December 20, 2025

ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) พร้อมด้วยนายพิชิต มิทราวงศ์ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) ผู้บริหาร EXIM BANK และ ธพว. พบปะหารือกับนายอภิชัย ฉัตรเฉลิมกิจ รองผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และนายเทียนประสิทธิ์ ไชยภัทรานันท์ นายกสมาคมโรงแรมไทยและกรรมการสมาคม เกี่ยวกับแนวทางสนับสนุนผู้ประกอบการในธุรกิจโรงแรมและการท่องเที่ยว เพื่อยกระดับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวสู่ความยั่งยืน โดยคำนึงถึงเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ส่งเสริมประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางเมืองท่องเที่ยว (Tourism Hub) และจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวทั่วโลก สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ Ignite Thailand ของรัฐบาลไทย ณ อาคาร ททท. เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2567

บริษัท กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) ในฐานะ ‘Green Insurer’ หรือผู้นำบริษัทประกันที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม นำโดยคุณแซลลี่ โอฮาร่า ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร แอกซ่า ภูมิภาคเอเชียอาคเนย์ และประเทศเกาหลีใต้ (แถวหลัง คนขวา) พร้อมด้วยคุณบุปผาวดี โอวรารินท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ฝ่ายทรัพยากรบุคคลและภาพลักษณ์องค์กรและการสื่อสารองค์กร (แถวหลัง คนซ้าย) จัดกิจกรรมใหญ่ ในสัปดาห์แห่งการทำความดี หรือ “Week for Good”  ซึ่งเป็นกิจกรรมที่ทุกบริษัทของแอกซ่าทั่วโลกจัดขึ้นพร้อมกัน ระหว่างวันที่ 3-7 มิถุนายน 2566 โดยบริษัทฯ มุ่งเน้นในการให้ความสำคัญกับด้าน Climate Change และ Biodiversity และในปีนี้จัดขึ้นภายใต้ธีม “น้ำ” ที่ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญในชีวิต เพราะโลกของเรามีน้ำอยู่มากถึง 71% และเป็นน้ำจืดเพียง 2.5% เท่านั้น

 

บริษัทฯ ได้จัดกิจกรรมที่หลากหลายเกี่ยวกับน้ำมากมาย โดยกิจกรรมไฮไลท์ “Clean Up Canal เก็บขยะบริเวณคลองลาดพร้าว” เป็นกิจกรรมที่ร่วมมือกับ TerraCycle Thai Foundation โดยผู้บริหารพร้อมด้วยพนักงานจิตอาสา รวมพลัง Hearts in Action ร่วมเก็บขยะลำคลองได้จำนวนมากถึง 1,616 กิโลกรัม กิจกรรมดังกล่าวมีจุดมุ่งหมายเพื่อช่วยสร้างจิตสำนึก ร่วมดูแลรักษาสภาพแวดล้อม และป้องกันมลพิษทางน้ำก่อนไหลลงสู่ทะเล และกลายเป็นขยะทะเลที่เป็นปัญหาใหญ่ด้านสิ่งแวดล้อมในปัจจุบัน นอกจากนั้นยังมีกิจกรรม River Life Game เกมส์คัดแยกขยะ กิจกรรม Water Treatment เรียนรู้การบำบัดน้ำเสีย ผ่านการทำบึงประดิษฐ์ขนาดย่อม กิจกรรม Water is Life Talk การเรียนรู้ความสำคัญของการอนุรักษ์น้ำและสิ่งแวดล้อม จากคุณนุ่น ศิรพันธ์ ดาราสาวที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม และคุณพีระ พร้อมสุข ผู้เชี่ยวชาญด้านทะเล รวมถึงกิจกรรม Water Wisdom Online Quiz การร่วมตอบคำถามเกี่ยวกับการจัดการน้ำ และร่วมแบ่งปันไอเดียการลดใช้น้ำในชีวิตประจำวัน โดยได้รับความสนใจจากผู้บริหาร และพนักงานหัวใจทำงานเข้าร่วมกิจกรรมกว่า 1,756 คน นับเป็นชั่วโมงการทำความดีได้มากถึง 2,095 ชั่วโมง สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของพนักงานพลังจิตอาสา ที่ใช้หัวใจทำงาน หรือ Hearts in Acton ที่เป็นอีกหนึ่งนโยบายหลักด้านความรับผิดชอบของสังคมของบริษัทฯ   

ทุกกิจกรรมที่จัดขึ้นในครั้งนี้ ถือเป็นส่วนหนึ่งที่ได้ช่วยเหลือสังคม อีกทั้งยังทำให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมได้ประสบการณ์ใหม่ๆ และเป็นส่วนหนึ่งที่จะเป็นแรงผลักดัน และขับเคลื่อนด้านสิ่งแวดล้อม สู่ความยั่งยืนของสังคมไทย ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายสูงสุดของบริษัทฯ ที่จะอยู่เคียงข้างทุกความเชื่อมั่น ดูแลกันตลอดไป

กลุ่มบีเจซี บิ๊กซี จัดโครงการ“เก็บขยะชายหาดทะเลและปล่อยสัตว์ทะเลคืนชีวิตสู่ธรรมชาติ” โดยได้รับเกียรติจาก นายอัศวิน - นางฐาปณี เตชะเจริญวิกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ และกรรมการรองผู้จัดการใหญ่อาวุโส นำทีมพนักงานจิตอาสาและครอบครัว ปล่อยเต่าทะเล ณ ศูนย์อนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเล กองทัพเรือ และสัตว์น้ำอื่น ๆ จำนวน 720 ตัว พร้อมเก็บขยะบริเวณชายหาดตะวันรอน อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี

สำหรับกิจกรรมในครั้งนี้ ได้รับเกียรติจาก นาวาเอก พงษ์ศักดิ์ รามนุช ผู้อำนวยการ ศูนย์อนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเลกองทัพเรือ เป็นวิทยากรบรรยายพิเศษ เรื่องวิถีชีวิตและการอนุรักษ์เต่าทะเล กิจกรรมดังกล่าวเป็น ๑ ในโครงการด้านการพัฒนาและส่งเสริมความร่วมมือในสังคม จำนวน 72 โครงการของกลุ่มบีเจซี บิ๊กซี เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ วันที่ 28 กรกฎาคม 2567 เป็นประโยชน์ต่อการกระตุ้นและปลุกสร้างจิตสำนึกให้สังคมเห็นความสำคัญของทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และร่วมอนุรักษ์สัตว์ทะเลหายากต่อไป

องค์กรพิทักษ์สัตว์แห่งโลก ประเทศไทย และมารีญา พูลเลิศลาภ ทูตองค์กรฯ ผนึกกำลังเครือข่าย มูลนิธิชีววิถี (BioThai Foundation) และสภาลมหายใจเชียงใหม่ จัดงานเสวนาเพื่อสร้างความตระหนักและหาทางแก้วิกฤตควันพิษจากข้าวโพดอาหารสัตว์ร่วมกัน เนื่องในโอกาสวันสิ่งแวดล้อมโลก พร้อมทั้งฉายภาพยนตร์ และจัดนิทรรศการ ผลกระทบต่อคน สัตว์ และสิ่งแวดล้อมจากธุรกิจอาหารสัตว์ พร้อมเผยข้อมูลผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมที่น่าตกใจ ซึ่งเป็นต้นตอของหมอกควันพิษ PM 2.5 ที่เป็นปัญหาเรื้อรังระดับประเทศในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา

ประเทศไทย มีการใช้พื้นที่กว่า 7 ล้านไร่ เพื่อปลูกข้าวโพด โดยร้อยละ 95 เป็นข้าวโพดเพื่อทำอาหารสัตว์ พื้นที่ปลูกข้าวโพดส่วนใหญ่อยู่บริเวณเชิงเขาและลาดชัน ดังนั้นการเผาจึงเป็นวิธีการที่ถูกนำมาใช้เพื่อกำจัดเศษวัชพืชหลังการเก็บเกี่ยว ซึ่งเป็นอีกหนึ่งสาเหตุสำคัญของมลพิษทางอากาศ หรือฝุ่น PM 2.5 ที่สร้างผลกระทบต่อคนไทยอย่างรุนแรงและหลีกเลี่ยงไม่ได้ นอกจากนั้นการปลูกข้าวโพดอาหารสัตว์ยังพบว่ามีการปลูกในพื้นที่ป่า ซึ่งทำให้เกิดการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ การทำลายพื้นที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่า รวมถึงการเร่งให้เกิดภาวะโลกรวน

“เราได้ย้ำเสมอว่าอุตสาหกรรมการผลิตเนื้อสัตว์ ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อทั้งคน สัตว์ และสิ่งแวดล้อม ฝุ่น PM 2.5 เป็นอีกหนึ่งหลักฐานที่ทำให้เราเห็นแล้วว่า อุตสาหกรรมนี้สร้างผลกระทบต่อสุขภาพและชีวิตของเราอย่างไร เราได้ทำงานสืบสวนในระดับพื้นที่ ซึ่งพบว่ายังมีช่องว่างของนโยบายในการตรวจสอบแหล่งที่มาของข้าวโพด ที่ยังมีการปลูกในพื้นที่ป่า และเกี่ยวข้องกับการเผา ตลอดจนการใช้สารเคมีอันตรายในขั้นตอนการปลูก ที่ส่งผลต่อสุขภาพของเกษตรกรและชุมชนแวดล้อม รวมถึงการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพที่เป็นพื้นที่สำหรับสัตว์ป่าหลายชนิด” โชคดี สมิทธิ์กิตติผล ผู้จัดการแคมเปญระบบอาหาร องค์กรพิทักษ์สัตว์แห่งโลก ประเทศไทย กล่าว

วิฑูรย์ เลี่ยนจำรูญ ผู้อำนวยการมูลนิธิชีววิถี กล่าวเสริมว่า “ถ้าเราลงไปค้นดูถึงเบื้องหลังของปัญหาฝุ่นพิษ PM 2.5 นี้ ก็จะพบว่าเกิดจากความต้องการอาหารสัตว์ที่เพิ่มขึ้นในประเทศไทย และความทะเยอทะยานของอุตสาหกรรมอาหารสัตว์เพื่อไปป้อนโลก ทำให้เกิดการขยายพื้นที่ปลูกข้าวโพดในประเทศไทย และอนุภูมิภาคกลุ่มแม่น้ำโขง พื้นที่ปลูกข้าวโพดในไทยขยายตัวเต็มที่อยู่คงที่ประมาณ 7 ล้านไร่ แต่ปัจจุบันพื้นที่ปลูกข้าวโพดในเมียนมาขยายตัวอย่างรวดเร็วโดยเฉพาะในเขตรัฐฉานที่ติดกับชายแดนไทย ซึ่งเป็นแหล่งขนส่งข้าวโพดมายังประเทศไทย ดังนั้นฉากจบของเรื่องนี้ ขึ้นอยู่กับว่าใครเป็นคนเขียนบท ถ้าเราเป็นเพียงผู้ดู เราก็จะรอว่า พ.ร.บ. อากาศสะอาดจะประกาศใช้ไหม และจะรวมประเด็นเรื่องการจัดการบริษัทอาหารสัตว์ การเผาข้ามพรมแดนหรือไม่ ซึ่งที่จริงแล้วพวกเราล้วนเป็นคนเขียนบท และเล่นด้วยในภาพยนตร์นี้”

“มลพิษฝุ่นควันเป็นปัญหาเชิงโครงสร้าง มีความซับซ้อน ภายใต้สังคมเหลื่อมล้ำและมีผลประโยชน์ทับซ้อนพรบ.อากาศสะอาดต้องแก้ปัญหาได้จริง ไม่เป็นแค่เสือกระดาษ” ชัชวาลย์ ทองดีเลิศ ประธานสภาลมหายใจเชียงใหม่

ความต้องการบริโภคเนื้อสัตว์ทั่วโลกเพิ่มขึ้นมากกว่าร้อยละ 58 ในระยะ 20 ปีที่ผ่านมา และมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ การประกาศนโยบายของรัฐบาลล่าสุดเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ที่หนุนไทยเป็นผู้นำโลกในการผลิตและส่งออกอาหารสัตว์เพื่อรองรับตลาดโลก เพิ่มมูลค่าถึง 3 แสนล้านบาท ก็สอดคล้องกับการขยายตัวของอุตสาหกรรมเลี้ยงสัตว์ฟาร์มที่กำลังเติบโตขึ้น ทั้งนี้ในแต่ละปี มีสัตว์ฟาร์มทั่วโลกกว่า 80,000 ล้านตัว (ไม่นับรวมสัตว์น้ำ เช่น ปลา หรือ กุ้ง) และ 2 ใน 3 ของสัตว์ฟาร์มเหล่านี้ อยู่ในระบบฟาร์มอุตสาหกรรม เราต้องใช้พื้นที่เพาะปลูกข้าวโพดมากมายมหาศาลขนาดไหน จึงจะเพียงพอต่อการป้อนสู่ระบบฟาร์มอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นต้นตอของปัญหาหลายอย่างที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสัตว์ที่มีชีวิตทุกข์ทรมาน มีสภาพความเป็นอยู่ที่ย่ำแย่ แออัดอยู่ในฟาร์ม การใช้ยาปฏิชีวนะจำนวนมหาศาล ตลอดจนผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอีกด้วย ซึ่งทั้งหมดล้วนเชื่อมต่อกันเป็นลูกโซ่

องค์กรพิทักษ์สัตว์แห่งโลก เรียกร้องให้ภาครัฐต้องดำเนินการอย่างเข้มข้น ในการกำกับดูแล ตรวจสอบ นโยบายที่เกี่ยวข้องกับการผลิตอาหารสัตว์ของภาคเอกชน ตลอดจนมีนโยบายในการส่งเสริมระบบอาหารที่เป็นธรรมและเป็นมิตรต่อคน สัตว์ สิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน อีกทั้งเร่งให้บริษัทผลิตอาหารสัตว์มีนโยบายการจัดซื้อวัตถุดิบอาหารสัตว์ที่ไม่ได้มาจากการรุกล้ำพื้นที่ป่า ปลอดการเผา และต้องมีการเปิดเผยข้อมูลสู่สาธารณะอย่างโปร่งใส

นอกจากนี้ ถึงเวลาแล้วที่ผู้บริโภคจะลดการบริโภคเนื้อสัตว์ลง หันมาบริโภคโปรตีนทางเลือกเพิ่มมากขึ้น (โดยเฉพาะจากพืช) และเลือกบริโภคเนื้อสัตว์จากแหล่งที่มาที่ดีและที่ตรวจสอบได้ โดย เลือกซื้อเนื้อสัตว์จากฟาร์มรายย่อยที่มีความยั่งยืน ที่ส่งเสริมสวัสดิภาพของสัตว์ สิ่งนี้จะสามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ได้ และทางองค์กรฯ ขอชวนประชาชนให้ร่วมติดตามเรื่องนี้อย่างต่อเนื่องได้ที่ Facebook: องค์กรพิทักษ์สัตว์แห่งโลก และร่วมส่งเสียงเรียกร้องให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นรูปธรรมได้ที่ https://www.worldanimalprotection.or.th/our-work/Global-Food-System/no-future-for-factory-farming/farm-animal-feed/

วรยุทธ กิตติอุดม ซีอีโอ บมจ.ซีเนกซ์ พร็อพเพอร์ตี้ และบจ.รุ่งกิจ เรียลเอสเตท เป็นอีกหนึ่งผู้ประกอบการรุ่นใหม่ของวงการอสังหาฯ ที่เดินหน้าหนุนกระแสความยั่งยืนเต็มตัว เมื่อถอดสูตรเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติ หรือ SDGs นำมาจับใส่เต็มในโครงการบ้านเดี่ยวระดับไฮเอนด์ตระกูล The Rux ของบริษัท อาทิ The Rux รามคำแหง-กรุงเทพกรีฑา และ The Rux รามอินทรา-จตุโชติ รวมไปถึงพรีเมียมทาวน์โฮมอย่าง Zenex พหลโยธิน-รามอินทรา 5  ซึ่งมีทั้ง EV charger กระจกเขียวตัดแสงสะท้อนความร้อน ระแนงบังแดดแบบเปิดปิดได้ หรือแผง Solar Cell สำหรับไฟและเครื่องปรับอากาศในพื้นที่ส่วนกลางของหมู่บ้าน เป็นต้น ทั้งยังได้จัดกิจกรรม Limitless Zenex Party ขึ้นเป็นประจำ เพื่อส่งเสริมสุขภาพจิตและความเป็นอยู่ที่ดีของลูกบ้านและพนักงาน และยังสร้างรายได้ให้กับร้านค้าในชุมชนโดยรอบ วรยุทธยังให้ความสำคัญกับการพัฒนากระบวนการก่อสร้างที่ต้องได้คุณภาพที่ดียิ่งขึ้น ไปคู่กับการลดปริมาณขยะหน้างาน ลดมลภาวะทุกด้าน และลดระยะเวลาการก่อสร้างอีกด้วย

 

AI ไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป เพราะเทคโนโลยีนี้ได้เข้ามาเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตและการทำงาน ให้ทุกการเชื่อมต่อเข้าถึงกันได้ง่ายขึ้น ทั้งผ่านสมาร์ทโฟน ทีวี และเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านกว่าพันล้านเครื่องทั่วโลก โดย AI เข้ามาปลดล็อกประสบการณ์การใช้งานให้มีความเฉพาะตัวบุคคลมากขึ้น ช่วยให้ผู้คนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีและง่ายขึ้นกว่าเดิม

ซัมซุงใช้ประโยชน์จากพลังของ AI เพื่อยกระดับชีวิตของทุกคนให้ดีขึ้น โดยมุ่งมั่นนำเอาเทคโนโลยีนี้มาช่วยสร้างประสบการณ์ใหม่และผลักดันให้เกิดนวัตกรรมทางเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่จะทำให้ชีวิตมีความเท่าเทียม ยั่งยืน และเข้าถึงโอกาสได้มากขึ้น ซึ่ง Samsung Galaxy รุ่นล่าสุดถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญที่ AI ได้เข้าไปมีบทบาทบนมือถือในการจัดการชีวิตประจำวันของผู้ใช้ ตั้งแต่ช่วยยกระดับความคิดสร้างสรรค์ เชื่อมต่อทุกการสื่อสาร และเพิ่มความสะดวกสบายในชีวิต

ในบทความนี้ นาย คาร์ล นอร์เดนเบิร์ก รองประธานและหัวหน้าฝ่ายธุรกิจโมบายล์เอ็กซ์พีเรียนส์ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และโอเชียเนีย ซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ ได้แนะนำความสามารถของฟีเจอร์ AI ที่บอกว่าทำไมวันนี้ AI ถึงสามารถเข้ามาเปลี่ยนให้ชีวิตและการทำงานง่ายขึ้นกว่าเดิม

พลัง AI บนมือถือเปลี่ยนชีวิตประจำวันได้มากกว่าที่คิด

ปัจจุบันผู้คนสามารถก้าวข้ามอุปสรรคทางภาษาได้ง่ายกว่าเดิมผ่านฟีเจอร์แปลภาษา Live Translate ที่ใช้ AI ช่วยให้พูดคุยแบบเรียลไทม์ได้อย่างราบรื่นและแม่นยำ ไม่ว่าจะคุยกับเพื่อน ครอบครัว หรือเพื่อนร่วมงานจากทั่วโลก หรือถ้าใครกำลังมองหาแรงบันดาลใจดี ๆ Generative Edit พร้อมช่วยปรับเนรมิตรูปภาพให้สวยได้ง่าย ๆ เช่น เปลี่ยนพื้นหลัง ลบองค์ประกอบที่ไม่ต้องการ และปรับภาพให้ดูสวยสมบูรณ์แบบด้วยการแตะเพียงครั้งเดียว และสำหรับคนที่ต้องการความสะดวกสบายมากขึ้น Circle to Search with Google ตอบโจทย์ทุกความสงสัยให้การค้นหาง่ายขึ้น เพียงแค่วงภาพที่อยากรู้บน Galaxy ก็ค้นพบทุกคำตอบที่ตามหา ไม่ว่าจะเป็นแลนด์มาร์กสวยตรึงตาในภาพถ่ายเก่า ๆ หรือเสื้อสุดน่ารักที่ไอดอลคนโปรดใส่ในวิดีโอที่เห็นบน YouTube

ขยายขีดความสามารถของฟีเจอร์ Galaxy AI ไปบนอุปกรณ์ Galaxy อื่น ๆ

ซัมซุงมุ่งมั่นสร้างประสบการณ์ใหม่ ๆ ให้ผู้ใช้งานอย่างต่อเนื่องด้วย Galaxy AI และทำให้เทคโนโลยีนี้เข้าถึงได้ง่ายผ่านการอัปเดต One UI 6.1 ตัวใหม่ เพื่อให้ซัมซุงขยายขีดความสามารถของ Galaxy AI ไปยังอุปกรณ์ต่าง ๆ ได้มากขึ้น โดยเริ่มจาก Galaxy S24 Series รุ่นใหม่ล่าสุด และปรับให้สามารถใช้งานได้ดีขึ้นบนอุปกรณ์ Galaxy อีกหลายรุ่น เช่น Galaxy S23 Series, Galaxy S22 Series, Galaxy S23 FE, Galaxy Z Fold5, Galaxy Z Fold4, Galaxy Z Flip5, Galaxy Z Flip4, Galaxy Tab S9 Series และ Galaxy Tab S8 Series

เร่งอัปเดต Galaxy AI ให้รองรับภาษาได้มากขึ้น

นอกเหนือจากการทำให้ฟีเจอร์พร้อมใช้งานบนอุปกรณ์หลายรุ่นแล้ว ซัมซุงยังต้องการให้ผู้ใช้ได้ประโยชน์จาก Galaxy AI มากขึ้น โดยเฉพาะในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และโอเชียเนีย ที่มีผู้ใช้พูดภาษาถิ่นอย่างบาฮาซา อินโดนีเซีย, อังกฤษ (ออสเตรเลีย) และกวางตุ้ง ให้สามารถดาวน์โหลดภาษาถิ่นที่รองรับเพิ่มเติมบน Galaxy AI ได้ ช่วยยกระดับการสื่อสารภาษาอื่นให้ดีขึ้น นอกเหนือจากภาษาอังกฤษ จีน ไทย และเวียดนามที่ Galaxy AI รองรับอยู่แล้ว

การใช้ภาษาอินโดนีเซียกับ Galaxy AI

ทดสอบฟีเจอร์ Galaxy AI บนแอป Try Galaxy

สามารถทดลองใช้ฟีเจอร์สุดว้าวเหล่านี้ได้โดยไม่ต้องเปลี่ยนโทรศัพท์ ผ่านแอป Try Galaxy ที่ออกแบบมาให้สามารถทดลองใช้ฟีเจอร์ต่าง ๆ ได้บนอุปกรณ์ Android ใดก็ได้ รวมถึงบน Galaxy รุ่นเก่า โดย Try Galaxy จะช่วยให้ผู้ใช้ Galaxy ได้เรียนรู้ฟังชันการใช้งานอื่น ๆ เช่น การเชื่อมต่อกับหลายอุปกรณ์โดยไม่สะดุด การแชร์ไฟล์ และการดูข้อมูลเกี่ยวกับร่างกายผ่าน Samsung Health

อนาคตเป็นของ AI บนมือถือ

ซัมซุงเชื่อมั่นในศักยภาพของ AI และเทคโนโลยีมือถือที่จะมาปฏิวัติชีวิตของผู้คนให้ดียิ่งขึ้น โดยเป้าหมายในปี 2567 นี้ ซัมซุงต้องการนำ Galaxy AI ให้เข้าถึงผู้ใช้อีกกว่า 100 ล้านคน เพื่อให้สอดรับกับยุคแห่ง AI ที่สมาร์ทโฟนได้ก้าวข้ามการสื่อสารธรรมดาไปสู่การยกระดับความคิดสร้างสรรค์ และสร้างความเป็นไปได้ที่ไม่เคยมีมาก่อน ทำให้ซัมซุงเชื่อว่า AI บนมือถือจะเป็นคำตอบแห่งอนาคต ประกอบกับความพร้อมและความล้ำสมัยของอุปกรณ์ Galaxy ทำให้ซัมซุงอยากเห็นผู้ใช้ทั่วทั้งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และโอเชียเนียกล้าฝัน กล้าลงมือทำ และบรรลุเป้าหมายที่ต้องการได้จากการใช้ Galaxy AI อันทรงพลัง

บริษัท อีวี มี พลัส จำกัด (EVme) ผู้ให้บริการยานยนต์ไฟฟ้า (EV) บนแพลตฟอร์มดิจิทัลแบบครบวงจรรายใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ร่วมเฉลิมฉลองการขับเคลื่อนสังคมแห่งความหลากหลายและความเสมอภาคทางเพศในประเทศไทยเนื่องในเดือน Pride Month จัดทัพรถยนต์ไฟฟ้าสนับสนุน นฤมิตไพรด์ ในการจัดกิจกรรม “บางกอก ไพรด์ เฟสติวัล 2024” (Bangkok Pride Festival 2024) ระหว่างวันที่ 31 พฤษภาคม ถึง 4 มิถุนายน 2567 ที่ผ่านมา ณ ใจกลางกรุงเทพมหานคร พร้อมทั้งเปิดตัวแคมเปญออนไลน์ “EVme LOVE ME LOVE MY DRIVE” เพื่อสนับสนุนสิทธิความเท่าเทียมในการแสดงออกของชาว LGBTQIAN+ ตอกย้ำเจตนารมย์ของ EVme ในการสนับสนุนทุกความหลากหลาย พร้อมเดินหน้าส่งมอบบริการที่ตอบโจทย์ ‘Drivestyle’ ของทุกคนในสังคม ให้การเข้าถึงรถยนต์ไฟฟ้าง่ายขึ้น เพื่อขับเคลื่อนประเทศไทยเข้าสู่สังคมยานยนต์ไฟฟ้าไปด้วยกัน

EVme ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของพันธมิตรสีรุ้ง ในฐานะ ‘Title Sponsor’ สนับสนุนกิจกรรม “Bangkok Pride Festival 2024” เพื่อเฉลิมฉลองเดือนแห่งความภาคภูมิใจในความหลากหลายทางเพศ พร้อมมอบรถยนต์ไฟฟ้าจำนวนกว่า 20 คัน ให้แก่นฤมิตไพรด์ เพื่ออำนวยความสะดวกด้านารเดินทางที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมให้กับคณะผู้จัดงานและแขกคนสำคัญ ซึ่งรวมไปถึงเหล่าศิลปิน Drag จากทั่วโลก ตลอดทั้งเดือนมิถุนายน นอกจากนี้ คณะผู้บริหารและพนักงาน EVme ยังได้จัดทัพรถยนต์ไฟฟ้าเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งในขบวนพาเหรดสีรุ้งขบวนแรก ‘Love Wins’ และพร้อมใจกันโบกสะบัดธงไพรด์ จากสนามกีฬาแห่งชาติ สู่สี่แยกราชประสงค์ เพื่อร่วมฉลองความสำเร็จของการผ่านกฎหมายสมรสเท่าเทียมในประเทศไทย

นอกจากนี้ เพื่อเป็นอีกหนึ่งช่องทางในการขับเคลื่อนสังคมยานยนต์ไฟฟ้าและสนับสนุนความหลากหลายทางอัตลักษณ์ในสังคมไทย EVme จึงเปิดตัวแคมเปญออนไลน์ “EVme LOVE ME LOVE MY DRIVE” พร้อมชวนทุกคนมาแสดงพลังฉลองเดือน Pride Month ด้วยการ เพิ่มเพื่อนทาง Line Official ของ EVme ได้ที่ @EVme ลงทะเบียนและตอบคำถามประจำสัปดาห์ เพื่อแสดงออกความเป็นตัวตนและค้นหา ‘Drivestyle’ ของตนเอง คำตอบที่ชนะใจกรรมการในแต่ละสัปดาห์ จะได้รับรางวัลขับฟรี 7 วันกับรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นท็อป ได้แก่ BMW ix3, Volvo EX30, GMW Ora Good Cat และ Aion Y+ และรางวัลอื่นๆ อีกมากมาย รวมมูลค่ากว่า 200,000 บาท ร่วมสนุกกับกิจกรรมได้ตั้งแต่วันที่ 7 มิถุนายน – 5 กรกฎาคม 2567 นี้

EVme พร้อมอยู่เคียงข้างสนับสนุนให้ทุกคนในสังคมได้เข้าถึงการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าเพื่อการเดินทางและการขนส่งอย่างยั่งยืน และมาร่วมเฉลิมฉลองให้กับทุกความหลากหลาย ที่ต่างก็มี ‘Drivestyle’ เป็นของตนเองไปด้วยกันได้แล้ววันนี้ ดูวิดีโอและภาพบรรยากาศการเฉลิมฉลองให้กับทุกความหลากหลายอัตลักษณ์ทางสังคมภายในงาน Bangkok Pride Festival ได้ที่ Facebook: EVmeTH

นำทีมผู้เชี่ยวชาญลงพื้นที่ ยกระดับทักษะ AI ให้ผู้ประกอบการใน อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี

วัตสัน แบรนด์สุขภาพและความงามชั้นนำของกลุ่มบริษัท เอเอส วัตสัน มุ่งเน้นตอบสนองความต้องการของลูกค้าเป็นหัวใจของการดำเนินธุรกิจอย่างต่อเนื่องตลอดปี 2566  ลงทุนเปิดและปรับปรุงร้านค้าแบบ O+O (Offline plus Online) กว่า 2,200 แห่งใน 15 ตลาดทั่วเอเชีย ยุโรป และตะวันออกกลาง เพื่อมอบประสบการณ์ชอปปิ้งที่สะดวกทั้งออนไลน์และออฟไลน์ พร้อมขับเคลื่อนสู่เป้าหมายร้านค้า O+O ที่เปิดบริการใหม่และร้านปรับปรุงอีกกว่า 3,800 สาขาภายในสิ้นปี 2567

คุณมาลีนา ไหง ประธานกรรมการบริหารกลุ่ม เอเอส วัตสัน กล่าวว่า "ในฐานะผู้นำด้านการค้าปลีกสุขภาพและความงามในเอเชีย วัตสันมุ่งมั่นนำเสนอผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงในราคาที่คุ้มค่า พร้อมมอบประสบการณ์การชอปปิ้งที่พึงพอใจ เราให้ความสำคัญกับความเห็นจากลูกค้าและทำงานอย่างใกล้ชิดกับแบรนด์พันธมิตรชั้นนำเพื่อพัฒนาประสบการณ์เฉพาะด้านของแต่ละหมวดหมู่สินค้า  วัตสันเป็นผู้นำในการปฏิวัติการออกแบบร้านค้าเพื่อมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดแก่ลูกค้า และในช่วงสองปีนี้ เราได้ลงทุน 250 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในการเปิดร้านใหม่และปรับปรุงร้านค้าใน 15 ตลาดที่เราดำเนินธุรกิจอยู่"

“ในปี 2566 - 2567 เราได้เปิดร้านใหม่มากกว่า 1,200 สาขา พร้อมลงทุนปรับปรุงร้านค้าอีก 4,800 สาขาซึ่งจะทำให้ 75% ของร้านค้าในเอเชียของเราสามารถมอบประสบการณ์การชอปปิ้งที่ทันสมัยและเป็นนวัตกรรมใหม่แก่ลูกค้า”

วัตสันปรับโฉมร้านค้าใหม่ให้ดึงดูดใจคนรักความงามยุคใหม่ด้วยดีไซน์ที่ทันสมัย มอบประสบการณ์การชอปปิ้งที่น่าตื่นเต้นและตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของลูกค้ามากยิ่งขึ้น ซึ่งเมื่อไม่นานมานี้ วัตสัน ในจีนเปิดตัว Watsons Pink’ ร้านที่ออกแบบภายในทั้งหมดด้วยโทนสีชมพูหวานละมุน สร้างบรรยากาศที่ดึงดูดใจลูกค้ากลุ่มวัยรุ่นได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ ยังมีบริการสปาภายในร้านให้ลูกค้าได้ผ่อนคลายในขณะชอปปิ้งอีกด้วย

ในขณะเดียวกัน โซน Beauty Playground ยังได้รับการออกแบบและถูกนำเสนอภายในร้านรูปแบบคอนเซ็ปต์ใหม่ มอบประสบการณ์ที่ทันสมัยและเหมาะกับเทรนด์ด้วยพื้นที่แต่งหน้าที่มีสไตล์ พร้อมช่างแต่งหน้ามืออาชีพที่พร้อมให้คำแนะนำ อีกทั้งยังเปิดโอกาสให้ลูกค้าได้ทดลองลุคต่าง ๆ และสนุกไปกับเครื่องสำอางหลากสีสัน

วัตสัน ไต้หวัน เนรมิตพื้นที่ภายในร้านให้กลายเป็นสวรรค์สำหรับเหล่าคนรักการถ่ายรูปและเครื่องสำอาง ด้วยการปรับเปลี่ยนร้านให้ดึงดูดใจ เหมาะแก่การถ่ายภาพลงโซเชียลมีเดีย พร้อมโซนแต่งหน้า ดีไซน์รูปทรงลิปสติก และกล่องไฟสีชมพูทรงกลมบนเพดาน นอกจากนี้ ยังมีโซน My Colour Studio ให้ลูกค้าสามารถรับการวิเคราะห์สีตามฤดูกาลเพื่อช่วยให้เข้าใจในเรื่องโทนสีผิว ดวงตา และสีผม พร้อมค้นหาพาเลตต์สีที่เหมาะสำหรับเสื้อผ้า การแต่งหน้า และทรงผมของแต่ละบุคคล

วัตสัน มาเลเซีย ยกระดับการชอปปิ้งให้สนุกและน่าดึงดูดยิ่งขึ้น ด้วยโซนประสบการณ์ที่หลากหลาย เช่น My Beauty, Hair Studio และ Watsons To Go อีกทั้งยังมี K-pop Land ที่รวมผลิตภัณฑ์ K-beauty จากเกาหลีมากมาย พร้อมการออกแบบร้านใช้สีสันสดใส  และเหมาะสำหรับการถ่ายรูปลงอินสตาแกรม ซึ่งดึงดูดลูกค้ากลุ่มวัยรุ่นให้มาสนุกสนานกับการชอปปิ้งและถ่ายรูปกับเพื่อน ๆ นอกจากนี้ยังมีโซน Kid's Wonderland ที่เปิดโอกาสให้ลูกค้าพาเด็ก ๆ มาชอปปิ้งและใช้เวลาครอบครัวร่วมกัน

ยกระดับประสบการณ์สุขภาพระดับมืออาชีพ

เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่ใส่ใจสุขภาพเพิ่มขึ้น วัตสันแนะนำประสบการณ์การชอปปิ้งที่สร้างความสดชื่นสำหรับผู้ที่มองหาผลิตภัณฑ์สุขภาพและการปรึกษาด้านสุขภาพส่วนบุคคล วัตสัน ฮ่องกงได้ปรับปรุงร้านสาขาหลักใหม่ โดยนำเสนอ HealthQ ที่ซึ่งมีเภสัชกร แพทย์แผนจีน และนักโภชนาการคอยให้คำปรึกษาด้านสุขภาพส่วนบุคคล การฉีดวัคซีน และการประเมินสุขภาพ เพื่อให้ลูกค้ามีสุขภาพที่ดียิ่งขึ้น

วัตสัน ประเทศไทย ได้เปิดตัวประสบการณ์สุขภาพที่ยกระดับด้วยการออกแบบร้านที่ทันสมัยและมีสไตล์ พร้อมด้วยผลิตภัณฑ์สุขภาพที่หลากหลายเพื่อตอบสนองการดูแลสุขภาพส่วนบุคคล นอกจากนี้ยังมีห้องให้คำปรึกษาด้านสุขภาพแบบส่วนตัว โดยมีเภสัชกรมืออาชีพที่พร้อมให้คำแนะนำเฉพาะบุคคล

"เราเข้าใจดีว่าการนำเสนอเพียงผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุดนั้นไม่เพียงพอต่อความต้องการของลูกค้าอีกต่อไป เราจึงมุ่งมั่นที่จะขยายและสร้างนวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง เพื่อนำเสนอประสบการณ์ O+O ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า วัตสันมุ่งมั่นที่จะสร้างแรงบันดาลใจให้กับสมาชิกครอบครัววัตสันกว่า 100 ล้านคนของเรา ให้พวกเขาดูดี ทำดี และรู้สึกดีไปกับเรา" คุณมาลีนา กล่าวเพิ่มเติม

บริษัท สแกน อินเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCN ผู้เชี่ยวชาญด้านธุรกิจก๊าซธรรมชาติ พลังงานทดแทน และขนส่งแบบครบวงจร ร่วมส่งเสริมและสร้างประสบการณ์การทำงานจริงแก่เยาวชนคนรุ่นใหม่ โดยบอสใหญ่ ดร.ฤทธี กิจพิพิธ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทฯ ได้เปิดบ้านรับน้องๆ นักศึกษาฝึกงานกว่า 40 คน จากสถาบันอุดมศึกษาชั้นนำของประเทศ หลากหลายคณะ ได้แก่ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ และ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ได้มีโอกาสเรียนรู้การทำงานกับทีมงานมืออาชีพของบริษัทฯ เตรียมพร้อมก่อนจะก้าวสู่โลกการทำงานจริงในอนาคต พร้อมกันนี้ยังจัดทริปนำคณะนักศึกษาเยี่ยมไปชมโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บางภาษี จังหวัดนครปฐม เพื่อแบ่งปันสาระความรู้เกี่ยวกับพลังงานหมุนเวียน เมื่อเร็วๆ นี้

X

Right Click

No right click