เมื่อปลายปีที่ผ่านมา สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า – NIDA) ได้จัดส่งทีมนักศึกษาสาขา MBA ไปร่วมการแข่งขัน Yangtze New Finance Cup, 2019 ซึ่งจัดโดย SAS China เพื่อเฟ้นหา Data Analytics Championship แม้เป็นเวทีแรกของนักศึกษาตัวแทนที่ไปร่วมการแข่งขัน แต่ก็สามารถผ่านเข้ารอบ 20 ทีมสุดท้าย และได้ขึ้นแสดงผลงานบนเวที นับเป็นประสบการณ์เปิดโลกทัศน์ของพวกเขาอย่างมาก และโอกาสนี้ที่ทีมตัวแทนร่วมแข่งขัน ซึ่งประกอบไปด้วย 3 นักศึกษาจะมาแบ่งปันประสบการณ์จากการแข่งขันในครั้งนั้น พร้อมคำชี้แนะกับน้องๆ หรือตัวแทนในอนาคตเพื่อเตรียมตัวสำหรับเวทีการแข่งขันในอนาคต
จากห้องเรียนสู่เวทีระดับโลก
กฤตเมธ บุญเพ็ง หรือ แมน นักศึกษาคณะบริหารธุรกิจ สาขาระบบสารสนเทศเพื่อการบริหาร เล่าถึงการรวมตัวกันเพื่อเข้าร่วมการแข่งขันในครั้งนี้ว่า “เรา 3 คนเรียนวิชา Data Mining กับ รศ.ดร.จงสวัสดิ์ จงวัฒน์ผล อาจารย์บอกว่ามีการแข่งขันอันนี้ ท่านถามว่ามีใครสนใจที่จะเข้าร่วมแข่งขันบ้าง พวกเราเลยตัดสินใจเข้าร่วมแข่งขัน”
ธนพล อริยประยูร หรือ ยอด นักศึกษาคณะบริหารธุรกิจ สาขาระบบสารสนเทศเพื่อการบริหาร เล่าว่า “การแข่งขันนี้จัดโดย SAS China ซึ่งจัดการแข่งขันทุกปีแต่ที่ผ่านมาเป็นการแข่งขันเฉพาะในประเทศจีน และปีนี้คือปี 2019 เป็นปีแรกที่เปิดเวทีระดับนานาชาติ จริงๆ โปรแกรม SAS เราใช้เรียนอยู่ในวิชา Data Mining อยู่แล้ว เราก็อยากจะเอาสิ่งที่เรียนมาไปลองใช้ในชีวิตจริง เมื่อมีโอกาสที่ทาง SAS China จัดการแข่งขันก็เป็นความท้าทายที่อยากเข้าร่วม”
กษมา สืบบุก หรือ บอส นักศึกษาคณะบริหารธุรกิจ สาขาการเงิน เล่าว่า “การแข่งขันปีนี้มีนักศึกษาจากสถาบันการศึกษาของไทย จีน ไต้หวัน ทั้งหมด 2,600 กว่าคน 1,000 พันกว่าทีมเข้าร่วมแข่งขัน โดยหนึ่งทีมจะมีประมาณ 3 คน ส่วนใหญ่จะเป็นนักศึกษาจากจีน สำหรับการฟอร์มทีมของเราเริ่มจากแมนเขาสนใจด้านนี้อยู่แล้ว เพราะเขาทำงานเป็นพนักงานวิเคราะห์ เขาก็มาชวนผม ชวนพี่ยอด”
โจทย์คือหาความสัมพันธ์ของธุรกิจ
แมน: เล่าถึงโจทย์ของการแข่งขันว่า “การแข่งขันจะมีสองรอบ รอบแรกทาง SAS China จะส่งข้อมูลและโจทย์มาให้ ข้อมูลที่ได้เป็นข้อมูล Index ของอุตสาหกรรมประเทศจีน 28 อุตสาหกรรมย้อนหลังไป 20 ปี โจทย์จะให้เราวิเคราะห์ว่า 28 อุตสาหกรรมนี้มีความเชื่อมโยงสัมพันธ์กันยังไง ถ้านักลงทุนในจีนต้องการลงทุนเขาจะต้องลงทุนอะไรเพื่อให้ได้ผลกำไรมากที่สุด ตอนได้ข้อมูลมาเราไม่รู้จริงๆ ว่าเราจะทำอะไรเกี่ยวกับข้อมูลพวกนี้ เราก็ไปค้นหาข้อมูลฟอรั่มจากต่างประเทศเกี่ยวกับการวิเคราะห์ข้อมูลด้านไฟแนนซ์ว่าเขาทำยังไงกันบ้าง พอเราจับทิศทางคนเก่งๆ ในโลกที่เขาทำได้ เราก็เริ่มเอาของคนนี้คนนั้นมาใช้ผสมกันไป”
บอส: เล่าว่า “พอเราได้ข้อมูลมาเราก็มาหาข้อมูลพื้นฐานก่อนว่าแต่ละอันมีความสัมพันธ์ยังไง แล้วก็วิเคราะห์กันว่าจะใช้โมเดลอะไร”
ยอด: เล่าเสริมว่า “โจทย์ข้อแรก เขาให้เราหาความสัมพันธ์ว่าในแต่ละอุตสาหกรรมมีความสัมพันธ์กันอย่างไร เช่น ถ้าอุตสาหกรรมก่อสร้างมีมูลค่าสูงขึ้นมีความเป็นไปได้หรือเปล่าที่อุตสาหกรรมเหล็กหรืออุปกรณ์ก่อสร้างจะมีมูลค่าสูงขึ้นไปตามไปด้วย ข้อสอง ให้เราหาความสัมพันธ์ของ 28 อุตสาหกรรมเลยว่ามีความสัมพันธ์กันยังไง โจทย์สุดท้ายเขาจะถามว่าถ้าเราเป็นนักลงทุนเราจะจัดพอร์ตการลงทุนยังไงให้ได้กำไรสูงสุด”
กว่าจะเป็น 20 ทีมสุดท้าย
ยอด: เล่าต่อว่า “หลังจากได้ข้อมูลมาแล้วก็นำข้อมูลมาศึกษาซึ่งเห็นความผิดปกติอยู่ 2 จุด เราก็พยายามหาข้อมูลว่าตอนนั้นเกิดอะไรขึ้น วิกฤตเศรษฐกิจหรือการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ข้อมูลที่เราหาเจอส่วนใหญ่เป็นภาษาจีนซึ่งก็เป็นอุปสรรคอย่างหนึ่งเหมือนกัน แต่เราผ่านเข้า 100 ทีมในรอบแรก”
แมน: เล่าเสริมถึงปัญหาที่พบอย่างหนึ่งว่า “เรามีปัญหาเรื่องการวิเคราะห์ข้อมูลเพราะเราเรียนคลาส Data Mining ไปแค่ 3-4 ครั้งเอง เรายังเรียนไม่ครบทั้งหมดจริงๆ เรางงเป็นไก่ตาแตกด้วยซ้ำเพราะเราไม่รู้จะวิเคราะห์ยังไง แต่โชคดีที่เราเข้าไปถามอาจารย์จงสวัสดิ์ ซึ่งทำหน้าที่เป็นโค้ชให้ ท่านก็แนะนำว่าเราควรจะทำอย่างไรจนออกมาเป็นรูปเป็นร่าง เรื่องเวลาที่มีน้อยก็เป็นปัญหาของเรา เขาให้เวลาเราแค่ 2-3 อาทิตย์ในการส่งผลงานรอบแรก พวกเราต้องทำงานจันทร์ถึงศุกร์จะมีเวลาทำก็ช่วงเลิกงานเราก็ทำไปจนถึงเที่ยงคืนตีหนึ่ง”
จากความช่วยเหลือของอาจารย์ทำให้ทีมสามารถผ่านการคัดเลือกรอบแรกได้
ยอด: เล่าว่า “อาจารย์จงสวัสดิ์ เข้ามาช่วยซัพพอร์ตเรา ผศ.ดร.กฤษฎา นิมมานันทน์ มาช่วยเรื่องการคิดวิเคราะห์ในตลาดหุ้น ผศ.ดร.ณัฐวุฒิ เจนวิทยาโรจน์ ท่านทำเรื่องวิจัยต้องมีการใช้โปรแกรม SAS อยู่แล้วและมีความเชี่ยวชาญเรื่องตลาดหุ้นด้วย อาจารย์ทั้ง 3 ท่านก็มาช่วยให้คำแนะนำพวกเราทั้งทีมและมาเป็นทีม”
บอส: เล่าถึงการเดินทางไปพรีเซนต์ที่ประเทศจีนว่า “เราไปถึงประเทศจีน เขาให้เราไปดูงาน ดูนวัตกรรมก่อน ผมมองว่าเป็นประสบการณ์ที่ดีมาก พอวันแข่งขันวันแรกเราจะต้องเจอกับกรรมการ 3 คนเพื่อคัดเลือกแต่เราก็เข้ารอบ 20 ทีมสุดท้ายได้ แม้ในครั้งนี้ที่เราไม่ได้รางวัลอะไร อาจเพราะเราสื่อความไม่ตรงกับความต้องการของคณะกรรมการ แต่เขาก็ให้เราขึ้นพรีเซ็นในฐานะทีมต่างชาติ”
ยอด: เล่าเสริมว่า “เขาจะปรับ Yangtze ให้เป็นเมืองหลักเรื่องการเงิน เขามีการพาดูนวัตกรรมของเขา คือต่อไปใครผ่านตม.แล้ว เวลาเดินในเมืองถ้ากล้องจับที่หน้าใครจะโชว์ประวัติของคนนั้นมาเลยว่าเป็นใคร”
แมน: เล่าเสริมต่อว่า “วันแรกของการแข่งขันเราต้องพรีเซนต์กับกรรมการ 3 คน คนหนึ่งมาจาก SAS China คนหนึ่งเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยของจีน อีกคนเป็นคนอยู่ในอุตสาหกรรมจริง”
การแข่งขันสร้างประสบการณ์ชีวิต
สำหรับประสบการณ์ที่ได้จากการแข่งขันนั้น
ยอด: เล่าว่า “สิ่งที่ติดตัวพวกเรามาจากการแข่งขัน คือ การขึ้นชื่อว่าเราเป็น Winner ถือว่าเป็นโปรไฟล์ที่ดีให้กับเรา อาจารย์จงสวัสดิ์พูดอยู่เสมอๆ ว่านักศึกษาปริญญาโท มาลงทะเบียนเรียนเท่ากัน เรียนสองปีเหมือนกัน แต่ได้อะไรกลับไปไม่เท่ากัน อันนี้จริงอย่างที่อาจารย์กล่าวเลย การแข่งขันครั้งนี้เปิดโอกาสให้เฉพาะนักศึกษาปริญญาโทที่ลงเรียนวิชานี้เท่านั้น เราไปทำงานเราก็ไม่ได้ประสบการณ์แบบนี้ น้องๆ ที่สนใจผมขอแนะนำให้สมัครเลย เพราะสิ่งที่ยากที่สุดคือตอนสมัครอยากให้ลองท้าทายตัวเองดู ท้าทายความรู้ที่เรียน”
แมน: เล่าเสริมอีกว่า “ผมมองว่าจะมีนักศึกษาปริญญาโทในไทยกี่คนที่จะได้รับโอกาสที่ดีแบบนี้ ผมคิดว่าเป็นประสบการณ์ที่ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสได้รับอีกเมื่อไหร่และจากที่ไหนอีก ผมรู้สึกว่าพวกเราได้ความกล้าที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ กล้าที่จะไปเรียนรู้บนเวทีนานาชาติ กล้าจะยอมรับว่าวันนี้เราอาจจะยังสู้จีนไม่ได้ เรายังสู้ไต้หวันไม่ได้ แต่ก็จะนำกลับมาปรับปรุงพัฒนาสำหรับเวทีต่อไปอาจจะในโลกของการทำงานจริงก็ไม่แน่”
“เราได้ประสบการณ์ เพราะเป็นเวทีต่างชาติที่เราได้มีโอกาสเข้าร่วม ได้พัฒนาภาษาอังกฤษด้วย เพราะใช้ภาษาอังกฤษกันตลอด” :บอส เล่าทิ้งท้าย
บทความ: กองบรรณาธิการ
ภาพ: อาทิตย์ กณฐัศว์กำพล