ซึ่งเป็นการเรียนรู้หลายทาง (Multi-dimensions) จากเดิมในอดีต การเรียนรู้ได้จากห้องเรียนเพียงอย่างเดียวที่เน้นการฟัง จดจำ ตามอาจารย์ โดยได้ความรู้จากอาจารย์ผู้สอน ซึ่งถือเป็นการเรียนภายใต้ MBA 1.0 ต่อมามีการพัฒนาการเรียนรู้โดยเน้นการใช้กรณีศึกษา ทำให้สามารถมีการคิด วิเคราะห์ โต้ตอบ ตั้งคำถาม ค้นหาคำตอบร่วมกันผ่านการแสดงความคิดเห็นระหว่างผู้เรียนกับอาจารย์ ทำให้เกิดการเรียนรู้เพิ่มขึ้นเป็นสองทาง คือ ผู้เรียนได้ความรู้จากอาจารย์ และยังได้ความรู้จากการคิดวิเคราะห์จากกรณีศึกษา หรือในบางสถานศึกษาจะเน้นการให้ออกไปหาประสบการณ์ในการฝึกงาน ซึ่งถือเป็นการเรียนรู้ในยุค MBA 2.0 ในยุคต่อมามีการเน้นการให้ผู้เรียน นอกจากเรียนรู้จากอาจารย์ และจากกรณีศึกษายังเน้นให้เรียนรู้จากเพื่อนร่วมชั้นที่มีการแบ่งปันประสบการณ์ในการทำงาน หรือการแก้ปัญหา โดยหลักสูตร MBA เน้นรับนักศึกษาที่ต้องมีประสบการณ์ในการทำงานใกล้เคียงกันกับเพื่อนร่วมชั้นทำให้สามารถแบ่งปันความรู้ การแก้ปัญหา ประสบการณ์ ระหว่างกันได้ ทำให้เกิดการเรียนรู้เป็นสามทาง คือ จากอาจารย์ จากกรณีศึกษา และจากเพื่อนร่วมชั้น ซึ่งถือเป็นการเรียนรู้ภายในยุค MBA 3.0

ภายใต้แนวคิดของการเรียนรู้ในยุค MBA 4.0 ผู้เรียนในชั้นเรียน สามารถแบ่งปันความรู้ ประสบการณ์ การคิดวิเคราะห์ การแก้ปัญหา กับเพื่อนที่อยู่นอกห้องเรียน ผ่านระบบ Learning Management System (LMS) ที่เปิดโอกาสให้เพื่อนนอกชั้นเรียน หรือห้องเรียน สามารถแบ่งปันความรู้ให้กันและกันได้ ตัวอย่างของ Webboard ซึ่งถือเป็นเครื่องมือเบื้องต้นในการที่ผู้เรียนสามารถเรียนรู้จากเพื่อนนอกชั้นเรียน แต่นอกจากนี้ยังมีเครื่องมืออื่นๆ ที่ใช้ในการเพิ่มการเรียนรู้ ไม่ว่าจะเป็น Course Networking (CN) หรือ Coursera ซึ่งถือเป็น MOOC หรือ Massive Open Online Course โดยมีมหาวิทยาลัยชั้นนำในสหรัฐอเมริกาได้ร่วมในการให้ความรู้ผ่าน MOOC ไม่ว่าจะเป็น Standford, Princeton, MIT, Harvard ทำการเรียนรู้ของผู้เรียนมีหลายทาง ทั้งจากอาจารย์ กรณีศึกษา ประสบการณ์จากเพื่อนร่วมชั้น และยังได้จากเพื่อนนอกห้องเรียนผ่านระบบ MOOC

ทำให้เกิดคำถามใหญ่กับมหาวิทยาลัย ว่าหลักสูตร MBA ที่ต้องมาเรียนโดยใช้เวลา 2 ปี มีความจำเป็นมากน้อยเพียงใดกับการเรียนรู้ของคน ภายใต้ยุค 4.0 ที่สามารถหาความรู้จากแหล่งอื่นๆ ที่อยู่นอกห้องเรียนได้ คำตอบคือ ที่คณะบริหารธุรกิจ นิด้า ได้เน้นการปรับเปลี่ยนกระบวนการให้สอดคล้องไปกับการเรียนรู้ของคนในยุค 4.0 ทำให้สามารถใช้เวลาสองปีที่มาเรียนในหลักสูตร MBA NIDA เรียนรู้ได้เร็วและมากกว่าที่ต้องไปเรียนรู้ด้วยตัวเองผ่านแหล่งความรู้นอกห้องเรียน ที่อาจใช้เวลา 7-8 ปี ทำให้สามารถมีความพร้อมที่จะนำไปใช้ในการเปลี่ยนแปลงธุรกิจ ให้รองรับการกับโลกของ Disruptive ที่มีการใช้ความรู้ นวัตกรรม เทคโนโลยี ในการประกอบธุรกิจ