December 20, 2025

คว้าร้านในกระแส อัดสื่อออฟไลน์-ออนไลน์ มัดใจสายกิน

หลังจากที่ได้วางขาย POVA 6 Pro ไปแล้วเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา ล่าสุด TECNO ผู้นำด้านสมาร์ตโฟนสำหรับการเล่นเกม ได้เปิดตัวสมาร์ตโฟนรุ่นล่าสุดอย่าง POVA 6 สมาร์ตโฟนเอาใจคอเกมเมอร์ มาพร้อมกับแพ็กเกจสุดเอ็กซ์คลูซีฟจาก Free Fire ที่มีเฉพาะในประเทศไทยเท่านั้น ซึ่งได้ฮีโร่สุดจีเนียสอย่าง 'MOCO' มาคอลแลปดีไซน์อยู่บนตัวกล่อง อีกทั้งยังมีเคสมือถือลาย MOCO และ Free Fire Pet Sticker อีกด้วย

สำหรับ POVA 6 ถูกออกแบบมาเพื่อให้ตอบโจทย์เกมเมอร์โดยเพาะด้วยหน้าจอ AMOLED 6.78 นิ้ว ความละเอียด 2460x1080 พิกเซล รีเฟรชเรทสูงสุด 120Hz รองรับสแกนนิ้วไบโอเมตริกซ์ใต้หน้าจอ และแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ถึง 6000mAh ซึ่งรองรับการชาร์จไวด้วยกำลังสูงสุดถึง 70W พร้อมขับเคลื่อนด้วยชิปเซต MediaTek Helio G99 Ultimate ประสิทธิภาพสูง จัดเต็มกับหน่วยความจำ RAM 24(12+12)GB และ ROM 256GB ตลอดจนรองรับระบบปฏิบัติการ Android 14 ที่ครอบทับด้วย HiOS 14

กล้องหลังมีความละเอียดหลัก 108MP และเซนเซอร์แสง ส่วนกล้องหน้ามีความละเอียด 32MP เรียกได้ว่าถ่ายรูปสวย เซลฟี่สุดปัง นอกจากนี้ยังรองรับการเชื่อมต่อเครือข่าย 4G LTE/3G/2G และอุปกรณ์ไร้สายต่างๆ อาทิ Wi-Fi, Bluetooth, NFC พร้อมทั้งมีพอร์ตสำหรับเชื่อมต่อ OTG และรองรับ FM เพื่อเพิ่มความสะดวกสบาย สำหรับคนรักเสียงเพลง POVA 6 ยังรองรับมาตรฐานเสียง Hi-Res และ Hi-Res Wireless มาพร้อมลำโพงที่รองรับ Dolby Atmos ที่จะทำให้คนรักเกมได้สัมผัสประสบการณ์เสียงที่นุ่มลึกได้ด้วย Dolby สำหรับเกม MOBA อย่างเช่น PUBG Mobile

นอกจากนี้ หากพูดถึงความคงทนและคุณสมบัติที่น่าสนใจอื่นๆ POVA 6 มาพร้อมกับมาตรฐาน IP53 กันน้ำกันฝุ่น ให้คุณเล่นเกมได้อย่างสนุกสนานแม้ในสภาพแวดล้อมที่ท้าทาย และที่สำคัญคือมีแถบไฟ Dynamic-Light Effect เรืองแสงสวย ๆ ที่ประกอบไปด้วยหลอด Mini LED 116 ดวง เปลี่ยนโหมดไฟได้ 9 โหมด ทั้งแสดงสถานะแบตเตอรี่ หรือเรืองแสงเมื่อมีคนโทรเข้ามา และสามารถปรับแต่งเอฟเฟกต์ได้มากกว่า 108 รูปแบบ

การเปิดตัว POVA 6 ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการในครั้งนี้ TECNO ยังประกาศความร่วมมือกับ Garena Free Fire หนึ่งในเกมยิงปืนสุดฮิตในการจัดทัวร์นาเมนต์ Free Fire Eschool Challenger: Thailand Champions Cup การแข่งขันกีฬาอีสปอร์ตครั้งยิ่งใหญ่ระดับประเทศ สำหรับนักเรียน นักศึกษาชั้นมัธยมศึกษาทั่วประเทศไทย โดยมีสมาคมกีฬาอีสปอร์ตจังหวัดปทุมธานี เป็นเจ้าภาพ และ POVA 6 จะเป็นอุปกรณ์สมาร์ตโฟนอย่างเป็นทางการสำหรับนักกีฬาในทัวร์นาเมนต์นี้ ทั้งนี้จะมีการคัดเลือกตัวแทนจากโรงเรียนต่างๆ ทั่วประเทศในรอบคัดเลือก ตั้งแต่วันที่ 30 เมษายน 2567 ต่อด้วยรอบรองชนะเลิศที่จะถ่ายทอดสดผ่านช่องทางออนไลน์ต่างๆ โดยนักกีฬาอีสปอร์ตและนักสตรีมเมอร์ชื่อดัง ก่อนจะมาประชันฝีมือกันในรอบชิงชนะเลิศ ณ มหาวิทยาลัยรังสิต ในวันที่ 27 กรกฎาคม 2567

การสนับสนุนทัวร์นาเมนต์ในครั้งนี้ TECNO มุ่งหวังที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนและส่งเสริมวงการกีฬาอีสปอร์ตในประเทศไทย รวมถึงเปิดโอกาสให้เยาวชนผู้มีความฝันได้ก้าวสู่นักกีฬาอาชีพในอนาคต

POVA 6 เปิดตัวอย่างเป็นทางการและวางจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 21 พฤษภาคม 2567 เป็นต้นไป ผ่านช่องทาง TikTok, Lazada และ Shopee พร้อมโปรโมชันสุดพิเศษ

TikTok Shop: ลดราคาพิเศษเหลือ 7,499 บาท จากราคาเต็ม 9,999 บาท พิเศษ! เอ็กซ์คลูซีฟเฉพาะวันที่ 21 – 23 พฤษภาคม 2567 เหลือเพียง 5,999 บาท

Lazada: กดรับคูปองส่วนลด 2,500 บาท เหลือเพียง 7,499 บาท จากราคาเต็ม 9,999 บาท

Shopee: กดรับคูปองส่วนลดเพิ่ม 270 บาท เหลือเพียง 7,729 บาท จากราคาเต็ม 9,999 บาท

ผู้ที่สนใจ สามารถเป็นเจ้าของสมาร์ตโฟน TECNO POVA 6 ในราคาที่ดีที่สุด คุ้มที่สุด พร้อมกดสินค้าลงตะกร้าและกดรับส่วนลดกันอย่างจุใจ ซื้อสินค้าได้แล้ววันนี้ที่ TikTok Shop: https://bit.ly/3QOBEd0 Shopee: https://bit.ly/3wsK3vK Lazada: https://bit.ly/3ykTlu1

พาเหรดสินค้าและบริการคุณภาพ ช้อปสุดคุ้มเพียง 1,500 บาทขึ้นไป ลุ้นลัดฟ้าเที่ยวญี่ปุ่นแบบฟิน ๆ

ปัจจุบันหลายคนคงคุ้นชินกับคำว่า “เทคโนโลยี” หรือ “นวัตกรรม” ในชีวิตประจำวันอยู่บ่อยครั้ง แต่หลายคนอาจยังไม่คุ้นเคยว่านวัตกรรมนอกจากจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้ธุรกิจและอุตสาหกรรมได้แล้ว นวัตกรรมยังสามารถส่งต่อสิ่งดีๆ เพื่อสังคมได้ โดยผ่านจินตนาการและพลังของคนรุ่นใหม่ที่เติบโตมาพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวก มีความสามารถในการใช้เทคโนโลยีได้อย่างมีประสิทธิภาพและเรียนรู้ได้เร็ว ที่พร้อมลุกขึ้นมาจุดประกายพลังบวกเล็กๆ ผ่านการใช้นวัตกรรมมาสร้างสรรค์สิ่งประดิษฐ์เพื่อผู้ด้อยโอกาสในสังคม เปิดโลกที่มากกว่าการมองเห็นให้ผู้พิการทางสายตาได้สัมผัสกับประสบการณ์การเรียนรู้ใหม่ๆ ด้วยสื่อการเรียนการสอนฉบับรักษ์โลกที่สร้างขึ้นจากขวดพลาสติกเหลือใช้ ผสานกับนวัตกรรม 3D Printer และโซลูชันครบวงจรจาก Fab Lab Siam หรือ แล็บเปลี่ยนไอเดียให้เป็นจริง ที่ก่อตั้งโดย บริษัท อินแคมเทค จำกัด ผู้ให้บริการที่ปรึกษาการสร้าง Fab Lab และ STEM Lab รายแรกๆ ในไทย ภายใต้แนวคิดการดำเนินธุรกิจ "จินตนาการถึงความเป็นไปได้"

นายธนกร วชิรขจร หรือ น้องกันน์ ปัจจุบันอายุ 16 ปี ศึกษาอยู่ชั้น Grade 11 (หรือ ม. 5) โรงเรียนร่วมฤดีวิเทศศึกษา (Ruamrudee International School) และเป็นผู้ก่อตั้ง ชมรม Between the Roots เล่าให้ฟังถึงแรงบันดาลใจของโครงการในครั้งนี้ว่าจุดเริ่มต้นของการตั้งชมรม Between the Roots” คือโปรเจกต์ที่ผมได้รับเป็นการบ้านในชั้นป. 5 ในตอนนั้นผมได้รับโจทย์ให้เลือกเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติหรือ SDG เพื่อทำโครงงานและจัดนิทรรศการ ในตอนนั้นผมนึกถึงประเด็นในด้านการรักษาสิ่งแวดล้อม การรีไซเคิล การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และประเด็นเกี่ยวกับพลังงานหมุนเวียนทุกประเภท ซึ่งตอนนั้นผมรู้สึกทึ่งในเรื่องนี้มากๆ เพราะพลังงานหมุนเวียนมีเรื่องราวให้ผจญภัยและศึกษาหลายแง่มุมตั้งแต่พลังงานแสงอาทิตย์ไปจนถึงพลังงานไฟฟ้า พลังน้ำ ตรงนี้เลยกลายมาเป็นหัวข้อของนิทรรศการของผมเกี่ยวกับพลังงานทดแทนในประเทศไทย จากการค้นคว้าจนทำให้ผมได้พบกับชุมชนต้นแบบด้านการใช้พลังงานหมุนเวียน ที่นั่นผมได้ศึกษาวิธีการใช้พลังงานหมุนเวียนทุกประเภท เช่น แผงโซลาร์เซลล์และบอลลูนก๊าซชีวภาพ หรือไบโอแก๊ส บอลลูน จนทำให้ผมสามารถนำเสนอโครงงานและจัดนิทรรศการของตัวเองได้สำเร็จและเป็นสิ่งที่ผมภูมิใจมากที่สุดในตอนนั้น นับแต่นั้นเป็นต้นมาผมยังคงคิดถึงเรื่องราวที่ชุมชนนั้นและคิดว่าผมในฐานะคนรุ่นใหม่น่าจะทำอะไรได้บ้างเพื่อให้สังคมน่าอยู่ขึ้น ดีขึ้น ผมอยากช่วยเหลือผู้ที่ด้อยโอกาส ช่วยดูแลสิ่งแวดล้อม ด้วยการศึกษาค้นคว้าเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่จะสามารถนำไปช่วยสังคมได้ ผมจึงตั้งชมรมนี้ขึ้นมาเพื่อรวมพลังของกลุ่มเพื่อนๆ ที่มีแรงบันดาลใจแบบเดียวกันลุกขึ้นมาใช้พลังและไอเดียของคนรุ่นใหม่ช่วยซัพพอร์ตและเปลี่ยนแปลงสังคม ผู้คน และสิ่งแวดล้อม ให้ดีขึ้นอย่างยั่งยืน”

ชมรม Between the Roots ซึ่งเป็นชมรมที่เน้นในด้านการรณรงค์ 3 คีย์หลักได้แก่ การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ส่งเสริมการใช้พลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy) และการสร้างสังคมที่ยั่งยืน (Sustainable Society) ซึ่งที่ผ่านมาได้ทำกิจกรรมช่วยเหลือสังคมไม่ว่าจะเป็นการทำไบโอแก๊สบอลลูน เพื่อเป็นแหล่งพลังงานทดแทนการใช้แก๊ส LPG เพื่อการหุงต้ม ประกอบอาหาร ให้แก่ชาวบ้านในเขตพื้นที่ป่าสงวน ตำบลป่าเด็ง จังหวัดเพชรบุรี, การสอนภาษาอังกฤษให้แก่เด็กโรงเรียน ตชด. บ้านห้วยโสก ตำบลป่าเด็ง จังหวัดเพชรบุรี และกิจกรรมล่าสุดที่ผมได้ไอเดียที่ต้องการต่อยอดการเรียนรู้ด้านเทคโนโลยีจากการเป็นสมาชิก Fab Lab Siam ซึ่งเป็นแล็ปที่ใช้เปลี่ยนภาพในจินตนาการให้กลายเป็นของจริงที่สามารถนำไปต่อยอดได้อีกมากมาย ซึ่งผมได้คลุกคลีใน Fab Lab Siam ตั้งแต่เด็กๆ มีโอกาสฝึกใช้อุปกรณ์ต่างๆ เช่น เครื่อง Laser Cutter เครื่อง 3D Printer และโปรแกรมการออกแบบต่างๆ ครั้งนี้ผมชวนเพื่อนๆ ในชมรม Between the roots มาประดิษฐ์สื่อการเรียนการสอนให้กับผู้พิการทางสายตาเพื่อมอบให้แก่ ศูนย์เทคโนโลยีการศึกษาเพื่อคนตาบอด ซึ่งเป็นสิ่งประดิษฐ์ทำจากวัสดุรีไซเคิล นอกจากจะช่วยผู้พิการแล้วยังสามารถเปลี่ยนขยะให้เป็นสิ่งของที่สร้างประโยชน์ตอบแทนสู่สังคมได้อีกด้วย”

เปิดไอเดียนวัตกรรมสื่อการเรียนการสอนอักษรเบรลล์จากขวดพลาสติกที่เหลือใช้แล้วนำมารีไซเคิล และเทคโนโลยี 3D Printer

สื่อการเรียนการสอนของชมรม Between the Roots ที่ผลิตขึ้นด้วยแรงบันดาลใจของกลุ่มนักเรียนรุ่นใหม่ที่มีหัวใจอาสา มีลักษณะคล้ายโดมิโน แบ่งเป็น 2 ส่วน ส่วนหนึ่งเป็นอักษรภาษาอังกฤษ หรือตัวเลข อีกส่วนหนึ่งเป็นอักษรเบรลล์ ทำจากเส้นพลาสติกที่แปรรูปมาจากขวดพลาสติกเหลือใช้นำมารีไซเคิล โดยการออกแบบด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์และใช้เครื่อง 3D Printer ผลิตออกเป็นสื่อการการเรียนการสอนอักษรภาษาอังกฤษ ตั้งแต่ A – Z และตัวเลข 0 – 9 ความพิเศษของแผ่นอักษรนี้จะมีปุ่มนูนอักษรเบรลล์กำกับไว้ไม่เพียงเฉพาะแค่สำหรับน้องๆ ผู้ที่มีความบกพร่องทางการมองเห็นเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงทุกคน ที่ต้องการจะเรียนรู้อักษรเบรลล์ ผ่านสื่อการสอนที่ผลิตขึ้นจากแรงบันดาลใจและนวัตกรรมแห่งอนาคตที่รวมอยู่ในห้อง Fab Lab Siam

 

Fab Lab Siam ก่อตั้งขึ้นโดย บริษัท อินแคมเทค จำกัด โดย บริษัทฯ เริ่มต้นจากการให้บริการโซลูชั่น CAD/CAM เป็นหนึ่งในผู้จัดจำหน่ายซอฟต์แวร์ CAD/CAM รายแรกๆ ในประเทศไทย ปัจจุบันอินแคมเทคเป็นผู้ให้บริการที่ปรึกษาการสร้าง Fab Labs และ STEM Labs ตลอดจนโซลูชั่นเสมือนจริง (Immersive Experience) มีบริการทั้งโซลูชันฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ที่สามารถตอบสนองความต้องการลูกค้าทั้งภาครัฐ และภาคเอกชน ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาบริษัทฯ ดำเนินธุรกิจภายใต้แนวคิด "จินตนาการถึงความเป็นไปได้" โดยที่ผ่านมาบริษัทยังได้ตระหนักถึงการตอบแทนคุณประโยชน์ต่าง ๆ สู่สังคมภายใต้ความถนัดและความสามารถของบริษัทฯ อีกด้วย

“การเริ่มต้นคิดค้นนวัตกรรมเพื่อสังคมในวันนี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเล็กๆ โดยก้าวต่อไปของชมรม Between the Roots ยังคงมุ่งเน้นการคิดค้นนวัตกรรมเพื่อสร้างสังคมที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืน โดยยึด 3 คีย์หลักของชมรมเป็นตัวขับเคลื่อน ควบคู่กับการใช้เทคโนโลยีจาก Fab Lab Siam เพื่อออกแบบ ทดลอง คิดค้นสิ่งประดิษฐ์ที่เกิดขึ้นจากจินตนาการให้กลายเป็นจริง เพื่อทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนและทุกสิ่งบนโลกใบนี้ดีขึ้นมากที่สุดเท่าที่จะทำได้” นายธนกร กล่าวทิ้งท้าย

ร่วมติดตามและสนับสนุนชมรม Between the Roots พลังของคนรุ่นใหม่ในการทำประโยชน์เพื่อสังคม ด้วยนวัตกรรมแห่งอนาคตได้ที่ www.betweentheroots.org และ www.incamtec.co.th  

การปฏิรูปทางดิจิทัล (Digital Revolution) กำลังเข้ามาเปลี่ยนทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวเรา บริการออนไลน์และบริการต่าง ๆ บนมือถือกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว ทำให้เราเริ่มเห็นเทคโนโลยีอัจฉริยะ เช่น แอปพลิเคชัน AI ได้รับการนำมาใช้ในภาคอุตสาหกรรมต่าง ๆ ทั่วโลกมากขึ้น ในขณะที่ประเทศไทยวางเป้าหมายเพื่อขึ้นเป็นศูนย์กลางทางด้านดิจิทัลของอาเซียนในอนาคตอันใกล้นี้ เราจำเป็นจะต้องมีระบบโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลที่แข็งแกร่งเพื่อรองรับเทคโนโลยีอัจฉริยะต่าง ๆ ที่จะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในกระบวนการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลที่จะเกิดขึ้นทั่วประเทศ เทคโนโลยีฐานข้อมูลจึงเป็นหนึ่งในรากฐานที่สำคัญที่สุดในกระบวนการปฏิรูปทางดิจิทัลนี้ ขณะเดียวกัน ฐานข้อมูลยังเป็นหัวใจหลักในการเปลี่ยนผ่านทางดิจิทัลของภาคอุตสาหกรรมต่าง ๆ ตลอดเวลาห้าทศวรรษที่ผ่านมา คำถามสำคัญคือเทคโนโลยีฐานข้อมูลรุ่นใหม่ล่าสุด จะช่วยปลดล็อคคุณค่าสูงสุดให้กับประเทศไทยในยุคสมัยของ Big Data และ AI ได้อย่างไร

นายเดวิด หลี่ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) จำกัด ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับเทคโนโลยีฐานข้อมูลยุคใหม่ว่า “สำหรับภาคอุตสาหกรรมแนวดิ่งต่าง ๆ รวมไปถึงอุตสาหกรรมธนาคาร แอปพลิเคชันที่ใช้งานแบบเรียลไทม์กำลังได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้น ไม่เพียงเท่านั้น ภาคอุตสาหกรรมหลายแห่งยังมีความต้องการใช้งานธุรกรรมออนไลน์เพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะภาคธนาคารที่มีการทำธุรกรรมข้อมูลออนไลน์เกิดขึ้นหลายล้านรายการ เทคโนโลยีดิจิทัลได้กลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของทุกคนไปแล้ว นั่นหมายความว่าแอปพลิเคชันจำนวนมากที่ให้บริการผู้บริโภคจำเป็นต้องมีระบบและอีโคซิสเต็มด้านดิจิทัลในประเทศ หัวเว่ย ในฐานะผู้นำระดับโลกด้านบริการโซลูชันดิจิทัล จะเข้ามาช่วยสร้างและบ่มเพาะอีโคซิสเต็มให้กับเหล่าพันธมิตรในประเทศ พร้อมไปกับการให้บริการแก่อุตสาหกรรมแนวดิ่งและหน่วยงานภาครัฐ หัวเว่ยมีความมั่นใจในศูนย์ข้อมูลที่ได้ลงทุนไว้ ซึ่งให้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจอย่างมาก โดยปัจจุบันเรามีศูนย์ข้อมูล (Data Center) 3 แห่งในประเทศไทย ซึ่งตอกย้ำถึงความทุ่มเทในระยะยาวและความเชื่อมั่นที่เรามีต่อประเทศไทย”

ปัจจุบัน เทคโนโลยีฐานข้อมูลยังพบกับความท้าทายหลัก 4 ประการ ประการแรก คือวิธีที่ใช้ในการประมวลผลข้อมูลที่มีขนาดใหญ่ หลากหลาย และกระจัดกระจาย ในการรับมือกับสถานการณ์เช่นนี้ เราจำเป็นต้องมีฐานข้อมูลที่สามารถขยายขนาดได้อย่างไร้รอยต่อ และสามารถปรับให้เข้ากับภาระงานหลากหลายรูปแบบ ประการที่สอง คือวิธีการคงไว้ซึ่งประสิทธิภาพการทำงานในระดับสูง ภายใต้กระบวนการประมวลผลข้อมูลจำนวนมากพร้อม ๆ กัน เนื่องจากมีความต้องการใช้งานแอปพลิเคชันในแบบเรียลไทม์มากขึ้น รวมไปถึงการทำธุรกรรมออนไลน์จากธนาคารและภาคอุตสาหกรรมอื่น ๆ ที่เพิ่มขึ้น ประการที่สาม คือวิธีการสร้างความปลอดภัยได้อย่างครอบคลุม รวมทั้งการรับมือกับความท้าทายจากการละเมิดข้อมูลออนไลน์และการโจมตีทางไซเบอร์ โดยในปี พ.ศ. 2566 ที่ผ่านมา มูลค่าความเสียหายที่เกิดจากอาชญากรรมทางไซเบอร์ทั่วโลกได้เพิ่มสูงถึง 8 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ และคาดว่าจะทะลุ 10.5 ล้านล้านเหรียญสหรัฐภายในปี พ.ศ. 2568 ประการสุดท้าย คือการรับมือกับเทรนด์ดิจิทัลของอุตสาหกรรมต่าง ๆ ที่ต้องการอีโคซิสเต็มดิจิทัลภายในประเทศที่มีความสมบูรณ์ ซึ่งผู้ติดตั้งระบบ ผู้พัฒนาซอฟท์แวร์ และผู้พัฒนาแอปพลิเคชันในประเทศล้วนเป็นปัจจัยสำคัญต่อการพัฒนา 

ประเทศไทยมีจุดแข็งด้านจำนวนผู้ใช้งานดิจิทัลจำนวนมาก แต่ยังคงขาดแคลนผู้สร้างสรรค์ทางด้านเทคโนโลยีดิจิทัล นี่คือปัญหาในประเทศกำลังพัฒนาหลายประเทศในยุคของการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล เนื่องจากหลายประเทศต่างนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้งาน แต่ไม่ได้คาดการณ์ถึงความสามารถที่จำเป็นต่อการสร้างและบ่มเพาะอีโคซิสเต็มด้านดิจิทัลในประเทศ อย่างไรก็ตาม หัวเว่ยมองเห็นศักยภาพระดับสูงของประเทศไทย เนื่องจากรัฐบาลไทยมีความตระหนักในความท้าทายต่าง ๆ เหล่านี้ ทั้งยังมีความมุ่งมั่นในการขับเคลื่อนหลายโครงการเพื่อส่งเสริมระบบนิเวศด้านดิจิทัลของประเทศ ไม่เพียงเท่านั้น หัวเว่ยยังมองเห็นความตระหนักที่เพิ่มขึ้นของภาคสาธารณะและภาคเอกชนที่มีต่อเทคโนโลยีดิจิทัล ซึ่งทุกฝ่ายต่างมีความตั้งใจที่จะลงทุนในระบบโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล เทคโนโลยีฐานข้อมูลจึงกำลังเป็นที่ต้องการเป็นอย่างมากในอุตสาหกรรมแนวดิ่งของหลาย ๆ อุตสาหกรรม ซึ่งถือเป็นสัญญาณที่ดี เนื่องจากเมื่อใดที่มีการลงทุน ย่อมนำมาซึ่งโอกาสทางอาชีพที่มากขึ้นตามไปด้วย

นี่จึงเป็นสาเหตุให้หัวเว่ยมุ่งมั่นที่จะลงทุนในประเทศไทย พร้อมไปกับการบ่มเพาะบุคลากรด้านดิจิทัลและสร้างสรรค์ระบบนิเวศทางดิจิทัลให้เกิดขึ้นในประเทศ เพราะนี่คือส่วนสำคัญของกระบวนการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคเทคโนโลยีดิจิทัลของประเทศชาติ นอกจากนี้ หัวเว่ยจะยังคงเดินหน้าให้ความสำคัญกับการนำเสนอประโยชน์จากการลงทุนในด้านไอซีที พร้อมส่งมอบเทคโนโลยีล้ำยุคให้กับประเทศไทย เพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นของภาครัฐ ภาคการขนส่ง ภาคธนาคาร และภาคอุตสาหกรรมต่าง ๆ ของประเทศ

นายเดวิด หลี่ เปิดเผยว่าหัวเว่ยได้ลงทุนในเทคโนโลยีฐานข้อมูลอย่างต่อเนื่องมากว่า 20 ปี และล่าสุดได้เปิดตัว GaussDB เทคโนโลยีฐานข้อมูลรุ่นใหม่ล่าสุดที่จะเข้ามาปลดล็อคคุณค่าสูงสุดทางด้านข้อมูลในประเทศไทย โดย GaussDB จะช่วยให้หัวเว่ยสามารถทำงานและให้การสนับสนุนพันธมิตรในประเทศไทยได้ดียิ่งขึ้น เนื่องจาก GaussDB สามารถใช้งานได้ทั้งบนระบบคลาวด์สาธารณะและคลาวด์ส่วนบุคคล ไม่เพียงเท่านั้น การใช้งานฐานข้อมูลล้ำสมัยอย่าง GaussDB จะช่วยเสริมศักยภาพโซลูชันอัจริยะในปัจจุบัน ด้วยการปรับปรุงประสิทธิภาพและสร้างประโยชน์เพิ่มเติมให้กับอุตสาหกรรมต่าง ๆ ซึ่งจะเป็นการช่วยบ่มเพาะอีโคซิสเต็มดิจิทัลโดยรวมของประเทศไทย

ก่อนหน้านี้ หัวเว่ยได้เปิดตัวฐานข้อมูล GaussDB ในประเทศจีนเพื่อทดสอบและปรับปรุงประสิทธิภาพเทคโนโลยี เมื่อโซลูชันนี้ได้รับการพัฒนาจนให้ประสิทธิภาพและประโยชน์สูงสุดแล้ว หัวเว่ยจึงได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ในประเทศไทย ซึ่งเป็นหนึ่งในตลาดต่างประเทศแห่งแรกภายใต้โครงการนำร่องของหัวเว่ยเพื่อสนับสนุนพันธมิตรและหน่วยงานในท้องถิ่น โดยหัวเว่ยเชื่อเป็นอย่างยิ่งว่าฐานข้อมูล GaussDB จะเข้ามาพลิกโฉมตลาดผลิตภัณฑ์ฐานข้อมูล ด้วยข้อเสนอที่ดีกว่าสำหรับหลายภาคอุตสาหกรรม

เมื่อไม่นานมานี้ หัวเว่ย คลาวด์ ถือเป็นผู้ให้บริการคลาวด์เพียงรายเดียวในตลาดที่ได้รับรางวัล ‘ตัวเลือกดีเด่นของลูกค้าในปี 2023’ จากผลสำรวจเสียงตอบรับของลูกค้าโดยการ์ทเนอร์ (Gartner Peer Insights™) โดยหัวเว่ย คลาวด์ จะยังมุ่งให้ความสำคัญกับนวัตกรรมด้านเทคโนโลยี การเปิดตัวผลิตภัณฑ์ที่มีศักยภาพสำหรับรองรับการใช้งานในภาคธุรกิจให้มากยิ่งขึ้น เพื่อช่วยลูกค้าในการสร้างรากฐานของข้อมูลอัจฉริยะที่มีความเสถียร ยืดหยุ่น และมีศักยภาพสูงต่อไป ทั้งนี้ หัวเว่ยได้เข้ามาสร้างรากฐานที่แข็งแกร่งในประเทศไทยมากว่า 24 ปี ด้วยความมุ่งมั่นที่จะขับเคลื่อนการพัฒนาทางดิจิทัลให้กับประเทศ ภายใต้พันธกิจ ‘เติบโตในประเทศไทย สนับสนุนประเทศไทย’ (Grow in Thailand, Contribute to Thailand) สำหรับก้าวต่อไปภายใต้ภารกิจ ‘นำทุกฝ่ายก้าวไปข้างหน้า โดยไม่ทิ้งใครไว้เบื้องหลัง’ (Lead Everyone Forward, Leave No One Behind) หัวเว่ยจะยังคงเดินหน้าส่งมอบเทคโนโลยีฐานข้อมูลที่ล้ำสมัยและโซลูชันอัจฉริยะต่างๆ ที่จะช่วยส่งเสริมการเติบโต เพิ่มประสิทธิภาพ และยกระดับความสามารถทางการแข่งขันให้กับประเทศไทย พร้อมทั้งกระชับความร่วมมือกับพันธมิตรในท้องถิ่นเพื่อขับเคลื่อนเทคโนโลยีอัจฉริยะ สนับสนุนกระบวนการเปลี่ยนผ่านสู่เทคโนโลยีดิจิทัล กระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจดิจิทัล และผลักดันให้ประเทศไทยได้ขึ้นเป็นศูนย์กลางด้านดิจิทัลของอาเซียน

วัน แบงค็อก เมืองอัจฉริยะต้นแบบเพื่อความยั่งยืนที่ครบครันใจกลางกรุงเทพ พัฒนาโดย ทีซีซี แอสเซ็ทส์ (ประเทศไทย) จำกัด และ เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ โฮลดิ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศความร่วมมือครั้งสำคัญกับ อิเซตัน มิตซูโคชิ โฮลดิ้งส์ จำกัด กลุ่มบริษัทห้างสรรพสินค้าที่ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น โดยความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ของทั้งสองฝ่ายถือเป็นก้าวสำคัญในการขับเคลื่อนอนาคตของภาคธุรกิจรีเทลและอาคารสำนักงานในกรุงเทพฯ สู่การเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืนโดยการร่วมทุนในครั้งนี้แบ่งเป็น สองส่วนหลัก คือการพัฒนาและบริหารจัดการมิตซูโคชิ ซูเปอร์มาร์เก็ต-ฟู้ดฮอลล์ และการร่วมลงทุนในอาคารสำนักงาน วัน แบงค็อก ทาวเวอร์ 4 ตอกย้ำการเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจ และไลฟ์สไตล์ระดับโลก ที่จะช่วยดึงดูดนักธุรกิจชั้นนำ นักลงทุน และนักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศ

ด้วยวิสัยทัศน์แห่งความมุ่งมั่นที่จะสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับฟู้ดรีเทลในกรุงเทพฯ พร้อมมอบประสบการณ์ที่น่าประทับใจให้แก่ฟู้ดเลิฟเวอร์ที่มาเยือนวัน แบงค็อก ด้วยซูเปอร์มาร์เก็ตและฟู้ดฮอลล์ สไตล์ “เดปาจิกะ” ที่โดดเด่นด้วยเอกลักษณ์เฉพาะตัว เป็นศูนย์รวมอาหารและโกรเซอรี่ระดับพรีเมียมตามแบบฉบับของซูเปอร์มาร์เก็ตและฟู้ดฮอลล์ในห้างสรรพสินค้าชั้นนำของญี่ปุ่น ครอบคลุมพื้นที่ 4,600 ตารางเมตร ตั้งอยู่บนชั้น B1 วัน แบงค็อก รีเทล โซน Parade ที่รวบรวมประสบการณ์การชอปปิ้งที่เหนือระดับแบบครบวงจรที่สุดไว้ในที่เดียว ภายใต้แนวคิด "The Rhythmic Experience" โดยทุกท่านสามารถดื่มด่ำและเพลิดเพลินกับการชอปและชิมสินค้าอันหลากหลายที่ถูกคัดสรรมาเป็นพิเศษจากทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะอาหารสดคุณภาพสูง อาทิ ผัก ผลไม้ตามฤดูกาล เนื้อปลาสดส่งตรงจากตลาดปลาชื่อดังของญี่ปุ่น รวมถึงเนื้อสัตว์คุณภาพดีจากฟาร์มเลี้ยงสัตว์ นอกเหนือจากนี้ในส่วนของฟู้ดฮอลล์ยังมีสุดยอดร้านบูติกขนมพาสทรี คาเฟ่ และร้านอาหารญี่ปุ่นระดับพรีเมียม ซึ่งไม่เคยมีมาก่อนในประเทศไทย ตอกย้ำความเป็นที่สุดแห่งจุดหมายปลายทางของการชอปปิ้งและสวรรค์ของนักชิมที่เหนือระดับของ วัน แบงค็อก ที่ชาวไทยและนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกต้องมาเยือน

 

นายปณต สิริวัฒนภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด กล่าวถึงความสำคัญของความร่วมมือในครั้งนี้ว่า "เรามีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับอิเซตัน มิตซูโคชิ บริษัทที่มีชื่อเสียงระดับโลกและมีประวัติศาสตร์อันยาวนานมากว่า 350 ปี โดยความร่วมมือในครั้งนี้ถือเป็นโอกาสที่ทุกคนจะได้สัมผัสกับวัฒนธรรมด้านอาหารและประสบการณ์ในแบบฉบับดั้งเดิมของญี่ปุ่น โดยมิตซูโคชิ ซูเปอร์มาร์เก็ต-ฟู้ดฮอลล์ ถือเป็นองค์ประกอบสำคัญที่จะมาช่วยเติมเต็ม วัน แบงค็อก รีเทล พร้อมมอบประสบการณ์การชอปปิ้งสุดพิเศษและเพลิดเพลินกับร้านอาหารสไตล์ญี่ปุ่นต้นตำรับที่แท้จริงอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ของมิตซูโคชิ นอกจากความร่วมมือในส่วนของรีเทลแล้ว เรายังขยายการลงทุนร่วมกันไปยังอาคารสำนักงาน วัน แบงค็อก ทาวเวอร์ 4 ถือเป็นก้าวสำคัญสู่การบรรลุเป้าหมายทางวิสัยทัศน์ในการสร้างเมืองแห่งใหม่ที่จะมาเสริมศักยภาพของกรุงเทพฯ ในฐานะจุดหมายปลายทางของธุรกิจและไลฟ์สไตล์ระดับโลกให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น”

มร. โทชิยูกิ โฮโซยะ ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของอิเซตัน มิตซูโคชิ โฮลดิ้งส์ จำกัด กล่าวถึงความร่วมมือในครั้งนี้ว่า “กลุ่มอิเซตัน มิตซูโคชิ มีเป้าหมายที่จะขยายฐานลูกค้าไปยังทั่วโลก เอเชียถือเป็นภูมิภาคที่มีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับเรา โดยเฉพาะประเทศไทยซึ่งเป็นประเทศที่มีความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นกับญี่ปุ่น และกรุงเทพฯถือเป็นตลาดที่มีศักยภาพสูงซึ่งมีฐานลูกค้าจำนวนมากที่ชื่นชอบคุณภาพของสินค้าญี่ปุ่น นอกจากนี้ห้างสรรพสินค้าญี่ปุ่นของอิเซตัน มิตซูโคชิ ยังได้รับความนิยมในกลุ่มคนไทยอีกด้วย วัน แบงค็อก เป็นโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่ครบครัน มีแนวคิดที่ล้ำสมัยครอบคลุมทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นด้านการออกแบบ และความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม ซึ่งสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของกลุ่มอิเซตัน มิตซูโคชิ อีกทั้งยังเป็นโครงการต้นแบบเพียบพร้อมไปด้วยนวัตกรรมแห่งอนาคต เราจึงมีความมุ่งมั่นในการเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการรังสรรค์นี้ เรามั่นใจว่าการนำวัฒนธรรมและประเพณีอันยาวนานของอิเซตัน มิตซูโคชิ จะสามารถเข้ามาเสริมความแข็งแกร่ง และมอบประสบการณ์อันทรงคุณค่าที่มีเอกลักษณ์ให้กับ วัน แบงค็อก”

ความร่วมมือในเชิงกลยุทธ์ครั้งนี้ จะยกระดับศักยภาพของรีเทลและอาคารสำนักงานสู่มาตรฐานระดับโลก พร้อมดึงดูดนักลงทุนจากบริษัทชั้นนำทั้งในและต่างประเทศ ตลอดจนนักท่องเที่ยวจากทุกมุมโลก ขณะเดียวกันยังเป็นการผสานวิสัยทัศน์ร่วมกันเพื่อสร้างสรรค์อนาคตของกรุงเทพฯ ก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจและไลฟ์สไตล์ระดับโลก

ดร.สมพร สืบถวิลกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทิพย กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) นางสาวสุภาพ ประดับการ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ด้านการขายและการตลาด 1 และคณะผู้บริหารบริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน)   ร่วมแสดงความยินดีในโอกาสที่  คุณณรงค์ศักดิ์  พุทธพรมงคล  เข้าดำรงตำแหน่งประธานกรรมการหอการค้าไทย-จีน สมัยที่ 29 ซึ่งเป็นการดำรงตำแหน่งติดต่อกัน 3 สมัย โดยมี นายวิชัย มงคลชัยชวาล รองประธานกรรมการหอการค้าไทย-จีน ให้การต้อนรับ  ณ สมาคมหอการค้าไทย-จีน ถนนสาทรใต้ กรุงเทพฯ

มหาวิทยาลัย ซีเอ็มเคแอล (CMKL University) เปิดรับสมัครนักศึกษา หลักสูตรปริญญาโท ภาคภาษาอังกฤษ สาขาวิชาเทคโนโลยีและนวัตกรรมสร้างสรรค์ ที่มุ่งเน้นการสร้างบุคคลากรให้มีทักษะของสหวิทยาการ หรือ interdisciplinary ที่ประกอบไปด้วยความคิดสร้างสรรค์ ความรู้ทางเทคโนโลยีสมัยใหม่ และความชำนาญด้านธุรกิจ ที่จะมายกระดับทุกทักษะในตัวคุณ ให้ “เปลี่ยน” และก้าวไปข้างหน้าพร้อมกับ Advance Technology ในยุคปัจจุบัน สำหรับผู้ที่สนใจสามารถสมัครได้ตั้งแต่วันนี้ ถึงวันที่ 24 มิถุนายน 2567 ได้ที่เว็บไซต์ https://apply.cmkl.ac.th/ และสามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มได้ที่ https://www.tci.cmkl.ac.th/admission 

เปิดโลกแห่งนวัตกรรมและเทคโนโลยีการท่องเที่ยวเพื่อความบันเทิงครั้งยิ่งใหญ่ ไปกับ IAAPA Expo Asia 2024 ที่สุดของงานแสดงนวัตกรรมและความก้าวหน้าของอุตสาหกรรมสวนสนุก และการท่องเที่ยว ที่กลับมาเยือนไทยอีกครั้งในรอบ 17 ปี ภายใต้แนวคิด "Shape Your Evolution at IAAPA Expo Asia: Evolve your business into a leading market player" มุ่งสู่การเป็นผู้นำในโลกสวนสนุกไปด้วยกัน ผ่านเวทีเสวนา พื้นที่แลกเปลี่ยนความรู้และความร่วมมือระหว่างผู้ประกอบการ พร้อมโอกาสในการทดลองเล่นเครื่องเล่นล้ำสมัยที่รวบรวมมาจากทั่วโลก บนพื้นที่กว่า 7,800 ตารางเมตร ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ระหว่างวันที่ 27-30 พฤษภาคม 2567

IAAPA Expo Asia จัดโดย International Association of Amusement Parks and Attractions หรือ IAAPA คอมมูนิตี้ของผู้คนในอุตสาหกรรมสวนสนุกและสถานที่ท่องเที่ยวทั่วโลก ครอบคลุมทั้งสวนสนุก สวนสัตว์ ศูนย์ความบันเทิงสำหรับครอบครัว พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ พิพิธภัณฑ์ศูนย์วิทยาศาสตร์ และแหล่งท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ โดยมุ่งส่งเสริมการพัฒนาอุตสาหกรรมของประเทศสมาชิกกว่า 100 ประเทศ ซึ่งงาน IAAPA Expo ถือเป็นงานแสดงนวัตกรรมและความก้าวหน้าของอุตสาหกรรมสวนสนุกและการท่องเที่ยว ที่เชื่อมโยงผู้ประกอบการจากทั่วโลกไว้ด้วยกัน เพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์ บริการและโซลูชันล่าสุด รวมถึงเครื่องเล่นและการจำลองสถานการณ์ที่ผู้เข้าชมสามารถลองใช้งานได้ ตั้งแต่เทคโนโลยีล้ำสมัยและการให้สิทธิตามแบรนด์ ไปจนถึงนวัตกรรมด้านอาหารและเครื่องดื่มและกลยุทธ์การขายสินค้า นอกจากนี้ งานแสดงสินค้าของ IAAPA ยังได้มอบแนวคิดและข้อมูลเชิงลึกเพื่อยกระดับธุรกิจให้พร้อมตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไป โดยมีประวัติการจัดงานกว่า 100 ครั้ง ในหลายประเทศทั่วโลก และล่าสุดที่ประเทศไทย ซึ่งเคยได้รับเกียรติ ในการเป็นเจ้าภาพจัดงาน เมื่อปี 2550 ก่อนกลับมาจัดอย่างยิ่งใหญ่อีกครั้งในปี 2567 ซึ่งมีผู้ผลิตและผู้ให้บริการชั้นนำเพื่อแสดงผลิตภัณฑ์ บริการ และโซลูชันใหม่ล่าสุด รวมถึงเครื่องเล่นไฮไลต์สำคัญ อาทิ

  • สายรถไฟเหาะ: Vekoma, Intamin, Rocky Mountain Construction, Great Coaster International, Gerstlauer, Premier Rides, S&S เป็นต้น
  • สายเครื่องเล่นในสวนสนุก: บริษัท HUSS Park Attractions, Mack Rides, Fabbri Group, Zamperla, SBF Visa, Moser Rides, Technical Park, Zierer เป็นต้น
  • สายเครื่องเล่นในสวนน้ำ: บริษัท White Water West, Proslide, Polin Waterparks
  • สายเครื่องเล่นในร่มและเครื่องเล่นจำลองการเคลื่อนไหว (Dark Ride and Motion Simulator): บริษัท DOF Robotics, Triotech, Brogent, ETF Ride System, Sally Darkrides, Attracktion! เป็นต้น
  • โมเดลจำลองเครื่องเล่น ที่จัดแสดงในพื้นที่ Show Floor รวมทั้งกิจกรรมของ EduTours ที่เชื่อมโยงการเดินทาง พร้อมสำรวจความเป็นไปของธุรกิจสวนสนุกในประเทศไทย

แจ็ค เฉิน ผู้อำนายการและรองประธาน IAAPA ภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิค กล่าวว่า “IAAPA เฟ้นหาสถานที่จัดงานที่เปี่ยมไปด้วยสีสัน และสามารถตอบโจทย์แอคทีฟไลฟ์สไตล์ของผู้เที่ยวชมงานของเราอยู่ตลอด ซึ่ง ‘กรุงเทพ, ประเทศไทย’ ถือเป็นประเทศลำดับต้น ๆ ของเอเชียที่ได้รับความนิยมจากทั้งนักท่องเที่ยวและผู้จัดงานทั่วโลก ด้วยความเป็นศูนย์รวมทั้งด้านวัฒนธรรมและนวัตกรรม ทั้งยังผสมผสานวิถีชีวิตท้องถิ่นกับความเป็นยุคสมัยใหม่ได้อย่างลงตัว”

“ในปีนี้ เราจึงตัดสินใจกลับมาเยือนประเทศไทยอีกครั้ง โดยเลือก ‘ศูนย์ฯ สิริกิติ์’ เป็นสถานที่จัดงาน เนื่องด้วยชื่อเสียงที่ได้รับการยอมรับ ในฐานะเจ้าภาพการประชุมนานาชาติ นิทรรศการ และงานแสดงโชว์ระดับโลก ทั้งยังแวดล้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก สถานที่สำคัญ และร้านค้ารีเทล ซึ่งตรงกับความต้องการของ IAAPA ที่มองหาสถานที่ที่เป็นมากกว่า “ศูนย์การประชุม” แต่พร้อมรองรับความต้องการของผู้เข้าร่วมงานทั่วโลกได้ในหลากมิติ สร้างโอกาสในการเชื่อมโยงทางการค้า และความร่วมมือระหว่างผู้เข้าร่วมงานกับผู้นำในอุตสาหกรรมสวนสนุกจากทั่วโลก”

ด้าน สุรพล อุทินทุ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็น.ซี.ซี. แมนเนจเม้นท์ แอนด์ ดิเวลลอปเม้นท์ จำกัด ผู้บริหารศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ กล่าวว่า “เป็นอีกหนึ่งความภาคภูมิใจ ที่ศูนย์ฯ สิริกิติ์ ได้รับเลือกเป็นตัวแทนประเทศไทยในการรองรับงาน IAAPA Expo Asia 2024 ซึ่งเป็นบทพิสูจน์ความสำเร็จในการเป็นมากกว่า ‘ศูนย์การประชุม’ ที่ตอบโจทย์ผู้จัดงานอิเวนต์ ไลฟ์สไตล์และบันเทิง โดยเราคาดหวังว่าศูนย์ฯ สิริกิติ์ จะเป็นแพลตฟอร์มที่ร่วมสร้างสีสันและความสนุกให้กับผู้เข้าร่วมงาน พร้อมกับเชื่อมโยงธุรกิจวงการอุตสาหกรรมสวนสนุกและสถานที่ท่องเที่ยวของไทยให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง”

มอบบริการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่แก่ประชาชน โดยไม่มีค่าใช้จ่าย

X

Right Click

No right click