โออิชิ อีทโตะ (OISHI EATO) ชวนลองของใหม่ พลาดไม่ได้กับ โออิชิ อีทโตะ เกี๊ยวซ่า ไส้หมูไก่ข้าวโพดเบคอน พร้อมจัดเต็มความอร่อย เอาใจสายเกี๊ยวซ่า ด้วยเกี๊ยวซ่าญี่ปุ่น แป้งบางนุ่ม เป็นเอกลักษณ์ ผสานรสชาติ และความหลากหลายของวัตถุดิบคุณภาพ เนื้อหมู เนื้ออกไก่ และเบคอน คลุกเคล้าเครื่องเทศเข้มข้น พร้อมผัก ทั้งข้าวโพดและกะหล่ำปลี ให้รสสัมผัสฟินในทุก ๆ คำ แบบไม่ต้องจิ้มน้ำจิ้ม โดยวางจำหน่ายทั่วประเทศแล้ววันนี้ ในราคาซองละ 35 บาท ที่ เซเว่น อีเลฟเว่น ทุกสาขา ติดตามข้อมูลข่าวสารและโปรโมชั่นอื่น ๆ ที่น่าสนใจเพิ่มเติม คลิกแฟนเพจโออิชิอีทโตะ : www.facebook.com/OishiEatoThailand 

สามารถตรวจสอบกรมธรรม์ประกันภัยที่ถือครองผ่านแพลตฟอร์ม LINE Official Account

บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) ร่วมกับ บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด ยกระดับบริการ Fixed Line (โทรศัพท์บ้าน) ในรูปแบบ Digital Voice ภายใต้แนวคิด “Any Device Anytime Anywhere @ The Same Price” เสนอ Solution ที่น่าสนใจยิ่งและมีประโยชน์เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายด้านโทรคมนาคมให้กับหน่วยงานภาครัฐและบริษัทเอกชน

พันเอก สรรพชัยย์ หุวะนันทน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “เอ็นที กับ ไมโครซอฟท์ ได้ร่วมกันทำกรอบข้อตกลง (MOU) ในการ Co-create Products & Services เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์บริการโทรศัพท์ประจำที่ ให้มีความเป็น Smart Product โดยสามารถเชื่อม ต่อเข้ากับ Digital Connected Workplace Platform ตอบสนองความต้องการของธุรกิจในปัจจุบัน  ได้ทั้งองค์กรภาครัฐและเอกชน ที่มีการใช้งานโทรศัพท์พื้นฐานกันอยู่แล้ว โดยใช้ชื่อบริการว่า “NT Digital Teams Phone” ที่สามารถใช้งานเลขหมายโทรศัพท์พื้นฐานเดิมร่วมกับ Microsoft Teams Phone ได้จากทุก พื้นที่ทั่วไทย รวมถึงในต่างประเทศ ผ่านโครงข่ายอินเทอร์เน็ตที่กระจายอยู่ทุกพื้นที่ทั่วโลก

   

นางชนิกานต์ โปรณานันท์ รองกรรมการผู้จัดการธุรกิจภาครัฐและการศึกษา บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “การร่วมมือกันในครั้งนี้ NT Digital Teams Phone เป็นผลผลิตส่วนหนึ่ง ในการพัฒนาและต่อยอดบริการโทรศัพท์ประจำที่ให้ก้าวไปสู่ยุคดิจิตอล อย่างเต็มรูปแบบ ผ่าน Application Microsoft Teams ในการนำบริการโทรศัพท์ประจำที่ของ NT มาต่อยอด พัฒนาการให้บริการ ให้สามารถตอบสนองความต้องการใช้งาน IT ในยุคดิจิทัล เพื่อรองรับ การทำงานแบบ Hybrid Work ที่สมบูรณ์แบบ ให้ทุกธุรกิจได้สัมผัสประสบการณ์การสื่อสาร แบบ All-in-one communication”

บริการ “NT Digital Teams Phone” จะทำงานผ่านบริการ Microsoft Teams ที่มีให้บริการอยู่โดย เสริมประสิทธิภาพการใช้ Voice ผ่าน โทรศัพท์ประจำที่ ที่มีอยู่ให้เกิดประสิทธิภาพ ในการใช้งานมากยิ่งขึ้น สามารถตอบสนองลูกค้าในการสื่อสารออนไลน์ การส่งข้อมูลออนไลน์ การประชุม ออนไลน์ได้ แม้แต่การติดต่อกันผ่านโทรศัพท์ ได้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น บริการนี้จะช่วยให้การติดต่องาน หรือการประชุมสะดวกราบรื่นตลอดเวลา โดยไม่ต้องแจ้งเลขหมายใหม่หรือ ใช้เลขหมายมือถือส่วนตัว ในการติดต่อ ทำให้ธุรกิจต่างๆ สามารถควบคุมภาระค่าใช้จ่ายในการดูแลระบบโทรคมนาคมภายในองค์กรได้เป็น อย่างดี นอกจากนี้ยังมีจุดเด่นอื่นๆ อีกมากมายที่เป็น Feature ของบริการที่สามารถ ทำได้อย่างหลากหลาย และมากกว่าตู้สาขาปกติทั่วไป เปรียบเสมือนเป็นการ Upgrade บริการโทรศัพท์บ้านหรือ Fixed Line ให้มีคุณภาพที่สูงขึ้น ในขณะที่ลดค่าใช้จ่ายลงได้อย่างชัดเจน

พันเอกสรรพชัยย์ฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า เอ็นที มีภารกิจสำคัญในการให้บริการที่ทันสมัยมีคุณภาพ โดยใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในการเพิ่มศักยภาพขององค์กรในทุกๆ ด้าน โดยเฉพาะหน่วยงานภาครัฐที่ต้องก้าวเป็น Digital Government ในอนาคต โดยบริการ NT Digital Teams Phone ตั้งเป้าหมายกลุ่มลูกค้าในระยะแรก จะเป็นกลุ่มลูกค้าธุรกิจ SMEs Corporate , ราชการ และรัฐวิสาหกิจ  ที่มีการใช้โทรศัพท์ ประจำที่ทุกระบบผ่านตู้สาขา PBX ซึ่งอาจมีสาขาอยู่ในคนละพื้นที่ด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กลุ่มลูกค้าที่ได้มี การใช้งาน License Microsoft Office 365 อยู่แล้ว โดยคาดการว่าจะมีองค์กรต่างๆ สนใจใช้บริการ ไม่น้อยกว่า 20% ของฐานลูกค้าในปัจจุบัน คิดเป็นมูลค่าประมาณ 5 พันล้านบาท ภายในไตรมาสที่สี่ของปีนี้

ชูภาพงานออกแบบอาคาร ด้วยรางวัลชนะเลิศระดับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

วิทยาลัยบริหารธุรกิจนวัตกรรมและการบัญชี (CIBA) มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (DPU) ร่วมกับ  กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเวทีประชันคนรุ่นใหม่ “โครงการแข่งขันเกมจำลองบริหารธุรกิจนวัตกรรมและความยั่งยืน” ชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ประจำปีการศึกษา 2567 ครั้งที่ 2 จุดประกายความคิดสร้างสรรค์ ปั้นคนรุ่นใหม่สู่สุดยอดนักกลยุทธ์ ติดอาวุธผู้ประกอบการในอนาคต เผยทีม Leppard โรงเรียนวารีเชียงใหม่คว้าแชมป์ไปครอง

ดร. รชฏ ขำบุญ คณบดีวิทยาลัยบริหารธุรกิจนวัตกรรมและการบัญชี มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (DPU) เปิดเผยว่า มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ ในฐานะสถาบันการศึกษามุ่งมั่นในการพัฒนาคนรุ่นใหม่ให้มีทักษะความเป็นผู้ประกอบการ และ ทักษะการตัดสินใจ ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ การจัดแข่งขันเกมจำลองบริหารธุรกิจนวัตกรรมและความยั่งยืน ครั้งที่ 2 ในปีนี้ทางวิทยาลัยบริหารธุรกิจนวัตกรรมและการบัญชี (CIBA) มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์  (DPU) ได้ร่วมกับ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ โดยได้รับพระมหากรุณาธิคุณจาก สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พระราชทานถ้วยรางวัลแก่ทีมชนะเลิศ โดยการแข่งขันที่จัดขึ้นในวันศุกร์ที่ 16 กุมภาพันธ์ 2567  ที่ผ่านมา ณ ห้องประชุมปรีดี พนมยงค์ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์

โดย CIBA และกรมพัฒนาธุรกิจการค้าฯ เล็งเห็นถึงความสำคัญในการพัฒนาเยาวชนของประเทศให้มีทักษะการเป็นผู้ประกอบการ โดยร่วมมือร่วมใจกันจัดงานวันนี้ เพื่อเป็นเวทีให้กับนักเรียนในระดับมัธยมศึกษา และอาชีวะศึกษา ได้ฝึกทักษะการเป็นผู้ประกอบการ ผ่านโปรแกรม MonsoonSim

ดร. วรัญญู ศรีเชียงราย หัวหน้าหลักสูตรการจัดการโลจิสติกส์และโซ่อุปทาน วิทยาลัยบริหารธุรกิจนวัตกรรมและการบัญชี (CIBA) DPU และในฐานะผู้รับผิดชอบโครงการฯ กล่าวว่า CIBA จัดเวทีแข่งขันเกมจำลองบริหารธุรกิจนวัตกรรมและความยั่งยืน ครั้งที่ 2 เป็นเวทีที่ชวนน้อง ๆ ม.4-6, ปวช. 1-3 หรือเทียบเท่า มาร่วมเปิดประสบการณ์การทำธุรกิจ และพัฒนาทักษะการเป็นผู้ประกอบการ (Entrepreneur)

ในปีนี้มีน้อง ๆ จากทั่วประเทศให้ความสนใจสมัครเข้าร่วมการแข่งขันมากถึง 38 ทีม โดยแบ่งออกเป็นทีมละ 3 ซึ่งเป็นการแข่งขันที่ใช้ทั้งความรู้ ความสามารถ ทักษะการคิดวิเคราะห์ การตัดสินใจ การใช้เหตุผล และการทำงานเป็นทีม ซึ่งเป็นทักษะของการก้าวสู่การเป็นผู้ประกอบการในอนาคต ผ่านเกมจำลอง (Business Simulation) MonsoonSim ซึ่งเกมนี้เป็นการช่วยฝึกทักษะนักวางแผนโลกเสมือนที่สร้างความรู้ ความเข้าใจการดำเนินธุรกิจ และปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการทำธุรกิจ

“เกมจำลองนี้สามารถนำธุรกิจในโลกปัจจุบันมาให้น้อง ๆ ได้ฝึกคิด วิเคราะห์ดาต้า และวางแผนได้อย่างดี ทำให้เกิดการเรียนรู้ในกระบวนการซัพพลายเชน ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ ถึงปลายน้ำ บริการต้นทุนอย่างไร และคู่แข่งขันเป็นใครบ้าง ซึ่งก็ได้ให้โจทย์ให้พัฒนาแผนกลยุทธ์เพื่อเจาะตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้” ดร. วรัญญู กล่าว

สำหรับการตัดสินใช้ตามเกณฑ์ชี้วัดทางธุรกิจ แบ่งเป็น Operation Expense, Space Utilization, Market Share, Revenue และ Net Profit โดยการแข่งขันเกม MonsoonSIM จะแบ่งเป็น 2 รอบ ๆ ละ 100 คะแนน  รวมเป็น 200 คะแนน

โดยรางวัลชนะเลิศในปีนี้ได้แก่ ทีม Leppard โรงเรียนวารีเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่ ได้รับถ้วยพระราชทานสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ประจำปีการศึกษา 2567 ครั้งที่ 2, รองชนะเลิศอันดับ 1 ทีม Blue Horizon โรงเรียนวารีเชียงใหม่, รองชนะเลิศอันดับ 2 ทีม BualoyMhoogrob โรงเรียนเทพศิรินทร์ นนทบุรี , รองชนะเลิศอันดับ 3 ทีม We Bare Bears โรงเรียนราชวินิต บางเขน กรุงเทพฯ

ส่วนทีมที่ได้รับรางวัลชมเชยได้แก่ ทีม FWB (friend with business) โรงเรียนวชิรธรรมสาธิต กรุงเทพฯ , ทีม LIPTON โรงเรียนเทพศิรินทร์ จ.นนทบุรี และ ทีม SB school โรงเรียนสว่างบริบูรณ์วิทยา จ.ชลบุรี

“การแข่งขันจัดขึ้นเป็นปีที่ 2 มีความตั้งใจให้น้อง ๆ ได้เรียนรู้โลกธุรกิจก่อน โดยไม่ต้องรอจนกว่าจะเรียนจบแล้วออกไปทำงาน วันนี้ทุกคนที่เข้าร่วมการแข่งขันมีโอกาสใช้ทุกทักษะความรู้ด้านการตลาด การขาย และการบริหารจัดการต้นทุนสินค้าผ่านเกมจำลอง (Business Simulation) MonsoonSim ซึ่งเป็นการบ่มเพาะความรู้ก่อนที่น้อง ๆ ได้เข้าเรียนในระดับปริญญาตรี”  ดร. วรัญญู กล่าว

 ด้านทีม Leppard ที่คว้ารางวัลชนะเลิศ “โครงการแข่งขันเกมจำลองบริหารธุรกิจนวัตกรรมและความยั่งยืน” ครั้งที่ 2 ประกอบด้วย นายธนัท น่วมอนงค์ (จ๊อบ) , นายภูณภัฑฐ จูฑะพุทธิ (ภู) และ นายรอนนี่ นริศ สตุดวิค (รอนนี่)  ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ห้อง IDIP (International Digital Innovation Program จาก โรงเรียนวารีเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่

โดยผู้ชนะจากทีม Leppard ทั้ง 3 คน ร่วมกล่าวเปิดใจว่า “รวมทีมและเตรียมความพร้อมกันประมาณ 1 เดือนก่อนวันแข่งขันจริง และ เมื่อการแข่งขันเริ่มต้นได้รับโจทย์ให้วางแผนการทำตลาดน้ำผลไม้ ทำตลาดในเอเชียก็เริ่มวางแผนกันในเกม พร้อมกับแบ่งหน้าที่กันทำงาน ได้แก่ การนำเข้าส่งออกสินค้า การกำหนดราคา และการตลาด จากนั้นก็ช่วยกันวิเคราะห์ และกำหนดกลยุทธ์ ไม่ว่าจะเป็น กิจกรรมอีเวนท์ การปรับราคาในแต่ละช่วงเวลา รวมถึงการเลือกใช้มีเดีย ซึ่งจุดแข็งของทีมที่สามารถชนะในปีนี้ได้นั้น คิดว่าเป็นการวางแผนเพื่อลดต้นทุนและการกำหนดราคา  รวมทั้งการสื่อสารในทีมที่ทำกันได้ดี ตั้งใจว่าจะนำประสบการณ์ที่ได้รับในการร่วมแข่งขันนี้ไปใช้กับการทำธุรกิจในอนาคต”

โครงการแข่งขันเกมจำลองบริหารธุรกิจนวัตกรรมและความยั่งยืน ชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ประจำปีการศึกษา 2567 เป็นอีกหนึ่งเวทีพัฒนาทักษะและแผนงานธุรกิจอย่างสร้างสรรค์ สอดรับกับการเปลี่ยนแปลงในโลกธุรกิจยุคใหม่ที่ทุกคนต้องเตรียมพร้อมปรับตัวทางเทคโนโลยีและการสื่อสาร

“การพัฒนาคนรุ่นใหม่ให้มีทักษะการวางแผน วิเคราะห์ ตัดสินใจ และการสื่อสาร พร้อมรับกับความท้าทายใหม่ ๆ เป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะด้านเทคโนโลยี AI ที่จะเข้ามามีบทบาทอย่างมากกับการทำธุรกิจในอนาคต ซึ่งเป็นแนวทางการเรียนการสอนของ CIBA ที่เปิดโอกาสของการเรียนรู้ และมีประสบการณ์จริงระหว่างการศึกษา เพื่อให้ได้ฝึกคิดกลยุทธ์ แล้วหาคำตอบผ่านเกมจำลอง เพื่อปูทางสู่การเป็นผู้ประกอบการที่ประสบความสำเร็จในอนาคต” ดร. วรัญญู กล่าวเสริมในตอนท้าย

เติบโตในอัตราเลขสองหลักเป็นปีที่ 3 ติดต่อกัน1 และเป็นอีกปีที่มีผลการดำเนินงานโดดเด่นเหนือคู่แข่งในตลาด

บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) จำกัด จัดอีเวนท์ครั้งใหญ่เพื่ออวดโฉมเทคโนโลยี Huawei Cloud Stack ซึ่งตอบโจทย์การให้บริการโซลูชันคลาวด์ที่ปลอดภัยและน่าเชื่อถือ ให้กับศูนย์ข้อมูลของกลุ่มลูกค้าองค์กรในประเทศไทย ด้วยความทุ่มเทอย่างต่อเนื่องในการพัฒนาเทคโนโลยีคลาวด์ของหัวเว่ย เสริมความแกร่งด้วยจุดยืน “Huawei Cloud Stack: ที่สุดแห่งบริการคลาวด์เพื่อยกระดับสู่ความอัจฉริยะ” สอดคล้องกับพันธกิจ “เติบโตในประเทศไทย สนับสนุนประเทศไทย” ของหัวเว่ย รวมถึงความมุ่งมั่นในการนำเสนอโซลูชันที่เปี่ยมด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย ปูทางขับเคลื่อนประเทศไทยสู่การเป็นศูนย์กลางด้านดิจิทัลแห่งภูมิภาคอาเซียนในอนาคต

งาน Huawei Cloud TechDay Thailand 2024 ครั้งนี้ จัดขึ้น ณ โรงแรมอีสติน แกรนด์ พญาไท กรุงเทพมหานคร ในหัวข้อ “Huawei Cloud Stack: ที่สุดแห่งบริการคลาวด์เพื่อยกระดับสู่ความอัจฉริยะ” โดยมีเป้าหมายเพื่อผลักดันศักยภาพการใช้งานคลาวด์ในประเทศไทย เนื่องจากคลาวด์ถือเป็นหนึ่งในโครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีที่สำคัญสำหรับอุตสาหกรรมหลายพันแห่ง และระบบไฮบริดคลาวด์ก็ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในองค์กร จากจุดเด่นด้านการใช้งานแบบอเนกประสงค์, ต้นทุนต่ำ, ปรับการใช้งานเข้ากับอุปกรณ์ที่มีอยู่ได้อย่างครอบคลุมและมีนวัตกรรมการบริการที่ทันสมัย ภายในงานนี้ มีจำนวนพาร์ทเนอร์ของหัวเว่ยในประเทศไทยเข้าร่วมมากกว่า 30 ราย และมีเป้าหมายในการส่งเสริมอีโคซิสเต็มคลาวด์ในประเทศไทยให้แข็งแกร่ง

นายวิคเตอร์ หลัว ผู้อำนวยการด้านสถาปัตยกรรมโซลูชัน หัวเว่ย คลาวด์ ประเทศไทย ได้ขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ในงานว่า “ปัจจุบันภาครัฐและองค์กรล้วนต้องการการบริการด้าน AI และบิ๊กดาต้า เพื่อรองรับนวัตกรรมด้านแอปพลิเคชันต่าง ๆ ทั้งนี้ การประมวลผลด้วยเทคโนโลยีคลาวด์สามารถช่วยสร้างสถาปัตยกรรมในรูปแบบเดิมได้อย่างรวดเร็ว ตอบโจทย์ความต้องการทางธุรกิจใหม่ขององค์กรในหลากหลายระดับได้อย่างเหมาะสม อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่ธุรกิจเติบโตอย่างก้าวกระโดดด้วยคลาวด์ในรูปแบบเดียว (single-form cloud) มีข้อจำกัดในการประมวลผลข้อมูลจำนวนมหาศาลทำให้ไม่สามารถวิเคราะห์ผลได้แบบเรียลไทม์ เทคโนโลยี Huawei Cloud Stack จึงมอบโซลูชันที่ทรงประสิทธิภาพเพื่อตอบโจทย์ความท้าทายนี้ ด้วยศักยภาพในการเชื่อมต่อและประมวลผลข้อมูลจากเทคโนโลยีขั้นสูง เช่น ฐานข้อมูลต่าง ๆ , บิ๊กดาต้า และปัญญาประดิษฐ์ (AI) ได้อย่างไร้ข้อจำกัด”

ผู้นำด้านเทคโนโลยี

จุดแข็งของ Huawei Cloud Stack คือความเชี่ยวชาญในการผสานนวัตกรรมระบบคลาวด์และข้อมูลของหัวเว่ย ตลอดจนการประยุกต์ใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และการพัฒนาบริการคลาวด์ อย่างต่อเนื่อง ด้วยความเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยี พื้นที่เก็บข้อมูลได้รับการพัฒนาให้เป็นแบบอัจฉริยะ โดยยกระดับประสิทธิภาพการวิเคราะห์ข้อมูลได้สูงขึ้น 30%, ในขณะเดียวกันการบูรณาการข้อมูลและการหมุนเวียนสินทรัพย์ในระบบคลาวด์ช่วยเพิ่มมูลค่าข้อมูล ด้วยบริการคอนเทนเนอร์ระดับองค์กรที่ใช้งานร่วมกับโอเพ่นซอร์สแบบ K8 ได้ 100% นอกจากนี้ Huawei Cloud Stack ยังเป็นแพลตฟอร์ม AI แบบครบวงจร ที่ช่วยพัฒนา AI ในระดับอุตสาหกรรม และมอบความสามารถในการประมวลผลอัลกอริธึม AI ในสถานการณ์ที่หลากหลาย พร้อมแพลตฟอร์มการจัดการวงจรการพัฒนา AI อย่างเต็มรูปแบบ รวมถึงการประยุกต์ใช้งานและสร้างกระบวนการดำเนินการอีกด้วย

ยืนหนึ่งด้านความปลอดภัยและความน่าเชื่อถือ

รากฐานคลาวด์เนทีฟประสิทธิภาพสูงของ Huawei Cloud Stack ทำให้การกู้คืนข้อมูลหลังเหตุวิกฤติทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่จำเป็นต้องสร้างสถาปัตยกรรมใหม่ องค์กรจึงสามารถปกป้อง กู้คืนข้อมูล และแอปพลิเคชันได้อย่างปลอดภัยและมีความน่าเชื่อถือ สถาปัตยกรรมด้านความปลอดภัยที่ครอบคลุม พร้อมด้วยระบบการควบคุมสิทธิ์การเข้าถึง มอบปราการป้องกันถึง 7 ชั้นและเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานสูงขึ้นถึง 10 เท่า นอกจากนี้ ประสบการณ์อันยาวนานในอุตสาหกรรมและการขยายธุรกิจอย่างครอบคลุมของหัวเว่ย ส่งผลให้มีการเข้าถึงโซลูชันเฉพาะอุตสาหกรรมเพื่อยกระดับการใช้งานและส่งเสริมความปลอดภัยบนระบบคลาวด์ให้ดียิ่งขึ้น

ปัจจุบัน Huawei Cloud Stack ให้บริการลูกค้าภาครัฐและองค์กรมากกว่า 5,200 รายใน 150 ประเทศทั่วโลก ซึ่งรวมถึงระบบคลาวด์ของรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (e-government) ใน 800 หน่วยงาน, สถาบันการเงิน 300 แห่ง, และองค์กรชั้นนำติดอันดับ Fortune Global 500 ถึง 70 แห่ง นอกจากนี้ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ยังได้มีการใช้เทคโนโลยี Huawei Cloud Stack กับระบบคลาวด์ของภาครัฐและองค์กรมากกว่า 200 ระบบ ครอบคลุมทั้งการบริหารงานภาครัฐ, การเงิน, สายการบินและองค์กรขนาดใหญ่

ผู้นำด้านคลาวด์และ AI

ด้วยผลงานชั้นนำด้านนวัตกรรมเทคโนโลยี AI, องค์ความรู้ในอุตสาหกรรมที่ครอบคลุม และการบริการที่เป็นเลิศ Huawei Cloud Stack พร้อมให้การสนับสนุนและผลักดันองค์กรไทยสู่การปลดล็อกศักยภาพดิจิทัล และปูทางสู่การพลิกโฉมประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางดิจิทัลชั้นนำในภูมิภาค ซึ่งรวมถึงการสนับสนุนจากทีมบริการในประเทศของหัวเว่ย ครอบคลุมการบริการระดับมืออาชีพกว่า 80 รายการ สำหรับลูกค้าและแบรนด์ต่าง ๆ เพื่อปรับใช้ให้ตรงกับความต้องการของธุรกิจ ในปัจจุบันหัวเว่ย คลาวด์ ครองอันดับหนึ่งในกลุ่มผู้นำด้านบริการคลาวด์ และขับเคลื่อนอุตสาหกรรมดังกล่าวด้วยความเชี่ยวชาญที่หลากหลาย ครอบคลุมทั้งสามด้าน ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านการบริการไฮบริดคลาวด์ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ที่กำลังพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้ง

นอกจากนี้ หัวเว่ย คลาวด์ ได้ผนึกกำลังร่วมกับโครงการพัฒนาระบบคลาวด์กลางภาครัฐ (GDCC) และลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) กับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (MDES) ในประเทศไทย เพื่อผลักดันการบูรณาการข้อมูลและยกระดับประสิทธิภาพการดำเนินงานของรัฐบาลดิจิทัล ทั้งนี้หัวเว่ยยังจับมือกับโรงพยาบาลศิริราช นำเทคโนโลยี Huawei Cloud Stack มาใช้เพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีแบบครบวงจร ทำให้มีความยืดหยุ่นและเพิ่มประสิทธิภาพการบริการด้านไอทีผ่านสถาปัตยกรรมอัจฉริยะ นอกจากนี้หัวเว่ย คลาวด์ ร่วมกับริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) นำ Huawei Cloud Stack ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาระบบคลาวด์สำหรับรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ในระดับประเทศ ยกระดับศักยภาพไฮบริดคลาวด์ในประเทศและฟูลสแต็กสำหรับหน่วยงานต่างๆของภาครัฐ ตลอดจนพัฒนาขีดความสามารถด้านการบริการของภาครัฐให้ดียิ่งขึ้น

ด้วยการพัฒนาอย่างต่อเนื่องและการลงทุนอย่างยั่งยืนในอีโคซิสเต็มและโครงสร้างพื้นฐานของระบบสถาปัตยกรรมคลาวด์ในประเทศ หัวเว่ยจึงได้รับความไว้วางใจจากภาครัฐและองค์กรชั้นนำในประเทศไทย ในการร่วมยกระดับประเทศไทยสู่ยุคอัจฉริยะด้วยบริการคลาวด์แบบไฮบริด, บริการคลาวด์สาธารณะ และบริการคลาวด์ส่วนตัว ยิ่งตอกย้ำพันธกิจระยะยาวของหัวเว่ยที่มีต่อประเทศไทยและการปูทางสู่การเติบโตอย่างมีคุณภาพด้วยการ 'ขับเคลื่อนทุกคนไปข้างหน้า โดยไม่ทิ้งใครไว้เบื้องหลัง'

กิ่งก้านใบ ผู้นำด้านการจัดสวนแนวโมเดิร์นฝีมือระดับโลก เผยไลฟ์สไตล์คนเมืองปัจจุบัน ดันธุรกิจออกแบบจัดสวนโตต่อเนื่อง พร้อมเปิดเทรนด์การจัดสวนโมเดิร์นสไตล์ Urban Living 2024 ตอบโจทย์และเติมเต็มทุกความต้องการของการใช้ชีวิตนอกตัวบ้านของคนยุคใหม่ที่ต้องการใกล้ชิดกับธรรมชาติ ในงาน “Ripple Retreat: The Garden Runway” นิทรรศการจำลองสวนขนาดย่อม และ Performing Runway ครั้งแรกของประเทศไทย ชี้ตลาดและดีมานด์การออกแบบจัดสวนในประเทศไทยและทั่วโลกยังขยายตัวได้อีกมาก สร้างโอกาสทางธุรกิจให้ผู้ประกอบการเกษตรทั้งระบบต้นน้ำ-กลางน้ำ-ปลายน้ำ

นายธวัชชัย ศักดิกุล สถาปนิก นักออกแบบ และผู้ก่อตั้ง บริษัท กิ่งก้านใบ จำกัด  เผยว่า หลังจากสถานการณ์โควิด 19 ระบาดหนัก ส่งผลต่อไลฟ์สไตล์และทำให้เกิดนิวนอมอลการใช้ชีวิตที่บ้านมายิ่งขึ้น ทำให้ความต้องการด้านออกแบบและจัดสวนขยายตัวโตตามไปด้วย ซึ่งสอดคล้องกับคอนเซปต์ Outdoor Living ของบริษัททื่ต้องการสนับสนุนให้ทุกคนใช้ชีวิตและทำกิจกรรมต่างๆ กลางแจ้งได้อย่างที่ต้องการ รวมทั้งจากการที่ได้เป็นบริษัทออกแบบและจัดสวนหนึ่งเดียวในประเทศไทยที่รับคัดเลือกไปโชว์จัดสวนในหมวด Urban Garden ในงาน RHS Chelsea Flower Show 2021 (อาร์เอชเอส เชลซี ฟลาวเวอร์ โชว์ 2021) มหกรรมแสดงดอกไม้และจัดสวนที่ยิ่งใหญ่และมีชื่อเสียงที่สุดในโลก ซึ่งมีมาอย่างยาวนานกว่า 112 ปี ณ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ทำให้เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางไปทั่วโลก และนับเป็นการเปิดโอกาสทางธุรกิจในระดับนานาชาติอีกด้วย ซึ่งจากการตอบรับอย่างดีเยี่ยมจากลูกค้าทั้งในและต่างประเทศทำให้มองเห็นดีมานด์ในตลาดที่ยังไม่ได้รับการเติมเต็ม จึงหันมาศึกษาไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของคนในประเทศต่างๆ รวมทั้งศึกษาสายพันธุ์ต้นไม้ที่เหมาะสมกับสภาพภูมิอากาศและ   ภูมิประเทศนั้นๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่บริษัทให้ความสำคัญและถือเป็นหนึ่งในมาตรฐานของบริษัทในการออกแบบจัดสวนให้ดูแลง่าย สามารถเติบโตไปตามกาลเวลาที่เปลี่ยนไป

หากธุรกิจออกแบบจัดสวนของไทยยิ่งเติบโตขึ้นมากเท่าไหร่ ยิ่งส่งผลดีในวงกว้างต่อผู้ประกอบการด้านเกษตรของไทยทั้งระบบตั้งแต่ต้นน้ำ-กลางน้ำ-ปลายน้ำ ทั้งผู้ที่คิดค้นผสมพันธุ์ไม้ใหม่ๆ คนขายต้นไม้ ผู้ผลิตปุ๋ยโดยเฉพาะประเทศไทยมีความสามารถและศักยภาพด้านเกษตร สามารถคิดค้นพันธุ์ไม้ที่มีเอกลักษณ์ สีสันสวยงามทนต่อสภาพแวดล้อมต่างๆ ได้ สิ่งนี้จะทำให้เกิดการพัฒนาด้านเกษตรของประเทศและดึงดูดเม็ดเงินมากมายเข้าสู่ประเทศไปยังภาคส่วนที่เกี่ยวข้องต่างๆ

กิ่งก้านใบก่อตั้งขึ้นในปี 2549 ให้บริการออกแบบสวนเพียงอย่างเดียว และออกแบบก่อสร้างงานจัดสวนแบบครบวงจร กว่า 17 ปี ที่รับหน้าที่สร้างความสุขภายใต้การออกแบบและจัดสวนสไตล์โมเดิร์นไปแล้วถึง 2,044 สวน แต่ละสวนใช้กำลังคนที่มีความเชี่ยวชาญในหน้าที่ต่างๆ กว่า 80 คน เพื่อช่วยเติมเต็มชีวิตและความสุขของลูกค้า และด้วยความเป็นนักออกแบบจึงให้ความสำคัญกับความงดงามเรียบง่าย แต่เต็มไปด้วยรายละเอียดสมบูรณ์แบบที่ตอบสนองทุกความต้องการของการใช้ชีวิตนอกบ้าน ทุกการออกแบบและทุกองศาขององค์ประกอบต่างๆ ที่เกิดขึ้นภายในสวน เกิดจากความตั้งใจและความใส่ใจที่จะมอบประสบการณ์ใหม่ให้กับการใช้ชีวิตและการทำกิจกรรมภายนอกตัวบ้าน จึงทำให้สวนที่กิ่งก้านใบออกแบบมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ไม่มีใครเหมือน

ก่อนที่จะผ่านการคัดเลือกได้โชว์จัดสวนในงาน RHS Chelsea Flower Show 2021 ลูกค้าใหม่ส่วนมากจะมาจาก Word of Mouth การบอกปากต่อปากจากลูกค้าเดิมที่ชื่นชอบผลงานของบริษัท รวมทั้งจากการทำช่อง YouTube : @gingchannel รวมผลงานการออกแบบจัดสวนของบริษัท และเกร็ดความรู้เพื่อการจัดสวนในแง่มุมต่างๆ เพื่อเป็นแหล่งข้อมูล และตัวอย่างงานจัดสวนของบริษัทให้กับผู้ที่ต้องการจัดสวน โดยสามารถแบ่งสัดส่วนลูกค้าในประเทศ 90% และลูกค้าต่างประเทศ 10% ได้แก่ อังกฤษ, ดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์, คูเวต, สิงค์โปร์, มาเลเซีย และอินโดนิเซีย หลังจากกนี้ทางบริษัทตั้งเป้าขยายฐานลูกค้าในกลุ่มไฮเอนด์ และผู้ที่ต้องการใช้ชีวิตและทำกิจกรรมกลางแจ้งต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศเพิ่มขึ้น

นางสาวพลอยทับทิม สุขแสง สถาปนิก นักออกแบบ และผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท กิ่งก้านใบ จำกัด กล่าวเพิ่มเติมว่า “เพื่อสร้างการรับรู้ในวงกว้างถึงเอกลักษณ์ของแบรนด์ และการออกแบบจัดสวนแนวโมเดิร์นที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ของทุกเจนเนอเรชั่นในครอบครัว จึงได้จัดงาน “Ripple Retreat: The Garden Runway” ขึ้นเป็นครั้งแรกในประเทศไทย โชว์ในรูปแบบเพอร์ฟอร์มมิ่ง รันเวย์ นำเสนอเทรนด์การจัดสวนบ้านในเมือง สไตล์เออเบิร์น ลิฟวิ่ง 2024 ในคอนเซ็ปต์ Ripple Retreat – หยุดพักไตร่ตรองและเชื่อมโยงกับธรรมชาติ เป็นสื่อกลางที่สื่อสารถึงกลุ่มเป้าหมายในเรื่องความเชี่ยวชาญและจุดยืนในการออกแบบจัดสวนที่เข้าใจถึงแก่นแท้ที่สะท้อนตัวตนและความต้องการของลูกค้าทุกคน”

การจัดโชว์ครั้งนี้ได้แรงบันดาลใจจากคอนเซปต์การจัดสวนโมเดิร์นสไตล์ Urban Living 2024 โดยใช้ต้นไม้ “ตระกูลซิตรัส” (Citrus Fruit) เป็นหัวใจหลัก เช่น ส้มจี๊ด เลม่อน และต้นไม้ชนิดอื่นๆ จำลองเป็นรูปแบบสวนสวยของคนเมือง เพื่อสะท้อนให้เห็นความสำคัญของพื้นที่สวนภายในบ้านที่ช่วยรีเฟรช ความรู้สึกและร่างกาย ปลดปล่อยความเครียดจากสิ่งต่างๆ ที่เจอมาในแต่ละวัน รวมถึงเป็นพื้นที่ๆ ทุกคนในครอบครัวได้ใช้เวลาและทำกิจกรรมร่วมกัน โดยแบ่งเป็น 6 ฟังก์ชันที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตกลางแจ้ง ได้แก่ Meditation pergola มุมพักผ่อนที่เงียบสงบเหมาะกับการนั่งสมาธิ, Living patio ลานนั่งเล่นกลางแจ้ง เหมาะสำหรับนั่งอ่านหนังสือ, Patio ลานกว้างกลางสวนสำหรับรองรับกิจกรรมต่างๆ, Swing ชิงช้าในสวนมุมนั่งเล่นสุดชิล, Plunge pool สระว่ายน้ำมุมโปรดของคนชอบออกกำลังกาย หรือต้องการรีเฟรชร่างกาย และ Dining area โซนโต๊ะอาหารกลางแจ้งสำหรับผู้ที่ชื่นชอบปาร์ตี้กับครอบครัวและเพื่อนฝูงอีกด้วย

ผู้ที่สนใจการออกแบบจัดสวนสไตล์โมเดิร์นของกิ่งก้านใบ ผู้นำด้านการออกแบบและจัดสวนสไตล์โมเดิร์นฝีมือระดับโลก สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.ginggaanbai.com หรือ ติดตาม อัปเดตเทรนด์สวนสไตล์ Urban Living ได้ที่ Facebook: กิ่งก้านใบ หรือ Youtube: @gingchannel

มั่นใจหลังปิดดีลยักษ์ใหญ่ ใน 5 ประเทศ ตอกย้ำวิสัยทัศน์ ‘CONNECTING THE WORLD’

X

Right Click

No right click