December 15, 2025

(จากซ้ายไปขวา): ครีสเตียน มึลเลอร์ กรรมการบริหาร HDI International AG; นิโคลัส ฟาเกต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ก่อตั้ง รู้ใจกรุ๊ป; เลแวน ชาแลมเบอริดซ์ หัวหน้าสายงานการเงินและอินชัวร์เทค ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออก บรรษัทเงินทุนระหว่างประเทศ

กรุงเทพฯ, ประเทศไทย – 28 มีนาคม 2566: รู้ใจ ประกันออนไลน์ ผู้นำด้านเทคโนโลยีอินชัวร์เทคสำหรับธุรกิจ B2C สัญชาติไทย ได้รับทุนจากการระดมทุนรอบ Series B มูลค่า 42 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยผู้ลงทุนรายใหม่ HDI International บริษัทในเครือ Talanx Group จากเยอรมนีซึ่งเป็นผู้ให้บริการด้านประกันภัยทั่วโลก โดยยังได้รับการระดุมทุนเพิ่มเติมจากผู้ลงทุนรายเก่า ในเครือธนาคารโลกอย่าง International Finance Corporation (IFC) เพื่อช่วยขยับขยายธุรกิจ

ในรอบการระดมทุนนี้ รู้ใจ ได้รับเงินทุนจำนวน 32 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และเงินทุนจำนวน 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในส่วนของธุรกรรมซื้อขายหุ้นรอง

รู้ใจ ได้เปิดตัวในประเทศไทยตั้งแต่ปี 2559 และขยายธุรกิจไปยังอินโดนีเซียเมื่อต้นปี 2565 ที่ผ่านมา หลังโมเดลธุรกิจประกันภัยแบบไร้รอยต่อประสบความสําเร็จในประเทศไทย โดยในปี 2565 รู้ใจ มีรายได้เบี้ยประกันภัยในประเทศเพิ่มขึ้น 25 เปอร์เซ็นต์ เป็นมูลค่า 38 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และสามารถขยายฐานลูกค้าได้เพิ่มขึ้นถึง 40 เปอร์เซ็นต์ เป็น 150,000 ราย อีกทั้งยังขยายพอร์ตผลิตภัณฑ์จากเดิมที่มีเพียงประกันรถยนต์ไปสู่ประกันสุขภาพและประกันอุบัติเหตุ

การลงทุนครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อเร่งขับเคลื่อนการเติบโตของรู้ใจในประเทศไทย โดยมุ่งเป้าเพิ่มความสําเร็จให้กับผลิตภัณฑ์ประกันภัยประเภทอื่น ๆ นอกจากนี้การลงทุนยังสนับสนุนการขยายฐานของบริษัทในประเทศอินโดนีเซีย และภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะที่ประเทศฟิลิปปินส์ ที่รู้ใจตั้งเป้าขยายกิจการแบบ Organic Growth ควบคู่ไปกับการเติบโตในด้านของการควบรวมและเข้าซื้อกิจการ

การเข้าถึงอินเทอร์เน็ตและพฤติกรรมการซื้อขาย การช็อปปิง ผ่านสมาร์ตโฟนกำลังเติบโตอย่างต่อเนื่องในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้1 ประกอบกับผู้บริโภคยังคงมีความต้องการในผลิตภัณฑ์ประกันภัย และรู้ใจมีความมุ่งมั่นที่จะนําเสนอผลิตภัณฑ์ประกันภัยที่เรียบง่าย ราคาดี และเชื่อถือได้ด้วยวิธีการแบบ mobile-first ส่งผลให้มีการเติบโตอย่างสม่ำเสมอทุกปีแม้ในช่วงวิกฤตโรคระบาด ซึ่ง รู้ใจ กำลังยกระดับเข้าสู่ตลาดเอเชียด้วยการใช้นวัตกรรมทางด้านเทคโนโลยีและรูปแบบธุรกิจที่ยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง

นิโคลัส ฟาเกต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ก่อตั้ง รู้ใจกรุ๊ป กล่าวว่า “เรามีความยินดีที่ได้ต้อนรับ HDI ในฐานะผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของเรา ที่จะเข้ามาช่วยยกระชับความสัมพันธ์ของเรากับ Talanx Group ให้แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น หลังจาก 4 ปีของความร่วมมือกับ Hannover Re นับเป็นข้อพิสูจน์ว่าการให้ความสําคัญกับปัจจัยพื้นฐานด้านประกันภัยอย่างต่อเนื่องตลอดระยะเวลา 6 ปีที่ผ่านมาของรู้ใจ เป็นกุญแจสําคัญในการดึงดูดนักลงทุนที่มีคุณภาพ ซึ่งจะช่วยให้เราขยายฐานธุรกิจไปยังพื้นที่อื่น ๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้มากขึ้น โดยการพัฒนาและเติบโตของเรายังคงยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลางเช่นเดิม”

ทางด้าน HDI ผู้ลงทุนรายใหม่ กล่าวว่า “เรามีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ในการระดมทุนรอบ Series B ใครั้งนี้ โดย รู้ใจ ถือเป็นอินชัวร์เทครุ่นใหม่ที่เติบโตอย่างรวดเร็วและมีความเชี่ยวชาญในด้านดิจิทัลโซลูชัน เรารู้สึกตื่นเต้นที่จะได้ร่วมในเส้นทางการเติบโตของ รู้ใจ ทั้งในประเทศไทยและการขยายธุรกิจไปยังเอเชียตะวันออกเฉียงใต้”

https://www.insiderintelligence.com/content/upside-internet-user-growth-remains-high-southeast-asia

เลแวน ชาแลมเบอริดซ์ หัวหน้าสายงานการเงินและอินชัวร์เทค ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออก บรรษัทเงินทุนระหว่างประเทศ กล่าวว่า “รู้ใจ เป็นบริษัทในพอร์ตฯ ของเราที่แสดงให้เห็นว่าเป็นบริษัทฯ ที่สามารถขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลและการทำธุรกิจประกันภัยในประเทศไทยได้ผ่านโมเดลธุรกิจแบบ ‘Digital first’ เรายินดีที่ได้ร่วมงานกับ HDI เพื่อสนับสนุน รู้ใจ ให้พัฒนาบริการที่ดีเลิศ เป็นผลิตภัณฑ์ประกันภัยที่เรียบง่ายและเข้าถึงได้ ในประเทศไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้”

การวางแผนการเงินเป็นสิ่งสำคัญ และหนึ่งในหัวใจที่สำคัญ คือ การรู้จักตัวตนทางการเงินของตนเอง เพราะช่วยให้สามารถคุม ปรับ และพัฒนาพฤติกรรม หรือนิสัยทางการเงินของตัวเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ

รู้จักตัวตนทางการเงินของตัวเอง ดีอย่างไร?

รู้จักตัวตนทางการเงินของตัวเอง ดีอย่างไร?

1. รู้จักสไตล์การใช้จ่ายของตนเอง : หลายคนยังไม่รู้ว่าตัวเองมีลักษณะการใช้จ่ายแบบไหน หรือไม่ได้วางแผนการใช้เงินอย่างจริงจังมากนัก ทำให้การออมเงินเป็นเรื่องยาก ใช้จ่ายแบบเดือนชนเดือน เงินเดือนเข้าปุ๊บหมดปั๊บ ถ้าอยากให้ปัญหานี้หมดไป ต้องเริ่มต้นที่การรู้จักลักษณะการใช้เงินของตัวเองก่อน เพื่อให้วางแผนรายรับ-รายจ่าย ควบคุมให้ใช้จ่ายตามกำลัง ไม่เกินตัว เพื่อสภาพคล่องทางการเงินที่ดี

2. รู้วิธีออมเงินให้เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ : เพื่อการเงินที่มั่นคงขึ้น ควรมีเงินออม และเงินสำรองเผื่อไว้ตลอดในทุกช่วงชีวิต เช่น ออมก่อนใช้อย่างน้อย 20% ของรายรับ นอกจากนี้ เงินก้อนแรกที่ควรออมไว้คือ เงินสำรองฉุกเฉิน ควรมีอย่างน้อยประมาณ 6-12 เท่าของรายจ่ายต่อเดือน หรือสำรองเผื่อไว้สำหรับ 6-12 เดือนนั่นเอง

3. รู้ถึงความพร้อมด้านการลงทุน และความเสี่ยงที่ยอมรับได้ : บางคนไม่รู้ว่าตัวเองรับความเสี่ยงในการลงทุนได้มาก-น้อยแค่ไหน ประเมินพฤติกรรมตัวเองผิดไป ทำให้ต้องพลาดท่าในสนามลงทุน ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นนักลงทุนประเภทไหน ควรรู้ถึงระดับความเสี่ยงที่ตนเองรับได้ เพื่อให้สามารถเลือกลงทุนในแบบที่เหมาะสมกับตัวเองมากที่สุด

หากใครที่ยังไม่รู้จักตัวตนทางการเงินของตัวเอง ทีเอ็มบีธนชาต หรือ ทีทีบี ขอแนะนำตัวช่วย หรือเครื่องมือค้นหาตัวตนทางการเงิน “fintools ตอนนักกีฬาการเงิน” ที่จะชวนมาค้นหาตัวตนทางการเงิน ด้วยการทำแบบทดสอบผ่านเว็บไซต์ทีทีบี คลิก [https://www.ttbbank.com/fintools/16characters]

โดยการ ค้นหาตัวตนทางการเงิน จะทำให้รู้จักว่าตัวเองมีพฤติกรรมทางการเงินเป็นอย่างไร ผ่าน 16 คาแรคเตอร์นักกีฬา ที่แบ่งตามสไตล์การใช้จ่าย การเก็บออม และความพร้อมในการลงทุน รวมถึงระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ ตัวอย่างเช่น

เมื่อลองเล่น “fintools นักกีฬาการเงิน” แล้ว ได้ผลลัพธ์เป็นนักปีนเขา “ชอบสำรวจสิ่งใหม่ ๆ ค้นคว้าจนแน่ใจ แล้วค่อยก้าวเดิน น่าจะได้รับความเสี่ยงได้ในระดับ 3”

· สไตล์ในการใช้จ่าย..ใช้เงินทุกบาททุกสตางค์อย่างคุ้มค่า

· การวางแผนเก็บออมเงิน..คุณทำได้ดีในเรื่องนี้ และมีแนวโน้มสูงที่จะมีความมั่นคงทางการเงินในอนาคต

· ความพร้อมในการลงทุนเพื่ออนาคต..คุณเป็นคนรับความเสี่ยงได้..ค่อนข้างมาก (ระดับ 3) ชอบเปิดรับโอกาสดี ๆ ในสถานการณ์ที่หลากหลายเพื่ออนาคตที่มั่นคง

การเริ่มต้นค้นหาตัวตนทางการเงิน จึงเป็นจุดตั้งต้นให้ตระหนัก และเห็นความสำคัญของการวางแผนสุขภาพทางการเงิน ทำแบบทดสอบ fintools ได้แล้ววันนี้ ง่าย ๆ เพียง 5 นาที ผ่านช่องทางเว็บไซต์ https://www.ttbbank.com/fintools/16characters

ห้องสมุดออนไลน์องค์กรแนวโน้มโตต่อเนื่อง จากการพัฒนาด้านเทคโนโลยี พฤติกรรมการใช้งาน และโควิด-19 ล่าสุด ไฮเท็คซ์ อินเตอร์แอคทีฟ หนึ่งในกลุ่ม บริษัท เมพ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ในเครือ เซ็นทรัล รีเทล ผู้พัฒนาแพลตฟอร์ม ไฮบรารี่ (Hibrary) ระบบห้องสมุดออนไลน์ (E-library) องค์กรอันดับหนึ่งของไทย นำระบบห้องสมุดออนไลน์ ไฮบรารี่ ให้บริการภาคสังคม โดยร่วมมือกับ กรุงเทพมหานคร จัดทำโครงการ “BKK X Hibrary อีบุ๊กฟรีอยู่เขตไหนอ่านได้ทุกที่” วางเป้าปีแรกมีผู้ใช้งานอย่างน้อย 1 แสนบัญชี พร้อมเปิดให้เอกชนอื่นร่วมสนันสนุนอีบุ๊กในโครงการฯ สำหรับผู้สนใจสมัครใช้งานได้แล้ววันนี้

 

นายรวิวร มะหะสิทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมพ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) และ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไฮเท็คซ์ อินเตอร์แอคทีฟ จำกัด กล่าวถึงแนวโน้มการเติบโตของระบบห้องสมุดออนไลน์องค์กรว่า การใช้งานระบบห้องสมุดออนไลน์ในต่างประเทศมีความนิยมเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เป็นผลจากการพัฒนาด้านเทคโนโลยี พฤติกรรมผู้ใช้งาน และโควิด-19 โดยอัตราการเติบโตเฉลี่ย ปี 2022 อยู่ที่ประมาณ 10% อ้างอิงข้อมูลจาก Overdrive ผู้ให้บริการระบบห้องสมุดออนไลน์อันดับ 1 ของโลก ซึ่งมีฐานลูกค้ามากกว่า 88,000 ห้องสมุดและโรงเรียนใน 109 ประเทศ โดยรายงานระบุว่ามีการยืม E-content จากเครือข่ายห้องสมุดและโรงเรียนที่ใช้บริการมากกว่า 555 ล้านครั้ง เป็น E-Book 331 ล้านครั้ง (+4%) Audi book 191 ล้านครั้ง (+17%) นิตยสาร 32 ล้านครั้ง (+38%) การ์ตูนและนิยายภาพประมาณ 33 ล้านครั้ง (+18%) และมี 129 ห้องสมุดใน 7 ประเทศมีการยืมมากกว่า 1 ล้านครั้ง สำหรับในประเทศไทยการใช้งานห้องสมุดออนไลน์เริ่มมาประมาณ 8 ปี ก่อนสถานการณ์โควิด-19 มีองค์กรใช้งานอยู่ไม่ถึง 200 แห่ง การเติบโตไม่มาก เนื่องจากคอนเทนต์ที่ให้บริการมีน้อยไม่ตรงกับผู้ใช้งาน ใช้งบในการพัฒนาระบบสูงมาก ระบบใช้งานได้ยาก แต่หลังสถานการณ์โควิด-19 พบว่าความต้องการใช้งานห้องสมุดออนไลน์องค์กรเพิ่มสูงขึ้นแบบก้าวกระโดด โดยในปี 2022 มีองค์กรในประเทศไทยใช้งานห้องสมุดออนไลน์แล้วประมาณ 400 องค์กร

 

ซึ่ง ไฮบรารี่ เป็นผู้นำในตลาดระบบห้องสมุดออนไลน์องค์กร โดยเริ่มให้บริการตั้งแต่กลางปี 2020 ที่เป็นช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้ห้องสมุดโรงเรียน มหาวิทยาลัย ห้องสมุดองค์กร และห้องสมุดประชาชนไม่สามารถให้บริการได้ องค์กรจึงต้องปรับตัวมาให้บริการแบบดิจิทัลมากขึ้น ดังนั้น ไฮบรารี่ ซึ่งมีประสบการณ์ในการพัฒนาระบบหนังสืออิเล็กทรอนิกส์อยู่แล้ว จึงศึกษาความต้องการขององค์กรและผู้ใช้งานจนได้ระบบบริการห้องสมุดออนไลน์ที่มีค่าใช้จ่ายไม่สูง เหมาะสมกับงบประมาณต่อจำนวนผู้ใช้งาน มีคอนเทนต์คุณภาพให้บริการจากหลายสำนักพิมพ์และถูกลิขสิทธิ์ ใช้งานสะดวก มีฟีเจอร์การอ่านครบทั้งในรูปแบบ PDF และ E-PUB และมีการเก็บสถิติการอ่านผู้ใช้งาน รองรับได้หลายอุปกรณ์ รวมถึง E-reader ปัจจุบัน ไฮบรารี่ ให้บริการกลุ่มลูกค้าที่เป็นห้องสมุดประชาชนกว่า 41 แห่ง โรงเรียนและ

มหาวิทยาลัย 50 แห่ง และหน่วยงานรัฐและเอกชน 22 แห่ง รวมมากกว่า 100 องค์กร รวมถึงเป็นพันธมิตรกับศูนย์หนังสือแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยร่วมพัฒนาระบบห้องสมุดออนไลน์ CU-elibrary ซึ่งเน้นไปที่ตลาดการศึกษาที่สามารถขยายฐานลูกค้าได้ถึง 100 องค์กร รวมแล้วมีลูกค้าใช้งานแพลตฟอร์มไฮบรารี่อยู่มากกว่า 200 องค์กร ทั้งหมดใช้เวลาเพียง 2 ปีครึ่งเท่านั้น

ส่วนความร่วมมือกับ กรุงเทพมหานคร จัดทำโครงการ “BKK X Hibrary อีบุ๊กฟรีอยู่เขตไหนอ่านได้ทุกที่” นั้น นายพัฒนา พิลึกฤาเดช ผู้ก่อตั้งและผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท ไฮเท็คซ์ อินเตอร์แอคทีฟ จำกัด กล่าวว่า เกิดจากนโยบายของผู้ว่าราชการกรุงเทพฯ ที่สนับสนุนส่งเสริมการอ่านและการพัฒนาห้องสมุดของ กทม. ให้เข้าสู่ระบบห้องสมุดออนไลน์ ทำให้บริษัทฯ อยากเข้ามามีส่วนร่วมในการสนับสนุนและช่วยให้งานห้องสมุดออนไลน์ของ กทม. พัฒนาไปได้เร็วยิ่งขึ้น ดังนั้นจึงมีการประสานกับสำนักวัฒนธรรม กีฬาและการท่องเที่ยว (สวท.) กรุงเทพมหานคร จัดทำโครงการ “BKK X Hibrary อีบุ๊กฟรีอยู่เขตไหนอ่านได้ทุกที่” ขึ้น โดยมีระยะเวลาดำเนินงาน 3 ปี เพื่อเป็นต้นแบบการให้บริการห้องสมุดออนไลน์ของ กทม.

โดยในการดำเนินโครงการฯ ยังเปิดโอกาสให้ผู้ที่มีปัญหาด้านการอ่านเข้าถึงแหล่งข้อมูลได้อย่างเท่าเทียมอีกด้วย รวมถึงประชาชนยังสามารถร่วมคัดเลือกอีบุ๊กเข้าระบบเพื่อให้บริการได้ นับเป็นการสนับสนุนการใช้หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ถูกลิขสิทธิ์อีกทางหนึ่ง ส่วนเป้าหมายผู้ใช้บริการนั้น คาดว่าปีแรกจะมีผู้ใช้งานประมาณ 100,000 บัญชี และตลอดระยะเวลาโครงการฯ คาดว่าจะมีผู้ใช้บริการมากกว่า 200,000 บัญชี นอกจาก ไฮเท็คซ์ อินเตอร์แอคทีฟ จะสนับสนุนระบบห้องสมุดออนไลน์ผ่านระบบ ไฮบรารี่ แล้ว ยังสนับสนุนอีบุ๊กลิขสิทธิ์จากสำนักพิมพ์ต่างๆ ตลอดระยะเวลา 3 ปี รวมทั้งหมด 1,500 รายการ พร้อมระบบจัดการและเผยแพร่สื่ออิเล็กทรอนิกส์พื้นที่ใช้งาน 50 GB รวมถึงประสานความร่วมมือกับภาคเอกชนและองค์กรที่สนใจเข้าร่วมสนับสนุนอีบุ๊กเพิ่มเติมในโครงการฯ ซึ่งผู้ร่วมสนับสนุนจะได้รับการแสดงโลโก้และรายละเอียดผู้สนับสนุนผ่านสื่อประชาสัมพันธ์และในแอปพลิเคชั่น ไฮบรารี่ สำหรับผู้สนใจสนับสนุนโครงการฯ สามารถติดต่อได้ที่ www.hibrary.me , This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it. หรือ 0891347470

 

ส่วนผู้สนใจสมัครอ่านอีบุ๊กฟรีกับโครงการ “BKK X Hibrary อีบุ๊กฟรีอยู่เขตไหนอ่านได้ทุกที่” สามารถดาวน์โหลด แอปพลิเคชัน Hibary ทาง App store หรือ Play Store กดสมัครสมาชิก เลือกห้องสมุด BKK X Hibrary หรือที่เว็บไซต์ bkk.hibrary.me โดยหวังว่าโครงการฯ นี้จะเป็นต้นแบบให้กับหน่วยงานในระบบจังหวัด เทศบาล ห้องสมุดประชาชน ได้มาช่วยกันส่งเสริมการอ่านการเรียนรู้ให้กับประชาชนในพื้นที่ พร้อมทั้งเปิดโอกาสให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการคัดเลือกหนังสือที่ตนเองสนใจ แม้บางหน่วยงานที่มีงบประมาณจำกัดก็มีรูปแบบของการขอรับการสนับสนุนจากภาคเอกชนได้ โดยทาง ไฮเท็คซ์ อินเตอร์แอคทีฟ ยินดีให้คำปรึกษาทั้งเรื่องของระบบห้องหมุดออนไลน์และการจัดทำโครงการอีกด้วย

 

ส่วน นายศานนท์ หวังสร้างบุญ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวถึงความสำคัญของโครงการ “BKK X Hibrary อีบุ๊กฟรีอยู่เขตไหนอ่านได้ทุกที่” ว่า การอ่านเป็นการสร้างต้นทุนทางความคิด พัฒนาคน และเป็นแหล่งสะสมทรัพยากรความรู้ให้แก่ชีวิต โดยสามารถนำความรู้จากการอ่านมาใช้ในการพัฒนาการเรียนรู้ ประกอบการตัดสินใจ ทั้งในด้านการดำเนินชีวิต การทำงาน การพัฒนาตนเองและสังคม ซึ่งกรุงเทพมหานครมีนโยบายส่งเสริมการสร้างระบบนิเวศทางการเรียนรู้อย่างครบวงจร ทั้งรูปแบบ ระบบ และโครงสร้างที่สนับสนุนการอ่าน ง่ายต่อการเข้าถึงแหล่งข้อมูลด้วยเทคโนโลยีสำหรับทุกเพศทุกวัย รวมถึงส่งเสริมพื้นที่การเรียนรู้และกิจกรรมต่างๆ ของเมือง อาทิ กิจกรรมหนังสือในสวน บ้านหนังสือ ห้องสมุดเชิงรุกในรูปแบบรถ Mobile Unit และพัฒนาห้องสมุดที่อยู่ในความดูแลของ กทม. ให้เป็น Smart Library โดยใช้เทคโนโลยีและระบบอินเตอร์เน็ต ทำให้ประชาชนเข้าถึงได้ง่ายตรงกับไลฟ์สไตล์และพฤติกรรมการอ่านของคนในปัจจุบันมากขึ้น

โครงการ “BKK X Hibrary อีบุ๊กฟรีอยู่เขตไหนอ่านได้ทุกที่” เป็นโครงการที่ดีมากต่อห้องสมุดของ กทม. ช่วยให้สามารถพัฒนาไปได้เร็วยิ่งขึ้น เพิ่มโอกาสการเข้าถึงอีบุ๊กได้สะดวก ช่วยขยายกลุ่มผู้ใช้งานเดิมที่ใช้งานห้องสมุดของ กทม. อยู่เป็นประจำ โครงการฯ นี้ ช่วยให้คนเข้าถึงแหล่งความรู้ได้ง่ายขึ้น ไม่จำเป็นต้องเข้ามาที่ห้องสมุดเพียงอย่างเดียว ส่วนระบบห้องสมุดออนไลน์ ไฮบรารี่ ที่นำมาใช้ก็มีความเหมาะสมมาก เพราะเป็นแพลตฟอร์มที่ได้รับความนิยมและได้รับความเชื่อถือจากหลายองค์กร มีอีบุ๊กและสื่ออิเล็กทรอนิกส์ให้เลือกหลากหลาย ทันสมัย ครบทุกหมวดหมู่และถูกลิขสิทธิ์อีกด้วย

กรุงเทพฯ 28 มีนาคม 2566 - สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) (NIA) ร่วมกับ บริษัท ไทยยูเนี่ยนกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) มหาวิทยาลัยมหิดล บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) และบริษัท ดีลอยท์ ทู้ช โธมัทสุ ไชยยศ จำกัด เปิดตัว 20 สตาร์ทอัพ ภายใต้โครงการ SPACE-F รุ่นที่ 4 ซึ่งมีจุดมุ่งหมายเพื่อการบ่มเพาะและเร่งการเติบโตทางธุรกิจเทคโนโลยีอาหารระดับโลกแห่งแรกของประเทศไทย และภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

โครงการ SPACE-F นั้น มุ่งเน้นให้สตาร์ทอัพในธุรกิจเทคโนโลยีอาหารได้พัฒนาผลิตภัณฑ์นวัตกรรม รองรับกับความท้าทายในปัจจุบันและอนาคตที่ต้องเผชิญในอุตสาหกรรม สตาร์ทอัพที่เข้าร่วมจะได้รับคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญ โอกาสในการเข้าถึงเครือข่ายและแหล่งเงินทุน เพื่อการเติบโตของธุรกิจ

นอกจากนี้ สตาร์ทอัพทุกทีมที่เข้าร่วมโครงการยังมีโอกาสเข้าใช้สถานที่และสิ่งอำนวยความสะดวกที่คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล รวมถึงโอกาสในการสร้างผลิตภัณฑ์เข้าสู่ตลาดร่วมกับ Thai Union Group PCL หนึ่งในผู้ผลิตอาหารทะเลชั้นนำที่ใหญ่ที่สุดในโลก

ในปีนี้ เรามีสตาร์ทอัพเข้าร่วมโครงการ SPACE-F รุ่นที่ 4 ทั้งสิ้น 20 ราย แบ่งออกเป็น 10 ราย จาก 3 ประเทศ เข้าร่วมโครงการบ่มเพาะ (Incubator program) และ 10 ราย จาก 6 ประเทศ เข้าร่วมโครงการเร่งการเติบโต (Accelerator program)

ดร. ธัญญวัฒน์ เกษมสุวรรณ Group Director, Global Innovation บริษัท ไทยยูเนี่ยนกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวในงานเปิดตัวโครงการว่า ประเทศไทย เป็นหนึ่งในผู้ส่งออกอาหารรายใหญ่ที่สุดโลก จนได้รับการขนานนามว่า “ครัวของโลก” แต่หากมองในมุมการสร้างและพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมทางด้านอาหาร หรือสตาร์ทอัพที่อยู่ในอุตสาหกรรมนี้ ก็จะพบว่าประเทศไทยเมื่อ 5 ปีที่แล้วไม่ได้มีความโดดเด่นทางด้านนี้เลย ด้วยเหตุนี้เอง จึงเป็นจุดเริ่มที่ทำให้ บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) จึงจับมือกับ สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) (NIA) และมหาวิทยาลัยมหิดล สร้างแพลตฟอร์มที่ดึงดูดสตาร์ทอัพที่พัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมทางด้านอาหาร ที่น่าสนใจมาบ่มเพาะ และเร่งการเติบโตของสตาร์ทอัพในประเทศไทยผ่าน SPACE-F Global FoodTech Incubator and Accelerator ที่มีการเตรียมการระบบนิเวศ และความเชี่ยวชาญให้เพรียบพร้อม เพื่อผลักดันให้สตาร์ทอัพเติบโตและประสบผลสำเร็จได้เร็ว สร้างอิมแพคให้อุตสาหกรรมได้ ตลอด 4 ปีที่ผ่านมา แพลตฟอร์มของเราได้มีการสนับสนุนสตาร์ทอัพที่เข้าร่วมอย่างเต็มที่ โดยวันนี้เรามีสตาร์ทอัพกว่า 90% ที่ยังคงมีการเติบโตทางธุรกิจ และสร้าง

คุณค่าต่อสังคมอย่างต่อเนื่อง ด้วยวิสัยทัศน์และความร่วมมือของภาครัฐและเอกชน เราเชื่อว่าประเทศไทยจะก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีและนวัตกรรมทางด้านอาหารของโลก เป็นศูนย์กลางเพื่อสร้าง บ่มเพาะ เร่งการเติบโตเทคโนโลยีและนวัตกรรมทางด้านอาหารระดับโลก”

 

FoodTech startups 10 ราย เข้าร่วม Incubator program

1. ImpacFat (Singapore): Enhancing nutrition and taste of alternative meats with fish cell-based fat

2. Marina Biosciences (Singapore): cultivate seafood delicacies to make exquisite foods more exquisite, whilst saving the lives of animals

3. Mycovation (Singapore): Transforming Mycelium into novel ingredients using fermentation technology

4. Nutricious (Thailand): Egg White Protein-Rich Beverage

5. Plant Origin (Thailand): Egg Alternative from Rice Bran Protein

6. PROBICIENT (Singapore): the world’s first probiotics beer

7. Rak THAIs by Angkaew Lab (Thailand): Fermented espresso cold brew coffee

8. The Kawa Project (United States): sustainable alternative to cocoa powder

9. Trumpkin (Thailand): non-dairy cheese from pumpkin seed

10. Zima Sensors (Singapore): Package Leak Detection, made seamless

FoodTech startups 10 ราย เข้าร่วม Accelerator program

1. Genesea (Israel): Seaweed food tech company, producing alternative protein extraction & ingredients from macro-algae

2. Lypid (United States): Alternative fat solutions

3. NovoNutrients (United States): The low-cost, globally scalable solution for making alternative protein by capturing carbon

4. TeOra (Singapore): Building the future of sustainable food for 10 billion humans

5. AlgaHealth (Israel): We put healthy into food!

6. Seadling (Malaysia): Seaweed Functional Nutrition

7. MOA (Spain): healthy food for a sustainable future

8. Pullulo (Singapore): ACHIEVING A SUSTAINABLE FUTURE WITH MICROBIAL PROTEIN

9. The Leaf Protein Co. (Australia): Unlocking Earth’s most abundant source of protein

10. AmbrosiaBio (Israel): Enabling a healthy lifestyle without compromising the product's taste

ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโครงการ SPACE-F สามารถเข้าชมได้ที่ https://www.space-f.co

“ธนาคารกรุงไทย” ตอบโจทย์ผู้ลงทุน ออกหุ้นกู้อนุพันธ์ชุดใหม่ “BNP Alpha Commodity” อายุ 3 ปี จ่ายผลตอบแทนอ้างอิงดัชนีสินค้าโภคภัณฑ์ในตลาดโลก เปิดโอกาสสร้างผลตอบแทนจากสินค้าโภคภัณฑ์ ทั้งน้ำมัน ทองคำ และสินค้าโภคภัณฑ์อื่นๆ โดยมีดอกเบี้ยคงที่ 0.5%ใน 2 ปีแรก คุ้มครองเงินต้น 100% เครดิตเรทติ้ง AAA เปิดจอง 22-24 มี.ค.นี้

นายรวินทร์ บุญญานุสาสน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานธุรกิจตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า จากภาวะเศรษฐกิจการเงินและการลงทุนในปี 2566 ที่มีความผันผวน มีปัจจัยความท้าทายรอบด้าน ทั้งเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวไม่ชัดเจน อัตราดอกเบี้ยและเงินเฟ้ออยู่ในระดับสูง ซึ่งธนาคารยังคงมุ่งมั่นพัฒนาผลิตภัณฑ์การลงทุน เพื่อตอบโจทย์เป้าหมายทางการเงินของผู้ลงทุนในทุกสภาวะตลาดอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด ธนาคารเตรียมเสนอขาย “หุ้นกู้อนุพันธ์กรุงไทย BNP Alpha Commodity” อายุ 3 ปี จ่ายผลตอบแทนอ้างอิงดัชนีสินค้าโภคภัณฑ์ในตลาดโลกผ่านดัชนี BNP Paribas AW Alpha Commodity 4 ER เพื่อเป็นทางเลือกสำหรับผู้ลงทุนที่ต้องการกระจายความเสี่ยง เพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนการลงทุนจากสินค้าโภคภัณฑ์ที่หลากหลาย พร้อมรับอัตราดอกเบี้ยคงที่ 0.5% ต่อปีใน 2 ปีแรก และคงจุดเด่นคุ้มครองเงินต้นเต็มจำนวนโดยธนาคารกรุงไทย ที่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือที่ AAA โดยสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือฟิทช์ เรทติ้งส์ โดยผลตอบแทนอ้างอิงเฉลี่ยในอดีตของหุ้นกู้อนุพันธ์อยู่ที่ 6.11% ต่อปี

ทั้งนี้ ดัชนี BNP Paribas AW Alpha Commodity 4 ER ได้รับการพัฒนาจากธนาคารชั้นนำระดับโลก บีเอ็นพี พารีบาส์ (BNP Paribas) กระจายการลงทุนในสินทรัพย์โภคภัณฑ์มากกว่า 10 ประเภท ทั้งกลุ่มพลังงาน เช่น น้ำมัน กลุ่มโลหะมีค่า เช่น ทองคำ เงิน และกลุ่มโลหะอุตสาหกรรม เช่น ทองแดง อะลูมิเนียม เป็นต้น มีกลยุทธ์การลงทุนที่แข็งแกร่ง แบบมืออาชีพ มุ่งเน้นสร้างผลตอบแทนการลงทุนในทุกสภาวะตลาด จาก 3 กลยุทธ์คือ 1. Carry เลือกถือตัวที่ให้ผลตอบแทนสูง 2. Momentum จับจังหวะขาขึ้น ขาลงของตลาด 3. Value ซื้อตัวที่ถูก ขายตัวที่แพง โดยปรับพอร์ตการลงทุนทุกวัน เพื่อบริหารจัดการความเสี่ยง ลดความผันผวน

ธนาคารเตรียมเสนอขายหุ้นกู้อนุพันธ์กรุงไทย BNP Alpha Commodity ให้กับผู้ลงทุนสถาบันและผู้ลงทุนรายใหญ่ ลงทุนขั้นต่ำ 3 ล้านบาท เปิดจองซื้อผ่านทุกสาขา ระหว่างวันที่ 22-24 มีนาคม 2566 สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ธนาคารกรุงไทยทุกสาขา หรือ โทร. 02-208-4673, 02-208-4691, 02-208-4831, 02-208-4840, 02-208-4817 หรือ email : This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.

ข่าวดีสำหรับแฟนเกม SEAL ONLINE ชาวไทย บริษัท PLAYWITH GAMES ประกาศเปิดเว็บไซด์ และแฟนเพจเกม SEAL M เป็นภาษาไทย เตรียมพร้อมสำหรับเปิดให้บริการเต็มรูปแบบเร็วๆ นี้

 โดยเกม SEAL M นั้นทำการอัพเกรดกราฟฟิกตัวละครให้สวยงามมากยิ่งขึ้น แต่ยังคงกลิ่นอายเกม SEAL ONLINE อย่างครบถ้วน ทั้งบรรยากาศในเมืองต่างๆ NPC รวมถึงเควส 7ผู้กล้าในตำนาน และระบบกดโจมตีแบบคอมโบ ซึ่งถือว่าเป็นจุดเด่นของเกม SEAL ONLINE ถูกยกมาไว้ในเกม SEAL M ทั้งหมดอย่างครบถ้วน เรียกได้ว่าถอด DNA จากเกม PC ส่งมายังเกมมือถืออย่างแท้จริง

[SEAL M SEA] Notice of Pre-registration (SEAL M การผจญภัยครั้งใหม่กำลังจะเริ่มต้นขึ้น)

ตอนนี้เกม SEAL M เปิดให้ลงทะเบียนเข้าเล่นเกมล่วงหน้าบน Google Play Store และ App Store พร้อมทั้งมีของรางวัลแจกให้กับผู้เข้าร่วมลงทะเบียนอีกมากมาย ซึ่งแน่นอนว่าทำการลงทะเบียนแล้วนั้น เกม SEAL M เปิดให้บริการเมื่อไหร่รับรองว่าเลเวลพุ่งไว้แน่นอน

SEAL M เป็นเกมมือถือสไตล์ MMORPG ที่ยกเอาเอาระบบต่างๆ จากเกม SEAL ONLINE มาอย่างครบถ้วน โดยผู้เล่นจะร่วมสนุกไปกับการผจญภัยสุดแฟนตาซี ร่วมกับเพื่อนๆ พร้อมกับสัตว์เลี้ยงสุดแกร่ง รวมถึงสกิลในชีวิตประจำวันอาธิเช่น ระบบตกปลา

SEAL Online อีกหนึ่งเกมระดับขึ้นหิ้งของประเทศไทยที่เปิดทำการมามากกว่า 10 ปี แล้วตอนนี้พร้อมเปิดตัวน้องรักอย่าง SEAL M เร็วๆ นี้ เพื่อนๆ แฟนเกมต้องไม่พลาดอย่างแน่นอน

Official Facebook Fanpage : https://www.facebook.com/sealmth

Official Website: https://sea.sealm.com/th

ลงทะเบียนล่วงหน้าได้ที่:

Apple ▶ https://apps.apple.com/th/app/id6444637840

Google ▶ https://play.google.com/store/apps/details?id=come.play with.seals.sea.google

ไม่ว่าเมื่อไร ‘กันไว้ดีกว่าแก้’ ยังเป็นคำสอนที่คลาสสิคเสมอ โดยเฉพาะเรื่องเงินๆ ทองๆ ยิ่งสมัยนี้ มิจฉาชีพแฝงตัวมากับสารพัดวิธีหลอกลวงรูปแบบต่าง ๆ เราควรจะป้องกันอย่างไร ให้ทำธุรกรรมทางการเงินผ่านช่องทางออนไลน์ได้อย่างปลอดภัย

กรุงศรี คอนซูมเมอร์ ผู้ให้บริการบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล มีคำแนะนำดี ๆ มาฝากกัน

· ไม่กดลิงค์ จาก SMS, Email หรือ Line ที่น่าสงสัย – สถาบันการเงินส่วนใหญ่ไม่มีนโยบายส่ง SMS, Email หรือ Line ไปหาลูกค้าเพื่อขอข้อมูลส่วนบุคคล หรือให้ดาวน์โหลดแอปพลิเคชันต่างๆ ถ้ามีข้อความ SMS อีเมล์ หรือไลน์ แปลก ๆ แอบอ้างชื่อหน่วยงานต่างๆ ส่งมาแจ้งให้กดลิงก์ กรอกข้อมูลส่วนบุคคล หรือขอให้โอนเงินค่าธรรมเนียมใดๆ ให้ตั้งสติ คิดอย่างรอบคอบ ตรวจสอบแหล่งที่มาว่ามีความน่าเชื่อถือหรือไม่ หากไม่แน่ใจ -ไม่กด-ไม่กรอก-ไม่โอน ปลอดภัยกว่า

· เช็คก่อน ชัวร์กว่า – ถ้ามีบุคคลที่ไม่รู้จักติดต่อมาหา แอบอ้างว่ามาจากหน่วยงานใดก็ตาม ให้สอบถามข้อมูลของผู้ที่ติดต่อ เช่น ชื่อ-นามสกุล หน่วยงาน สาเหตุที่ติดต่อมา จากนั้นให้ขอวางสายก่อน แล้วจึงติดต่อกลับไปยังหน่วยงานที่ถูกกล่าวอ้างเพื่อตรวจสอบ หากไม่แน่ใจ อย่าหลงเชื่อและทำตามคำขอใด ๆ ก่อนตรวจสอบข้อเท็จจริง

· ไม่แชร์ข้อมูลส่วนบุคคล ข้อมูลทางการเงิน – อย่าแชร์ข้อมูลส่วนบุคคลหรือข้อมูลทางการเงินของตนเองกับใคร เช่น ภาพบัตรประชาชน วันเดือนปีเกิด เลขที่บัญชี หมายเลขบัตรเครดิต รหัส CVV เพราะเป็นข้อมูลที่มิจฉาชีพอาจนำไปใช้ได้ ควรหลีกเลี่ยงการโพสต์ข้อมูลเหล่านี้ใน Social Media และไม่กรอกข้อมูลส่วนบุคคลในเว็บไซต์, Line หรือช่องทางออนไลน์ที่ไม่แน่ใจที่มา

· ตั้งรหัสผ่านเข้าใช้งานที่เดาได้ยาก – ควรตั้งรหัสผ่าน / รหัส PIN ที่เดาได้ยาก ในการทำธุรกรรมผ่านแอปพลิเคชันต่าง ๆ และห้ามใช้รหัสซ้ำกันทุกแอป ที่สำคัญ ต้องรักษารหัสผ่านเป็นความลับ ไม่แชร์รหัสกับผู้อื่น และควรเปลี่ยนรหัสทุก 3 เดือน

· OTP ใช้แค่ ‘Only Me’ - เมื่อได้รับรหัส OTP ให้ตรวจสอบทุกครั้งว่าเป็น OTP ที่ใช้ทำอะไร และห้ามบอกรหัสนี้ไม่ว่ากับใคร เพราะอาจเปิดช่องให้เข้าถึงสมาร์ทโฟนของเราได้จากระยะไกล (Remote Access)

· เลือกเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันที่เชื่อถือได้ ในการใช้จ่ายออนไลน์ – ควรเลือกเว็บไซต์/ร้านค้า/แอปที่มีมาตรฐานและความปลอดภัยในการรับชำระเงินผ่านบริการอย่าง Verified By Visa หรือ MasterCard ID Check ที่ใช้รหัสผ่านแบบใช้ครั้งเดียวหรือ OTP จากผู้ให้บริการบัตรเครดิต เป็นการยืนยันตัวตนในการทำรายการออนไลน์ทุกครั้ง

· จำกัดวงเงินในการใช้ทำธุรกรรมออนไลน์ให้เหมาะสมกับการใช้งาน - ปัจจุบัน สถาบันการเงินหลายแห่ง มีบริการให้ผู้ใช้งานสามารถตั้งวงเงินในการทำธุรกรรมให้เหมาะสมกับความต้องการได้ เพื่อความอุ่นใจ ผู้ใช้สามารถตั้งวงเงินในการทำธุรกรรมออนไลน์เท่าที่จำเป็น ให้เหมาะสมกับการใช้งานของตนเอง

· เปิดรับการแจ้งเตือนรายการใช้จ่ายไว้ ปลอดภัยกว่า – ควรตั้งค่าเปิดรับการแจ้งเตือน (Notification) บน Mobile Application หรือ Banking Application ต่าง ๆ เพื่อให้ได้รับการแจ้งเตือนเมื่อทำธุรกรรม และคอยตรวจสอบ การแจ้งเตือนอย่างสม่ำเสมอ หากพบรายการที่ผิดปกติ ให้รีบติดต่อสถาบันการเงินผู้ให้บริการทันทีเพื่อตรวจสอบ

· อัปเดตหมายเลขติดต่อให้เป็นปัจจุบัน - หากมีการเปลี่ยนแปลงหมายเลขโทรศัพท์ติดต่อ ควรรีบแจ้งสถาบันการเงินผู้ให้บริการ กรณีที่สถาบันการเงินผู้ให้บริการ ตรวจพบรายการใช้จ่ายที่ผิดปกติ จะได้สามารถติดต่อเราได้ทันท่วงที

นายอภินันท์ เผือกผ่อง ผู้ว่าราชการ จังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นประธานในพิธีมอบ “โครงการฟาร์มสาธิตการเลี้ยงสุกรขุนและไก่ไข่ระบบปิดอัตโนมัติ (Green Farm)” ที่ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ สนับสนุนแก่มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ จ.นครศรีธรรมราช เพื่อยกระดับภาคปศุสัตว์ไทยสู่ 4.0 หนุนศูนย์สมาร์ทฟาร์มของมหาวิทยาลัย และร่วมพัฒนาวิชาการเกษตรสมัยใหม่ ถ่ายทอดสู่นักศึกษา เกษตรกร และผู้สนใจ

 

นายสิริพงศ์ อรุณรัตนา ประธานผู้บริหารฝ่ายปฏิบัติการธุรกิจสัตว์บก ซีพีเอฟ เปิดเผยว่า มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ และซีพีเอฟ ร่วมกันขับเคลื่อนและยกระดับภาคปศุสัตว์ของไทยด้วยนวัตกรรมสู่ยุค 4.0 ด้วยการดำเนินโครงการความร่วมมือทางวิชาการ “โครงการฟาร์มสาธิตการเลี้ยงสุกรขุนและไก่ไข่ระบบปิดอัตโนมัติ (Green Farm)” มาตั้งแต่ปี 2562 เพื่อให้เป็นฟาร์มเลี้ยงสัตว์มาตรฐานสากลภายใต้ระบบปิด (EVAP) เป็นฟาร์มรักษ์โลกที่เป็นมิตรกับชุมชนและสิ่งแวดล้อม ตามมาตรฐานฟาร์มสีเขียว หรือกรีนฟาร์ม สำหรับพัฒนาเป็นแหล่งเรียนรู้ฝึกทักษะภาคปศุสัตว์ที่ใช้เทคโนโลยีทันสมัย เป็นสถานที่ศึกษาทดลองและวิจัยด้านเทคโนโลยีการเกษตร ของนักศึกษาของสำนักวิชาเทคโนโลยีการเกษตร รวมถึงส่งเสริมการพัฒนางานวิจัยเพื่อพัฒนาองค์ความรู้แก่คณาจารย์ ตลอดจนการให้บริการทางวิชาการ พร้อมทั้งพัฒนาฟาร์มให้กลายเป็นศูนย์กลางการศึกษาเรียนรู้ที่ทันสมัย ของนักศึกษาซึ่งถือเป็นผู้ประกอบการรุ่นใหม่ ที่สามารถต่อยอดสู่การเป็นผู้ถ่ายทอดความรู้แก่ผู้อื่นต่อไป

“โครงการฟาร์มสาธิตฯ ถือเป็นความร่วมมือทางวิชาการและกิจการเพื่อสังคมที่ซีพีเอฟตั้งใจส่งมอบให้กับมหาวิทยาลัย ช่วยผลักดันการพัฒนาทางวิชาการและองค์ความรู้ของมหาวิทยาลัย สู่บุคลากรให้มีทักษะด้านการผลิตเกษตรอุตสาหกรรมแบบครบวงจร โดยบริษัทสนับสนุนงบประมาณ และผู้เชี่ยวชาญร่วมถ่ายทอดองค์ความรู้ ให้กับบุคลากรและนักศึกษา กระทั่งสามารถนำเทคนิควิชาการไปขับเคลื่อนโครงการได้อย่างยั่งยืน" นายสิริพงศ์ กล่าว

 

นายสมพร เจิมพงศ์ ผู้อำนวยการใหญ่ ธุรกิจสุกร ซีพีเอฟ กล่าวว่า ม.วลัยลักษณ์และซีพีเอฟ มีเป้าหมายเดียวกันในการมุ่งพัฒนากำลังคนด้านการเกษตรสมัยใหม่ และพัฒนาภาคเกษตรอุตสาหกรรมของไทย ตลอดระยะเวลาการผนึกกำลังในการดำเนินโครงการฯ มานานกว่า 3 ปี โรงเรือนสาธิตฯสุกรขุนและไก่ไข่ในระบบปิดอัตโนมัติ ภายใต้กระบวนการบริหารจัดการฟาร์มในรูปแบบกรีนฟาร์ม กลายเป็นศูนย์สาธิตและฝึกอบรมด้านปศุสัตว์ให้แก่นักศึกษาที่สามารถเรียนรู้และฝึกปฏิบัติงานในฟาร์ม เป็นการเรียนรู้จากการปฏิบัติจริง ที่พวกเขานำไปเป็นพื้นฐานการทำงาน หรือประกอบอาชีพได้ในอนาคต ขณะเดียวกันยังเป็นการสนับสนุนนักศึกษา คณาจารย์ และบุคลากรให้กลายเป็นผู้เชี่ยวชาญที่สามารถถ่ายทอดองค์ความรู้เทคโนโลยีการเลี้ยงสัตว์ที่ได้รับ สู่ชุมชนและเกษตรกร ผ่านกลไกของศูนย์การเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ ช่วยให้การผลิตสัตว์มีคุณภาพ ปลอดภัยเพื่อผู้บริโภค

 

ด้าน ศาสตราจารย์ ดร.สมบัติ ธำรงธัญวงศ์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ กล่าวว่า ม.วลัยลักษณ์ มุ่งมั่นผลักดัน “ศูนย์สมาร์ทฟาร์ม” เพื่อพัฒนาฟาร์มมหาวิทยาลัยเดิม ให้เป็นการบริหารฟาร์มโดยใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ ทั้งด้านพืชสวน พืชไร่ ปศุสัตว์ และประมง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคปศุสัตว์ ซึ่งมหาวิทยาลัยได้รับการสนับสนุนเป็นอย่างดีจากซีพีเอฟ ที่มีความพร้อมทั้งด้านเทคโนโลยีและองค์ความรู้ระดับโลก เข้ามาส่งเสริมและพัฒนาระบบการเลี้ยงสัตว์ เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้ เป็นแหล่งฝึกประสบการณ์แก่นักศึกษา เกษตรกร และผู้สนใจ ให้สามารถนำองค์ความรู้ไปพัฒนาผลผลิตให้มีคุณภาพ สามารถลดต้นทุน และสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ผลผลิต อันเป็นการส่งเสริมความมั่นคงทางอาชีพให้แก่เกษตรกรอย่างยั่งยืน พร้อมสนับสนุนสู่การเป็นแหล่งค้นคว้า วิจัยพัฒนาที่ยั่งยืนของเกษตรกรชาวนครศรีธรรมราช และภูมิภาคใกล้เคียง อันจะนำมาซึ่งคุณภาพชีวิตที่ดีของเกษตรกรอย่างแน่นอน./

บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตอาหารทะเลรายใหญ่ของโลก และหนึ่งในผู้ผลิตปลาทูน่ากระป๋องที่ใหญ่ที่สุดของโลก ประกาศจุดยืนในการจัดหาวัตถุดิบจากเรือประมงที่มีการปฏิบัติที่ดีเพื่อปกป้องสัตว์น้ำจากปัญหาการจับติดสัตว์น้ำที่ไม่ใช่กลุ่มเป้าหมาย(bycatch)

ทั้งนี้ ไทยยูเนี่ยนได้อ้างอิงผลงานวิจัยขององค์กรการประมงเพื่อความยั่งยืน หรือ Sustainable Fisheries Partnership (SFP) ในเรื่องของความเสี่ยงต่อฉลาม นกและเต่าทะเล รวมถึงสัตว์ทะเลชนิดๆ อื่น จากการประมงที่ส่งวัตถุดิบให้กับบริษัท และผลการวิเคราะห์ของบริษัท Key Traceability ที่ตรวจสอบโครงการพัฒนาประมงทูน่าของไทยยูเนี่ยนและแหล่งประมงอื่นๆที่มีความเสี่ยงสูง

อดัม เบรนนัน ผู้อำนวยการกลุ่มด้านความยั่งยืน ของกลุ่มไทยยูเนี่ยน กล่าวว่า “ไทยยูเนี่ยนต้องการเพิ่มระดับความเข้มข้นของการทำงานของเราให้มากขึ้น เพื่อที่จะให้แน่ใจว่าจะได้วัตถุดิบจากเรือประมงที่หลีกเลี่ยงหรือลดละการจับติดสัตว์น้ำที่ไม่ใช่กลุ่มเป้าหมาย สืบเนื่องจากองค์กรด้านสิ่งแวดล้อมหลายที่ได้ชี้ให้เห็นว่าโลกกำลังเผชิญกับวิกฤตการสูญเสียพันธุ์สัตว์น้ำและความหลากหลายทางชีวภาพ โดยรายงาน Sustainable Fisheries Partnership (SFP) ระบุว่าสายพันธุ์สัตว์ที่ถูกคุกคาม ใกล้สูญพันธุ์ และถูกคุ้มครองในบริเวณมหาสมุทรแปซิฟิกตะวันตกตอนกลางมีปริมาณลดลงอย่างมาก”

เป็นที่ทราบกันดีว่า ไทยยูเนี่ยนเป็นผู้ผลิตและผู้จำหน่ายปลาทูน่าบรรจุกระป๋องภายใต้แบรนด์ต่าง ๆ ของบริษัท รวมถึงชิคเก้น ออฟ เดอะ ซี และจอห์น เวสต์ และในฐานะที่ไทยยูเนี่ยนร่วมเป็นส่วนหนึ่งในเวทีเสวนาในงาน ซีฟู้ด เอ็กซ์โป นอร์ธ อเมริกา ซึ่งเป็นงานแสดงสินค้าอาหารทะเลที่ใหญ่ที่สุดของภูมิภาคอเมริกาเหนือและที่สองของโลก บริษัทจึงประกาศเป้าหมายปี 2573 ของกลยุทธ์ด้านความยั่งยืนของบริษัท ซึ่งต่อยอดจากความทุ่มเทตลอดระยะเวลา 7 ปี ที่ผ่านมา ในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการประมงว่า

· ภายในปี 2573 เรือประมงทุกลำต้องมีมาตรฐานการปฏิบัติที่ดีเพื่อปกป้องสายพันธุ์สัตว์ที่ถูกคุกคาม ใกล้สูญพันธุ์ และถูกคุ้มครอง

· ทำตามพันธกิจด้านปลาทูน่าของบริษัทที่ได้ประกาศไว้แล้วได้ให้ครบสมบูรณ์ 100 เปอร์เซ็นต์ ภายในปี 2568 ว่าเรือประมงทูน่าทุกลำจะต้องมีผู้สังเกตการณ์ (บุคคลหรือผ่านเครื่องมืออิเล็คทรอนิก) ซึ่งจะทำงานโดยตรงกับบริษัทคู่ค้าหรือผู้ให้บริการ

แคธริน โนวัค ผู้อำนวยการด้านการตลาดทั่วโลก องค์กร SFP กล่าวว่า “การสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ เป็นภัยคุกคามต่อความยั่งยืนของการทำการประมง ไทยยูเนี่ยนได้สร้างมาตรฐานใหม่ให้กับอุตสาหกรรมอาหารทะเลในการปกป้องสายพันธุ์สัตว์ที่ถูกคุกคาม ใกล้สูญพันธุ์ และถูกคุ้มครอง โดยการตรวจสอบห่วงโซ่อุปทาน และรับซื้อวัตถุดิบจากเรือประมงที่ตื่นตัวในการจัดการปัญหาการจับสัตว์น้ำที่ไม่ใช่กลุ่มเป้าหมาย” รายงานล่าสุดโดยองค์กร SFP เกี่ยวกับผลกระทบของการจับปลาทูน่าเชิงพาณิชย์โดยใช้วิธีเบ็ดราว โดยใช้วิธีเบ็ดราว ในมหาสมุทรแปซิฟิกตะวันตกตอนกลางที่มีต่อสายพันธุ์สัตว์ที่ถูกคุกคาม ใกล้สูญพันธุ์ และถูกคุ้มครอง พบว่า ธรรมชาติได้ถูกทำลายลงอย่างมากและประชากรสัตว์สายพันธุ์ต่างๆ ทั้งฉลาม นกและเต่าทะเลได้ลดลงกว่า 70 เปอร์เซ็นต์ และพื้นที่นี้มีการทำประมงให้กับอุตสาหกรรมการผลิตทูน่ามากกว่าครึ่งหนึ่งของโลก ซึ่งส่วนใหญ่ส่งให้กับอเมริกาเหนือและญี่ปุ่น ด้วยเหตุนี้ จึงเป็นหน้าที่ผู้ซื้อทูน่าที่จะผลักดันให้เกิดการฟื้นฟูธรรมชาติและประชากรสัตว์น้ำที่เปราะบางเหล่านี้ให้กลับมาใหม่ โดยเฉพาะฉลามและนกทะเล ไทยยูเนี่ยนมีการตรวจสอบการจับสัตว์น้ำที่ไม่ใช่กลุ่มเป้าหมายเป็นส่วนหนึ่งของโครงการคุ้มครองสัตว์ทะเลที่องค์กร SFP จัดขึ้น นับเป็นโครงการระดับสากล ที่เป็นความพยายามของภาคอุตสาหกรรมในการแก้ไขปัญหาสัตว์ทะเลหายากที่ถูกจับในการทำประมง ทางองค์กร SFP ได้พิจารณาและประเมินแหล่งที่มาของวัตถุดิบที่ไทยยูเนี่ยนใช้วัดความเสี่ยงด้านความยั่งยืนของวัตถุดิบนั้น ๆ พร้อมทั้งเสนอมาตรการที่จะช่วยลดการจับสัตว์น้ำที่ไม่ใช่กลุ่มเป้าหมายให้ได้ผลมากที่สุด รายงานฉบับนี้ยังระบุว่า การประมงทูน่าโดยใช้วิธีเบ็ดราวนั้นก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อฉลาม นกทะเล และเต่าทะเล และแนะนำให้ปรับเปลี่ยนเครื่องมือประมงเพื่อลดปฏิสัมพันธ์ของสัตว์เหล่านี้ รวมทั้งความเสี่ยงที่จะทำให้สัตว์เหล่านี้ตาย รายงานยังพบว่าการประมงในพื้นที่มหาสมุทรแปซิฟิกมีผู้สังเกตการณ์ไม่เพียงพอ สอดคล้องกับความตั้งใจของไทยยูเนี่ยนที่อยากให้มีผู้สังเกตการณ์ในการทำประมงทูน่า 100 เปอร์เซ็นต์ บริษัท Key Traceability มีการตรวจเรือประมงที่อยู่ในโครงการปรับปรุงการทำประมงของไทยยูเนี่ยนปฏิบัติตามมาตรการข้อปฏิบัติที่ดี เพื่อลดการจับสัตว์น้ำที่ไม่ใช่กลุ่มเป้าหมายหรือไม่ ผลการประเมินพบว่าการประมงเหล่านี้ได้ลงบันทึกการจับปลาและการจัดการเกี่ยวกับสายพันธุ์สัตว์ที่ถูกคุกคาม ใกล้สูญพันธุ์ และถูกคุ้มครอง และได้ทำตามหรือทำได้ดีกว่า ข้อแนะนำจากการประเมิน

SHIN-A Service และ 9 CAT DIGITAL จับมือร่วมบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ มุ่งยกระดับอุตสาหกรรมเกมไทยและขยายขอบเขตไปสู่สากล วางเป้าหมายที่จะเชื่อมต่อความต้องการของผู้เล่นเกมทั้งในโลก Web 2 และ Web 3 เข้าด้วยกัน ให้มีการใช้งานได้ง่ายที่สุด

พิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ ถือเป็นก้าวสำคัญของบริษัทและเป็นจุดเริ่มต้นของบทบาทใหม่ในอุตสาหกรรมเกมไทย เรามุ่งมั่นที่จะพัฒนาให้เติบโตด้วยนวัตกรรมและสร้างคุณค่าของเกม เพิ่มประสบการณ์ที่น่าจดจำยิ่งขึ้น

จากความสามารถรอบด้านบน Web 3 ของ 9 CAT DIGITAL และความสามารถรอบด้านบน Web 2 ของ SHIN-A Service เรามั่นใจในการตอบสนองความต้องการให้แก่ลูกค้าอย่างเต็มกำลัง ทั้งลูกค้ารายย่อย รายใหญ่ และอุตสาหกรรมเกมไทยเอง

ก่อนพิธีลงนามบันทึกข้อตกลง ผู้บริหารจาก SHIN-A Service และ 9 CAT DIGITAL ร่วมกันพูดคุยในหัวข้อ “การผนวกกำลังเพื่อรองรับลูกค้าจากทั้ง 2 กลุ่มเป้าหมาย รวบเกมบน Web 2 และ Web 3 เข้าด้วยกันอย่างมีประสิทธิภาพ”

เป้าหมายหลักของผู้พัฒนาเกมคือการออกแบบผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับผู้ใช้งาน พัฒนาประสบการณ์การเล่นเกมให้มีความราบรื่นมากที่สุด ไม่ว่าผู้เล่นจะเป็นลูกค้าจาก Web2 หรือ Web3 มีความรู้พื้นฐานด้านเทคโนโลยีบล็อคเชนหรือไม่มีเลยก็ตาม รวมถึงพัฒนาอุตสาหกรรมเกมในประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยใช้ประโยชน์สูงสุดจากทรัพยากรและความสามารถของทีมงานทั้ง 2 บริษัท ให้เกิดอุตสาหกรรมเกมที่ยั่งยืน

ในโลกดิจิทัลที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา SHIN-A Service และ 9 CAT DIGITAL ได้พิสูจน์ความพร้อมในการพัฒนาเกมของคนไทย ไปสู่ระดับสากล ด้วยนวัตกรรมใหม่ๆ ที่ยกระดับประสบการณ์การเล่นเกมออนไลน์สำหรับทุกคน

BALOZ

Game Story

สิ่งมีชีวิตหลากหลายสายพันธ์และอาณาจักรต่างๆ ได้ต่อสู้เพื่อหวังจะ ได้ครอบครอง โลกมานานหลายศตวรรษ และเพื่อยุติความขัดแย้ง พระเจ้าได้สร้างหอคอยในมหาสมุทร และประกาศว่า “ใครก็ตามที่ขึ้นไปถึงด้านบนจะได้รับทุกสิ่ง”

หอคอยแห่งนี้กลายเป็นที่รู้จักในชื่อ "หอคอยแห่ง Baloz” และเหล่าแชมเปี้ยน จากแต่ละอาณาจักรก็ออกเดินทางเพื่อปีนขึ้นไปบนนั้น

Game genre

BALOZ เป็นเกมแนว Action Idle RPG แนวแฟนตาซีที่รองรับบล็อกเชน ซึ่งจะเปิดให้บริการบนอุปกรณ์มือถือที่ใช้ทั้งแพลตฟอร์ม IOS และ Android

Discord: https://discord.gg/jpTTrYcm9P

THE CRAFT

Game story

ในปี พ.ศ. 2112 ขณะที่ทรัพยากรของโลกลดน้อยลงอย่างรวดเร็ว มนุษยชาติได้ย้ายไปยังถิ่นฐานใหม่ Innovira ดาวเคราะห์ที่มีลักษณะคล้ายกับโลกแต่มีทรัพยากรมากมาย โดยผู้เล่นจะได้สวมบทบาทเป็นผู้ตั้งรกรากบน Innovira และสร้างอารยธรรมของตนเอง ซึ่งจะได้รับการยอมรับและได้รับรางวัลจากผู้อาศัยดั้งเดิมของโลก จากการนำนวัตกรรมและความเจริญรุ่งเรืองมาให้

Game genre

The Crafts เป็นเกมแนว SLG MMORPG โดยจะเปิดให้เล่นฟรีในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยตัวเกมจะผสมผสานเทคโนโลยี centralized และ decentralized เพื่อสร้างประสบการณ์การเล่นเกมที่ไม่เหมือนใคร

The Crafts LinkTree: https://linktr.ee/thecrafts

X

Right Click

No right click