December 16, 2025

“ธนาคารกรุงไทย”จับมือ“ไอร่า แอนด์ ไอฟุล” เปิดให้บริการรับชำระเงินบัตรกดเงินสด A money ผ่านแอปฯ Krungthai NEXT เพิ่มความสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย ชำระเงินออนไลน์ได้ทุกที่ทุกเวลา ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ยุคดิจิทัล

นายยูจิ ฟุคาดะ (Mr.Yuji Fukada) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไอร่า แอนด์ ไอฟุล จำกัด (มหาชน) ผู้ให้บริการบัตรกดเงินสด “เอมันนี่ (A money)” ภายใต้คอนเซ็ปต์ “A money บัดดี้เรื่องเงิน” กล่าวว่า บริษัทฯ มีนโยบายและให้ความสำคัญกับการพัฒนาบริการ ทั้งในด้านของการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ในการให้บริการ และเพิ่มช่องทางการให้บริการที่หลากหลายอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดบริษัทฯ ได้ร่วมมือกับธนาคารกรุงไทย เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าในการชำระเงินบัตรกดเงินสด A money ผ่าน Krungthai NEXT ซึ่งปัจจุบันเป็นแอปพลิเคชันที่มีความปลอดภัยในการทำธุรกรรมทางการเงินที่ได้รับความนิยมจากประชาชนเป็นอย่างมาก

บัตรกดเงินสด A money ดำเนินธุรกิจด้วยวิสัยทัศน์การเป็นผู้ให้บริการด้านสินเชื่อส่วนบุคคลที่เติบโตเร็วที่สุดในประเทศไทย และพร้อมก้าวขึ้นเป็นบริษัทที่ให้บริการด้านการเงินชั้นนำของประเทศที่สามารถตอบโจทย์ลูกค้าได้อย่างครบวงจร ที่ผ่านมา ได้มีการร่วมมือกับพันธมิตรหลากหลาย เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับลูกค้า สำหรับการเพิ่มช่องทางการชำระเงินสำหรับลูกค้าบัตรกดเงินสด A money ผ่าน Krungthai NEXT ซึ่งเป็นแอปพลิเคชันทางการเงินที่ได้รับความเชื่อถือและนิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย สะดวกสบาย ปลอดภัย จ่ายออนไลน์ที่ไหนก็ได้ ตอบโจทย์การทำธุรกรรมทางการเงินสำหรับลูกค้าบัตรกดเงินสด A money ได้แบบไร้ขีดจำกัด” นายฟุคาดะ กล่าว

สำหรับวิธีการใช้งานสำหรับลูกค้าที่ต้องการชำระเงินผ่าน Krungthai NEXT เพียงติดตั้งแอปพลิเคชัน A money และ Krungthai NEXT (รองรับทั้งระบบปฏิบัติการ Android และ iOS) พร้อมลงทะเบียนให้ถูกต้องครบถ้วน หลังจากนั้น เข้าไปที่แอปพลิเคชัน A money กดเช็คยอดที่ต้องการชำระเลือกช่องทางการชำระแบบ “ชำระเงินผ่าน Mobile Banking” แล้วกดเลือกบัญชีเป็นธนาคารกรุงไทย กดดำเนินการต่อ หลังจากนั้น จะสลับไปที่แอปพลิเคชัน Krungthai NEXT ซึ่งสามารถใส่รหัสผ่าน และกดชำระเงิน ได้ทันที สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์บริการลูกค้าสัมพันธ์ A money โทร. 0-2004-5000

นางสาวสุพร สุนทรโรหิต Chief Business Innovation Officer บริษัท อินฟินิธัส บาย กรุงไทย จํากัด ผู้พัฒนาแอปพลิเคชัน “Krungthai NEXT” กล่าวว่า ธนาคารกรุงไทยและบริษัท อินฟินิธัสฯ มุ่งมั่นพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมทางการเงิน พร้อมร่วมมือกับพันธมิตรทุกกลุ่ม ทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อยกระดับบริการให้ตอบโจทย์ลูกค้าในทุกมิติ โดยเฉพาะบริการด้านการชำระเงิน ซึ่งเป็น 1 ใน 5 Ecosystem ที่ธนาคารให้ความสำคัญ โดยความร่วมมือกับบริษัท ไอร่า แอนด์ ไอฟุล ในการรับชำระเงินบัตรกดเงินสด A money ผ่านKrungthai NEXT ในครั้งนี้ นับเป็นก้าวสำคัญในการสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า A money ทั่วประเทศ ช่วยให้การชำระเงินสะดวก รวดเร็ว สากล ทำรายการได้ทุกที่ทุกเวลา บนมาตรฐานความปลอดภัยระดับสากล ตอบโจทย์วิถีชีวิตยุคใหม่ที่มุ่งทำธุรกรรมการเงินผ่านช่องทางดิจิทัล

บมจ.ยูนิค เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น (UNIQ) บริษัทรับเหมาก่อสร้างชั้นนำของไทย พร้อมแล้วที่จะเสนอขายหุ้นกู้ 2 รุ่นให้กับผู้ลงทุนทั่วไป โดยเปิดจองซื้อในวันที่ 17 มกราคมเป็นวันแรก จนถึงวันที่ 19 มกราคม ผู้ลงทุนสามารถจองซื้อหุ้นกู้อายุ 1 ปี 7 เดือน อัตราดอกเบี้ย 3.85% ต่อปี และหุ้นกู้อายุ 3 ปี 6 เดือน อัตราดอกเบี้ย 4.95% ต่อปี ผ่านธนาคารกรุงไทย และธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย เผยผู้ลงทุนให้ความสนใจตอบรับ ด้วยปัจจัยสนับสนุนทั้งอายุหุ้นกู้ ผลตอบแทน อัตราความน่าเชื่อถือของบริษัทฯที่ระดับ BBB และของหุ้นกู้ที่ BBB- ซึ่งเป็น “ระดับลงทุน” รวมถึงความมั่นคงของธุรกิจในฐานะบริษัทรับเหมาก่อสร้างชั้นนำของไทย

นายเติมพงษ์ เหมาะสุวรรณ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส กลุ่มงานบัญชีและการเงิน บริษัท ยูนิค เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ UNIQ บริษัทรับเหมาก่อสร้างชั้นนำของไทย เปิดเผยว่า บริษัทฯ พร้อมแล้วสำหรับการเสนอขายหุ้นกู้ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ ที่จะเสนอขายให้แก่ประชาชนทั่วไป ในวันที่ 17-19 มกราคม 2566 ผ่านธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) และธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) โดยหุ้นกู้อายุ 1 ปี 7 เดือน อัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ 3.85% ต่อปี และรุ่น 3 ปี 6 เดือน อัตราดอกเบี้ย 4.95% ต่อปี จ่ายดอกเบี้ยทุก 3 เดือน (เว้นแต่งวดดอกเบี้ยงวดสุดท้ายของรุ่นอายุ 1 ปี 7 เดือน ซึ่งจะมีระยะเวลา 4 เดือน) ซึ่งบริษัทฯ เชื่อว่า ยังคงได้รับความสนใจจากผู้ลงทุนเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา

สำหรับหุ้นกู้ชุดดังกล่าวได้การจัดอันดับความน่าเชื่อถือจากบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2565 ที่ระดับ BBB- ซึ่งเป็น “ระดับลงทุน” (Investment grade) ขณะที่อันดับความน่าเชื่อถือองค์กรอยู่ที่ BBB แนวโน้ม “คงที่” (Stable) โดยอันดับเครดิตดังกล่าวสะท้อนถึงขีดความสามารถในการแข่งขันของบริษัทฯ ในการรับงานก่อสร้างโครงการโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ของภาครัฐ และงานที่อยู่ระหว่างดำเนินการ (Backlog) จำนวนมากที่จะช่วยประกันรายได้ให้แก่บริษัทฯ ในช่วงหลายปีข้างหน้า โดยในไตรมาสที่ 4 ปี 2565 บริษัทฯ มีงานที่อยู่ระหว่างดำเนินการ (Backlog) มูลค่าประมาณ 63,271.01 ล้านบาท ซึ่งสามารถทยอยรับรู้รายได้จนถึงปี 2568 และมีโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงเตาปูน - ราษฎร์บูรณะ (วงแหวนกาญจนาภิเษก) สัญญาที่ 4 งานออกแบบและก่อสร้างอุโมงค์ทางวิ่งและสถานีใต้ดิน ช่วงสะพานพุทธ - ดาวคะนอง รับรู้รายได้ถึงปี 2570 โดย ณ วันที่ 30 กันยายน 2565 บริษัทฯ ยังมีเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด

กว่า 5,349 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก ณ สิ้นปี 2564 จำนวน 1,566 ล้านบาท ทำให้บริษัทฯ มีสภาพคล่องเพียงพอเพื่อรองรับการขยายตัวของบริษัทฯ ได้

ทั้งนี้ ยูนิค เอ็นจิเนียริ่งฯ เป็นผู้ประกอบการธุรกิจรับเหมาก่อสร้างชั้นนำของไทย ที่มุ่งเน้นงานสาธารณูปโภคขนาดกลางและขนาดใหญ่ ที่ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญในด้านบริหารการจัดการและการเลือกใช้เทคโนโลยีระดับสูงให้เหมาะสม และยังเป็นผู้เชี่ยวชาญงานก่อสร้างสะพานโครงสร้างเหล็กและสะพานโครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็ก งานก่อสร้างอุโมงค์รถยนต์ลอดใต้ทางแยก งานก่อสร้างทางพื้นคอนกรีตเสริมเหล็กและแอลฟัลท์ติกคอนกรีต งานระบบสาธารณูปโภคใต้ดิน ทั้งไฟฟ้า ประปา และโทรศัพท์ รวมถึงงานในโครงการรับเหมาก่อสร้างที่มีขนาดใหญ่มูลค่าโครงการสูง หรือเป็นโครงการที่ต้องอาศัยความชำนาญหรือเทคโนโลยีเฉพาะด้าน

ทางด้าน ธนาคารผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจัยที่ทำให้หุ้นกู้ UNIQ ได้รับความสนใจจากผู้ลงทุน มาจากอายุหุ้นกู้ที่มีระยะเวลาเหมาะสมตอบโจทย์ผู้ลงทุน ขณะที่ผลตอบแทนอยู่ในระดับที่น่าพอใจ และอันดับความน่าเชื่อถืออยู่ใน “ระดับลงทุน” รวมถึงผู้ลงทุนยังเห็นถึงโอกาสและศักยภาพการเติบโตของบริษัทฯ ในฐานะบริษัทผู้รับเหมาชั้นนำของไทยที่ได้รับความไว้วางใจจากหน่วยงานรัฐ รัฐวิสาหกิจ จนทำให้บริษัทฯ รักษาตลาดโครงการขนาดใหญ่ไว้ได้อย่างต่อเนื่อง ทำให้บริษัทฯมีรายได้ที่แน่นอนจากการรับงานจากหน่วยงานรัฐ สะท้อนถึงความมั่นคงของ UNIQ ในอุตสาหกรรมรับเหมาก่อสร้างได้เป็นอย่างดี นักลงทุนที่สนใจหุ้นกู้ UNIQ สามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.sec.or.th โดยจองซื้อขั้นต่ำ 100,000 บาท และทวีคูณครั้งละ 100,000 บาท ผ่านธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) โทร 0-2111-1111 หรือจองซื้อทางออนไลน์ ผ่านแอปพลิเคชัน Krungthai NEXT หรือ ผ่าน Money Connect by Krungthai (https://moneyconnect.krungthai.com/) และธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) โทร.02-626-7777 หรือจองซื้อทางออนไลน์ผ่าน แอป CIMB Thai Digital Banking

บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ ผนึกกำลัง แม็คโคร (Makro) และ โลตัส (Lotus's) จัดแคมเปญ "CP มงคลถูกหลัก มงลงถูกใจ" ต้อนรับเทศกาลตรุษจีนกระต่ายทอง ด้วยของไหว้คุณภาพดีจากแบรนด์ซีพี เสริมสิริมงคล 3 ด้าน ได้แก่ ชุดงานก้าวหน้า ชุดเรียกทรัพย์ และชุดเมตตามงลง เพื่อแสดงถึงความกตัญญูและเสริมความเฮง พิเศษ! ในปีนี้ ซีพีเอฟ จัดทำสินค้ารูปแบบดั้งเดิม (แบบตัว) และของไหว้สะดวกมงคล (แบบชิ้นส่วน) ให้เข้าถึงทุกไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ร่วมสืบทอดขนบธรรมเนียม ได้สะดวกสบาย ง่ายต่อการจัดเตรียม และรับประทาน ด้วยสินค้าคุณภาพที่ยังคงความสด สะอาด ปลอดภัย ในราคาสุดคุ้ม

นายเอกปิยะ เอื้อวุฒิเกริก รองกรรมการผู้จัดการบริหาร ธุรกิจการค้าในประเทศ ซีพีเอฟ กล่าวว่า จากสถานการณ์โควิด-19 ในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา ส่งผลต่อพฤติกรรมของผู้จับจ่ายสินค้าของไหว้ตรุษจีนเปลี่ยนไป ด้วยเศรษฐกิจที่ต้องจำกัดงบประมาณมากขึ้น ตลอดจนรูปแบบการใช้ชีวิตของคนรุ่นใหม่ ซีพีเอฟ มองเห็นโอกาสในการสร้างความคุ้มค่าควบคู่กับการตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในปัจจุบัน จึงออกผลิตภัณฑ์ชุดไหว้สะดวกมงคลที่มีขนาดพอเหมาะ เน้นความสะดวกในการเตรียม สามารถแกะไหว้ และพร้อมรับประทาน ในราคาย่อมเยา ที่เราให้ความสำคัญตั้งแต่การคัดสรรวัตถุดิบคุณภาพพรีเมียม กระบวนการผลิตด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยได้มาตรฐานสากล สามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ทุกขั้นตอน เพื่อรังสรรค์ของไหว้ที่ถูกหลักมงคลรับเทศกาลตรุษจีนโดยเฉพาะ

"บรรยากาศการจับจ่ายของไหว้ตรุษจีนในปีนี้ คาดว่ากำลังการซื้อของผู้บริโภคจะสูงขึ้นประมาณ 30% เปรียบเทียบจากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา ซีพีเอฟได้จัดเตรียมสินค้าของไหว้ให้เพียงพอต่อความต้องการของตลาด รวมถึงอำนวยความสะดวกด้วยการเพิ่มช่องทางการขาย ทั้งในส่วนของห้างสรรพสินค้าและออนไลน์ให้มีมากขึ้น พร้อมทั้งโปรโมชั่นส่วนลดต่างๆ ตลอดจนบริการจัดส่งสินค้าถึงบ้าน เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายของผู้บริโภค" นายเอกปิยะ กล่าว

 

ชุดไหว้เสริมสิริมงคลทั้ง 3 ชุด ได้แก่ 1. “ชุดงานก้าวหน้า” เสริมความมั่นคง ช่วยการงานให้เจริญก้าวหน้า ประกอบด้วย ‘ซีพี เนื้อเป็ดย่างเครื่องเทศ สไตล์ฮ่องกง’ เสริมก้าวย่างสู่ความสำเร็จในหน้าที่การงาน ได้เพิ่มยศ เลื่อนตำแหน่ง ด้วย ‘ซีพี ขาหมู หมูสามชั้นคูโรบูตะในน้ำพะโล้ และสะโพกหมูต้ม’ เสริมความมั่นคง มั่งคั่ง ร่ำรวย มีกินมีใช้ตลอดทั้งปีไปกับ ‘นักเก็ตไก่’ ช่วยหนุนนำความก้าวหน้า เงินทองไหลมาเทมา เหมือนทองแท่ง ไม่ขัดสนตลอดทั้งปี 2. “ชุดเรียกทรัพย์” ช่วยเรื่องโชคลาภ ความเจริญรุ่งเรือง ร่ำรวยเงินทองไม่ขาดมือ ประกอบด้วย ‘ซีพี เนื้อเป็ดพะโล้ต้นตำรับ’ สื่อถึงความเก่งกาจรอบด้าน มีเงินใช้จ่ายคล่อง ‘ซีพี เกี๊ยวกุ้งจักรพรรดิ’ ได้โชคลาภก้อนใหญ่ ดึงดูดแต่ความเฮง โชคดีตลอดปี และ ‘นักเก็ตไก่’ 3. “ชุดเมตตามงลง” เสริมดวงชะตามหาเสน่ห์ ความมงคลสู่ชีวิต ผู้ใหญ่เมตตาเอ็นดูคอยช่วยเหลือให้ประสบความสำเร็จ ประกอบด้วย ‘ซีพี เนื้อเป็ดย่างเครื่องเทศ สไตล์ฮ่องกง’ ‘ซีพี เนื้อเป็ดพะโล้ต้นตำรับ’ ‘ซีพี ขาหมู หมูสามชั้นคูโรบูตะในน้ำพะโล้ สะโพกหมูต้ม’ ‘ซีพี เกี๊ยวกุ้งจักรพรรดิ’ และ ‘นักเก็ตไก่’

สำหรับโปรโมชั่นพิเศษที่ 'Makro' เพียงซื้อของไหว้แบบดั้งเดิม (แบบตัว) ครบ 1,288 บาท รับฟรี! กระเป๋าสะพายเก็บความเย็นสุด Cool และชุดของไหว้สะดวกมงคล (แบบชิ้นส่วน) ครบ 488 บาท รับส่วนลดท้ายใบเสร็จ 40 บาท ตั้งแต่วันที่ 11-24 มกราคม 2566

ด้าน 'Lotus's' ขนขบวนสินค้าพร้อมโปรโมชั่นพิเศษมาให้เลือกซื้อกันมากมาย ได้แก่ ซีพี ขาหมูและหมูสามชั้นคูโรบูตะในน้ำพะโล้ เพียง 309 บาท (จาก 339 บาท) ซีพี เนื้อเป็ดพะโล้ต้นตำรับ และ ซีพี เนื้อเป็ดย่างเครื่องเทศสไตล์ฮ่องกง เพียง 99 บาท (จาก 109 บาท) หรือจะเป็นของไหว้ดั้งเดิม อาทิ ซีพี เป็ดพะโล้ต้นตำรับ เพียง 369 บาท (จาก 389 บาท) ซีพี ขาหมูพะโล้ เพียง 399 บาท (จาก 419 บาท) และ ซีพี ไก่ต้ม เพียง 349 บาท (จาก 359 บาท) ตั้งแต่วันที่ 11-24 มกราคม 2566 หรือหาซื้อสินค้าเพิ่มเติมได้ที่ ห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั่วประเทศ อาทิ Big C, Top Supermarkat, Gourmet Market เป็นต้น

นอกจากนี้ ยังสามารถสั่งซื้อชุดไหว้ตรุษจีนผ่านช่องทางออนไลน์ ได้ที่ CPF official Shop, Shopee, Lazada แถมฟรี! โดนัทกุ้งชีส CP ขนาด 200 กรัม มูลค่า 129 บาท พร้อมโปรโมชั่นพิเศษ! โค้ดส่วนลดสูงสุด 120 บาท พร้อมลดค่าจัดส่ง 50% เหลือเพียง 60 บาท (เมื่อซื้อสินค้าครบ 399 บาท) เปิดจองชุดไหว้ วันนี้ถึงวันที่ 16 มกราคม 2566 พร้อมส่งสินค้าแบบควบคุมอุณหภูมิ เพื่อคงความสด สะอาด ปลอดภัย จนถึงมือผู้บริโภค สามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Facebook Fanpage : https://www.facebook.com/brandcp/ ./

ธนชาตประกันภัย จับมือ ทีทีบี ชวนแก้ปีชงเสริมมงคลให้ชีวิตมีแต่ความปังในเทศกาลตรุษจีนปากน้ำโพ ประจำปี 2566 สืบสานประเพณีแห่เจ้าพ่อ-เจ้าแม่ปากน้ำโพ” 12 วัน 12 คืน ระหว่างวันที่ 15-26 มกราคม 2566 พร้อมส่งมอบความเฮงปีกระต่ายด้วยการออกบูธจัดกิจกรรมเสริมความปังพร้อมจัดโปรโมชันสุดพิเศษ เมื่อซื้อผลิตภัณฑ์ประกันภัยที่ร่วมรายการ และมีค่าเบี้ยประกันภัยตั้งแต่ 6,000 บาท ขึ้นไป รับฟรี! บัตรเติมน้ำมัน PTT มูลค่า 300 บาท พร้อมมอบสิทธิพิเศษให้กับลูกค้าธนชาตประกันภัยได้อิ่มอร่อยโชคดีมีส่วนลดกับ 10 ร้านดัง ใน จ.นครสวรรค์ โดยสามารถกดรับสิทธิ์ผ่าน Line Official Account “ธนชาตประกันภัย” อีกด้วย

นางสาววิชินี โอรพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่สายงานขาย บริษัท ธนชาตประกันภัย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในโอกาสงานประเพณีเจ้าพ่อ-เจ้าแม่ปากน้ำโพ หรือเทศกาลตรุษจีนปากน้ำโพ จ.นครสวรรค์ ประจำปี 2566 ธนชาตประกันภัยและทีทีบีได้เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการสืบสานพลังศรัทธารักษาประเพณีอันยิ่งใหญ่เพื่อ "สืบสานพลังแห่งศรัทธา รักษาประเพณี 107 ปี ตรุษจีนปากน้ำโพ" ภายใต้รูปแบบการจัดงาน “มังกรเบิกฟ้า บุบผาเบ่งบาน” เต็มอิ่มกับการเฉลิมฉลอง 12 วัน 12 คืน ระหว่างวันที่ 15 - 26 มกราคม 2566พร้อมขอเชิญชวนร่วมสัมผัสกับบรรยากาศการไหว้เจ้าขอพรจากองค์เจ้าพ่อเจ้าแม่ปากน้ำโพ ทั้ง 2 ศาล การแก้ชง สะเดาะเคราะห์-เสริมดวง การทำบุญอธิษฐานขอพร ลงบนเกล็ดมังกรทองปากน้ำโพ รับชมขบวนแห่กลางคืน “ชิวซา” และกลางวัน“ชิวสี่” ที่ยิ่งใหญ่อลังการเสริมมงคลในปีกระต่าย

และเพื่อเป็นการร่วมฉลองความยิ่งใหญ่ของงานประเพณีตรุษจีน ธนชาตประกันภัยและทีทีบียังได้ร่วมออกบูธจัดกิจกรรมเสริมความปัง พร้อมจัดโปรโมชันเพิ่มความเฮงให้กับลูกค้าที่ซื้อผลิตภัณฑ์ประกันภัยที่ร่วมรายการ และมีค่าเบี้ยประกันภัยตั้งแต่ 6,000 บาท ขึ้นไป รับฟรี! บัตรเติมน้ำมัน PTT มูลค่า 300 บาท โดยผลิตภัณฑ์ที่ร่วมรายการ ได้แก่ ประกันภัยรถยนต์ ประเภท 1, ประกันภัยรถยนต์ ธนชาต 2+จัดเต็ม, ประกันภัยรถยนต์ ธนชาต 2+ฟิต และประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคลล

นอกจากนี้ ยังมอบสิทธิพิเศษให้กับลูกค้าธนชาตประกันภัยได้อิ่มมื้อนี้โชคดีรับส่วนลดกับ 10 ร้านดัง ใน จ.นครสวรรค์ โดยสามารถรับสิทธิได้ผ่าน Line Official ธนชาตประกันภัย ซึ่งมีร้านอาหารที่ร่วมรายการ ได้แก่ สวนอาหารบ้านอีสาน, แพอาหารสี่แคว , แกะดำแลนด์ ดินแดนมหัศจรรย์, อีฟคัม คอนหวัน - If come Khonwan , BooBun Pocket ,ThaLo Kaffee ,GIVEN , Cafe Re’treat , Le Sugar

ทั้งนี้ ลูกค้าของธนชาตประกันภัยและนักท่องเที่ยวที่สนใจเข้าร่วมงาน สามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เว็บไซต์ธนชาตประกันภัย www.thanachartinsurance.co.th .../

นางสาวพิชามน จิตรเป็นธรรม ผู้บริหารสูงสุด – สายงานสินเชื่อบุคคล “เคทีซี” หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน)   เผยถึงโครงการ “เคทีซี “เคลียร์หนี้” ครั้งที่ 14   ด้วยเจตนารมณ์ที่ต้องการตอบแทนความมีวินัยของสมาชิกสินเชื่อบัตรกดเงินสด “เคทีซี พราว” และสมาชิก “เคทีซี พี่เบิ้ม รถแลกเงิน สำหรับมอเตอร์ไซค์

โดยความพิเศษของโครงการฯ ในปีนี้ สมาชิกฯ จะได้รับสิทธิ์ร่วมลุ้นรางวัล รวมมูลค่าทั้งสิ้นกว่า 7 ล้านบาท ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2566 - 31 ธันวาคม 2566 แบ่งเป็น รางวัลที่ 1 บัตรกำนัลส่วนลดค่าใช้จ่าย เพื่อเคลียร์หนี้ จำนวน 12 รางวัล (จับรางวัล 12 รอบๆ ละ 1 รางวัล) รางวัลที่ 2 บัตรกำนัลส่วนลดค่าใช้จ่าย เพื่อลดหนี้ จำนวน 588 รางวัล (จับรางวัล 12 รอบๆ ละ 49 รางวัล)”

“สมาชิกฯ สามารถรับสิทธิ์ในโครงการเคลียร์หนี้ได้ โดยแบ่งเป็น 2 สิทธิ์ คือ

สิทธิ์ใช้ดี: รับ 1 สิทธิ์ จากยอดการใช้วงเงินสินเชื่อฯ ไม่ว่าจะเป็นการรูด-โอน-กด-ผ่อน ทุกๆ 2,000 บาท และคงค้างไว้อย่างน้อย 15 วันติดต่อกันทุกวันนับจากวันที่มียอดการใช้วงเงินสินเชื่อ (ไม่จำกัดจำนวนสิทธิ์)

สิทธิ์จ่ายดี: รับ 1 สิทธิ์ต่อรอบการจับรางวัล สำหรับสมาชิกฯ ที่ชำระหนี้ไม่น้อยกว่ายอดเรียกเก็บขั้นต่ำและชำระภายในวันครบกำหนดชำระเงินในรอบนั้นๆ

โดยสามารถลงทะเบียนเข้าร่วมแคมเปญฯ เพียงครั้งเดียว ก็สามารถลุ้นรับรางวัลได้ตลอดปี 2566 ผ่านเว็บไซต์ www.ktc.co.th/cleardebt66 หรือช่องทาง SMS พิมพ์ OK66 ตามด้วยหมายเลขบัตรฯ 16 หลัก ส่งไปที่ 061-364-5000 สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ KTC PHONE 02 123 5000 กด 0 กด 2”

สมัครสมาชิกสินเชื่อบัตรกดเงิน “เคทีซี พราว” ได้ที่ศูนย์บริการสมาชิก “เคทีซี ทัช” ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือคลิก https://ktc.today//KTC-PROUD

หรือ สมัครสมาชิกสินเชื่อ “เคทีซี พี่เบิ้ม รถแลกเงิน” คลิก https://ktc.today//PBerm-Apply

 

ธนาคารยูโอบี ประเทศไทย ร่วมกับ และเดอะ ฟินแล็บ หน่วยงานบ่มเพาะผู้ประกอบการเพื่อพัฒนานวัตกรรมภายใต้ธนาคารยูโอบี สนับสนุนผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ไทยมากกว่า 250 รายในการปรับธุรกิจสู่ดิจิทัล ภายใต้โครงการ Smart Business Transformation หรือ SBTP ของธนาคารยูโอบี ประจำปี 2565

โดยผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการต่างได้รับประโยชน์หลายประการ อาทิ การพัฒนาศักยภาพทางธุรกิจ ลดต้นทุนการดำเนินงาน มีการบริหารองค์กรที่ดีขึ้น และปรับปรุงความพร้อมสำหรับการขับเคลื่อนธุรกิจสู่ความยั่งยืนได้อย่างบูรณาการ โดยผลลัพธ์เหล่านี้สอดคล้องกับผลสำรวจ ASEAN SME Transformation Study 2022 ของธนาคารยูโอบี ซึ่งพบว่าร้อยละ 50 ของ SMEs ในภูมิภาคอาเซียนมีมุมมองในแง่บวกต่อการฟื้นฟูกิจการของพวกเขา โดยร้อยละ 50 ของ SMEs ไทยยังตระหนักถึงความจำเป็นในการปรับเปลี่ยนโมเดลทางธุรกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล การขับเคลื่อนสู่แนวทางความยั่งยืน และการมีส่วนร่วมของลูกค้าเนื่องจากความต้องการของผู้บริโภคปรับเปลี่ยนไป

นางสาวสิรินันท์ จิรดิลก ผู้อำนวยการอาวุโส Digital Engagement and FinTech Innovation ธนาคารยูโอบี ประเทศไทย กล่าวว่า “นอกจากการเปลี่ยนผ่านธุรกิจสู่ดิจิทัลแล้ว แนวคิดเรื่องความยั่งยืนก็ส่งผลต่อวิธีคิดในด้านแนวทางการดำเนินงานของ SMEs ด้วยเช่นกัน จากผลสำรวจระบุว่า 2 ใน 3 หรือคิดเป็นร้อยละ 65 ของ SMEs ไทย มองว่าแนวทางความยั่งยืนกำลังเข้ามามีบทบาทสำคัญที่จะส่งผลต่อธุรกิจของพวกเขา”

นับตั้งแต่เริ่มดำเนินโครงการ SBTP ในปี 2562 เราได้ช่วยสนับสนุนผู้ประกอบการในประเทศไทยมากกว่า 900 รายให้เกิดการพัฒนาและการปรับเปลี่ยนสู่ดิจิทัลมากยิ่งขึ้น เราเสริมความพร้อมให้กับ SMEs ด้วยทักษะทางดิจิทัลและเครื่องมือที่เกี่ยวข้องเพื่อที่ให้พวกเขาสามารถแข่งขันในตลาดได้ อีกทั้งพวกเขายังเรียนรู้วิธีการบูรณาการความยั่งยืนให้เข้ากับกลยุทธ์ทางธุรกิจของตนเองและได้รู้จักกับระบบการเงินสีเขียวเพื่อความสำเร็จในระยะยาวได้”

ตลอดระยะเวลา 3 เดือนของการเข้าร่วมโครงการ ผู้ประกอบการไทยได้นำโซลูชันดิจิทัลไปปรับใช้ รวมถึงแนวทางการทำธุรกิจและแนวคิดด้านความยั่งยืน ภายใต้คำแนะนำของธนาคารยูโอบี ประเทศไทย และพันธมิตรในโครงการ ที่คอยช่วยพวกเขาให้สามารถเดินหน้ากระบวนการปรับเปลี่ยนรูปแบบธุรกิจเพื่อรองรับความท้าทายใหม่ได้

สำหรับโซลูชันที่ผู้ประกอบการนำไปใช้ โดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการข้อมูล สามารถช่วยจัดการความท้าทายต่างๆ ที่ธุรกิจเผชิญอยู่ อาทิ การวิเคราะห์และจัดการข้อมูลภายในที่เก็บบันทึกมา เพื่อทำความเข้าใจกับลูกค้าทั้งที่มีอยู่ในปัจจุบันและลูกค้าใหม่ได้ดียิ่งขึ้น การปรับปรุงการตลาดดิจิทัล รวมถึงการพัฒนาขั้นตอนการดำเนินธุรกิจให้มีประสิทธิภาพ และการจัดการต้นทุนที่ดีขึ้น

ผู้ประกอบการไทย เผยผลลัพธ์เชิงบวกที่ได้รับจากโครงการ Smart Business Transformation โดย SMEs ที่เข้าร่วมโครงการ SBTP ประจำปี 2565 เปิดเผยว่าพวกเขาสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานให้สูงขึ้น และการมีส่วนร่วมจากลูกค้าเพิ่มขึ้นได้ด้วยการปรับปรุงกระบวนการทำงาน เพิ่มยอดขายได้มากขึ้นจากการใช้เครื่องมือการตลาดดิจิทัล ในขณะที่ต้นทุนด้านการตลาดและการปฏิบัติงานนั้นลดลง อีกทั้งพวกเขายังสามารถสร้างความเข้าใจ และความมุ่งมั่นในการเปิดรับแนวทางความยั่งยืนของทั้งองค์กร จากผู้บริหาร เจ้าของธุรกิจ และผู้มีอำนาจในการตัดสินใจได้ด้วย

นายชลวัส เรืองปรีชาเวช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คลินตันอินเตอร์เทรด จำกัด ผู้จัดจำหน่ายอุปกรณ์เครื่องไฟฟ้าและปั๊มน้ำ กล่าวว่า “โครงการ SBTP ประจำปี 2565 ช่วยผลักดันการเปลี่ยนผ่านธุรกิจของเราสู่ดิจิทัลได้อย่างรวดเร็ว เราเลือกใช้งาน SAP B1 ซึ่งเป็นหนึ่งในซอฟต์แวร์สำคัญในการบริหารจัดการและนำข้อมูลที่ถูกจัดเก็บมาจัดสรรได้อย่างเหมาะสม ทำให้เราสามารถปรับปรุงการดำเนินงานเอกสารต่างๆ ได้เป็นอย่างดี และการเห็นข้อมูลแบบเรียลไทม์นี้ ก็ช่วยให้การรับมือกับสถานการณ์ต่างๆ เกิดขึ้นได้ทันที นอกจากนี้หนึ่งในพันธมิตรของโครงการ SBTP ก็ยังให้คำแนะนำแก่เราในเรื่องการจัดการช่องหว่างระหว่างเจนเนอเรชันในที่ทำงาน ที่เราเชื่อว่าจะช่วยในการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานและสร้างผลงานให้กับเราได้เป็นอย่างดี”

นายคุณากร ธนสารสมบัติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โรงงานไทยแลนด์นิตติ้ง จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเสื้อยืดตราห่านคู่ กล่าวว่า “ห่านคู่เข้าร่วมโครงการ SBTP เป็นระยะเวลา 2 ปีแล้ว โดยเห็นผลเชิงบวกตลอดมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงปีที่สองที่เราเริ่มนำโซลูชันเทคโนโลยีอย่าง SAP B1 เข้ามาใช้ ซึ่งช่วยเราพัฒนาการบริหารจัดการต้นทุนและการจัดเก็บข้อมูลทางธุรกิจ โดยข้อมูลที่ถูกเก็บรวบรวมมานี้ ก็ทำให้เราสามารถสร้างผลิตภัณฑ์ที่สามารถนำกลับมารีไซเคิลใหม่ได้มากกว่าเดิมในสายการผลิตของเรา ช่วยพาเราเดินหน้าผันตัวสู่การเป็นผู้ผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมได้ นอกจากนี้เรายังนำโซลูชันทางธุรกิจอย่าง UOB mCollect มาช่วยลดภาระในส่วนงานการเรียกเก็บและชำระเงิน ส่งผลให้พนักงานขายของเรา สามารถทุ่มเทให้กับการบริการลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น”

นายปิติพัฒน์ มงคลอริยนันท์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เคเอ็มพี พาร์ทเนอร์ จำกัด ผู้ประกอบการให้คำปรึกษาด้านงานก่อสร้าง กล่าวว่า “เราได้เรียนรู้การนำเอาแนวคิดลูกค้าคือศูนย์กลาง (customer centric) มาปรับใช้ในการพัฒนาแอปพลิเคชันของเรา ทำให้แอปพลิเคชันสามารถระบุถึงความต้องการของลูกค้าได้ ทำให้ฐานลูกค้าของเราขยายตัวขึ้นจาก 20 เป็น 700 ราย นอกจากนี้เราต้องขอบคุณ SBTP ที่แนะนำ Zaviago ซึ่งเป็นโซลูชันด้านการบริหารความสัมพันธ์กับลูกค้า (CRM) ที่เก็บรวบรวมข้อมูลและเพิ่มประสิทธิภาพให้กับการระบุเป้าหมายของสื่อออนไลน์ สิ่งนี้ทำให้เราสามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของเราได้ภายใต้ต้นทุนที่ต่ำที่สุด”

นายจักกเดช อัศวโสภณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอราเมง จำกัด กล่าวว่า “ข้อมูลทางธุรกิจและข้อมูลของลูกค้าเป็นสิ่งที่เราให้ความสำคัญสูงที่สุดเสมอ และโครงการ SBTP ช่วยให้เราสามารถติดตั้งเครื่องมือในการบริหารจัดการข้อมูลได้เป็นผลสำเร็จ ทำให้เราสามารถวิเคราะห์ข้อมูลของลูกค้าได้ ช่วยให้เราลดต้นทุนและเพิ่มยอดขาย ขณะเดียวกันก็มอบประสบการณ์ที่ดียิ่งขึ้นให้กับลูกค้า ที่สำคัญ SBTP ยังช่วยปูเส้นทางให้เราในการมุ่งสู่การทำธุรกิจแบบ Zero Waste ตามนโยบายการทำธุรกิจที่ยั่งยืนด้วย โดยเรามีแผนของเราจะเริ่มจากการทำครัวกลางในปี 2566 นี้ด้วย”

นายพาวรอวัชระ ยุวนะศิริ กรรมการผู้จัดการ RainForest Green Community กล่าวว่า “เป้าหมายของเราคือการสร้างโครงการคอมมูนิตี้มอลของเราให้เป็น ‘ชุมชนสีเขียว’ โดยสิ่งที่เราได้รับจากโครงการไม่ได้มีแค่คำแนะนำเชิงลึกจากผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางเท่านั้น แต่ทำให้เราได้รู้จักโซลูชันทางการเงินที่ยั่งยืนจากธนาคารยูโอบีอย่าง U-Solar ที่เรามองว่าเป็นโอกาสของเราในการนำพลังงานสะอาดเข้ามาใช้ในคอมมูนิตี้มอลของเราอีกด้วย โครงการ SBTP ได้แนะนำให้เรารู้จักกับพันธมิตรของโครงการ ที่เราเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่าจะมีส่วนช่วยในการลดค่าใช้จ่ายและลดการใช้พลังงานเมื่อเราติดตั้งโซลูชันสำเร็จ ในด้านปรับองค์กรสู่ดิจิทัล เราเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นในการบริหารจัดการต้นทุน การจัดการภาษีองค์กร กระบวนการทำงาน จากการที่เรานำ PEAKaccount ซึ่งเป็นโซลูชันการทำบัญชีออนไลน์และบริหารจัดการต้นทุนที่ช่วยในด้านการบริหารจัดการข้อมูลมาใช้งาน”

โครงการ SBTP เปิดรับเจ้าของธุรกิจ SMEs หรือผู้มีอำนาจในการตัดสินใจ ที่พร้อมเปิดรับแนวคิดใหม่ในการทำธุรกิจ มีความกระตือรือร้นในการปรับตัวเข้ากับเทคโนโลยีและความพร้อมในการลงทุนด้านเครื่องมือดิจิทัล และสามารถให้เวลากับโครงการได้อย่างเต็มที่ตลอดระยะเวลาสามเดือนของโครงการ 

สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์" (สพธอ.) หรือ "เอ็ตด้า" (ETDA : Electronic Transactions Development Agency) กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ร่วมมือกับ Dek-D จัดโครงการ ETDA Digital Citizen Trainer หรือ EDC Trainer เพื่อสร้างความตระหนักรู้ในการใช้อินเทอร์เน็ตผ่านการแบ่งปันทักษะสำคัญสำหรับการพัฒนาและส่งต่อความรู้ที่ได้รับสู่สังคม ซึ่งจะช่วยส่งเสริมการใช้สื่ออย่างปลอดภัยในยุคดิจิทัล

โดยไม่ให้มีใครเผลอหรือตั้งใจแสดงพฤติกรรมที่ส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยและสภาพจิตใจของผู้อื่น และไม่ตกเป็นเหยื่อของภัยคุกคามบนโลกออนไลน์

จากความสำเร็จและกระแสตอบรับที่ดีมากจากรุ่นแรก จึงได้มีการจัด "ETDA Digital Citizen Trainer รุ่น 2" ขึ้น และเปิดรับสมัครแล้ว ไม่จำกัดอายุ เพศ วุฒิการศึกษา ไม่มีค่าใช้จ่าย จะสมัครเดี่ยวหรือแพ็กคู่ก็ได้ โดยเปิดรับสมัครถึง 19 ม.ค.นี้เท่านั้น

 ส่อง 5 ทักษะที่จะได้เรียนรู้เมื่อได้รับการคัดเลือกให้เป็น EDC Trainer

1. ภาคทฤษฎี เข้าร่วมได้ครบตามวัน/เวลาที่กำหนด

1.1 ทักษะดิจิทัล (Digital Life Skills) ครอบคลุม 5 ด้านดังนี้

· อัตลักษณ์ดิจิทัล (Digital Identity) เพื่อให้สามารถสร้างตัวตนที่ดีและมีมารยาทในโลกดิจิทัล

· การใช้เทคโนโลยีดิจิทัลอย่างเหมาะสม (Digital Use) ทั้งในแง่เวลา อุปกรณ์ การจัดการอารมณ์ความรู้สึกและความเข้าอกเข้าใจผู้อื่น

· การจัดการความปลอดภัยในโลกดิจิทัล (Digital Security) เพื่อให้สามารถหลีกเลี่ยง ป้องกัน และรับมือกับความเสี่ยงและภัยคุกคามออนไลน์ได้

· การรู้เท่าทันดิจิทัล (Digital Literacy) เพื่อให้สามารถใช้งานข้อมูล ข่าวสาร และสื่อออนไลน์ต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ และเสพสื่อดิจิทัลได้อย่างสร้างสรรค์

· การสื่อสารดิจิทัล (Digital Communication) เพื่อให้สามารถเรียนรู้การใช้เครื่องมือทางออนไลน์เพื่อให้ติดต่อสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ และเข้าใจการจัดการกับร่องรอยดิจิทัลที่ส่งผลดีต่อตนเองได้

1.2 ทักษะการถ่ายทอดความรู้ (Transferable Skill)

· เรียนรู้เทคนิคการสอน และฝึกออกแบบกิจกรรมเพื่อเตรียมจัดอบรมขยายผลส่งต่อความรู้ไปยังกลุ่มเป้าหมาย

2. เข้าร่วมกิจกรรมกลุ่มออนไลน์ได้ทุกช่องทาง

โครงการฯ จะสร้างคอมมูนิตี้เปิดพื้นที่ให้ EDC Trainer มาแชร์ข้อมูลและแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ร่วมกัน

3. ทำภารกิจขยายผล

EDC Trainer ออกแบบแผนการสอนในแบบฉบับของตัวเอง นำความรู้ที่ได้ไปอบรมกลุ่มเป้าหมายผ่านช่องทางออนไลน์หรือออฟไลน์

สิทธิประโยชน์สุดพิเศษสำหรับผู้เข้าร่วมโครงการ!

1. ประกาศนียบัตรจาก ETDA

2. ได้เป็น EDC Trainer ในสังกัด ETDA

· ได้รับสิทธิ์การเข้าถึงคลังความรู้และสื่อสารสอนจาก ETDA

· ส่งเสริม สนับสนุน และเข้าร่วมกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับหน่วยงานในเครือข่ายของ ETDA

3. คอนเนกชัน โอกาสแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ทั้งกับผู้เชี่ยวชาญด้านดิจิทัลและ EDC Trainer แต่ละรุ่น

เช็กลิสต์คุณสมบัติ

ใครสมัคร EDC Trainer รุ่น 2 ได้บ้าง?

1. สมัครได้ทุกคน ไม่จำกัด อายุ เพศ การศึกษา (คลิกที่นี่เพื่อสมัครออนไลน์)

2. รอบนี้เปิดให้ สมัครเดี่ยว หรือ สมัครเป็นแพ็กคู่ ก็ได้

3. เป็นผู้มีใจรักพร้อมเรียนรู้และฝึกฝนทักษะดิจิทัล รวมถึงแนวทางการใช้โซเชียลอย่างสร้างสรรค์

4. มีความรับผิดชอบ จัดการเวลาได้ดี และกล้าสวมบทบาทผู้สอน (เพราะภารกิจคือการอบรมและนำความรู้ไปถ่ายทอดต่อ)

5. สามารถเข้าร่วมอบรมทางออนไลน์หรือออฟไลน์ได้ครบตามวันและเวลาที่กำหนด

สอบถามเพิ่มเติมโครงการ “ETDA Digital Citizen Trainer” FB Fanpage: ETDA Thailand Line : @edctrainer หรือ E-mail : This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.

เมื่อเร็วๆ นี้ นายระเฑียร ศรีมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร “เคทีซี” หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) พร้อมด้วยทีมผู้บริหารระดับสูงได้แถลงทิศทางธุรกิจและแผนกลยุทธ์ปี 2566

โดยจะปรับรากฐานองค์กรให้แข็งแกร่ง “A Transition to the New Foundation” พร้อมรับการเปลี่ยนแปลงและเท่าทันความคาดหวังของลูกค้า เพื่อตอกย้ำความเป็นองค์กรแห่งความไว้วางใจ (Trusted Organization) อีกทั้งจะขับเคลื่อนธุรกิจเคทีซีให้ดีขึ้นด้วยความรับผิดชอบเพื่อความยั่งยืน ทั้งในมิติของเศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อม โดยจะเร่งพัฒนา Mindset ของคนในองค์กรให้มีดีเอ็นเอเดียวกัน ด้วย 3 ค่านิยมองค์กรหลัก (Core Value) ได้แก่

1. กล้าทำในสิ่งที่ถูกต้อง

2. ทำให้ง่าย ไม่ซับซ้อน และ

3.ทำสิ่งที่มีความหมายและเป็นประโยชน์ เพื่อส่งต่อความไว้วางใจนี้ไปสู่สมาชิก องค์กร ผู้ถือหุ้นและสังคม

โอกาสสำคัญที่จะได้ร่วมทำงานกับแมนพาวเวอร์กรุ๊ป บริษัทจัดหางานชั้นนำระดับโลก ตอบโจทย์การให้บริการอย่างครบวงจร

Manpower Talent Academy เปิดรับสมัคร Manpower Trainee ครั้งแรกในประเทศไทย!!!

เพื่อร่วมเรียนรู้ สัมผัสประสบกาณ์ในการทำงานจัดหาคน และการสัมภาษณ์ โดยตรงจากผู้เชี่ยวชาญจากทุกหน่วยงานของแมนพาวเวอร์กรุ๊ป ที่จะมาถ่ายทอดวิชาให้แบบเอ็กซ์คลูซีฟ เพื่อก้าวสู่การเป็น Recruiter หน้าใหม่ของวงการ HR และยังเป็นโอกาสสำคัญที่จะได้รับคัดเลือกเข้าทำงานกับแมนพาวเวอร์กรุ๊ป บริษัทชั้นนำระดับโลก หนึ่งในลิสต์ของ Fortune 500 companies ที่เปิดให้บริการมากว่า 70 ปี และได้ถูกจัดอันดับว่าเป็นบริษัทที่มีจรรยาบรรณมากที่สุดในโลก 13 ปีซ้อน

นางสาวลิลลี่ งามตระกูลพานิช ผู้จัดการประจำประเทศไทย แมนพาวเวอร์กรุ๊ป กล่าวว่า แมนพาวเวอร์กรุ๊ป เชื่อว่า "คน" หรือ "Manpower" คือ กุญแจสำคัญที่นำไปสู่ความสำเร็จของทุกองค์กร จึงได้จัดโครงการ ‘Manpower Talent Academy’ นับเป็นครั้งแรกของประเทศไทย โดยทาเลนท์ โซลูชันส์ (Talent Solutions) ซึ่งเป็นหนึ่งในหน่วยงานภายใต้แมนพาวเวอร์กรุ๊ป ผู้นำธุรกิจให้บริการจัดหาคน-จัดหางานชั้นนำระดับโลก ที่ตอบโจทย์การให้บริการอย่างครบวงจร และสร้างมูลค่ามหาศาลให้ผู้สมัครงานและองค์กรมาทั่วโลก โดยมีผู้เชี่ยวชาญมากด้วยประสบการณ์ในการสรรหาบุคลากร ตั้งแต่ระดับทั่วไปจนถึงระดับบริหารให้เข้ากับองค์กรชั้นนำมากว่า 20 ปีในประเทศไทย เพื่อยกระดับตลาดแรงงาน พัฒนาศักยภาพพนักงานและธุรกิจสู่ความสำเร็จไปพร้อมกัน ภายใต้แบรนด์ แมนพาวเวอร์ (Manpower) และทาเลนท์ โซลูชันส์ (Talent Solutions)

โครงการพัฒนา Recruiter มืออาชีพนี้ มีกำหนดจัดขึ้นระหว่างเดือนกุมภาพันธ์-เมษายน 2566

โดยจะเปิดโอกาสให้ผู้ที่จบปริญญาตรี ทั้งที่ มีประสบการณ์ในการทำงาน และยังไม่มีประสบการ์การทำงาน รวมถึงผู้ที่ต้องการเปลี่ยนสายงาน

ได้เข้าร่วมเรียนรู้และสัมผัสประสบการณ์จริงในการจัดหาคนให้เหมาะกับงาน และจัดหางานให้เหมาะกับคน โดยผู้เชี่ยวชาญจากทุกหน่วยงานของแมนพาวเวอร์กรุ๊ป ที่พร้อมจะถ่ายทอดวิชาให้ผ่านหลักสูตรพิเศษที่ถูกออกแบบมาอย่าง ‘รวบรัด กระชับ เข้าใจง่าย’ ไม่ว่าจะเป็นทักษะการคัดเลือกคนอย่างมืออาชีพ ทักษะการโน้มน้าว ทักษะการสัมภาษณ์ ทักษะการเจรจาต่อรอง ถือเป็นซอฟต์สกิลที่สำคัญและจำเป็นอย่างมากในการทำงานยุคนี้

นอกจากนี้ ตลอดระยะเวลาในการที่เข้าร่วมโครงการ ผู้ที่ผ่านการคัดเลือกจะได้ทดลองลงสนามการทำงานจริง ได้รับสวัสดิการพนักงาน ค่าตอบแทนเริ่มต้น 12,000 บาท++ และค่าคอมมิชชั่นหากสามารถปิด job order ได้อีกด้วย ซึ่งเมื่ออบรมครบจบหลักสูตร และผ่านเกณฑ์ที่บริษัทกำหนดจะได้รับพิจารณาบรรจุเป็นพนักงานประจำทันที โดยไม่ต้องมีช่วงทดลองงาน

โดยผู้สมัครจะต้องมีคุณสมบัติดังนี้

- จบการศึกษาในระดับปริญญาตรี สาขาศิลปศาสตร์ จิตวิทยา ท่องเที่ยวและการโรงแรม ภาษาอังกฤษ บริหารธุรกิจ และอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง

- มีความสามารถในการสื่อสารภาษาอังกฤษ (TOEIC ขั้นต่ำ 600 คะแนน)

- มีแรงจูงใจในการทำงาน มีความกระตือรือร้นที่จะเรียนรู้ และสามารถปรับตัวได้ดี รวมถึงมีจรรยาบรรณในการทำงานที่ดี

สำหรับผู้ที่สนใจสามารถสมัครเข้าร่วมโครงการ ‘Manpower Talent Academy’ โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ ได้ตั้งแต่วันนี้จนถึง 31 มกราคม 2566 ที่ www.manpowerthailand.com

ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมและวิธีการสมัครได้เบอร์โทรศัพท์ 0 2171 2345

ว่ากันว่าเด็ก ๆ ที่เกิดมาใหม่ทุกคนเปรียบเสมือนผ้าขาวและจะมีสีต่าง ๆ แต่งแต้มเติมเข้าไปเมื่อเติบโตขึ้น และสำหรับผู้ใหญ่แบบพวกเราแล้วต่างเคยผ่านช่วงวัยเด็กที่อาจจะมีโอกาสในชีวิตมากกว่าเด็กที่ยากไร้หลาย ๆ คน สำหรับเด็ก ๆ แล้ว พอเข้าเดือนมกราคมพวกเขาต่างเฝ้ามองถึงวันสำคัญนั่นก็คือวันเด็ก วันที่เด็ก ๆ ต่างคิดว่าเป็นวันพิเศษของตนเองและเพื่อน ๆ ได้มีโอกาสได้ของขวัญ ของเล่น รับประทานอาหารและขนมพิเศษจากครอบครัว ญาติพี่น้อง หรือผู้ใหญ่ใจดี รวมทั้งมีโอกาสร่วมกิจกรรมพิเศษที่หน่วยงานต่าง ๆ จัดขึ้น

อย่างไรก็ตาม สำหรับเด็ก ๆ ยากไร้ในพื้นที่ชนบทห่างไกล ของขวัญที่เด็ก ๆ อยากได้อาจไม่ใช่เพียงของเล่น อาหาร ขนมแสนอร่อย แต่สิ่งที่พวกเขาเหล่านั้นโหยหาคือ “โอกาสทางการศึกษา” ที่จะช่วยให้ได้เรียนหนังสือ ไม่ต้องกังวลใจเรื่องความขาดแคลน ความขัดสนของครอบครัว และช่วยสานต่อความฝันที่ตนเองได้วาดไว้เมื่อเติบโตขึ้นว่าอยากเรียนอะไร อยากเป็นอะไร ซึ่งมูลนิธิ EDF (มูลนิธิกองทุนการศึกษาเพื่อการพัฒนา) ที่ตระหนักถึงความสำคัญของการศึกษาและได้ดำเนินงานมีส่วนร่วมพัฒนาคุณภาพชีวิตของนักเรียนยากไร้มาอย่างต่อเนื่องกว่า 35 ปี ได้ประเมินว่าจะมีนักเรียนสมัครขอรับทุนการศึกษาผ่านโรงเรียนในปีการศึกษา 2566 ที่จะถึงนี้ไม่น้อยกว่า 10,000 คน ดังนั้นมูลนิธิ EDF จึงขอชวนผู้ใหญ่ใจดีได้ร่วมมอบของขวัญพิเศษเป็นโอกาสทางการศึกษาให้นักเรียนที่ยากไร้ในโครงการทุนการศึกษาของมูลนิธิ โดยทุนการศึกษาที่ผู้ใหญ่ใจดีมอบให้จะมิเพียงแต่เป็นกำลังใจ เป็นน้ำทิพย์ชะโลมใจให้นักเรียนที่ยากไร้ที่ได้รับทุนเท่านั้น แต่ยังจะช่วยเติมเต็มรอยยิ้มที่สดใสอีกครั้ง รวมถึงยังเป็นโอกาส เป็นกำลังใจ แรงบันดาลใจ เพื่อให้พวกเขามีอนาคตที่สดใส พึ่งพาตนเอง และส่งต่อแรงบันดาลใจมอบโอกาสให้นักเรียนที่ยากไร้คนอื่น ๆ ต่อไป ทั้งนี้มูลนิธิ EDF ได้เปิดรับบริจาคทุนการศึกษาล่วงหน้าสำหรับปีการศึกษา 2566 มาตั้งแต่ 1 กรกฎาคม 2565 เป็นต้นมา และจะปิดรับภายใน 30 มิถุนายน 2566 นี้

ผู้สนใจสามารถร่วมมอบโอกาสทางการศึกษาให้นักเรียนที่ยากไร้ได้โดยสแกนคิวอาร์โค้ดผ่านระบบ E-Donation หรือบริจาคออนไลน์ที่เว็บไซต์ www.edfthai.org หรือโอนเงินบริจาคผ่านบัญชี "มูลนิธิกองทุนการศึกษาเพื่อการพัฒนา (มูลนิธิ EDF)" ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) เลขที่บัญชี 319-2-77744-8 ธนาคารกรุงเทพ เลขที่บัญชี 161-4-56698-0 ธนาคารกสิกรไทย เลขที่บัญชี 070-2-45369-0 ธนาคารกรุงไทย เลขที่บัญชี 980-7-59891-5 หรือธนาคารทีทีบี เลขที่บัญชี 069-2-41110-1 หรือแอปพลิเคชันของทุกธนาคาร จากนั้นส่งสำเนาหรือภาพสลิปการโอนเงินพร้อมรายละเอียดเพื่อขอออกใบเสร็จรับเงินบริจาคที่ฝ่ายประชาสัมพันธ์มูลนิธิ อีเมล This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it. โทรสาร 02-940-5266 หรือ LINE @edfthai

สำหรับมูลนิธิ EDF เป็นองค์กรสาธารณกุศลลำดับที่ 255 ของประเทศไทย ที่มุ่งพัฒนาคุณภาพชีวิตเยาวชนด้วยการมอบทุนการศึกษา รวมถึงจัดกิจกรรมซีเอสอาร์ในโรงเรียนและชุมชนมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2530 และได้รับการยอมรับจากหน่วยงานทั้งในและต่างประเทศและได้รับรางวัล เช่น รางวัลยอดเยี่ยมองค์กรพัฒนาเอกชนแห่งประเทศไทยประเภทองค์กรขนาดใหญ่จากมูลนิธิร็อคกี้เฟลเลอร์ สถาบันคีนันแห่งเอเชีย และ เดอะ รีซอร์ส อัลลิอันซ์ รางวัลประกาศนียบัตรองค์กรสาธารณกุศลระดับ 5 ดาว จากการดำเนินงานและบริหารงานด้วยหลักธรรมาภิบาล มีประสิทธิภาพทางการเงิน และมีความโปร่งใสจากสมาคมกิฟวิ่ง แบค รางวัลกัลปพฤกษ์ทองคำจากมหาวิทยาลัยขอนแก่นในฐานะหน่วยงานที่ทำความดีอันเป็นประโยชน์ต่อสังคม และรางวัลคนดีต้นแบบคุณธรรมไทยจากสมาคมสหพันธ์คนพิการในประเทศไทย เป็นต้น

X

Right Click

No right click