

ช่วงต้นปี 2567 ซัมซุงได้เริ่มต้นยุคของ AI บนอุปกรณ์เคลื่อนที่ให้แพร่หลายขึ้น ด้วยการเปิดตัว Galaxy S24 Series พร้อมคำมั่นสัญญาของซัมซุงที่จะนำ Galaxy AI1 ไปใช้บนอุปกรณ์ที่หลากหลายยิ่งขึ้น ตอนนี้ถึงเวลาแล้วที่ซัมซุงจะนำ Galaxy AI มาปรับปรุงฟีเจอร์การดูแลสุขภาพที่ได้รับความนิยมบน Galaxy Watch ด้วยการผสมผสานความสามารถของโมเดลภาษาขนาดใหญ่ (Large Language Model : LLM) แบบ on-device เข้ากับแอป Samsung Health ทำให้ซัมซุง สามารถสร้างประสบการณ์การดูแลสุขภาพที่มีความปลอดภัยและตอบโจทย์ชีวิตผู้ใช้งานแต่ละคนโดยเฉพาะได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุดเท่าที่เคยมีมา

ซัมซุงมุ่งมั่นที่จะมอบประสบการณ์ด้านการดูแลสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีขั้นสูงให้แก่ผู้ใช้ โดยเริ่มต้นจากการใช้ข้อมูลเชิงลึกที่มีความสำคัญและนำไปใช้ได้จริง มาช่วยให้คุณเข้าใจรูปแบบสุขภาพของคุณได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งตอนนี้ได้มีการรวม Galaxy AI เข้ากับ Samsung Health ฟีเจอร์ใหม่ด้านสุขภาพที่จะช่วยให้คุณได้รับข้อมูลเชิงลึกด้านสุขภาพที่ครอบคลุมมากขึ้น พร้อมสร้างแรงบันดาลใจดี ๆ ที่ช่วยให้คุณมีสุขภาพแข็งแรงมากขึ้นในทุกวันด้วย Energy Score2 ที่ออกแบบมาให้คุณเข้าใจสภาวะร่างกายของคุณในแต่ละวันได้ดี ผ่านการวิเคราะห์ตัวชี้วัดสุขภาพส่วนบุคคลร่วมกับข้อมูลการนอนหลับ การทำกิจกรรม และอัตราการเต้นของหัวใจ3 ช่วยให้คุณดำเนินชีวิตในแต่ละวันได้อย่างมีคุณภาพ นอกจากนี้ การรวม LLM แบบ on-device4 เข้ามายังช่วยให้คุณได้รับข้อมูลส่วนบุคคลในเชิงลึกมากขึ้น และอธิบายรายละเอียดค่าคะแนนของคุณ รวมทั้งยังมี Wellness Guide (TBD)5 ช่วยให้คุณบรรลุเป้าหมายด้านสุขภาพ โดยให้ข้อมูลและเคล็ดลับที่ช่วยสร้างแรงบันดาลใจ พร้อมคำแนะนำที่ช่วยให้คุณบรรลุเป้าหมายตามที่ต้องการ

มาตรวัดสุขภาพที่ถูกต้องและครอบคลุมทุกมิติเป็นพื้นฐานในการสร้างประสบการณ์ด้านสุขภาพอันชาญฉลาดที่สุด ด้วยอัลกอริทึมด้านการดูแลสุขภาพที่ได้รับการปรับปรุงใหม่และเครื่องมือติดตามขั้นสูงช่วยให้ได้ข้อมูลเชิงลึกที่ครอบคลุม พร้อมข้อมูลเฉพาะบุคคลที่นำไปใช้ได้มีประสิทธิภาพมากขึ้นเมื่อทำงานร่วมกับ AI เนื่องจากสุขภาพที่ดีเริ่มต้นด้วยการพักผ่อนอย่างเต็มอิ่มในเวลากลางคืน ซัมซุงจึงพัฒนาอัลกอริทึม AI สำหรับ Sleep Score เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้องและละเอียดมากขึ้นเกี่ยวกับคุณภาพการนอนหลับ ช่วยให้คุณเข้าใจรูปแบบการนอนของตนเองและสร้างนิสัยการนอนที่ดีขึ้น โดยมีตัวชี้วัดที่ใส่เข้ามาเพิ่ม ได้แก่ การเคลื่อนไหวระหว่างการนอนหลับ ระยะเวลาที่ใช้อยู่บนเตียง อัตราการเต้นของหัวใจระหว่างการนอนหลับ ความแปรปรวนของอัตราการเต้นของหัวใจระหว่างการนอนหลับ อัตราการหายใจระหว่างการนอนหลับ นอกเหนือจากตัวชี้วัดเดิมที่มีอยู่อย่าง เวลานอน วงจรการนอนหลับ และเวลาตื่นนอน
ฟีเจอร์ออกกำลังตัวใหม่ มอบประสบการณ์การวัดสมรรถภาพทางกายที่ชาญฉลาดและใช้งานง่ายดาย เพื่อให้ออกกำลังกายได้อย่างเหมาะสม
“จากการที่ซัมซุงได้แผ่ขยายพลังอำนาจของ Galaxy AI ไปทั่วทั้งระบบนิเวศ เรามุ่งมั่นที่จะเปิดโลกแห่งความเป็นไปได้ใหม่ทั้งหมดด้วยประสบการณ์ที่ปรับให้เหมาะสมและเชื่อมต่อกันไปอีกขั้น เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าแต่ละบุคคลได้อย่างชาญฉลาดมากยิ่งขึ้น” Junho Park, VP and Head of the Galaxy Ecosystem Product Planning Team, MX Business ซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ กล่าวว่า “การนำ Galaxy AI มาใช้ใน Galaxy Watch เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของกระบวนการเหล่านี้ และเราตื่นเต้นมากที่จะแสดงให้เห็นการทำงานร่วมกันเพิ่มเติมในกลุ่มผลิตภัณฑ์ Galaxy ของเราในไม่ช้านี้”
เตรียมสัมผัสประสบการณ์การใช้งานฟีเจอร์ใหม่ทั้งหลายเหล่านี้ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ Galaxy Watch รุ่นใหม่ ผ่าน One UI 6 Watch ปลายปีนี้ สาวก Galaxy Watch จำนวนจำกัดจะได้รับโอกาสเข้าถึง One UI 6 Watch Beta9 ตั้งแต่เดือนมิถุนายนเป็นต้นไป นับเป็นประสบการณ์เล็ก ๆ ที่เราจะมอบให้จากการทดลองสินค้า ซึ่งเราตื่นเต้นมากที่จะแสดงให้เห็นพลังอันเต็มเปี่ยมของ Galaxy AI เมื่อผนวกเข้ากับฮาร์ดแวร์ขั้นสูงที่ได้รับการอัปเกรดสำหรับ Galaxy Watch Series ใหม่ โปรดติดตามรายละเอียดเพิ่มเติม เร็ว ๆ นี้
1 การเข้าสู่ระบบบัญชีผู้ใช้ Samsung อาจจำเป็นสำหรับการใช้ฟีเจอร์ Samsung AI บางรายการ โดย Samsung ไม่ขอสัญญา รับรอง หรือรับประกันความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความน่าเชื่อถือของผลลัพธ์ที่ได้รับจากฟีเจอร์ AI ความพร้อมใช้งานของฟีเจอร์ Galaxy AI อาจแตกต่างกันไปตามรุ่นของอุปกรณ์ โดยฟีเจอร์ Galaxy AI จะเปิดให้บริการฟรีจนถึงสิ้นปี 2568 บนอุปกรณ์ Samsung Galaxy ที่รองรับ และอาจมีข้อกำหนดที่แตกต่างกันไปโดยบุคคลที่สามสำหรับการใช้งาน
2 Energy Score ได้รับการพัฒนาเพื่อวัตถุประสงค์ด้านการออกกำลังกายและการดูแลสุขภาพโดยทั่วไปเท่านั้น Energy Score สามารถใช้งานได้บนโทรศัพท์ Android (ระบบปฏิบัติการ Android 10 ขึ้นไป) และต้องใช้แอป Samsung Health (เวอร์ชัน 6.27 ขึ้นไป) รวมทั้งใช้งานผ่านระบบบัญชีผู้ใช้ Samsung บริการดังกล่าวใช้ได้เฉพาะสำหรับผู้ลงทะเบียน Galaxy Watch (Galaxy Watch 4 ขึ้นไป) ในการตรวจสอบ Energy Score ข้อมูลสุขภาพจาก Galaxy Watch จะซิงค์กับแอป Samsung Health โดยอย่างน้อยต้องมีข้อมูลกิจกรรมและการนอนหลับ รวมทั้งอัตราการเต้นของหัวใจระหว่างการนอนหลับในวันก่อนหน้า ทั้งนี้ ความพร้อมใช้งานอาจแตกต่างกันไปในแต่ละประเทศ
3 ไม่มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้แทนวิธีการเดิม
4 พร้อมใช้งานสำหรับซีรีส์ Galaxy S24 โดยรองรับภาษาจีน อังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมัน อิตาลี ญี่ปุ่น เกาหลี โปรตุเกส (บราซิล) และสเปน (เม็กซิโก)
5 Wellness Guide สามารถใช้งานบนโทรศัพท์ Android (ระบบปฏิบัติการ Android 10 ขึ้นไป) และต้องใช้แอป Samsung Health (เวอร์ชัน 6.27 ขึ้นไป) รวมทั้งใช้งานผ่านระบบบัญชีผู้ใช้ Samsung ความพร้อมใช้งานอาจแตกต่างกันไปในแต่ละประเทศ ทั้งนี้ มิได้มุ่งเน้นการตรวจจับ การวินิจฉัย หรือการรักษาทางการแพทย์ใด ๆ หากแต่มุ่งเน้นผลลัพธ์เพื่อใช้อ้างอิงเป็นการส่วนบุคคลเท่านั้น โปรดปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์เพื่อขอรับคำแนะนำเพิ่มเติม
6 Personalization of Heart Rate Zone สามารถเปิดใช้งานได้ เมื่อเลือกกิจกรรมการวิ่งกลางแจ้ง ซึ่งต้องวิ่งอย่างต่อเนื่องเกิน 10 นาทีขึ้นไปด้วยความเร็วไม่น้อยกว่า 4 กม./ชม.
7 ในการวัด FTP ส่วนบุคคล สมาร์ทโฟน Galaxy จะต้องเชื่อมต่อกับ Power Meter ในการคำนวณค่า FTP ให้แม่นยำยิ่งขึ้น จำเป็นต้องเชื่อมต่อ Galaxy Watch กับสมาร์ทโฟน ค่า FTP จะถูกคำนวณโดยอัตโนมัติเมื่อมีการปั่นจักรยานที่ระดับความเข้มข้นปานกลางถึงสูงเป็นเวลาเกิน 4 นาที โดยมี Power Meter ติดอยู่กับจักรยานของคุณ โดยใช้การเรียนรู้ของเครื่อง การปั่นจักรยานซ้ำหลายครั้งจะทำให้ค่าการคำนวณ FTP แสดงข้อมูลส่วนตัวของคุณได้แม่นยำขึ้น Power Meter เป็นอุปกรณ์เสริมที่มีจำหน่ายแยก โดยปกติการวิเคราะห์ FTP บนอุปกรณ์มืออาชีพจะใช้เวลาไม่เกิน 1 ชั่วโมง
8 Race มีให้สำหรับการวิ่งกลางแจ้งและการปั่นจักรยานกลางแจ้งเท่านั้น สำหรับการวัดเชิงเปรียบเทียบ จำเป็นต้องวิ่งในเส้นทางเดียวกับเส้นทางที่สร้างไว้ล่วงหน้า ผู้ใช้สามารถเปรียบเทียบข้อมูลปัจจุบันกับข้อมูลเก่า 1 รายการที่เคยบันทึกไว้ในช่วงเวลาไม่เกิน 14 วันที่ผ่านมา การเปรียบเทียบข้อมูลบน Race สามารถทำได้เฉพาะเมื่อเริ่มต้นกิจกรรมในจุดเริ่มต้นเดียวกันเท่านั้น และการบันทึกจะถูกเปลี่ยนเป็นโหมดวิ่งโดยอัตโนมัติหากจุดเริ่มต้นต่างกัน
9 โปรแกรม One UI 6 Watch Beta จะพร้อมใช้งานสำหรับผู้ใช้ Galaxy Watch 4, Galaxy Watch 4 Classic, Galaxy Watch 5, Galaxy Watch 5 Pro, Galaxy Watch 6 และ Galaxy Watch 6 Classic ในสหรัฐฯ และเกาหลีผ่านแอป Samsung Members
โออิชิ อีทเทอเรียม และ โออิชิ บุฟเฟต์ ภายใต้แคมเปญ โออิชิ 25 ปี ฉลองอย่างราชา ผนึกกำลัง มาสเตอร์เชฟ ประเทศไทย ล่าสุดกับ เชฟเฟิร์ส – ธนภัทร สุยาว สร้างสรรค์อาหารจานพิเศษ โอ-ร่อย แบบเหนือ ๆ เริ่มแล้ววันนี้

โอ-ร่อย ฟิน เยือนถิ่นเมืองเหนือ ผ่านเทศกาล “Japanese Meet Northern Thai” และอาหารจานพิเศษ ฉบับ เชฟเฟิร์ส มาสเตอร์เชฟ ประเทศไทย ขอแนะนำ เมนู “ทูน่าทาทากิลาบเหนือยูซุ” เสิร์ฟปลาทูน่าย่างสไตล์ทาทากิ เนื้อหนา...ฉ่ำ คลุกเคล้าเครื่องลาบเหนือ สูตรพิเศษ เพิ่มความสดชื่นด้วยซอสยูซุพอนสึ เปรี้ยวอมหวาน และผักชีออยล์ ลำแต๊ ๆ เมนู “ซูชิเนื้อฮารามิรมควันซอสแกงฮังเล” เต็ม ๆ คำ กับเนื้อฮารามิเบิร์นไฟ...ชิ้นโต คลุมมาบนข้าวซูชิ ที่ปรุงรสชาติมาอย่างกลมกล่อม รับประทานคู่กับซอสแกงฮังเลเข้มข้น หอมกลิ่นรมควันอ่อน ๆ เป็นเมนูที่ช่างลงตัวเสียจริง และ เมนูของหวาน เมนูขนมหวาน “มูสครีมชีสมันม่วงครัมเบิ้ลงาขี้ม่อน” นำเสนอมูสครีมชีสรสชาติพิเศษ รสมันม่วง เนื้อสัมผัสนุ่ม...ฟู มากับครัมเบิ้ลงาขี้ม่อน กรุบกรอบ และผลไม้ หวานสดชื่น ในรูปทรงต้นไม้ สุดแสนสร้างสรรค์

เปิดประสบการณ์ใหม่ ไปกับอาหารจานพิเศษ โอ-ร่อย แบบเหนือ ๆ ฉบับมาสเตอร์เชฟ ภายใต้แคมเปญ โออิชิ 25 ปี ฉลองอย่างราชา ได้แล้ววันนี้ ที่ โออิชิ อีทเทอเรียม และ โออิชิ บุฟเฟต์ ทุกสาขา ตั้งแต่ 1 มิถุนายน 2567 – 31 กรกฎาคม 2567 หรือจนกว่าสินค้าจะหมด ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติม คลิกแฟนเพจโออิชิฟู้ดสเตชั่น : FACEBOOK.COM/OISHIFOODSTATION หรือค้นหา โออิชิ อีทเทอเรียม และ โออิชิ บุฟเฟต์ สาขาใกล้ ๆ คุณ คลิกเว็บไซต์โออิชิฟู้ด : OISHIFOOD.COM
หมายเหตุ : *สำหรับเมนูพิเศษ ได้แก่ ทูน่าทาทากิลาบเหนือยูซุ และ ซูชิเนื้อฮารามิรมควันซอสแกงฮังเล ลูกค้า โออิชิ อีทเทอเรียม, โออิชิ บุฟเฟต์, และ โออิชิ บุฟเฟต์ สาขา เดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์ บางกะปิ ที่ใช้บริการแพ็กเกจ DELIGHT Buffet หรือ DELIGHT Plus Buffet สามารถเลือกรับได้ 1 รายการต่อคนเท่านั้น และ **สำหรับเมนูพิเศษ (ของหวาน) มูสครีมชีสมันม่วงครัมเบิ้ลงาขี้ม่อน ลูกค้า โออิชิ อีทเทอเรียม, โออิชิ บุฟเฟต์, และ โออิชิ บุฟเฟต์ สาขา เดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์ บางกะปิ ทุกแพ็กเกจ HAPPY Buffet – DELIGHT Buffet – DELIGHT Plus Buffet สามารถรับประทานได้ไม่จำกัด
ถึงแม้ว่าวิถีการดำเนินชีวิตของชุมชนบ้านหินดาด ต.หินดาด อ.ห้วยแถลง จ.นครราชสีมา จะพึ่งพิงอาชีพเกษตรกรรมเป็นส่วนใหญ่ และเด็กๆในพื้นที่ อยู่ในบริบทของสิ่งแวดล้อมการเติบโตตามอัตลักษณ์ของชุมชน
แต่ด้วยยุคสมัยที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันมากขึ้นเรื่อยๆ สอดคล้องกับนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการที่สนับสนุนให้สถานศึกษาพัฒนาผู้เรียนให้มีทักษะที่จำเป็นในศตวรรษที่ 21 เป็นการส่งเสริมโอกาสและยกระดับการเรียนรู้ของเด็กและเยาวชน
รร.บ้านหินดาด ซึ่งเป็นโรงเรียนขนาดกลาง เปิดสอนตั้งแต่ชั้นอนุบาล 1 จนถึงมัธยมศึกษาปีที่ 3 มีจำนวนนักเรียน 294 คน เป็นอีกหนึ่งโรงเรียนในโครงการมูลนิธิสานอนาคตการศึกษาคอนเน็กซ์ อีดี ที่นำกระบวนการ Coding และ Robotics มาประยุกต์ใช้ในการเรียนการสอน ภายใต้โครงการ "Coding Robotics Kids"
และกำหนดให้ Coding อยู่ในแผนการเรียนการสอน สำหรับนักเรียนระดับประถมศึกษาตอนปลายและมัธยมศึกษาตอนต้น โดยตั้งเป้าให้นักเรียนมีทักษะการเขียน โปรแกรมควบคุมบอร์ดสมองกล สามารถนำความรู้มาประยุกต์ใช้ในการศึกษาต่อและใช้ในชีวิตประจำวัน โดยมีวิทยากรจากมหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมาสนับสนุนการอบรมครูผู้สอน และมีผู้นำทางการศึกษารุ่นใหม่ (School Partner :SP) จากบริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ ที่ชวนทีม Robot ของซีพีเอฟ และวิทยากรจากภายนอกมาร่วมสอนน้องๆ นักเรียน ฝึกให้นักเรียนมีทักษะการวางแผน คิดแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ ด้วยกระบวนการ Coding Robotics

นายสหพันธ์ เปาจันทึก ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านหินดาด เล่าว่า แม้โรงเรียนจะได้รับการสนับสนุนแท็บเล็ตจาก สพฐ. แต่วัสดุอุปกรณ์สำหรับการเรียนการสอน Coding ก็ยังไม่เพียงพอ จึงนำเรื่องนี้ปรึกษากับทีมผู้นำทางการศึกษารุ่นใหม่ของซีพีเอฟ ภายใต้โครงการคอนเน็กซ์ อีดี เสนอโครงการ Coding Robotics Kids และได้รับงบประมาณสนับสนุนจากซีพีเอฟ เพื่อจัดซื้อชุดการเรียนการสอน Coding ด้วยโปรแกรม Micro:bit นำมาต่อยอดการเรียนรู้อย่างเต็มศักยภาพ อาทิ ป. 3- ป.4 ให้เรียน Coding อย่างง่าย เช่น การต่อบล็อกควบคุมหุ่นยนต์ ชั้นป.5 เริ่มเรียนโปรแกรม Coding ไมโครบิท ต่อบล็อกโค้ด การทำงาน-ควบคุม-รับค่าเซ็นเซอร์ เปิดปิดไฟหรือวัดอุณหภูมิ ด้วย Coding ชั้นป.6 เรียนรู้การเขียน Coding การควบคุมหุ่นยนต์รถวิ่ง
"Coding สอนให้เด็กๆคิดวิเคราะห์ ฝึกทักษะคิดแก้ปัญหาเป็นกระบวนการ นำความรู้มาประยุกต์ใช้กับวิชาอื่นๆได้ ที่ผ่านมา จัดการสอนไปแล้ว 1 รุ่น มีนักเรียนประมาณ 40 คน ที่สามารถเขียน Coding อย่างง่ายได้ ภาคเรียนนี้จะสอนอีก1 รุ่น ประมาณ 40-50 คน ให้นักเรียนในชุมนุมการเขียนโปรแกรมด้วยไมโครบิท Coding เป็นพี่เลี้ยงส่งต่อความรู้ให้น้องๆ คาดหวังว่าในระยะต่อไป จะต่อยอดกระบวนการคิดจากบทเรียน สู่การทำสมาร์ทฟาร์มง่ายๆ" ผอ.สหพันธ์ กล่าว

ด.ญ.กัญญาพัชร แก้วขวาน้อย นักเรียนชั้นป.6 บอกว่า รู้สึกสนุกกับการเรียน Coding ได้ทำกิจกรรมเรียนรู้หลายอย่าง ที่สามารถนำความรู้ไปต่อยอด เช่น การทำโมเดลฟาร์มอัจฉริยะ ขอขอบคุณพี่ๆซีพีเอฟที่มอบโอกาสและสนับสนุนการเรียนรู้ดีๆ ขณะที่ ด.ญ.ปิ่นมาลา จินดามาตย์ เล่าถึงสิ่งที่ได้รับ นอกจากความรู้จากการเรียน Coding ยังสามารถนำความรู้ไปปรับใช้ในการเรียนรู้วิชาอื่นได้ ดีใจมากที่มีพี่ๆซีพีเอฟเข้ามาสนับสนุนโครงการดีๆอย่างนี้ให้กับโรงเรียนของเรา ส่วน ด.ช.อภิณัฐ ตันกระโทก นักเรียนชั้นม.1 บอกว่า Coding ทั้งสนุกและให้ความรู้ที่นำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้ และยังได้ประดิษฐ์สิ่งของต่างๆ สามารถนำสิ่งที่ได้เรียนรู้ไปช่วยชุมชนต่อไป
ซีพีเอฟ เป็นหนึ่งในบริษัทเอกชนที่ร่วมก่อตั้งมูลนิธิสานอนาคตการศึกษาคอนเน็กซ์ อีดี เพื่อขับเคลื่อนการยกระดับคุณภาพการจัดการศึกษาไทยในศตวรรษที่ 21 สร้างเด็กดี มีคุณธรรม โดยล่าสุด ปีการศึกษา 2567 ซีพีเอฟสนับสนุนการดำเนินโครงการด้านวิชาการ และฝึกทักษะด้านวิชาชีพ 74 โรงเรียน ในพื้นที่ 4 จังหวัด ได้แก่ นครราชสีมา ชัยภูมิ บุรีรัมย์ และสระบุรี ควบคู่กับเดินหน้าสร้างผู้นำทางการศึกษารุ่นใหม่ (SP) ซึ่งปัจจุบันมี SP ของซีพีเอฟรวม 93 คน ทำหน้าที่เป็นคู่คิด ร่วมทำงานกับผู้บริหารสถานศึกษาและคณะครู สู่เป้าหมายยกระดับคุณภาพการจัดการศึกษาของไทยและลดความเหลื่อมล้ำ
เนื่องในวันสิ่งแวดล้อมโลกและในฐานะส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ด้านสิ่งแวดล้อมที่มุ่งมั่นในการบริโภคอย่างมีความรับผิดชอบ สายการบินเอมิเรตส์กำลังทำการรีไซเคิลวัสดุจำนวนมากกว่า 50,000 กิโลกรัมจากเครื่องบิน 191 ลำที่ได้ดำเนินการปรับปรุงภายในห้องโดยสาร โดยเอมิเรตส์จะเปลี่ยนวัสดุเหล่านี้ให้กลายเป็นกระเป๋าเป้และกระเป๋านักเรียนทำมือสำหรับเด็กหลายพันใบ เพื่อบริจาคให้กับโรงเรียนชุมชนและองค์กรที่สนับสนุนการศึกษาปฐมวัยทั่วแอฟริกาและเอเชียภายในปีนี้
ทั้งนี้ ทีมวิศวกรของเอมิเรตส์ได้ทำการค้นหาวิธีการนำผ้าจากที่นั่งชั้นประหยัดของเครื่องบินแอร์บัส A380 ผ่านกระบวนการปรับปรุงแล้ว จำนวน 22 ลำ เพื่อนำผ้าไปใช้ใหม่และลดการทิ้งอย่างเปล่าประโยชน์ ซึ่งเอมิเรตส์สามารถเก็บเศษวัสดุได้ถึง 5,205 กิโลกรัม ได้แก่ ผ้ารองนั่งที่ทำจากขนสัตว์ 95% และส่วนประกอบไนลอน 5% ที่มีโครงสร้างทอเรียบจากประเทศเยอรมนีและไอร์แลนด์ โดยวัสดุดังกล่าวได้รับการระบุว่าเหมาะสำหรับการรีไซเคิลเนื่องจากมีความทนทานและไม่ไวไฟ เอมิเรตส์จึงตัดสินใจผลิตเป้สะพายหลังคุณภาพสูงเพื่อบริจาคให้เด็กๆ ที่ต้องการ
ในเวิร์คช็อปที่ศูนย์วิศวกรรมของเอมิเรตส์ ทีมช่างตัดเสื้อได้ออกแบบกระเป๋าเป้อย่างสร้างสรรค์ที่เหมาะสำหรับเด็กทุกวัย และทำงานร่วมกับทีมสื่อสารองค์กร การตลาดและแบรนด์ของเอมิเรตส์ เพื่อดำเนินการส่งกระเป๋าเป้ไปยังองค์กรการกุศล โรงเรียน สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า และมูลนิธิต่าง ๆ ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าทั่วทั้งแอฟริกาและเอเชีย
โครงการปรับปรุงของเอมิเรตส์เป็นโครงการปรับปรุงเครื่องบินครั้งใหญ่ที่สุดในโลกที่มีมูลค่าการลงทุนกว่าหลายพันล้านดอลลาร์ ที่เริ่มต้นในเดือนสิงหาคม 2565 โดยมีจุดประสงค์ในการยกระดับประสบการณ์ของลูกค้าผ่านการติดตั้งและตกแต่งภายในเครื่องบิน 191 ลำ ได้แก่ เครื่องบินแอร์บัส A380 จำนวน 110 ลำ และเครื่องบินโบอิ้ง 777 จำนวน 81 ลำ ซึ่งจากโครงการดังกล่าว เอมิเรตส์สามารถรวบรวมเศษผ้าใช้แล้วได้มากถึง 50,000 กิโลกรัม รวมถึงตัววัสดุใหม่ในการตกแต่งที่ 'ตัดส่วนเกินออก’ ซึ่งสามารถนำกลับมาใช้ใหม่และสร้างสรรค์เป็นผลิตภัณฑ์ได้เช่นกัน
จากเครื่องบินแอร์บัส A380 จำนวน 22 ลำที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ทั้งหมด วัสดุจากห้องโดยสารชั้นหนึ่งและชั้นธุรกิจ เช่น หนัง อะลูมิเนียม และขนสัตว์ ได้ถูกนำมาใช้ใหม่แล้ว กลุ่มผลิตภัณฑ์กระเป๋า Aircrafted by Emirates เป็นคอลเลกชันกระเป๋าเดินทางแคปซูลรุ่นจำกัดที่เปิดตัวในเดือนพฤศจิกายน 2566 และออกแบบภายในบริษัทโดยศูนย์วิศวกรรมของเอมิเรตส์ ซึ่งจำหน่ายหมดในเวลาไม่กี่สัปดาห์ รายได้จากการขายคอลเลกชันประเป๋า Aircrafted by Emirates ที่ไม่แสวงหากำไรครั้งแรก มีมูลค่ามากกว่า 70,000 AED และหลังจากหักต้นทุนการดำเนินงานขั้นต่ำแล้ว จะนำไปบริจาคให้กับมูลนิธิสายการบินเอมิเรตส์เพื่อสนับสนุนโครงการด้านมนุษยธรรมทั่วโลก
โครงการการปรับปรุงใหม่นี้ได้รับการจัดการโดยทีมวิศวกรของเอมิเรตส์ทั้งหมด ซึ่งถือเป็นโครงการสำคัญที่ต้องใช้เวลาหลายปีจึงจะเสร็จสมบูรณ์ โดยเอมิเรตส์จะติดตั้งที่นั่งชั้นประหยัด 21,814 ที่นั่ง ที่นั่งชั้นประหยัดพรีเมียมใหม่ 8,104 ที่นั่ง ห้องสวีทชั้นเฟิร์สคลาส 1,894 ที่นั่ง รวมถึงที่นั่งชั้นธุรกิจรุ่นใหม่กว่า 11,182 ที่นั่ง ซึ่งทั้งหมดนี้จะสร้างโอกาสในการริเริ่มการรีไซเคิลที่สร้างสรรค์มากขึ้นต่อไปในอนาคต
เจนเนอราลี่ ไทยแลนด์ นำทีมผู้บริหาร พนักงาน และตัวแทนนักวิ่งมาราธอน จากกิจกรรม เจนเนอราลี่ พรีเซ้นต์ เขาค้อ มาราธอน 2024 (Generali Presents Khaokho Marathon 2024) ต่อยอดการสร้างสังคมสู่ความยั่งยืน มอบอุปกรณ์การเรียนรู้ และของใช้จำเป็น พร้อมติดตั้งพัดลมจำนวน 22 เครื่อง รวมมูลค่ากว่า 100,000 บาท ให้แก่น้อง ๆ โรงเรียนบ้านห้วยขอนหาด ในพื้นที่อำเภอเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์ เพื่อส่งเสริมและยกระดับคุณภาพชีวิตของเยาวชนไทยให้ดียิ่งขึ้น

ภายในงานได้รับเกียรติจาก นายอาร์ช คอลมิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และคณะผู้บริหาร พนักงาน กลุ่มบริษัทเจนเนอราลี่ ไทยแลนด์ เยี่ยมชมโรงเรียน พร้อมทำกิจกรรมร่วมกับน้อง ๆ และส่งมอบอุปกรณ์เพื่อการเรียนรู้ และของใช้จำเป็น อาทิ เช่น น้ำดื่ม เก้าอี้ กระดาษ สี ชนิดต่าง ๆ รวมถึง หมวกนิรภัย จำนวน 100 ใบ นอกจากนี้ ยังได้ติดตั้งพัดลมติดผนังจำนวน 22 เครื่อง ภายในโรงเรียนบ้านห้วยขอนหาด เพื่อปรับปรุงสภาพแวดในโรงเรียนให้มีคุณภาพดีมากยิ่งขึ้น ภายใต้โครงการ "ปันรัก ปันของ ให้น้องใช้เรียน" เพื่อการสร้างอนาคตในการเรียนรู้ที่ดีให้กับน้อง ๆ เยาวชนของชาติ โดยมี นางสาวเปรมวิสาข์ คำหงษ์ รักษาการผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านห้วยขอนหาด เป็นตัวแทนรับมอบ เมื่อเร็ว ๆ นี้ ณ โรงเรียนบ้านห้วยขอนหาด จังหวัดเพชรบูรณ์
อลิอันซ์ อยุธยา จับมือ ซุนโต้ (Suunto) และ แอ็บโซลูท บูทีค ฟิตเนส สตูดิโอ (Absolute Boutique Fitness Studio) เพื่อส่งเสริมคนไทยให้สุขภาพดี เปิดตัวแคมเปญ GET FIT challenge ชวนคนไทยร่วมภารกิจออกกำลังผสานเทคโนยีดิจิตอล 90 วัน สร้างความฟิต จัดเต็มด้วยกิจกรรม ด้านสุขภาพ ทั้งการออกกำลังกาย แนวคาร์ดิโอ โยคะ พิลาทิส และการปั่นจักรยาน เวิร์คช้อป และชาเล้นจ์ภารกิจชิงรางวัล หวังเป็นกิจกรรมสร้างแรงบันดาลใจให้คนไทยเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อสุขภาพที่ดี เพิ่มความฟิต พร้อมรับทุกเกมพลิกของชีวิต
พัชรา ทวีชัยวัฒนะ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่สายงานบริหารงานลูกค้า บมจ.อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต กล่าวว่า อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต เป็นผู้นำเรื่องการให้ความคุ้มครองสุขภาพของไทย ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เราไม่เพียงให้บริการด้านผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตและสุขภาพเท่านั้น แต่เรายังมุ่งให้ความรู้ด้านการใช้ชีวิตแบบสุขภาพดีทั้งกายและใจ ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ Healthy Living ที่ปัจจุบันมีสมาชิกมากกว่า 2 แสนราย โดยมีเป้าหมายเพื่อกระตุ้นให้คนไทยหันมาดูแลสุขภาพก่อนเจ็บป่วย วันนี้ เราต้องการเดินหน้าต่อ ทำให้สังคมแห่งสุขภาพดีขยายวงกว้างมากขึ้น จึงร่วมกับพันธมิตรที่มีวิสัยทัศน์ด้านสุขภาพร่วมกัน ได้แก่ ซุนโต้ และ แอ็บโซลูท บูทีค ฟิตเนส สตูดิโอ เปิดตัวกิจกรรม GET FIT ชวนคนไทยเริ่มต้นดูแลสุขภาพตัวเองผ่านแคมเปญนี้ ซึ่งจะมีกิจกรรมที่มุ่งเน้นการสร้างความแข็งแกร่งทั้งร่างกายและจิตใจ โดยมีเทคโนโลยีเข้ามาช่วยเสริมให้การเดินหน้าพัฒนาตัวเองภายใต้แคมเปญนี้มีความสม่ำเสมอ และเป็นตัวช่วยให้ไปสู่เป้าหมายได้ง่ายขึ้น สนุกขึ้น

โดย GET FIT แบ่งเป็น 4 ประเภทกิจกรรมย่อย ได้แก่ ฟิตกูรู กับ Health Knowledge คอนเทนต์เนื้อหาเข้มข้นให้ความรู้ในเรื่องสุขภาพและการออกกำลังกายจากกูรูตัวจริง ฟิตเทค รวมฟังชั่นแทรกเกอร์ไว้ในที่เดียว รวมทั้งความรู้จากฟีเจอร์บนนาฬิกาสุขภาพ ที่หลายคนไม่รู้ ฟิตชาเล้นจ์ ภารกิจที่เข้าถึงการออกกำลังทุกรูปแบบตั้งแต่ขั้นเริ่มต้น จนถึงขั้นแอดวานซ์ ให้ทุกคนได้ร่วมสนุกรับรางวัลมากมาย และ ฟิตเวิร์คช้อป สำหรับสมาชิก Healthy Living ที่ทำภารกิจตามชาเลนจ์ได้ครบตามกติกา มีสิทธิเข้าร่วมกิจกรรมพิเศษ นอกจากนั้น สำหรับลูกค้าอลิอันซ์ อยุธยา สามารถเข้าร่วมกิจกรรม “Blue Day” ชวนออกกำลังกายทุกศุกร์ที่ 3 ของเดือนกับพาร์ทเนอร์ของเรา แบบไม่มีค่าใช้จ่าย โดยระยะเวลากิจกรรม เริ่มตั้งแต่ 12 มิถุนายน 2567 ถึง 31 สิงหาคม 2567 ไม่ว่าจะเป็นสายออกกำลังกายแบบใดก็สามารถเข้าร่วมกิจกรรมนี้ได้

ด้าน คุณเบญจพร การุณกรสกุล ผู้ก่อตั้งและประธานกรรมการบริหาร แอ็บโซลูท บูทีค ฟิตเนส สตูดิโอ กล่าวว่า “เรามีความยินดีอย่างยิ่งที่ได้รับเกียรติเป็นส่วนหนึ่งของแคมเปญ GET FIT ที่จะเป็นแรงบันดาลใจให้กับคนไทยในการเริ่มต้นดูแลตนเอง สร้างสุขภาพกายและจิตใจให้ฟิตแอนด์เฟิร์ม ซึ่งสอดคล้องกับวิสัยทัศน์และพันธกิจของเรา โดยสิ่งที่ถือเป็นหัวใจสำคัญของ แอ็บโซลูท คือ การออกกำลังกายแบบคลาสที่หลายหลายตอบโจทย์ทุกความต้องการของทุกคนได้ครบ 360 องศา นั่นคือการเสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ เพิ่มความยืดหยุ่นให้ร่างกายและความสนุกสนานระหว่างออกกำลังกายผ่านคลาสพิลาทิส โยคะ และ Rhythm Cycling นั่นเอง โดยทุกคลาสที่ Absolute อยู่ภายใต้การดูแลจากคุณครูผู้สอนที่มีความเชี่ยวชาญและมีใบรับรองตามมาตรฐาน เราจึงเชื่อมั่นว่า Absolute และ อลิอันซ์ อยุธยาจะสามารถสร้างช่วยกันสร้าง Awareness และความเปลี่ยนแปลงมาสู่คนไทยผ่านแคมเปญ GET FIT ซึ่งจะเป็นอีกแพลตฟอร์ม ที่จะมาช่วยให้การออกกำลังกายเป็นเรื่องสนุกและท้าทายผ่านคลาสของเรา”
ด้าน คุณสุขพงศ์ สหัสนันท์ ผู้จัดการทั่วไป แบรนด์ซุนโต้ กล่าวว่า “ปัจจุบันซุนโต้เป็นหนึ่งใน device และ application ที่มีคอมมูนิตี้ของผู้ออกกำลังกาย และรักสุขภาพอยู่จำนวนมาก โดยเราเชื่อว่าการเข้ามาร่วมแคมเปญ GET FIT จะสามารถช่วยในการขยายคอมมูนิตี้ของกลุ่ม Healthy Lifestyle ได้ในวงกว้างมากขึ้น โดยเรามี Suunto app ที่จะมาช่วยให้การออกกำลังของคุณมีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น สำหรับผู้ที่เริ่มจริงจังกับการออกกำลังกาย และต้องการข้อมูลเชิงลึกมากขึ้น ส่วนผู้ที่ยังไม่มีนาฬิกาออกกำลังกายก็สามารถดาวโหลด app มาเพื่อบันทึกกิจกรรมได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย นอกจากนี้ซุนโต้ยังได้เตรียมส่วนลดสำหรับผู้ที่เข้าร่วม และพิชิตภารกิจต่างๆได้สำเร็จ และระหว่างช่วงกิจกรรม เราจะมีการให้ข้อมูลความรู้ในการออกกำลังกาย และการวิ่ง จากผู้เชี่ยวชาญ ทั้งทีม หมอ โค้ช และนักกีฬา และยังมีข้อมูลอีกหลากหลายที่ช่วยในการ monitor การฝึกต่างๆ เช่น training load ที่จะบอกความหนักเบา ของกิจกรรม ให้การฝึกมีประสิทธิภาพ และ ลดความเสี่ยงในการบาดเจ็บจากการ overtrain พร้อมกับ SUUNTO AI COACH ที่แนะนำการออกกำลังกายเฉพาะบุคคลเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด พาเข้าไปถึงเป้าหมายของการฝึกซ้อมได้ง่ายขึ้น”

“แคมเปญ GET FIT ถือเป็นอีกแคมเปญที่ตอกย้ำความตั้งใจของ อลิอันซ์ อยุธยา ในการสร้างสังคมแห่งการมีสุขภาพดี เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้า เราหวังว่ากิจกรรมนี้จะเป็นอีกครั้ง ที่จะสามารถเป็นแรงบัลดาลใจให้กับลูกค้า ตัวแทน รวมถึงประชาชนทั่วไป ให้หันกลับมาดูแลตัวเอง ฟิตร่างกายอีกครั้ง เพื่อการมีสุขภาพที่ดีอย่างยั่งยืน” พัชรา กล่าวทิ้งท้าย
โดยผู้ที่สนใจเข้าร่วมกิจกรรม GET FIT สามารถเข้าไปดูรายละเอียดได้ที่ https://allianzth.co/Get-Fitนอกจากนี้กิจกรรมนี้ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งในการเตรียมร่างกายให้พร้อมสำหรับงาน Allianz World Run Thailand Series 2024 ที่จะจัดขึ้นที่จังหวัด พระนครศรีอยุธยา ระหว่างวันที่ 16-17 พฤศจิกายน 2567 ภายใต้แนวคิด World Run World Heritage ชวนคุณมาสัมผัสประสบการณ์สุดพิเศษไปกับงานวิ่งมาตรฐานสากล พร้อมบรรยากาศงดงามของเมืองมรดกโลก กิจกรรมความบันเทิงครบครัน และลิ้มรสอาหารท้องถิ่นมากมาย” จำหน่ายบัตรแล้ววันนี้ที่ https://race.thai.run/worldrun2024 และสนใจติดตามรายละเอียดงานทั้งหมดได้ที่ Facebook: Worldrun Thailand
บริษัท เชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต จำกัด ร่วมแสดงวิสัยทัศน์ในงาน Thailand – U.S. Trade and Investment Conference 2024: Building on a Longstanding Partnership ที่จัดขึ้นเพื่อสานความร่วมมือระหว่างภาคเอกชนจากประเทศไทยและสหรัฐอเมริกา แลกเปลี่ยนข้อมูล สร้างเครือข่ายสัมพันธ์และการลงทุน พร้อมหารือถึงโอกาส รวมถึงความท้าทายในอุตสาหกรรมต่างๆ โดยนายชาทิตย์ ห้วยหงษ์ทอง ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต จำกัด ในฐานะตัวแทนบริษัทพลังงานชั้นนำของโลก ได้ร่วมชูกลยุทธ์ขับเคลื่อนพลังงาน ที่สะอาดขึ้น ปลอดภัย และเชื่อถือได้ สู่ความมั่นคงทางพลังงานของไทยในอนาคต โดยในงาน ได้รับเกียรติจากผู้นำของหลากหลายอุตสาหกรรม รวมถึงตัวแทนภาครัฐและภาคเอกชนเข้าร่วมงาน ณ บีดีเอ็มเอส คอนเน็ค เซ็นเตอร์ โรงแรมเมอเวนพิค บีดีเอ็มเอส เวลเนส รีสอร์ท

งาน Thailand – U.S. Trade and Investment Conference 2024: Building on a Longstanding Partnership ประกอบไปด้วยเวทีเสวนาในประเด็นการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมต่างๆ เพื่อหารือแนวทางเสริมศักยภาพของประเทศในก้าวถัดไป ซึ่งนายชาทิตย์ ห้วยหงษ์ทอง ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต จำกัด ได้ร่วมแสดงความคิดเห็นบนเวที Powering Progress: Securing Thailand’s Position in the New Energy Era ขับเคลื่อนความก้าวหน้า เปิดเส้นทางสู่ยุคพลังงานแห่งอนาคตให้กับประเทศไทย ร่วมกับผู้บริหารจาก บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) และบริษัท Cheniere Energy, Inc.

“เชฟรอนเชื่อว่าพลังงานแห่งอนาคต คือการสร้างความสมดุลระหว่างการจัดหาพลังงานที่มั่นคงในราคาที่เข้าถึงได้ และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยเมื่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจของประเทศเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ความต้องการใช้พลังงานจะเพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย จึงทำให้มีความต้องการใช้พลังงานจากแหล่งที่หลากหลายมากขึ้น และความต้องการใช้พลังงานฟอสซิล หรือ Traditional Energy จึงจะยังคงความสำคัญต่อไปอีกหลายทศวรรษ เชฟรอนในฐานะผู้นำธุรกิจการสำรวจและผลิตปิโตรเลียมจึงจำเป็นต้องมีการปรับให้กระบวนการผลิตสะอาดและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น โดยหนึ่งในเทคโนโลยีที่เชฟรอนมองว่าจะมีบทบาทสำคัญในการช่วยลดการปล่อยคาร์บอนได้ คือเทคโนโลยี CCS เพื่อดักจับและกักเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ เชฟรอนเองมีประสบการณ์ในการทำ CCS จากทั่วโลก อาทิ โครงการกอร์กอน ในประเทศออสเตรเลีย และโครงการเควสท์ ในแคนาดา และเรายังได้สนับสนุนการพัฒนาและนำ CCS มาใช้ในอ่าวไทย อย่างไรก็ตาม การส่งเสริมการลงทุนในระยะยาว รวมถึงการสร้างนโยบายและกรอบกฎหมายที่ชัดเจน จะเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญที่จะทำให้ไทยสามารถนำเทคโนโลยี CCS เข้ามาใช้ได้อย่างเป็นรูปธรรม” นายชาทิตย์ กล่าว

ทั้งนี้ บริษัท เชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต จำกัด ตั้งเป้าหมายสู่ Net Zero หรือการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ ภายในปี พ.ศ. 2593 (ค.ศ. 2050) ในขอบเขตที่ 1 และขอบเขตที่ 2 ของธุรกิจการสำรวจและผลิตปิโตรเลียมในเครือบริษัทเชฟรอน คอร์ปอเรชั่น ทั่วโลก ตอกย้ำการให้ความสำคัญกับกระบวนการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคสังคมคาร์บอนต่ำ เพื่อสร้างความมั่นคงของพลังงานไทยสู่อนาคตที่ยั่งยืน
บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ. โดยนางสุศมา ปิตากุลดิลก (ขวา) ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานความยั่งยืนและบริหารผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย เข้ารับรางวัลจาก นายโรเบิร์ต ดอว์เนา (ซ้าย) Head of CSA Corporate Engagement, S&P Global จากการได้รับคัดเลือก ให้อยู่ใน The Sustainability Yearbook 2024 ของ S&P Global ต่อเนื่องเป็นปีที่ 11 จากการประเมินผล การดำเนินการด้านความยั่งยืนให้อยู่ในระดับ Top 10% ของบริษัทในกลุ่มธุรกิจน้ำมันและก๊าซขั้นต้นและครบวงจรซึ่งเข้าร่วมประเมินทั้งหมด 117 บริษัทจากทั่วโลก
ความสำเร็จในครั้งนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการขับเคลื่อนธุรกิจครอบคลุมมิติด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแลกิจการที่ดี (ESG) พร้อมสร้างคุณค่าอย่างยั่งยืนให้แก่บริษัทและผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม โดยเฉพาะการสร้างความเชื่อมั่นแก่กลุ่มนักลงทุนให้มั่นใจได้ว่า ปตท.สผ. จะสามารถดำเนินธุรกิจโดยมีผลประกอบการที่ดี ควบคู่ไปกับความรับผิดชอบต่อชุมชน สังคม และสิ่งแวดล้อม ตามกรอบแนวคิดด้านความยั่งยืน
ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงด้านเทคโนโลยี หุ่นยนต์หรือ AI เริ่มเข้ามามีบทบาทแทนมนุษย์มากขึ้น ทักษะที่ตลาดแรงงานต้องการได้ปรับเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ส่งผลต่อการกำหนดนโยบายการศึกษาสายอาชีพหรืออาชีวะศึกษา ที่เป็นหนึ่งในกลไกสำคัญที่จะช่วยกำหนดทิศทางของประเทศ ทั้งในด้านเศรษฐกิจและแรงงานในอนาคต สิ่งเหล่านี้ได้ทำให้สถาบันอาชีวะต้องมีการปรับตัวเพื่อก้าวให้ทันกับเทคโนโลยีและส่งเสริมทักษะความชำนาญให้เกิดขึ้น เหมือนกับที่วิทยาลัยเทคนิคนิคมอุตสาหกรรมระยอง จ.ระยอง ซึ่งทางรายการ 1 ในพระราชดำริ สถานีโทรทัศน์ช่อง 9 Mcot HD และมูลนิธิอานันทมหิดล ได้เดินทางมาเยี่ยมชม และพบว่ามีการปรับตัวในเรื่องการเรียนการสอนด้านเทคโนโลยีและอุตสาหกรรม จนสามารถสร้างแรงงานเพื่อรองรับความต้องการในเขต EEC ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นายวีระชัย สมบัติกำไร ผู้อำนวยการวิทยาลัยเทคนิคนิคมอุตสาหกรรมระยอง จ.ระยอง ได้กล่าวว่า “เพื่อตอบโจทย์ในเรื่องการตั้งอยู่บนพื้นที่ EEC นโยบายหลักของทางวิทยาลัยฯ คือผู้เรียนจะต้องมีทักษะ Multi Skill หรือความรู้ที่หลากหลาย อาทิ เรียนช่างยนต์ ก็ต้องมีความรู้ในการซ่อมมอเตอร์ไซด์เบื้องต้น, ติดตั้งแอร์เพื่อเอาไว้ใช้ในชีวิตประจำวัน หรือเรียนไปแล้วต้องมีงานทำ นอกจากนี้ทางวิทยาลัยฯ ยังได้มีการจัดตั้งศูนย์ซ่อมบำรุงรถยนต์ และร้านกาแฟควินิน ซึ่งถือว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก จนกลายเป็นที่มาของโครงการศูนย์บ่มเพาะตามนโยบายของสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวะศึกษา ซึ่งได้ออกแบบมาให้ทุกสาขาวิชาจะต้องมีตัวอย่างหนึ่งในธุรกิจ ที่ทำแล้วประสบความ สำเร็จเพื่อเป็นตัวอย่างให้นักเรียนได้เห็น เขาจะได้เรียนรู้จากของจริง ซึ่งจะมีการสอนทั้งในเรื่องการออกแบบแผนธุรกิจ, การเช็คสต๊อก, การบริหาร, การจดทะเบียนการค้า, การลงทุน, วิธีการแก้ไขเมื่อขาดทุน, การขอเงินทุนสนับสนุนจากภาครัฐ ฯลฯ และยังได้ร่วมมือกับสถานประกอบการต่างๆ กว่า 300 แห่งที่ตั้งอยู่โดยรอบวิทยาลัย โดยล่าสุดคือบริษัท GPSC ซึ่งได้มาร่วมมือในเรื่องระบบชาร์ตรถไฟฟ้า (EV) ที่กำลังได้รับความนิยม ด้วยการให้งบสนับสนุน, ร่วมพัฒนาหลักสูตร, ออกแบบสถานี ฯลฯ เพื่อตอบโจทย์สถานประกอบการที่กำลังจะผลิตรถไฟฟ้าทั้งรถยนต์และจักรยานยนต์ในอนาคต

ด้านหลักสูตรการเรียนการสอนนั้น ล่าสุดจะมีการเปิด 2 สาขาใหม่ที่กำลังได้รับความนิยม และตอบโจทย์พื้นที่ EEC คือ 1)สาขาระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์ ประกอบไปด้วยแผนกช่างยนต์, เทคนิคคอมพิวเตอร์, เมคคาทรอนิกส์, เครื่องกล ฯลฯ เป็นช่างเทคนิคสู่วิศวกรรม ซึ่งได้มีการพัฒนาหลักสูตรร่วมกับสถาบันอุดมศึกษา เพื่อสามารถถ่ายโอนรายวิชาไปหากันได้ จบแล้วได้ประกาศนียบัตร 2 ใบ 2)สาขายานยนต์ไฟฟ้า หรือยานยนต์สมัยใหม่ ซึ่งจะตอบโจทย์ทั้งในเรื่องวิธีการสร้าง, ซ่อมบำรุง, ดูแลรักษา และการช่วยเหลือประชาชนที่ใช้รถไฟฟ้าในบริเวณโดยรอบ”

ทางด้าน ดร.รัตนา แซ่เล้า ผู้รับพระราชทานทุนอานันทมหิดล แผนกธรรมศาสตร์ ประจำปี 2549 เปิดเผยว่า “การที่ประเทศไทยจะสามารถก้าวพ้นกับดักรายได้ปานกลาง อาชีวะศึกษาคือเสาหลักในเรื่องดังกล่าว เราพูดกันมานานกว่า 50 ปีแล้วว่าการเรียนสายสามัญจะต้องมี 60% และสายอาชีวะต้องมี 40% ของนักเรียนที่เรียนจบ แต่เราไม่เคยไปถึงเป้าหมายได้เลย ทั้งที่มีการพยายามผลักดันปฏิรูปการศึกษา โดยในปีล่าสุดเรามีนักเรียนอาชีวะเพียงแค่ 30% หรือประมาณ 90,000 คน จากเป้าหมายที่วางไว้ 280,000 คน ซึ่งเป็นเป้าหมายยังห่างไกลจากความเป็นจริงมาก ประเทศไทยยังคงต้องการนักเรียนอาชีวะเก่งๆ ที่มีฝันและมีประกายในตัวเอง เพื่อสานฝันต่อให้กับประเทศอีกจำนวนมาก ปัจจุบันเราพูดถึงแต่โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษตะวันออก หรือ EEC แต่ไม่เคยมีใครพูดควบคู่ไปกับการพัฒนาการศึกษาที่ยั่งยืน จึงอยากจะขอฝากกำลังใจไปให้กับนักวิชาการ และนักการศึกษาทั่วประเทศ ว่าสิ่งที่คุณทำและมีประโยชน์นั้น ประชาชนและหน่วยงานต่างๆ ได้มองเห็น และเป็นกำลังใจให้เสมอค่ะ”
โดยผู้สนใจสามารถชมคลิปการสัมภาษณ์เพิ่มเติม ได้ในรายการ 1 ในพระราชดำริ ความฝันอันสูงสุด อาชีวศึกษา สร้างอาชีพ เพื่ออนาคต ซึ่งทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 9 Mcot HD ได้ร่วมกับมูลนิธิอานันทมหิดล ได้จัดทำขึ้น ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป