October 22, 2024

ลอรีอัล กรุ๊ปเป็นผู้นำด้านความงามระดับโลกที่มีประวัติยาวนานกว่า 100 ปี จากบริษัทเครื่องสำอางเล็ก ๆ ในฝรั่งเศส สู่บริษัทข้ามชาติที่ครอบคลุมแบรนด์ความงามหลากหลาย ตั้งแต่ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้า ผม เครื่องสำอาง และน้ำหอม โดยลอรีอัลไม่เพียงแต่สร้างผลิตภัณฑ์ความงาม แต่ยังมุ่งเน้นการเป็นผู้นำในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกด้วยพันธกิจในการ “สร้างสรรค์ความงามที่ขับเคลื่อนโลก”

การเติบโตของลอรีอัล กรุ๊ปในประเทศไทย

ปัจจุบันลอรีอัล กรุ๊ป มีแบรนด์ในประเทศไทยถึง 13 แบรนด์ที่ได้รับความนิยมและครอบคลุมความต้องการของผู้บริโภค ด้วยการเข้าใจตลาดในท้องถิ่นและการปรับตัวอย่างชาญฉลาด ลอรีอัลสามารถขยายฐานลูกค้าและสร้างงานให้กับคนไทยหลายพันคน นอกจากนี้ ยังมีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนเศรษฐกิจท้องถิ่นและชุมชน

ความยั่งยืน: พลังขับเคลื่อนสู่อนาคต

ในโลกที่ผู้บริโภคใส่ใจในเรื่องความยั่งยืนมากขึ้น ลอรีอัล กรุ๊ปได้วางวิสัยทัศน์อย่างชัดเจนในการใช้พลังแห่งวิทยาศาสตร์ในการบรรลุเป้าหมายที่ขับเคลื่อนความยั่งยืน ด้วยแนวคิด “Science Based Targets” ที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของ “Planetary Boundaries” เพื่อรักษาสมดุลระหว่างการเจริญเติบโตและการรักษาทรัพยากรธรรมชาติ

การสร้างความหลากหลาย ความเท่าเทียม และความไม่แบ่งแยก (DE&I)ลอรีอัลเล็งเห็นถึงความสำคัญของความหลากหลายและการไม่แบ่งแยก (DE&I) โดยสนับสนุนให้พนักงานมีความเท่าเทียมในทุกแง่มุม ตั้งแต่เพศ เชื้อชาติ วัย ไปจนถึงความสามารถทางร่างกายและจิตใจ โครงการต่าง ๆ เช่น การอบรมอคติโดยไม่รู้ตัว ทำให้พนักงานรู้จักเปิดใจยอมรับความแตกต่างและสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่เปิดกว้าง

การเปิดโอกาสและเสริมพลังให้เยาวชนทั่วโลก

หนึ่งในโครงการที่น่าจับตามองของลอรีอัลคือ “L’Oréal For Youth” ซึ่งมุ่งเน้นการสร้างโอกาสให้คนหนุ่มสาวทั่วโลก โดยเชื่อมช่องว่างระหว่างการศึกษาและการทำงานจริง เพื่อช่วยเสริมทักษะที่จำเป็นในโลกยุคใหม่ เรื่องราวของผู้เข้าร่วมโครงการจากหลากหลายประเทศสะท้อนให้เห็นถึงโอกาสและพลังบวกที่ลอรีอัลมอบให้ 

คนคือหัวใจสำคัญของลอรีอัล

พนักงานเป็นหัวใจสำคัญที่ขับเคลื่อนการเติบโตของลอรีอัล ด้วยการสนับสนุนที่ครอบคลุมตั้งแต่การพัฒนาทักษะไปจนถึงสวัสดิการที่เป็นมิตร เช่น การลาพ่อ (Secondary Parental Leave) และการรองรับคู่รักเพศเดียวกัน ทำให้พนักงานสามารถมีชีวิตการทำงานและชีวิตส่วนตัวที่สมดุล 

ความเป็นผู้นำในด้านความหลากหลายระหว่างวัย

ลอรีอัลเล็งเห็นความสำคัญของการทำงานร่วมกันระหว่างคนรุ่นต่าง ๆ โครงการ “Generaciones” ในสเปนที่ประสบความสำเร็จ ถูกขยายไปสู่โครงการ “L’Oréal For All Generations” ซึ่งทำให้พนักงานทั้งรุ่นใหม่และเก่ายังคงสามารถแลกเปลี่ยนเรียนรู้และทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ

แบรนด์และความยั่งยืน: การสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์เพื่ออนาคต

ผลิตภัณฑ์ของลอรีอัลทุกชิ้นไม่ได้มีดีแค่ความสวยงาม แต่ยังยึดมั่นในความยั่งยืน ไม่ว่าจะเป็นแผนกผลิตภัณฑ์อุปโภคหรือความงามชั้นสูง โดย Kiehl’s นำเสนอความยั่งยืนผ่านโครงการ “Open Doors” ที่สนับสนุนกลุ่มเยาวชนและผู้มีความหลากหลายทางเพศ

การส่งเสริมให้พนักงานได้เติบโตและแสดงความคิดเห็นอย่างเต็มที่

ลอรีอัลมุ่งมั่นในการสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่เปิดกว้าง ทำให้พนักงานกล้าแสดงออกและนำเสนอไอเดียใหม่ ๆ ที่จะช่วยผลักดันบริษัทให้ก้าวไปข้างหน้า นอกจากนี้ยังจัดให้มีการฝึกอบรมทักษะและเส้นทางอาชีพที่ชัดเจนสำหรับพนักงานทุกคน

การสร้างเครือข่ายความร่วมมือเพื่อขับเคลื่อนโลก

ด้วยความร่วมมือระดับโลก เช่น Global Alliance for Youth ที่ร่วมกับองค์กรอื่น ๆ อย่างเนสท์เล่ ลอรีอัลช่วยแก้ปัญหาการตกงานของคนหนุ่มสาวและสนับสนุนการพัฒนาทักษะเพื่ออนาคตที่ยั่งยืน

อนาคตของลอรีอัล กรุ๊ป: การสร้างแรงบันดาลใจอย่างยั่งยืน

ลอรีอัลมองการณ์ไกลในการสร้างแรงบันดาลใจสู่การเปลี่ยนแปลงโดยใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมในการสร้างผลิตภัณฑ์ที่เข้ากับวิถีชีวิตของผู้บริโภคยุคใหม่ และวางแผนที่จะต่อยอดพันธกิจเพื่อขับเคลื่อนสังคมและสิ่งแวดล้อมให้ก้าวไปข้างหน้าด้วยความมั่นคงและยั่งยืน

ลอรีอัล กรุ๊ป - ความงามที่ขับเคลื่อนโลกด้วยคน

ลอรีอัล กรุ๊ปไม่ได้เป็นเพียงผู้นำในอุตสาหกรรมความงาม แต่ยังเป็นผู้บุกเบิกในการขับเคลื่อนความเปลี่ยนแปลงเชิงบวก ทั้งในด้านสังคมและสิ่งแวดล้อม ด้วยความตั้งใจและความมุ่งมั่นที่จะสร้างอนาคตที่ดีขึ้น การเดินทางสู่ความยั่งยืนและความหลากหลายที่แท้จริงจะทำให้ลอรีอัลสามารถก้าวไปข้างหน้าพร้อมกับคนทั่วโลก

ลอรีอัล กรุ๊ป ในประเทศไทย จับมือพันธมิตรเดินหน้าพัฒนาต่อยอดโครงการจัดจ้างผู้ขาดโอกาสทางสังคม (Inclusive Sourcing Program) เป็นปีที่ 11 มอบโอกาสที่เท่าเทียมทางอาชีพให้แก่ผู้ขาดโอกาสทางสังคม มุ่งเน้นการกระจายโอกาสในการทำงาน การสร้างอาชีพและรายได้ที่มั่นคงให้กับกลุ่มผู้พิการและผู้สูงอายุเพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับชุมชน พร้อมจัดงาน “Partnership Day” มอบรางวัลยกย่องพันธมิตรทั้งเก่าและใหม่ ที่ร่วมกันดำเนินโครงการอย่างเต็มกำลัง

และมุ่งขยายโครงการฯ ไปยังพันธมิตรทางธุรกิจให้มากขึ้น เพื่อช่วยสร้างอาชีพและรายได้ให้แก่ผู้ขาดโอกาสเพิ่มขึ้นในประเทศไทย นอกจากนั้น ภายในงานยังมีการอัปเดตการดำเนินงานด้านความยั่งยืนภายในประเทศ ตามวิสัยทัศน์ L’Oréal For The Future ที่มุ่งเร่งเปลี่ยนแปลงการดำเนินงานให้คำนึงถึงขีดจำกัดความปลอดภัยของโลก และร่วมแก้ไขปัญหาด้านสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างเร่งด่วนโดยทีมงานลอรีอัลด้วยเช่นกัน

นายแพทริค จีโร กรรมการผู้จัดการ ลอรีอัล ประเทศไทย เมียนมาร์ ลาว และกัมพูชากล่าวว่า “ในฐานะบริษัทผู้นำด้านความงามระดับโลกที่มีเป้าหมายในการสร้างความงามที่ขับเคลื่อนโลก ลอรีอัล ให้ความสำคัญในการทำงานที่ช่วยสร้างผลกระทบเชิงบวกทางสังคมและสิ่งแวดล้อมในทุกชุมชนที่เราดำเนินธุรกิจไปพร้อมๆ กับการเติบโตทางธุรกิจ นอกจากนั้น เรายังตระหนักดีถึงความหนักหนาของปัญหาที่โลกและสังคมกำลังเผชิญ และความจำเป็นที่ทุกๆ ฝ่ายต้องเข้ามามีส่วนร่วม เราจึงมุ่งส่งเสริมให้พันธมิตรทางธุรกิจของเรา ได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างโอกาสให้กลุ่มคนที่ขาดโอกาสทางสังคมผ่านโครงการจัดจ้างผู้ขาดโอกาสทางสังคม (Inclusive Sourcing Program) ซึ่งถือเป็นหนึ่งโครงการสำคัญ โดยลอรีอัล กรุ๊ป ได้ตั้งเป้าในการช่วยผู้ขาดโอกาสทั่วโลกเพิ่มขึ้นอีก 100,000 คนภายในปี 2030”

จากเป้าหมายของลอรีอัล กรุ๊ปในการช่วยผู้ขาดโอกาสทั่วโลกเพิ่มขึ้นอีก 100,000 คนภายในปี 2030 นั้น ในปี 2023 ได้ดำเนินโครงการไปแล้วทั้งสิ้น 429 โครงการครอบคลุมพื้นที่ 1,069 แห่งใน 67 ประเทศ และช่วยให้คนกว่า 93,165 คนให้สามารถเข้าถึงงานได้ โดยการทำงานครอบคลุมทั้งในด้าน การจ้างงานผู้ขาดโอกาส และการจัดซื้อวัตถุดิบจากชุมชน ซึ่งอยู่ภายใต้โครงการ Inclusive Sourcing และการให้โอกาสทางอาชีพผ่านการอบรบทักษะอาชีพเสริมสวยภายใต้โครงการ Beauty for a Better Life

“ในส่วนของลอรีอัล กรุ๊ป ในประเทศไทยนั้น เริ่มดำเนินโครงการ Inclusive Sourcing จัดจ้างผู้ขาดโอกาสทางสังคมมาตั้งแต่ปี 2014 จากจุดเริ่มต้นที่มีผู้ขาดโอกาสทางสังคมที่ได้รับประโยชน์ผ่านโครงการนี้ 6 คนในปีแรก มาเป็น 234 คนในปี 2024 และยังมีการขยายโครงการในการสร้างรายได้ให้บริษัทรายเล็กกลุ่ม SMEs และบริษัทสตรีเป็นเจ้าของ เรายังคงมุ่งหน้าผลักดันความร่วมมือกับพันธมิตรของเรา พร้อมกับการมองหาพันธมิตรใหม่ที่จะเข้าเป็นส่วนหนึ่งในการเส้นทางการสร้างความงามที่ขับเคลื่อนโลก ตามพันธกิจเพื่อความยั่งยืนของเรา พันธมิตรทางธุรกิจคือกุญแจความสำเร็จในการดำเนินโครงการนี้ของเรา Partnership Day ถือเป็นวันสำคัญที่ลอรีอัล กรุ๊ป ในประเทศไทย จัดขึ้นตั้งแต่ปี 2016 เพื่อเชิดชูเกียรติพันธมิตรทางธุรกิจ ที่มีวิสัยทัศน์และความมุ่งมั่นร่วมกัน ในการขับเคลื่อนสังคมอย่างยั่งยืน” นางสาวอรอนงค์ ประทักษ์พิริยะ ผู้อำนวยการฝ่ายกิจการองค์กรและสื่อสารสัมพันธ์ ลอรีอัล ประเทศไทย เมียนมาร์ ลาว และกัมพูชา กล่าวเสริม

 

ในปีนี้ ลอรีอัล กรุ๊ป ได้มอบรางวัลยกย่องพันธมิตรทั้งเก่าและใหม่ ที่ร่วมกันดำเนินโครงการอย่างเต็มกำลัง พันธมิตรประเภท Silver ได้แก่ บริษัท ฟรองค์ อินเตอร์เทรด จำกัด, พันธมิตรประเภท Gold ได้แก่ห้างหุ้นส่วนจำกัด เอส.ที.รีแพ็ค และพันธมิตรประเภท Platinum ได้แก่ บริษัท พีเอ็มจี อินทิเกรทเต็ด คอมมิวนิเคชั่นส์ (ประเทศไทย) จำกัด และยังได้ต้อนรับบริษัท SMEs และบริษัทที่มีสตรีเป็นเจ้าของที่ได้รับโอกาสการจ้างงานจากบริษัทฯ และในเป็นส่วนหนึ่งของโครงการนี้

นอกจากการมอบรางวัลยกย่องพันธมิตรแล้ว ลอรีอัล กรุ๊ปยังอัปเดตการดำเนินการตามวิสัยทัศน์เพื่อความยั่งยืน L’Oréal For The Future ซึ่งมีการดำเนินงานจริงจังในหลากหลายมิติ เพื่อบรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืนของกรุ๊ป ครอบคลุมในเรื่องของการต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ (Fighting Climate Change), การจัดการน้ำอย่างยั่งยืน (Manage Water Sustainably), เคารพความหลากหลายทางชีวภาพ (Respecting Biodiversity) และการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ (Preserving Natural Resources) โดยในส่วนของลอรีอัล ประเทศไทยนั้น มีการดำเนินงานเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม อาทิ การเริ่มนำรถบรรทุกพลังงานไฟฟ้า (EV Truck) มาใช้สำหรับการขนส่งสินค้าในกรุงเทพฯ และปริมณฑล และการใช้มาตรการเข้มงวดในการลดการขนส่งสินค้าทางอากาศ เพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดอ๊อกไซด์ อันเป็นส่วนหนึ่งของเป้าหมายการทำงานในด้านการแก้ไขปัญหาสภาพภูมิอากาศ

ภายในงาน ลอรีอัล ยังได้เสริมความเข้าใจร่วมกันในเป้าหมายด้านความยั่งยืนภายใต้ L’Oréal For The Future โดยเน้นในการทำงานในส่วนต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับทางพันธมิตร เพื่อให้การทำงานร่วมกันเป็นไปตามเป้าหมายด้านความยั่งยืน อาทิ การออกแบบและสร้างจุดวางสินค้าและร้านค้าบนหลักการความยั่งยืนที่คำนึงถึงการเลือกใช้วัสดุรีไซเคิลหรือสามารถนำไปรีไซเคิลได้เมื่อสิ้นอายุการใช้งาน การจัดงานอีเว้นท์ที่คำนึงถึงการใช้วัสดุและการลดขยะสิ้นเปลือง การทำการสื่อสารการตลาดบนกล่องบรรจุภัณฑ์ที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม

 ลอรีอัล กรุ๊ป ได้รับการยกย่องให้เป็นผู้นำด้านความโปร่งใสในการปฏิบัติงานและความยั่งยืนของภาคองค์กรธุรกิจจาก CDP เป็นเวลา 8 ปีติดต่อกัน โดยครองตำแหน่ง ‘A List’ ทั้งด้านการจัดการปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ การปกป้องป่าไม้ และการรักษาความมั่นคงของแหล่งน้ำ

ลอรีอัล กรุ๊ป ยืนหยัดเป็นบริษัทเพียงหนึ่งเดียวที่ได้คะแนน A ด้านสิ่งแวดล้อมทั้งสามด้านเป็นปีที่ 8 ติดต่อกันจาก CDP และเป็นหนึ่งในบริษัทเพียง 10 แห่งที่ได้คะแนน AAA ในปี 2566 จากทั้งหมด 21,000 บริษัทที่ได้รับการประเมิน

การเปิดเผยข้อมูลและกระบวนการให้คะแนนด้านสิ่งแวดล้อมประจำปีของ CDP นั้น ได้รับการยอมรับในวงกว้างว่าเป็นมาตรฐานสูงสุดสำหรับการวัดความโปร่งใสด้านสิ่งแวดล้อมในภาคองค์กรธุรกิจ

นิโคลา ฮิโรนิมุส ซีอีโอ ลอรีอัล กรุ๊ป กล่าวว่า “สำหรับลอรีอัลนั้น เรารู้สึกภูมิใจยิ่งที่สามารถรักษาระดับคะแนน ‘AAA’ เอาไว้ได้เป็นปีที่ 8 ติดต่อกัน ความสำเร็จนี้เป็นกำลังใจให้เรายึดมั่นในความพยายามที่เราได้เริ่มไว้ในฐานะผู้นำด้านความงามระดับโลก เมื่อเราได้ตัดสินใจครั้งสำคัญเพื่อที่จะเปลี่ยนแปลงธุรกิจของเราให้สอดคล้องกับปัญหาของสภาพภูมิอากาศ เรามุ่งมั่นว่าจะต้องดำเนินการเปลี่ยนแปลงธุรกิจให้สำเร็จในปี 2573 เมื่อพิจารณาถึงความยิ่งใหญ่ของปัญหาทางสังคมและสิ่งแวดล้อมที่รอเราอยู่เบื้องหน้าแล้ว หนทางเดียวที่จะสามารถรับมือได้ก็คือการร่วมมือกัน และเราก็มุ่งมั่นที่จะมีส่วนร่วมอย่างเต็มที่”

 

ความสำเร็จในครั้งนี้ตอกย้ำถึงการเปลี่ยนแปลงอย่างยั่งยืน และเป้าหมายปี 2573 ในโครงการ L’Oréal for the Future ของลอรีอัล กรุ๊ป ซึ่งครอบคลุมแกนการดำเนินงานในสามส่วน ได้แก่ การปฏิรูปตนเอง เสริมสร้างพลังให้กับระบบนิเวศทางธุรกิจ และร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการแก้ไขปัญหาความท้าทายที่โลกต้องเผชิญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ การจัดการน้ำอย่างยั่งยืน การเคารพในความหลากหลายทางชีวภาพ และการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ

CDP ได้ประเมินบริษัทต่าง ๆ ด้วยวิธีการที่ละเอียดและเป็นอิสระ โดยให้คะแนน A ถึง D- ที่ครอบคลุมเรื่องการเปิดเผยข้อมูล การสร้างความตระหนัก และการจัดการความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อม ตลอดจนแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดในด้านความเป็นผู้นำด้านสิ่งแวดล้อม เช่น การกำหนดเป้าหมายที่มุ่งมั่นและมีความหมาย ขณะที่บริษัทที่ไม่เปิดเผยข้อมูลหรือให้ข้อมูลไม่เพียงพอต่อการประเมินจะได้รับคะแนน F ในปีที่แล้ว มีการเปิดเผยข้อมูลเพิ่มขึ้น 24% ซึ่งเป็นแนวโน้มที่น่ายกย่องเป็นอย่างยิ่ง ทั้งนี้ การวางรากฐานเรื่องการเปิดเผยข้อมูลให้เป็นไปในแนวทางเดียว จะเป็นการดำเนินการที่แสดงให้เห็นว่า บริษัทนั้น ๆ มีความตั้งใจอย่างจริงจังที่จะรับบทบาทสำคัญในการร่วมสร้างอนาคตที่คาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์และผลลัพธ์ที่เป็นบวกต่อธรรมชาติ

สามารถดูรายชื่อบริษัททั้งหมดที่อยู่ใน A List ของ CDP ในปี 2566 ได้ที่ https://www.cdp.net/en/companies/companies-scores

ตอกย้ำผู้นำบิวตี้เทคด้วย ซีอีโอ นิโคลา ฮิโรนิมุส ร่วมกล่าวปาฐกถาพิเศษเปิดงาน CES เป็นครั้งแรกจากบริษัทความงาม

 ลอรีอัล กรุ๊ป (L’Oréal Groupe) เปิดตัว แอร์ไลท์ โปร (AirLight Pro) เครื่องเป่าผมรุ่นใหม่ซึ่งออกแบบร่วมกับสไตลิสต์ชั้นแนวหน้าเพื่อตอบโจทย์ผู้ใช้งานทั้งช่างผมมืออาชีพและผู้บริโภคทั่วไปเป็นครั้งแรกที่งาน CES® 2024 ลอรีอัล กรุ๊ป พัฒนาเครื่องเป่าผมสุดล้ำนี้ด้วยความร่วมมือกับ ซูวี (Zuvi) บริษัทสตาร์ทอัพด้านฮาร์ดแวร์ที่ก่อตั้งโดยวิศวกรด้านโดรนและกลุ่มนักวิทยาศาสตร์ชั้นนำ ด้วยการผสมผสานเทคโนโลยีแสงอินฟราเรดเข้ากับลมเพื่อการดูแลเส้นผม แอร์ไลท์ โปร จะช่วยให้เส้นผมดู นุ่มลื่น เรียบสลวยขึ้น ชุ่มชื้น ไม่แห้งชี้ฟู*1 และผมแห้งเร็วขึ้น*2 ด้วยการปรับปรุงประสิทธิภาพการถ่ายเทความร้อนกับเส้นผมทุกประเภท อีกทั้งยังใช้พลังงานน้อยลงถึง 31%*3

นิโคลา ฮิโรนิมุส (Nicolas Hieronimus) ซีอีโอของลอรีอัล กรุ๊ป ได้เปิดตัวเทคโนโลยีดังกล่าวซึ่งคว้ารางวัลนวัตกรรมจากงาน CES® 2024 พร้อมเผยรายละเอียดเกี่ยวกับการลงทุนเชิงกลยุทธ์ของบริษัทในด้านเทคโนโลยีความงาม ในช่วงการกล่าวปาฐกถาพิเศษช่วงเช้า ณ ห้องปาลาสโซ บอลรูม โรงแรมเวเนเชียน เมืองลาสเวกัส รัฐเนวาดา สหรัฐอเมริกา

“นับเป็นเวลา 115 ปีที่ลอรีอัล กรุ๊ป ได้ใช้ประโยชน์จากวิทยาศาสตร์ เพื่อสร้างสรรค์และส่งมอบประสบการณ์ความงามที่ตราตรึงให้กับผู้บริโภค ซึ่งช่วยเติมเต็มความปรารถนาด้านความงามของแต่ละบุคคล จากการพัฒนาแอร์ไลท์ โปร ร่วมกับซูวีนั้น เราได้พิสูจน์ให้เห็นว่า เทคโนโลยีสามารถเพิ่มประสิทธิภาพความงามผ่านการดูแลเส้นผมที่หลากหลาย ควบคู่ไปกับการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมที่เกิดจากเทคโนโลยี และนั่นคืออนาคตของความงามที่เราตั้งเป้าจะสร้างสรรค์”

รู้จักกับแอร์ไลท์ โปร

 ลอรีอัล กรุ๊ป บริษัทที่เชี่ยวชาญด้านวิทยาศาสตร์และอุตสาหกรรมการดูแลเส้นผมตั้งแต่ระดับเซลล์ไปจนถึงเส้นใยสำหรับผมทุกประเภท (ผมหยิก ผมตรง และผมหยักศก) ได้ร่วมมือกับ ซูวี สตาร์ทอัพด้านฮาร์ดแวร์ เพื่อพัฒนาเครื่องเป่าผมรุ่นใหม่สำหรับช่างผมมืออาชีพ ตลอดจนผู้บริโภคทั่วโลก ที่ให้ความสำคัญกับการดูแลเส้นผมผ่านเทคโนโลยีที่ก้าวล้ำ

“ภารกิจของซูวีคือการทำให้โลกดีขึ้นกว่าเดิมด้วยการพลิกโฉมเทคโนโลยีและสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ สำหรับอนาคต” หมิงหยู หวัง (Mingyu Wang) ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของซูวี กล่าว “เราสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่ยอดเยี่ยมโดยอาศัยความเชี่ยวชาญในด้านทัศนศาสตร์ อากาศพลศาสตร์ และการออกแบบอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เราภูมิใจอย่างยิ่งกับงานที่เราได้ทำมาจนถึงปัจจุบัน และล่าสุดเรายังได้พาร์ทเนอร์อย่างลอรีอัล ซึ่งเป็นบริษัทที่เชี่ยวชาญด้านการดูแลเส้นผมและความงามมายาวนานกว่า 100 ปี เพื่อยกระดับผลิตภัณฑ์ของเราขึ้นไปอีกขั้น เราจะร่วมกันพัฒนาเทคโนโลยีความงามที่ล้ำสมัยต่อไป”

ซูวีได้นำเทคโนโลยีไลท์แคร์ (LightCare™) ที่จดสิทธิบัตรมาใช้กับเครื่องเป่าผม เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์รุ่นแรกที่ใช้แสงอินฟราเรดและลมที่มีความเร็วสูง เพื่อทำให้ผิวชั้นนอกของเส้นผมแห้งอย่างมีประสิทธิภาพ ในขณะเดียวกันก็ยังคงความชุ่มชื้นไว้ภายในเส้นผม

ทีมวิศวกร ดีไซเนอร์ ช่างทำผม และนักวิทยาศาสตร์ กว่า 100 คน จากฝ่ายวิจัยและนวัตกรรมของลอรีอัล และซูวี ร่วมมือกันออกแบบแอร์ไลท์ โปร ในเชิงอุตสาหกรรม เพื่อพัฒนาเครื่องเป่าผมระดับมืออาชีพที่ช่วยกำจัดอุปสรรคหรือปัญหาที่จะส่งผลต่อประสิทธิภาพ อ้างอิงความคิดเห็นของเหล่าสไตลิสต์ชั้นนำ

ระดับมืออาชีพ แอร์ไลท์ โปร ช่วยให้เส้นผมชุ่มชื้นมากขึ้นถึง 33%*4 ผมดูนุ่มสลวยขึ้นถึง 59%*5 ผมแห้งเร็วขึ้น และยกระดับประสบการณ์ของผู้ใช้งาน อีกทั้งยังสามารถประหยัดพลังงานได้สูงสุดถึง 31%*6

 

แอร์ไลท์ โปร แตกต่างจากเครื่องเป่าผมระบบทำความร้อนทั่วไปที่มีเพียงแท่งความร้อน โดยมาพร้อมกับมอเตอร์ความเร็วสูงแบบ 17 ใบพัดพิเศษ และเทคโนโลยีอินฟราเรดที่ได้รับการจดสิทธิบัตร*7 ซึ่งขับเคลื่อนโดยหลอดทังสเตนฮาโลเจน ออกแบบมาเพื่อให้ผมแห้งเร็วโดยไม่ต้องใช้ความร้อนมากจนเกินไป ด้วยการทำให้ผิวชั้นนอกของเส้นผมแห้งอย่างมีประสิทธิภาพ จึงคงความชุ่มชื้นไว้ภายในเส้นผม ผลลัพธ์ที่ได้คือ ผมที่นุ่มสลวยเป็นเงางาม

แอร์ไลท์ โปร ผ่านการทดสอบจากลอรีอัลและผู้ใช้งานมากกว่า 500 คนที่มีเส้นผมหลากหลายประเภท เครื่องเป่าผมรุ่นนี้ถูกออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้แต่ละราย ฮาร์ดแวร์ เฟิร์มแวร์ และแอปทำงานได้อย่างราบรื่น เพื่อให้ผู้ใช้งานทุกคนสามารถปรับแต่งการตั้งค่าได้ตามความต้องการส่วนบุคคล

“นับเป็นเวลากว่าทศวรรษที่ฝ่ายวิจัยและนวัตกรรมของลอรีอัลได้สร้างสรรค์ศาสตร์แห่งความงาม (Beauty Science) รูปแบบใหม่ ซึ่งขับเคลื่อนโดยเทคโนโลยี Augmented Beauty ที่ตอบโจทย์ความต้องการที่มีมาอย่างยาวนานของผู้บริโภคได้อย่างแท้จริงด้วยผลลัพธ์ที่ไม่มีใครเทียบได้” บาร์บารา ลาแวร์โนส (Barbara Lavernos) รองซีอีโอ ฝ่ายวิจัย นวัตกรรม และเทคโนโลยี ของลอรีอัล กรุ๊ป กล่าว “แอร์ไลท์ โปร ซึ่งมีการยื่นจดสิทธิบัตรมากกว่า 150 ฉบับ ได้ผสานรวมความก้าวหน้าด้านความงามได้อย่างสมบูรณ์แบบ นับเป็นครั้งแรกที่บริษัทได้นำเสนอเครื่องเป่าผมที่สามารถดูแลเส้นผมและโลกใบนี้ไปพร้อม ๆ กัน”

ลอรีอัลได้ลงทุนด้วยการถือหุ้นส่วนน้อยในซูวีผ่านทาง BOLD Business Opportunities for L’Oréal Development ซึ่งเป็นกองทุน Corporate Venture Fund ของบริษัท

แอร์ไลท์ โปร จะเปิดตัว ในปี 2567 ที่สหรัฐอเมริกา ภายใต้แบรนด์ลอรีอัล โปรเฟสชั่นแนล ซึ่งเป็นแบรนด์ผลิตภัณฑ์สำหรับช่างผมมืออาชีพของลอรีอัล กรุ๊ป โดยเจาะกลุ่มทั้งช่างผมมืออาชีพและผู้บริโภค

 “ในฐานะแบรนด์ชั้นนำระดับตำนานและพันธมิตรที่ช่างผมมืออาชีพไว้วางใจเลือกใช้มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2452 ลอรีอัล โปรเฟสชั่นแนล ได้ยกระดับอุตสาหกรรมช่างผมมืออาชีพด้วยการเป็นผู้บุกเบิกคิดค้นนวัตกรรมใหม่ ๆ มาโดยตลอด” แอน มาเชต์ (Anne Machet) ผู้จัดการทั่วไปของลอรีอัล โปรเฟสชั่นแนล กล่าว “เรามีความยตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือกับซูวีคิดค้นเครื่องเป่าผมรุ่นใหม่อย่าง แอร์ไลท์ โปร ที่ขับเคลื่อนด้วยแสงอินฟราเรด เพื่อมอบประสิทธิภาพที่เหนือกว่าสำหรับเส้นผมทุกประเภท และยังลดการใช้พลังงานลงอย่างมาก ขึ้นแท่นคู่หูคนใหม่ที่สมบูรณ์แบบสำหรับช่างผมทุกคน!”

พบกับการกลับมาอย่างเต็มรูปแบบของการแข่งขันประชันไอเดียนวัตกรรมเพื่อธุรกิจ

Page 1 of 8
X

Right Click

No right click