December 20, 2025

ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) ร่วมลงนามกับนายพร้อมพงษ์ ชัยศรีสวัสดิ์สุข ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและประธานคณะกรรมการบริหาร กลุ่มบริษัท พริมา มารีน จำกัด (มหาชน) และนายสุรพล มีเสถียร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท นทลิน จำกัด และประธานคณะกรรมการบริหารความเสี่ยงและกรรมการกำกับดูแลกิจการที่ดีและการพัฒนาอย่างยั่งยืน กลุ่มบริษัท พริมา มารีน ในสัญญาสนับสนุนทางการเงินของ EXIM BANK เพื่อสนับสนุนการซ่อมบำรุงกองเรือให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น พร้อมเสริมสภาพคล่องการดำเนินธุรกิจของกลุ่มบริษัท พริมา มารีน จำนวน 26 ลำ วงเงินรวม 343 ล้านบาท รวมถึงการติดตั้งระบบ Ballast Water Treatment System ซึ่งเป็นเทคโนโลยีการปรับคุณภาพน้ำในเรือก่อนการปล่อยสู่แหล่งน้ำธรรมชาติ เพื่ออนุรักษ์ระบบนิเวศทางทะเลและชายฝั่งอย่างยั่งยืนตามแนวทางการส่งเสริมและขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจสีน้ำเงิน (Blue Economy) ช่วยยกระดับการพัฒนาศักยภาพกองเรือพาณิชยนาวีไทยให้แข่งขันได้อย่างยั่งยืนในระดับสากล ทั้งนี้ โดยสอดคล้องกับบทบาท Green Development Bank ของธนาคารในการขับเคลื่อนการพัฒนาอย่างยั่งยืน มุ่งสู่เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ภายในปี 2573 และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emissions) ภายในปี 2593 เร็วกว่าเป้าหมายประเทศไทย 20 ปี และ 15 ปี ตามลำดับ ณ พริมา มารีน สำนักงานใหญ่ เมื่อเร็ว ๆ นี้

เอสซีจี ซีเมนต์แอนด์กรีนโซลูชัน ชูนวัตกรรมกรีน เปิดตัวปูนคาร์บอนต่ำรายแรกของไทย แสดงความเป็นผู้นำและร่วมรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ตั้งแต่กระบวนการผลิต ด้วยคุณภาพมาตรฐานสิ่งแวดล้อมระดับนานาชาติ โดยส่งออกปูนซีเมนต์คาร์บอนต่ำไปยังสหรัฐอเมริกาได้มากกว่า 1 ล้านตัน พร้อมแผนการส่งออกไปยังประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก เพื่อมุ่งสู่เป้าหมาย Net Zero ในปี 2050

นายนพพร กีรติบรรหาร Chief Marketing Officer – Marketing and Branding เอสซีจี ซีเมนต์แอนด์กรีนโซลูชัน กล่าวว่า “เอสซีจีให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจควบคู่กับการดูแลใส่ใจชุมชน สังคม สิ่งแวดล้อม และโลก ตามแนวทาง Inclusive Green Growth ธุรกิจอยู่ได้ โลกก็อยู่ได้ด้วย นอกจากส่งเสริมการใช้ “ปูนคาร์บอนต่ำ” ภายในประเทศ ซึ่งมีแนวโน้มการใช้งานทดแทนปูนมาตรฐานเดิม ที่มีประสิทธิภาพในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้เพิ่มขึ้นร้อยละ 15-20 เรายังพัฒนาคุณภาพปูนซีเมนต์ผงสำหรับส่งออก “ปูนเอสซีจี Type IL: Hydraulic Cement” โดยได้รับฉลากรับรอง Environmental Product Declaration (EPD) North America รายแรกของไทย ตามมาตรฐาน ISO 14020, 14025, 21930 และ ASTM International General Program Instructions จาก ASTM สร้างความมั่นใจในการใช้งานทั้งคุณภาพและความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สะท้อนจากผลสำเร็จที่เอสซีจี มียอดการส่งออกปูนซีเมนต์ผง Type I/II และ Type IL ไปยังประเทศสหรัฐอเมริกากว่าล้านตัน ตั้งแต่เริ่มส่งออกปูนซีเมนต์ผง Type I/II ในปี 2020 ไปยังรัฐแคลิฟอร์เนีย และขยายฐานลูกค้าต่อเนื่องสำหรับปูนซีเมนต์ผง Type IL (ปูนคาร์บอนต่ำ) ไปยังรัฐวอชิงตันและรัฐฮาวาย โดยในอนาคตเรามีแผนที่จะขยายตลาดไปยังรัฐอื่น ๆ ในอเมริกาอย่างต่อเนื่อง”

เอสซีจี ซีเมนต์แอนด์กรีนโซลูชัน ไม่หยุดที่จะพัฒนานวัตกรรมปูนซีเมนต์ เพื่อยกระดับงานก่อสร้างให้มีประสิทธิภาพ ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพิ่มขึ้น พร้อมมุ่งสร้างสังคม Net Zero ที่น่าอยู่สำหรับทุกคน ควบคู่ไปกับการทำธุรกิจที่เติบโตอย่างยั่งยืน ทั้งในประเทศและตลาดต่างประเทศต่อไป

โตชิบา ขอแนะนำหม้อหุงข้าวระบบดิจิทัล รุ่น 18DRSTH(H) ที่จะช่วยให้การหุงข้าวทุกมื้ออร่อยยิ่งขึ้น มาพร้อมกับความจุ 1.8 ลิตร เป็นหม้อหุงข้าวโฉมใหม่ ดีไซน์ทันสมัย สี black grey สามารถควบคุมการทำงานด้วยระบบสัมผัส มีฟังก์ชัน Tasty Adjustment สามารถเลือกความนุ่มของข้าวได้ 3 ระดับ ตั้งแต่หุงข้าวมาตรฐาน ข้าวนุ่มขึ้น และข้าวเรียงเม็ดมากขึ้น มีระบบทำความร้อน 3 ทิศทาง แบบ 3D Heating กระจายความร้อนทั่วถึง ทำให้ข้าวฟูนุ่ม อร่อย น่าทาน หม้อด้านในหนาพิเศษ 3.5 มิลลิเมตร ช่วยรักษาความหอมและความอร่อยของข้าว อีกทั้งยังมาพร้อม

8 โปรแกรมให้เลือกหุงข้าวและปรุงอาหาร แถมตั้งเวลาหุงล่วงหน้าได้นานถึง 24 ชั่วโมง พร้อมจบปัญหาเรื่องการทำความสะอาด ด้วยสารเคลือบ บินโชตัน (Japanese Binchotan) ทำให้ข้าวไม่ติดหม้อ ชมข้อมูลสินค้าเพิ่มเติมได้ที่ facebook.com/ToshibaLifestyleThailand หรือ http://www.toshiba-lifestyle.com/th หรือ โทร.02-511-7999

เอสซีจีได้รับรางวัล Top 1% S&P Global Corporate Sustainability Assessment ในงาน “S&P Global Sustainability Yearbook 2024 Distinction Ceremony in Bangkok” โดยเป็นบริษัทแรกในอาเซียนที่ได้รับคัดเลือกให้อยู่ในดัชนี DJSI World  ตั้งแต่เริ่มจัดทำ Sustainability Yearbook เมื่อปี พ.ศ.2547 สะท้อนความเป็นผู้นำด้านความยั่งยืน (ESG) มาต่อเนื่องยาวนาน 20 ปี คู่กับ DJSI นอกจากนั้นยังร่วมกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยแบ่งปันประสบการณ์ สร้างแรงบันดาลใจให้บริหารงานตามแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืนแก่บริษัทจดทะเบียนอื่นๆ  ปัจจุบันมีบริษัทจดทะเบียนของไทยอยู่ใน DJSI 47 บริษัท มากเป็นลำดับต้นๆ ของโลก ทั้งนี้ รางวัลดังกล่าวจัดขึ้นในงานเฉลิมฉลองครบรอบ 20 ปี รายงานความยั่งยืน “S&P Global Sustainability Yearbook 2024 Distinction Ceremony in Bangkok”

ดร.ชนะ ภูมี ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่-การบริหารความยั่งยืน เอสซีจี กล่าวว่า “เอสซีจี รู้สึกเป็นเกียรติและภูมิใจอย่างยิ่งที่ได้รับรางวัลนี้ สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นตลอด 20 ปีที่ผ่านมา จนเป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวางให้เป็นผู้นำด้านความยั่งยืนในระดับโลก  รางวัลนี้เป็นเครื่องยืนยันความสำเร็จของเอสซีจีในการดำเนินงานด้านความยั่งยืนที่ครอบคลุมทั้งมิติสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแล (ESG) สะท้อนผ่านผลการประเมินความยั่งยืนขององค์กร (Corporate Sustainability Assessment: CSA) ซึ่ง S&P Global คัดเลือกจาก 9,400 บริษัท ใน 62 อุตสาหกรรมทั่วโลก เอสซีจีเป็นองค์กรที่เปิดรับโอกาสและความท้าทายที่ไม่เคยหยุดนิ่ง นำมาปรับเปลี่ยนพัฒนาให้องค์กรสามารถปรับตัว มีความยืดหยุ่น พร้อมรับกับวิกฤตและโอกาสที่จะเกิดขึ้น

เอสซีจีพร้อมเดินหน้าต่อไปสู่เป้าหมายการเปลี่ยนผ่านสู่สังคมคาร์บอนต่ำ ผ่านแนวคิด Passion for Inclusive Green Growth สร้างสังคม Net Zero ให้เติบโตอย่างยั่งยืน ด้วยนวัตกรรมกรีนโดยไม่ทิ้งใครข้างหลัง ด้วยการพัฒนาเศรษฐกิจควบคู่ไปกับการดูแลสิ่งแวดล้อม สร้างโอกาสและคุณค่าที่ยั่งยืนให้กับทุกภาคส่วน และร่วมขับเคลื่อนสังคมไทยสู่อนาคตที่ยั่งยืน”  

นอกจากนี้ ธุรกิจแพคเกจจิ้งในเอสซีจีติดอันดับด้านการประเมินความยั่งยืนตามแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืนของบริษัทชั้นนำระดับโลก Top 1% S&P Global Corporate Sustainability Assessment ในกลุ่มอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ (Containers & Packaging Industry) จากทั้งหมดกว่า 51 บริษัททั่วโลก

ตั้งแต่ปี พ.ศ.2547 เอสซีจี ได้รับการประเมินเป็นอันดับ 1 ของโลก 10 ปี และอยู่ใน 3 อันดับแรกของโลกต่อเนื่อง 14 ปี ในกลุ่มอุตสาหกรรมวัสดุก่อสร้าง (Construction Material) รวมทั้งได้รับการประเมินให้เป็นผู้นำด้านความยั่งยืนระดับโลกผ่าน 2 ดัชนีชั้นนำ ได้แก่ ESG Risk Ratings ระดับ ESG Industry Top Rated กลุ่มธุรกิจอุตสาหกรรมจาก Morningstar Sustainalytics และ MSCI ESG Ratings ระดับ AA กลุ่มอุตสาหกรรมวัสดุก่อสร้างจาก Morgan Stanley Capital International (MSCI)

เอปสัน ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการฉลอง Pride Month จับมือพันธมิตร สยามเซ็นเตอร์ ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของงาน “The Celebration: Right to Love” เพื่อฉลอง Pride Month ของกลุ่มสยามพิวรรธน์ ด้วยเสื้อลายลิมิเต็ด อิดิชั่น ที่พิมพ์จากเครื่องพิมพ์เอปสัน เพียงลูกค้านำใบเสร็จที่ซื้อสินค้าในสยามเซ็นเตอร์ มูลค่า 1,000 บาทขึ้นไป สามารถแลกซื้อเสื้อยืด DIY by Epson ที่พิมพ์ด้วยเครื่องพิมพ์ Epson SureColor SC-F130 และ Epson SureColor SC-F530 ลายสุดพิเศษที่ออกแบบมาเพื่อฉลอง Pride Month เท่านั้น ในราคาเพียง 299 บาท หรือร่วมบริจาค 350 บาท ก็ร่วมกิจกรรมได้เช่นกัน โดยรายได้หลังหักค่าใช้จ่ายมอบให้แก่มูลนิธิโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พบกับบูธกิจกรรมเอปสันได้ตั้งแต่วันที่ 1 - 30 มิถุนายนนี้ บริเวณ IDEA AVENUE ชั้น G สยามเซ็นเตอร์

บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ รับ 5 รางวัลเกียรติยศด้านความเป็นเลิศแห่งภูมิภาคเอเชีย จากเวที  The 14th Asian Excellence Awards 2024  จัดขึ้นที่ โรงแรม JW Marriott ฮ่องกง เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม ที่ผ่านมา จัดโดยนิตยสาร Corporate Governance Asia สื่อชั้นนำด้านการเงินของฮ่องกง และเอเชีย  สะท้อนความเป็นองค์กรธุรกิจที่ยึดมั่นหลักธรรมาภิบาลที่ดี  ควบคู่กับการสร้างความมั่นคงทางอาหารที่ยั่งยืนให้กับผู้บริโภคทั่วโลก ผ่านการพัฒนาชุมชน สังคม และสิ่งแวดล้อม ตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนแห่งสหประชาชาติ (SDGs)

โดยรางวัลที่ซีพีเอฟได้รับ ประกอบด้วย รางวัลประเภทบุคคล 3 รางวัล ได้แก่ “รางวัลซีอีโอยอดเยี่ยมแห่งเอเชีย” (Asia’s Best CEO) มอบให้ นายประสิทธิ์  บุญดวงประเสริฐ  ประธานคณะผู้บริหาร ซีพีเอฟ จากความสำเร็จในการบริหารธุรกิจภายใต้การกำกับดูแลกิจการที่ดี บรรลุเป้าหมายในการเติบโต ทั้งในมิติเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม เป็นที่ยอมรับทั้งในระดับประเทศ  และสากล “รางวัลซีเอฟโอยอดเยี่ยมแห่งเอเชีย” (Asia’s Best CFO) มอบให้ นายไพศาล จิระกิจเจริญ ประธานผู้บริหารฝ่ายการเงิน  จากความสำเร็จในการบริหารการเงิน การวางแผนธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถสร้างประโยชน์สูงสุดต่อองค์กร และ “รางวัลนักลงทุนสัมพันธ์ยอดเยี่ยมแห่งเอเชีย” (Best Investor Relations Professional) มอบให้ นางกอบบุญ  ศรีชัย  ผู้บริหารสูงสุดสายงานกิจการองค์กรและลงทุนสัมพันธ์ จากความโดดเด่นด้านการเปิดเผยข้อมูลตามหลักธรรมาภิบาลที่ดี

ขณะที่ รางวัลประเภทองค์กร 2 รางวัล ได้แก่ “รางวัลบริษัทนักลงทุนสัมพันธ์ยอดเยี่ยมแห่งเอเชีย” (Best Investor Relations Company) สะท้อนถึงมาตรฐานความโปร่งใสและเป็นธรรมในการเผยแพร่ข้อมูล นอกเหนือจากรายงานประจำที่ส่งไปยังหน่วยงานกำกับดูแลแล้ว ยังมีการสื่อสารกับผู้ลงทุนอย่างมีประสิทธิภาพ และ “รางวัลความยั่งยืนแห่งเอเชีย 2024” (Sustainable Asia Award 2024) ในการยืนหยัดเพื่อธรรมาภิบาลสีเขียว โดยซีพีเอฟให้ความสำคัญกับการดูแลชุมชน สังคม และสิ่งแวดล้อม มาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นไปตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนแห่งสหประชาชาติ (SDGs) จนเป็นที่ยอมรับในระดับสากล

Asian Excellence Awards เป็นรางวัลที่สะท้อนถึงความสำเร็จและความเป็นเลิศในการบริหารจัดการทั้งด้านการเงิน ความรับผิดชอบดูแลสังคม แนวปฏิบัติที่ดีด้านสิ่งแวดล้อม และงานนักลงทุนสัมพันธ์ บนพื้นฐานธรรมาภิบาลสีเขียวที่ดี (Green Governance) ซึ่งในปีนี้ มีบุคคล และองค์กรที่ได้รับรางวัลจากหลายประเทศในภูมิภาคเอเชีย ทั้งจาก สาธารณรัฐประชาชนจีน เขตปกครองพิเศษฮ่องกง ไต้หวัน ไทย ฟิลิปปินส์ และมาเลเซีย

พบกับโปรพร้อมไลฟ์แขกรับเชิญสุดพิเศษแจกโค้ดลดโหดที่ Shopee

เปลี่ยนเป็นวัตถุดิบตั้งต้นในอุตสาหกรรมปิโตรเคมี เตรียมนำร่องใช้ครั้งแรกในไทย

เพื่อสร้างความประทับใจแก่นักท่องเที่ยวและเพิ่มมูลค่าการท่องเที่ยวไทย ตอบโจทย์ “IGNITE TOURISM THAILAND”

ห่านคู่ (DOUBLE GOOSE) จับมือ วู้ดดี้ ส่ง “WOODY X Easy Goose” สู่ตลาด ปฏิวัติวงการชุดนอน ตามแนวคิด “ชุดนอนที่เป็นมากกว่าชุดนอน” ผลิตจากเนื้อผ้าชนิดนุ่มลื่น เบาบาง ระบายอากาศได้ดี เพื่อการหลับสบายสู่การมีสุขภาพที่ดี ทั้งยังสามารถปรับรูปแบบสำหรับการมิกซ์แอนด์แมทช์ สำหรับกิจกรรมนอกบ้านได้ง่าย เน้นความรวดเร็ว ตอบโจทย์การใช้ชีวิตคนรุ่นใหม่อย่างแท้จริง

โดย คุณคุณากร ธนสารสมบัติ กรรมการผู้จัดการ และ คุณลลิดา โช ที่ปรึกษาบริษัทโรงงานไทยแลนด์นิตติ้ง จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายสินค้าแบรนด์ ห่านคู่ (DOUBLE GOOSE) และ สตรีทแบรนด์ DBGS เผยว่า “ห่านคู่ (DOUBLE GOOSE)” เป็นแบรนด์ไทยที่ประกอบธุรกิจเสื้อยืดเป็นที่รู้จักในสังคมไทยมานานถึง 71 ปี ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการพัฒนาสร้างสรรค์เสื้อยืดในหลากหลายรูปแบบผ่านยุคสมัยต่างๆ มาอย่างต่อเนื่อง ล้วนได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี ล่าสุดได้ร่วมมือกับ “วู้ดดี้-วุฒิธร มิลินทจินดา” พิธีกรชื่อดัง สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ใหม่ “WOODY X Easy Goose” ชุดนอนที่ถูกคิดค้นมาด้วยคุณลักษณะพิเศษเพื่อการนอนหลับที่ดี และยังเป็นมากกว่าชุดนอนทั่วไป ตามแนวคิดของ “วู้ดดี้” ที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้นำด้านการดูแลตัวเอง และใส่ใจสุขภาพให้แข็งแรงอยู่เสมอ อีกทั้งยังเป็นหนึ่งในไอดอลสำคัญของคนรุ่นใหม่ในเรื่อง Growth Mindset ทั้งในด้านการทํางาน การใช้ชีวิตที่สมดุล และแอคทีฟอยู่ตลอดเวลาอีกด้วย 

คุณลลิดา โช กล่าว “เราใช้เวลาทำงานร่วมกันนานกว่า 1 ปี เพื่อให้ได้ชุดนอนที่ตอบโจทย์การแก้ไขปัญหา และอุปสรรคในการนอน เพื่อให้ผู้สวมใส่สามารถนอนหลับได้สบายอย่างแท้จริง และถือเป็นการปฏิวัติวงการชุดนอนที่เคยผ่านมาในอดีตภายใต้คอนเซ็ปต์ “ชุดนอนที่เป็นมากกว่าชุดนอน” โดยคุณวู้ดดี้ใส่ใจในทุกรายละเอียดตั้งแต่การทําความเข้าใจปัญหาที่เกิดขึ้นจากการนอน เพื่อนำมาใช้เป็นโจทย์ในการพัฒนา “WOODY X Easy Goose” ว่าควรจะมีคุณลักษณะอย่างไรให้สามารถแก้ปัญหาเหล่านั้นได้มากที่สุด นอกจากเรื่องของการนอนแล้ว คุณวู้ดดี้ ยังเป็นคนที่มีความแอคทีฟตลอดเวลา ไอเดียนี้ทำให้มีการเพิ่มฟังก์ชั่นดีไซน์ สำหรับการทํากิจกรรมนอกบ้านได้ด้วย สามารถมิกซ์แอนด์แมทช์ให้ออกไปทำกิจกรรมนอกบ้าน หรือ ใช้สวมใส่ในระหว่างการเดินทาง เพราะนอกจากความสบายและเรียบง่ายแล้ว “WOODY X Easy Goose” ยังมีนำหนักเบา จัดเก็บได้ง่าย ไม่ยับ สามารถใส่ไปท่องเที่ยวได้สะดวกอีกด้วย”

คุณคุณากร ธนสารสมบัติ กล่าวเพิ่มเติมว่า “สำหรับ “WOODY X Easy Goose” เป็นผลิตภัณฑ์ในรูปแบบใหม่ และถือเป็นครั้งแรกของเสื้อยืดตรา “ห่านคู่” ที่สร้างผลิตภัณฑ์ชุดนอนในลักษณะนี้ขึ้นมาตอบโจทย์ใน 3 มิติ ด้วยกันคือความสบาย โดยคุณวู้ดดี้พิถีพิถันในคัดสรรเนื้อผ้าจำนวนมากจนค้นพบ ผ้าไมโครโพลีเอสเตอร์ (Micro polyester) ที่มีฟีเจอร์อัลตร้าซอฟท์ (Ultra Soft) ให้ผิวสัมผัสนุ่มลื่นเป็นพิเศษ ทําให้รู้สึกผ่อนคลายเพื่อนำมาใช้ในการผลิต มิติที่ 2 คือ สมาร์ท เทม ฟังก์ชั่น (Smart temp function) ในการระบายอากาศ เหมือนมีจมูกบนเสื้อ ระบายความชื้นได้ดี ขณะเดียวกันยังช่วยควบคุมอุณหภูมิร่างกายในขณะนอนหลับได้ด้วย ทําให้นอนหลับได้ดีขึ้น และมิติที่ 3 คือ สมาร์ท ดีไซน์ (Smart Design) เป็นความตั้งใจของ “วู้ดดี้” ที่อยากให้เสื้อนอนเป็นเสื้อที่ทำกิจกรรมนอกบ้านได้ เพราะในปัจจุบันผู้คนมีเวลาค่อนข้างจํากัด การใช้เวลาตัวเองให้คุ้มค่าที่สุดในแต่ละวันจึงเป็นสิ่งสำคัญ การออกกําลังกาย การดูแลตัวเองการ ทํากิจกรรมต่างๆ  จนทำให้ได้ “WOODY X Easy Goose” ชุดนอนที่เป็นมากกว่าชุดนอนดังกล่าว

สำหรับกลุ่มเป้าหมายหลักของ “WOODY X Easy Goose”  นั้นมุ่งเป้าไปที่คนรุ่นใหม่ที่มีวิถีชีวิตหรือการใช้ชีวิตที่รวดเร็ว เพราะแต่ละวันของคนรุ่นใหม่ ตั้งแต่ตื่นนอน จนกระทั่งเข้านอนที่ผ่านไปอย่างรวดเร็ว แต่ในความรวดเร็วนั้นสิ่งสำคัญที่ทุกคนไม่ควรละเลยคือเรื่องสุขภาพ เพราะสุขภาพแข็งแรงก็สามารถทำงานได้มากขึ้นและมีประสิทธิ์ภาพ แต่หากสุขภาพไม่แข็งแรงก็จะไปลดทอนศักยภาพการใช้ชีวิตได้ พื้นฐานของการมีสุขภาพดีอยู่ที่การนอนและอาหารที่ดี ดังนั้นจึงอยากจะสนับสนุนให้คนรุ่นใหม่มีสุขภาพที่ดี ดังนั้นชุดนอนที่ดีก็เป็นปัจจัยส่วนหนึ่งที่จะทำให้ทุกคนมีสุขภาพที่ดีได้

ทั้งนี้คาดหวังว่าทุกคนจะได้รับประโยชน์กันได้ผลิตภัณฑ์ใหม่ตัวนี้  โดยมีเป้าหมายให้ตอบโจทย์ความต้องการลูกค้าอันดับหนึ่งก่อน ต่อมาจึงจะมองถึงเรื่องการเติบโต ซึ่งเชื่อว่าจะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากตลาด โดยหลังการเปิดซอฟท์โอเพ่นนิ่ง ผ่านช่องทางการขาย ทั้งหน้าร้าน และ โซเชียลต่างๆ ก่อนหน้านี้ ก็พบว่ามีกระแสที่ดี โดยตัวสินค้าสามารถขยายตลาดออกไปได้ เนื่องจาก “ตราห่านคู่” เป็นแบรนด์ที่ยาวนานกว่า 71 ปี และเติบโตมาอย่างต่อเนื่อง จากการปรับเปลี่ยนตามยุคสมัย และตั้งเป้าว่าจากนี้ 3-5 ปี “ห่านคู่” จะไม่ได้เป็นแค่เพียงเสื้อยืด แต่จะเป็น Apparel  หรือ เสื้อผ้าหลากรูปแบบ ที่ยังคงความเบสิก สบาย ที่เป็นแนวทางหลักที่ยึดถือมาโดยตลอด เพื่อให้ผู้สวมใส่สบายใจ สามารถใช้ชีวิตในแบบของตัวเองได้ดีที่สุด “WOODY X Easy Goose”  ที่เปิดตัวในนี้ถือว่าเป็นเวอร์ชั่นแรก ซึ่งหากลูกค้าเริ่มใช้ เราก็จะเริ่มค้นพบความต้องการให้เพิ่มขึ้นและจะร่วมพัฒนาต่อไปในเวอร์ชั่น 2 เวอร์ชั่น 3 เชื่อว่าจะช่วยให้ผู้ที่สวมใส่มีคุณภาพการนอนที่ดีขึ้น นำไปสู่การมีสุขภาพที่ดีขึ้นและคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นในทุกอย่าง”

สำหรับ “ห่านคู่” (DOUBLE GOOSE) เป็นแบรนด์ยอดนิยมของคนไทย ก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2496 (ค.ศ. 1953) ดำเนินธุรกิจเสื้อยืดมาจนถึงปัจจุบันเป็นปีที่ 71 สู่ผู้บริหารเจนเนอเรชั่นที่ 3 ที่ยังคงพัฒนาผลิตภัณฑ์ตอบรับความต้องการของผู้คนตามยุคสมัยในรูปแบบต่างๆ มาอย่างต่อเนื่องแต่ยังคงความเป็นเอกลักษณ์ “เสื้อยืด” ที่เรียบง่าย เข้าถึงง่าย นับเป็นตำนานบทหนึ่งของธุรกิจเสื้อยืดไทย

โดยชุดนอน “WOODY X Easy Goose” เป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุดที่ส่งออกสู่ตลาด ถือเป็นการปฏิวัติวงการชุดนอนให้ไม่ได้เป็นเพียงแค่ชุดนอนอีกต่อไป สำหรับผู้สนใจสามารถเลือกชมสินค้าได้  ช้อปดับเบิ้ล กูดส์ทั้ง 7 สาขา ได้แก่ สยามสแควร์วัน, สามย่าน มิตรทาวน์, เดอะมอลล์ บางกะปิ, เดอะมอลล์ บางแค, เซ็นทรัลปิ่นเกล้า, เซ็นทรัลพระรามเก้า และ เซ็นทรัล นครปฐม หรือช่องทางช้อปปิ้งออนไลน์ต่างๆ ได้แล้ววันนี้

X

Right Click

No right click