

ออเนอร์ (HONOR) ผู้ให้บริการอุปกรณ์อัจฉริยะชั้นนำระดับโลก ประกาศให้ทดลองใช้งาน Android 15 Beta 1 อย่างเป็นทางการแล้ววันนี้* พร้อมให้นักพัฒนา HONOR ใช้งานได้ตั้งแต่วันที่ 10 พฤษภาคมที่ผ่านมา โดยเปิดให้อัปเดตเป็นครั้งแรกและใช้งานบนสมาร์ตโฟนระดับแฟลกชิป HONOR Magic6 Pro และ HONOR Magic V2 ซึ่งโปรแกรมนี้ให้การเข้าถึงการอัปเดต Android ล่าสุดก่อนใคร โดยสามารถทดสอบฟีเจอร์ใหม่ ๆ และเพิ่มความเสถียรของแอปพลิเคชันต่าง ๆ บนสมาร์ตโฟน ตลอดจน Android 15 ยังช่วยยกระดับด้านความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของอุปกรณ์มากขึ้น เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานที่ดีที่สุดและมีประสิทธิภาพมากที่สุด
อัปเกรดด้านความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยให้รัดกุมยิ่งขึ้น
สำหรับ Android 15 ผู้ใช้สามารถปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลของตนได้ด้วยการควบคุมที่ดีที่สุดในสภาพแวดล้อมของอุปกรณ์ที่ปลอดภัยยิ่งขึ้น ด้วยการนำเสนอแซนด์บ็อกซ์ SDK ซึ่งอนุญาตให้บริการต่าง ๆ เช่น การโฆษณาทำงานในแซนด์บ็อกซ์, ป้องกันไม่ให้แอปฯ ต่าง ๆ เก็บข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้ นอกจากนี้ยังปรับปรุงประสบการณ์ด้านความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น โดย Android 15 ยังมาพร้อมกับ Privacy Indicator ที่ได้รับการปรับปรุงพร้อมพอร์ทัลการจัดการสิทธิ์ใหม่ที่ช่วยให้ผู้ใช้ทราบถึงสถานะการคุ้มครองความเป็นส่วนตัวของตนมากขึ้น เมื่อจัดการและเรียกใช้สิทธิ์สำหรับคุณสมบัติต่าง ๆ เช่น กล้องหรือไมโครโฟน
การเพิ่มเสถียรภาพและการจัดสรรพลังงานที่ดียิ่งขึ้น
Android 15 ยังได้มีการปรับแต่ง Android Dynamic Performance Framework (ADPF) ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานในการเปิดแอปพลิเคชันที่ต้องใช้พลังงานมาก อาทิ แอปพลิเคชันเกม การโต้ตอบกับระบบพลังงานของอุปกรณ์ รวมถึงช่วยให้อุปกรณ์ตอบสนองต่อความต้องการบน GPU, CPU และระบบระบายความร้อนได้ดียิ่งขึ้น ตลอดจนช่วยให้แอปฯ ที่ทำงานค้างอยู่เบื้องหลังเป็นเวลานานสามารถจัดการพลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ Android 15 ยังเพิ่มประสิทธิภาพฟีเจอร์ส่วนบุคคล เช่น สำหรับการถ่ายภาพผ่านแอปพลิเคชันของโซเชียลมีเดีย ซึ่งกล้องในแอปฯ สามารถควบคุมความเข้มของแสงจากแฟลชได้ อีกทั้งนักพัฒนาซอฟต์แวร์ยังสามารถใช้ Android API รวมถึงเครื่องมือและทรัพยากรที่ Google มอบให้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งานในสถานการณ์ต่าง ๆ ของผู้ใช้ที่เป็นส่วนตัวมากขึ้น
HONOR Magic6 Pro และ HONOR Magic V2 สามารถอัปเดต Android 15 Beta 1 ได้แล้ว โดย HONOR Magic6 Pro มีจุดเด่นในด้านกล้อง Falcon Camera ที่น่าทึ่ง รวมถึงความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีการประมวลผลของ MagicLM บนเครื่องโดยตรง และประสบการณ์ด้าน Intent-based AI ที่สมบูรณ์แบบ ซึ่งเป็นตัวแทนของกลุ่มอุปกรณ์อัจฉริยะที่สร้างสรรค์ขึ้นในอุตสาหกรรม AI สำหรับ HONOR Magic V2 สามารถก้าวข้ามขีดจำกัดมาตรฐานของสมาร์ตโฟนแบบพับได้ และเป็นครั้งแรกที่ความหนาของสมาร์ตโฟนแบบพับได้มีความหนาไม่เกิน 10 มิลลิเมตร ซึ่งถือได้ว่าเป็นสมาร์ตโฟนแบบพับได้ที่เบาและบางที่สุดในโลก นอกจากนี้ สมาร์ตโฟนทั้งสองรุ่นยังรับประกันการอัปเดตซอฟต์แวร์ระบบปฏิบัติการ MagicOS หลัก 4 รายการบนอุปกรณ์ รวมถึงการอัปเดตความปลอดภัย 5 ปี สำหรับผู้ใช้ทั่วโลกด้วย
HONOR ให้การสนับสนุนนักพัฒนาอย่างเต็มที่ในการพัฒนาและเพิ่มประสิทธิภาพแอปพลิเคชันของตนให้เข้ากับระบบปฏิบัติการ Android และมอบประสบการณ์การใช้งานที่ดีที่สุดสำหรับผู้ใช้งาน โดย Android 15 Beta 1 พร้อมให้นักพัฒนาทดลองใช้แล้ววันนี้ เพื่อปรับปรุงความเสถียรและการพัฒนาแอปพลิเคชันสำหรับ Android เวอร์ชันถัดไป โดย HONOR จะยังคงเดินหน้าพัฒนาการอัปเดตครั้งใหม่เพื่อให้เป็น Android 15 Beta ต่อไป
Android 15 Beta เปิดให้ทดสอบได้แล้ววันนี้! ผู้ที่สนใจสามารถลงทะเบียนร่วมทดลองใช้งาน* ได้ที่ https://developer.honor.com/.../guides/android_15_beta_guide และซื้อสมาร์ตโฟน HONOR Magic6 Pro และ HONOR Magic V2 ได้แล้ววันนี้ ที่ HONOR Experience Store ทุกสาขา และร้านตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ https://www.hihonor.com/th หรือติดตามข่าวสารและกิจกรรมได้ที่เฟซบุ๊ก HONOR Thailand
“เอ็น.ซี.ซี.” ร่วมกับ “ททท.” เปิด 3 งานใหญ่ “Thailand Golf & Dive Expo plus OUTDOOR Fest 2024” เอาใจสายเที่ยวไลฟ์สไตล์ เจาะกลุ่มนักท่องเที่ยวกำลังซื้อสูง คาดมีผู้เข้าชมงานไม่น้อยกว่า 55,000 คน เกิดเงินสะพัดในงานกว่า 200 ล้านบาท เชื่อทั้ง 3 งานจะช่วยขยายฐานนักท่องเที่ยวคุณภาพทั้งไทยและต่างชาติมากยิ่งขึ้น ดันธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องขยายตัวตามไปด้วย

นายสุรพล อุทินทุ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็น.ซี.ซี. แมนเนจเม้นท์ แอนด์ ดิเวลลอปเม้นท์ จำกัด กล่าวว่า การจัดงานทั้ง 3 งานในครั้งนี้จัดขึ้นจากการที่มองเห็นว่าประเทศไทยมีศักยภาพทางการท่องเที่ยว และเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวที่สำคัญของโลก ส่งผลให้มีกิจกรรมการท่องเที่ยวที่หลากหลาย และกระจายไปทุกตลาดการท่องเที่ยว โดยหนึ่งในตลาดเฉพาะทาง (Niche Market) ที่เติบโตในระดับสูง คือ การท่องเที่ยวกลางแจ้งทั้งการเล่นกอล์ฟ การดำน้ำ และกิจกรรมท่องเที่ยวและกีฬากลางแจ้ง ที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยนักท่องเที่ยวทั้ง 3 กลุ่มนี้ ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในนักท่องเที่ยว ที่มียอดการใช้จ่ายต่อหัวสูง และมีระยะเวลาการท่องเที่ยวที่ค่อนข้างยาวกว่านักท่องเที่ยวทั่วไป “เอ็น.ซี.ซี.” จึงได้ร่วมมือกับพันธมิตรทั้งภาครัฐ และเอกชนทั้งในและต่างประเทศจัดงาน “Thailand Golf & Dive Expo plus OUTDOOR Fest 2024” งานแสดงสินค้าด้านการท่องเที่ยวที่เป็นการรวม 3 งานแสดงสินค้าที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ของการท่องเที่ยว ทั้งด้านกีฬากอล์ฟ ดำน้ำ และท่องเที่ยวแนวกิจกรรมกลางแจ้ง จัดขึ้นระหว่างวันที่ 16-19 พฤษภาคม 2567 เวลา 11.00-20.00 น. ณ ฮอลล์ 5-6 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

ภายในงานจะมีผู้ประกอบการเข้าร่วมงานมากกว่า 500 บูธ ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีก่อนประมาณ 25% ในจำนวนนี้เป็นผู้ประกอบการต่างชาติประมาณ 20% สำหรับการจัดงานครั้งนี้ ได้มีแบรนด์ดังเข้ามาร่วมเป็นจำนวนมาก พร้อมจัดโปรโมชั่นพิเศษที่มีส่วนลดสูงถึง 80% และมีกิจกรรมต่างๆ ให้เข้าร่วมมากมาย
“การจัดงานทั้ง 3 งานนี้ คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวและผู้สนใจทั่วไปเข้ามาร่วมงานตลอดทั้ง 4 วันนี้ไม่น้อยกว่า 55,000 คน และมียอดซื้อขายภายในงานและต่อเนื่องไปในอุตสาหกรรมนี้กว่า 200 ล้านบาท โดยงานนี้นับเป็นหนึ่งในกลไกส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศ และขับเคลื่อนการเติบโตของเศรษฐกิจไทยได้เป็นอย่างดี” นายสุรพล

งาน "Thailand Dive Expo :TDEX" มหกรรมธุรกิจท่องเที่ยวดำน้ำครบวงจร มีสินค้าและบริการเกี่ยวกับการท่องเที่ยวดำน้ำ ตั้งแต่คอร์สเรียนไปจนถึงทริปดำน้ำทั้งในและต่างประเทศ จากสถาบันสอนดำน้ำที่ได้มาตรฐาน รีสอร์ตใกล้แหล่งดำน้ำ อุปกรณ์ดำน้ำ อุปกรณ์เสริมแบรนด์ดังและสุดยอดอุปกรณ์ดำน้ำจากแบรนด์ชั้นนำ กล้องถ่ายภาพและวีดิโอใต้น้ำพร้อมคำแนะนำจากมืออาชีพ ในราคาโปรโมชั่นสุดพิเศษ มาจัดแสดงกว่า 285 บูธ นอกจากนี้ ยังมีการเสวนา “TDEX Diver’s Talk” ในหัวข้อที่น่าสนใจ เช่น เทคนิคการถ่ายภาพใต้น้ำ การดำน้ำกับวาฬออร์กา ฯลฯ นิทรรศการภาพถ่ายใต้น้ำจากการประกวด “TDEX Underwater Photo Contest ครั้งที่ 17” และคลิปวีดิโอใต้น้ำจากการประกวด “TDEX Underwater Moment VDO Contest” ซึ่งจัดขึ้นเป็นปีแรก อีกทั้งปีนี้เป็นการฉลองครบรอบ 20 ปี ของการจัดงาน Thailand Dive Expo จึงได้จัดทำของที่ระลึกสุดพิเศษ Limited Edition 3 รูปแบบ ได้แก่ “Aroma Book กลิ่น Aqua de TDEX” สำหรับผู้ที่ซื้อสินค้าภายในงานครบ 25,000 บาท (จำนวนจำกัด ตามเงื่อนไขที่กำหนด) เซทผ้าปิดตา “TDEX Eyerest & Escape Set” และตุ๊กตาผ้าห่มสีสันสดใส “TDEX Box Fish” มาจำหน่ายภายในงาน โดยรายได้ส่วนหนึ่งนำไปมอบให้กับมูลนิธิเพื่อการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ สำหรับผู้เข้าชมงานทั้ง 3 งาน จะได้รับสิทธิ์ลุ้นของรางวัลต่าง ๆ อาทิ คอร์สเรียนดำน้ำขั้นพื้นฐาน ขั้นแอดวานซ์ และฟรีไดวิ่ง, อุปกรณ์ดำน้ำแบรนด์ดัง, Gadget นักดำน้ำ และรางวัลอีกมากมาย พร้อมชิมกาแฟหอมกรุ่นสูตรพิเศษจาก Nespresso (จำนวนจำกัดต่อวัน)

งาน "Thailand Golf Expo 2024" งานมหกรรมท่องเที่ยวเชิงกีฬากอล์ฟ ซึ่งจัดต่อเนื่องมาเป็นปีที่ 10 ได้รวบรวมผู้ประกอบการชั้นแนวหน้าเข้ามานำเสนอแพ็กเกจกรีนฟีสนามกอล์ฟ การจำหน่ายอุปกรณ์กอล์ฟ อุปกรณ์เสริม ชุดกีฬากอล์ฟหลากหลายแบรนด์ดัง ภายในงานได้จัดกิจกรรมแข่งขันพัตต์กอล์ฟ “1 พัตต์ 1 แสน” ซึ่งเป็นกิจกรรมไฮไลต์และได้รับความสนใจจากผู้เข้าร่วมงานเป็นอย่างมาก และกิจกรรม “Swing Quick Fix” กับเครื่อง Golf Simulator ที่จะช่วยนักกอล์ฟปรับวงสวิงให้ตีกอล์ฟได้ดีขึ้น ทั้งนี้ประเทศไทยมีจำนวนสนามกอล์ฟอยู่ประมาณ 200 กว่าแห่งทั่วประเทศ แบ่งเป็นสนามกอล์ฟของภาคเอกชนที่เปิดให้บริการเชิงพาณิชย์ประมาณ 160 แห่ง อีก 40 แห่งเป็นสนามกอล์ฟของหน่วยงาน ราชการและรัฐวิสาหกิจ ซึ่งสนามกอล์ฟของประเทศไทย เป็นที่สนใจของนักท่องเที่ยวต่างชาติ เนื่องจากราคาค่าบริการสนามกอล์ฟในประเทศไทยมีราคาที่ถูกกว่าในหลายประเทศ อีกทั้งการให้บริการของสนามกอล์ฟมีคุณภาพและได้มาตรฐาน จึงเป็นที่ดึงดูดให้นักกอล์ฟชาวต่างชาติเดินทางเข้ามาเล่นกอล์ฟกันมากขึ้น

งาน "Outdoor Fest 2024" งานมหกรรมท่องเที่ยวเชิงไลฟ์สไตล์กลางแจ้ง จัดต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 5 โดยได้ขยายการจัดงานออกมาเพื่อตอบโจทย์ผู้ที่ชื่นชอบการท่องเที่ยวกลางแจ้ง ทั้งทางบก น้ำ และอากาศ โดยได้รวบรวมผู้ประกอบการชั้นนำจากไทยและต่างประเทศ ยกขบวนเข้ามาจำหน่ายอุปกรณ์แคมป์ปิ้ง เดินป่า โดรน SUP Board Surfboard เจ็ทสกี คายัค ที่พักรีสอร์ต รวมถึงแพ็กเกจกิจกรรมท่องเที่ยวเชิงผจญภัยและกิจกรรมกลางแจ้งมาไว้ในงานครั้งนี้ โดยกิจกรรมการท่องเที่ยวกลางแจ้ง การผจญภัย การท่องเที่ยวทางเลือก และการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นมาก และตลาดการท่องเที่ยวกลุ่มนี้ได้มีการเปลี่ยนแปลงตามความก้าวหน้าของตลาดในด้านเทคโนโลยี และการโฆษณา จึงทำให้การท่องเที่ยวกลุ่มนี้มีความเปลี่ยนแปลงตามความต้องการของตลาดที่รวดเร็ว ทำให้ในการจัดงาน Outdoor Fest 2024 ในครั้งนี้ จะเป็นโอกาสสำคัญที่เปิดให้นักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบการท่องเที่ยวกลางแจ้ง ได้เลือกซื้อสินค้าในเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด พร้อมด้วยข้อเสนอดีที่สุดของกลุ่มสินค้าที่หลากหลาย รวมทั้งการสัมผัสประสบการณ์กิจกรรมผจญภัย และอื่นๆ อีกมากมาย เช่น เสวนาบนเวทีกับกูรูกาแฟแนวแคมป์ปิ้ง และร่วมลุ้นโชคที่จะแจกรางวัลมากมายภายในงาน และยังมีกิจกรรมในงาน ได้แก่ โซนคอมมูนิตี้คอกาแฟ Caff ‘n Camp (คาฟ แอนด์ แคมป์), โดมดูดาวและดวงจันทร์จำลอง จากสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (NARIT) และโปรโมชั่นกับบัตร KTC และ Central รับ cash back, e-Coupon และของสมนาคุณในงานมากมาย

ด้านนางสาวสมฤดี จิตรจง รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ททท. ได้ให้การสนับสนุนบริษัท เอ็น.ซี.ซี.ฯ ในการจัดงาน Thailand Golf & Dive Expo plus Outdoor Fest มาอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอกย้ำความพร้อมและศักยภาพของสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยวของประเทศไทย ซึ่งจะเป็นการกระตุ้นให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยว สร้างรายได้ให้กับผู้ประกอบการท่องเที่ยวที่เกิดจากการซื้อขายแพ็กเกจท่องเที่ยว อุปกรณ์ต่าง ๆ อีกทั้งยังช่วยกระจายรายได้ลงสู่ชุมชนท้องถิ่นในพื้นที่ใกล้เคียง พร้อมทั้งได้สนับสนุนให้มีการสอดแทรกแนวคิดความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมแก่นักท่องเที่ยว เพื่อให้เกิดความยั่งยืนในระยะยาวด้วย เชื่อว่าการจัดงานในครั้งนี้จะสามารถสร้างมูลค่าทางการท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดี สร้างรายได้ให้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวไม่ต่ำกว่า 200 ล้านบาท
ทั้งนี้ ททท. ยังคงมุ่งเน้นส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองรอง ส่งเสริมการท่องเที่ยววันธรรมดา และจัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวเพื่อกระตุ้นให้ เกิดการเดินทางท่องเที่ยวภายใต้แนวคิด 365 วัน มหัศจรรย์เมืองไทยเที่ยวได้ทุกวัน ผ่าน Soft Power ประเทศไทย โดยให้ความสำคัญกับการท่องเที่ยวเชิงคุณภาพอย่างยั่งยืน จึงมุ่งเน้นสร้างการรับรู้และนำเสนอสินค้าทางการท่องเที่ยว ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์กับกลุ่มนักท่องเที่ยวคุณภาพ โดยเฉพาะกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีความสนใจเฉพาะ อาทิ กิจกรรมทางน้ำ แคมป์ปิ้ง และกิจกรรมกอล์ฟ ที่ได้รับความนิยมจากทั้งนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติ

มหกรรมแสดงสินค้าและบริการด้านการท่องเที่ยวเชิงไลฟ์สไตล์ “Thailand Golf & Dive Expo plus OUTDOOR Fest 2024” จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 16-19 พฤษภาคม 2567 เวลา 11.00-20.00 น. ณ ฮอลล์ 5-6 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ผู้สนใจเข้าชมงานสามารถติดตามความเคลื่อนไหวกิจกรรมดำน้ำได้ทาง Facebook: Thailand Dive Expo (TDEX) หรือ www.ThailandDiveExpo.com กิจกรรมกีฬากอล์ฟ ติดตามดูรายละเอียดได้ทาง Facebook: Thailand Golf Expo หรือ www.ThailandGolfExpo.com กิจกรรมท่องเที่ยวกลางแจ้ง Outdoor Fest ติดตามดูรายละเอียดได้ทาง Facebook: Traveler & Outdoor Expo หรือ www.traveloutdoorexpo.com
พิเศษสำหรับลูกเพจ MatchLink ลงทะเบียน คลิก >>> https://bit.ly/MatchLink_UOBBiz.
เปิดบัญชีออมทรัพย์ "UOB BizSuper" เพื่อผู้ประกอบการ SME
- รับดอกเบี้ยเงินฝาก 1% ต่อปี
- ไม่มีค่าธรรมเนียมจ่ายเงินเดือนพนักงาน (Payroll)
- ไม่มีค่าธรรมเนียมโอนเงินระหว่างบัญชีธนาคารยูโอบี
- ไม่มีค่าธรรมเนียมโอนเงินระหว่างธนาคารแบบส่งรายการภายในวัน (สำหรับยอดการโอนตั้งแต่ 1 บาท จนถึง 500,000 บาทแรก)
- ไม่มีค่าธรรมเนียมผูกคู่โอนอัตโนมัติ (Fund Sweeping) ระหว่างบัญชีออมทรัพย์ BizSuper และบัญชีกระแสรายวัน BizSuper
- ไม่มีค่าธรรมเนียม UOB eAlerts! บริการแจ้งเตือนความเคลื่อนไหวของบัญชีผ่านทางอีเมล
- ไม่มีค่าบริการสำหรับสมุดเช็คเดือนละ 1 เล่ม และส่วนลด 50% สำหรับเล่มถัดไป
*รายละเอียดและเงื่อนไขเป็นไปตามที่ธนาคารกำหนด
บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ “ซีพีเอฟ” รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 1 ปี 2567 จำนวน 1,152 ล้านบาท เติบโต 142% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีปัจจัยหลักมาจากราคาเนื้อสัตว์ในภูมิภาคเอเชียที่ปรับตัวดีขึ้นจากระดับในปีที่ผ่านมา ประกอบกับประสิทธิภาพในการผลิตที่มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องทำให้ต้นทุนในการเลี้ยงสัตว์ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน
นายประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐ ประธานคณะผู้บริหาร ซีพีเอฟ กล่าวถึงผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นนี้ว่า ปีที่ผ่านมาเป็นปีที่บริษัทผ่านความท้าทายมากมายไม่ว่าจะเป็นต้นทุนที่เพิ่มขึ้น และภาวะสินค้าล้นตลาดของปริมาณเนื้อสัตว์ในหลายประเทศจากกำลังซื้อที่ไม่ดีขึ้นตามคาด ซึ่งทำให้บริษัทให้ความสำคัญเรื่องประสิทธิภาพและระมัดระวังในการลงทุนมาอย่างต่อเนื่อง มีการตัดจำหน่ายทรัพย์สินบางส่วนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานให้ดีขึ้น รวมถึงการวิจัย พัฒนา สร้างสรรค์นวัตกรรมและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์ของบริษัท เพื่อตอบโจทย์ตามความต้องการของผู้บริโภค รวมถึงประเภทสินค้าอาหารสุขภาพที่เน้นด้านโภชนาการที่ดี พร้อมทั้งปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ทางด้านการตลาด การขาย และช่องทางจัดจำหน่ายให้สอดคล้องกับสภาวะของตลาดและพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป
ผลการดำเนินงานในไตรมาสที่ 1 ปีนี้ ปรับตัวดีขึ้นถึง 142% โดยเฉพาะอย่างยิ่งธุรกิจในประเทศเวียดนามและกัมพูชา จากการขยายช่องทางในการขาย และระดับราคาสุกรที่เพิ่มขึ้น นอกจากนั้น บริษัทยังมีส่วนได้ในกำไรของบริษัทร่วมและการร่วมค้าที่ดีขึ้นจากผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นของ CPALL และธุรกิจสุกรในประเทศจีน และคาดว่าในช่วงที่เหลือของปี 2567 ผลการดำเนินงานของซีพีเอฟจะดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง
นายชูรัตน์ จึงธนสมบูรณ์ กรรมการผู้จัดการ (ที่ 6 จากขวา) นางสาวมธุชา จึงธนสมบูรณ์ รองกรรมการผู้จัดการสายงานการจัดการ (ที่ 5 จากขวา) ผศ.ดร.ศิริรักษ์ ขาวไชยมหา รองกรรมการผู้จัดการสายงานบัญชีและการเงิน (ที่ 4 จากขวา) บริษัท ชูวิทย์ฟาร์ม (2019) จำกัด (มหาชน) หรือ CFARM พร้อมด้วยคณะกรรมการบริษัท และ ดร.สมภพ ศักดิ์พันธ์พนม (ที่ 2 จากซ้าย) ประธานกรรมการ นายสุริยา ธรรมธีระ (ที่ 3 จากซ้าย) รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด (APM) ที่ปรึกษาทางการเงิน นางสาวออมสิน ศิริ (ที่ 3 จากขวา) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ บียอนด์ จำกัด (มหาชน) นายโยธิน วิริเยนะวัตร์ (ที่ 2 จากขวา) กรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) แกนนำการจัดจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุน ร่วมนำเสนอข้อมูลรายละเอียดหลักทรัพย์แก่นักลงทุน จ.เชียงใหม่ เป็นจังหวัดที่ 4 โดย CFARM มีแผนเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO)จำนวน 149 ล้านหุ้นและเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ณ โรงแรมดิเอ็มเพรส เมื่อเร็วๆ นี้
ทรู คอร์ปอเรชั่น ร่วมขับเคลื่อนอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทย ชูแคมเปญ “ทรูทั่วไทย” ทั่วไทย ทั่วถึง ทุกคน : เช็คสัญญาณถึงที่ 4 ภาคทั่วไทย เช็คอินความสุขให้คนไทย เช็คสปีดเน็ตไม่สะดุด ชัวร์ทุกพื้นที่ นำคณะผู้บริหารเยือนขอนแก่นตรวจสอบคุณภาพสัญญาณทรู 5G ให้ดีที่สุด ทั่วภาคอีสาน ชูความโดดเด่นเน็ตเวิร์คคุณภาพ รองรับการท่องเที่ยว ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทุกจุดท่องเที่ยวอันซีนต้องไม่อันสัญญาณ สร้างประสบการณ์ระดับเวิลด์คลาสเพื่อลูกค้าทั้งทรูและดีแทค นักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติ พร้อมคัดสรรสินค้าบริการ และสิทธิพิเศษ เพื่อรักษาฐานลูกค้า สร้างความแตกต่าง และตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์นักท่องเที่ยวยุคดิจิทัลอย่างครบครัน
ขยายเน็ตเวิร์ค ยกระดับเครือข่ายทรู 5G ให้ความเร็วสูงสุดเพิ่มมากขึ้นเป็น 2 เท่า รองรับการเติบโตของเศรษฐกิจ อุตสาหกรรม และการท่องเที่ยวภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

นายประเทศ ตันกุรานันท์ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านเทคโนโลยี บมจ. ทรูคอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า “ทรู คอร์ปอเรชั่น พร้อมให้ความมั่นใจกับคนไทย และนักท่องที่ยวทุกคน ว่า ทรู 5G เป็นเครือข่ายที่ดีที่สุด โดยเฉพาะภายหลังการรวมกัน ทำให้มีเสาสัญญาณเพิ่มมากขึ้น คลื่นความถี่เพิ่มมากขึ้น ความครอบคลุมกว้างไกลยิ่งขึ้น ทีมงานวิศวกรผู้เชี่ยวชาญทั้งในประเทศและระดับโลกที่ผ่านมากขึ้น รวมทั้งการนำ AI เข้ามาเสริมศักยภาพเครือข่ายให้อัจฉริยะยิ่งขึ้น อีกทั้งยังเดินหน้ายกระดับเครือข่ายทรู 5G ให้ทันสมัยยิ่งขึ้น (Network Modernization) ทยอยอัปเกรดเสาสัญญาณทั่วประเทศมาตั้งแต่ปลายปี 2566 นำร่องไปแล้วหลายพื้นที่ทั่วประเทศไทย โดยเฉพาะเมืองที่เป็นสมาร์ท ซิตี้อย่าง ขอนแก่น เชียงใหม่ นครราชสีมา ภูเก็ต และสงขลา ตลอจนโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) อีกด้วย ซึ่งได้ผลเป็นที่น่าพอใจมากคือคุณภาพสัญญาณและความเร็วสูงสุดในการใช้งานบนมือถือ ทั้ง 5G และ 4G เพิ่มมากขึ้นเป็น 2 เท่า ซึ่งจะเสริมศักยภาพการใช้งานเน็ตในทุกจุดท่องเที่ยวให้ได้รับประสบการณ์ระดับเวิล์คลาสได้อย่างแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้นยังมีการนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) และ Machine Learning มาใช้ตรวจดูการใช้สัญญาณ ทำให้เรารู้ถึงปริมาณการใช้งานในแต่ละพื้นที่ โดยเฉพาะแหล่งท่องเที่ยว หรือช่วงเทศกาลที่มีคนใช้งานเยอะ และแก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็วหากเกิดกรณีฉุกเฉิน เพื่อยกระดับประสบการณ์ของลูกค้าให้ดีที่สุด จากข้อมูล* พบว่า อัตราการใช้งานดาต้าเฉลี่ยทั่วประเทศ15.59 % ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 13.14 % จึงทำให้ทีมเร่งขยายเน็ตเวิร์ค ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เพื่อรองรับการท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้น ทั้งนี้การันตีจากสถาบันทดสอบคุณภาพระดับโลก nPerf ฝรั่งเศสกับรางวัลเครือข่ายที่ดีที่สุด 8 ปีซ้อน
รักษาฐานลูกค้า สร้างความแตกต่างและเติมเต็มความสุขทุกไลฟ์สไตล์

นายฐานพล มานะวุฒิเวช หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านการตลาด บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า “ด้วยพันธกิจของทรู คอร์ปอเรชั่น ตั้งแต่ไตรมาส 2 ไปจนถึงสิ้นปีนี้ เป้าหมายหลักคือ ดูแลลูกค้าคนสำคัญด้วยการมุ่งสร้างประสบการณ์ระดับเวิล์ดคลาส ด้วยกลยุทธ์หลัก 5 ด้าน 1. เครือข่ายคุณภาพที่ดีที่สุด 2. การให้บริการและดูแลลูกค้าด้วยหัวใจ ทั้งหน้าช็อป และ Call Center 3. เติมเต็มด้านสิทธิประโยชน์ และสิทธิพิเศษให้ลูกค้า ทั้งอิ่ม ช้อป เพลิน กับพาร์ทเนอร์ชั้นนำ 4. ตอบรับวิถีดิจิทัลด้วยการเพิ่มประสิทธิภาพช่องทางดิจิทัล ไม่ว่าจะเป็น แอปไอเซอร์วิส แอปดีแทค “มะลิ AI” เพื่อให้ลูกค้าสามารถเช็คข้อมูลการใช้งานได้ง่ายๆด้วยตัวเอง และ 5. สร้างความแตกต่างให้ลูกค้ารู้สึกว่า ใช้บริการทรู คุ้มค่าที่สุด สามารถรับชมความบันเทิงระดับโลก ทั้งพรีเมียร์ลีก หนังดัง ซีรีส์ฮิต และแอปดัง ทั้งนี้ เพื่อเป็นการตอกย้ำความพร้อมด้านเครือข่ายคุณภาพของทรู จึงเป็นที่มาของแคมเปญ “ทรูทั่วไทย” ที่จะนำคณะผู้บริหารเดินทางไป 4 ภาคทั่วประเทศตลอดทั้งปี 2567 เพื่อร่วมพิสูจน์สัญญาณทรู 5G เช็คสปีดเน็ตทุกพื้นที่ และยกระดับประสบการณ์ใช้งานอินเทอร์เน็ต ทั่วไทย ทั่วถึง ทุกคน ทุกพื้นที่ ทั้งในเมืองหลวง เมืองหลักและเมืองรอง โดยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มาที่จังหวัดขอนแก่น เน้นแลนด์มาร์ค และสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญๆ ของจังหวัด ตลอดจนสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง เช่น ศาลหลักเมืองขอนแก่น บึงแก่นนคร พระมหาธาตุแก่นนคร วัดหนองแวง ตำบลในเมือง อำเภอเมืองขอนแก่น จังหวัดขอนแก่น วัดเก่าแก่ดั้งเดิมของขอนแก่น มีอายุมากว่า 200 ปี นอกจากนี้ เพื่อให้ลูกค้ามั่นใจได้ว่าจะสัมผัสกับประสบการณ์ระดับเวิลด์คลาส พร้อมทั้งจัดเตรียมแพ็กเกจที่ดีที่สุดและได้รับความนิยมสูงจากพี่น้องชาวภาคตะวันออกเฉียงเหนือ”

หมายเหตุ :
*ข้อมูล YoY เดือนกุมภาพันธ์ 2566 : กุมภาพันธ์ 2567
เซอร์ไพรส์สุดฟินนอกจากความรักชวนลุ้นของคู่พระ-นางคือการปรากฏตัวของ “เถ้าแก่น้อย” สาหร่ายม้วนย่างขวัญใจชาวไทยใน “Wedding Impossible” ซีรีส์โรแมนติกคอมเมดี้ยอดนิยม สร้างจากการ์ตูนสุดฮิตในเว็บตูนและกำลังออกอากาศในกว่า 103 ประเทศบนแพลตฟอร์มคุณภาพอย่าง Prime Video

Wedding Impossible รับประกันความสนุกโดย CJ ENM บริษัทผลิตซีรีส์อันดับหนึ่งของเกาหลีที่กวาดเรตติ้งถล่มทลายทุกเรื่อง จนไม่เหลือที่ให้กังขาเลยว่า Wedding Impossible ต้องเป็นที่นิยมไปทั่วโลกด้วยพลอตเรื่องชวนลุ้นและพระนางน่ารักน่าหยิก อีกทั้งยังเพิ่มรสชาติจัดจ้านด้วยเถ้าแก่น้อย สาหร่ายม้วนย่างจากประเทศไทยที่กลายเป็นขนมขบเคี้ยวของโปรดของกองนักแสดงทั้งในจอและนอกจอ
แถมไม่ได้โผล่มาเป็น tie-in แค่แว่บเดียวจนอ่านชื่อแบรนด์ไม่ทัน แต่ได้แอร์ไทม์เกินหน้าตัวประกอบ เมื่อ มุน ซางมิน และจวน จาง ซอน พระเอกและนางเอกของเรื่องต่างพร้อมใจกันจอยสาหร่ายม้วนย่างเถ้าแก่น้อยกันแบบฉ่ำทั้งจากรถฟู้ดทรัคที่ส่งไปกองถ่ายของนางเอก และซื้อจากร้านเพื่อเอามากินแกล้มกับโซจู มุน ซาง มินและจวน จาง ซอนพระเอกและนางเอกของ Wedding Impossible ต่างเป็นนักแสดงดาวรุ่งพุ่งแรงของวงการบันเทิงเกาหลี มีสินค้าไม่กี่ตัวเท่านั้นจะได้โอกาสผ่านมือของทั้งสองที่จะรับประกัน “ความสนใจ” จากผู้ชมกว่าร้อยล้านคนทั่วโลก

ความสำเร็จยิ่งใหญ่นี้จึงถือเป็นการประกาศศักดาของเถ้าแก่น้อยในฐานะผู้เล่นหลักของอุตสาหกรรมขนมขบเคี้ยว การได้แอร์ไทม์ในฉากสำคัญของตัวเอกในซีรีส์ที่โด่งดังไปทั่วโลกอย่าง Wedding Impossible ยิ่งตอกย้ำความนิยมของเถ้าแก่น้อยที่ไม่ได้จำกัดเฉพาะในประเทศไทยอีกต่อไป
การปรากฏตัวของเถ้าแก่น้อยในเส้นเรื่องของซีรีส์ไม่เพียงแต่เป็นกลยุทธ์การตลาดที่มีประสิทธิภาพ แต่ยังสะท้อนให้เห็นบทบาทของเถ้าแก่น้อยในฐานะทูตวัฒนธรรมของอาหารไทยในเวทีโลก และยังเป็นซอฟท์พาวเวอร์สำคัญในการกระตุ้นให้คนทั่วโลกหันมาสนใจและอยากลิ้มลองอาหารไทยมากขึ้น

เช่นเดียวกับที่ซีรีส์ “Wedding impossible” กำลังสะกดผู้ชมทั่วโลก เถ้าแก่น้อย แบรนด์แห่งความภูมิใจของคนไทยกำลังดึงดูดผู้ชมให้กลายมาเป็นนักชิม เพื่อมาลิ้มลองเสน่ห์รสชาติอาหารไทยซึ่งโด่งดังข้ามพรมแดนเป็นที่โปรดปรานของคนทุกชาติทุกวัฒนธรรม
บิ๊กซี จับมือกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ และกลุ่มเกษตรกร วิสาหกิจชุมชน จัดงาน “เทศกาลผลไม้ไทย สดจากสวน สู่บิ๊กซี ปี 2567” คัดสรรผลไม้สดและผัก ส่งตรงจากสวนสู่ผู้บริโภค พร้อมจัด ‘บุฟเฟ่ต์ทุเรียนและผลไม้ไทย อิ่มไม่อั้น’ ในราคาสุดคุ้ม สมาชิกบิ๊กพอยต์เพียง 599 บาทตั้งแต่วันนี้ – 19 พฤษภาคม 2567 ที่บิ๊กซีสาขารัชดาภิเษก และบิ๊กซี 9 สาขา ที่ร่วมรายการ
นายอัศวิน เตชะเจริญวิกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) ห้างค้าปลีกในกลุ่มบีเจซี และคณะผู้บริหาร ให้การต้อนรับ นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ประธานในพิธีเปิดงาน “เทศกาลผลไม้ไทย สดจากสวน สู่บิ๊กซี ปี 2567” เพื่อส่งเสริมผลผลิตกลุ่มผลไม้ไทยในฤดูกาล ช่วยยกระดับประเทศไทยสู่การเป็นเมืองหลวงผลไม้โลก และบิ๊กซีสนับสนุนการรับซื้อผลผลิตจากเกษตรกร พร้อมเป็นช่องทางกระจายผลผลิตผลไม้ไทยคุณภาพดีราคาประหยัดสู่ผู้บริโภค อาทิ ทุเรียนหมอนทอง ราชาผลไม้ไทย, มังคุด ราชินีผลไม้ไทย,เงาะ, ลองกองและลิ้นจี่ ที่บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ กว่า 200 สาขาทั่วประเทศ ตั้งแต่วันนี้ถึง 26 มิ.ย. 2567 พร้อมจัดกิจกรรมเอาใจสาวกทุเรียนและผลไม้ไทย กับ ‘บุฟเฟ่ต์ทุเรียนและผลไม้ไทย อิ่มไม่อั้น’ พิเศษสำหรับสมาชิกบิ๊กพอยต์ในราคาพิเศษ 599 บาท/ท่าน (จากราคาปกติ 699 บาท/ท่าน) ระหว่างวันที่ 15 – 19 พฤษภาคม 2567 ที่บิ๊กซี เพลส สาขารัชดาภิเษก และวันที่ 17 – 19 พฤษภาคม ที่บิ๊กซี 9 สาขา (เมกาบางนา, แฟชั่นไอส์แลนด์, ลาดพร้าว2, ติวานนท์, รังสิต 1, สุขสวัสดิ์, พระราม2-1, บางพลี, บิ๊กซี ฟู้ดเพลส เอเชียทีค)
นายอัศวิน กล่าวว่า “บิ๊กซี คัดสรรสุดยอดผลไม้ตามฤดูกาลและผักที่ส่งตรงจากสวนมาให้ลูกค้าได้เลือกซื้อในราคาคุ้มค่า รวมไว้ในงาน “เทศกาลผลไม้ไทย สดจากสวน สู่บิ๊กซี ปี 2567” พร้อมจัดกิจกรรม ‘บุฟเฟ่ต์ทุเรียนและผลไม้ไทย อิ่มไม่อั้น’ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติที่ชื่นชอบทุเรียนซึ่งเป็นราชาของผลไม้ไทย ทั้งนี้เพื่อรองรับผลผลิตผลไม้ตามฤดูกาลและทุเรียนในภาคตะวันออกของไทย ที่ออกสู่ตลาดเป็นจำนวนมากในช่วงเดือนพฤษภาคม – มิถุนายน”
นายวัฒนศักย์ กล่าวว่า “บิ๊กซี ได้ให้การสนับสนุนภาครัฐและเกษตรกรมาโดยตลอด สำหรับครั้งนี้ก็ เช่นกัน บิ๊กซีเป็นส่วนสำคัญที่สามารถช่วยกระจายผลผลิตออกสู่ตลาดเป็นจำนวนมาก ในส่วนของผลไม้ไทยในปีนี้ รัฐบาลและกระทรวงพาณิชย์ โดยกรมการค้าภายในได้ เตรียมพร้อมมาตรการต่าง ๆ รองรับไว้แล้ว ทั้งเรื่องของการขนส่ง การรับซื้อ การกระจายผลผลิต ตลอดจนสภาพคล่องของผู้ประกอบการรายย่อยในการบริหารจัดเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับพี่น้องเกษตรกรชาวสวนผลไม้”
“โดยในปีนี้บิ๊กซีวางแผนการรับซื้อผลไม้ฤดูกาล กว่า 15 ล้านกิโลกรัม หรือ 15,000 ตัน ซึ่งเพิ่มขึ้น 20 % จากปีก่อน มูลค่ารับซื้อกว่า 800 ล้านบาท มาจัดจำหน่ายที่บิ๊กซี ทุกสาขาทั่วประเทศ เพื่อสนับสนุนเกษตรกรไทย โดยบิ๊กซีจะเป็นช่องทางในการกระจายผลผลิตสู่ผู้บริโภคทั่วประเทศ ซึ่งไม่เพียงแต่ทำให้ลูกค้าบิ๊กซีได้บริโภค ผลไม้และผัก คุณภาพดี ส่งตรงจากสวนเท่านั้น แต่ยังเป็นส่วนช่วยให้เกษตกรไทยมีรายได้ที่มั่นคงและสร้างโอกาสการเติบโตอย่างยั่งยืนอีกด้วย” นายอัศวิน กล่าวเสริม
บิ๊กซี เราคัดสรรทุเรียนหลากหลายสายพันธุ์ ได้แก่ ทุเรียนหมอนทอง และทุเรียนเบญจพันธุ์ อาทิ ชะนี กระดุม พวงมณี และผลไม้ไทยยอดฮิต ได้แก่ มังคุด เงาะ ลองกอง สละ ลินจี่ แตงโม สัปปะรด ให้ผู้ลูกค้าได้เข้าถึงทุเรียนคุณภาพดีเกรดส่งออก ตลอดจนผักสดคุณภาพดี อาทิ กะหล่ำปลี ผักกาดขาว มะเขือเทศ และฟักทอง มาให้ลูกค้าได้เลือกซื้อ พร้อมจัดรายการส่งเสริมการขายอย่างต่อเนื่องเพื่อเพิ่มความคุ้มอีกขั้นให้กับสมาชิกบิ๊กพ้อยต์ บิ๊กซี
สำหรับ “บุฟเฟ่ต์ทุเรียนและผลไม้ไทย อิ่มไม่อั้น” 60 นาทีเต็ม โดยสามารถเลือกรับประทานได้ทั้งทุเรียนและผลไม้ตามฤดูกาลอื่น ๆ อาทิ ทุเรียนหมอนทอง, มังคุด, เงาะ, แตงโม, สัปปะรด ที่บิ๊กซี 10 สาขา โดยบิ๊กซี เพลส รัชดา จัดระหว่างวันที่ 15 – 19 พฤษภาคม เพียงเป็นสมาชิกบิ๊กพ้อยต์สามารถท่านบุฟเฟต์ได้ในราคา 599 บาท/ท่าน (จากปกติราคา 699 บาท/ท่าน) พร้อมเมนูพิเศษ ไม่ว่าจะเป็น ข้าวเหนียวทุเรียน ไอศกรีมกะทิ จำกัดจำนวนผู้เข้าร่วมรับประทานบุฟเฟต์รอบละ 80 ท่าน/รอบ แบ่งเป็น 7 รอบ/วัน ดังนี้
สำหรีบอีก 8 สาขา โดยสาขาเมกาบางนา, แฟชั่นไอส์แลนด์, ลาดพร้าว2, ติวานนท์, รังสิต1, สุขสวัสดิ์, พระราม 2-1 และบางพลี จัดระหว่างวันที่ 17 – 19 พฤษภาคม ในราคาสมาชิก 599 บาท/ท่าน (จากปกติ 699บาท/ท่าน) จำนวนวันละ 3 รอบ
*หมายเหตุ: สามารถตรวจสอบที่นั่งได้ที่สาขาที่เข้ารับบริการ เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด
และบิ๊กซี ฟู้ดเพลส เอเซียทีค จัดระหว่างวันที่ 17 – 19 พฤษภาคม ในราคา 799 บาท/ท่าน จำนวนวันละ 5 รอบ
*หมายเหตุ: สามารถตรวจสอบที่นั่งได้ที่สาขาที่เข้ารับบริการ เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด
สามารถติดต่อซื้อบัตรบุฟเฟต์ล่วงหน้าได้ที่จุดบริการลูกค้า บิ๊กซี ที่บิ๊กซี เพลส สาขารัชดาภิเษก ชั้น 2 และสามารถจองผ่าน LINE STORE BIG C RATCHADA สำหรับอีก 9 สาขาที่ร่วมรายการสามารถ walk in เข้าร่วมกิจกรรมได้ที่หน้างาน และพิเศษสุด ๆ เฉพาะสมาชิกบิ๊กพอยต์ สามารถนำคะแนน 50 พอยต์ ไปแลกรับส่วนลดบัตรบุฟเฟ่ต์ทุเรียน 50 บาท/ท่าน (จำกัด 1 สิทธิ์ต่อสมาชิกบิ๊กพอยต์) ยกเว้นบิ๊กซี ฟู้ดเพลส เอเซียทีค สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่จุดบริการลูกค้า หรือ ผ่านช่องทางเฟซบุ๊ก Big C