นางสาวชญานิน เกิดผลงาม ผู้ช่วยเลขาธิการ สายพัฒนามาตรฐานการกำกับ สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (ผู้ช่วยเลขาธิการ สำนักงาน คปภ.) เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (สำนักงาน คปภ.) ได้จัดทำกรอบแนวทาง เรื่อง การเปิดเผยข้อมูลด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล ของบริษัทประกันชีวิต และบริษัทประกันวินาศภัย เพื่อส่งเสริมธุรกิจประกันภัยได้ตระหนักถึงความสำคัญในการเปิดเผยข้อมูลดังกล่าว โดยกรอบแนวทางฉบับนี้จะเป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับการเตรียมความพร้อมให้ธุรกิจประกันภัยเข้าใจถึงความสำคัญของการดำเนินการด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล และสร้างความสามารถในการแข่งขัน สะท้อนการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน โปร่งใส ตรวจสอบได้ ตลอดจนแสดงถึงบทบาทความรับผิดชอบของธุรกิจประกันภัยต่อผู้มีส่วนได้เสีย อาทิ ผู้เอาประกันภัย คู่ค้า สังคมและชุมชน ตามกิจกรรมห่วงโซ่คุณค่าของการประกันภัย (Value chain) ในแต่ละมิติ ซึ่งจะช่วยดึงดูดความสนใจและสร้างความเชื่อมั่นแก่ผู้เอาประกันภัยและนักลงทุนที่ให้ความสำคัญด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล เพื่อนำไปสู่การเพิ่มโอกาสและสร้างผลตอบแทนในระยะยาว

ในการขับเคลื่อนการเปิดเผยข้อมูลด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาลสำหรับอุตสาหกรรมประกันภัยของสำนักงาน คปภ. ครั้งนี้ จะเป็นการยกระดับการเปิดเผยข้อมูลของธุรกิจประกันภัยให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากลและสนับสนุนธุรกิจประกันภัยในการปรับตัวให้เท่าทันกับมาตรฐานสากล แนวโน้มและทิศทางของทั่วโลกที่เล็งเห็นถึงความสำคัญของการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน ตามพันธกิจของสำนักงาน คปภ. ภายใต้แผนพัฒนาการประกันภัย ฉบับที่ 4 ที่มุ่งเน้นถึงการปรับตัวของธุรกิจให้เหมาะสมและเท่าทันกับมาตรฐานสากล ตลอดจนการมีบทบาทของธุรกิจประกันภัยในการสนับสนุนระบบเศรษฐกิจและสังคมอย่างยั่งยืน ซึ่งปัจจุบัน หน่วยงานกำกับธุรกิจประกันภัยทั้งในประเทศและต่างประเทศกำลังให้ความสำคัญ และแสดงจุดยืนเพื่อขับเคลื่อนเรื่องดังกล่าวอย่างชัดเจน

สำหรับแนวทางการพัฒนากรอบการกำกับดูแลแนวทางการเปิดเผยข้อมูลด้าน ESG ที่ผ่านมาได้มีการศึกษาแนวทางการกำกับดูแลจากทั้งมาตรฐานสากล เช่น มาตรฐานการกำกับดูแลธุรกิจประกันภัยสากล (International Association of Insurance Supervisors: IAIS) หลักการประกันภัยที่ยั่งยืน (Principles for Sustainable Insurance) มาตรฐานการเปิดเผยข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับสภาพภูมิอากาศ (Task Force on Climate-related Financial Disclosures: TCFD) มาตรฐานการรายงานความยั่งยืน (Global Reporting Initiative Standards: GRI) และแนวทางการกำกับดูแลเรื่องการเปิดเผยข้อมูลของหน่วยงานในประเทศ เช่น แบบแสดงรายการข้อมูลประจำปี (56-1 One report) และคู่มือการรายงานความยั่งยืนสำหรับบริษัทจดทะเบียนจนได้ผลการศึกษาและพัฒนาเป็นกรอบแนวทาง เรื่อง การเปิดเผยข้อมูลด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาลของบริษัทประกันชีวิต และบริษัทประกันวินาศภัย
ซึ่งประกอบด้วยแนวทางการเปิดเผยข้อมูลใน 3 มิติสำคัญ คือ

มิติแรก แนวทางการเปิดเผยข้อมูลในมิติด้านสิ่งแวดล้อม (Environment) โดยมีหัวข้อเกี่ยวกับการเปิดเผยข้อมูลในเรื่องของการบริหารจัดการสิ่งแวดล้อม และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

มิติที่ 2 แนวทางการเปิดเผยข้อมูลในด้านสังคม (Social) โดยมีหัวข้อเกี่ยวกับการเปิดเผยข้อมูลในเรื่องของความรับผิดชอบต่อผู้เอาประกันภัย การเพิ่มโอกาสการเข้าถึงการประกันภัย ความรับผิดชอบต่อสังคม การปฏิบัติต่อแรงงานอย่างเป็นธรรม และสิทธิมนุษยชน

มิติที่ 3 แนวทางการเปิดเผยข้อมูลในด้านธรรมาภิบาล (Governance) โดยมีหัวข้อเกี่ยวกับการเปิดเผยข้อมูลในเรื่องของนโยบาย โครงสร้าง และระบบกำกับดูแลกิจการ และจรรยาบรรณธุรกิจ การบริหารความเสี่ยง ความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์และการป้องกันข้อมูลส่วนบุคคล การพัฒนานวัตกรรม การจัดการห่วงโซ่อุปทานอย่างยั่งยืน และการลงทุนเพื่อความยั่งยืน

โดยสำนักงาน คปภ. ได้รับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากภาคธุรกิจประกันภัยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และได้รับผลตอบรับเป็นอย่างดี โดยเห็นพ้องร่วมกันให้มีกรอบแนวทางเพื่อเตรียมความพร้อมในเรื่องการเปิดเผยข้อมูลด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล และใช้เป็นแนวทางอ้างอิงในการเปิดเผยข้อมูลของบริษัทประกันภัยต่อไป

ทั้งนี้ สำนักงาน คปภ. ได้มีการเผยแพร่กรอบแนวทาง เรื่อง การเปิดเผยข้อมูลด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล ให้แก่บริษัทประกันภัย โดยสามารถดาวน์โหลดเอกสารดังกล่าวได้ที่ https://www.oic.or.th หัวข้อ แนวทางการกำกับ เรื่อง แนวทางการเปิดเผยข้อมูลของบริษัทประกันภัย

สมาคมที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) ได้เผยข้อมูลสถิติการสมัครสอบ TCAS67 รอบ 1 Portfolio พบมีนักเรียนจากทั่วประเทศให้ความสนใจสมัครในหลักสูตรต่าง ๆ ของมหาวิทยาลัยทักษิณ พุ่งสูงจำนวน 12,700 คน ซึ่งมีจำนวนผู้สมัครสูงเป็นอันดับที่ 2 ของมหาวิทยาลัยในภาคใต้ โดยมีผู้ผ่านการสมัครจำนวน 4,268 คน และมี นักเรียนยืนยันสิทธิ์แล้วจำนวน 2,392 คน คิดเป็น 56% ของผู้ผ่านการสมัคร

รศ.ดร.ณฐพงศ์ จิตรนิรัตน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยทักษิณ เปิดเผยว่า มหาวิทยาลัยทักษิณได้เปิดรับสมัครบุคคลเข้าศึกษาต่อในสถาบันอุดมศึกษาผ่านระบบ TCAS ประจำปีการศึกษา 2567 หรือ “TCAS67” รอบ 1 Portfolio จากแผนการรับนิสิตทั้งหมด จำนวน 2,267 คน แบ่งออกเป็นวิทยาสองวิทยา คือ  วิทยาเขตสงขลา จำนวน 1,430 คน และ วิทยาเขตพัทลุง จำนวน 837 คน ทั้งนี้ ผลปรากฏมีผู้สมัครเกือบ 1.3 หมื่นคน เพิ่มขึ้นมากกว่า 5 เท่าเมื่อเทียบแผนรับนิสิต โดยคณะยอดนิยมที่นักเรียนให้ความสนใจมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่ คณะศึกษาศาสตร์ คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์  คณะนิติศาสตร์ วิทยาลัยการจัดการเพื่อการพัฒนา และคณะเศรษฐศาสตร์และบริหารธุรกิจ ตามลำดับ

รศ.ดร.ณฐพงศ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า การสมัครและการยืนยันที่พุ่งสูงขึ้นเป็นผลมาจากการปรับโครงสร้าง การปรับปรุงหลักสูตรให้ทันสมัย ตอบสนองต่อความต้องการด้านการพัฒนากำลังคนของสังคม ความสนใจ แนวโน้มความต้องการของผู้เรียน โดยใช้แผนที่ทักษะ หรือ Skill Mapping เป็นเครื่องมือสำคัญ นอกจากนี้ยังได้ขยายโอกาสการในการจัดการเรียนรู้และพัฒนากำลังที่ตอบโจทย์ความต้องการครอบคลุมวิทยาการด้านสังคมศาสตร์ วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี ทั้งวิทยาเขตสงขลาและพัทลุงอีกด้วย

ในรอบสมัครถัดไป มหาวิทยาลัยทักษิณได้สร้างทางเลือกของผู้เรียนที่หลากหลายขึ้น เช่น หลักสูตร  2 ปริญญาในระดับปริญญาตรี ผ่านหลักสูตร 2 ปริญญาตรีควบปริญญาโท เป็นต้น “ใช้เวลาเรียน ค่าใช้จ่ายเท่าเดิม เพิ่มเติม ได้ 2 ปริญญา พัฒนาทักษะ สร้างเส้นทางอาชีพในหลายช่องทาง” ปีการศึกษาหน้าเป็นปีแรกที่มหาวิทยาลัยทักษิณเปิดรับนิสิตการศึกษาบัณฑิต วิชาเอกภาษาอังกฤษ เพิ่มจากกลุ่มปกติ โดยจัดการเรียนการสอนด้วยระบบนิเวศแบบสากล/นานาชาติ 100 เปอร์เซ็นต์  ในปีการศึกษา 2568 ยังเปิดหลักสูตรใหม่ อีกไม่น้อยกว่า 5 หลักสูตร  จากกระบวนการแผนที่ทักษะและการพัฒนาผู้เรียนบนฐานสมรรถนะ เป็นนิสิต/บัณฑิตพันธุ์ใหม่บนฐานอัตลักษณ์มหาวิทยาลัยทักษิณเพื่อเปิดโอกาสให้ผู้เรียน เสริมสร้างทักษะและสมรรถนะของผู้เรียนให้ตอบสนองต่อความต้องการของตลาดแรงงาน และตอบโจทย์สังคมโลกที่เปลี่ยนแปลง

เอไอเอ ประเทศไทย นำโดยนางสาวรพีพร วงศ์ทองคำ ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กรและภาพลักษณ์ นางสาวชลิดา นครชัย ผู้อำนวยการฝ่ายดิจิทัล เอ็กซ์ และนายพีร พนิตพล ผู้อำนวยการฝ่ายยูนิต ลิงค์ ได้ให้การต้อนรับทีมสโมสรชลบุรี เอฟซี นำโดย บิ๊กจี คุณจิระศักดิ์ โจมทอง ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด และสื่อในฐานะตัวแทนของ ฉลามชล สโมสรชลบุรี เอฟซี ซึ่งได้เดินทางมายังอาคารเอไอเอ ทาวเวอร์ เพื่อมอบกระเช้าปีใหม่ พร้อมขอบคุณเอไอเอ ประเทศไทย หนึ่งในผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการของสโมสรชลบุรี เอฟซี เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 8 กุมภาพันธ์ 2567 ที่ผ่านมา

เอไอเอ ประเทศไทย ได้ให้การสนับสนุน สโมสร ชลบุรี เอฟซี เป็นระยะเวลากว่าทศวรรษ ด้วยความมุ่งมั่นที่จะสร้างรากฐานและปลูกฝังให้ผู้คนและเยาวชนไทยหันมาใส่ใจ ดูแล และรักสุขภาพ โดยกีฬาฟุตบอลเป็นกีฬาที่ทุกคนเข้าถึงได้ง่าย และเป็นความฝันของเยาวชนไทยมากมาย อีกทั้งยังสร้างแรงบันดาลใจให้กับเยาวชนที่จะพัฒนาทักษะจนต่อยอดเป็นอาชีพในอนาคตได้ ซึ่งสะท้อนถึงพันธกิจของเอไอเอ ประเทศไทย ที่ต้องการสนับสนุนให้คนไทยมีสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้นตามคำมั่นสัญญา ‘Healthier, Longer, Better Lives’.

บ้านปู เน็กซ์ ผู้ให้บริการโซลูชันพลังงานสะอาดชั้นนำในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เผยเทรนด์สำคัญที่สะท้อนว่าองค์กรทั่วโลกต่างมุ่งมั่นที่จะบรรลุเป้าหมายด้าน Net-Zero อย่างจริงจังมากขึ้นโดยใช้นวัตกรรมพลังงานสะอาดเพื่อรับมือกับสภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลงอย่างเร่งด่วน ตั้งเป้าจำกัดอุณหภูมิโลกไม่ให้สูงขึ้นเกิน 1.5 องศาเซลเซียสเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดผลกระทบที่รุนแรงเกินแก้ไขหากอุณหภูมิโลกสูงขึ้นถึง 2 องศาเซลเซียส โดยเทรนด์ดังกล่าวยังสอดรับกับบทสรุปของการประชุมว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแห่งสหประชาชาติครั้งที่ 28 หรือ COP28 ที่เน้นย้ำบทบาทของภาคเอกชนในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ รวมถึงชูความสำคัญของการเปลี่ยนผ่านไปสู่ยุคพลังงานสะอาดอีกด้วย

การขับเคลื่อน Net-Zero ยังคงเดินหน้าอย่างต่อเนื่องเมื่อองค์กรขนาดใหญ่จำนวนมาก ต่างวางเป้าหมายในด้านดังกล่าวไว้อย่างเข้มข้น โดยรายงานของ Net-Zero Tracker หน่วยงานอิสระที่ติดตามการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั่วโลกระบุว่า 1,475 องค์กรจากกว่า 4,000 รายทั่วโลกกำหนดเป้าหมาย Net-Zero เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งจำนวนดังกล่าวเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับระยะเวลาเพียงไม่กี่ปีก่อนหน้านี้ โดยธุรกิจต่างๆ จากหลากหลายอุตสาหกรรมไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยีชีวภาพ เภสัชกรรม อาหารและเครื่องดื่ม เกษตรกรรม การโรงแรม ภาคการผลิต วัสดุอุปกรณ์ ค้าปลีก คมนาคมขนส่ง และพลังงาน ต่างเห็นความจำเป็นเร่งด่วนของการรับมือกับสภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง โดยดำเนินกลยุทธ์ที่ครอบคลุมทั้งการทำงานร่วมกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในการนำข้อมูลทางวิทยาศาสตร์มาใช้วางเป้าหมายขององค์กร การชดเชยด้วยคาร์บอนเครดิต รวมถึงการลงทุนในเทคโนโลยีและการบริหารการดำเนินงานที่ยั่งยืน

สำหรับประเทศไทย ทั้งแบรนด์ไทยและแบรนด์ต่างชาติจากแต่ละอุตสาหกรรมกำลังดำเนินกลยุทธ์เพื่อส่งเสริมความยั่งยืนภายใต้เป้าหมายที่จะสร้างเสริมโลกที่เป็นมิตรกับธรรมชาติมากยิ่งขึ้นและมุ่งสู่เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ อย่างเช่นนิคมอุตสาหกรรมหลักชัยเมืองยาง, บีทาเก้น, โครงการมิกซ์ยูสซัมเมอร์ ลาซาล, โรงเรียนนานาชาติรักบี้, ตลาดสามย่าน, เอฟเอ็น แฟคตอรี่ เอ๊าท์เลท, เดอะ แพลทินัม แฟชั่น มอลล์, เอ็นเอสแอล ฟู้ดส์, เกรท วอลล์ มอเตอร์ (ประเทศไทย), ดิ เอราวัณ กรุ๊ป และ ล็อกซเล่ย์  เป็นตัวอย่างองค์กรและแบรนด์ชั้นนำที่หันมาขับเคลื่อนธุรกิจไปพร้อมกับการลดการปล่อย CO2 ปริมาณมหาศาลต่อปี

ท่ามกลางความตื่นตัวด้านความยั่งยืนที่เติบโตขึ้นทั่วโลก บ้านปู เน็กซ์ เชื่อว่านวัตกรรมพลังงานสะอาด อาทิ แหล่งพลังงานหมุนเวียน ระบบกักเก็บพลังงาน ระบบบริหารจัดการพลังงาน ยานพาหนะพลังงานไฟฟ้า ตลอดจนเทคโนโลยีดักจับ กักเก็บ และใช้ประโยชน์คาร์บอน มีความจำเป็นต่อการบรรลุเป้าหมายด้าน Net-Zero เนื่องจากนวัตกรรมเหล่านี้มีบทบาทในการลดการปล่อยคาร์บอน จึงช่วยให้เกิดการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคพลังงานหมุนเวียน และนำไปสู่อนาคตที่ยั่งยืนในท้ายที่สุด โดยภายใต้ความมุ่งมั่นที่จะส่งเสริมอนาคตที่ดียิ่งขึ้นให้กับทุกคน บ้านปู เน็กซ์ เดินหน้าพัฒนาโซลูชันพลังงานสะอาดอย่างต่อเนื่องเพื่อขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านอย่างเป็นรูปธรรม และได้ช่วยให้คู่ค้าลดการปล่อยคาร์บอนได้ประมาณ 4 แสนตัน เทียบเท่าการปลูกต้นไม้ประมาณ 29 ล้านต้นถือเป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญต่อการขับเคลื่อนสังคมไร้คาร์บอนพร้อมทั้งสนับสนุนประเทศไทยเพื่อให้บรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี  พ.ศ. 2593 และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายใน พ.ศ. 2608

บ้านปู เน็กซ์ มุ่งมั่นเป็นผู้ให้บริการโซลูชัน Net-Zero ให้กับองค์กรทั่วทั้งภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก จึงเดินหน้าขับเคลื่อน 5 ธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ได้แก่ ธุรกิจพลังงานหมุนเวียน ธุรกิจแบตเตอรี่ ธุรกิจซื้อขายไฟฟ้า ธุรกิจอี-โมบิลิตี้ และธุรกิจพัฒนาเมืองอัจฉริยะและจัดการพลังงาน เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการรับมือกับสภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลงทั่วโลก นอกจากนี้ บ้านปู เน็กซ์ ยังมองหาโอกาสใหม่ๆ ในการเป็นพันธมิตรกับองค์กรด้านเทคโนโลยีและพลังงานสะอาดที่มีศักยภาพเพื่อเพิ่มขีดความสามารถและเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับระบบนิเวศธุรกิจโดยรวมอีกด้วย

บมจ.กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต นำโดย คุณฮันส์ วรันเกน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ฝ่ายทรัพยากรมนุษย์ และภาพลักษณ์องค์กร แอกซ่า อินเตอร์เนชั่นแนล มาร์เก็ต (คนที่ 6 จากซ้าย) คุณแซลลี่ โอฮาร่า ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (คนที่ 5 จากซ้าย) คุณบุปผาวดี โอวรารินท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ฝ่ายทรัพยากรมนุษย์ และภาพลักษณ์องค์กรและการสื่อสารองค์กร (คนที่ 6 จากขวา) พร้อมผู้บริหารระดับสูง กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต มอบส้มมงคล และอั่งเปา เพื่อขอบคุณ และเสริมสิริมงคลให้แก่พนักงานที่จะมาร่วมสร้างความปังตลอดปีมังกรทอง ณ สำนักงานใหญ่ อาคาร จี ทาวเวอร์ แกรนด์ รามา9 โดยกิจกรรมดังกล่าว ผ่านความมุ่งมั่นและความตั้งใจอย่างยิ่งในการสร้างให้ กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต เป็นสถานที่ทำงาน ที่สนับสนุนให้พนักงานมีความสุขในการทำงาน และเติบโตไปพร้อมกับองค์กร ซึ่งตอกย้ำความมุ่งมั่นของบริษัทฯ ที่พร้อมทั้งเคียงข้างทุกความเชื่อมั่น ดูแลกันตลอดไป

เพื่อสร้างรายได้ให้เกษตรกรชาวเขาอย่างยั่งยืน จำหน่ายผ่านบิ๊กซีทั่วประเทศ

กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ผนึกกำลัง 3 สถานีบริการน้ำมันรายใหญ่ “พีที พีทีที สเตชั่น และบางจาก” เข้ารับซื้อผลผลิตหอมแดง จ.ศรีสะเกษ กว่า 300 ตัน นำแจกเป็นของสมนาคุณให้กับผู้เติมน้ำมัน ในวันที่ 16-18 ก.พ.นี้ ในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล 600 สาขา เพื่อช่วยเหลือเกษตรกร และผลักดันราคาให้ปรับตัวสูงขึ้น  กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ เข้ารับซื้อผลผลิตหอมแดงจากพี่น้องเกษตรกร จ.ศรีสะเกษ ในปริมาณ 300 ตัน หรือ 400,000 แพค เพื่อนำมามอบเป็นของสมนาคุณให้กับผู้ใช้บริการ #เติมใจให้หอม ระหว่างวันที่ 16-18 ก.พ.2567 รวม 3 วัน หรือจนกว่าของจะหมด

ซึ่งกรมการค้าภายในได้ดำเนินการตามนโยบายของ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ที่ให้ความสำคัญกับราคาสินค้าเกษตร และเล็งเห็นถึงความเดือดร้อนของพี่น้องเกษตรกร โดยได้จัดกิจกรรมร่วมกับสำนักงานพาณิชย์จังหวัดศรีสะเกษ เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน และลำพูน เชื่อมโยงการรับซื้อผลผลิตพืช 3 หัว ผ่านกลไกเกษตรพันธสัญญาเป็นการล่วงหน้า ในราคานำตลาด ปริมาณรวม 30,175 ตัน ได้แก่ หอมแดง 14,475 ตัน หอมหัวใหญ่ 7,500 ตัน และกระเทียม 8,200 ตัน จากกลุ่มเกษตรกรทั้งหมด 21 กลุ่ม 4 จังหวัด 17 อำเภอ 32 ตำบล เพื่อกระจายไปยังโรงงานแปรรูป ห้างค้าส่ง-ค้าปลีก ห้างท้องถิ่น สถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิง รวมไปถึงรถโมบายพาณิชย์

การแจกของสมนาคุณ เติมใจให้หอม โดยคลอบคลุมพื้นที่ทั้งหมด 4 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพฯ และปริมณฑล (นนทบุรี ปทุมธานี และสมุทรปราการ) 600 สาขา จึงขอเชิญชวนให้พี่น้องประชาชนช่วยกันเข้ามาเติมน้ำมัน “รับหอมแดง” คุณภาพดีฟรี 1 ถุง เมื่อเติมน้ำมันตามเงื่อนไข เพื่อช่วยเกษตรกรไทยกระจายผลผลิตออกสู่ตลาด “ปัจจุบันผลผลิตหอมแดงของ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งเป็นแหล่งผลิตใหญ่ มีผลผลิตกว่าร้อยละ 50 ของประเทศ ทยอยออกสู่ตลาดหมดแล้ว ต่อไปจะเข้าสู่ฤดูกาลผลผลิตหอมแดงในพื้นที่ภาคเหนือ จ.เชียงใหม่ อุตรดิตถ์ ลำพูน และแม่ฮ่องสอน โดยกรมการค้าภายในมีแผนดำเนินการเชื่อมโยงอย่างต่อเนื่อง เพื่อทำให้พี่น้องเกษตรกรมีความมั่นใจได้ว่าจะมีตลาดรองรับผลผลิต และมีราคาดีขึ้นตลอดฤดูกาล ทั้งนี้ ผลจากการเข้าไปรับซื้อผลผลิตจากเกษตรกร ตั้งแต่เดือนช่วงเดือน ม.ค.2567 ซึ่งเป็นต้นฤดูกาลของผลผลิตส่งผลให้ราคาในภาพรวมปรับตัวอยู่ในเกณฑ์ดีขึ้นกว่าปีที่ผ่านมาอย่างต่อเนื่อง

โดยหอมแดงสดปีนี้ อยู่ที่ 13-15 บาท/กิโลกรัม (กก.) สูงกว่าปีก่อนที่ราคา 11 บาท/กก. เพิ่มขึ้นร้อยละ 36 และหอมแดงแห้งปีนี้ อยู่ที่ 40-50 บาท/กิโลกรัม (กก.) สูงกว่าปีก่อนที่ราคา 30-50 บาท/กก. เพิ่มขึ้นร้อยละ 33 แวะไป เติมใจให้หอม ได้ 3 สถานีบริการน้ำมันของ 3 ปั๊มใหญ่ ในเขตกรุงเทพและปริมณฑล 600สาขา หรือประชาชนท่านใดสนใจอุดหนุนช่วยเหลือเกษตรกรตรงจากจังหวัดศรีสะเกษได้ที่ กลุ่มเกษตรแปลงใหญ่หอมแดง อ.ราษีไศล และ อ.ยางชุมน้อย เบอร์ 097-3355983 หรือเพจเฟสบุ้ค ที่นี่หอมแดงราษี ยางชุม 061-1621498

ออเนอร์ (HONOR) ผู้ให้บริการอุปกรณ์อัจฉริยะชั้นนำระดับโลก ประกาศเปิดตัวและเผยโฉม HONOR Magic 6 Series และ HONOR Magic V2 RSR ในงาน Mobile World Congress 2024 (MWC2024) อีเวนต์จัดแสดงเทคโนโลยีสื่อสารไร้สายที่ใหญ่ที่สุดระดับโลก ณ บาร์เซโลนา ประเทศสเปน โดยปีนี้กำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 26 – 29 กุมภาพันธ์ 2567

HONOR ยืนยันเข้าร่วมงาน Mobile World Congress 2024 หรือ MWC2024 โดยภายในงานจะมีการเปิดตัว สมาร์ตโฟนระดับแฟลกชิปทั้ง 2 รุ่น ได้แก่ HONOR Magic 6 Series และ HONOR Magic V2 RSR พร้อมเผยแนวความคิดและแรงบันดาลใจในการดีไซน์ รวมถึงสเปคต่าง ๆ และนวัตกรรมเทคโนโลยีที่น่าสนใจ ตลอดจนคาดการณ์ว่าจะมีการเปิดราคาของสมาร์ตโฟนทั้งสองรุ่นในงานครั้งนี้ด้วย

HONOR ชวนทุกคนร่วมเป็นส่วนหนึ่งในอีกก้าวครั้งสำคัญและเป็นครั้งแรกของโลกกับการเปิดตัวสมาร์ตโฟนเรือธง HONOR Magic 6 Series และ HONOR Magic V2 RSR ในงาน MWC2024 โดยเป็นการเปิดตัวในฝั่งของ Global ที่เปิดโอกาสให้ทุกคนรับชมพร้อมกันแบบสด ๆ ในวันอาทิตย์ที่ 25 กุมภาพันธ์ 2567 เวลา 20.00 น. เป็นต้นไป ตามเวลาประเทศไทย สามารถรับชมได้ผ่านทางเว็บไซต์ www.hihonor.com/th/events/honor-mwc

ผู้ที่สนใจผลิตภัณฑ์จากแบรนด์ HONOR สามารถสอบถามข้อมูลและซื้อสินค้าได้ที่ HONOR Experience Store ทุกสาขา, BaNANA, AIS Shop, TG Fone, Jaymart และร้านค้าตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.hihonor.com/th หรือติดตามข่าวสารและกิจกรรมได้ที่เฟซบุ๊ก HONOR Thailand

สำนักการสังคีต กรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม ร่วมกับ มูลนิธิสุทธิรัตน์ อยู่วิทยา จัดการแสดงสุดยิ่งใหญ่ครั้งประวัติศาสตร์ของประเทศไทย ผสานสองมรดกที่ขึ้นทะเบียนรับรองโดยองค์การการศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) “โขน - มรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้” และ “วัดไชยวัฒนาราม – โบราณสถานที่ตั้งอยู่ในเขตมรดกโลก” กับการแสดงโขนประกอบแสงสี เรื่องรามเกียรติ์ ชุด สัจจะพาลี ณ วัดไชยวัฒนาราม จ.พระนครศรีอยุธยา ในวันที่ 9-10 มีนาคม 2567 เพื่อสืบสานและเชิดชูวัฒนธรรมไทยอันทรงคุณค่า สอดคล้องกับปณิธานในการดำเนินงานของทั้งสองหน่วยงานที่มุ่งหมายในการอนุรักษ์และเผยแพร่ศิลปวัฒนธรรมของประเทศไทย รวมทั้งส่งเสริมการมีส่วนร่วมในการสืบสานวัฒนธรรมและประเพณีอันดีงามของไทยให้เป็นที่ประจักษ์แก่ประชาชนชาวไทย รวมถึงในระดับนานาชาติ

นายพนมบุตร จันทรโชติ อธิบดีกรมศิลปากร กล่าวว่า “เพื่อตอบสนองนโยบายซอฟท์พาวเวอร์ของรัฐบาล และส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงศาสนาและศิลปวัฒนธรรม กรมศิลปากรได้ดำเนินโครงการ "ราตรีนี้ที่วัดไชยวัฒนาราม" ตั้งแต่พฤศจิกายน 2566 ที่ผ่านมาและได้รับการตอบรับที่ดีจึงได้สานต่อโครงการไปถึงสิ้นเดือนเมษายน 2567 นี้ ภายใต้ชื่องาน "ยามค่ำอยุธยา ๒๕๖๗ - Ayutthaya Sundown 2024" เพื่อให้ผู้เข้าชมได้สัมผัสความงดงามของโบราณสถานยามราตรี และร่วมกิจกรรมทางศิลปวัฒนธรรมต่าง ๆ โดยมีจุดเด่นคือการจัดแสดงโขนประกอบแสงสี โดยสำนักการสังคีต ร่วมกับมูลนิธิสุทธิรัตน์ อยู่วิทยา ที่ถือเป็นการแสดงครั้งประวัติศาสตร์ของประเทศไทย เราขอขอบคุณมูลนิธิสุทธิรัตน์ อยู่วิทยา ที่ตระหนักถึงคุณค่าของศิลปวัฒนธรรมไทย มีความตั้งใจสืบสานและอนุรักษ์มรดกอันล้ำค่าไว้ให้คนรุ่นต่อ ๆ ไป ที่นับเป็นตัวอย่างที่ดีของความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนเพื่อขับเคลื่อนด้านวัฒนธรรมของชาติให้เป็นที่ประจักษ์ทั้งคนในประเทศ และนานาประเทศ จึงขอเชิญชวนให้มาร่วมชมการแสดงครั้งสำคัญนี้ด้วยกันครับ”

นายลสิต อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักการสังคีต กล่าวว่า “สำนักการสังคีต ให้ความสำคัญในการดำเนินงานโครงการจัดการแสดงนาฏศิลป์และดนตรีสัญจรไปยังภูมิภาคต่าง ๆ ของประเทศไทย เสมือนเรา “ยกโรงละครแห่งชาติออกไปหาประชาชน” โดยสร้างสรรค์และปรับองค์ประกอบการแสดง เล่าเรื่องให้กระชับและชวนติดตาม รวมทั้งผสานเทคโนโลยีอันทันสมัยมาเพิ่มอรรถรสในการชม ที่ไม่เพียงให้ถูกใจผู้ที่ติดตามการแสดงของเราเป็นประจำอยู่แล้ว แต่เรายังหวังให้คนรุ่นใหม่ รวมทั้งประชาชนนอกกรุงเทพฯ ได้มีโอกาสชมการแสดงที่มีคุณค่าแก่การอนุรักษ์ได้อย่างสะดวกยิ่งขึ้น  การแสดงชุด “สัจจะพาลี” ที่จัดขึ้นที่วัดไชยวัฒนารามครั้งนี้ ถือเป็นอีกตอนที่มีความสำคัญของเรื่องรามเกียรติ์  ไม่เพียงมีเนื้อหาที่สนุกสนาน ยังเป็นตอนที่รวบรวมตัวละครเอกของเรื่องเอาไว้มากมาย  รับรองได้ว่าผู้ชมจะได้รับชมอย่างมีความสุขแน่นอน”

นายสมคิด รุจีปกรณ์ กรรมการและเลขาธิการมูลนิธิสุทธิรัตน์ อยู่วิทยา กล่าวว่า “มูลนิธิฯ ก่อตั้งมากว่า 20 ปี มีวัตถุประสงค์เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตและสร้างความเปลี่ยนแปลงที่ดีอย่างยั่งยืนแก่คนในสังคมไทย หนึ่งในแนวทางหลักของการดำเนินงาน เราให้ความสำคัญกับการส่งเสริมและอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมเพราะเป็นสิ่งที่แสดงถึงอัตลักษณ์ที่ดีงามของชาติไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนรุ่นใหม่ที่เราอยากให้พวกเขาได้สัมผัส เรียนรู้ และร่วมสืบสานสิ่งอันมีค่าเหล่านี้ ที่ผ่านมามูลนิธิฯ ร่วมมือกับกรมศิลปากรเพื่อดำเนินการโครงการต่าง ๆ อาทิ โครงการพัฒนาศักยภาพทักษะด้านช่างเพื่อบูรณะจิตรกรรม ประติมากรรมไทย โครงการเรียนรู้ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมในพื้นที่จริงนอกโรงเรียนให้กับคุณครู เพื่อใช้ในการออกแบบการเรียนการสอนให้สอดคล้องกับหลักสูตร ผ่านเส้นทางทัศนศึกษาโบราณสถาน รวมถึงโครงการบูรณะโบราณสถานของไทย และครั้งนี้เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้ร่วมจัดงานแสดงโขนซึ่งถือเป็นศิลปะการแสดงชั้นสูงของไทยที่รวมศิลปะ หลายแขนงเข้าไว้ด้วยกัน เราหวังว่านอกจากจะสร้างความประทับใจให้กับผู้ที่มีโอกาสได้มาชมแล้ว ยังถือเป็นการช่วยสืบสานวัฒนธรรมไทยที่เป็นมรดกอันล้ำค่าให้ดำรงสืบไปอย่างงดงาม”

การจัดแสดงโขนประกอบแสงสี เรื่องรามเกียรติ์ ชุด สัจจะพาลี เป็นการแสดงสุดตระการตาครั้งประวัติศาสตร์ ที่ผสมผสานสองสุดยอดแห่งศิลปะไทยซึ่งได้รับการยอมรับในระดับสากลอย่างการแสดงโขน ที่ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้จากองค์การยูเนสโก โดยมีฉากหลังเป็น วัดไชยวัฒนาราม จ.พระนครศรีอยุธยา หนึ่งในโบราณสถานแห่งสำคัญของไทย ที่มีเรื่องราวทางประวัติศาสตร์อันมีเอกลักษณ์ทางสถาปัตยกรรม ศิลปกรรม และเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญที่ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโกด้วยเช่นกัน ครั้งนี้นับเป็นโอกาสอันดีที่ประชาชนจะได้สัมผัสกับการแสดงสุดยิ่งใหญ่ พร้อมเทคนิกแสง สี เสียงอันทันสมัย รวมถึงการออกแบบเวทีการแสดงที่วิจิตรบรรจงและกลมกลืนกับสถานที่ในทุกมิติ นอกจากนี้ ยังมีการบรรเลงวงออร์เคสตรา โดยวงดุริยางค์สากล สำนักการสังคีต กรมศิลปากร จัดแสดงก่อนการแสดงโขนให้ผู้เข้าชมได้เพลิดเพลินและดื่มด่ำกับบรรยากาศยามอาทิตย์อัสดง ในสถานที่แห่งประวัติศาสตร์แห่งนี้อย่างเต็มอิ่มอีกด้วย

การแสดงโขนประกอบแสงสี เรื่องรามเกียรติ์ ชุด สัจจะพาลี จัดแสดงในวันที่ 9 – 10 มีนาคม 2567 เวลา 17:30 น. ณ วัดไชยวัฒนาราม จ.พระนครศรีอยุธยา สามารถเข้าชมได้ฟรี โดยผู้ชมเพียงชำระค่าเข้าโบราณสถานวัดไชยวัฒนารามเพียง 10 บาทต่อท่าน ซึ่งรายได้จากส่วนนี้ทางโบราณสถานจะนำไปบำรุงสถานที่ต่อไป

เอไอเอ ประเทศไทย นำโดย นางอลิสา สิมะโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ รับรางวัล EASE 2.0 Awards 2023 จากกลุ่มบริษัทเอไอเอ โดยเอไอเอ ประเทศไทย กวาดรางวัลมาได้มากที่สุดถึง 8 รางวัล นับเป็นความภาคภูมิใจและเป็นรางวัลเกียรติยศซึ่งจัดการแข่งขันในกลุ่มบริษัทเอไอเอทั้งสิ้น 16 ประเทศทั่วภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิก โดยพิจารณาจากความสำเร็จของฝ่ายปฎิบัติการที่เน้นหลักการทำงาน 4 ประการ ได้แก่ การเข้าใจลูกค้า การทำงานแบบอัตโนมัติ การทำได้ง่าย และการมีส่วนร่วม สำหรับเอไอเอ ประเทศไทยในปีนี้ ได้แสดงผลงานด้านการบริการที่โดดเด่น โดยเน้นการสร้างประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมให้แก่ลูกค้า ลดขั้นตอนการทำงานที่ไม่จำเป็น นำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยอำนวยความสะดวก พร้อมทั้งสามารถสร้างยอดขายที่เพิ่มขึ้นได้อย่างก้าวกระโดดอีกด้วย ซึ่งรางวัลที่ได้รับในหมวดต่าง ๆ มีดังนี้

  • 3 Clicks Award: พัฒนาระบบพิจารณารับประกันภัยอัตโนมัติ เพื่อให้ลูกค้าเดิมสามารถซื้อกรมธรรม์ใหม่ได้สะดวกรวดเร็วที่สุด
  • Call to Click Award: นำเทคโนโลยีต่าง ๆ มาปรับใช้และอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้า ส่งผลให้ปริมาณสายที่ติดต่อเข้ามายังเจ้าหน้าที่ Call Center ลดลงสูงสุดเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา
  • Quick Pass Auto-UW Award: พัฒนาให้ระบบสามารถพิจารณารับประกันภัยแบบอัตโนมัติได้อย่างสะดวกรวดเร็ว โดยมีอัตราการพิจารณางานแบบอัตโนมัติเพิ่มขึ้นสูงสุด
  • Straight-to-ToP Buy Award: เพิ่มความสามารถในการพิจารณารับประกันภัยแบบอัตโนมัติทั้งกระบวนการ โดยมีอัตราการพิจารณาอนุมัติกรมธรรม์แบบอัตโนมัติเพิ่มขึ้นสูงสุด
  • Straight-to-ToP Overall Award: พัฒนาระบบและปรับปรุงกระบวนการบริหารกรมธรรม์ตั้งแต่การรับประกันภัย การบริการ จนถึงกระบวนการจ่ายสินไหม โดยมีอัตราการดำเนินงานแบบอัตโนมัติ (Straight Through Processing) เพิ่มขึ้นสูงสุด และเป็นอันดับ 2 ของกลุ่มบริษัท เอไอเอ
  • Persistency Pioneers Award: คิดค้นและพัฒนากระบวนการเพื่อเพิ่มอัตราความยั่งยืนของกรมธรรม์ได้สูงที่สุด
  • Mountain Mover Award - Best Business Unit:  ประเทศที่ปรับปรุงและพัฒนากระบวนการทำงานอย่างโดดเด่นที่สุด และได้รับรางวัลในหลายมาตรวัดมากที่สุดของกลุ่มบริษัทเอไอเอ

นอกจากนี้ นางอลิสา สิมะโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ ยังได้รับรางวัลอันทรงเกียรติ Best Chief Life Officer Award ซึ่งแสดงถึงความยอดเยี่ยมในฐานะผู้นำฝ่ายปฎิบัติการของเอไอเอ ที่มีวิสัยทัศน์ก้าวไกล เปิดรับการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ พร้อมกับไม่หยุดนิ่งที่จะปรับปรุงและพัฒนากระบวนการดำเนินงานให้สอดรับกับสังคม สิ่งแวดล้อม และความต้องการของลูกค้าในปัจจุบัน เพื่อมุ่งสนับสนุนให้สังคมและคนไทยทั่วประเทศมีสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้น ‘Healthier, Longer, Better Lives’

X

Right Click

No right click