนโลยีโครงข่ายพลังงานระดับโลก SVOLT ได้ขยายฐานธุรกิจในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างต่อเนื่อง โดยในปี พ.ศ. 2566 ที่ผ่านมา ได้ร่วมมือกับบ้านปู เน็กซ์ ในหลายโครงการ ไม่ว่าจะเป็นการเริ่มก่อสร้างโรงงาน SVOLT Thailand อย่างเป็นทางการในเดือนกรกฎาคม การเข้าซื้อหุ้น SVOLT Thailand ของบ้านปู เน็กซ์ ในเดือนตุลาคม ตามมาด้วยกิจกรรมการเยี่ยมชมโรงงาน SVOLT ในเดือนพฤศจิกายนซึ่งได้รับเกียรติจากคณะผู้บริหารจากกระทรวงพลังงาน กระทรวงการคลัง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และสมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย ก่อนจะปิดท้ายด้วยการผลิตแบตเตอรี่ชุดแรกจากโรงงานของ SVOLT Thailand และบ้านปู เน็กซ์ ในเดือนธันวาคม ด้วยความร่วมมือในครั้งนี้ SVOLT และบ้านปู เน็กซ์ จะผนึกกำลังนำความแข็งแกร่งมาใช้ร่วมกันทั้งเทคโนโลยีและผลิตภัณฑ์ กลยุทธ์ระดับโลก และความหลากหลายทางธุรกิจ ซึ่งจะรวมไปถึงการร่วมมือกับบริษัทอื่นๆ ในประเทศ ในการพัฒนาเทคโนโลยี การผลิต และผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างการเติบโตให้กับตลาดพลังงานของไทยและส่งเสริมการใช้พลังงานที่มีประสิทธิภาพและสะอาดมากขึ้น

หนึ่งในความท้าทายสำคัญที่ทุกธุรกิจองค์กรต้องเร่งติดอาวุธครองใจลูกค้า

X

Right Click

No right click