December 20, 2025

Taiwan Award-Winning Foods Pavilion 2024”  รวบรวมผลิตภัณฑ์อาหารจากไต้หวันและภูมิใจนำเสนอผลิตภัณฑ์หลักอย่าง เครื่องปรุงรส เครื่องดื่ม อาหารทานเล่น  และขนมปังหลากชนิดโดยผลิตภัณฑ์อาหารที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมทั้งหมดภายในงานไม่เพียงแต่ได้รับรางวัลและการรับรองในประเทศเท่านั้นแต่ยังได้รับการการันตีในระดับสากลว่ามีคุณภาพสูงสุดในอุตสาหกรรมอาหารไต้หวันและการเปิดตัวในประเทศไทยครั้งนี้เป็นเพียงหนึ่งในมหกรรมที่จะจัดขึ้นในอีกหลายประเทศทั่วเอเชีย

Taiwan Award-Winning Foods Pavilion 2024” งานที่หลายคนให้การยอมรับว่าคือภาพแทนของจุดสูงสุดของอุตสาหกรรมอาหารไต้หวัน กลับมาจัดแสดงในมหกรรม Thaifex Anuga Asia อีกครั้งระหว่างวันที่ 28 พฤษภาคม - 1 มิถุนายน 2024 เวลา 10.00 - 18.00 (Trade Days) และ 10.00 - 20.00 น. (Public Day)  ณ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม อิมแพ็ค เมืองทองธานี เพื่อให้คนไทยได้ลิ้มรสอาหารชั้นเลิศจากไต้หวัน ภายใต้ความร่วมมือระหว่างสำนักงานบริหารการค้าระหว่างประเทศ  กระทรวงเศรษฐกิจ และสภาส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศไต้หวัน (TAITRA) โดยจุดประสงค์หลักของงานในครั้งนี้คือเพื่ออำนวยความสะดวกให้บริษัทในอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มของไต้หวันเข้ามาสู่ตลาดของประเทศไทย พร้อมส่งเสริมความร่วมมืออันทรงคุณค่าระหว่างอุตสาหกรรมอาหารของทั้งสองประเทศ รวมไปถึงรักษามาตรฐานคุณภาพอาหารระดับสูงสุดจากทั้งสองภูมิภาคไว้

งาน Taiwan Award-Winning Foods Pavilion ในมหกรรม Thaifex Anuga Asia ครั้งนี้ได้รับความสนใจจากทั้งฝั่งผู้ซื้อและผู้ขายอย่างล้นหลามเพราะมีการนำเสนอผลิตภัณฑ์มากถึง 120 รายการจากบริษัทชั้นนำของไต้หวันกว่า 68 แห่ง ซึ่งได้รับรางวัลอาหารยอดเยี่ยมแห่งชาติ โดยผู้เข้าร่วมงานจะลิ้มลองสุดยอดสินค้าต่างๆ จากไต้หวันด้วยตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นพายสับปะรดสูตรพิเศษ, บะหมี่คลุกน้ำมันจากห่านผสมหอมแดง, ขนมเปี๊ยะเผือกสูตรเด็ดของไต้หวัน, ชุดขนมนูกัต ตังเมไต้หวัน, เครื่องดื่มจากเห็ดหูหนูขาว, ชุดของฝากไข่ปลากระบอก, ชาสกัดเย็นจากดอกเทรเมลลา, เครื่องดื่มรสพีช-อู่หลงแบบเยลลี่ และผลิตภัณฑ์อื่นๆ อีกจำนวนมาก ที่สำคัญผลิตภัณฑ์เหล่านั้นยังมาพร้อมกับใบรับรองคุณภาพและรางวัลระดับประเทศและนานาชาติ อาทิ Monde Selection, ITQI, Halal, Organic, Clean Label และ A.A. TASTE AWARDS

นอกจากนั้น ทุกผลิตภัณฑ์ที่นำเสนอในพาวิเลียนล้วนผสมผสานคุณสมบัติเด่น 3 ประการ ได้แก่ คุณภาพเยี่ยม รสชาติเป็นเอกลักษณ์และความหลากหลาย การควบคุมมาตรฐานที่รัดกุมช่วยรับประกันว่าผลิตภัณฑ์เหล่านี้ได้คุณภาพตามใบรับรองระดับชาติและสากลและผู้ประกอบการยังภูมิใจนำเสนอวัตถุดิบจากไต้หวันที่ปลูกในท้องถิ่นรวมทั้งแสดงถึงฝีมืออันประณีตเพื่อมอบประสบการณ์การลิ้มรสที่เหนือชั้นและหาที่ไหนเปรียบไม่ได้โดยผลิตภัณฑ์ที่นำเสนอทั้งหมดในงานครั้งนี้มีหลากหลายประเภทเพื่อรองรับความต้องการของผู้บริโภคที่แตกต่างกันออกไป

ทั้งนี้ ภายในงานยังมีการแถลงข่าวในหัวข้อ "Taiwan Award-Winning Foods Pavilion, Empowering the Highest Standard Quality of Food" เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2567 เวลา 11.00 น. - 12.00 น. ภายใต้แนวคิด 'Award-Winning Product' โดยมีเป้าหมายเพื่อนำเสนอถึงนวัตกรรมที่โดดเด่นในอุตสาหกรรมอาหารโดยบริษัทจากไต้หวัน

ด้านคุณมีอา เหลียง ผู้อำนวยการ Taiwan Trade Center Bangkok กล่าวขณะแถลงข่าวว่า "เรายินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เข้าร่วมงาน THAIFEX-Anuga Asia ซึ่งเป็นศูนย์กลางสำหรับอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มระดับโลก เพื่อนำความโดดเด่นของอาหารไต้หวันมาสู่สายตาผู้บริโภคชาวไทย และประเทศไทยถือเป็นหุ้นส่วนที่สำคัญอย่างยิ่ง โดยในปี 2566 มูลค่าการซื้อขายสุทธิสูงถึง 2.14 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคการเกษตรและอาหาร ไทยเป็นหุ้นส่วนรายใหญ่อันดับที่ 6 ทั้งด้านการนำเข้าและส่งออก"

"งาน 'Taiwan Award-Winning Foods Pavilion 2024' จัดขึ้นโดยสำนักงานการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงเศรษฐกิจ และ TAITRA งานในครั้งนี้แสดงถึงความมุ่งมั่นในการเสริมสร้างสายสัมพันธ์ผ่านวัฒนธรรมด้านอาหาร และนับเป็นโอกาสอันดีในการส่งเสริมความร่วมมือของไทยและไต้หวัน และเติบโตในอุตสาหกรรมดังกล่าวไปพร้อมกัน"

ในวันแรกของมหกรรมอาหารในครั้งนี้มีผู้ร่วมงานอย่างล้นหลามซึ่งนับเป็นสัญญาณที่ดีสำหรับแนวโน้มจำนวนผู้เข้าร่วมงานในวันถัดๆ ไป และตลอดระยะเวลา 5 วันของงาน Taiwan Award-Winning Foods Pavilion ประกอบไปด้วยกิจกรรมน่าสนใจมากมาย อาทิ ของแจกจากผู้จัดงาน ถ่ายภาพเสมือนจริงที่บูธถ่ายรูป และอื่นๆ อีกมากมายซึ่งออกแบบมาเพื่อดึงดูดความสนใจจากผู้เข้าร่วมชมงาน นอกจากนี้ ผู้เข้าร่วมงานยังมีโอกาสลุ้นรับบัตรโดยสารเครื่องบินไป-กลับ กรุงเทพฯ-ไทเป จำนวน 3 รางวัล โดยการมีส่วนร่วมจากผู้จัดแสดงสินค้าและการเปิดโอกาสให้ผู้บริโภคชาวไทยได้สัมผัสประสบการณ์จะช่วยเสริมสร้างสายสัมพันธ์และโอกาสทางธุรกิจระหว่างไต้หวันและประเทศไทยให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น

สําหรับเจ้าของธุรกิจและผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มหรือท่านใดที่สนใจเยี่ยมชมบริษัทชั้นนำในอุตสาหกรรมอาหารไต้หวันสามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์: https://taiwanfoods.taiwantrade.com/en-us/search?title=Thaifex+Anuga-Taiwan+Pavilion+%28Award+Winning+Products%29 รวมทั้งบุคคลหรือผู้ประกอบการที่สนใจจัดหาผลิตภัณฑ์ไต้หวัน สามารถติดต่อ ไต้หวัน เทรด เซนเตอร์, กรุงเทพฯ (TAITRA) ที่: https://bangkok.taiwantrade.com/home ขอเชิญชวนทุกท่านมาเยี่ยมชมและลิ้มลองรสชาติที่ดีที่สุดของไต้หวัน!

ประเทศไทยถือเป็นเดสติเนชั่นอันดับต้นๆ ของนักท่องเที่ยวทั่วโลก ด้วยความสวยงามของธรรมชาติ เอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมที่หลากหลาย และการให้บริการที่คงเสน่ห์ความเป็นไทย ทำให้ในแต่ละปีมีนักท่องเที่ยวหลั่งไหลเข้ามาเป็นจำนวนมาก ยิ่งปัจจุบันความก้าวหน้าของเทคโนโลยีทำให้ทุกคนสามารถหาข้อมูลและเดินทางท่องเที่ยวด้วยตัวเองได้ เราจึงเห็นนักท่องเที่ยวเริ่มกระจายตัวไปตามเมืองรอง ไม่ได้กระจุกอยู่แค่ในเมืองใหญ่เหมือนแต่ก่อน ซึ่งหนึ่งในกลุ่มคนเบื้องหลังที่ทำให้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวสามารถขับเคลื่อนไปได้ คือคนขับรถรับจ้างที่คอยอำนวยความสะดวก และตั้งใจที่จะพานักท่องเที่ยวไปสู่จุดหมายได้อย่างปลอดภัย อย่างเช่น อุทัย หนองขอม คนขับแท็กซี่ที่ให้บริการประจำอยู่แถวสนามบินสุวรรณภูมิ หรือ ธนิต อินต๊ะเขียว คนขับแกร็บในจังหวัดเชียงรายที่สนุกกับการแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวใหม่ๆ ให้กับชาวต่างชาติในทุกๆ วัน

ลบภาพจำเก่า สร้างความประทับใจใหม่ ให้กับแท็กซี่ในเมืองกรุง

“อุทัย หนองขอม” หรือ พี่อุทัย วัย 55 ปี ชาวนครนายกที่เข้ามาใช้ชีวิตในกรุงเทพฯ และยึดอาชีพคนขับแท็กซี่ มานานกว่า 13 ปี และหันมาให้บริการ GrabTaxi เพื่อหารายได้เสริม จากความสนุกที่ได้ขับรถไปส่งผู้โดยสารตามสถานที่ต่างๆ เกิดเป็นความรักในงานบริการที่อยากจะส่งมอบประสบการณ์การเดินทางที่ดีที่สุดให้กับผู้โดยสาร 

“ทุกวันนี้ผมชอบไปประจำอยู่แถวสนามบินสุวรรณภูมิ เพราะบางครั้งจะได้โอกาสขับรถไปที่ไกลๆ ซึ่งการได้ขับรถพานักท่องเที่ยวไปสถานที่ต่างๆ เหมือนเป็นการเปิดโลกให้เรารู้จักสถานที่ใหม่ๆ อย่างทุกวันนี้นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติมักจะวางแผนการท่องเที่ยวด้วยตัวเอง พวกเขาเตรียมตัวทำการบ้านกันมาแล้วเรียบร้อยผ่านข้อมูลในอินเตอร์เน็ต ที่ไหนฮิต คนรีวิวเยอะ เขาก็จะไปตามรอยกัน โดยช่วงนี้สถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดที่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ อย่าง กาญจนบุรี ดูจะได้รับความสนใจเป็นพิเศษ"

พี่อุทัยเล่าถึงประสบการณ์ที่ได้ให้บริการกับนักท่องเที่ยวที่ผ่านมาว่า “ทุกครั้งที่ผมเจอผู้โดยสารเรียกไปสถานที่ที่เค้าไม่เคยไป โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวที่อาจจะไม่รู้ข้อจำกัดของสถานที่ ผมจะชอบให้คำแนะนำเค้าตั้งแต่ก่อนจะเริ่มเดินทาง เช่น ถ้าผู้โดยสารเรียกรถเพื่อไปตั้งแคมป์ แต่ไม่รู้ข้อมูลเกี่ยวกับสิ่งอำนวยความสะดวกของสถานที่ ผมจะแจ้งให้ผู้โดยสารทราบก่อนไปถึงจุดหมายเลย เพื่อให้พวกเขาสามารถเตรียมตัวหรือรับมือได้ล่วงหน้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักท่องเที่ยวผู้หญิง ที่เรื่องการใช้ห้องน้ำถือเป็นเรื่องสำคัญ”

พี่อุทัยเสริมว่า “ผมเชื่อว่าแท็กซี่หลายๆ คนคงเคยเจอสถานการณ์ที่ไม่คาดคิด อย่างการที่เราไปส่งผู้โดยสารแล้วปรากฏว่ามันผิดที่ หรือติดต่อคนที่ไปหาไม่ได้ ด้วยจรรยาบรรณของแท็กซี่แล้ว เราไม่ควรทิ้งผู้โดยสารไว้ตรงนั้น อย่างผมเคยมีนักท่องเที่ยวที่จองที่พักไว้ที่กาญจนบุรี แต่พอถึงที่หมายตอนกลางคืน กลับไม่สามารถติดต่อที่พักได้ ผมจึงพาพวกเขาไปส่งยังสถานที่ปลอดภัยในเมืองเพื่อให้เขาสามารถหาที่พักใหม่ หรือสามารถขอความช่วยเหลือจากสถานีตำรวจได้” 

พี่อุทัยทิ้งท้ายความในใจที่อยากจะให้ทุกคนเห็นว่ายังมีคนขับแท็กซี่อีกมากมายที่พร้อมให้บริการที่ดีที่สุดกับผู้โดยสารทุกคน 

“หลายคนมองว่าหน้าที่ของคนขับแท็กซี่คือแค่การพาผู้โดยสารไปให้ถึงจุดหมาย แต่ผมมองว่าเราเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างวันดีๆ ให้กับผู้โดยสารทุกคนที่เดินทางไปกับเรา เราอาจจะเคยได้ยินเรื่องราวหรือรีวิวเกี่ยวกับปัญหาของการนั่งแท็กซี่ โดยเฉพาะเคสของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ได้รับประสบการณ์ที่ไม่ดีกับแท็กซี่ เราอยากจะเป็นคนหนึ่งที่ลบภาพเหล่านั้น และสร้างความประทับใจให้กับนักท่องเที่ยว ให้เขารู้ว่าแท็กซี่ไทยปลอดภัยและซื่อสัตย์ยังมีอีกมาก” 

เผยเสน่ห์เมืองรอง ในมุมมองคนท้องถิ่น

อีกหนึ่งเรื่องราวจาก “ธนิต อินต๊ะเขียว” หรือ บอส หนุ่มพะเยาวัย 29 ปี ที่หลงเสน่ห์ความงามของเมืองเชียงราย จนตัดสินใจลงหลักปักฐาน และได้มายึดอาชีพขับรถรับจ้างผ่านแกร็บเพื่อหาเลี้ยงครอบครัว 

“แต่ก่อนผมทำงานอยู่ในห้าง ทำจนจะได้เลื่อนตำแหน่งเป็นผู้จัดการ แต่พอภรรยาผมตั้งครรภ์ การทำงานเป็นกะตามเวลาห้างทำให้ผมไม่มีเวลาดูแลครอบครัว อีกทั้งความเหนื่อยล้าจากการทำงานติดต่อกันทั้งอาทิตย์ทำให้ผมไม่สามารถทำอย่างอื่นได้ ผมจึงตัดสินใจลาออกมาลองขับแกร็บเพื่อจะได้มีเวลาให้กับครอบครัวมากขึ้น”

บอสเล่าถึงประสบการณ์การขับรถรับจ้างในต่างจังหวัดว่า “สมัยก่อนจำเป็นต้องมีทุนทรัพย์ มีความรู้ความเชี่ยวชาญในเส้นทาง และคอนเนคชั่นในการติดต่อกับลูกค้า ทำให้ผมแทบไม่มีโอกาสเลย แต่พอมีบริการเรียกรถของแกร็บเข้ามา มันทำให้ผมสามารถเข้าถึงผู้โดยสารได้ โดยไม่จำเป็นต้องมีสิ่งเหล่านั้น เราไม่ต้องวิ่งไปหาผู้โดยสาร แถมยังไม่จำเป็นต้องรู้ทางไปทุกที่ เพราะแกร็บมีแผนที่ GPS ในแอป ทำให้ผมสามารถพาผู้โดยสารไปในที่ที่เขาอยากไปได้อย่างถูกต้องและปลอดภัย” 

บอสเล่าต่อว่า แต่ก่อนถ้าเราไม่ใช่คนท้องถิ่นที่เชียงราย ถ้าจะเดินทางไปไหน อาจจะต้องเช่าเหมารถตู้หรือเช่ารถขับเอง ทำให้นักท่องเที่ยวอาจจะไม่นิยมมาเชียงรายเพราะข้อจำกัดในเรื่องการเดินทาง แต่พอนักท่องเที่ยวมีทางเลือกในการเดินทางมากขึ้น อย่างบริการเรียกรถของแกร็บ ทำให้พวกเขารู้สึกสะดวก และมั่นใจในความปลอดภัย ทำให้ช่วงหลังๆ เราเห็นนักท่องเที่ยวเดินทางมาเชียงรายมากขึ้น

“ผมอยากเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยโปรโมทการท่องเที่ยวในประเทศไทย ถึงผมจะเป็นแค่คนขับรถรับจ้าง แต่ผมว่าเรามีส่วนในการสร้างความประทับใจ และประสบการณ์การเดินทางที่ดีให้กับให้กับนักท่องเที่ยวได้ คนขับเราเป็นเหมือนอาชีพบริการด่านหน้าที่ได้เจอกับนักท่องเที่ยว ดังนั้นเรามีโอกาสที่จะแสดงให้พวกเขาเห็นถึงน้ำใจของคนไทย หรือสามารถแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวใหม่ๆ ให้เป็นที่รู้จักกับนักท่องเที่ยวได้” 

“ผมได้แนะนำนักท่องเที่ยวหลายคนให้ลองไปที่ปางช้างเผือก ที่อยู่ใกล้ๆ กับวัดร่องขุ่น ซึ่งเป็นสถานที่ที่ยังไม่ค่อยมีใครรู้จัก นักท่องเที่ยวหลายคนประทับใจมาก เพราะเป็นสถานที่ที่มีกิจกรรม มีการแสดงโชว์ คือไปแล้วได้ความสุข ความสนุกกลับมา ผมก็มีความสุขไปด้วยที่ได้รับรู้ว่านักท่องเที่ยวพอใจกับคำแนะนำของเรา” บอสเล่าทิ้งท้ายด้วยความภาคภูมิใจ

 

“โครงการสหพัฒน์ให้น้อง” อีกหนึ่งโครงการดี ๆ ที่บริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด (มหาชน) ได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง ภายใต้เป้าหมายสำคัญในการสนับสนุนเยาวชนไทยให้เห็นคุณค่าของ การทำความดี ปลูกฝังเยาวชนไทยตั้งแต่วัยเด็ก ให้เติบโตขึ้นเป็นพลเมืองที่ดีและมีความซื่อสัตย์ ด้วยการส่งต่อเรื่องราวเพื่อเป็นแรงบันดาลใจผ่านทางรายการสร้างสรรค์เพื่อสังคม

สำหรับในปีนี้ “โครงการสหพัฒน์ให้น้อง” เดินหน้าเข้าสู่ปีที่ 8 แล้ว โดยที่ผ่านมาได้บ่มเพาะเมล็ดพันธุ์ตัวจิ๋วไปแล้ว 182 โรงเรียน ซึ่งการดำเนินการในปีนี้มีเป้าหมายลงพื้นที่โรงเรียน 26 แห่ง ที่มีการอบรมปลูกฝังให้นักเรียนเป็นเด็กดี มีคุณธรรม ร่วมเฟ้นหาและพูดคุยกับ “ยอดมนุษย์ตัวจิ๋ว” (Little Hero) ตัวแทนเด็กดี ประพฤติดี มีคุณธรรม ซื่อสัตย์ กตัญญู มีจิตอาสา มีความโดดเด่นในด้านต่าง ๆ โดยเฉพาะการทำความดีให้ครอบครัวและสังคม โดยเกณฑ์ในการคัดเลือกโรงเรียนเข้าร่วมโครงการ จะมุ่งไปยังโรงเรียนขนาดกลางที่มีจำนวนนักเรียน 200-250 คน และเป็นโรงเรียนที่มีการปลูกฝังส่งเสริมคุณธรรมให้กับนักเรียน เพื่อบ่มเพาะเมล็ดพันธุ์ให้เติบโตเป็นต้นกล้าที่งดงาม เป็นอีกพลังในการขับเคลื่อนสังคมและประเทศชาติให้มีแต่ความเจริญก้าวหน้าอย่างยั่งยืน

ล่าสุด ทีมงานสหพัฒน์ ได้ลงพื้นที่โรงเรียนวัดธัญญะผล จ.ปทุมธานี เพื่อตามหาน้อง ๆ ที่เป็นเด็กดี มีคุณธรรม และมีความซื่อสัตย์ เพื่อเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับเยาวชนใน สังคมไทย พร้อมให้ความรู้แก่น้อง ๆ ผ่าน กิจกรรมต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น โครงการธนาคารขยะออมทรัพย์ เรียนรู้เรื่องการแยกขยะเพื่อลดปริมาณขยะ จากวิทยากรประจำฐาน  การ DIY สิ่งของจากขยะเหลือทิ้งที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ เพื่อให้น้อง ๆ สามารถนำความรู้ไปต่อยอดให้เกิดประโยชน์ต่อตนเองโรงเรียนและชุมชนต่อไป

“อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” รองประธานกรรมการ บริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เด็กและเยาวชน ถือเป็นทรัพยากรที่มีคุณค่า ซึ่ง"โครงการสหพัฒน์ให้น้อง" มุ่งมั่นในการสนับสนุนเยาวชนไทยให้เห็นคุณค่าของการทำความดี ปลูกฝังตั้งแต่วัยเด็ก ให้เติบโตขึ้นเป็นพลเมืองที่ดีและมีความซื่อสัตย์ โดยเราเชื่อว่าโรงเรียนเป็นจุดเริ่มต้นเล็ก ๆ ที่สามารถบ่มเพาะเยาวชนคุณภาพได้ เป็นอีกพลังในการขับเคลื่อนสังคมและประเทศชาติให้มีความเจริญก้าวหน้าต่อไป 

“สิรินทรา สรรเสริญ” ผู้อำนวยการ โรงเรียนวัดธัญญะผล จ.ปทุมธานี กล่าวว่า “โครงการสหพัฒน์ให้น้องมีการดำเนินการที่สอดคล้องและเป็นแนวทางเดียวกันกับโรงเรียน ในการมุ่งปลูกฝังเยาวชนไทยให้มีคุณธรรมและจริยธรรม ซึ่งที่ผ่านมาโรงเรียนได้ปลูกฝังเยาวชนให้เป็นเด็กดี มีคุณธรรม ยึดเรื่องความซื่อสัตย์ และจิตอาสาเป็นหลัก เพราะมองว่าการเรียนรู้การเป็นจิตอาสา จะทำให้เด็กและเยาวชน เรียนรู้ความเสียสละ สร้างให้เกิดคุณธรรม จริยธรรมในจิตใจ เพื่อเติบโตไปอย่างมีคุณภาพในสังคม” 

“ด.ช.ประภากรณ์ คัลชัย” หรือ “น้องกันโซ่” อายุ 12 ปี นักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ตัวแทนเด็กดี “ยอดมนุษย์ตัวจิ๋ว” ได้เปิดเผยความรู้สึกที่ได้เข้าร่วมกิจกรรมนี้ว่า “รู้สึกดีใจที่พี่ ๆ สหพัฒน์ ได้มาจัดกิจกรรมที่โรงเรียน สิ่งที่ได้รับจากการเข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ นอกจากการได้เรียนรู้การแยกขยะต่าง ๆ แล้ว ยังได้ฝึกความกล้าแสดงออก จากการที่ตนได้เป็นตัวแทนพูดเชิญชวนเพื่อน ๆ ให้เข้ามามีส่วนร่วมในกิจกรรมต่างๆของโรงเรียนอีกด้วย”

นับเป็นโครงการดี ๆ ที่มุ่งบ่มเพาะเมล็ดพันธุ์จิ๋ว ให้เติบโตเป็นต้นกล้าที่งดงาม เป็นแรงสำคัญในการขับเคลื่อนสังคมและประเทศชาติให้มีความเจริญก้าวหน้าต่อไป 

รมว.ดีอี พร้อมสนับสนุนผู้ประกอบการไทย มุ่งสู่การเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจดิจิทัล

กรุงเทพประกันชีวิต ร่วมกับ ธนาคารกรุงเทพ  ออกผลิตภัณฑ์ “โฮมเฟิสต์ เอ็กซ์ตร้า”  (Home 1st Extra)  แบบประกันชีวิตคุ้มครองสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย ช่วยลดความเสี่ยงและสร้างความมั่นใจให้หัวหน้าครอบครัว ชำระเบี้ยเพียงครั้งเดียวคุ้มครองยาวนานสูงสุด 30 ปี พร้อมสัญญาเพิ่มเติมคุ้มครอง 44 โรคร้ายแรง หากเสียชีวิตหรือทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง รับผลประโยชน์เพื่อปลดภาระหนี้ อุ่นใจกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยเป็นของครอบครัว ไม่เป็นภาระคนข้างหลัง และหากเป็นด้วยโรคร้ายแรง รับผลประโยชน์ 40% ของจำนวนเงินเอาประกันภัยสัญญาหลัก สูงสุด 10 ล้านบาท เพื่อนำไปใช้เป็นค่าใช้จ่ายในการรักษาหรืออื่นๆ

นายโชน โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กรุงเทพประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงความร่วมมือกับธนาคารกรุงเทพ ในการออกผลิตภัณฑ์ประกันคุ้มครองสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย “โฮมเฟิสต์ เอ็กซ์ตร้า” (Home 1st Extra)  ในครั้งนี้ว่า นับเป็นอีกก้าวสำคัญของความร่วมมือที่ทั้งสององค์กรร่วมกันพัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตที่ตอบโจทย์ตามความต้องการของลูกค้า ซึ่งนอกจากจะมีผลิตภัณฑ์ประกันชีวิต Gain 1st สำหรับผู้ต้องการออมเงินแล้ว ยังมีแบบประกันโฮมเฟิสต์ พลัส ที่ออกมาก่อนหน้านี้เพื่อคุ้มครองชีวิตและอุบัติเหตุสำหรับลูกค้าสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย

นายโชนกล่าวว่า การทำประกันชีวิตคุ้มครองสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย ถือว่ามีความจำเป็นมากขึ้นเพราะบ้านถือเป็นหัวใจสำคัญสำหรับทุกคนในครอบครัว ผลิตภัณฑ์ “โฮมเฟิสต์ เอ็กซ์ตร้า” จึงเป็นแบบประกันที่ช่วยได้ทั้งความเสี่ยงกรณีผู้ผ่อนชำระค่าบ้านเสียชีวิต และยังมีความคุ้มครองเพิ่มเติมกรณีเป็นโรคร้ายแรง ด้วยจุดเด่นคือ ชำระเบี้ยเพียงครั้งเดียว ได้รับความคุ้มครองยาวนานสูงสุดถึง 30 ปีและสามารถขอใช้สินเชื่อเพื่อชำระเบี้ยได้  โดยคุ้มครองการเสียชีวิตหรือทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิงตามจำนวนเงินเอาประกันภัยที่ลดลงของเดือนที่เสียชีวิตหรือทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง และให้ความคุ้มครองโรคร้ายแรง สูงสุด 40% ของจำนวนเงินเอาประกันภัยเริ่มต้นของสัญญาหลัก ครอบคลุมถึง 44 โรคร้ายแรง เพื่อลดความกังวลจากโรคร้ายแรงที่ไม่คาดฝัน และ ปลดภาระหนี้ไม่เป็นภาระกับคนข้างหลัง

ทั้งนี้ จากสถิติข้อมูลการเรียกร้องสินไหมของบริษัทกรุงเทพประกันชีวิต ในปัจจุบัน พบว่าผู้เสียชีวิตจำนวนมากยังอยู่ในวัยทำงาน และเพิ่งผ่อนบ้านไปได้ไม่นาน ยังมีภาระหนี้คงเหลือค่อนข้างมาก  และสำหรับสาเหตุการเสียชีวิตพบว่ากว่า 70% มีความเกี่ยวข้องกับโรคร้ายแรงต่างๆ อาทิ มะเร็งและเนื้องอก ระบบไหลเวียนโลหิต ซึ่งนำมาด้วยโรคหลอดเลือดสมองและโรคหัวใจ รวมทั้งยังพบในคนอายุน้อยและวัยทำงานเพิ่มขึ้น  ซึ่งปัจจุบันค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลสูงมากโดยเฉพาะผู้ป่วยด้วยโรคร้ายแรง เช่น การรักษาผู้ป่วยมะเร็งเต้านมด้วยเคมีบำบัด มีค่าใช้จ่ายสูงกว่า 400,000 บาท  หรือการรักษาแบบพุ่งเป้า (Targeted Therapy) ก็สูงถึง 1.7 ล้าน – 5.8 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังมีเรื่องการดูแลรักษาต่อเนื่อง ซึ่งเป็นภาระค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นในขณะที่ผู้ป่วยอาจเสียโอกาสในการหารายได้

“โฮมเฟิสต์ เอ็กซ์ตร้า เป็นแบบประกันที่ให้ความคุ้มครองลูกค้าสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย โดยกรุงเทพประกันชีวิตจะทำหน้าที่ชำระหนี้ส่วนที่เหลือหากลูกค้าเกิดเหตุไม่คาดฝัน ในกรณีเสียชีวิตหรือทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง ซึ่งเป็นหลักประกันในการสร้างความมั่นใจว่ากรรมสิทธิ์ของที่อยู่อาศัยยังเป็นของครอบครัวต่อไป และจะจ่ายสินไหมเป็นเงินก้อนให้แก่ผู้เอาประกันภัยกรณีเป็นโรคร้ายแรง จึงเหมาะกับผู้ที่เป็นหัวหน้าครอบครัวและผู้ที่มีความเสี่ยงหรือความกังวลด้านโรคร้ายแรง โดยเฉพาะกลุ่มอาชีพฟรีแลนซ์ ที่ไม่มีสวัสดิการ ทั้งแม่ค้า พ่อค้า ออฟไลน์ ออนไลน์ ไอที โปรแกรมเมอร์ หรือ พนักงานร้านค้าต่างๆ และ กลุ่มผู้ที่มีความเสี่ยงเรื่องโรคร้ายแรง  เช่น ผู้ที่ครอบครัวมีประวัติการเจ็บป่วยเป็นโรคร้ายแรง พยาบาล แพทย์ พนักงานที่เกี่ยวข้องกับงานสาธารณสุข” นายโชนกล่าวพร้อมเพิ่มเติมว่า

“โฮมเฟิสต์ เอ็กซ์ตร้า” ยังมีผลประโยชน์ในกรณีผ่อนสินเชื่อครบจำนวนแล้วแต่ความคุ้มครองยังคงอยู่ ผู้กู้สามารถเลือกขอยกเลิกความคุ้มครองเพื่อรับเงินมูลค่าเวนคืนกรมธรรม์ หรือเลือกรับความคุ้มครองต่อเพื่อรับผลประโยชน์หากเป็นโรคร้ายแรงภายหลัง หรือหากเสียชีวิตหรือทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง ครอบครัวยังได้รับผลประโยชน์ที่เหลืออยู่ โดยผู้กู้ยังได้รับสิทธิประโยชน์จากการนำเบี้ยประกันไปลดหย่อนภาษีได้ตามหลักเกณฑ์ที่กรมสรรพากรกำหนด ผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ธนาคารกรุงเทพทุกสาขา หรือบัวหลวงโฟน โทร. 1333 หรือบริษัท กรุงเทพประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) โทร. (66) 0 2777 8888 หรือ www.bangkoklife.com

สมาคมประกันวินาศภัยไทย สมาคมประกันชีวิตไทย ร่วมกับ บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) เป็นเจ้าภาพร่วมในการจัดงานการประชุม Association of Insurers and Reinsurers of Developing Countries: AIRDC (AIRDC 2024) ครั้งที่ 23 ซึ่งในปีนี้ประเทศไทยได้รับเกียรติให้เป็นเจ้าภาพในการจัดงานดังกล่าว ระหว่างวันที่ 6 - 9 ตุลาคม 2024 ณ โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล กรุงเทพฯ โดยมีนายชัย โสภณพนิช ประธานกรรมการ บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) ในฐานะรองประธาน AIRDC ประจำปี 2022 - 2024 เป็นประธานคณะกรรมการอำนวยการจัดงานในครั้งนี้

สำหรับงานประชุม AIRDC 2024 จัดขึ้นภายใต้ธีม “Creating Opportunity Amid Challenges & Turmoil (CO-ACT)” สร้างโอกาสท่ามกลางความท้าทายในสถานการณ์โลกปัจจุบัน โดยมีหัวข้อการประชุมและสัมมนาที่น่าสนใจ เพื่อเสริมสร้างความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับแนวโน้ม ความเคลื่อนไหว และประเด็นสำคัญต่าง ๆ ในอุตสาหกรรมประกันภัย อาทิ Insurance Transformation, Next Wave of Insurance, Multi Model of Agricultural Insurance, Natural Disaster Risk Management for Uncertain Future, Loyalty Management in the High-Tech,  AI-Driven Insurance Era, Create Deep Learning Solutions of Penetration and Protection Gap for this Century, Engaging & Enlightening Experiences with IFRS17 และ ESG Insights: Navigating Sustainable Insurance Practices โดยได้รับเกียรติจากวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิมาร่วมแชร์ประสบการณ์ในการประชุมสัมมนาดังกล่าว

ทั้งนี้ AIRDC เป็นองค์กรระหว่างประเทศที่ประกอบด้วยบริษัทประกันภัย บริษัทประกันภัยต่อ และกลุ่มประกันภัยอื่น ๆ ที่รวมตัวกันเพื่อพัฒนาและขยายความร่วมมือระหว่างกันในด้านการประกันภัยและการประกันภัยต่อ โดยได้มีการริเริ่มร่างธรรมนูญการจัดตั้ง AIRDC ขึ้นที่กรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ ในปี 1977 และต่อมาได้มีการก่อตั้งอย่างเป็นทางการที่กรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา ในปี 1980

ซึ่งการประชุม AIRDC นั้น จัดขึ้นเพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งของตลาดประกันภัยในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา พร้อมส่งเสริมความร่วมมือของอุตสาหกรรมประกันภัยระหว่างภูมิภาค และได้มีการจัดการประชุมมาแล้ว 22 ครั้ง ในรอบ 43 ปี โดยการประชุม AIRDC ครั้งที่ผ่านมาจัดขึ้นที่เมืองอักกรา ประเทศกานา เมื่อเดือนกันยายน 2022 และครั้งที่ 23 นี้จะจัดขึ้นในประเทศไทยเป็นครั้งแรก

คณะกรรมการอำนวยการจัดงานขอเชิญชวนนิสิต นักศึกษา ตัวแทน นายหน้า ผู้บริหารบริษัทประกันภัย ประกันชีวิต และผู้ที่สนใจ เข้าร่วมงานในครั้งนี้ โดยสามารถดูรายละเอียดได้ที่เว็บไซต์ www.airdcthailand2024.com สอบถามเพิ่มเติมได้ที่คุณกมนตรี เกียรติ์นีรนาท โทร. 0 2108 8399 หรืออีเมล This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.

เมื่อเร็วๆ นี้ นายอัศวิน - นางฐาปณี เตชะเจริญวิกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ และรองประธานกรรมการบริหาร บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) ห้างค้าปลีกในกลุ่มบีเจซี จัดโครงการบริจาคนมกล่องยูเอชทีให้แก่โรงเรียนเนื่องในวันดื่มนมโลก ภายใต้โครงการ “World Milk Day วันดื่มนมโลก @ Big C ปีที่ ๙” ซึ่งเป็น ๑ ในโครงการด้านการพัฒนาและส่งเสริมความร่วมมือในสังคม จำนวน ๗๒ โครงการของกลุ่มบีเจซี บิ๊กซี เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๖ รอบ วันที่ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๗  โดยได้รับเกียรติจาก พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ ประธานองคมนตรี เป็นผู้แทนรับมอบนมยูเอชที จำนวน ๑๓๓,๘๙๓ กล่อง เพื่อนำไปแจกจ่ายให้แก่โรงเรียนในโครงการกองทุนการศึกษา จำนวน ๑๔๓ โรงเรียน ใน ๓๓ จังหวัด

เบนซ์ บีเคเค กรุ๊ป-บางนา Mercedes-Benz Experience Center ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย จับมือ สีพ่นรถยนต์ระดับพรีเมี่ยม GLASURIT (สีนกแก้ว) ผู้นำด้านสีพ่นรถยนต์ระบบสีสูตรน้ำสุดยอดเทคโนโลยีสีจากประเทศเยอรมนี ร่วมเฉลิมฉลองเทศกาล ‘Pride Month’ ด้วยสีสันแห่งความหลากหลาย ภายใต้แคมเปญ Pride Month Pride Ride ยกโชว์รูม และรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์คันโปรด ให้เป็นพื้นที่ปลอดภัยสำหรับทุกคน พร้อมเนรมิตทางม้าลายสีรุ้ง เชื่อมต่อทุกพื้นที่ @โชว์รูมเบนซ์ บีเคเค บางนา ตลอดเดือนมิถุนายนนี้

นางสาวตวงรัตน์ ลิขิตพฤกษ์ กรรมการผู้จัดการบริษัท เบนซ์ บีเคเค กรุ๊ป กล่าวว่า เพื่อเป็นการตอกย้ำความเป็น Lifestyle Showroom และสร้างให้เกิด Pride vibes จึงตกแต่งโชว์รูมพร้อมเชื่อมความหลายหลายด้วยพื้นที่ปลอดภัยกับ “รถเบนซ์คันโปรด” ทั่วทั้งโชว์รูม โดยเริ่มตั้งแต่ทางม้าลายสายรุ้งด้านหน้า พร้อมด้วยโปรโมชั่น และกิจกรรมพิเศษอัดแน่นตลอดเดือน มิถุนายนนี้ ไม่ว่าจะเป็น

โชว์รูม : ที่โชว์รูมเบนซ์ บีเคเค บางนา เปิดให้บริการทุกวัน มีรถทดลองขับรองรับบริการมากกว่า 15 รุ่น พร้อมผู้เชี่ยวชาญผลิตภัณฑ์ ให้คำแนะนำ และตอบคำถามทุกข้อสงสัย และเพียงนัดหมายทดลองขับ รับฟรี! BKK’s Pride Goodie Bag (Limited Edition)

Benz BKK Certified : MID YEAR DEALS ดีลดีที่สุดกลางปี กับรถเบนซ์มือสอง ไมล์น้อยสภาพนางฟ้า พิเศษ!เมื่อจองและทำสัญญาทางการเงินกับเมอร์เซเดส-เบนซ์ โมบิลิตี้ภายในงาน ระหว่างวันที่ 1-30 มิถุนายน 2567 รับฟรี!บัตรเติมน้ำมันมูลค่า 10,000 บาท และ 21-23 มิถุนายน 3 วันเท่านั้น!! กับงาน Benz BKK Certified Executive Car Day รับทันที! The New iPAD Air M2 มูลค่า 26,100 บาท* เมื่อจองรถในกลุ่ม Mercedes-EQS, S-Class และ Marshall Minor4 มูลค่า 4,990 บาท* เมื่อจองรถรุ่นอื่นๆในงาน

ศูนย์บริการหลังการขาย : เพียงนำรถเข้ารับบริการที่ศูนย์บริการ รับทันที! BKK’s Pride Goodie Bag (Limited Edition), ที่ศูนย์บริการซ่อมสี และตัวถัง เมื่อเปิดใบเคลม มูลค่า 100,000 บาทขึ้นไป รับฟรี! ประเป๋าเดินทางBKK Travel Trunk มูลค่า 7,990 บาท

Workshop : ทุกวันเสาร์ตลอดเดือนมิถุนายน พบกับกิจกรรมเวิร์คชอป Marbling Art Workshop จากร้านดัง @marblinmarblin งานศิลปะบนพื้นผิวน้ำ พิมพ์ลงโมเดลขนาด 18” ให้เป็นแรร์ไอเทมตัวเดียวในโลกสำหรับคุณ (สำหรับลูกค้าที่นำรถเข้ารับบริการและมียอดใช้จ่าย 10,000.- บาทขึ้นไป) รวมถึงลูกค้าที่จองรถในงานระหว่างวันที่1-30 มิถุนายน 2567

BKK Café : เมนูพิเศษ “BKK Rainbow Cakes” เสริฟพร้อมเครื่องดื่มแก้วโปรด นอกจากนั้นเรายังออกแบบปลอกแก้ว (Cup Sleeve) ลายพิเศษ เพื่อร่วมเฉลิอมฉลองอีกด้วย

Special Event

21 มิถุนายน 2567 : พบกับกิจกรรม Mercedes Me : Connect Your Car กิจกรรมแนะนำประโยชน์ของการใช้แอพพลิเคชั่นMMC โดยProduct Expert และผู้ใช้งานจริง

24-25 มิถุนายน 2567 : Benz BKK Bangna Mini Motor Show พบกับไฮไลท์รถรุ่นใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวได้ที่โชว์รูมเบนซ์ บีเคเค บางนา ไม่ว่าจะเป็น The New E-Class, The Icon of G 63 Grand Edition, The New GLS, The New GLC Coupe

29-30 มิถุนายน 2567 : Mercedes-Benz EQ Test Drive กรุงเทพ-เขาใหญ่ 2วัน1 สำหรับลูกค้า Benz BKK Bangna เท่านั้น!

เชิญร่วมเฉลิมฉลองเทศกาล Pride Month พร้อมรับข้อเสนอ และโปรโมชั่นสุดพิเศษเฉพาะในงานที่เตรียมไว้ให้คุณจับจองเป็นเจ้าของรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ หรือนำรถเข้ารับบริการที่ศูนย์บริการ ตั้งแต่วันที่ 1-30 มิถุนายน 2567 ติดตามข่าวสาร โปรโมชั่น และกิจกรรมดีๆ จากเบนซ์ บีเคเค กรุ๊ป-บางนา ผ่านทางFacebook Page, Instagram, TikTok, Youtube, Line Official : @benzbkkgroup สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 02-745-2222

เครื่องดื่มเกลือแร่ “เกเตอเรด” โดย บริษัท ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค เบเวอเรจ (ประเทศไทย) จำกัด มอบประสบการณ์อันล้ำค่า พาสุดยอดนักเตะ “ทีมโรงเรียนสนามชัยเขต” จากจังหวัดฉะเชิงเทรา แชมป์การแข่งขัน “Gatorade 5v5 Football 2024 บินตรงสู่ดินแดนลูกหนัง เพื่อร่วมการแข่งขันรอบสุดท้ายกับทีมแชมป์เยาวชนจากนานาประเทศในการแข่งขันรายการ “Gatorade UCL Final 5v5 Experience” ซึ่งจัดโดย PepsiCo Inc. ที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ

เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2567 ณ ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ นายณุวัฒน์ เมธปรีชากุล ผู้จัดการอาวุโสสินค้าไฮเดรชั่น บริษัท ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค เบเวอเรจ (ประเทศไทย) จำกัด ให้เกียรติร่วมเดินทางไปพร้อมทีมนักฟุตบอลตัวแทนแชมป์ประเทศไทย “ทีมโรงเรียนสนามชัยเขต” ประกอบไปด้วย เดช-ภูวดล กุตโต, สุรพัฒน์ ใหม่เมธีพรหมพิริยะ พรมบุตร, ฐิติภัทร ทิพย์นนท์, กนกเทพ ศรีเนตร, ณวัฒน์ เครือมั่น และอาจารย์กอล์ฟ-วุฒิไกร ชายกวด เพื่อร่วมศึกการแข่งขันสุดยิ่งใหญ่ “Gatorade UCL Final 5v5 Experience” ซึ่งจัดโดย PepsiCo Inc. ที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ระหว่างวันที่ 28 พฤษภาคม – 2 มิถุนายน 2567

เกเตอเรด เชื่อมั่นว่าการแข่งขันฟุตบอลเยาวชน ‘Gatorade 5v5’ ที่เราจัดมาอย่างต่อเนื่อง จะเป็นรากฐานสำคัญในการพัฒนานักฟุตบอลเยาวชนให้กับวงการลูกหนังไทย และถือเป็นอีกหนึ่งภารกิจสำคัญที่เราจะยังคงเดินหน้าสานต่ออย่างไม่หยุดยั้ง โดยเราจะยังคงเคียงข้างพร้อมเป็นกำลังใจให้น้อง ๆ นำประสบการณ์ในครั้งนี้ไปเป็นแรงผลักดันในการพัฒนาตัวเองต่อไปและนำความภาคภูมิใจกลับมายังประเทศไทย

แฟนบอลหรือผู้สนใจสามารถติดตามผลการแข่งขันหรือกิจกรรมในครั้งต่อไป ดูรายข้อมูลเพิ่มเติมได้ทางเพจเฟซบุ๊ก Gatorade 5v5 Football Thailand

เมื่อเร็วๆ นี้ นำทีมโดยนายชนะพล มหาวงษ์ ผู้จัดการกองทุนประกันวินาศภัย พร้อมด้วยพนักงานกองทุนประกันวินาศภัยได้จัดโครงการให้คำปรึกษาและความรู้เกี่ยวกับกองทุนประกันวินาศภัยแก่บุคลากรสำนักงาน คปภ. จังหวัดจันทบุรี เชิงรุก ประจำปี2567 ณ ห้องประชุมสำนักงาน คปภ. จังหวัดจันทบุรี เพื่อเป็นการให้ความรู้เกี่ยวกับบทบาทหน้าที่ และภารกิจของกองทุนประกันวินาศภัย ในกรณีบริษัทประกันวินาศภัยถูกเพิกถอนใบอนุญาต และเป็นการสร้างเครือข่ายความร่วมมือในการเป็นสื่อกลางเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ความรู้เกี่ยวกับการประกันวินาศภัยให้แก่ประชาชนได้อย่างถูกต้องและครบถ้วน

X

Right Click

No right click