December 21, 2025

เอไอเอ ประเทศไทย นำทัพพลังตัวแทนประกันชีวิต ร่วมพิธีมอบรางวัลตัวแทนคุณภาพดีเด่นแห่งชาติ ครั้งที่ 41 (Thailand National Quality Awards: TNQA 41st) ซึ่งในปีนี้เอไอเอยังคงครองอันดับ 1 รางวัลตัวแทนคุณภาพดีเด่นแห่งชาติ ต่อเนื่องเป็นปีที่ 17 โดยมีจำนวนตัวแทนที่ได้รับรางวัลทั้งสิ้นถึง 1,368 ท่าน ถือเป็นจำนวนมากที่สุดจากทั้งหมด 15 บริษัทประกันชีวิตชั้นนำ โดยในงานได้รับเกียรติจาก คุณลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง และคุณชูฉัตร ประมูลผล เลขาธิการ คณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร เอไอเอ ประเทศไทย นำโดย คุณนิคฮิล แอดวานี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร คุณสลักจิต นิลประเสริฐศักดิ์ ผู้อำนวยการฝ่ายสนับสนุนช่องทางการขาย และคุณกันยา กันตถาวร ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารการตลาดและสื่อสารตัวแทน ร่วมถ่ายภาพเพื่อแสดงความยินดีแก่ตัวแทนที่ได้รับรางวัลอันทรงเกียรติในครั้งนี้ โดยตัวแทนเอไอเอที่ได้รับรางวัลโล่เกียรติคุณ 20 ปี พร้อมเกียรติบัตร มีจำนวน 2 ท่าน ได้แก่ คุณรัตนา กมลงามพิพัฒน์ และคุณเสาวลักษณ์ สุขแก้ว รางวัลโล่เกียรติคุณ 15 ปี พร้อมเกียรติบัตร มีจำนวน 8 ท่าน ได้แก่ คุณบุปผา ฉันทประทีป คุณสุรเชษฐ์ ชลตระกูล คุณพิมพ์ชยา รุ่งอริยสกุลชัย คุณนารถฤดี ปึงศิริเจริญ คุณประไพ สาคร คุณคุณาวุฒ อภิเนาวนิเวศน์ คุณไสว ศิลปานนท์ และคุณชุติมณฑน์ ไกรรักษ์ โดยพิธีมอบรางวัลตัวแทนคุณภาพดีเด่นแห่งชาติ ครั้งที่ 41 จัดขึ้นเมื่อวันศุกร์ที่ 21 มิถุนายน 2567 ณ รอยัลจูบิลี่ บอลรูม อิมแพ็ค เมืองทองธานี

นอกจากนี้ ยังมีตัวแทนเอไอเอที่ได้รับรางวัลโล่เกียรติคุณ 10 ปี พร้อมเกียรติบัตร จำนวน 24 ท่าน ได้แก่ คุณเพ็ญสุดา เมธาสันต์ คุณวิภาดา ทรัพย์ทวีมั่นคง คุณปีติธร ชาประดิษฐ์ คุณสถิตย์ สมเงิน คุณสถิรยา เงินแจ้ง คุณสุคนธ์ทิพย์ สายทองมี คุณลักษมี สิทธิ คุณชัยญาพร พรมยะดวง คุณธัญต์นภัส ภาคสุนทร คุณมณฑา ณ นรงค์ คุณพลกฤต ทาหลี คุณนวลจันทร์ ไชยสาร คุณกาญจนา ชัยศรีรัมย์ คุณวราพร อิ่มทรัพย์ คุณพิมศิริ มาลารัตน์ คุณน้ำฝน พวงเพชร คุณปานฝัน เรืองอนันต์ คุณวารินทร์ คำพรม คุณกัลย์นภัส ลัทธิประสาธน์ คุณธวัชชัย เดชวงษา คุณปรีญาภรณ์ สายจันทร์ คุณณัฐนันท์ วสันต์ชื่น คุณนงคาญ สังสีมา และคุณลั่นทม ศักดิ์ชัยหิรัญกุล สำหรับตัวแทนที่ได้รับรางวัลโล่เกียรติคุณ มีจำนวน 5 ท่าน และรางวัลเกียรติบัตร อีกจำนวน 1,302 ท่าน พร้อมกันนี้ เอไอเอ ประเทศไทย ยังได้จัดพิธีมอบเสื้อสูท TNQA ให้แก่พลังตัวแทน โดย คุณนิคฮิล แอดวานี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เพื่อเชิดชูเกียรติและสร้างความภาคภูมิใจให้แก่พลังตัวแทน ซึ่งความสำเร็จของพลังตัวแทนทุกท่านในครั้งนี้ สะท้อนถึงความเป็นมืออาชีพ ความมุ่งมั่นตั้งใจในการให้บริการลูกค้า และความไม่หยุดที่จะพัฒนาตนเองเพื่อส่งมอบประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมให้แก่ลูกค้าทั่วประเทศ ด้วยเป้าหมายเดียวกันคือต้องการสนับสนุนคนไทยมีสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้น ตามคำมั่นสัญญา ‘Healthier, Longer, Better Lives’

 

เคทีซีเผยตัวเลขสมาชิกสแกนจ่ายด้วย QR สูงขึ้นกว่า 60% ร่วมตอบรับสังคมไร้เงินสด คนไทยหันมาทำธุรกรรมการเงินผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์เพิ่มมากขึ้น พร้อมเดินหน้าเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีจับมือยูเนี่ยนเพย์เพิ่มช่องทางชำระเงินด้วยวิธีการสแกน QR Code บัตรเครดิตผ่านแอป KTC Mobile ตอบโจทย์สมาชิกที่ชื่นชอบการทำธุรกรรมออนไลน์ที่ง่าย สะดวก ปลอดภัย และรวดเร็ว พิเศษ! สมาชิกที่เลือกชำระบัตรเครดิตเคทีซี ยูเนี่ยนเพย์ ทุกประเภท ณ ร้านค้าที่ร่วมรายการในประเทศไทยรับส่วนลด 10% ทันทีโดยไม่มีขั้นต่ำ ระหว่างวันที่ 1 มีนาคม 2567 – 31 ธันวาคม 2567

นายธศพงษ์ รังควร ผู้บริหารสูงสุดสายงานการตลาดบัตรเครดิต “เคทีซี” หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปัจจุบันประเทศไทยเข้าสู่ยุคสังคมไร้เงินสด (Cashless Society) อย่างเต็มรูปแบบ คนไทยหันมาใช้การชำระเงินผ่านการสแกน QR Code ด้วยโทรศัพท์มือถือเพื่อชำระเงินค่าสินค้า และบริการผ่านแอปพลิเคชันธนาคารมากขึ้น โดยเฉพาะ QR Payment บัตรเครดิต ซึ่งเริ่มเป็นที่ยอมรับมากขึ้นในร้านค้าชั้นนำ ขณะเดียวกันพบว่าสมาชิกบัตรเครดิตเคทีซีมีพฤติกรรมที่ชื่นชอบการสแกนจ่าย QR บัตรเครดิต เพิ่มมากขึ้นถึง 60% ในช่วงเดือนมกราคม 2567 – เดือนพฤษภาคม 2567 เพราะง่ายต่อการใช้งาน สะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย  และเพื่อให้สมาชิกบัตรเครดิตเคทีซีมีช่องทางการชำระเงินที่สะดวกมากขึ้นจึงได้เพิ่มทางเลือกให้สมาชิกสแกนจ่ายด้วย QR ผ่านแอป KTC Mobile ที่นอกจากจะสามารถชำระค่าสินค้าและบริการได้แล้วยังสามารถตรวจสอบรายการใช้จ่าย เช็คคะแนนสะสม และเช็ควงเงินของบัตรเครดิตได้อีกด้วย

สำหรับสมาชิกสามารถเลือกสแกนเพื่อจ่ายด้วย QR ผ่านแอป KTC Mobile และเลือกชำระด้วยบัตรเครดิตเคทีซี ยูเนี่ยนเพย์ ทุกประเภท สำหรับชำระค่าสินค้าหรือบริการ ณ ร้านค้าที่ร่วมรายการในประเทศไทย รับส่วนลด 10% โดยไม่มีขั้นต่ำ (สูงสุด 50 บาทต่อใบเสร็จ) และรับสิทธิ์ได้สูงสุด 3 ครั้ง / บัตรฯ / วัน และรวม 10 ครั้งตลอดระยะเวลาแคมเปญ ระหว่างวันที่ 1 มีนาคม 2567 – 31 ธันวาคม 2567

ร้านค้าที่รับสแกน QR บัตรเครดิต ได้แก่ คิงเพาเวอร์ / สยามพารากอน / เซ็นทรัล / โลตัส / ท็อปส์ /    วัตสัน / แม็กซ์แวลู / ไดโซ / ท็อปส์เดลี่ / ลอว์สัน / เต่าบิน / สตาร์บัคส์ / ชาตรามือ / ซับเวย์ / พิซซ่าฮัท / อาดิดาส / ไนกี้ และโพเมโล

ผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ KTC PHONE โทรศัพท์ 021235000สำหรับผู้ที่ต้องการสมัครสมาชิกบัตรเครดิตเคทีซี สามารถคลิกดูรายละเอียดได้ที่ลิงค์ https://ktc.today/apply-card หรือติดต่อศูนย์บริการสมาชิก “เคทีซี ทัช” ทุกสาขาทั่วประเทศ 

หมายเหตุ : บัตรเครดิตใช้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนได้ตามกำหนด จะได้ไม่เสียดอกเบี้ย 16% ต่อปี

ชวนประชาชนร่วมตอบแบบสำรวจเพื่อพัฒนาด้านดิจิทัลของประเทศ พร้อมลุ้นรางวัลใหญ่

ดร.สมภพ ศักดิ์พันธ์พนม ประธานกรรมการ นายสมศักดิ์ ศิริชัยนฤมิตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด (APM) ผศ.สุดา ปีตะวรรณ ผู้อำนวยการ APM Financial & Capital Market Institute at Bangkok พร้อมผู้บริหารและทีมงาน จัดสัมมนาหลักสูตร High - Flyer Entrepreneur รุ่นที่ 14 ซึ่งได้จัดร่วมกับ คณะวิทยพัฒน์ (Extension School) มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ให้กับผู้ประกอบการธุรกิจ SME ที่เป็นลูกค้าของบริษัท โดยมีวัตถุประสงค์ในการสร้างความรู้ ความเข้าใจด้านตลาดทุนให้กับลูกค้า และรับทราบเกี่ยวกับระเบียบ ข้อบังคับ รวมถึงแนวทางปฏิบัติในการเตรียมความพร้อมที่จะนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในระหว่างวันที่ 13 - 14 มิถุนายน 2567 ที่ผ่านมา ณ โรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ ราชดําริ

“เคทีซี” หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ผู้นำธุรกิจสินเชื่อเพื่อผู้บริโภค ได้รับการจัดอันดับให้เป็นหนึ่งใน Fortune Southeast Asia 500 ฉบับปฐมฤกษ์ ซึ่งเป็นการจัดอันดับบริษัทขนาดใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ครั้งแรก โดยนิตยสารฟอร์จูน (Fortune) พิจารณาจากรายได้ของบริษัทในงบการเงินปี 2566  

นางรจนา  อุษยาพร  ผู้บริหารสูงสุดสายงานบัญชีและการเงิน “เคทีซี” หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) เผยว่า “ในปีนี้นับเป็นเรื่องน่ายินดีที่ทางนิตยสาร Fortune (ฟอร์จูน) สื่อธุรกิจที่ได้รับความเชื่อถือมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ได้จัดอันดับบริษัทในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นครั้งแรกในปี 2567  “Fortune Southeast Asia 500” โดยเคทีซีติดอันดับที่ 352 ใน 500 บริษัทในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จากการจัดอันดับตามรายได้ในปี 2566  โดยข้อมูล ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2566 เคทีซีมีรายได้ 730.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เติบโตจากช่วงเดียวกันของปี 2565 เท่ากับ 9.9% โดยมีกำไร 209.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (เติบโต 3.5%) และมีสินทรัพย์ 3,284 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ด้วยจำนวนพนักงานเคทีซี 1,649 คน และมีมูลค่าการตลาด (Market Value) ณ วันที่ 1 พฤษภาคม 2567 เท่ากับ 2,990 ล้านดอลลาร์สหรัฐ”

“การที่เคทีซีได้รับการจัดอันดับเข้าใน Fortune Southeast Asia 500 นับเป็นอีกหนึ่งเครื่องพิสูจน์ถึงผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งควบคู่ไปกับการขยายธุรกิจเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน ซึ่งเป็นความร่วมมือร่วมใจจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในธุรกิจทุกภาคส่วน ที่ร่วมกันขับเคลื่อนให้เคทีซีเติบโตอย่างต่อเนื่อง และเคทีซีจะยังคงยืนยันปณิธานในการทำธุรกิจด้วยความโปร่งใสและมีธรรมมาภิบาล เพื่อสร้างสังคมไทยที่ยั่งยืนไปด้วยกัน”

การจัดอันดับ “Fortune Southeast Asia 500” จัดทำขึ้นครั้งแรกในปี 2567 โดยนิตยสาร Fortune เพื่อเผยแพร่รายชื่อ 500 บริษัทที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เนื่องจากภูมิภาคนี้มีความสำคัญมากขึ้นในเศรษฐกิจโลก โดยบริษัทข้ามชาติที่ติดอันดับ Global 500 ได้ย้ายห่วงโซ่อุปทานการผลิตมายังประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มากขึ้น และเป็นภูมิภาคที่มีพัฒนาการระบบเศรษฐกิจเติบโตอย่างรวดเร็ว

บริษัทเอสซีจี อินเตอร์เนชั่นแนล (SCG International) จำกัด และบริษัทบิ๊กบล็อก คอนสตรัคชั่น (BigBloc Construction) จำกัด ร่วมลงทุนเปิดโรงงานแผ่นผนังมวลเบา (Autoclaved Aerated Concrete Wall) ภายใต้ชื่บริษัทสยาม ซีเมนต์ บิ๊กบล็อก คอนสตรัคชั่น เทคโนโลยี ไพรเวท ลิมิเต็ด (Siam Cement BigBloc Construction Technologies Pvt Ltd) โดยเป็นการเปิดตัวโซลูชันผนังด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยแห่งแรกในรัฐคุชราต ประเทศอินเดีย ภายใต้แบรนด์ 'ZMARTBUILD WALL by NXTBLOC' ซึ่งการร่วมลงทุนครั้งนี้มีมูลค่าประมาณ 650 ล้านรูปี (285 ล้านบาท) และมีกำลังการผลิตมากถึง 300,000 ลูกบาศก์เมตรต่อปี โดยในงานเปิดตัวได้รับเกียรติจากนางสาวภัทรัตน์ หงษ์ทอง เอกอัครราชทูตไทยประจำสาธารณะรัฐอินเดีย เป็นประธาน และนายบัลวันต์ซินห์ ราชปุต รัฐมนตรีกระทรวงอุตสาหกรรม MSME รัฐบาลคุชราต ได้ส่งสาส์นมาร่วมแสดงความยินดี รวมถึงเจ้าหน้าที่ระดับสูงจากทั้งเอสซีจี อินเตอร์เนชั่นแนล และบิ๊กบล็อก คอนสตรัคชัน เข้าร่วมงาน

ในปี 2564-2565 บิ๊กบล็อก คอนสตรัคชั่น ได้ร่วมลงทุนทางธุรกิจกับเอสซีจี อินเตอร์เนชั่นแนล เพื่อจัดตั้งโรงงานผลิตแผ่นผนังมวลเบา ในเขตเคดา ใกล้เมืองอาห์เมดาบัด (รัฐคุชราต) โดยบิ๊กบล็อก คอนสตรัคชั่น ถือหุ้นร้อยละ 52 ขณะที่เอสซีจี อินเตอร์เนชั่นแนล ถือหุ้นร้อยละ 48 นับเป็นการลงทุนครั้งแรกในประเทศอินเดียของบริษัทในเครือเอสซีจี

นายนาเรช ซาบู กรรมการผู้จัดการ บริษัทบิ๊กบล็อก คอนสตรัคชั่น จำกัด กล่าวว่า “การร่วมทุนครั้งนี้เป็นมากกว่าความร่วมมือทางธุรกิจ แต่ยังเป็นการส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศและวัฒนธรรม โรงงานนี้ก่อตั้งและเริ่มกระบวนการผลิตในเดือนกันยายน ปี 2566 นำเสนอโซลูชันวัสดุก่อสร้างเพื่อเสริมขีดความสามารถของทั้ง 2 บริษัท พร้อมสร้างการเติบโตให้แก่อุตสาหกรรมแผ่นผนังมวลเบา รวมถึงอุตสาหกรรมก่อสร้างของอินเดียในอนาคต โดยโครงการดังกล่าวมีศักยภาพที่จะพัฒนากำลังการผลิตเป็น 500,000 ลูกบาศก์เมตรต่อปีในระยะที่ 2”

นายอบิจิต ดัตต้า กรรมการผู้จัดการ บริษัทเอสซีจี อินเตอร์เนชั่นแนล คอร์ปอเรชั่น จำกัด กล่าวว่า “ความร่วมมือครั้งนี้รวมความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีวัสดุก่อสร้างที่มีมากกว่าศตวรรษของเอสซีจี และความเข้าใจความต้องการในตลาดท้องถิ่นของบิ๊กบล็อก โดยนำเสนอโซลูชันนวัตกรรมแผ่นผนังมวลเบาจาก 'ZMARTBUILD WALL by NXTBLOC' ที่จะสร้างการเติบโตและความยั่งยืนให้แก่อุตสาหกรรมก่อสร้างของอินเดีย”

บริษัทเอสซีจี อิเนตอร์เนชั่นแนล จำกัด (SCG International) เป็นผู้นำด้านซัพพลายเชนระหว่างประเทศ โดยเริ่มดำเนินการในประเทศอินเดียตั้งแต่ปี 2561 ผ่านชื่อ ‘เอสซีจี อิเนตอร์เนชั่นแนล อินเดีย’ เน้นธุรกิจวัสดุก่อสร้าง บรรจุภัณฑ์ และการจัดหาเซรามิกและวัสดุอุตสาหกรรมอื่น ๆ โครงการนี้เป็นการลงทุนโดยตรงในต่างประเทศ (FDI) ครั้งแรกในประเทศอินเดีย หลังจากที่ใช้เวลาในการศึกษาตลาดอินเดีย เอสซีจี อินเตอร์เนชั่นแนล ตัดสินใจร่วมมือกับบริษัท บิ๊กบล็อก คอนสตรัคชั่น จำกัด และเลือกรัฐคุชราตเป็นสถานที่แรกสำหรับการลงทุน เนื่องจากมีวัฒนธรรมการทำงานและสภาพแวดล้อม รวมถึงปัจจัยอื่น ๆ ที่เอื้อต่อการลงทุนในอนาคตของเอสซีจี

บริษัทบิ๊กบล็อก คอนสตรัคชั่น จำกัด (BigBloc Construction) ก่อตั้งเมื่อปี 2558 เป็นหนึ่งในบริษัทใหญ่แห่งวงการอิฐมวลเบา (AAC Block) ด้วยกำลังการผลิต 1.075 ล้านตารางเมตรต่อปี โดยโรงงานตั้งอยู่ที่อุมารกอน (วาปิ) และกะพัดวานจ์ (อาห์เมดาบัด) ในรัฐคุชราต และวาดา (ปาลการ์) ในรัฐมหาราษฎระ บริษัทนี้เป็นบริษัทหนึ่งในวงการ AAC ที่สามารถสร้างเครดิตคาร์บอนได้  ทั้งนี้ บิ๊กบล็อก คอนสตรัคชั่น เป็นผู้ผลิตอิฐมวลเบาชั้นนำของอินเดีย จำหน่ายสินค้าภายใต้แบรนด์ 'NXTBLOC' โดยดำเนินโครงการมากกว่า 2,000 โครงการจนถึงปัจจุบัน และยังมีโครงการอื่น ๆ อีกมากกว่า 1,500 โครงการที่อยู่ระหว่างดำเนินการ มีบริษัทที่เป็นลูกค้า ได้แก่ โลธา (Lodha), อดานี เรียลติ (Adani Realty), อินเดียบูลส์ เรียล เอสเตส (IndiaBulls Real Estate), เพรสติช(Prestige), พิรามาล (Piramal), โอเบรอย เรียลติ (Oberoi Realty), เชิร์ก กรุ๊ป (Shirke Group), ชาปูร์จี ปัลลอนจิ กรุ๊ป (Shapoorji Pallonji Group), ราเฮจา (Raheja), พีเอสพี โปรเจคส์ (PSP Projects), แอล แอนด์ ที แอนด์ ซันเทค (L&T, and Sunteck), อินฟราสตรัคเจอร์ เซเธีย ไพรเวทลิมิเต็ด (Infrastructure Sethia Pvt Ltd), ดอสติ กรุ๊ป (Dosti Group), ปัววันการา ลิมิเต็ด (Purvankara Ltd) รวมถึงบริษัทอื่น ๆ

สำหรับการดำเนินการในปี 2566-2567 บริษัทรายงานรายได้จากกิจกรรมการดำเนินงานทั้งหมดที่ 2,432 ล้านรูปี (1,067 ล้านบาท) เพิ่มขึ้นร้อยละ 21.55 ต่อปี  EBITDA ที่ 561.5 ล้านรูปี (246 ล้านบาท) เพิ่มขึ้นร้อยละ 12.29 ต่อปี และ PAT ที่ 306.9 ล้านรูปี (134 ล้านบาท) เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.83 ต่อปี

สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมของโซลูชันนวัตกรรมแผ่นผนังมวลเบา จาก 'ZMARTBUILD WALL by NXTBLOC' ได้ที่ https://www.zmartbuild.com/in/zmartbuild-wall-panel/

กลุ่มธุรกิจอาหาร บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ร่วมกับ บริษัท บีเอสจีเอฟ จำกัด (BSGF) ในกลุ่มบริษัทบางจาก สนับสนุนการจัดการน้ำมันปรุงอาหารใช้แล้วอย่างถูกวิธี ไม่ทิ้ง ไม่ทอดซ้ำ ภายใต้ โครงการ “ทอดไม่ทิ้ง” และ “ไม่ทอดซ้ำ” ของบางจาก เพื่อส่งต่อให้บริษัท บีเอสจีเอฟ จำกัด (BSGF) นำไปผลิตเป็นน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน แทนการใช้เชื้อเพลิงชีวภาพในอุตสาหกรรมเครื่องบิน โดยมีร้านอาหารในเครือบริษัทไทยเบฟเวอเรจ เข้าร่วมโครงการ จำนวน 708 สาขาทั่วประเทศ เพื่อสนับสนุนการใช้ทรัพยากรหมุนเวียน มุ่งสู่สังคมคาร์บอนต่ำ และตอบโจทย์ โมเดลเศรษฐกิจสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน (BCG) ได้อย่างครบวงจร

ในโอกาสนี้ ได้รับเกียรติจาก นางกลอยตา ณ ถลาง รักษาการรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ งานบริหารความยั่งยืนและสื่อสารองค์กร พร้อมด้วย นายนิพนธ์ เลิศทัศนีย์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานบริหารโครงการวิศวกรรมและโลจิสติกส์ กลุ่มธุรกิจโรงกลั่นและการค้าน้ำมัน บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ร่วมด้วยนายสุรพร  เพชรดี ผู้จัดการใหญ่ บริษัท บีเอสจีเอฟ จำกัด, นายธนวัฒน์  ลินจงสุบงกช  ประธานกรรมการ กลุ่มบริษัทธนโชค และนางนงนุช บูรณะเศรษฐกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ผู้บริหารสูงสุด สายธุรกิจอาหาร ประเทศไทย บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ร่วมลงนามความร่วมมือรวบรวมน้ำมันปรุงอาหารใช้แล้วเพื่อนำไปเป็นวัตถุดิบสำหรับผลิตน้ำมันอากาศยานยั่งยืน (SAF)

นางนงนุช บูรณะเศรษฐกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ผู้บริหารสูงสุด สายธุรกิจอาหาร ประเทศไทย บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “กลุ่มธุรกิจอาหารไทยเบฟ ในฐานะผู้นำธุรกิจอาหาร เราดำเนินธุรกิจด้วยความใส่ใจต่อผู้บริโภค คำนึงถึงคุณภาพและความปลอดภัยของอาหาร ควบคู่ไปกับการดูแลสังคมและสิ่งแวดล้อม ที่ผ่านมา เรามีกระบวนการจัดการน้ำมันในการปรุงอาหารอย่างครบวงจร โดยเลือกใช้น้ำมันคุณภาพ งดการใช้น้ำมันทอดซ้ำจนเสื่อมสภาพ เพื่อป้องกันการเกิดสารอันตรายต่อสุขภาพของผู้บริโภค อันจะก่อให้เกิดโรคตามมา โดยมีมาตรการตรวจสอบและควบคุมสารโพลาร์ในน้ำมัน ไม่ให้เกินร้อยละ 25 เพื่อความปลอดภัยและเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด รวมถึงส่งต่อน้ำมันปรุงอาหารใช้แล้วจากร้านอาหารในเครือให้แก่คู่ค้า เพื่อนำไปผลิตเป็นพลังงานสะอาดไบโอดีเซล

โดยสอดคล้องกับแนวคิด “โครงการทอดไม่ทิ้ง” และ “โครงการไม่ทอดซ้ำ” ที่ส่งเสริมการจัดการน้ำมันปรุงอาหารใช้แล้วอย่างถูกวิธี ไม่ทิ้งลงพื้นที่สาธารณะ และสร้างมาตรฐานการใช้น้ำมันปรุงอาหารอย่างปลอดภัยต่อผู้บริโภค โดยนำน้ำมันปรุงอาหารใช้แล้ว มาส่งต่อให้ บริษัท บีเอสจีเอฟ จำกัด เพื่อนำไปผลิตเป็นน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน หรือ Sustainable Aviation Fuel - SAF ที่สามารถใช้กับเครื่องบินได้โดยไม่ส่งผลกับเครื่องยนต์ แสดงให้เห็นถึงการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า และช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการใช้เชื้อเพลิงชีวภาพในอุตสาหกรรมการบิน เพื่อลดภาวะโลกร้อน”

“วันนี้ กลุ่มธุรกิจอาหารไทยเบฟ เราพร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนสังคมสุขภาพดี สร้างเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีและปลอดภัยให้กับผู้บริโภค มุ่งมั่นวางแผนการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพและหมุนเวียนกลับมาใช้ประโยชน์สูงสุดเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และเติบโตอย่างยั่งยืนควบคู่ไปด้วยกัน” นางนงนุช กล่าวปิดท้าย

สำหรับโครงการทอดไม่ทิ้งและไม่ทอดซ้ำ มุ่งแก้ไขปัญหาการทิ้งน้ำมันปรุงอาหารที่ใช้แล้วอย่างไม่ถูกวิธี ซึ่งส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม รวมถึงการใช้น้ำมันปรุงอาหารซ้ำ ทำให้เร่งการเสื่อมสภาพของน้ำมัน ก่อให้เกิดสารอันตรายแก่ร่างกาย ได้แก่ สารโพลาร์ สารประกอบโพลีไซคลิก อะโรมาติก ไฮโครคาร์บอน และเป็นสาเหตุให้เกิดโรคตามมา คือ ความดันโลหิตสูง หลอดเลือดหัวใจตีบ โรคกระเพาะอาหาร หากสูดดมไอระเหยของน้ำมันเป็นเวลานาน อาจจะทำให้เสี่ยงเป็นมะเร็งปอด

ทางบริษัท บีเอสจีเอฟ จำกัด (BSGF) ในกลุ่มบริษัทบางจาก จึงรับซื้อน้ำมันปรุงอาหารใช้แล้ว เพื่อนำไปผลิตเป็น SAF ซึ่งการใช้ SAF สามารถช่วยลดการปล่อยคาร์บอนได้ประมาณ 80% เทียบกับน้ำมันอากาศยานแบบเดิม

ปัจจุบันมีแบรนด์ร้านอาหารรระดับประเทศ ตอบรับเข้าร่วมโครงการหลายแบรนด์ รวมถึงร้านอาหารในเครือบริษัทไทยเบฟเวอเรจ ได้เข้าร่วม โครงการทอดไม่ทิ้ง ตั้งแต่ปี 2564 จนถึงปัจจุบัน พร้อมต่อยอดสู่ โครงการไม่ทอดซ้ำ รวมทั้งสิ้น 11 แบรนด์ร้านอาหาร จำนวน 708 สาขาทั่วประเทศ ประกอบด้วย ร้านอาหารญี่ปุ่นในเครือโออิชิ ได้แก่ โออิชิ แกรนด์, โออิชิ อีทเทอเรียม,  โออิชิ บุฟเฟต์,  ชาบูชิ,  นิกุยะ, โฮว ยู, โออิชิ ราเมน, คาคาชิ,  โออิชิ บิซโทโระ รวมถึงร้านเคเอฟซี โดยบริษัท เดอะ คิวเอสอาร์ ออฟ เอเชีย จำกัด และร้านอาหารบุฟเฟ่ต์สไตล์ยุโรป แวนเทจ พอยท์  ทั้งนี้ ร้านอาหารที่ผ่านเกณฑ์คุณสมบัติได้เข้าร่วมโครงการไม่ทอดซ้ำ จะได้รับประกาศนียบัตรจากกรมอนามัย เพื่อรับรองมาตรฐานการไม่ใช้น้ำมันทอดซ้ำและนำน้ำมันปรุงอาหารใช้แล้วมาขายให้บริษัท บีเอสจีเอฟ จำกัด นำไปผลิตเป็น SAF

สำหรับผู้ประกอบการธุรกิจอาหารและประชาชนทั่วไป ก็สามารถร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการดูแลสิ่งแวดล้อมด้วยการนำน้ำมันปรุงอาหารที่ใช้แล้วมาขายได้ที่สถานีบริการบางจาก 162 แห่งทั่วประเทศ เพื่อให้บริษัท บีเอสจีเอฟ จำกัด นำไปผลิตเป็นพลังสะอาด และยังช่วยสร้างรายได้เสริมให้แก่ทุกคนอีกด้วย

ชู “ทองของขวัญแต่งงาน-ลาผ่าตัดแปลงเพศ-แต่งกายอิสระ” สร้างสังคมการทำงาน “อยู่ดี มีสุข” รับไฟเขียวสมรสเท่าเทียม

จิราลักษณ์ ณ เชียงตุง (ขวา) ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายการตลาด – ร้านอาหาร บริษัท โออิชิ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เป็นผู้แทนบริษัทฯ เข้าร่วมงานประกาศรางวัล  Thailand e-Commerce Awards 2024 ซึ่งจัดขึ้นโดย สมาคมผู้ประกอบการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ไทย (THECA : Thai e-Commerce Association) ภายใต้การสนับสนุนของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า (DBD) กระทรวงพาณิชย์ พร้อมรับมอบโล่ประกาศเกียรติคุณจากประธานในพิธี นายนภินทร ศรีสรรพางค์ (ซ้าย) รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในโอกาสที่บริษัทฯ ได้รับการคัดเลือกให้ได้รับรางวัลอันทรงเกียรติ คือ รางวัล e-Commerce Brand Excellence Awards ในสาขา Food and Beverage อันสะท้อนความมุ่งมั่นในการดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพขององค์กร รวมถึงการใช้เทคโนโลยีและพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ในการทำธุรกิจ ส่งเสริมให้เกิดการแข่งขันอย่างเท่าเทียม และส่งเสริมให้ธุรกิจมีการเติบโตและพัฒนาอย่างยั่งยืน ณ ฮอลล์ 5 – 6 ชั้น LG ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เมื่อเร็ว ๆ นี้

 

เคทีซีเดินหน้าทำการตลาดทุกกลุ่มเซกเมนต์เอาใจนักช้อป พร้อมออกแคมเปญ “ช้อปกลางปี โปรดีที่รอคอย” แลกคะแนนรับส่วนลดเพิ่มสูงสุด 20% ที่ห้างสรรพสินค้าที่ร่วมรายการ หรือแลกคะแนนรับเครดิตเงินคืนสูงสุด 20% เมื่อมียอดใช้จ่ายที่ร้านค้าลักชูรี่แบรนด์ (Luxury brands) หรือผ่านช่องทางบริการสั่งซื้อที่ร่วมรายการของห้างสรรพสินค้าที่ร่วมรายการ ระหว่างวันที่  1 มิถุนายน 2567 – 31 กรกฎาคม 2567

นายสรชัช ศรีลมูล ผู้บริหารสูงสุดฝ่ายการตลาดบัตรเครดิต “เคทีซี” หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เคทีซียังคงเดินหน้ามุ่งทำการตลาดตอบสนองความต้องการของสมาชิกทุกเซกเมนต์ที่ชื่นชอบการช้อปปิ้งกับห้างสรรพสินค้า โดยเดือนมกราคม 2567  - เดือนพฤษภาคม 2567 มีแนวโน้มของยอดการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตในห้างสรรพสินค้าดีขึ้นอย่างต่อเนื่องเคทีซีจึงได้เดินหน้าออกแคมเปญ “ช้อปกลางปี โปรดีที่รอคอย” ร่วมกับห้างสรรพสินค้าชั้นนำที่ร่วมรายการ ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2567 – วันที่ 31 กรกฎาคม 2567 โดยมีรายละเอียดดังนี้

สมาชิกที่มียอดใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตเคทีซีที่ห้างสรรพสินค้าชั้นนำที่ร่วมรายการได้แก่ ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลทุกสาขา / ห้างสรรพสินค้าโรบินสันทุกสาขา / ห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์และเดอะมอลล์ ไลฟ์สโตร์ทุกสาขา / ห้างสรรพสินค้าเอ็มโพเรียม / ห้างสรรพสินค้าพารากอน / เอ็มควอเธียร์และดิเอ็มสเฟียร์ เฉพาะโซนดีพาร์ทเม้นท์สโตร์ และพาวเวอร์ มอลล์ / ห้างสรรพสินค้าบลูพอร์ต หัวหิน / ห้างสรรพสินค้าสยาม ทาคาชิมายะ / สยามดิสคัฟเวอรี่ เฉพาะในส่วนของพื้นที่โอเพ่น สเปซ (เคาน์เตอร์แบรนด์สินค้าที่ร่วมรายการ) และไอคอนสยาม เฉพาะในส่วนของพื้นที่โอเพ่น สเปซ (เคาน์เตอร์แบรนด์สินค้าที่ร่วมรายการ) รับสิทธิพิเศษดังนี้

  • แลกรับส่วนลดเพิ่ม 20% (เฉพาะวันศุกร์ วันเสาร์ และวันอาทิตย์) เมื่อมียอดใช้จ่ายต่อเซลส์สลิป 15,000 บาทขึ้นไป และใช้คะแนน KTC FOREVER เท่ายอดใช้จ่ายต่อเซลส์สลิป
  • แลกรับส่วนลดเพิ่ม 17% (เฉพาะวันศุกร์ วันเสาร์ และวันอาทิตย์) เมื่อมียอดใช้จ่ายต่อเซลส์สลิป 5,000 - 14,999 บาท และใช้คะแนน KTC FOREVER เท่ายอดใช้จ่ายต่อเซลส์สลิป
  • แลกรับส่วนลดเพิ่ม 15% (เฉพาะวันศุกร์ วันเสาร์ และวันอาทิตย์) เมื่อมียอดใช้จ่ายต่อเซลส์สลิป 1 - 4,999 บาท และใช้คะแนน KTC FOREVER เท่ายอดใช้จ่ายต่อเซลส์สลิป
  • แลกรับส่วนลดเพิ่ม 13% (เฉพาะวันจันทร์ – วันพฤหัสบดี) ไม่กำหนดยอดใช้จ่ายขั้นต่ำ และใช้คะแนน KTC FOREVER เท่ายอดใช้จ่ายต่อเซลส์สลิป

สมาชิกที่มียอดใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตเคทีซีที่ร้านค้าลักชูรี่แบรนด์ (Luxury brands) ภายในโซน Luxe Galleries ที่ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลชิดลม หรือ ช่องทางบริการสั่งซื้อสินค้าของห้างสรรพสินค้า ได้แก่  Line Chat & Shop / Facebook Live และ Personal Shopper 1425 ของห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลและห้างสรรพสินค้าโรบินสัน / Central Online Application และ www.central.co.th  ของห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล หรือ ช่องทาง M Chat & Shop / Call To Order และ Live Personal Shopper ของห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์ กรุ๊ป รับสิทธิพิเศษดังนี้

  • แลกรับเครดิตเงินคืน 20% (เฉพาะวันศุกร์ วันเสาร์ และวันอาทิตย์) เมื่อมียอดใช้จ่ายต่อเซลส์สลิปหรือต่อรายการสั่งซื้อ 15,000 บาทขึ้นไป และลงทะเบียนใช้คะแนน KTC FOREVER เท่ายอดใช้จ่ายต่อเซลส์สลิปหรือต่อรายการสั่งซื้อ
  • แลกรับเครดิตเงินคืน 17% (เฉพาะวันศุกร์ วันเสาร์ และวันอาทิตย์) เมื่อมียอดใช้จ่ายต่อเซลส์สลิปหรือต่อรายการสั่งซื้อ 5,000 - 14,999 บาท และลงทะเบียนใช้คะแนน KTC FOREVER เท่ายอดใช้จ่ายต่อเซลส์สลิปหรือต่อรายการสั่งซื้อ
  • แลกรับเครดิตเงินคืน 15% (เฉพาะวันศุกร์ วันเสาร์ และวันอาทิตย์) เมื่อมียอดใช้จ่ายต่อเซลส์สลิปหรือต่อรายการสั่งซื้อ 1- 4,999 บาท และลงทะเบียนใช้คะแนน KTC FOREVER เท่ายอดใช้จ่ายต่อเซลส์สลิปหรือต่อรายการสั่งซื้อ
  • แลกรับเครดิตเงินคืน 13% (เฉพาะวันจันทร์ – วันพฤหัสบดี) ไม่กำหนดยอดใช้จ่ายขั้นต่ำ และลงทะเบียนใช้คะแนน KTC FOREVER เท่ายอดใช้จ่ายต่อเซลส์สลิปหรือต่อรายการสั่งซื้อ

ผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่KTC PHONE021235000หรือติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.ktc.co.th/promotion/shopping/department-store-shopping-complex/midyearsale-2024 สำหรับผู้ที่ต้องการสมัครสมาชิกบัตรเครดิตเคทีซี สามารถคลิกดูรายละเอียดได้ที่ลิงค์ https://ktc.today/apply-card หรือติดต่อศูนย์บริการสมาชิก “เคทีซี ทัช” ทุกสาขาทั่วประเทศ

หมายเหตุ : บัตรเครดิตใช้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนได้ตามกำหนดจะได้ไม่เสียดอกเบี้ยสูงสุด 16% ต่อปี

X

Right Click

No right click