นางสาวปิยะสุดา แคว้นนนทรีย์ (ซ้าย) ผู้บริหารสูงสุด สายงานทรัพยากรบุคคล “เคทีซี หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) เป็นตัวแทนผู้บริหารและพนักงานมอบสิ่งของรับบริจาคจากกิจกรรม "เคลียร์บ้าน ได้บุญ ปลายปี" เพื่อโครงการ "เหลือ - ขอ" มูลนิธิบ้านนกขมิ้น โดยเปิดรับบริจาคสิ่งของเหลือใช้จากผู้บริหารและเพื่อนพนักงาน เช่น เสื้อกันหนาวมือสอง เสื้อผ้าเด็ก ผู้ใหญ่ กระเป๋าและรองเท้า เพื่อส่งต่อให้กับน้องๆ เด็กกำพร้า เด็กเร่ร่อน เด็กด้อยโอกาส และกลุ่มผู้เปราะบาง ที่มูลนิธิบ้านนกขมิ้น เนื่องในโอกาสวันเด็กพร้อมมอบอุปกรณ์การเรียน กล่องดินสอ ดินสอสี สมุดวาดเขียน ขนมและนม ให้กับทางมูลนิธิฯ โดยมีนายชัยรัตน์ มิดชิด (ขวา) ผู้จัดการฝ่ายระดมทุน มูลนิธิบ้านนกขมิ้น เป็นผู้รับมอบ ณ มูลนิธิบ้านนกขมิ้น เขตบึงกุ่ม เมื่อเร็วๆ นี้

มูลนิธิบ้านนกขมิ้น ให้ความสำคัญกับคำว่า “ครอบครัว” เพราะว่าครอบครัว คือ รากฐานชีวิตของมนุษย์ทุกคน ซึ่งการเลี้ยงดู และสภาพแวดล้อม จะส่งผลต่อการเจริญเติบโต การพัฒนาบุคลิกภาพ นิสัยและความประพฤติของบุคคล มูลนิธิฯ จึงให้ความสำคัญและดูแลเด็กๆ โดยเติมเต็มครอบครัวใหม่ให้กับเด็ก และมีเจ้าหน้าที่ของมูลนิธิบ้านนกขมิ้นที่เป็นคู่สามี-ภรรยา ทำหน้าที่เป็นพ่อแม่ให้กับเด็กๆ ในหนึ่งครอบครัวจะมีสมาชิกที่เป็นลูกประมาณ 10 คน ดูแลซึ่งกันและกันเหมือนกับครอบครัวทั่วไป เด็กทุกคนจะได้รับความรัก ความอบอุ่น การดูแลเอาใจใส่จากพ่อแม่อย่างใกล้ชิด ได้รับการอบรมสั่งสอนด้วยความรักและเด็กๆ จะได้รับโอกาสทางการศึกษา พร้อมทั้งได้รับการสนับสนุนกิจกรรมด้านอื่นๆ เช่น ดนตรี กีฬา เพื่อจะได้นำความรู้ความสามารถที่ได้รับ ไปต่อยอดเป็นอาชีพได้ในอนาคต และสามารถออกไปใช้ชีวิตในสังคมได้อย่างมีคุณภาพ

โครงการ “เหลือ-ขอ” โดย “ครูอ๊อด ขออาสา” เชิญชวนผู้มีจิตศรัทธาร่วมกันทำบุญ โดยขอรับบริจาคสิ่งของ อาทิ เสื้อผ้า หนังสือ รองเท้า เครื่องใช้ไฟฟ้าเก่า เพื่อเปลี่ยนเป็นค่าเทอมให้เด็กด้อยโอกาสในสังคม โดยสามารถนำมาส่งที่โครงการฯ หรือส่งทางไปรษณีย์ หรือแจ้งความประสงค์ให้มูลนิธิฯ ไปรับของบริจาคที่บ้านได้เช่นกัน

ทรู คอร์ปอเรชั่นบริษัทโทรคมนาคม-เทคโนโลยีชั้นนำของประเทศไทย ปล่อยหมัดเด็ดด้วยศูนย์ปฏิบัติการเครือข่ายอัจฉริยะ Business and Network Intelligence Center (BNIC)  พร้อมปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพิ่มประสิทธิภาพความเชื่อมั่นเครือข่าย 5G, 4G และอินเทอร์เน็ตบ้าน พร้อมดูแลและบริหารเครือข่ายครอบคลุมทุกบริการ ชูเป้าหมายหลักเพิ่มคุณภาพวอย์และดาต้า เร็ว มั่นใจในสัญญาณเพื่อลูกค้ามากกว่า 50 ล้านเลขหมายทั่วไทย

BNIC ชูจุดเด่นด้วยการนำปัญญาประดิษฐ์ (AI) และ Machine Learning รวมถึงระบบการทำงานอัตโนมัติ (Automation) มาทำงานร่วมกันกับชุดข้อมูลที่เรียกว่าบิ๊กดาต้า (Big data) โดยนำมาเทรนนิ่ง AI เพิ่มความสามารถในการวิเคราะห์ดาต้าเชิงลึกอย่างแม่นยำ และการวิเคราะห์ขั้นสูง AI รูปแบบ Anomaly Detection สามารถทำให้ BNIC ที่โดยพื้นฐานออกแบบสำหรับทำงานเชิงรับในการจัดการโครงข่าย เป็นการทำงานเชิงรุกจากความสามารถคาดการณ์ได้อย่างถูกต้องแม่นยำ จากชุด Algorithm ที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการใช้งาน

นายประเทศ ตันกุรานันท์ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านเทคโนโลยี บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “นี่คือก้าวสำคัญอีกครั้งในการยกระดับประสิทธิภาพเครือข่ายของทรู คอร์ปอเรชั่น ด้วยการนำศูนย์ปฏิบัติการเครือข่ายอัจฉริยะ หรือ Business and Network Intelligence Center (BNIC)  ซึ่งสร้างขึ้นเป็นศูนย์กลางการบริหารและดูแลระบบเครือข่ายดิจิทัลด้านการสื่อสารของบริษัทโทรคมนาคม-เทคโนโลยีชั้นนำอันดับ 1 ของไทย ที่ครอบคลุมทุกการบริการของทรู คอร์ปอเรชั่น ซึ่งภายหลังควบรวมมีเครือข่ายขนาดใหญ่และซับซ้อน โดยเฉพาะเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่มีคลื่นความถี่ที่หลากหลายมากที่สุดในไทย จึงจำเป็นต้องมีการดูแลอย่างรอบด้านเพื่อพร้อมให้บริการคุณภาพสูงแก่ลูกค้ามากกว่า 50 ล้านหมายเลขทั่วประเทศ รวมทั้งลูกค้าองค์กร และทรู ออนไลน์ อินเทอร์เน็ตบ้านโครงข่ายไฟเบอร์อัจฉริยะที่มีลูกค้าเกือบ 4 ล้านรายทั่วประเทศ ซึ่งทั้งหมดนี้ทีมงานวิศวกรได้ปฏิบัติการที่ศูนย์ BNIC ทุกวันไม่เคยหยุด กล่าวคือ ทำงานตลอด 24 ชั่วโมง ตลอด 7 วัน และตลอดปี ซึ่งเป็นฮีโร่ที่อยู่เบื้องหลังที่ดูแลลูกค้าหรือผู้ใช้งานทุกพื้นที่ทั่วไทยให้ได้รับคุณภาพสูงสุดทุกเวลา”

ศูนย์ BNIC เปรียบเสมือนสมองกลสำคัญที่ทำงานอยู่เบื้องหลังความสำเร็จของการให้บริการเครือข่ายของทรุ คอร์ปอเรชั่น ด้วยการวิเคราะห์ วางแผน จัดการ ซึ่งเชื่อมโยงทุกพื้นที่ทั่วไทยและเฝ้าติดตามอย่างใกล้ชิดทั้ง โครงสร้างพื้นฐาน และแพลตฟอร์มภายนอกที่เชื่อมโยงสู่การใช้งานในระบบเครือข่าย อาทิ OTT หรือ Over-the-top ทั้งรูปแบบแอปพลิเคชัน โซเชียลมีเดีย สตรีมมิ่ง ทำให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด หรือถ้ากรณีเกิดเหตุ (Incident) สามารถวิเคราะห์จัดการดูแลได้ทันที เพื่อลดผลกระทบต่อการใช้งานของลูกค้า อีกทั้งสามารถนำข้อมูลในรูปแบบบิ๊กดาต้ามาประมวลผลเพื่อวางแผนเพิ่มประสิทธิภาพเครือข่าย (Manage Performance) และบำรุงรักษา (Manage Maintenance) ได้ดีขึ้น

ความสามารถหลัก BNIC

การตรวจสอบโครงสร้างพื้นฐานเครือข่าย คือ หน้าที่พื้นฐานสำคัญของ BNIC ซึ่งต้องมอนิเตอร์การใช้งานของเครือข่ายต่อเนื่อง เช่น การรับส่งข้อมูลเครือข่าย การใช้แบนด์วิธ ความสมบูรณ์ของระบบ การเชื่อมต่ออุปกรณ์ เครื่องมือตรวจสอบขั้นสูงให้ข้อมูลเชิงลึกแบบเรียลไทม์เกี่ยวกับประสิทธิภาพของส่วนภายในเครือข่ายที่ใช้งานต่างๆ โดยครอบคลุมปัจจัยต่างๆ ดังนี้

  • การตรวจสอบเครือข่ายแบบเรียลไทม์ และวิเคราะห์ประสิทธิภาพของเครือข่ายทรู คอร์ปอเรชั่นทั้งประเทศ
  • แจ้งเตือนทันทีในกรณีเกิดเหตุ (Incident) หรือเหตุจากภัยพิบัติ (Disaster) ที่กระทบการใช้งานทุกบริการ
  • รายงานประสิทธิภาพ พร้อมโซลูชันในการเพิ่มประสิทธิภาพเครือข่าย และแก้ไขในกรณีเกิดเหตุทันที
  • รายงานประสิทธิภาพและข้อเสนอในการเพิ่มประสิทธิภาพ OTT ทุกแพลตฟอร์ม เพื่อประสบการณ์ใช้งานของลูกค้า
  • การอัปเดต การแก้ไขปัญหา และติดตามการแก้ไขปัญหาจนเสร็จสมบูรณ์

นอกจากนี้ ทรู คอร์ปอเรชั่นยังนำ Anomaly Detection ซึ่งเป็นการใช้ AI มาตรวจจับความผิดปกติ จากรูปแบบการใช้งาน ซึ่งทาง BNIC มีข้อมูลบิ๊กดาต้ารายงานการใช้งานแบบเรียลไทม์ในทุกพื้นที่ทั่วไทย ซึ่งสามารถใช้บิ๊กดาต้าจากกราฟนับแสนนับล้านในโครงข่ายมาตรวจหาข้อมูล กรณีถ้ามีสิ่งผิดปกติ ระบบจะ Alert ให้รู้ทันที พร้อมนำเสนอโซลูชันในการจัดการปัญหาได้อย่างเร็วที่สุด โดยทั้งหมดนี้เพิ่มประสิทธิภาพความเชื่อมั่นเครือข่าย 5G, 4G และอินเทอร์เน็ตบ้าน พร้อมดูแลและบริหารเครือข่ายครอบคลุมเพื่อลูกค้าทรู คอร์ปอเรชั่นในทุกบริการอีกด้วย

ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) และนายวรุตม์ ธรรมาวรานุคุปต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เสริมสร้าง พาวเวอร์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (SSP) ร่วมลงนามในสัญญาสนับสนุนสินเชื่อที่เชื่อมโยงกับการดำเนินงานด้านความยั่งยืน (Sustainability Linked Loan : SLL) ของ EXIM BANK จำนวน 2,000 ล้านบาท เพื่อนำไปใช้ลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนทั้งในประเทศและต่างประเทศ ณ EXIM BANK สำนักงานใหญ่ เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2567

การสนับสนุนของ EXIM BANK ในครั้งนี้เพื่อส่งเสริมการดำเนินธุรกิจที่ยั่งยืนของกลุ่ม SSP ซึ่งมีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ในการพัฒนาโครงการพลังงานทดแทน เพื่อสนับสนุนให้เกิดพลังงานสะอาดที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน สอดคล้องกับนโยบายของ EXIM BANK ที่มุ่งสู่บทบาท Green Development Bank ขับเคลื่อนการพัฒนาอย่างยั่งยืนของประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียน ตามแผนพัฒนาพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือกของไทย (Alternative Energy Development Plan : AEDP) ที่มีการปรับเพิ่มสัดส่วนของพลังงานหมุนเวียนและพลังงานสะอาดมากขึ้น และแผนความร่วมมือด้านพลังงานภูมิภาคอาเซียนที่มีการกำหนดนโยบายเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนให้มีสัดส่วน 35% ของกำลังการผลิตไฟฟ้ารวมภายในปี 2568 ผ่านการสนับสนุนสินเชื่อเพื่อความยั่งยืนให้กับผู้ประกอบการไทยที่ดำเนินธุรกิจที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแลกิจการที่ดี (Environmental, Social, and Governance : ESG) ส่งเสริมการพัฒนาอุตสาหกรรมสู่อนาคตโดยเชื่อมโยงกับเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว (Bio-Circular-Green Economy) สร้างความมั่นคงทางพลังงานในภูมิภาคอาเซียน ควบคู่กับการรักษาสมดุลของการเติบโตทางเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน

ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล  กรรมการและเลขาธิการ มูลนิธิชัยพัฒนา รับมอบเงินสมทบทุนมูลนิธิชัยพัฒนา จาก ดร.สมพร  สืบถวิลกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทิพย กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (มหาชน) และกรรมการผู้จัดการใหญ่  บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) นางวิชชุดา ไตรธรรม ที่ปรึกษากรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ตามโครงการ "ทิพยประกันภัย ห่วงใยทุกชีวิตในสังคม" สนับสนุนการดำเนินงานตามโครงการพัฒนาอื่นๆ ที่เป็นการช่วยเหลือประชาชนในด้านเศรษฐกิจและสังคม เพื่อน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายเป็นพระราชกุศล แด่สมเด็จพระบูรพมหากษัตริยาธิราชเจ้าแห่งสยามประเทศทุกๆ พระองค์ ณ มูลนิธิชัยพัฒนา

บมจ.กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต นำโดย คุณบุปผาวดี โอวรารินท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ฝ่ายทรัพยากรมนุษย์ และภาพลักษณ์องค์กรและการสื่อสารองค์กร (คนกลางแถวที่ 2) จัดกิจกรรม “Happy Valentine’s Day - Love is Sharing, Love is Caring, Love out Loud” ในวันแห่งความรักให้แก่พนักงาน โดยภายในงานมีกิจกรรมมากมาย อาทิ เติมความหวานให้ใจฟูกับกิจกรรมทำสายไหมสื่อรัก เขียนข้อความแทนใจบอกรักให้โลกรู้ และถ่ายภาพเพื่อส่งต่อความสุขให้คนที่คุณห่วงใย โดยกิจกรรมดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งที่สนับสนุนให้พนักงานมีความสุขในการทำงาน พร้อมอยู่ร่วมกันอย่างเท่าเทียม ภายใต้วัฒนธรรมองค์กร Inclusive Workplace และสอดคล้องกับคำมั่นสัญญาของ AXA’s Employer Brand Promise “ปลุกศักยภาพในตัวพนักงาน มุ่งสู่ความสำเร็จ” อีกทั้งตอกย้ำความมุ่งมั่นของบริษัทฯ ที่พร้อมทั้งเคียงข้างทุกความเชื่อมั่น ดูแลกันตลอดไป

นายภูมิภัทร พรหมมา (กลาง) ประธานคณะกรรมการจัดงานมหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 45 พร้อมด้วยคณะกรรมการจัดงานฯ จาก 3 สมาคม ได้แก่ สมาคมอาคารชุดไทย สมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย และสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร ร่วมจัดพิธีจับฉลากเลือกพื้นที่บูธ ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เมื่อเร็วๆ นี้ เรียกได้ว่าคึกคักคึกครื้นกันตั้งแต่ต้นปี โดยครั้งนี้มีผู้ประกอบการมาร่วมออกบูธมากกว่า 150 บริษัท รวมกว่า 1,000 โครงการ ได้แก่ บริษัท เจ้าพระยามหานคร จำกัด (มหาชน), บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน), บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน), บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จํากัด (มหาชน) ได้จองพื้นที่มากที่สุด พร้อมด้วยสถาบันการเงินชั้นนำมากมาย อาทิ ธนาคารกสิกรไทย เป็นต้น

อีกแค่เดือนเดียวเท่านั้นเตรียมตัวกันให้พร้อม! สำหรับงานมหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 45 งานซื้อ-ขายอสังหาฯ ยิ่งใหญ่ต้นปี 2567 โดยชูคอนเซปต์ “PROPERTY SOLUTIONS ทางเลือกเพื่อชีวิตที่ดีขึ้น” เตรียมพบของรางวัลและสิทธิพิเศษมากมาย ที่ผู้จัดงานขนมาแจกระหว่างงานทุกวัน โดยเฉพาะในวันพฤหัสบดี และวันศุกร์ สำหรับผู้ที่จองภายในงานมีสิทธิ์ลุ้นรับของรางวัลใหญ่ รวมมูลค่ากว่า 1 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมีลุ้นรถยนต์ MG 5C ในวันสุดท้ายของการจัดงานอีกด้วย โดยงานจะมีขึ้นระหว่างวันที่ 21 – 24 มีนาคม 2567 ณ Exhibition Hall 5 ชั้น LG ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ท่านใดสนใจเพิ่มเติมสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Facebook : มหกรรมบ้านและคอนโด และ Line : @Housecondoshow

กรุงศรี (ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)) นำโดย ดร.วศิน อุดมรัชตวนิชย์ (ที่ 3 จากซ้าย) ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านทรัพยากรบุคคล และทีมผู้บริหารกลุ่มงานทรัพยากรบุคคล ประกาศความสำเร็จ คว้า 4 รางวัลยอดเยี่ยมด้านการบริหารทรัพยากรบุคคลแห่งปี จากเวทีระดับสากล ประกอบไปด้วย รางวัล Thailand Best Employer Brands Awards 2024 ใน 3 สาขา ได้แก่ Best Employer Brands, Diversity Impact และ Excellence in Learning and Development จาก World HRD Congress และรางวัล Top 50 Employers in Thailand 2024 หรือ 50 องค์กรที่คนรุ่นใหม่อยากทำงานด้วยมากที่สุดประจำปี 2567 จาก Work Venture โดยได้รับการเสนอชื่อติดต่อกันเป็นปีที่ 5 ซึ่งมีแค่เพียง 17 องค์กรในประเทศไทยที่ได้รับรางวัลดังกล่าวติดต่อกัน 5 ปี

รางวัลดังกล่าวสะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการบริหารและพัฒนาทรัพยากรบุคคลของกรุงศรี โดยให้ความสำคัญกับการเรียนรู้ของพนักงานในองค์กร การให้การยอมรับและเห็นถึงคุณค่าของความแตกต่างของบุคคลากรแต่ละคน สนับสนุนพื้นที่ในการแสดงความสามารถ และการทำงานแบบ Innovative Thinking เพื่อให้บุคคลากรสามารถการเติบโตและก้าวหน้าในสายอาชีพ ควบคู่ไปกับการเติบโตขององค์กรอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน และมุ่งสู่การเป็นองค์กรที่น่าร่วมงานด้วยมากที่สุด

เอไอเอ ประเทศไทย ร่วมมือกับธนาคารกรุงเทพ เปิดตัวผลิตภัณฑ์ Be Together Infinite 789 ประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์การวางแผนทางการเงินของลูกค้าให้ทันต่อสภาพเศรษฐกิจที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา โดยผลิตภัณฑ์นี้ถือเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือทางการเงินที่สามารถสร้าง Passive Income ที่มั่นคงได้ในระยะยาวโดยไม่ต้องกังวลถึงภาวะดอกเบี้ยในตลาด หรือความผันผวนด้านการลงทุน ด้วยการได้รับเงินคืนอย่างสม่ำเสมอไปพร้อม ๆ กับการสร้างความคุ้มครองชีวิต เพื่อสนับสนุนให้คนไทยได้มีสุขภาพชีวิตและสุขภาพการเงินที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืน

นางสาวอรรัตน์ ชุติมิต ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายพันธมิตรธุรกิจแบงก์แอสชัวรันส์เชิงกลยุทธ์ เอไอเอ ประเทศไทย กล่าวว่า “เอไอเอ ประเทศไทย และธนาคารกรุงเทพเข้าใจถึงความต้องการของลูกค้าปัจจุบันที่ต้องเผชิญกับการลงทุนที่มีความท้าทายมากขึ้น รวมถึงความผันผวนทางเศรษฐกิจที่ส่งผลกระทบต่อแผนการลงทุน และแผนการเงินของลูกค้าอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทำให้ลูกค้ามองหาเครื่องมือทางการเงินเพิ่มเติม เพื่อมาช่วยต่อยอดความมั่งคั่งได้อย่างมั่นคง รวมทั้งสอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบันได้อย่างลงตัว ซึ่ง Be Together Infinite 789 เป็นผลิตภัณฑ์ที่ทางเอไอเอกับธนาคารกรุงเทพ ร่วมกันพัฒนาขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า ซึ่งเราเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่า แบบประกันนี้จะเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือที่จะช่วยลูกค้าของเราวางแผนการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อสร้างความมั่นคงให้แก่ตัวเอง หรือส่งต่อความมั่งคั่งให้แก่ลูกหลาน นอกจากนี้ แบบประกันนี้ยังมีจุดเด่นที่หลากหลาย อาทิ

  • ชำระค่าเบี้ยประกันภัยเพียง 7 ปี รับความคุ้มครองชีวิตจนถึงวันครบรอบปีกรมธรรม์ที่ผู้เอาประกันภัยอายุครบ 89 ปี
  • รับเงินคืนรายงวดทุกสิ้นปีกรมธรรม์ 9% หรือ 10% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย ขึ้นอยู่กับจำนวนเงินเอาประกันภัยที่เลือกซื้อ[1]
  • รับเงินคืน 789% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย เมื่อครบกำหนดสัญญา
  • รับผลประโยชน์กรณีเสียชีวิตระหว่างสัญญา จำนวนเงินเอาประกันภัยเริ่มต้น 100% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย และเพิ่มขึ้น 100% ทุกปีกรมธรรม์ สูงสุด 789% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย ตั้งแต่ปีกรมธรรม์ที่ 7 เป็นต้นไป
  • รับผลประโยชน์เพิ่มเติมอีก 1 เท่า ของความคุ้มครองชีวิต กรณีเสียชีวิตเนื่องจากอุบัติเหตุ (ADB)
  • สมัครง่าย ไม่ต้องตรวจสุขภาพ และไม่ต้องตอบคำถามสุขภาพ

นางสาวพรพิมล ตรงเที่ยงธรรม ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ธนาคารกรุงเทพ มีความตั้งใจที่จะเป็น “เพื่อนคู่คิด” กับลูกค้าทุกกลุ่มด้วยการประสานความร่วมมือกับพันธมิตรเพื่อสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ทางการเงินต่าง ๆ ที่ตอบโจทย์กับความต้องการของลูกค้า รวมถึงพัฒนาช่องทางขายที่ครอบคลุมมากขึ้น สอดคล้องกับพฤติกรรมของลูกค้าในยุคปัจจุบัน ล่าสุดธนาคารได้ร่วมมือกับ เอไอเอ ประเทศไทย ในฐานะพันธมิตรหลักด้านประกันชีวิต เปิดตัว “ประกันชีวิต บี ทูเกตเทอร์ อินฟินิท 789” (Be Together Infinite 789) ที่สามารถตอบ 3 โจทย์ด้านการบริหารเงินให้ลูกค้าได้ในผลิตภัณฑ์เดียว 1.) ช่วยต่อยอด/ส่งต่อความมั่งคั่ง ด้วยความคุ้มครองชีวิตในระยะยาวสูงสุดถึง 789% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย และกรณีเสียชีวิตจากอุบัติเหตุจะได้รับความคุ้มครองเพิ่มเป็น 2 เท่าอีกด้วย 2.) รับผลประโยชน์ตามกรมธรรม์ต่อเนื่องทุกปี 9-10% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย ตั้งแต่ปีแรกจนถึงอายุ 88 ปี และรับเงินก้อนใหญ่เมื่ออายุ 89 ปี 3.) ค่าเบี้ยประกันชีวิตสามารถนำไปหักลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา รวมถึงผลประโยชน์ที่ได้รับจากประกันชีวิตยังได้รับยกเว้นไม่ต้องนำมาคำนวณภาษี จึงตอบโจทย์ในด้านการวางแผนภาษีได้อย่างมีประสิทธิภาพ

“ในช่วงที่ผ่านมาอัตราดอกเบี้ยมีความผันผวนอยู่ตลอด จึงเป็นความท้าทายสำหรับการดูแลลูกค้าที่ต้องการกระจายความเสี่ยงและจัดสรรเงินมาไว้กับผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่ความเสี่ยงต่ำแต่ให้ผลประโยชน์ที่ดีสม่ำเสมอ คล้ายกับการมี Passive Income ไม่ต้องกังวลเรื่องทิศทางอัตราดอกเบี้ยหรือแนวโน้มผลตอบแทนการลงทุนในตลาด ด้วยความเข้าใจลูกค้าเชิงลึก บวกกับความร่วมมือที่แนบแน่นกับ เอไอเอ ประเทศไทย จึงนำมาสู่ผลิตภัณฑ์ ประกันชีวิต บี ทูเกตเทอร์ อินฟินิท 789” ที่เหมาะสำหรับซื้อให้ตนเองหรือคนที่รักเพื่อช่วยต่อยอดความมั่งคั่ง หรือจะใช้วางแผนมรดกเพื่อส่งต่อความมั่งคั่งไปให้ลูกหลานก็ได้เช่นกัน ออกแบบให้ซื้อได้ง่าย ไม่ซับซ้อน ซึ่งธนาคารเริ่มรุกตลาดตั้งแต่ต้นปี และมั่นใจว่าแบบประกันนี้จะเป็นผลิตภัณฑ์เรือธงที่ช่วยลูกค้ากลุ่มพรีเมี่ยมให้สามารถวางแผนทางการเงินเพื่อสร้างความมั่งคั่งและมั่นคงในระยะยาว สอดคล้องกับเป้าหมายที่ต้องการเป็น “เพื่อนคู่คิด” ทุกเรื่องการเงินให้แก่ลูกค้า” นางสาวพรพิมล กล่าว

ทั้งนี้ลูกค้าที่สนใจผลิตภัณฑ์ประกันชีวิต Be Together Infinite 789 สามารถปรึกษาและวางแผนประกันชีวิตได้ที่ ธนาคารกรุงเทพ หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่บัวหลวงโฟน 1333 หรือติดต่อเอไอเอ คอลเซ็นเตอร์  02-353-8855 ทุกวัน เวลา 8.00-22.00 น.


หมายเหตุ:

[1] เป็นไปตามข้อกำหนดและเงื่อนไขของความคุ้มครองที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ประกันภัย

- ข้อมูลนี้เป็นเพียงข้อมูลเบื้องต้นเพื่อประกอบการนำเสนอเท่านั้น ผู้ขอเอาประกันภัยควรศึกษาทำความเข้าใจรายละเอียดข้อกำหนดและเงื่อนไขของความคุ้มครอง รวมทั้งข้อยกเว้นไม่คุ้มครอง ของผลิตภัณฑ์ประกันภัย และเงื่อนไขที่เอไอเอประกาศ ก่อนตัดสินใจทำประกันภัยทุกครั้ง

- ข้อกำหนดและเงื่อนไขของความคุ้มครองจะระบุไว้ในกรมธรรม์ประกันภัยที่ออกให้กับผู้ถือกรมธรรม์

พร้อมเดินหน้าสู่การเติบโตของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อย่างแข็งแกร่งในระยะยาว

นายพชร วันรัตน์เศรษฐ (ที่ 2 จากซ้าย) ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) สนับสนุนคอมพิวเตอร์พร้อมอุปกรณ์จำนวน 500 เครื่อง ให้กับโรงเรียนภายใต้สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) กระทรวงศึกษาธิการ ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 เพื่อเสริมสร้างการเรียนรู้ด้วยทักษะเทคโนโลยีดิจิทัลแก่เยาวชน สะท้อนถึงความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนในการส่งเสริมโอกาสทางการศึกษาที่ทั่วถึงและเท่าเทียม โดยมี ดร.พัฒนะ พัฒนทวีดล (ที่ 2 จากขวา) รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เป็นผู้แทนรับมอบ

X

Right Click

No right click