

บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการเฉลิมฉลองและสนับสนุนความเท่าเทียมทางเพศ เพื่อต้อนรับเทศกาล Pride Month และส่งมอบความสุขภายใต้แนวคิด "The Power of Pride พลังของความหลากหลาย" ทิพยประกันภัยในฐานะองค์กรที่โอบรับทุกความหลากหลาย พร้อมสนับสนุนความเท่าเทียม ผลักดันให้ทุกคนเห็นคุณค่าในตัวเอง กล้าแสดงออก และได้รับการยอมรับในสังคม ซึ่งจะนำไปสู่การสร้างสรรค์นวัตกรรมและการเติบโตที่ยั่งยืนอย่างแท้จริง
ทิพยประกันภัย ขอนำเสนอโปรโมชันสุดพิเศษและกิจกรรมสุดไพร์ด ตลอดเดือนมิถุนายนนี้ ได้แก่


นางธนัชชา วงษ์เจริญสิน ผู้อำนวยการฝ่ายธุรกิจธนาคาร 2 บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ร่วมแสดงความยินดี กับ นายธานี ธราภาค กรรมการผู้จัดการ และผู้บริหารระดับสูง บริษัท เอ็ม-แลนดาร์ช จำกัด/สายการบินอีซี่แอร์ไลน์ ในการเปิดสายการบิน Ezy Airline และ เปิดตัวเครื่องบินลำแรก ซึ่งพร้อมให้บริการเส้นทางบินจากหัวหินสู่ภาคใต้ เชื่อมโยงเมืองหลัก-เมืองรอง เพื่อรองรับการเติบโตของนักท่องเที่ยว ตลอดจนสนับสนุนเศรษฐกิจและการลงทุนของประเทศไทย

พิธีเปิดงานจัดขึ้นที่ห้องประชุม Colonial Hall โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์บีชรีสอร์ทและวิลล่าหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ โดยในโอกาสนี้ บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ยังได้มอบทุนการศึกษาให้แก่น้องๆ จากโรงเรียนสาธิตเทศบาลบ้านหัวหิน ที่มาร่วมแสดงในพิธีเปิดงานด้วย
ธนาคารยูโอบี ประเทศไทย ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการกับคณะพาณิชย์ศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ พัฒนาหลักสูตร Banker’s Executive Certification Programme เร่งเพิ่มพูนความรู้ด้านการเงินและทักษะการทำงานให้แก่ที่ปรึกษาธุรกิจสำหรับกลุ่มลูกค้าธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม เพื่อสนับสนุนการเติบโตของธุรกิจของลูกค้า
ภายใต้ข้อตกลงนี้ ธนาคารได้ร่วมกับคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ออกแบบหลักสูตรที่ผสานการเรียนรู้ทั้งแบบในห้องเรียน การลงมือปฎิบัติจริงจากกรณีตัวอย่างศึกษา (case study) การเข้าร่วมเวิร์คช็อป การจำลองเหตุการณ์จากสถานการณ์จริง และการบรรยายพิเศษจากบุคคลากรชั้นนำในอุตสาหกรรม ในหัวข้อต่างๆ ประกอบด้วย เทรนด์การดำเนินธุรกิจที่ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีให้ความสำคัญ การวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อออกแบบแผนธุรกิจ กลยุทธ์ และแผนการดำเนินงานของหน่วยงานที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้าเอสเอ็มอี การวางแผนแนวทางการขายและบริหารความเสี่ยง รวมถึงการเสริมทักษะด้านการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ และทักษะที่จำเป็นในการบริหารทีมงานให้แก่ผู้จัดการสัมพันธ์ของธนาคารที่จะก้าวขึ้นมาเป็นผู้บริหารยุคใหม่ 30 คน เป็นระยะเวลารวม 3 เดือน
นางสยุมรัตน์ มาระเนตร ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธุรกิจเอสเอ็มอี ธนาคารยูโอบี ประเทศไทย กล่าวว่า “ในฐานะธนาคารชั้นนำของภูมิภาคอาเซียนสำหรับธุรกิจเอสเอ็มอี ยูโอบีให้ความสำคัญกับการพัฒนาศักยภาพบุคคลากรของเราให้มีความพร้อมที่จะเป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และรับมือกับความต้องการที่หลากหลายของกลุ่มลูกค้าธุรกิจเอสเอ็มอีในประเทศที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง หลักสูตรในปีนี้นอกจากจะช่วยเพิ่มพูนความรู้เชิงเทคนิค และยกระดับทักษะทางธุรกิจที่มีอยู่เดิมให้แก่พนักงานที่เข้าร่วมโครงการแล้ว ยังสอดแทรกวิธีการสื่อสารและแนวทางการบริหารจัดการทีมงานที่สามารถนำไปปรับใช้ในการทำงานได้จริง เพื่อช่วยให้พนักงานของเราสามารถส่งมอบการบริการและนำเสนอโซลูชันทางการเงินที่ตอบโจทย์การดำเนินธุรกิจของลูกค้าต่อไป”
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อรพรรณ ยลระบิล รองคณบดีฝ่ายวิชาการและเครือข่ายพันธมิตร คณะพาณิชย์ศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า “เรามีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือกับธนาคารยูโอบี ประเทศไทย เพื่อพัฒนาโปรแกรมส่งเสริมศักยภาพบุคคลากรของธนาคาร หลักสูตรในปีนี้เราเน้นให้ผู้เข้าอบรมยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลางในการบริการ และการปรับกระบวนทัศน์ความคิดแบบ agile mindset ที่เน้นการเพิ่มประสิทธิผลและความคล่องตัวในการทำงาน ผู้เข้าอบรมจะมีโอกาสฝึกการตัดสินใจ แก้ปัญหา และพัฒนาความสามารถในด้านการนำเสนอผลิตภัณฑ์ทางการเงินให้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า รวมถึงเรียนรู้แนวทางการสื่อสารให้มีประสิทธิภาพ ซึ่งจะช่วยสร้างความแตกต่างให้แก่ตนเองในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินที่ลูกค้าให้ความไว้วางใจ”
นางสาวศศิวิมล อารยวัฒนาพงษ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ทรัพยากรบุคคล ธนาคารยูโอบี ประเทศไทย กล่าวว่า “บุคลากรถือเป็นทรัพย์สินที่มีค่าและสำคัญที่สุดของธนาคาร และเราให้ความสำคัญกับการพัฒนาบุคคลากรของเราให้เติบโตไปพร้อมกับองค์กร หลักสูตร Banker’s Executive Certification Programme นับเป็นส่วนหนึ่งของโครงการพัฒนาบุคคลากรและเสริมสร้างศักยภาพความเป็นผู้นำที่ธนาคารเตรียมไว้ให้แก่พนักงานเพื่อพัฒนาทักษะที่จำเป็นในการเป็นที่ปรึกษาทางธุรกิจอย่างมืออาชีพ และเสริมสร้างภาวะผู้นำให้แก่ผู้เข้าร่วมโครงการได้เติบโตภายในธนาคาร ความร่วมมือที่เกิดขึ้นระหว่างยูโอบี ประเทศไทย และ คณะพาณิชย์ศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ถือเป็นอีกหนึ่งข้อพิสูจน์ถึงความมุ่งมั่นของธนาคารในการส่งเสริมการเรียนรู้ เสริมสร้างทักษะที่จำเป็นสำหรับการทำงานให้แก่พนักงาน เพื่อรักษาพนักงานให้เติบโตในสายอาชีพและพร้อมก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำที่สามารถบริหารทีมงานได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไปในอนาคต”
ตั้งแต่ริเริ่มโครงการ The Banker’s Executive Certification Programme ในปี 2560 มีบุคคลากรที่ปรึกษาธุรกิจสำหรับกลุ่มลูกค้าธุรกิจเอสเอ็มอี 102 คน ที่เข้ารับการฝึกอบรม ในจำนวนนี้มี 55 คนที่
บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) ย้ำความมุ่งมั่นส่งเสริมการพัฒนาศักยภาพคน จับมือ ChangeFusion ดึงผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดการผลลัพธ์ทางสังคมและการตลาด ร่วมอัปสกิลผู้ประกอบการกิจการเพื่อสังคม (Social Enterprise: SE) รุ่นใหม่ ภายใต้โครงการ “พลังเปลี่ยนแปลงเพื่อสังคม” หรือ Banpu Champions for Change (BC4C) รุ่นที่ 13 มุ่งพัฒนาศักยภาพ SE ให้สามารถสร้างการเติบโตทั้งในด้านรายได้และผลกระทบเชิงบวกต่อสังคม ชุมชน และสิ่งแวดล้อม นำไปสู่การขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากของประเทศ พร้อมเปิดตัว 7 กิจการเพื่อสังคมที่ผ่านเข้ารอบ Incubation Program ปี 2567

นายรัฐพล สุคันธี ผู้อำนวยการสายอาวุโส-สื่อสารองค์กร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ปีนี้โครงการ BC4C ได้รับความสนใจจาก SE ในหลากหลายพื้นที่ภายหลังที่เราได้ลงพื้นที่และประชาสัมพันธ์กิจกรรมในหลายภูมิภาค ซึ่งตรงกับความตั้งใจของเราตามธีมในปีนี้คือ ‘Impactful Locals, National Boost: ชุมชนแกร่ง ไทยแกร่ง’ ที่ต้องการส่งเสริมให้มี SE หน้าใหม่ที่เข้มแข็งทั่วประเทศ จาก 15 ทีมที่ผ่านเข้ารอบในรอบแรก ทุกทีมมาด้วยแพสชันเต็มเปี่ยม สิ่งที่โครงการฯ ช่วยเพิ่มเติมให้คือการขยายผลกระทบทางสังคมและสิ่งแวดล้อม การพัฒนาแผนการตลาด รวมถึงเทคนิคการนำเสนอแผนธุรกิจ ซึ่งทักษะเหล่านี้จะทำให้ SE สามารถพัฒนาแนวการทำกิจการของตนเองได้อย่างมีระบบ มีหลักการที่จับต้องได้และใช้ได้จริง เป็นแนวทางพื้นฐานสำหรับนำไปสร้างการเติบโตของกิจการอย่างชัดเจน”

เวิร์กชอปการอัปสกิล SE ใน Incubation Program ของโครงการฯ ในรุ่นที่ 13 ประกอบด้วย

นางสาวจีรพันธุ์-นายชุณวัณ บุญมา สองพี่น้องเจ้าของกิจการเพื่อสังคม “Karen Design” หนึ่งใน SE ที่ผ่านเข้ารอบ 7 ทีมสุดท้าย กล่าวว่า “ที่ผ่านมา Karen Design ไม่สามารถสร้างยอดขายได้มากพอที่จะช่วยเหลือคนในชุมชนเป็นจำนวนมาก การเข้าร่วมเวิร์กชอปการพัฒนาแผนธุรกิจและแผนการทดสอบตลาดทำให้มองเห็นแนวทางที่จะแก้ปัญหานี้ได้ โดยสิ่งที่เรายังไม่ชัดเจนคือการสร้างแบรนด์ การเข้าใจลูกค้า และการสื่อสารไปยังลูกค้า สิ่งที่จะต้องพัฒนาต่อไปในระยะเวลาอันใกล้นี้คือ การระบุและทำความเข้าใจลูกค้าของเรา การเพิ่มความถี่และพัฒนาคอนเทนต์ การเพิ่มช่องทางการขายทางออนไลน์ รวมถึงดึง TikToker ชาวกะเหรี่ยงร่วมกระตุ้นยอดขาย เมื่อมียอดขายมากขึ้น เราก็จะช่วยเหลือชาวบ้านได้มากขึ้น และยังเป็นการขยายเครือข่ายคนรุ่นใหม่ที่จะร่วมอนุรักษ์ผ้าทอพื้นถิ่นในอนาคต”

ด้าน นายกิตติเดช-นายธันวา เทศแย้ม สองพี่น้องเจ้าของกิจการเพื่อสังคม “คนทะเล” อีกหนึ่ง SE ที่ผ่านเข้ารอบ 7 ทีมสุดท้าย กล่าวว่า “หลังได้เข้าร่วมเวิร์กชอปการพัฒนาแผนการจัดการผลกระทบทางสังคมและสิ่งแวดล้อม ทำให้ คนทะเล เห็นภาพการสร้างอิมแพคต่อสังคมที่สามารถขยายได้กว้างขึ้น เช่น การเพิ่มรายได้ให้คนในชุมชนผ่านการรับซื้ออาหารทะเลแปรรูปเพื่อนำมาใส่บรรจุภัณฑ์สวยงามและจำหน่ายเป็นของฝากให้กับนักท่องเที่ยว รวมถึงการขยายกลุ่มผู้นำเที่ยวทริปท่องเที่ยววิถีชุมชน โดยเราจะจัดอบรมให้ความรู้และทำสื่อประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวให้ นอกจากนี้ ด้านการอนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรทางทะเล เราจะนำกำไรส่วนหนึ่งจากทริปท่องเที่ยวฯ มาเป็นเงินทุนในการเพิ่มจำนวน ‘บ้านปลา’ หรือ ‘ซั้งกอ’ แหล่งอาศัยของสัตว์น้ำและแหล่งอนุบาลสัตว์น้ำขนาดเล็ก”

สำหรับ 7 กิจการเพื่อสังคมที่ผ่านเข้ารอบสุดท้าย (โดยไม่เรียงลำดับคะแนน) ใน Incubation Program ได้นำเสนอโซลูชันแก้ปัญหาสังคมที่ครอบคลุมหลายมิติสำคัญ ดังนี้
ร่วมติดตามความเคลื่อนไหวของกิจกรรม ตลอดจนร่วมลุ้นกับการประกาศผลผู้ชนะ Incubation Programภายใต้โครงการ Banpu Campions for Change ได้ทางเพจเฟซบุ๊ก www.facebook.com/banpuchampions
เคทีซีร่วมงาน SabuyWedding Festival 2024 ตอบโจทย์สมาชิกคู่รักนิยมเดินงานแฟร์ เพื่อเตรียมความพร้อมในการจัดงานแต่งงานด้วยเหตุครอบคลุมทุกองค์ประกอบ ส่งผลยอดการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตต่อครั้งสูงกว่าปกติ พร้อมจับมือพันธมิตร อาทิ โรงแรมโฮเทล มิส / ยูบิลลี่ ไดมอนด์ / เดอะ มอลล์ และโรงแรมแบงค็อก แมริออท มาร์คีส์ ควีนส์ปาร์ค มอบสิทธิพิเศษให้สมาชิก พร้อมตั้งเป้ายอดรวมการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตเคทีซีตลอดงานไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท
นางสาวปริม ปัญญาเสรีพร ผู้บริหารสูงสุดฝ่ายการตลาด “เคทีซี” หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า หมวดเวดดิ้งถือเป็นอีกหนึ่งหมวดที่สมาชิกมียอดการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตต่อครั้งค่อนข้างสูง จากการศึกษาพฤติกรรมพบว่าสมาชิกใช้เวลากับการวางแผนและคัดสรรองค์ประกอบในงานแต่งงานให้เหมาะสมกับงบประมาณและรูปแบบในฝัน จึงให้ความสนใจกับการเข้าร่วมงานแสดงสินค้าเป็นพิเศษ เคทีซีจึงได้ร่วมมือกับงาน SabuyWedding Festival 2024 มหกรรมแสดงสินค้าและบริการเพื่อการจัดงานแต่งงานครบวงจรแห่งปี มอบสิทธิพิเศษให้กับคู่รักสมาชิกบัตรเครดิตเคทีซีโดยมีรายละเอียดดังนี้

นอกจากนี้ สมาชิกยังสามารถเลือกรับของสมนาคุณเมื่อมียอดใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตเคทีซีตามกำหนดภายในงานฯ ดังนี้
สำหรับการจัดงาน SabuyWedding Festival 2024 มีกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 25 พฤษภาคม 2567 - วันที่ 26 พฤษภาคม 2567 ที่ รอยัล พารากอน ฮอลล์ ศูนย์การค้าสยามพารากอน สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.ktc.co.th/promotion/hotel-resort/wedding-package ทั้งนี้คาดว่าจะมียอดรวมการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตเคทีซีภายในงานดังกล่าวไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท
ผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ KTC PHONE โทรศัพท์ 02 123 5000 สำหรับผู้ที่ต้องการสมัครสมาชิกบัตรเครดิตเคทีซี สามารถคลิกดูรายละเอียดได้ที่ลิงค์ https://ktc.today/apply-card หรือติดต่อศูนย์บริการสมาชิก “เคทีซี ทัช” ทุกสาขาทั่วประเทศ
หมายเหตุ : บัตรเครดิตใช้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนได้ตามกำหนด จะได้ไม่เสียดอกเบี้ย 16% ต่อปี
บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ เดินหน้าส่งเสริมและยกระดับขีดความสามารถคู่ค้าธุรกิจ อย่างต่อเนื่อง จัดสัมมนาเชิงปฏิบัติการ Quality Day Together ติดอาวุธเพิ่มทักษะให้คู่ค้าธุรกิจ ที่เป็นผู้จัดหาวัตถุดิบอาหารให้บริษัทฯ โดยเฉพาะกลุ่มผู้ประกอบการ SMEs ให้มีแนวปฏิบัติที่ดีในการควบคุมคุณภาพและอาหารปลอดภัยขั้นสูง ตามมาตรฐานสากล และรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม สร้างความเชื่อมั่นแก่ผู้บริโภคทั่วโลก ช่วยสร้างโอกาสและ ขีดความสามารถทางการแข่งขันของผู้ประกอบการ SMEs ไทยเติบโตสู่เวทีโลก
วิไลลักษณ์ คลอดเพ็ง ผู้บริหารสูงสุด สายงานประกันคุณภาพอาหารกลาง ซีพีเอฟ กล่าวว่า บริษัทฯ ให้ความสำคัญกับการพัฒนาศักยภาพคู่ค้าธุรกิจรายย่อยและกลุ่ม SMEs ซึ่งเป็นต้นทางการผลิตอาหารของซีพีเอฟมีขีดความสามารถสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง สร้างโอกาสและความสำเร็จอย่างยั่งยืน โดยในปีนี้ บริษัทฯ ได้ร่วมมือกับสถาบันมาตรฐานอังกฤษ (BSI) จัดอบรมเชิงปฏิบัติการ Quality Day Together ให้ความรู้แก่คู่ค้าธุรกิจผู้ผลิตวัตถุดิบอาหารในกลุ่มเครื่องปรุงและบรรจุภัณฑ์ ได้เรียนรู้และทำความเข้าใจการประกันคุณภาพ หลักการวิเคราะห์ปัญหาในกระบวนการผลิต ตลอดจนสามารถกำหนดมาตรการแก้ไขและป้องกันปัญหาอย่างเป็นระบบตามหลักสากล เพื่อร่วมกันยกระดับการบริหารจัดการกระบวนการผลิตวัตถุดิบอาหารคุณภาพสูงและมีความปลอดภัยสอดคล้องมาตรฐานสากล

“การจัดกิจกรรมเพื่อมุ่งส่งเสริมให้ผู้บริหารและเจ้าของกิจการ SMEs ที่เป็นคู่ค้าธุรกิจ เห็นความสำคัญและพร้อมที่จะร่วมเดินเคียงคู่กับซีพีเอฟในการยกระดับมาตรฐานการผลิตและส่งมอบวัตถุดิบอาหารที่ตรงกับความต้องการของลูกค้า ทั้งมิติคุณภาพสินค้า และมิติความยั่งยืน ด้วยแนวคิด “สินค้าดี ย่อมมาจากวัตถุดิบที่ดี” เพื่อก้าวไปสู่ความเป็นเลิศด้านอาหารแบะเติบโตไปด้วยกัน” นางวิไลลักษณ์กล่าว
ทั้งนี้ เพื่อยกย่องความสำเร็จของคู่ค้าธุรกิจ ซีพีเอฟได้มอบรางวัล Supplier Quality Engagement Awards 2023 เพื่อยกย่องคู่ค้า 3 ราย ได้แก่ บริษัท เอ็กซ์เซลแพ็คเกจจิ้ง จำกัด บริษัท เอ็ม พี ฟู้ด โปรดักชั่น จำกัด และ บริษัท ซีพี เฟรช จำกัด เป็นต้นแบบคู่ค้า SMEs ที่นำความรู้ไปประยุกต์ใช้ในการพัฒนาคุณภาพวัตถุดิบจนสามารถส่งมอบสินค้าได้ตรงตามเกณฑ์มาตรฐานอย่างต่อเนื่อง พร้อมกันนี้ บริษัทฯ ยังได้มอบรางวัลเพื่อแสดงความขอบคุณและสร้างแรงจูงใจให้กับคู่ค้า SMEs ที่ทุ่มเทและให้ความร่วมมือในการปรับปรุงพัฒนากระบวนการผลิตอย่างจริงจัง

ชัยทวี สมัญญา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชัยเจริญ เฟรช จำกัด กล่าวว่า กิจกรรม Quality Together Day เป็นประโยชน์มากสำหรับผู้ผลิตผักสดที่ต้องใส่ใจเรื่องคุณภาพ และความปลอดภัย ปลอดสาร ช่วยให้ผู้ประกอบการรายเล็กมีแนวปฏิบัติที่ดีในการปรับปรุงและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน สามารถส่งมอบสินค้าที่ตรงตามความต้องการของซีพีเอฟ
ไพศาล สมศรี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ยิ่งไพศาลการเกษตร จำกัด กล่าวเสริมว่า ซีพีเอฟช่วยเหลือให้คู่ค้าที่เป็นเกษตรกรได้รับความรู้ด้านระบบมาตรฐานการผลิตระดับสากล และสามารถนำไปปฏิบัติได้จริงในการผลิตและจัดหาสินค้าทางการเกษตรที่สด สะอาด ปลอดภัย ปลอดสาร ที่สำคัญช่วยลดปริมาณการสูญเสียจากสินค้าที่ไม่ได้คุณภาพ
ปฐวี มาไพศาลสิน ผู้จัดการฝ่ายประกันคุณภาพ บริษัท เอ็ม พี ฟู้ด โปรดักชั่น จำกัด กล่าวเพิ่มว่า ความรู้ที่ได้รับจากผู้เชี่ยวชาญช่วยเพิ่มขีดความสามารถให้ผู้ผลิตวัตถุดิบอาหารขนาดกลางมีหลักการในการวิเคราะห์และแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นได้อย่างตรงจุด และสามารถปรับปรุงพัฒนาให้สินค้าตรงตามที่ลูกค้าต้องการอย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถลดต้นทุน และมีรายได้เพิ่มขึ้น

Quality Together Day จัดขึ้นภายใต้ โครงการ “PARTNER TO GROW…เติบโต เคียงข้าง อย่างยั่งยืน” ที่ดำเนินขึ้นต่อเนื่องปีที่ 2 เพื่อร่วมกันพัฒนาคู่ค้าธุรกิจ ครอบคลุมทั้งธุรกิจ SMEs ขนาดกลาง และขนาดใหญ่ ตลอดห่วงโซ่อุปทาน ได้มีขีดความสามารถทางการแข่งขันสูงขึ้น ดำเนินธุรกิจอย่างเป็นเลิศ มีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม สอดคล้องกับนโยบายด้านการจัดหาอย่างยั่งยืนของซีพีเอฟ หนุนธุรกิจเติบโตไปด้วยกันอย่างยั่งยืน
ดร.สุทธาภา อมรวิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ก่อตั้งบริษัท อบาคัส ดิจิทัล จำกัด ได้รับเกียรติเป็นผู้ร่วมเสวนาในงาน Nikkei Forum ที่จัดขึ้น ณ เมืองโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ในหัวข้อการเสวนา Cross-border Digital Synergy: Enhancing Asia-Pacific Cooperation บนเวทีเดียวกับ ดร.เกา กึมฮวน เลขาธิการสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (ASEAN) โดยในการเสวนานี้ ดร.สุทธาภา ย้ำให้ภาครัฐและเอกชนร่วมมือสนับสนุนการปรับตัวของประเทศไทยเพื่อขับเคลื่อนธุรกิจไทยฝ่ากระแสการแข่งขันที่ดุเดือดในยุคที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทอย่างมากต่อทุกอุตสาหกรรม
โอกาสและความท้าทายเมื่ออาเซียนก้าวสู่ยุคดิจิทัล
ประเทศสมาชิกอาเซียนมีความตื่นตัวและขานรับการเข้าสู่ยุคดิจิทัลอย่างรวดเร็ว ดังจะเห็นได้จากอัตราการเข้าถึงและใช้งานอินเตอร์เน็ตของอาเซียนที่สูงถึง 90% ใกล้เคียงกับสหภาพยุโรปที่ 91% และสหรัฐอเมริกาที่ 91.8% ปัจจุบัน ประชากรราว 350 ล้านคน จาก 700 ล้านคนของอาเซียนมีสมาร์ทโฟน ธุรกิจอีคอมเมิร์ซและฟินเทคในภูมิภาคนี้จึงมีการเติบโตแบบก้าวกระโดด รวมถึงมีสตาร์ทอัประดับยูนิคอร์นด้วย ซึ่งปัจจัยดังกล่าวล้วนเอื้อต่อการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลทั้งสิ้น
ดร.สุทธาภา ผู้ก่อตั้งบริษัทฟินเทคและให้บริการสินเชื่อผ่านแอปพลิเคชัน “มันนี่ทันเดอร์” เปิดเผยว่าสินเชื่อดิจิทัลเข้ามามีบทบาทและการเติบโตอย่างรวดเร็วในช่วงที่ผ่านมาด้วยเช่นกัน อาเซียนเป็นตลาดใหญ่ที่มีศักยภาพเพราะมีจำนวนประชากรมากราว 700 ล้านคน หากความร่วมมือเหนียวแน่น อาเซียนถือเป็นตลาดใหญ่อันดับ 3 ของโลกเลยทีเดียว รองลงมาจากจีนและอินเดียเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ยังคงมีหลายประเด็นที่ภาครัฐและภาคเอกชนในระดับภูมิภาคจะต้องร่วมกันพัฒนาหรือแก้ไขเพื่อก้าวข้ามความท้าทายและคว้าโอกาสในการเติบโต

ความท้าทายที่ต้องพิชิต
แนวทางรับมือความท้าทายและคว้าโอกาสเติบโตของอาเซียน
ส่งเสริมความร่วมมือด้านการวิจัย พัฒนา และการถ่ายทอดองค์ความรู้ ผ่านโครงการวิจัยและพัฒนาระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียน ตลอดจนความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนเพื่อส่งเสริมการถ่ายทอดความรู้ต่อยอดในภูมิภาค
ปรับปรุงกฎหมายเกี่ยวกับการย้ายถิ่นฐานและรับรองคุณภาพวิชาชีพภายใต้มาตรฐานเดียวกัน เพื่อช่วยให้แรงงานมีการย้ายถิ่นฐานสะดวกขึ้นเมื่อมีทักษะตามที่กำหนด และดึงดูดบุคลากรที่มีความสามารถเข้ามาทำงานในภูมิภาคได้มากยิ่งขึ้น
ส่งเสริมการแบ่งปันข้อมูลข้ามพรมแดนพร้อมวางกฎเกณฑ์ความปลอดภัยร่วมกัน เพื่อส่งเสริมการพัฒนาบริการด้านดิจิทัลให้มีความหลากหลายครอบคลุมมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ การวางกฎเกณฑ์และมาตรฐานการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และส่งเสริมความร่วมมือด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ร่วมกันระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียนจะช่วยส่งเสริมให้ธุรกิจด้านดิจิทัลเติบโตอย่างแข็งแกร่ง
จัดทำนโยบายที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนทุกกลุ่ม เพื่อให้เทคโนโลยีเป็นประโยชน์ต่อคนทุกกลุ่มอย่างแท้จริง รัฐบาลของประเทศสมาชิกอาเซียนควรลดช่องว่างและความเหลื่อมล้ำทางดิจิทัลผ่านการจัดทำนโยบายที่ส่งเสริมการเข้าถึงเทคโนโลยีในกลุ่มคนด้อยโอกาส ตลอดจนเร่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานให้ครอบคลุมประชาชนทุกกลุ่มด้วยความร่วมมือจากภาครัฐและเอกชน นอกจากนี้แล้ว ประเทศอาเซียนควรร่วมมือกันขยายโครงสร้างพื้นฐานและยกระดับการเชื่อมต่อข้อมูลดิจิทัลเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด

ดร.สุทธาภา ชี้ว่าเทคโนโลยีสามารถลดความเหลื่อมล้ำในสังคมได้จริง ยกตัวอย่างเช่น ธุรกิจกลุ่มสินเชื่อดิจิทัล ที่เปิดโอกาสให้ผู้เคยเข้าถึงไม่ถึงสินเชื่อในระบบและเคยถูกเอารัดเอาเปรียบจากผู้ปล่อยกู้นอกระบบมาก่อนได้เข้าถึงแหล่งเงินกู้ที่ปลอดภัย ที่ผ่านมา อบาคัส ดิจิทัล ให้บริการด้านสินเชื่อดิจิทัลผ่านแอปพลิเคชัน มันนี่ทันเดอร์ โดยกว่า 30% ของลูกค้าเป็นกลุ่มที่เคยถูกปฏิเสธสินเชื่อจากธนาคารมาก่อน และราว 1 ใน 3 ของลูกค้าเคยกู้เงินนอกระบบมาก่อน ยิ่งไปกว่านั้น ลูกค้ากว่า 50% ระบุว่ามีรายได้เพิ่มขึ้นหลังมีโอกาสได้รับสินเชื่อจากมันนี่ทันเดอร์ ย้ำชัดถึงความสำเร็จของบริษัทในการใช้เทคโนโลยีเพื่อลดความเหลื่อมล้ำในสังคม
ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของอบาคัส ดิจิทัล ยังทิ้งท้ายไว้ด้วยว่าความร่วมมือกันระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียนจะเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยปลดล็อกศักยภาพและนำพาภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้สู่โอกาสทางธุรกิจ นวัตกรรม และคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้น
เมื่อคนเข้าสู่วัยสูงอายุ การเปลี่ยนแปลงทางร่างกาย จิตใจ และสังคมส่งผลต่อความพึงพอใจในคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดีอย่างมาก การลดลงของความสามารถทางร่างกาย การเจ็บป่วยเรื้อรัง การเสื่อมถอยทางความจำและการรับรู้ รวมถึงการสูญเสียบทบาททางสังคมและความโดดเดี่ยวสามารถทำให้ผู้สูงอายุรู้สึกมีความพึงพอใจในคุณภาพชีวิตลดลงได้ การมีเครือข่ายสนับสนุนที่ดีจากครอบครัวและเพื่อนฝูง การมีส่วนร่วมในกิจกรรมที่ชอบ การดูแลสุขภาพร่างกายและจิตใจอย่างเหมาะสม รวมถึงการมีการจัดการทางการเงินที่ดีจะช่วยเพิ่มระดับความพึงพอใจในคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดีของผู้สูงอายุได้ จากข้อมูลสถิติจำนวนประชากรไทยอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป มีจำนวนถึง 13,358,751 คน คิดเป็นร้อยละ 19.6 ของประชากรทั้งหมด เป็นผู้สูงอายุชายประมาณ 5.97 ล้านคน และหญิงประมาณ 7.38 ล้านคน (การสำรวจประชากรผู้สูงอายุในประเทศไทย, สำนักงานสถิติแห่งชาติ) ถือได้ว่าประเทศไทยเข้าสู่สังคมสูงวัยอย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งไม่เพียงแต่ประเทศไทยเท่านั้น ทั่วโลกก็กำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงด้านประชากรโดยเฉพาะในกลุ่มผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไปเพิ่มมากขึ้น

ข้อมูลจากการศึกษาวิจัยจำนวนมากมุ่งเน้นค้นหาปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อความพึงพอใจในคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุ และผลการศึกษาในประเทศต่างๆ ทำให้เห็นได้ว่าปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อความพึงพอใจในคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุนั้นมีหลายแง่มุมและมีความสัมพันธ์กัน ตัวอย่างการวิจัยผู้สูงอายุในฟินแลนด์ โปแลนด์ และสเปน พบความเชื่อมโยงระหว่างปัจจัยทางเศรษฐกิจและสังคมกับความพึงพอใจในคุณภาพชีวิต ส่วนผู้สูงวัยชาวจีนที่มีสถานะทางการเงินดีมีแนวโน้มที่จะมีความพึงพอใจในคุณภาพชีวิตในระดับที่สูงเช่นกัน นอกจากนั้น ยังพบว่าสุขภาพกายและสุขภาพจิตเป็นมิติสำคัญที่มีอิทธิพลต่อความพึงพอใจในคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุอีกด้วย สำหรับในอินเดียพบความสัมพันธ์ที่ชัดเจนระหว่างสุขภาพกาย สุขภาพจิต และความพึงพอใจในคุณภาพชีวิตโดยรวม เช่นเดียวกันกับในเกาหลีใต้ ผู้สูงอายุที่มีสถานะทางการเงินดี มีส่วนร่วมในกิจกรรมทางกายต่างๆ เช่น การออกกำลัง การทำงานบ้าน และผู้สูงอายุเกาหลีที่พบปะพูดคุยหรือมีความสัมพันธ์ทางสังคม มักจะมีความพึงพอใจในคุณภาพชีวิตที่สูงตามไปด้วย ข้อมูลเหล่านี้แสดงให้เห็นว่าการศึกษาคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุนั้นเป็นเรื่องที่ทั่วโลกให้ความสนใจศึกษาและความพึงพอใจในคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุเกิดขึ้นได้ในหลายแง่มุม

ในประเทศไทย การศึกษาเรื่อง “Factors Influencing Elderly Life Satisfaction in Thailand: A Comprehensive Study on Socio-economic, Mental, and Physical Health, and Social Activity” โดย ผศ.ดร.ธิฏิรัตน์ พิมลศรี รศ.ดร.พาชิตชนัต ศิริพานิช และ วศิน แก้วชาญค้า จากสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (NIDA)) ใช้ข้อมูลจากการสำรวจรอบที่ 4 ที่ดำเนินการในปี 2565-2566 ของโครงการสำรวจด้านสุขภาพ การสูงอายุ และการเกษียณในประเทศไทย (Health, Aging, and Retirement in Thailand: HART) ซึ่งเป็นโครงการที่อยู่ภายใต้การดำเนินงานของ ศูนย์วิจัยสังคมสูงอายุ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (NIDA) (https://hart.nida.ac.th/) ที่มีสำรวจข้อมูลจากผู้สูงอายุชาวไทยอายุ 45 ปีขึ้นไป จาก 5 ภูมิภาค ทั่วประเทศ รวมถึงกรุงเทพฯ สำหรับงานวิจัยนี้ใช้ขนาดตัวอย่างจำนวน 646 คน (ศึกษาเฉพาะผู้สูงอายุที่ยังมีรายได้) และใช้เทคนิคทางสถิติตัวแบบสมการโครงสร้างในการวิเคราะห์ข้อมูล

การศึกษานี้เปิดเผยให้เห็นข้อมูลเชิงลึกที่น่าสนใจว่าสิ่งที่สำคัญต่อความพึงพอใจในคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุในประเทศไทย คือ “สุขภาพจิต” และ “ทรัพย์สินที่ถือครอง” ซึ่งส่งผลกระทบทางตรงต่อความพึงพอใจในคุณภาพชีวิตอย่างมีนัยสำคัญ ในขณะที่ “รายได้” “สุขภาพกาย” และ “การเข้าร่วมกิจกรรมทางสังคม” ส่งผลกระทบทางอ้อมต่อความพึงพอใจในคุณภาพชีวิตอย่างมีนัยสำคัญ เมื่อพิจารณาเจาะลึกในกลุ่มผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป หรือในวัยเกษียณนั่นเอง เราได้ข้อค้นพบว่า หากผู้สูงอายุมีสุขภาพจิตดีจะส่งผลกระทบทางตรงต่อความพึงพอใจในคุณภาพชีวิตที่ดีตามไปด้วย สำหรับสุขภาพกายและทรัพย์สินที่ถือครองจะส่งผลกระทบทางอ้อมผ่านสุขภาพจิตเท่านั้น
ในขณะที่สำหรับผู้ที่มีอายุระหว่าง 45-59 ปี ประเด็นสุขภาพจิตและทรัพย์สินที่ถือครองยังถือเป็นปัจจัยที่มีส่วนสำคัญต่อความพึงพอใจในคุณภาพชีวิต รวมทั้งกิจกรรมทางสังคมและสุขภาพกายส่งผลกระทบทางอ้อมต่อความพึงพอใจในคุณภาพชีวิต
ดังนั้นจึงกล่าวได้ว่า ก่อนเข้าสู่วัยเกษียณ (อายุ 45-59 ปี) ความมั่นคงทางการเงินมีบทบาทสำคัญในการเพิ่มระดับความพึงพอใจในคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุและทำให้มีสุขภาพจิตที่ดี และในช่วงแรกของการเกษียณอายุ (อายุ 60-69 ปี) สถานะทางการเงินและสุขภาพร่างกายยังคงมีผลทางอ้อมกับความพึงพอใจในคุณภาพชีวิต แต่ท้ายที่สุดท้ายแล้วสำหรับผู้สูงอายุที่อายุ 70 ปีขึ้นไป “ทรัพย์สินภายนอก และสุขภาพกาย ดูเหมือนไม่ใช่สิ่งสำคัญเท่ากับความสุขภายในหรือความสุขทางจิตใจ” นั่นเอง และนี่คือสิ่งนี้สะท้อนถึงความเป็นจริงของชีวิต

อย่างไรก็ตามจำนวนผู้สูงอายุที่เพิ่มขึ้น ผู้สูงอายุก็ต้องการการสนับสนุนที่เพิ่มขึ้นเช่นกันดังนั้นรัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรปรับปรุงบริการต่างๆ ให้ตรงตามความต้องการเฉพาะของผู้สูงอายุ ผลการศึกษานี้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการกำหนดนโยบายสาธารณะอย่างรอบคอบ และการดำเนินการส่งเสริมสุขภาพกายและสุขภาพจิตตามมาตรการที่มีประสิทธิภาพ ควบคู่ไปกับระบบสนับสนุนเพื่อยกระดับความเป็นอยู่ของผู้สูงอายุในประเทศไทยได้อย่างเหมาะสม
เอกสารอ้างอิง
กองสถิติและสังคม. (2564). การสำรวจประชากรผู้สูงอายุในประเทศไทย. สำนักงานสถิติแห่งชาติ.
Phimolsri, T., Siripanich, P., Kaewchankha, W. (2024). Factors Influencing Elderly Life Satisfaction in Thailand: A Comprehensive Study on Socio-economic, Mental, and Physical Health, and Social Activity. Proceedings of The 10th Asian Conference on Aging & Gerontology (Agen2024), March 25-29, 2024. Tokyo, Japan.
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ธิฏิรัตน์ พิมลศรี ผู้อำนวยการหลักสูตรสถิติประยุกต์ คณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (NIDA)