December 22, 2025

บริษัท เอฟดับบลิวดี ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) (“FWD ประกันชีวิต”) แสดงความยินดีแก่ทีม Baiyok Sky ที่ชนะเลิศจากโครงการ FWD The Futurist และเป็นตัวแทนจาก FWD ประกันชีวิต ประเทศไทย เข้าร่วมแข่งขันกับ FWD ทั่วภูมิภาคเอเชีย พร้อมได้รับรางวัลชนะเลิศจากโครงการ FWD Springboard X Student Challenge 2023 การแข่งขันด้านนวัตกรรมที่เปิดโอกาสให้ผู้ที่มีความคิดสร้างสรรค์ มีใจรักและสนใจในเทคโนโลยี พร้อมที่จะเปิดรับและเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ตลอดเวลา ได้มีส่วนร่วมในการพัฒนาและนำเสนอไอเดียทางนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่แตกต่าง และร่วมเป็นส่วนหนึ่งกับ FWD ประกันชีวิต ในการเปลี่ยนมุมมองของผู้คนที่มีต่อการประกันชีวิต เพื่อก้าวไปสู่อีกระดับของนวัตกรรมประกันไปด้วยกัน ตลอดจนได้เรียนรู้ประสบการณ์ตรงจากทีมงานในระดับภูมิภาคเอเชีย ซึ่งครอบคลุม 10 ประเทศ ได้แก่ กัมพูชา ฮ่องกง อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น มาเก๊า มาเลเซีย ฟิลลิปปินส์ สิงคโปร์ เวียดนาม และไทย รวมทั้งโอกาสในการเข้าร่วมงานกับ FWD ประกันชีวิตอีกด้วย

เคทีซีเปิดโครงการ “KTC FACTORANT” พัฒนาประสิทธิภาพกระบวนการอนุมัติสินเชื่อ นำหุ่นยนต์ทำงานร่วมกับคน ลดขั้นตอนงานซ้ำซ้อน เพิ่มประสิทธิผลในการรับสมัครและพิจารณาสินเชื่อ ปรับพื้นที่ทำงานเป็นโซนพิเศษป้องกันความปลอดภัยของข้อมูลลูกค้า ตามมาตรฐานการจัดการความปลอดภัยของข้อมูล ISO/IEC 27001: 2013 และมาตรฐานการจัดการข้อมูลส่วนบุคคล ISO/IEC 27701: 2019 รองรับการอนุมัติบัตรได้เพิ่มขึ้นกว่า 600,000 รายต่อเดือน

นางสาวชนิดาภา  สุริยา  ผู้บริหารสูงสุด สายงานบริการลูกค้าและสนับสนุนธุรกิจ “เคทีซี” หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “การขยายฐานสมาชิกไปสู่เป้าหมายที่ตั้งไว้ กระบวนการรับสมัครและพิจารณาอนุมัติมีส่วนสำคัญมาก และมีความเกี่ยวข้องกับหลายหน่วยงานที่ต้องทำงานต่อเนื่องกัน เคทีซีจึงต้องการยกระดับกระบวนการทำงาน โดยเน้นความสามารถในการทำงาน ความเร็วและความถูกต้อง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการพิจารณาอนุมัติ โดยได้ริเริ่มโครงการ KTC FACTORANT ปรับปรุงพื้นที่สำนักงานชั้น 17 ที่อาคารไทยซัมมิท ถนนเพชบุรีตัดใหม่ เป็นโซนพิเศษ โดยรวมหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการอนุมัติบัตรเข้ามาทำงานในพื้นที่เดียวกัน จัดลำดับหน่วยงานตาม Process Flow รวมทั้งนำเทคโนโลยีหุ่นยนต์เข้ามาทำงานแทนคนในบางขั้นตอน เช่น การเคลื่อนย้ายเอกสารต่างๆ เพื่อให้เกิดการไหลของกระบวนการทำงานอย่างต่อเนื่อง ลดระยะเวลาการรอคอย (Waiting Time) และระยะเวลาการเคลื่อนย้าย (Transportation Time) ที่เกิดขึ้นในกระบวนการ และออกแบบการดำเนินการให้เป็นแบบสายพานการผลิต (Belt Conveyor Design) เพื่อให้งานไหลไปตามขั้นตอนอย่างต่อเนื่องรวมถึงการสร้าง Visualized Information Dashboard เพื่อให้ได้ประสิทธิผลสูงสุด”

 

“การยกระดับกระบวนการรับสมัครและพิจารณาสินเชื่อในโครงการ “KTC FACTORANT” นี้ มีเป้าหมายจะลดเวลาการทำงานที่ไม่จำเป็นในแต่ละขั้นตอนรับสมัครลงอย่างน้อย 85% และเพิ่มประสิทธิภาพการส่งต่องานระหว่างหน่วยงานให้เกิดความต่อเนื่องสูงขึ้น โดยคาดว่าโครงการฯ นี้จะช่วยให้เคทีซีสามารถรองรับการอนุมัติบัตรใหม่เพิ่มขึ้นได้ไม่ต่ำกว่า 600,000 รายต่อเดือน”  

เอสซีจีโดยนายรุ่งโรจน์  รังสิโยภาส  กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี ให้การต้อนรับนายเวือง ดิ่งห์ เหวะ (H.E Mr. Vuong Dinh Hue) ประธานสภาแห่งชาติสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ในโอกาสเดินทางเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ เพื่อฉลองการครบรอบ 10 ปีของความเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ไทย-เวียดนาม และยังได้เจรจาการดำเนินธุรกิจ การลงทุนร่วมกัน นับเป็นการสานความสัมพันธ์และเสริมสร้างศักยภาพเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น

เพื่อฉลองการครบรอบ 10 ปีของความเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ไทยและเวียดนาม หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาธุรกิจไทยเวียดนาม สมาคมมิตรภาพไทย-เวียดนามร่วมกับหอการค้าและอุตสาหกรรมเวียดนาม (VCCI) ยังจัดงานสัมมนา Viet Nam - Thailand Business Policy & Legislation Forum: Enhancing Trade And Investment Collaboration  หัวข้อ Unlocking Trade and Investment Opportunities between Vietnam and Thailand เพื่อเปิดมุมมองให้เห็นถึงการเชื่อมโยงธุรกิจระหว่างไทย-เวียดนาม และการปลดล็อคอุปสรรคการค้าและการลงทุนให้ดำเนินธุรกิจได้อย่างสะดวกและประสบความสำเร็จด้วย

บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NT เป็น เจ้าภาพจัดการประชุม Pan Asian e-Commerce Alliance Meeting หรือ PAA ครั้งที่ 68 ระหว่างวันที่ 20 - 22 พฤศจิกายน 2566 ณ โรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์พอย ราชดำริ กรุงเทพฯ ทั้งนี้เพื่อเป็นการขับเคลื่อนความร่วมมือกลุ่มพันธมิตรผู้ให้บริการเชื่อมโยงแลกเปลี่ยนข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ในระดับภูมิภาคเอเชียและประเทศในภูมิภาคอื่น ๆ ในการร่วมพัฒนาระบบเชื่อมโยงข้อมูลสำหรับโลจิสติกส์ในการนำเข้า - ส่งออก ระดับโลกที่มีประสิทธิภาพสูง รวมถึงส่งเสริมให้เกิดการแลกเปลี่ยนข้อมูลและเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ระหว่างสมาชิก ตลอดจนร่วมกันกำหนดมาตรฐานสำหรับการเชื่อมโยงระหว่างประเทศและเขตเศรษฐกิจต่าง ๆ

ดร. วงกต วิจักขณ์สังสิทธิ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานดิจิทัล บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NT เปิดเผยว่า “ตลอดระยะเวลาของการเป็นสมาชิกกลุ่มพันธมิตร ร่วมพัฒนาการทำธุรกรรมทางการค้า Cross Border Paperless Trade  ในระดับภูมิภาคและระดับโลก โดยเมื่อต้นปี 2566 NT ได้เปิดให้บริการระบบ National Single Window “NSW” เชิงพาณิชย์อย่างเป็นทางการ เพื่อให้บริการเชื่อมโยงข้อมูลหน่วยงานภาครัฐและภาคธุรกิจ สำหรับการนำเข้า - ส่งออก และโลจิสติกส์ เต็มรูปแบบ โดยสามารถเชื่อมโยงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ระหว่างหน่วยงานต่าง ๆ ซึ่งระบบ NSW ที่ NT ให้บริการนั้นมีประสิทธิภาพสูง สามารถรองรับรูปแบบธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ใหม่ได้เพิ่มขึ้น อาทิ ใบขนสินค้าอาเซียน ACDD (ASEAN Customs Declaration Document) และหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าอาเซียนแบบอิเล็กทรอนิกส์ หรือ ATIGA e-Form D โดย NT มีความตั้งใจที่จะให้บริการและพัฒนาการให้บริการ NSW อย่างต่อเนื่องเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ใช้บริการทั้งภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้องได้มีช่องทางแลกเปลี่ยนข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ที่มีประสิทธิภาพ โปร่งใส ปลอดภัย เกิดการบูรณาการการใช้ข้อมูล สามารถติดตามผลในทุกขั้นตอนของการดำเนินงานนำเข้า-ส่งออก และการอนุมัติต่าง ๆ ผ่านทางอินเทอร์เน็ต (e-Tracking) ได้ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อยกระดับความสามารถในการแข่งขันของประเทศและพร้อมต่อยอดด้วยการนำแพลตฟอร์มนี้มาส่งเสริมให้สมาชิก PAA สามารถบรรลุเป้าหมายการทำงานร่วมกันระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียนและประเทศในภูมิภาคอื่น ๆ ”

ในการประชุม PAA ครั้งที่ 68 ที่ NT เป็นเจ้าภาพนั้น มีผู้เข้าร่วมประชุมจากตัวแทนสมาชิกต่าง ๆ จาก 20 เขตเศรษฐกิจ รวมทั้งตัวแทนจากเวียดนามและเซี่ยงไฮ้ ที่เข้าร่วมประชุมด้วยเพื่อสมัครเข้าเป็นสมาชิกใหม่ และในโอกาสที่ NT เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมครั้งนี้ PAA ได้เชิญผู้แทนจากสมาคมธนาคารไทยร่วมประชุมในนาม ASEAN Digital Trade Connect เพื่อหารือกรอบความร่วมมือระหว่าง PAA กับ ASEAN Digital Trade Connect ในการส่งเสริมการอำนวยความสะดวกด้านการค้าระหว่างประเทศด้วย

PAA ได้ข้อสรุปร่วมกันจากการประชุมครั้งนี้ ในการสนับสนุนให้เกิดการแลกเปลี่ยนข้อมูลสำหรับการอำนวยความสะดวกทางการค้าระหว่างประเทศในรูปแบบภาคเอกชนกับภาคเอกชน (B2B) โดยผู้แทนบริษัท InterCommerce จากฟิลิปปินส์ ได้หารือร่วมกับ NT ในการพัฒนาการให้บริการรับส่งใบรับรองสุขอนามัยพืชอิเล็กทรอนิกส์ (e-Phyto) ให้สามารถเชื่อมโยงผ่านระบบ NSW และแพลตฟอร์มทางการค้าแบบ B2B ได้ด้วย และได้ขยายขอบเขตการให้บริการเพื่อสนับสนุนการให้บริการ e-Phyto กับภาคเอกชน เช่นเดียวกับที่ NT ได้เริ่มดำเนินการร่วมกับบริษัท TradeWaltz จากญี่ปุ่นเพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนข้อมูลทางการค่าระหว่างประเทศในรูปแบบ B2B

ทั้งนี้ข้อมูล PAA เพิ่มเติมได้ที่ www.PAA.net

โตชิบา ไทยแลนด์ ส่งความสุขท้ายปีด้วยการเปิดกล่องของขวัญชิ้นใหญ่ ด้วยแคมเปญ “Delightful Details Matter” กระตุ้นยอดขายไตรมาสสี่ ยกขบวนเครื่องใช้ไฟฟ้าราคาพิเศษ ทั้งลด แถม ผ่อน 0% สูงสุดนาน 10 เดือน ต้อนรับเทศกาลแห่งการมอบของขวัญ ทั้งคริสต์มาสและปีใหม่ที่ใกล้จะมาถึงนี้ สามารถเลือกซื้อได้จากร้านค้าตัวแทนจำหน่ายโตชิบาทั่วประเทศที่ร่วมรายการ นอกจากนี้ โตชิบายังเนรมิตกล่องของขวัญขนาดใหญ่ไว้ใจกลางเมือง จัดแสดงสินค้าไฮไลท์ที่น่าสนใจ พร้อมกิจกรรมมากมายในอีเวนท์สุดพิเศษ เพื่อสร้างการรับรู้ไปยังลูกค้ากลุ่ม Young Generation ระหว่างวันที่ 23-24 ธันวาคมนี้ ที่เซ็นเตอร์พอยท์ ออฟ สยามสแควร์  พบแขกสุดพิเศษแจ๊คกี้ จักริน นักร้องหนุ่มสุดเท่จาก TRINITY ที่จะมาร่วมสร้างความสุข วันที่ 24 ธันวาคม เวลา 13:00 น. เป็นต้นไป พร้อมเหล่าเซเลบริตี้มากมายที่แวะเวียนมาร่วมกิจกรรมตลอดระยะเวลาจัดงาน อาทิ โปรโมชั่นแลกซื้อผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าจากโตชิบา ในราคาเพียง 55 บาท* (จำนวนจำกัดตามรอบกิจกรรม) กิจกรรม Cooking Show ร่วมชิมเมนูอร่อยและดีต่อสุขภาพที่ทำจากเครื่องใช้ไฟฟ้าโตชิบา กิจกรรม Workshop ทำการ์ดเก๋ๆ โดยศิลปิน Calligraphy เป็นต้น สามารถติดตามรายละเอียดกิจกรรมเพิ่มเติมได้ที่ facebook.com/ToshibaLifestyleThailand

กลุ่มบริษัท ดาว ประเทศไทย (Dow) ผู้นำระดับโลกด้านวัสดุศาสตร์ (Materials Science) เปิดตัว BETAFOAM นวัตกรรมโฟมปิดช่องว่างประสิทธิภาพสูงสำหรับยานยนต์ ใช้ฉีดเข้าไปในโครงสร้างรถยนต์เพื่ออุดรูและช่องว่างต่างๆ เช่น ขอบประตู ขอบคอนโซล มีคุณสมบัติโดดเด่นในการลดเสียงรบกวน มีน้ำหนักเบาลงถึง 50% ช่วยเพิ่มความแข็งแรงของโครงสร้างรถยนต์ และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก จนได้รับความนิยมจากบริษัทยานยนต์ชั้นนำระดับโลก พร้อมจำหน่ายให้ผู้ผลิตรถยนต์ในประเทศไทยภายในปีนี้

นวัตกรรม BETAFOAM เป็นโฟมที่ทำจากโพลียูริเทนชนิดเหลว เมื่อฉีดโดยแขนกลจะขยายจนเต็มช่องว่างและเปลี่ยนสภาพไปเป็นโฟมกึ่งแข็ง ช่วยปิดช่องว่างในโครงสร้างรถยนต์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการลดเสียงรบกวนจากภายนอก เช่น เสียงจากลม ล้อรถยนต์ ถนน และบรรยากาศภายนอก ไม่ให้เข้ามาภายในห้องโดยสาร รวมถึงช่วยลดแรงสั่นสะเทือนเมื่อขับขี่ผ่านพื้นผิวที่ขรุขระให้การขับขี่นุ่มนวลขึ้นกว่าเดิม เหมาะสำหรับรถยนต์ทั้งประเภทที่ขับเคลื่อนโดยน้ำมันและไฟฟ้า มีน้ำหนักเบากว่าวัสดุชนิดอื่นๆ ที่ใช้ในอุตสาหกรรมยานยนต์โดยทั่วไปถึง 50% มีความแข็งแรงและทนทานสูงกว่า 30% จึงช่วยลดน้ำหนักและเพิ่มความแข็งแรงให้กับยานพาหนะ ทำให้ประหยัดพลังงานและค่าใช้จ่าย มีส่วนช่วยลดการปล่อยไอเสียและก๊าซเรือนกระจกได้ดียิ่งขึ้น

นอกจากนี้ BETAFOAM ยังมีคุณสมบัติในการซับแรงกระแทกได้ดีเยี่ยม จากการทดสอบพบว่า BETAFOAM สามารถช่วยลดแรงกระแทกได้มากกว่าวัสดุชนิดอื่นๆ ถึง 20% ได้รับการรับรองจากมาตรฐานยานยนต์ชั้นนำระดับโลก เช่น ISO 14001 และ ISO 9001 และกำลังอยู่ระหว่างการทดสอบเพื่อรับรองมาตรฐานความปลอดภัยของยานยนต์ ISO 10262 ซึ่งคาดว่าจะได้รับการรับรองภายในปี 2567

“Dow เป็นผู้พัฒนานวัตกรรมให้กับวงการยานยนต์ของโลกมาอย่างยาวนาน เรามุ่งมั่นที่จะตอบสนองความต้องการของอุตสาหกรรมยานยนต์ที่เปลี่ยนแปลงไป BETAFOAM เป็นนวัตกรรมโฟมปิดช่องว่างและลดเสียงรบกวนสำหรับยานยนต์ ที่มีคุณสมบัติโดดเด่นทั้งในด้านประสิทธิภาพ ความปลอดภัย และความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งจะช่วยยกระดับมาตรฐานการผลิตรถยนต์ในไทย โดย Dow ได้เปิดตัว BETAFOAM ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ผลิตรถยนต์ OEM และผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ในประเทศไทยแล้ววันนี้” คุณเมธี กฤษณาสกุล ผู้อำนวยการฝ่ายขายภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ธุรกิจโพลียูรีเทนและโซลูชันอุตสาหกรรม กล่าว

“พร้อมเพย์” บริการโอนเงินแบบเรียลไทม์ของประเทศไทย เดินหน้าเร่งการเปลี่ยนผ่านประเทศไทย สู่สังคมไร้เงินสดด้วยความสามารถรองรับการเพิ่มปริมาณการทำธุรกรรม ความเสถียร และความปลอดภัยของแพลตฟอร์ม Oracle Exadata

เผยในฐานะ Green University เตรียมตั้งศูนย์ให้คำปรึกษา-รับรองด้านก๊าซเรือนกระจก พร้อมให้คำปรึกษาฟรี! ปี 67

การท่องเที่ยวสิงคโปร์ (Singapore Tourism Board) และ Klook แพลตฟอร์มในการจองกิจกรรมและประสบการณ์การท่องเที่ยวชั้นนำระดับเอเชีย รุกขยายแผนความร่วมมือเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศสิงคโปร์ โดยร่วมลงทุนกว่า 2 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ (ราว 52 ล้านบาท) เพื่อส่งเสริมการตลาด ตามแผนความร่วมมือของทั้งสองฝ่าย โดยความร่วมมือครั้งนี้สืบเนื่องจากการลงนามในบันทึกความร่วมมือ (Memorandum of Cooperation: MOC) ระยะเวลาสองปีที่การท่องเที่ยวสิงคโปร์และ Klook ได้ลงนามร่วมกันเมื่อเดือนเมษายน 2566 ที่ผ่านมา

อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวสิงคโปร์ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง จากข้อมูล ณ วันที่ 31 ตุลาคม 2566 พบว่า มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าสิงคโปร์มากกว่า 11 ล้านคน โดยผลสำรวจ Travel Pulse ของ Klook ล่าสุด เผยว่า 1 ใน 3 ของนักท่องเที่ยวกลุ่มมิลเลนเนียล และ Gen Z จากประเทศในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้สนใจการท่องเที่ยวภายในภูมิภาค ซึ่งชี้ให้เห็นถึงความพึงพอใจของนักท่องเที่ยวที่มีต่อการออกเดินทางเพื่อค้นพบสิ่งใหม่ ๆ ภายในภูมิภาคของตนเอง

คุณ Sarah Wan ผู้จัดการทั่วไปประจำประเทศอินโดนีเซีย มาเลเซีย และสิงคโปร์ของ Klook กล่าวว่า “ประเทศสิงคโปร์ถือเป็นจุดหมายปลายทางสำคัญที่ส่งผลต่อการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวในแถบภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เรายินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือกับการท่องเที่ยวสิงคโปร์อีกครั้งเพื่อจุดประกายสร้างแรงบันดาลใจให้กับนักท่องเที่ยว โดยนำเสนอประสบการณ์การท่องเที่ยวที่เป็นเอกลักษณ์ มีความหลากหลาย และเหนือความคาดหมายในประเทศสิงคโปร์ นอกจากนี้ การที่หลายประเทศทั่วโลกกลับมาจัดงานอีเวนต์อีกครั้งทำให้ความต้องการในการเดินทางท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นตามไปด้วย ความเข้าใจของเราที่มีต่อนักท่องเที่ยวรุ่นใหม่ซึ่งเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนการท่องเที่ยวผ่านโซเชียลมีเดียอย่างลึกซึ้งจะเป็นแนวทางต่อยอดสู่ความร่วมมือครั้งใหม่เพื่อนำเสนอสิ่งที่ดีที่สุดในสิงคโปร์ที่รอคอยให้นักท่องเที่ยวได้มาสัมผัส”

คุณ Terrence Voon ผู้อำนวยการบริหารประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของการท่องเที่ยวสิงคโปร์ กล่าวว่า “เรายินดีเป็นอย่างมากที่ได้ร่วมมือกับ Klook เพื่อตอกย้ำและเสริมความแข็งแกร่งของสิงคโปร์ในฐานะประเทศจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวที่น่าสนใจและศูนย์กลางกิจกรรมชั้นนำในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โครงการใหม่ ๆ ที่เราริเริ่มขึ้นนั้นมีเป้าหมายกระตุ้นการท่องเที่ยวให้กลับมาฟื้นตัวและนำเสนอประสบการณ์แสนพิเศษโดยทำให้การท่องเที่ยวในประเทศสิงคโปร์เป็นประสบการณ์ที่น่าจดจำสำหรับนักท่องเที่ยว นอกจากนี้ยังเป็นการกระตุ้นและส่งเสริมแคมเปญใหม่อย่าง Made in Singapore ของการท่องเที่ยวสิงคโปร์ ซึ่งแสดงให้เห็นว่า แม้ช่วงเวลาธรรมดา ๆ ในแต่ละวันก็เป็นประสบการณ์แสนพิเศษได้เมื่อมาเยือนสิงคโปร์”

ตอกย้ำเป้าหมายของสิงคโปร์สู่การเป็นเมืองแถวหน้าสำหรับค้นหากิจกรรมที่น่าสนใจ

ผลสำรวจ Travel Pulse ของ Klook ระบุว่า 87% ของนักท่องเที่ยวในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ยินดีใช้จ่ายเพื่อสัมผัสกับประสบการณ์แปลกใหม่ในช่วงวันหยุด โดย Klook ได้เปิดตัวแคมเปญ ‘Live in Singapore - Epic Events in the Lion City’ ในเดือนตุลาคม 2566 เพื่อเสนอกิจกรรมด้านครอบครัว วัฒนธรรม กีฬา และความบันเทิง ของประเทศสิงคโปร์ที่เต็มไปด้วยกิจกรรมสนุกสนานและมีสีสันมากมาย ไม่ว่าจะเป็น การแสดงละครเพลง คอนเสิร์ต การแข่งขันตูร์เดอฟรองซ์ (Tour de France Prudential Singapore Criterium) การเล่นเครื่องเป่าลมขนาดยักษ์ Jumptopia (Jumptopia Playful Wonders), เทศกาลดนตรีและการเต้นรำ ZoukOut, สิงคโปร์คอมิคคอน (Singapore Comic Con) และสำหรับการแสดงละครเพลงที่กำลังจะจัดขึ้นในสิงคโปร์ทั้งสองเรื่อง อย่าง Matilda the Musical และ Hamilton ผู้ใช้ Klook สามารถตั้งตารอที่นั่งแถวหน้าได้บนแอปพลิเคชันหรือเว็บไซต์ Klook โดย Klook เป็นพันธมิตรในการจำหน่ายรอบพรีเซล

เพื่อส่งเสริมการจัดงานกิจกรรมต่าง ๆ Klook ยังเปิดตัวบริการที่พักและการเดินทาง หรือ โปรแกรมทัวร์ที่ไม่เหมือนใคร โดยมีเป้าหมายเพื่อยกระดับประสบการณ์การให้บริการ มอบความสะดวกสบายในการเดินทางสำรวจสิงคโปร์แก่นักท่องเที่ยวให้มากขึ้นกว่าที่เคยด้วยการนำเสนอตัวเลือกกิจกรรม ที่พัก และการเดินทางในรูปแบบต่าง ๆ ซึ่งให้ความสะดวกสบายและคุ้มค่า โดย Klook ตั้งเป้าหมายที่จะสนับสนุนให้ผู้มาเยือนสามารถสัมผัสสิงคโปร์ได้ครบทุกแง่มุมมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะช่วยสร้างผลตอบแทนให้กับการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจของประเทศได้อย่างเป็นรูปธรรม

ต่อยอดโปรแกรม Social Travel พาทุกคนค้นพบสิงคโปร์ในมุมมองใหม่

ผลสำรวจ Travel Pulse ยังแสดงให้เห็นว่า 97% ของนักเดินทางกลุ่มมิลเลนเนียลและกลุ่ม Gen Z ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้พึ่งพาโซเชียลมีเดียเพื่อค้นหาแรงบันดาลใจในการท่องเที่ยวและหาคำแนะนำสำหรับการพักผ่อนในวันหยุด โซเชียลมีเดียจึงกลายเป็นแพลตฟอร์มสำคัญในการค้นหาแรงบันดาลใจ โดยความร่วมมือเชิงกลยุทธ์เพื่อส่งเสริมการตลาดระหว่างการท่องเที่ยวสิงคโปร์ และ Klook ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ได้เปิดตัวไปเมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2566 นั้น จะมุ่งเน้นไปที่การสร้างคอนเทนต์ดิจิทัลซึ่งขับเคลื่อนโดยเครือข่าย Kreators ของ Klook เพื่อสร้างการมีส่วนร่วมของผู้คนบนโลกออนไลน์ ซึ่งสามารถต่อยอดไปยังการกระตุ้นให้ผู้ชมคอนเทนต์ออกเดินทางมาเที่ยวสิงคโปร์

Klook ได้วางแผนต่อยอดการใช้ประโยชน์จากพลังของโซเชียลมีเดียและความสามารถในการแชร์เนื้อหาเพื่อเชื่อมโยงกับนักท่องเที่ยวผ่านการนำเสนอสิ่งที่ดีที่สุดของประเทศสิงคโปร์ โดยใช้ Kreator ซึ่งเป็นโปรแกรมที่พัฒนาให้นักท่องเที่ยวและบล็อกเกอร์สามารถใช้โซเชียลมีเดียของตนในการสร้างรายได้จากโปรแกรมแอฟฟิลิเอท (Affiliate) เพื่อสร้างเนื้อหาสำหรับการท่องเที่ยวที่สมจริง ไม่ว่าจะเรื่องความสวยความงาม แฟชัน ไปจนถึงด้านอาหาร แคมเปญบนโลกดิจิทัลนี้ตั้งเป้าดึงดูดและสร้างแรงบันดาลใจให้กับนักท่องเที่ยวผู้ใช้โซเชียลมีเดียที่อยู่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ให้พวกเขาได้ลองมาสัมผัสกลิ่นอายท้องถิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ของสิงคโปร์ด้วยตัวเอง

“Metthier” จับมือ “SC Asset” เสริมแกร่งความปลอดภัยและความสะดวกสบายสูงสุดให้แก่ลูกบ้านทุกระดับเซ็กเมนต์ พร้อมให้บริการด้านความปลอดภัย (Security as a Service) หนึ่งในบริการหลักของระบบ Smart Facility Management ด้วยการติดตั้งกล้องวงจรปิดอัจฉริยะและเทคโนโลยี AI ตรวจจับการบุกรุก เชื่อมศูนย์รวมระบบปฏิบัติการอัจฉริยะ MIOC เข้ากับแอป RueJai ดูแลความปลอดภัยได้อย่างไร้รอยต่อ นำข้อมูลมาวิเคราะห์ช่วยคาดการณ์เหตุการณ์ล่วงหน้า พร้อมเจ้าหน้าที่คอยดูแลตลอด 24 ชม.

นายขยล ตันติชาติวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมทเธียร์ จำกัด (Metthier) ผู้ให้บริการบริหารจัดการอสังหาริมทรัพย์อัจฉริยะ (Smart Facility Management) แบบครบวงจร กล่าวว่า บริษัทได้ร่วมกับบริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เดินหน้ายกระดับความปลอดภัยและมอบความสะดวกสบายสูงสุดให้กับลูกบ้าน SC Asset ด้วยการให้บริการด้านความปลอดภัย (Security as a Service) หนึ่งในบริการหลักของ Metthier ผสานความเชี่ยวชาญจากทีมงานมืออาชีพและเทคโนโลยีขั้นสูง ตามแนวคิด RISE ABOVE ORDINARY ที่เมทเธียร์เราเหนือกว่าด้วยเทคโนโลยี” เข้ามาดูแลความปลอดภัยภายในโครงการบ้านในเครือ SC Asset อาทิ เดอะ เจนทริ, แกรนด์ บางกอก บูเลอวาร์ด, บางกอก บูเลอวาร์ด

“Metthier” ได้ติดตั้งระบบกล้องวงจรปิดอัจฉริยะสามารถตรวจจับการบุกรุกได้แบบเรียลไทม์ พร้อมเทคโนโลยี AI ขั้นสูง วิเคราะห์และคาดการณ์เหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้นล่วงหน้าเพื่อวางแผนป้องกัน โดยเชื่อมการทำงานร่วมกับศูนย์ปฏิบัติการอัจฉริยะเมทเธียร์ (Metthier Intelligent Operation Center: MIOC) ที่มีผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยดูแลตลอด 24 ชั่วโมง ทั้งยังเชื่อมระบบเข้ากับแอปพลิเคชัน “รู้ใจ” (RueJai App) ได้อย่างไร้รอยต่อ สามารถดูความเคลื่อนไหวภายในโครงการได้สะดวกยิ่งขึ้น เพื่อสร้างความอุ่นใจให้กับลูกบ้าน SC Asset พร้อมมีผู้คอยดูแลและให้ความช่วยเหลือในทุกสถานการณ์” นายขยล กล่าว

นายดิเรก ตยาคี Head of Tech Solutions บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SC Asset กล่าวว่า “นอกจากคุณภาพของสินค้าและบริการที่ดีแล้ว ปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อพฤติกรรมการตัดสินใจเลือกซื้อที่อยู่อาศัยของผู้บริโภค ก็คือ ความปลอดภัย เพราะบ้านต้องเป็นที่อยู่อาศัย ที่อยู่ได้อย่างสบายใจไร้กังวล ซึ่ง SC ได้รับความไว้วางใจ จากลูกค้ามาโดยตลอด ด้วยบริการระบบรักษาความปลอดภัย 24 ชม.

การร่วมมือในครั้งนี้ จะช่วยยกระดับประสบการณ์ความปลอดภัยของการอยู่อาศัยของลูกบ้าน ตอกย้ำการเป็น Living Solution Provider ตามแนวคิด Human-Centric ที่มีลูกค้าเป็นศูนย์กลาง เพื่อค้นหาความต้องการและโซลูชันต่างๆ ด้านที่อยู่อาศัย โดย SC จะเริ่มคิกออฟ ระบบ Smart Facility Management ในปี 2567 ทุกระดับเซกเมนต์ ซึ่งจะติดตั้งเป็นเทคโนโลยีพื้นฐานมาพร้อมกับบ้านทุกหลัง ลูกบ้านสามารถใช้บริการ ผ่านแอปพลิเคชัน RueJai ภายใต้แนวคิด ช่วยเรื่องบ้าน จัดการเรื่องชีวิต”

X

Right Click

No right click