ทีทีบีไดรฟ์ โดยทีเอ็มบีธนชาต มุ่งมั่นส่งมอบประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า ด้วยบริการที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการเรื่องรถในทุกช่วงชีวิต สำหรับผู้ที่กำลังมองหารถมือสองในปีนี้ ทาง Roddonjai เว็บไซต์ซื้อขายรถมือสองคุณภาพโดนใจ เปิดหมวดพิเศษ “รถบ้านดูแลดี” ขายตรงจากเจ้าของรถตัวจริง พร้อมแคมเปญ “ขายรถเองบนรถโดนใจ ขายง่าย ขายไว ได้ราคาดี” ฟรีค่าตรวจสภาพรถยนต์ มูลค่า 1,500 บาทแก่ผู้ขาย

นายชัชฤทธิ์ ตั้งเถกิงเกียรติ์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หัวหน้าผลิตภัณฑ์ธุรกิจสินเชื่อรถยนต์ ทีเอ็มบีธนชาต เปิดเผยว่า หลังจากเปิดตัว Roddonjai แพลตฟอร์มออนไลน์ซื้อขายรถมือสองไปเมื่อปีที่ผ่านมา ปัจจุบันมีรถมือสองคุณภาพดีให้เลือกผ่าน Roddonjai.com ร่วม 16,000 คัน ซึ่งได้กระแสตอบรับที่ดีจากความโดดเด่นที่มุ่งคัดสรรรถยนต์มือสองใน 5 หมวดรถพิเศษ ที่คัดมาแต่รถโดน ๆ ที่รถโดนใจ ได้แก่ รถผู้บริหารวิ่งน้อย รถ 5 ดาวอายุไม่ถึง 5 ปี รถเทสจากโชว์รูม รถนางฟ้าเช็กแต่ศูนย์ และรถวารันตีเหลือ ซึ่งขายรถออกไปแล้วกว่า 12,000 คัน จากดีลเลอร์เต็นท์รถพันธมิตรชั้นนำมากกว่า 3,000 รายทั่วประเทศ  สำหรับในปี 2567 นี้ Roddonjai ได้เสริมทัพรถคัดคุณภาพจากแหล่งที่มาพิเศษเพิ่มเติม ในหมวดของ “รถบ้านดูแลดี” ซึ่งคาดว่าจะมีรถบ้านมาจำหน่ายบนเว็บไซต์ Roddonjai ไม่ต่ำกว่า 10,000 คัน และช่วยผลักดันยอดจำหน่ายรวมของรถยนต์มือสองของ Roddonjai เพิ่มขึ้นถึง 3 เท่า

สำหรับผู้ที่ต้องการขายรถบ้านเอง สามารถลงขายรถที่เว็บไซต์ Roddonjai ได้ง่าย ๆ ด้วยตัวเอง โดยลงทะเบียนเป็นผู้ขายประเภทบุคคลทั่วไป ระบุข้อมูลรถยนต์ และทำการนัดหมายการตรวจสภาพรถยนต์กับ Roddonjai มีแคมเปญ “ขายรถเองบนรถโดนใจ ขายง่าย ขายไว ได้ราคาดี” มอบสิทธิพิเศษให้เจ้าของรถที่ลงประกาศขายรถระหว่างวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2567 – 30 เมษายน 2567 รับโค้ดค่าตรวจสภาพรถยนต์ 274 จุด มูลค่า 1,500 บาท (ไม่รวมค่าใช้จ่ายในการเดินทาง) เพื่อนำมาใช้เป็นส่วนลดสำหรับการนำรถยนต์เข้าตรวจสภาพก่อนนำรถยนต์มาขายอีกด้วย

ผู้ขายรถบ้าน มั่นใจได้ว่าลงขายแล้วขายไวได้ราคา เพราะ Roddonjai มีเครื่องมือและแคมเปญช่วยขาย ตลอดทุกเดือน พร้อมสื่อโฆษณาฟรี ช่วยทำการตลาดออนไลน์ในทุก ๆ ช่องทาง โดนเข้าถึงกลุ่มผู้ซื้อได้ตรงกลุ่ม รถทุกคันที่ลงขายสามารถจัดสินเชื่อรถได้ทุกคัน บริการจัดสินเชื่อถึงที่ วงเงินอนุมัติสูงสุด 100% กับสินเชื่อรถยนต์ใช้แล้วทีทีบีไดรฟ์  ช่วยให้ผู้ซื้อสบายใจได้รถง่าย ผู้ขายได้เงินไว

“การมุ่งเจาะกลุ่มตลาดรถบ้าน เป็นการเสริมทัพรถคัดคุณภาพจากแหล่งที่มาพิเศษ เน้นรถที่มีการดูแลรักษาดี ผ่านการตรวจสอบความเป็นเจ้าของรถยนต์ก่อนประกาศขาย และเป็นการขายตรงจากเจ้าของรถตัวจริง หวังช่วยกระตุ้นตลาดรถยนต์มือสองในปีนี้ให้คึกคักขึ้น โดยรถทุกคันจะต้องผ่านการตรวจสอบคุณภาพรถยนต์สูงสุด 274 จุด ตามมาตรฐานของ Roddonjai นอกจากนี้ รถทุกคันยังสามารถจัดสินเชื่อด้วยบริการคุณภาพจากสินเชื่อรถยนต์ใช้แล้วทีทีบีไดรฟ์ ด้วยอัตราดอกเบี้ยคงที่เริ่มต้นที่ 2.79% ต่อปี และสามารถผ่อนได้นานสูงสุดถึง 84 เดือน กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริง 5.29% -15.00% (เงื่อนไขเป็นไปตามที่ธนาคารกำหนด)” นายชัชฤทธิ์กล่าวสรุป

เจ้าของรถที่สนใจนำรถยนต์จำหน่ายบนแพลตฟอร์ม Roddonjai สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก RoddonjaiTH และ LINE ID:@Roddonjai  หรือศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการขายรถบ้านของบุคคลธรรมดาบน Roddonjai ได้ที่ https://www.roddonjai.com/service/news-campaign/detail-promo?id=375

มุ่งทรานส์ฟอร์เมชัน แบบรอบด้าน ชู Ecosystem Play เพื่อส่งมอบประสบการณ์ที่เหนือกว่าให้ลูกค้าแบบครบวงจร

ทีเอ็มบีธนชาต หรือ ทีทีบี ร่วมสนับสนุนทัพนักกีฬาไทยไปแข่งขัน Olympic 2024 ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส กลางปีนี้ จับมือ “วีซ่า” จัดแคมเปญกีฬาโอลิมปิก 2024 พร้อมเชิญชวนชาวไทยร่วมส่งแรงใจไปเชียร์และร่วมลุ้นแชมป์ไปกับทัพนักกีฬาชาวไทย โดยเลือก กุลวุฒิ วิทิตศานต์ หรือ วิว แชมป์โลกแบดมินตันชายเดี่ยวคนแรกของไทย มาเป็นพรีเซนเตอร์บัตรเดบิตวีซ่า ttb all free Olympic Paris 2024 Limited Edition เนื่องจาก วิว เป็นคนมีความมุ่งมั่น มีวินัย และกล้าเปลี่ยนตัวเองเพื่อชีวิตที่ดีกว่าเดิม ทำให้จากเด็กโรคภูมิแพ้ในอดีตกลายมาเป็นแชมป์โลกแบดมินตันในวันนี้ มาเชิญชวนคนไทยให้กล้าลุกขึ้นมา “เปลี่ยน” สู่ชีวิตทางการเงินที่ดีกว่าเดิมทั้งวันนี้และอนาคต สอดคล้องกับความมุ่งมั่นของ ทีทีบี ที่พัฒนาโซลูชันการเงินให้ตอบโจทย์ตรงใจการใช้ชีวิตของคนรุ่นใหม่ที่มีความต้องการด้านการเงินที่หลากหลาย และช่วยให้คนไทยทุกช่วงวัยมีชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้นรอบด้าน

ในปีแห่งมหกรรมกีฬาระดับโลกโอลิมปิก ฤดูร้อนนี้ ทีทีบี ได้ร่วมกับ วีซ่า พันธมิตรทางการเงินที่แข็งแกร่ง และเป็นผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการของ Olympic Paris 2024 เปิดตัว “บัตรเดบิตวีซ่า ttb all free Olympic Paris 2024” Limited Edition ลายหน้าบัตรโอลิมปิก 2 ลายพิเศษ บัตรเดบิตใบแรกและใบเดียวที่ไม่มีค่าธรรมเนียมแรกเข้าและรายปี เพื่อส่งมอบประสบการณ์การใช้จ่ายระดับโลกเทียบเท่าบัตรเครดิตให้กับคนรุ่นใหม่ที่กล้าเปลี่ยน...เพื่อโอกาสทางการเงินที่เหนือกว่าเดิม

บัตรเดบิตวีซ่า ttb all free Olympic Paris 2024 Limited Edition ลาย Olympic Paris 2024 หน้าบัตร 2 ลายพิเศษ มีจำนวนจำกัดเพียง 20,000 ใบเท่านั้น เป็นบัตรเดบิตใบแรกและใบเดียวที่ปลอดค่าธรรมเนียมแรกเข้าและรายปี พร้อมสิทธิพิเศษส่วนลดสูงสุด 20% ตลอดปี จากร้านอาหารชั้นนำมากกว่า 600 ร้าน สามารถแตะชำระค่าโดยสารรถไฟฟ้าหรือค่าทางด่วนได้ ฟรีค่าธรรมเนียม FX Rate 2.5% เมื่อใช้จ่ายในต่างประเทศ นอกจากนี้ ยิ่งใช้ยิ่งได้เครดิตเงินคืนและของรางวัลจาก Olympic Paris 2024 เมื่อมียอดใช้จ่ายครบตามที่กำหนด พร้อมสิทธิ์คูณสอง ลุ้นไป Exclusive Olympic Paris 2024 Trip ร่วมชมพิธีปิดอย่างใกล้ชิด ดื่มด่ำกับความบันเทิงตลอด 5 วัน 4 คืน สำหรับผู้สมัครบัตรเดบิตวีซ่า ttb all free Olympic Paris 2024 Limited Edition ระหว่างวันที่ 1 พฤษภาคม – 30 มิถุนายน 2567 และมียอดใช้จ่าย 5,000 บาทขึ้นไปภายใน 30 วันแรกหลังออกบัตรจะได้รับกระเป๋าเป้ Olympic Paris 2024 Drawstring Bag Limited Edition 1 ใบ มูลค่า 800 บาท เพิ่มเติมด้วย

ทีทีบี ขอเชิญชวนคนไทยร่วมส่งกำลังใจและแรงเชียร์ให้ทัพนักกีฬาไทย รวมถึง วิว กุลวุฒิ อีกหนึ่งตัวเต็งลุ้นเหรียญทองแบดมินตันชายเดี่ยว ที่เป็นตัวแทนชาติไปแข่งขันมหกรรมกีฬาระดับโลก โอลิมปิก ปารีส 2024 ในครั้งนี้ พร้อมสนับสนุนคนไทยให้กล้าเปลี่ยน...เพื่อคว้าโอกาสสัมผัสประสบการณ์การใช้จ่ายระดับโลก ปลดล็อกทุกค่าธรรมเนียม ดื่มด่ำกับอิสรภาพทางการเงิน และสิทธิพิเศษเหนือระดับจากพันธมิตรชั้นนำเทียบเท่าบัตรเครดิต กับบัตรเดบิต Olympic Paris 2024 บัตรเดบิตใบแรกและใบเดียวที่จะช่วยให้ลูกค้าผู้ถือบัตรมีชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้นรอบด้านยิ่งกว่าเดิมอย่างแท้จริง

ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีทีบี หรือ ttb analytics ประเมินธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนปี 2567 สร้างรายได้ 3.22 แสนล้านบาท บนความท้าทายที่เริ่มเผชิญกับข้อจำกัดจากแนวโน้มประชากรที่ลดลง และแนวคิดในการใช้บริการที่เปลี่ยนแปลงไปจากการรักษาขยับขึ้นเป็นการป้องกัน เพื่อลดความเสี่ยงในการเข้ารับบริการในโรงพยาบาล ส่งผลให้รูปแบบการดำเนินธุรกิจของโรงพยาบาลเอกชนต่างไปจากเดิม

 ธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนเป็นธุรกิจที่มีการเติบโตแบบก้าวกระโดดในช่วงกว่า 10 ปีที่ผ่านมาจากโครงสร้างประชากรและอัตราการเจ็บป่วยที่เพิ่มขึ้น รวมถึงข้อบังคับทางกฎหมายที่กำหนดให้ผู้ประกอบการต้องขึ้นทะเบียนลูกจ้างเป็นผู้ประกันตน ส่งผลให้โรงพยาบาลมีรายได้เพิ่มจากระบบประกันสังคมโดยผู้ประกันตนที่มีสิทธิในการรักษาพยาบาลสูงถึง 13.7 ล้านคน รวมถึงสวัสดิการประกันกลุ่มที่บริษัทเอกชนมอบให้แก่พนักงานจำนวนกว่า 2.6 ล้านกรมธรรม์ นอกจากในมิติของจำนวนอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ธุรกิจโรงพยาบาลเป็นกลุ่มธุรกิจบริการที่ไม่อ่อนไหวต่อราคาและรายได้ จากการที่เป็นธุรกิจบริการที่จำเป็นและทดแทนไม่ได้ในมิติของคุณภาพและระยะเวลาการเข้ารักษา ส่งผลให้ธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนมีอำนาจในการส่งผ่านราคาค่าบริการได้ง่าย เป็นผลให้ค่าบริการของโรงพยาบาลเอกชนมีทิศทางปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในช่วงเวลาที่ผ่านมา ส่งผลให้มูลค่าตลาดของธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนสามารถขยายได้ต่อเนื่อง โดย ttb analytics ประเมินปี 2567 ธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนมีรายได้รวมสูงแตะ 3.22 แสนล้านบาท ขยายตัว 4% จากปี 2566 ที่มีรายได้รวม 3.14 แสนล้านบาท

 อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาตั้งแต่ปี 2565 ธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนฟื้นตัวและได้รับผลบวกจากวิกฤตโควิด-19 มีรายได้เติบโตถึง 29% โดยในปี 2566 ธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนเริ่มเห็นสัญญาณการเติบโตที่มีข้อจำกัดมากขึ้นกว่าในอดีต ส่วนหนึ่งมาจากลักษณะเฉพาะตัวของอุปสงค์กลุ่มผู้ใช้บริการในโรงพยาบาลเอกชนที่มีลักษณะคาดการณ์ไม่ได้ (Unpredictable Demand) หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งคือ จะมีการใช้บริการเมื่อมีการเจ็บป่วย ส่งผลให้ต้องอาศัยอัตราการเพิ่มขึ้นของประชากรจำนวนมากจึงจะสามารถสร้างจำนวนผู้ป่วยในอัตราที่พึงประสงค์บนเงื่อนไขที่อัตราการเข้าโรงพยาบาลคงที่ ดังนั้น ในช่วงปี 2566 ที่จำนวนประชากรเริ่มลดลงกอปรกับกระแสการตื่นตัวในการดูแลสุขภาพที่สูงขึ้นเพื่อหลีกเลี่ยงการเจ็บป่วยจากการที่ตระหนักถึงค่ารักษาพยาบาลที่สูงเมื่อเทียบกับรายได้ ที่แม้จะมีสิทธิ์ค่ารักษาพยาบาลจากประกันสุขภาพแต่ก็ยังพบว่า หลายครั้งผู้ใช้บริการยังต้องชำระเงินส่วนเกินของค่ารักษา ทำให้อัตราการเข้าโรงพยาบาลในอนาคตอาจมีแนวโน้มลดลง ส่งผลให้ธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนในภาพรวมเริ่มประสบความท้าทาย โดยการเติบโตของโรงพยาบาลเอกชนจะมีลักษณะเป็น K-Shape โดยแบ่งออกเป็นกลุ่มดังนี้

  กลุ่มที่ยังรักษาอัตราการเติบโตได้ดี คือ โรงพยาบาลเอกชนที่เน้นลูกค้าต่างชาติที่รายได้ในปี 2566 ยังขยายตัวได้ราว 15.3% จากความสามารถในการขยายตลาดเพื่อเพิ่มจำนวนผู้เข้ารับบริการจากคุณภาพการรักษาพยาบาลที่สูงบนราคาที่เข้าถึงได้ (High Quality Medical Service at an Affordable Price) ประเทศต่าง ๆ ในกลุ่มตะวันออกกลางที่ไทยได้เปรียบเรื่องราคาที่ต่ำกว่าเมื่อเปรียบเทียบในคุณภาพเดียวกันหรือสูงกว่า รวมถึงกลุ่มอุปสงค์ที่มีรายได้สูงในภูมิภาคอาเซียน เช่น กัมพูชา เมียนมาร์ ลาว ที่ไทยมีข้อได้เปรียบเรื่องคุณภาพของระบบสาธารณสุขที่มีมาตรฐานที่สูงกว่า

· กลุ่มที่เริ่มเผชิญข้อจำกัดในการขยายตัว คือ กลุ่มโรงพยาบาลเอกชนที่เน้นลูกค้าชาวไทย ที่รายได้รวมลดลง 18.3% ในปี 2566 เริ่มเผชิญข้อจำกัดจากจำนวนผู้ป่วยนอกที่ลดลงจากรายงานการสำรวจการเข้าโรงพยาบาลและสถานพยาบาลเอกชนในปี 2565 มีจำนวนผู้ป่วยนอก 58.5 ล้านราย เทียบกับ 58.8 ล้านรายในปี 2560 กอปรกับเมื่อพิจารณาบนบริบทที่ประชากรไทยกำลังเข้าสู่ช่วงลดลง ส่งผลให้ปริมาณอุปสงค์ของผู้ใช้บริการเริ่มมีข้อจำกัดในการขยายตัว รวมถึงในช่วงเวลาที่ผ่านมาค่ารักษาพยาบาลมีทิศทางปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นสัดส่วนที่สูงกว่าการเพิ่มขึ้นของรายได้ กดดันให้มีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของคนรุ่นใหม่ที่ใส่ใจสุขภาพมากขึ้นเพื่อลดความเสี่ยงของการเกิดโรคต่าง ๆ ในระยะยาว

 ดังนั้น บนสถานการณ์ปริมาณอุปสงค์ของผู้ใช้บริการในประเทศที่เข้ารักษาพยาบาลมีแนวโน้มลดลง รวมถึงในกลุ่มตลาดผู้ใช้บริการชาวต่างชาติที่แม้ยังมีพื้นที่ในการขยายตัวไม่ว่าจะมาจากจำนวนผู้ใช้บริการและราคาที่ยังปรับเพิ่มจากราคาเปรียบเทียบที่ยังต่ำกว่าประเทศต้นทางในบางประเทศ แต่ในระยะยาวการเติบโตบนบริบทที่ตลาดต่างชาติเริ่มเข้าสู่ภาวะอิ่มตัว การรักษาพยาบาลแบบดั้งเดิมอาจเริ่มเผชิญกับข้อจำกัด ซึ่ง ttb analytics มีความเห็นว่านับจากปี 2567 จะเป็นจุดเริ่มต้นของรูปแบบการดำเนินธุรกิจที่เปลี่ยนไปของกลุ่มโรงพยาบาลเอกชนในรูปแบบต่าง ๆ ดังต่อไปนี้

 1) การนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อเพิ่มอัตราการเข้าใช้บริการ เนื่องจาก ปัจจุบันโครงสร้างรายได้ของกลุ่มโรงพยาบาลเอกชน ส่วนหนึ่งมาจากระบบประกันสุขภาพ เช่น ประกันกลุ่มที่มีจำนวนกรมธรรม์สูงถึง 2.6 ล้านฉบับ ซึ่งตามสถิติ ผู้มีประกันกลุ่มเข้ารับบริการโรงพยาบาลเฉลี่ย 5.7 ครั้งต่อปี แต่อย่างไรก็ตามการใช้บริการโรงพยาบาลแม้ไม่ต้องเสียค่ารักษาพยาบาลกลับมีต้นทุนแฝงอื่น เช่น ค่าเดินทาง และการลางานที่อาจกระทบต่อผลการประเมินประสิทธิภาพงานในแต่ละปี ส่งผลให้บางครั้งผู้เข้ารับบริการที่มีอาการเจ็บป่วยเล็กน้อย (Minor Illnesses) อาจเลือกไม่เข้ารับบริการ ถึงแม้ตนมีสิทธิในการเข้ารับการรักษา ส่งผลให้การนำเทคโนโลยีมาใช้ เช่น Telemedicine สามารถเพิ่มความถี่ของการเข้ารับบริการให้เพิ่มสูงขึ้นแม้อาจไม่ได้เพิ่มในจำนวนของผู้รับบริการก็ตาม

2) การเพิ่มความต้องการเฉพาะของบริการทางการแพทย์ เพื่อลดข้อจำกัดเรื่องอุปสงค์ของกลุ่มผู้ใช้บริการที่คาดการณ์ไม่ได้ (Unpredictable Demand) ในการสร้างความจำเป็นพิเศษ (Special Needs) เพื่อรับบริการทางการแพทย์ ตัวอย่างเช่น ในกลุ่มโรงพยาบาลและคลินิกเฉพาะทาง เช่น การบำบัด การเสริมความงาม หรือแม้แต่เทรนด์เพื่อหลีกเลี่ยงการเจ็บป่วยด้วยเวชศาสตร์ป้องกัน (Preventive Care) ที่รายได้เติบโตด้วยอัตราเร่งที่ค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 3 ปี อยู่ที่ 30.2% โดยรายได้คาดการณ์ปี 2567 อยู่ที่ราว 4.2 หมื่นล้านบาท จากความสามารถในการตอบสนองความต้องการเฉพาะนอกเหนือจากเข้ารับบริการเพื่อวัตถุประสงค์ในการรักษาที่มีความถี่ในการใช้บริการต่ำและมีข้อจำกัดในการทำการตลาดจากการที่ไม่สามารถคาดการณ์การใช้บริการได้

3) การมุ่งเน้นให้เกิดรายได้หมุนเวียน (Recurring Income) เพื่อสร้างฐานรายได้เติบโตได้อย่างสม่ำเสมอจากผู้ใช้บริการที่คาดการณ์ได้ (Predictable Demand) โดยการเพิ่มเติมความจำเป็นพิเศษเพื่อเปลี่ยนมุมมองจากเดิมที่เข้ารับบริการเพื่อการรักษา (Treatment) สู่มุมมองร่วมสมัยที่เข้ารับบริการในรูปแบบเวชศาสตร์ป้องกัน (Preventive Care) ทำให้เกิดรูปแบบการให้บริการใหม่ที่มีความถี่สูงขึ้น เช่น เวชศาสตร์ฟื้นฟู บริการด้านสุขภาพ หรือกลุ่มอาหารเสริม รวมถึงการขยายรูปแบบบริการในธุรกิจดูแลผู้สูงอายุที่ตอบโจทย์ปัญหาของประเทศไทยที่กำลังจะเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุเต็มขั้น (Super Aged Society) บนบริบทของครอบครัวที่มีขนาดเล็กลงยิ่งเป็นปัจจัยหนุนให้ธุรกิจดูแลผู้สูงอายุมีทิศทางที่สามารถขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง

ทีเอ็มบีธนชาต หรือ ทีทีบี โดย นายปิติ ตัณฑเกษม (ที่ 2 จากขวา) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร พร้อมด้วย นางประภาศิริ โฆษิตธนากร (ขวาสุด) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านทรัพยากรบุคคล มอบรายได้จากการจำหน่ายสลากกาชาดทีทีบี ประจำปี 2566 จำนวน 9,152,586.08 บาท ให้แก่สภากาชาดไทย โดยมีนายขรรค์ ประจวบเหมาะ (ที่ 2 จากซ้าย) ผู้อำนวยการสำนักงานจัดหารายได้ สภากาชาดไทย เป็นผู้รับมอบ ณ  ทีเอ็มบีธนชาต สำนักงานใหญ่ โดยรายได้ดังกล่าวจะนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี อุปนายิกาผู้อำนวยการสภากาชาดไทย เพื่อนำไปช่วยเหลือสังคมและสาธารณกุศลต่อไป

X

Right Click

No right click