ดันเงินบาทแข็งแกร่ง ขณะที่แรงกดดันเงินเฟ้อแผ่วลง  

มาตรฐานความรู้ด้านสายงาน Digital Marketing ครั้งแรกของไทย

จุดประกายการเรียนรู้ สร้างความเข้าใจ ช่วยลดปัญหาการบูลลี่ในรั้วโรงเรียน

ครีมอาบน้ำที่ต้านไหวทุกกิจกรรมให้ทุกคน “สะอาดทั้งตัว ชัวร์ทั้งบ้าน”

สร้างเส้นทางใหม่ในการเชื่อมโยงการศึกษา การค้า และการลงทุน

ทีเอ็มบีธนชาต หรือ ทีทีบี ครองอันดับหนึ่งธนาคารด้าน ESG ต่อเนื่อง ด้วยการคว้าสองรางวัลทั้งในเวทีระดับประเทศและนานาชาติ หลังต้อนรับศักราชใหม่ ปี 2567 ด้วยการครองอันดับหนึ่งธนาคารที่มีคะแนนด้าน ESG สูงสุดต่อเนื่องเป็นปีที่ 5 จากการประเมินโดย Fair Finance Thailand โดดเด่นในหมวดการคุ้มครองผู้บริโภค และขยายบริการทางการเงิน โดยล่าสุดคว้ารางวัล Best Environmental Sustainability Bank จากเวที International Finance Awards 2023 ตอกย้ำแนวคิดการทำงานแบบ Make REAL Change มุ่งสร้างการเปลี่ยนแปลงผสานธุรกิจและความยั่งยืน ตามกรอบ B+ESG ก้าวสู่ “การธนาคารเพื่อความยั่งยืน”  

นายปิติ ตัณฑเกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ทีเอ็มบีธนชาต เปิดเผยว่า ทุกวันนี้ทั่วโลกต่างให้ความสำคัญกับแนวคิดการดำเนินธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน โดยต้องคำนึงเรื่องของ ESG ได้แก่ สิ่งแวดล้อม (Environmental) สังคม (Social) และธรรมาภิบาล (Governance) ซึ่งทีทีบีได้วางกรอบการดำเนินธุรกิจที่มุ่งสร้างการเติบโตและความยั่งยืนอย่างสมดุลในทุกมิติมาหลายปีแล้ว ด้วยการ Make REAL Change เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงอันนำไปสู่การธนาคารเพื่อความยั่งยืน (Sustainable Banking) สะท้อนความมุ่งมั่นและความตั้งใจจริงในการขับเคลื่อนองค์กรสู่เป้าหมายอย่างแท้จริง จากการครองอันดับ 1 ธนาคารที่มีผลคะแนนด้าน ESG สูงสุดติดต่อกัน 5 ปี ในการประเมินนโยบายด้าน ESG ของธนาคาร โดยแนวร่วมการเงินที่เป็นธรรมประเทศไทย (Fair Finance Thailand) ถือเป็นหนึ่งรางวัลแห่งเกียรติยศและความภาคภูมิใจในการผลักดันให้ทุกภาคส่วนในองค์กรร่วมกันผลักดันสร้างการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง

ทีทีบีใส่ใจเรื่องความยั่งยืนมายาวนาน ทุกกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจของธนาคารอยู่บนพื้นฐานสร้างการเติบโตที่ยั่งยืนให้กับผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม (B+ESG) ผ่านการพัฒนาโซลูชันทางการเงินที่ยั่งยืน (Sustainable Finance) และการปล่อยสินเชื่ออย่างรับผิดชอบ (Responsible Lending) เพื่อสนับสนุนธุรกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รวมถึงสร้างความรู้ ความเข้าใจให้กับลูกค้า คู่ค้า พันธมิตรทางธุรกิจ ชุมชน และสังคม ซึ่งปัญหาสิ่งแวดล้อมเป็นเรื่องใกล้ตัวของทุกคนมากขึ้น กลายเป็นประเด็นสำคัญของโลก เห็นได้จากการปรับปรุงเกณฑ์ประเมินของ Fair Finance Guide International 2023 หรือ FFGI ที่เข้มข้นกว่าเกณฑ์ชุดเดิมค่อนข้างมาก โดยเฉพาะเรื่องการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ซึ่งทีทีบีพร้อมปรับเปลี่ยนให้ตอบสนองกับทุกบริบทของการเปลี่ยนแปลง ดังนั้น สิ่งที่ธนาคารจะก้าวต่อไปจากนี้คือเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ควบคู่ไปกับการทำให้ทุกคนมีชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้นอย่างแท้จริง

นายนริศ อารักษ์สกุลวงศ์ ประธานกลุ่มกลยุทธ์องค์กรและดิจิทัล ทีเอ็มบีธนชาต กล่าวว่า “ทีทีบี มีผลคะแนนรวม 39% จากการประเมินนโยบายด้าน ESG ของธนาคาร ปี 2566 โดดเด่นในหมวดการคุ้มครองผู้บริโภคมีคะแนน 66% ที่ธนาคารได้ประกาศนโยบายในการจัดการข้อร้องเรียนของลูกค้าอย่างเป็นขั้นตอน ตั้งแต่ช่องทางการร้องเรียน ระบบการดำเนินการ ระยะเวลาการดำเนินการจัดการ และการรายงานผล พร้อมให้มีการเยียวยาลูกค้า รวมถึงมีโครงการอบรมพนักงานในประเด็นสิทธิผู้บริโภค นโยบายคุ้มครองผู้บริโภค และธรรมเนียมปฏิบัติ เพื่อเพิ่มความตระหนักรู้ของพนักงานในการบริการและนำเสนอผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ"

นอกจากนี้ ทีทีบียังมุ่งมั่นขยายบริการทางการเงินให้ครอบคลุม ทำให้มีคะแนนในหมวดนี้ถึง 61% ด้วยผลิตภัณฑ์และบริการที่ช่วยให้เข้าถึงทางการเงินให้กับลูกค้าได้ทุกกลุ่ม ผ่านโทรศัพท์มือถือและอินเทอร์เน็ตอย่างเต็มรูปแบบ เพิ่มการเข้าถึงและความสะดวกสบาย รวมทั้งกลุ่มลูกค้าที่มีถิ่นที่อยู่ห่างไกลทั่วประเทศอีกด้วย ทั้งนี้ ธนาคารยังให้ความสำคัญในประเด็นสิทธิมนุษยชนและสิทธิแรงงาน นอกจากมีสินเชื่อบ้าน ทีทีบี ที่คู่รักเพศเดียวกันสามารถเข้าถึงสินเชื่อได้แล้ว ยังมีการประกาศนโยบายที่ครอบคลุมถึงลูกค้าธุรกิจ ที่ต้องทำธุรกิจโดยไม่ยอมรับการใช้แรงงานเด็กทุกรูปแบบ ต้องมีการปฏิบัติต่อพนักงานอย่างเท่าเทียม รวมถึงกำหนดให้มีสภาพพื้นที่การทำงานที่ดี มีมาตรการป้องกันสุขภาพและความปลอดภัยที่เหมาะสมด้วย

และอีกบทพิสูจน์ที่สะท้อนความมุ่งมั่นในการดำเนินงานภายใต้กรอบ B+ESG โดยเฉพาะด้านสิ่งแวดล้อมและสังคม คือการเป็นที่ยอมรับบนเวทีระดับนานาชาติการันตีด้วยรางวัลอันทรงเกียรติ Best Environmental Sustainability Bank จากเวที International Finance Awards 2023 จัดโดย International Finance Magazine (IFM) นิตยสารด้านธุรกิจและการเงินชั้นนำระดับโลกจากประเทศอังกฤษ โดยธนาคารได้ให้ความสำคัญด้านสิ่งแวดล้อมผ่านโซลูชันทางการเงินที่ยั่งยืน โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่ช่วยลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม อาทิ การออกตราสารหนี้เพื่อสิ่งแวดล้อม หรือตราสารหนี้สีเขียว ตราสารหนี้เพื่อความยั่งยืนทางทะเล หรือตราสารหนี้สีฟ้า สินเชื่อที่เชื่อมโยงกับผลการดำเนินงานด้านความยั่งยืน รวมถึงการปล่อยสินเชื่อสีเขียวเพื่อสนับสนุนธุรกิจในการอนุรักษ์และสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งแรงผลักดันในการเปลี่ยนแปลงสังคมสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ

“ทีทีบีตั้งเป้าหมายเป็นธนาคารที่เป็นผู้นำด้านการสร้างชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้น หรือ The Bank of Financial Well-being ให้กับคนไทย โดยนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่ตอบโจทย์ได้อย่างแท้จริงกับลูกค้าทุกกลุ่มในแต่ละช่วงชีวิต ควบคู่กับการให้ความสำคัญด้านสิ่งแวดล้อมและสังคม เพราะเชื่อว่าเป็นการสร้างความยั่งยืนได้ในระยะยาว ตอกย้ำความสำเร็จจากรางวัลด้านความยั่งยืนที่ธนาคารได้รับมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะรางวัลธนาคารที่มีคะแนนด้าน ESG สูงสุดอันดับ 1 จาก Fair Finance Thailand ติดต่อกัน 5 ปี ซึ่งปีล่าสุดมีการปรับปรุงเกณฑ์การประเมินให้เข้มข้นขึ้น ถือเป็นเกณฑ์ประเมินธนาคารด้านความยั่งยืนที่ละเอียดและอัปเดตที่สุดชุดหนึ่งในโลก สะท้อนชัดถึงการลงมือทำอย่างแท้จริงของธนาคารในการขับเคลื่อนสู่การธนาคารเพื่อความยั่งยืน” นายปิติกล่าวสรุป

บริษัท หลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)  ในฐานะหนึ่งในผู้จัดการการจัดจำหน่ายหลักทรัพย์และ Maybank Securities Pte. Ltd., Singapore (MSSG) ในฐานะผู้ซื้อหุ้นเบื้องต้นในต่างประเทศ (Initial Purchaser)   ร่วมประกาศความสำเร็จการกระจายหุ้นของธนาคารไทยเครดิต จำกัด (มหาชน) ให้แก่ ผู้ลงทุนต่างประเทศหลายรายรวมกัน โดยมีผู้ลงทุนสถาบันต่างประเทศรายหลัก (Cornerstone Investors) ได้แก่   ธนาคารพัฒนาเอเชีย (Asian Development Bank), บรรษัทเงินทุนระหว่างประเทศ(International Finance Corporation) และ ธนาคารอีซัน (E.SUN Commercial Bank Ltd.) รวมทั้งมีผู้ลงทุนสถาบันและผู้ลงทุนรายย่อยอื่นๆในต่างประเทศอีกจำนวนหลายราย มีการเข้าซื้อหุ้นธนาคารไทยเครดิต จำกัด (มหาชน) รวมจำนวน 166,805,400 หุ้น ผ่าน MSSG

ด้วยโครงการทิพยตะกาฟุล ประกันภัยระบบอิสลาม ผ่านช่องทางธนาคารออมสินทั่วประเทศ

มาตรฐานความรู้ด้านสายงาน Digital Marketing ครั้งแรกของไทย

นางรจนา อุษยาพร  ผู้บริหารสูงสุดสายงานบัญชีและการเงิน “เคทีซี” หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ปี 2024 เป็นปีที่น่ายินดีอีกครั้งที่เคทีซีเป็นสมาชิกรายเดียวในประเทศไทย ที่ได้รับเลือกให้เข้าอยู่ในทำเนียบ The Sustainability Yearbook 2024 ในกลุ่มอุตสาหกรรม Diversified Financial Services and Capital Markets ซึ่งมุ่งเน้นการดำเนินธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน ทั้งการมีผลประกอบการที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง พร้อมการดำเนินธุรกิจด้วยความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม สังคมและบรรษัทภิบาล (Environmental, Social and Governance: ESG) ซึ่งมีบริษัทที่เข้าร่วมการประเมินความยั่งยืนขององค์กร (Corporate Sustainability Assessment: CSA) จัดโดย S&P Global มากกว่า 9,400 บริษัท จาก 62 อุตสาหกรรมทั่วโลก”

“ทำเนียบ The Sustainability Yearbook นี้ มีการเปิดเผยข้อมูลที่ผู้ลงทุนทั่วโลกใช้ในการวิเคราะห์และพิจารณาตัดสินใจลงทุน ซึ่งการได้รับจัดอันดับจะสร้างความเชื่อมั่นต่อผู้มีส่วนได้เสียทุกภาคส่วน รวมถึงการใช้ ESG เป็นเครื่องมือบริหารจัดการความเสี่ยงหรือบริหารจัดการความยั่งยืนขององค์กร ครอบคลุมมิติเศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อม โดยองค์กรที่มีรายชื่อปรากฎอยู่ในทำเนียบ The Sustainability Yearbook จะต้องมีผลคะแนนความยั่งยืนอยู่ในอันดับ 15% แรกของกลุ่มอุตสาหกรรมเดียวกันทั่วโลก และอยู่ในช่วง 30% ของบริษัทที่มีผลการดำเนินงานเป็นเลิศของกลุ่มอุตสาหกรรมด้วย”

X

Right Click

No right click