แม้จะมีข่าวยืนยันแล้วว่าผู้ติดเชื้อที่หายจากอาการแล้วมีมากขึ้นเรื่อยๆ โดย ณ ตอนนี้ก็มีมากกว่า 5,000 รายแล้ว แต่เมื่อเปรียบกับจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่ ที่ยังเพิ่มในอัตรากว่า 2,000 คนต่อวันแล้ว เราก็ยังคงวางใจไม่ได้
รายงาน Situation Report ล่าสุดของ WHO (12 ก.พ.) ยืนยันว่ามีผู้ติดเชื้อถึง 45,171 ราย (อยู่ในจีนถึง 44,730 ราย) เสียชีวิตไปแล้วทั้งสิ้น 1,114 และยังมีที่อาการหนักอยู่อีกถึง 8,204 ราย
ท่านผู้อ่าน MBA สามารถคลิกเข้าไปดูข้อมูลของ WHO ได้ที่ลิงก์ข้างล่างตลอดเวลา เพราะถือเป็นข้อมูลซึ่งเชื่อถือได้มากที่สุดในขณะนี้
https://www.who.int/emergencies/diseases/novel-coronavirus-2019/situation-reports/
ตอนนี้เราเริ่มเห็นผลกระทบเชิงเศรษฐกิจอย่างเป็นรูปธรรมบ้างแล้ว ตัวอย่างเช่น ยอดขายมือถือไตรมาสแรกในจีน ซึ่งเป็นตลาดมือถือใหญ่ที่สุดของโลก ลดลงกว่าครึ่ง บริษัทเทคโนโลยีทางด้านไมโครโปรเซสเซอร์ชิพหลายแห่งในอเมริกา เริ่มลดประมาณการรายได้ในไตรมาสแรกลง อันเนื่องมาแต่ “Significant Uncertainty” จาก COVID-19 บริษัทผลิตเครื่องบิน Airbus ประกาศปิดโรงงานในจีนชั่วคราว ส่งผลกระทบต่อการผลิตเครื่องบินรุ่นสำคัญประมาณ 10% Tesla Model 3 ในจีน ประกาศจะส่งมอบล่าช้า Amazon.com ประกาศยกเลิกการเข้าร่วมงาน Mobile World Congress ในบาร์เซโลน่าแล้ว เนื่องจากไม่ต้องการให้พนักงานไปเสี่ยง และคาดว่าผู้มาชมงานคงจะลดลงมาก
ที่สำคัญคือตัวเลขการเดินเรือเข้าออกเมืองท่าสำคัญของจีนลดลงกว่า 20% ตั้งแต่กลางเดือนมกราคมเป็นต้นมา
นั่นแสดงถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นแล้วกับ Global Supply Chain เพราะจีนถือเป็นแหล่งผลิตใหญ่ที่สุดของโลก
ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้เราไปที่ไหน ต่างได้ยินคนพูดเหมือนกันว่า COVID-19 กระทบกับแผนการเดินทาง และแผนธุรกิจของพวกเขา เพื่อนสองคนที่กำลังจะไปล่องเรือสำราญจากโยโกฮาม่าไปขึ้นฝั่งที่ไต้หวัน ถูกยกเลิก ทั้งๆ ที่จองมาเป็นปีแล้ว ทริปทัวร์จีนทั้งหมดถูกยกเลิก การประชุมสัมมนา งานแสดงสินค้า และการดูงานต่างๆ ถูกยกเลิกร้อยเปอร์เซ็นต์ ตั๋วเครื่องบินจากทุกแห่งในโลกไปเมืองจีน ลดราคาลงกว่าครึ่ง เพื่อนๆ ที่วางแผนมาเป็นปีแล้วว่าต้องเดินทางผ่านเส้นทางปักกิ่ง-มองโกเลีย-ไซบีเรีย-มอสโคว เพื่อผ่านทางไปยุโรป ก็ต้องจำใจทิ้งตั๋ว ฯลฯ
เราสามารถยกตัวอย่างทำนองนี้ได้อีกหลายหน้ากระดาษ....
ลองคิดดูสิ ถ้าการเดินทาง การขนส่ง และธุรกิจที่ต้องสะดุดหยุดอยู่ หยุดกิจกรรมหรือชะลอช้าลง ถ้าภาวะเหล่านี้ ยังไม่จบลงหรือยังดำเนินต่อไปอีกเรื่อยๆ กิจกรรมในระบบทุนนิยมหลายส่วนก็จะสะดุดหยุดอยู่ แล้วมันจะส่งผลกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจโดยรวม ในระลอกต่อไปอย่างไร นอกเหนือไปจากปัญหา Supply Chain จากจีน อีกไม่นาน เราก็จะได้รู้ เมื่อบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ฯ ทยอยประกาศผลประกอบการไตรมาสแรกออกมา
บทความโดย: ทักษ์ศิล ฉัตรแก้ว