December 20, 2025

ดร.วงกต วิจักขณ์สังสิทธิ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่สายงานดิจิทัล บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NT ร่วมเป็นวิทยากรในงานสัมมนา Towards Integrated Digital Platforms for Trade Digitalization ณ ห้อง UN Conference Centre องค์การสหประชาชาติ โดยได้กล่าวถึงบทบาทของ NT ในการทำหน้าที่เชื่อมโยงข้อมูลระหว่างหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน ในฐานะองค์กรผู้ให้บริการระบบ National Single Window  (NSW Operator) ของประเทศ ซึ่งที่ผ่านมา NT มีเป้าหมายพัฒนาระบบ NSW ให้เป็นศูนย์กลางการเชื่อมโยงธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์แบบ one stop service ของประเทศที่ได้มาตรฐาน  รองรับธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ที่เกี่ยวกับการนำเข้าส่งออกของประเทศ รวมถึงธุรกรรมอื่น ๆ ที่จะพัฒนาต่อไปในอนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ทั้งนี้ในปัจจุบัน NSW ของ NT ถือเป็นระบบงานที่มีประสิทธิภาพและความมั่นคงปลอดภัยตามมาตรฐานสากลที่ได้รับการยอมรับทั่วโลก โดยได้ผ่านการประเมินด้านความมั่นคงปลอดภัยตามมาตรฐาน ISO 27001 (Information Security Management System) มาตรฐานด้านการจัดการข้อมูลส่วนบุคคล ISO/IEC 27701 (Privacy Information Management System) และได้รับการรับรองการบริหารจัดการความต่อเนื่องทางธุรกิจตามมาตรฐาน ISO 22301 (Business Continuity Management) จากสถาบันมาตรฐานอังกฤษ หรือ BSI จึงทำให้เชื่อมั่นได้ว่า NT พร้อมเป็นศูนย์กลางเชื่อมโยงข้อมูลเอกสารอิเล็กทรอนิกส์สำหรับองค์กรทุกภาคส่วน ที่สามารถให้บริการได้อย่างสะดวกรวดเร็วแบบวันสต็อปเซอร์วิส คล่องตัว พร้อมตอบโจทย์ส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศทุกรูปแบบ

ชูแนวคิด “Growing Impactful Ventures” ดันสตาร์ตอัปสร้างธุรกิจเพื่อความยั่งยืน

กรุงเทพประกันชีวิต ฉลองวาระครบรอบ 73 ปี ใส่ใจ สร้างสรรค์ จัดกิจกรรม BLA Feel Good Concert ยกทัพศิลปินใหญ่สุดเก๋า เดอะ พาเลซ, นูโว และ คริสติน่า อากีลาร์ ส่งมอบความสุขพร้อมประสบการณ์สุดพิเศษเพื่อลูกค้าคนสำคัญ ตอกย้ำจุดยืน The Most Caring Insurance Brand โดยมีนายโชน โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (กลาง) พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูงและแขกผู้มีเกียรติร่วมงานกว่า 3,000 คน ณ ห้องภิรัช ฮอลล์ ไบเทค บางนา เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2567 ที่ผ่านมา

งาน BLA Feel Good Concert ครั้งนี้ จัดขึ้นเพื่อเป็นการมอบสิทธิประโยชน์แบบ “Exclusive Experience” ซึ่งเป็นหนึ่งในกิจกรรมที่ บริษัท กรุงเทพประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) ตั้งใจจัดขึ้นเพื่อขอบคุณลูกค้าพร้อมกับเฉลิมฉลองในวาระครบรอบ 73 ปี ด้วยการส่งมอบประสบการณ์สุดพิเศษ ทั้งความสุข สนุกสนาน และ ความรู้สึกดีๆ กับศิลปินระดับตำนานที่ยกทัพมาระเบิดความมัน ทั้ง “วงเดอะ พาเลซ นำโดย ปุ๊-อัญชลี จงคดีกิจ, จี๊ด-สุนทร สุจริตฉันท์ จากวง Royal Sprites, จิ๊บ-วสุ แสงสิงแก้ว จากวง พลอย, ต้น-วงศกร รัศมิทัต จากวง Mcintosh, สันต์-พีรสันติ จวบสมัย , สายชล-ธนชน ระดมกิจ จากวง The Innocent , จืด-มนตรี กิตติกัลป์ จากวง Forever และ เต้ย-รณภพ ศิลปะพงศกร จากวง อินคา พร้อมด้วยการรวมตัวของกลุ่มศิลปินเพื่อนรัก วงนูโว” ที่ยังอยู่ในหัวใจแฟนเพลง และปิดท้ายกับ ศิลปินสาวแดนซิ่งควีน คริสติน่า อากีลาร์” เต็มอิ่มกับบทเพลงที่สร้างความสุขและความอบอุ่นตลอด 3 ชั่วโมงเต็ม

 

ในปีนี้ กรุงเทพประกันชีวิตได้เปิดตัวสิทธิประโยชน์ใหม่ The New BLA Happy Life Club เพื่อแสดงถึงความใส่ใจและตั้งใจส่งมอบสิทธิประโยชน์เป็นพิเศษให้กับลูกค้าทั้งระดับ Indigo และ Blue ที่มอบความไว้วางใจให้กรุงเทพประกันชีวิตดูแลและมอบความคุ้มครอง โดยมีสิทธิประโยชน์ครอบคลุม 5 ด้าน คือ ด้านสุขภาพ การเดินทาง คอร์สอบรมเสริมความรู้  สิทธิประโยชน์เฉพาะบุคคล รวมถึงกิจกรรมพิเศษเพื่อส่งมอบประสบการณ์สุดพิเศษให้กับลูกค้า เพื่อยกระดับความสุขลูกค้าให้ดียิ่งขึ้นไป ตอกย้ำจุดยืนของกรุงเทพประกันชีวิตที่จะเป็น The Most Caring Insurance Brand นอกจากงาน BLA Feel Good Concert แล้ว กรุงเทพประกันชีวิตยังจัดเตรียมกิจกรรมและสิทธิประโยชน์ดีๆ อีกมากมายเพื่อมอบให้ลูกค้าตลอดทั้งปี 2567 อีกด้วย

มูลนิธิศรีอยุธยา และ สมาคมศิษย์เก่าโรงเรียนศรีอยุธยา ในพระอุปถัมภ์ สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี ชวนคนรักษ์สุขภาพและใจบุญ ร่วมแข่งขัน “เดิน-วิ่ง การกุศล Run for Lunch #2 วิ่งเพื่อน้องกองทุนอาหารกลางวัน” วันอาทิตย์ที่ 7 กรกฎาคม 2567 ชิงถ้วยรางวัลพระราชทาน สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ดีเดย์บีบแตรปล่อยจุดสตาร์ท แข่งวิ่ง 10 กิโลเมตรประเภทแรก หกโมงเช้าของวันแข่งขัน  ณ สวนสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ  ถนนกำแพงเพชร 2 เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร

ดร.สายสม วงศาสุลักษณ์ ประธานมูลนิธิศรีอยุธยา ร่วมกับ ดร.เสาวภาคย์ ถนอมศักดิ์กุล นายกสมาคมศิษย์เก่าโรงเรียนศรีอยุธยา ในพระอุปถัมภ์ สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี,ดร.กิตติศักดิ์ สมพล ผู้อำนวยการโรงเรียนศรีอยุธยา ในพระอุปถัมภ์ฯ,คุณสายพิณ พหลโยธิน และ คุณสุดจิตร์ ลือเกียรติอนันต์ แถลงข่าวโครงการจัดงาน “เดิน-วิ่ง การกุศล Run for Lunch #2 วิ่งเพื่อน้องกองทุนอาหารกลางวัน”  ในวันที่ 6 มิถุนายน ที่ผ่านมา ณ หอประชุมเพชรรัตน โรงเรียนศรีอยุธยา ในพระอุปถัมภ์ สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี กรุงเทพมหานคร

ดร.สายสม วงศาสุลักษณ์ ประธานมูลนิธิศรีอยุธยา  กล่าวถึงวัตถุประสงค์ของการจัดงาน“เดิน-วิ่ง การกุศล Run for Lunch #2 วิ่งเพื่อน้องกองทุนอาหารกลางวัน”  ว่า เพื่อหารายได้สำหรับทุนอาหารกลางวันและทุนการศึกษาแก่นักเรียนที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ พร้อมทั้งนำไปพัฒนาทักษะของนักเรียนผ่านกิจกรรมทางการศึกษาของโรงเรียนศรีอยุธยา ในพระอุปถัมภ์ฯ พร้อมส่งเสริมและสนับสนุนให้ประชาชนทุกเพศทุกวัยได้ออกกำลังกายเพื่อรักษาสุขภาพ

“เราตั้งเป้าจะมีประชาชนที่สนใจเข้าร่วมการแข่งขันในครั้งนี้ประมาณ 1,200 คน และมีนักวิ่งกิตติมศักดิ์ องค์ภาคีร่วมโรงเรียนศรีอยุธยาในพระอุปถัมภ์ฯ และหน่วยงานองค์กรเอกชนเข้าร่วมด้วยอีกประมาณ 300 คน สำหรับการแข่งขันจะแบ่งออก เป็น 3 ประเภทด้วยกันคือ 1.วิ่งมินิมาราธอน ระยะทาง 10 กิโลเมตร 2. วิ่ง Fun Run ระยะทาง 5 กิโลเมตร และ 3.วิ่งเน้นเดินเพื่อสุขภาพ ระยะทาง 3 กิโลเมตร โดยการแข่งขันจะจัดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 7 กรกฎาคม 2567 ตั้งแต่เวลา 05.00-10.00 น. ณ สวนสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ  ถนนกำแพงเพชร 2 เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร”

ดร.เสาวภาคย์ ถนอมศักดิ์กุล นายกสมาคมศิษย์เก่าโรงเรียนศรีอยุธยา ในพระอุปถัมภ์ สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี ในฐานะเป็นประธานจัดงาน กล่าวว่า สำหรับนักวิ่งมินิมาราธอน ระยะทาง 10 กิโลเมตร ที่วิ่งเช้าเส้นชัยเป็นคนแรกทั้งประเภทหญิงและชายจะได้รับถ้วยพระราชทาน สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี นอกจากนี้ก็ยังมีถ้วยรางวัล ประเภทนักวิ่งมาราธอน ระยะทาง 10 กิโลเมตร แบ่งประเภท ชาย-หญิง และ ช่วงอายุ ดังนี้ ชาย รุ่นอายุ 16-29 ปี/รุ่นอายุ 30-39 ปี/รุ่นอายุ 40-49 ปี /รุ่นอายุ 50-59 ปี /รุ่นอายุ 60-69 ปี และรุ่น อายุ 70 ปีขึ้นไป หญิง รุ่นอายุ 16-29 ปี /รุ่นอายุ 30-39 ปี/รุ่นอายุ 40-49 ปี/รุ่นอายุ 50-59 ปี และรุ่นอายุ 60 ปีขึ้นไป ประเภทนักวิ่ง Fun Run ระยะทาง 5 กิโลเมตร แบ่งประเภทชาย-หญิง และช่วงอายุ ดังนี้ ชาย รุ่นอายุต่ำกว่า 5 ปี /รุ่นอายุ 16-39 ปี /รุ่นอายุ 40 ปีขึ้นไป หญิง รุ่นอายุต่ำกว่า 15 ปี /รุ่นอายุ 16-39 ปี และรุ่นอายุ 40 ปีขึ้นไป

นายกสมาคมศิษย์เก่าโรงเรียนศรีอยุธยา ในพระอุปถัมภ์ ฯ กล่าวต่อว่า สำหรับประชาชนทั่วไปที่สนใจจะเข้าร่วม “เดิน-วิ่ง การกุศล Run for Lunch #2 วิ่งเพื่อน้องกองทุนอาหารกลางวัน” ในครั้งนี้ ผู้สนใจสามารถสมัครพร้อมส่งหลักฐานการโอนเงินผ่าน Google From ภายในวันที่ 30  มิถุนายน 2567 โดยโอนเงินเข้าบัญชีฝ่ายจำหน่ายบัตร เหรัญญิก ชื่อสมาคมศิษย์เก่าโรงเรียนศรีอยุธยา ในพระอุปถัมภ์ ฯ ธนาคารกสิกรไทย สาขารางน้ำ เลขที่บัญชี 184-8-07763-8

“นักวิ่งกิตติมศักดิ์ (VIP)เสียค่าสมัครคนละ 1,000 บาท สามารถเลือกลงแข่งขันได้ทุกระยะ ได้รับบัตรแสดงตัวตน(BIB Number) /เสื้อที่ระลึก/กระเป๋า/เหรียญ Finisher และ อาหาร สำหรับนักวิ่งทั่วไป เสียค่าสมัครคนละ 500 บาท ต้องระบุประเภทของการแข่งขัน คือ วิ่งมินิมาราธอน ระยะทาง 10 กิโลเมตร /วิ่ง Fun Run ระยะทาง 5 กิโลเมตร หรือ วิ่งเน้นเดินเพื่อสุขภาพ ระยะทาง 3 กิโลเมตร โดยแต่ละท่านที่สมัครเข้ามาจะต้องระบุประเภทอย่างชัดเจน ในใบสมัคร และจะได้รับบัตรแสดงตัวตน(BIB Number) /เสื้อที่ระลึก/เหรียญ Finisher และ อาหาร”

สำหรับบรรยากาศภายในงานแถลงข่าวคึกคักไปด้วย เหล่าคนดัง ศิลปิน ดารา และศิษย์เก่าชาวศรีอยุธยา อาทิ คุณสุ่ย-พรนภา เทพทินกร ,คุณจ๊ะจ๋า-พริมรตา เดชอุดม,คุณอนันต์ เสมาทอง (อ้วน รีเทิร์น) ,อั๋น-อัครพรรฒ บุนนาค,คุณเมนี่-ดร.ภาดาภัสสรณ์ ภาดาพิลาสธานันทร์,คุณต๊อบ-วุฒินันทน์ นาฮิม ผู้ประกาศข่าวช่อง Top News ฯลฯ ที่มาร่วมแรงร่วมใจหาทุนอาหารกลางวันและทุนการศึกษาให้กับนักเรียนที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ในครั้งนี้

คุณต๊อบ-วุฒินันทน์ นาฮิม ศิษย์เก่าโรงเรียนศรีอยุธยา ในพระอุปถัมภ์ฯ และอดีตนักเรียนทุนอาหารกลางวัน ย้อนเล่าชีวิตในวันเรียนที่โรงเรียนศรีอยุธยาฯ ตั้งแต่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ถึง 6 ว่า ด้วยความที่ทางบ้านขัดสน คุณแม่เป็นแม่ค้า ส่วนคุณพ่อเป็นพนักงานขับรถ ทำให้ตัวเองต้องยื่นเรื่องขอรับทุนการศึกษา และ ทุนอาหารกลางวันควบคู่กัน ไปกับทางอาจารย์แนะแนวของโรงเรียน ด้วยข้อจำกัด การสอบถามความต้องการและสถานะทางบ้าน ทำให้พลาดโอกาสได้ทุนการศึกษาใหญ่ แต่ก็ไม่เสียใจแม้จะรับแค่ทุนอาหารกลางวันจำนวนเงินไม่เยอะมาก แต่ก็ทำให้ตนสามารถดำรงชีวิต และกลายเป็น ต๊อบ-วุฒินันทน์ นาฮิม จนถึงทุกวันนี้ได้

“สมัยนั้นตอนที่ผมเรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ทุนอาหารกลางวันจะได้รับวันละ 80 บาท ต่อวัน สัปดาห์หนึ่งจะได้เงิน 400 บาท โดยอาจารย์แนะแนวจะเรียกไปรับเงินทุกวันจันทร์ ต่อมาก็ขยับขึ้นเรื่อยๆ จนถึงวันละ 100 บาท ถามว่าเยอะไหม ไม่เยอะ แต่ผมอยู่ได้ เพราะผมทานแค่ข้าวราดแกงกับน้ำเปล่าบ้าง ก๋วยเตี๋ยวกับน้ำอัดลมบ้าง บางวันก็ทานขนมบ้าง  เป็นอย่างนี้ทุกวัน จนบางครั้งผมมีเงินเหลือสามารถจ่ายเป็นค่ารถเมล์ประจำทางจากบ้านมาโรงเรียน จากโรงเรียนกลับบ้าน”

คุณต๊อบ-วุฒินันทน์ กล่าวว่า เมื่อก่อนตอนที่เราเป็นเด็กรับทุนอาหารกลางวันไม่เคยรู้เลยว่า โรงเรียนหาเงินเป็นทุนค่าอาหารกลางวันมาให้เราได้อย่างไร แหล่งที่มาของเงินมาจากที่ไหน จนเราโตขึ้นถึงรู้ว่าเงินแต่ละบาทที่หามาให้เราเป็นทุนค่าอาหารกลางวันไม่ใช่เรื่องง่าย อย่างเช่นวันนี้ที่ มูลนิธิศรีอยุธยา และ สมาคมศิษย์เก่าโรงเรียนศรีอยุธยา ในพระอุปถัมภ์ฯ จัดงาน“เดิน-วิ่ง การกุศล Run for Lunch # 2 วิ่งเพื่อน้องกองทุนอาหารกลางวัน” ทำให้ตนตระหนักและรู้ซึ่งถึงที่มาของทุนค่าอาหารกลางวัน ฯ ทุกท่านที่ลงทุนลงแรงหามาให้พวกเรานั้น ท่านต้องเหน็ดเหนื่อยกันอย่างมาก  ทำให้ทุกวันนี้ถ้ามีโอกาสตนจะกลับมาช่วยโรงเรียนเสมอ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องแรงกาย แรงทรัพย์ ในฐานะศิษย์เก่าฯ

ประชาชนทั่วไปที่สนใจจะเข้าร่วมการแข่งขัน“เดิน-วิ่ง การกุศล Run for Lunch #2 วิ่งเพื่อน้องกองทุนอาหารกลางวัน” หรือต้องการบริจาคเงินสมทบกองทุน “วิ่งเพื่อน้องกองทุนอาหารกลางวัน” สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ คุณวรรณา แย้มเยื้อน  เบอร์โทร 084-700-3520 ,คุณนงรัมภา ตันติพุกนนท์ เบอร์โทร 086-922-5361 ,คุณสหทัย พรสุริยกานต์ เบอร์โทร 081-340-0613,อาจารย์พรทิพย์ หนูนิมิต หรือสมัครได้ที่ลิงก์ https://bit.ly/RUN-FOR-LUNCH-2024 / Line id :@fanaticrun หรือ http://lin.ee/kqe1you 

เซี่ยเหมิน เป็นเมืองชายฝั่งทะเลทางตะวันออกเฉียงใต้ของจีน เป็นที่รู้จักกันในนาม “เกาะแห่งนกกระยาง”ตั้งแต่โบราณกาล มีนกกระยางอาศัยอยู่ที่นี่จำนวนมากมาย ยามค่ำคืนของทุกวัน นกกระยางจะรวมตัวกันที่ริมฝั่งทะเลสาบหยุนตัง ซึ่งเป็นทะเลสาบขึ้นชื่อของเมืองเซี่ยเหมิน มองดูชาวเมืองเซี่ยเหมินเล่นเครื่องดนตรี ร้องเพลง เต้นรำ และออกกำลังกายอย่างเงียบ ๆ

เมืองเซี่ยเหมินในทุกวันนี้เป็นอุทยานนครแห่งหนึ่ง เมื่อมาถึงที่นี่แล้ว ไม่ว่าจะล่องเรือเที่ยวทะเล ขี่จักรยานตามชายฝั่งทะเล หรือเดินเล่นข้างทางป่าชายเลนที่ชอุ่ม ล้วนประทับใจกับบรรยากาศดีงามที่มนุษย์อยู่ร่วมกับธรรมชาติอย่างกลมกลืน สิ่งที่น่าทึ่งก็คือ เมื่อกว่า 30 ปีก่อน ระบบนิเวศของเมืองเซี่ยเหมินเป็นที่น่าปวดหัวมาก ตัวอย่างเช่น ทะเลสาบหยุนตังซึ่งสะอาดสะอ้านในปัจจุบัน ครั้งหนึ่งเคยเต็มไปด้วยกองขยะ

ย้อนกลับไปเมื่อ 30 กว่าปีที่แล้ว สภาพแวดล้อมทางนิเวศวิทยาของเซี่ยเหมินทำให้ชาวบ้านในท้องถิ่นปวดหัว ตัวอย่างเช่น ทะเลสาบหยุนตังซึ่งปัจจุบันมีคลื่นสีฟ้ากระเพื่อม ครั้งหนึ่งเคยเต็มไปด้วยกองขยะและรกไปด้วยวัชพืช

วิลเลิยม บราวน์ ศาสตราจารย์ชาวอเมริกันแห่งมหาวิทยาลัยเซี่ยเหมิน ซึ่งใช้ชีวิตที่นี่มาหลายปีมีความประทับใจต่อการนี้มาก “หลายปีก่อน ทุกครั้งที่ผมขี่จักรยานริมทะเลสาบหยุนตัง ก็ต้องปิดปากและจมูกให้สนิท แต่ตอนนี้ที่นี่กลายเป็นปอดสีเขียวของเมือง เป็นศูนย์กลางวัฒนธรรมและพาณิชย์ของเมืองเซี่ยเหมิน และก็เป็นที่ตั้งสำนักงานใหญ่ของวิสาหกิจต่าง ๆ ชาวจีนและชาวต่างชาติต่างก็ชอบมาเที่ยวทะเลสาบหยุนตัง เพื่อเล่นกีฬาทางน้ำ เช่น การแข่งขันพายเรือคายัค หรือเดินเล่นตามเส้นทางสีเขียวริมชายฝั่งทะเลสาบ ความสำเร็จของทะเลสาบหยุนตังพิสูจน์ให้เห็นว่า การพัฒนาเศรษฐกิจกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมสามารถปรับความสมดุลได้”

เหตุใดระบบนิเวศของทะเลสาบหยุนตังและเมืองเซี่ยเหมิน จึงประสบผลงานการพัฒนาที่ใหญ่หลวงเช่นนี้

1.การกำกับดูแลอย่างต่อเนื่องที่เป็นเวลา 36 ปี

ทะเลสาบหยุนตัง เคยเป็นท่าเรือประมงที่อ่าวด้านในของเกาะเซี่ยเหมิน ช่วงทศวรรษ 1970 การพัฒนาเศรษฐกิจจีนยังคงล้าหลังอยู่ เพื่อแก้ปัญหาปากท้องของชาวบ้าน คนท้องถิ่นจึงถมทะเลเพื่อการเพาะปลูก และสร้างเขื่อนขุดทะเลสาบ ตั้งแต่นั้นมา ท่าเรือหยุนตังก็ไม่ได้เชื่อมต่อกับทะเลอีก และกลายเป็นลากูนที่มีพื้นน้ำ 1.6 ตารางกิโลเมตรเท่านั้น พร้อมไปกับการพัฒนาการก่อสร้างรอบ ทะเลสาบและประชากรที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ โรงงานเคมีหลายแห่งก่อสร้างขึ้นมา และก่อมลภาวะร้ายแรง นอกจากนี้ ทะเลสาบหยุนตังยังเป็นที่ปล่อยน้ำท่วมและน้ำขังในตัวเมือง เขตทะเลสาบดังกล่าวจึงมีมลพิษร้ายแรง

“เซี่ยเหมินไม่ควรเสียหายมากเช่นนี้ เพื่อแลกกับการพัฒนาด้านอื่นๆ” ปี 1988 นายสี จิ้นผิง กรรมการประจำคณะกรรมการเทศบาลเซี่ยเหมิน และรองนายกเทศมนตรีบริหารในสมัยนั้นได้นำเสนอแนวคิดกำกับดูแลทะเลสาบหยุนตังอย่างสร้างสรรค์ว่า “กำกับดูแลทะเลสาบตามหลักกฎหมาย สกัดกั้นและบำบัดน้ำเสีย ขุดลอกสร้างเขื่อน ฟื้นฟูแหล่งน้ำ และปรับสิ่งแวดล้อมให้สวยงามขึ้น” นับแต่นั้น ทะเลสาบหยุนตังเกิดการเปลี่ยนแปลงแบบพลิกหน้ามือเป็นหลังมือ ในเวลาสั้น ๆ เพียง 3 ปีเท่านั้น ก็ได้บรรลุเป้าหมาย “น้ำทะเลสาบไม่มีกลิ่นเหม็น ตลอด 36 ปีมานี้ จากการกำกับดูแลแบบเบ็ดเสร็จต่อเนื่องกัน 5 ระยะ ทะเลสาบที่เคยส่งกลิ่นเหม็น ได้กลายเป็นหน้าตาของเมืองเซี่ยเหมิน”

เซี่ยเหมินยกการจัดการทะเลสาบหยุนตังเป็นต้นแบบโดยเริ่มโครงการจัดการพื้นที่อ่าวหลายแห่ง และลุ่มแม่น้ำจิ่วหลง โดยดำเนินหลักการ "หนึ่งอ่าว หนึ่งนโยบาย" ฟื้นฟูระบบนิเวศตั้งแต่ยอดเขาจนถึงน้ำทะเล เซี่ยเหมินดำเนินโครงการปรับช่องเปิดกำแพงกันคลื่น และขุดลอกตะกอนประมาณ 170 ล้านลูกบาศก์เมตร ทำให้พื้นที่ทะเลที่เคยถูกแยกออกจากกันด้วยน้ำมือมนุษย์สามารถเชื่อต่อกันได้อีกครั้ง จึงก่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนแหล่งน้ำ คุณภาพน้ำได้รับการปรับปรุงอย่างเห็นได้ชัด

ตั้งแต่ปี 2007 เป็นต้นมา เซี่ยเหมินได้ฟื้นฟูชายหาด 1.65 ล้านตารางเมตร และบรรลุเป้าหมายที่อนุรักษ์ชายหาดให้ได้ ไม่ให้กลายเป็นโคลน และไม่ก่อฝุ่นทราย จากการปรับปรุงอุทกพลศาสตร์ของอ่าว การปลูกป่าชายเลน การฟื้นฟูชายหาด การป้องกันมลภาวะ และการปกป้องความหลากหลายทางชีวภาพ ระบบนิเวศทางน้ำของเมืองเซี่ยเหมินได้รับการปรับปรุงอย่างมาก

อย่างที่วิลเลิยม บราวน์กล่าวว่า การลงทุนเพื่อปรับปรุงสภาพแวดล้อมไม่ได้สร้างอุปสรรคใด ๆ ต่อการพัฒนาเศรษฐกิจเซี่ยเหมิน กลับกลายเป็นรากฐานที่แน่นหนาในการพัฒนาเศรษฐกิจ เขตทะเลสาบหยุนตังได้ดึงดูดวิสาหกิจภาคการบริการที่ทันสมัยมาลงทุนกันหลายแห่ง กลายเป็นศูนย์กลางทางการเงิน พาณิชย์ การท่องเที่ยว และบ้านที่พักของเมืองเซี่ยเหมิน

2.ประยุกต์ใช้ประสบการณ์เมืองเซี่ยเหมินกับประเทศร่วมสร้างสรรค์ “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง”

การที่เมืองเซี่ยเหมินฟื้นฟูระบบนิเวศจนได้รับการยกย่องให้เป็น “อุทยานนครสากล” และ “ผลงานดีเด่นในการควบคุมจัดการชายฝั่งทะเลเอเชียตะวันออก” องค์กรอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมต่าง ๆ จากประเทศพัฒนา เช่น สหรัฐฯ เยอรมนี และเกาหลีใต้ มาดูงานที่เมืองเซี่ยเหมินด้วย เทคโนโลยีการฟื้นฟูชายหาดเมืองเซี่ยเหมินยังได้ประยุกต์ใช้ในโครงการดูแลชายหาดของประเทศร่วมสร้างสรรค์หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางด้วย เช่น ไทย และศรีลังกา

อวี๋ ซิงกวาง อดีตเจ้าหน้าที่สถาบันวิจัยที่ 3 กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติจีน ซึ่งให้ข้อเสนอมากมายในการกำกับดูแลระบบนิเวศทางทะเลของเมืองเซี่ยเหมิน เห็นว่าประสบการณ์ และวิธีการปฏิบัติเชิงสร้างสรรค์ของ “เคสเซี่ยเหมิน” สมควรเผยแพร่ยังประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก เช่น การจัดการระบบนิเวศทางทะเลแบบเบ็ดเสร็จที่มีหลายภูมิภาคร่วมมือกัน การประสานงานระหว่างการฟื้นฟูระบบนิเวศทางทะเลกับการพัฒนาเมืองอ่าว

การสร้างสรรค์อารยธรรมทางนิเวศของเมืองเซี่ยเหมินนอกจากรวมถึงการปรับปรุงสิ่งแวดล้อมแล้ว ยังรวมถึงการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพด้วย เมืองเซี่ยเหมินเป็นเมืองแรกที่ประกาศใช้กฎข้อบังคับระดับท้องถิ่นว่าด้วยการอนุรักษ์โลมาหลังโหนก และสร้างฐานช่วยเหลือเพาะเลี้ยงโลมาหลังโหนกแห่งแรกในจีน เพื่ออนุรักษ์นกจาบคาหัวเขียวที่บินหนีร้อนจากประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มาหยุดพักและเจริญพันธุ์ เมืองเซี่ยเหมินได้ก่อสร้างเขตอนุรักษ์นกจาบคาหัวเขียวที่ใจกลางตัวเมือง ซึ่งมีราคาที่ดินแพงมาก

“เราเผชิญกับความท้าทายร่วมกัน เพราะอยู่กับมหาสมุทรผืนเดียวกัน เมืองที่ดูแลทะเลได้ดีอย่างเมืองเซี่ยเหมิน มีบทบาทสำคัญเมื่อสิ่งแวดล้อมทางทะเลของทั่วโลกเผชิญกับความท้าทาย” ปี 2018 สวนป่าชายเลนถันเหว่ย ซึ่งยังอยู่ในช่วงการพัฒนาเบื้องต้นสร้างความประทับใจให้กับปีเตอร์ โทมัส ทูตพิเศษกิจการทะเลของเลขาธิการสหประชาชาติ หลังจากนั้น เขายกย่องเมืองเซี่ยเหมินเป็นต้นแบบแห่งการฟื้นฟูป่าชายเลนในคำปราศรัยหลายครั้งของเขา

ความสำเร็จในการสร้างสรรค์อารยธรรมทางนิเวศของเมืองเซี่ยเหมิน แสดงให้เห็นว่า จีนใช้ความพยายามเพื่อผลักดันการสร้างความทันสมัยแบบจีนที่มนุษย์กับธรรมชาติอยู่ร่วมกันอย่างกลมกลืน ด้วยความพยายามมาหลายปี ประสบการณ์การควบคุมดูแลทะเลของเมืองเซี่ยเหมินเป็นที่ยอมรับกันของประเทศหลายแห่ง ตั้งแต่ปี 2007 เป็นต้นมา เจ้าหน้าที่ทางการและเจ้าหน้าที่ทางเทคโนโลยีของจีนกว่า 2,000 คน ให้การอบรมและเผยแพร่ประสบการณ์ในการควบคุมดูแลทะเลสาบหยุนตังแก่ประเทศกำลังพัฒนารวมกว่า 100 แห่ง 

ในที่ประชุมฟอรั่มว่าด้วยกิจการชายฝั่งทะเลนานาชาติ กรณีลดภัยทางระบบนิเวศในป่าชายเลนเซี่ยถันเหว่ยของเมืองเซี่ยเหมินได้บรรจุไว้ใน “รวมเคสสากลว่าด้วยการประสานงานเพื่อเพิ่มประสิทธิผลในการลดภัยพิบัติทางนิเวศชายฝั่งทะเล” เพื่อให้ประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกใช้อ้างอิง

เจตนารมณ์ที่ดีงามเพื่อสร้างโลกสะอาดสวยงามนั้น กำลังเคลื่อนตัวจากชายฝั่งนี้สู่ทั่วโลก

เขียนโดย หยาง อี้ฟู

มุมมองนักวิเคราะห์ : ความทันสมัยแบบจีนคือความทันสมัย

ที่มนุษย์อยู่ร่วมกับธรรมชาติอย่างกลมกลืน

แนวคิดว่าด้วยอารยธรรมทางนิเวศของสีจิ้นผิง ได้ผสมผสานทฤษฎีทันสมัยกับทัศนะว่าด้วยอารยธรรมทางนิเวศเข้าด้วยกันอย่างสร้างสรรค์ ผลักดันให้เกิดทัศนะว่าด้วยอารยธรรมของทฤษฎีความทันสมัยแบบจีน ปรับและเพิ่มความหมายตามหลักวิทยาศาสตร์ของเส้นทางความทันสมัยแบบจีน

ความทันสมัยแบบจีน คือ ความทันสมัยที่มนุษย์อยู่ร่วมกับธรรมชาติอย่างกลมกลืน ประเทศจีนถือหลักตอบสนองความต้องการสภาพแวดล้อมที่ดีของประชาชนเป็นที่ตั้ง และจุดหมายปลายทางในการสร้างสรรค์ความทันสมัยที่มนุษย์อยู่ร่วมกับธรรมชาติอย่างกลมกลืน

น้ำใส ภูเขาเขียว คือ ภูเขาเงินภูเขาทอง เป็นทั้งแนวคิดการพัฒนาที่สำคัญ และก็เป็นหลักการสำคัญในการผลักดันความทันสมัย จีนยืนหยัดการพัฒนาคุณภาพสูง และการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมในระดับสูงด้วย พยายามยืนหยัดเส้นทางความทันสมัยที่มีคุณภาพสูงโดยยึดหลักที่ระบบนิเวศต้องมาก่อน และถือเป็นทิศทางของการพัฒนาสีเขียว

การปฏิวัติทางวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีครั้งใหม่ มีลักษณะเด่นที่เป็นการปฏิวัติสีเขียว มีความอัจฉริยะ และเข้าถึงมวลชนได้อย่างทั่วถึง การพัฒนาสีเขียวและการอนุรักษ์นิเวศกับระบบดิจิทัลมีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน จีนกำลังสร้างระบบดิจิทัลในการควบคุมดูแลนิเวศ และพยายามสร้างระบบดิจิทัลด้านอารยธรรมทางนิเวศที่เน้นการพัฒนาสีเขียวและความเป็นอัจฉริยะ

ระบบนิเวศที่ดีเป็นผลิตภัณฑ์สาธารณะที่ยุติธรรมที่สุด  และเป็นประโยชน์สุขต่อประชาชนอย่างทั่วถึง สิ่งแวดล้อมคือชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน ภูเขาเขียวคือความสวยงาม ท้องฟ้าใสคือความสุข การพัฒนาเศรษฐกิจมีวัตถุประสงค์เพื่อปรับปรุงชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมก็มีวัตถุประสงค์เพื่อปรับปรุงชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนด้วย

ภายใต้การนำของพรรคคอมมิวนิสต์จีน ประชาชนจีนไม่เพียงแต่สร้างความมั่งคั่งทางวัตถุและจิตวิญญาณมากขึ้น เพื่อตอบสนองความต้องการชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น แต่ยังสร้างผลิตภัณฑ์ทางนิเวศคุณภาพสูงเพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีงามด้วย แสดงให้เห็นว่า ในด้านอารยธรรมทางนิเวศ จีนก็ยึดประชาชนเป็นที่ตั้งเช่นกัน

เขียนโดย ศาสตราจารย์จางหยุนเฟย

มหาวิทยาลัยเหรินหมิน

วางแผนการพัฒนาเพื่อให้มนุษย์กับธรรมชาติอยู่ร่วมกันอย่างกลมกลืน

การเคารพธรรมชาติ ต้องปฏิบัติตามหลักธรรมชาติและอนุรักษ์ธรรมชาติ การสร้างสรรค์ประเทศให้ทันสมัย ต้องวางแผนการพัฒนาเพื่อให้มนุษย์กับธรรมชาติอยู่ร่วมกันอย่างกลมกลืน

หลังการสำรวจศึกษาเป็นเวลานาน จึงได้พบเส้นทางความทันสมัยแบบจีน โดยกำหนดชัดเจนให้สร้างสรรค์ความทันสมัยที่มนุษย์กับธรรมชาติอยู่ร่วมกันอย่างกลมกลืน กล่าวได้ว่า การที่ทุกวันนี้จีนเข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติอย่างลึกซึ้ง และมองการพัฒนาในแง่มุมทางปรัชญาที่ให้มนุษย์กับธรรมชาติอยู่ร่วมกันอย่างกลมกลืนนั้น เป็นเพราะว่าได้สรุปบทเรียนอันเจ็บปวดจากการพัฒนาในช่วงแรกเริ่ม

ประธานาธิบดีสีจิ้นผิงระบุว่า ภูเขา แม่น้ำ ป่าไม้ พื้นที่เพาะปลูก ทะเลสาบ สนามหญ้า และทะเลทรายล้วนเป็นชีวิตที่อยู่ร่วมกัน ย้ำว่า ระบบนิเวศเป็นระบบธรรมชาติที่มีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เป็นห่วงโซ่ทางชีวภาพที่พึ่งพาอาศัยกัน และสัมพันธ์กันอย่างใกล้ชิด นับเป็นการเข้าใจความเคลื่อนไหวของมนุษย์ในวัฏจักรธรรมชาติ และเน้นว่า ความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติเป็นความสัมพันธ์ของการอยู่ร่วมกันอย่างกลมกลืน

ทัศนะว่าด้วยความกลมกลืนเช่นนี้ มาจากแนวคิดของอารยธรรมจีนว่าด้วยความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของมนุษย์กับธรรมชาติ เพราะอารยธรรมจีนถือว่าธรรมชาติเป็นชีวิตที่ไม่มีที่สิ้นสุด ต้องเข้าใจธรรมชาติและชีวิตของมนุษย์จากภาพรวมของชีวิตในโลก

เขียนโดย รองผู้อำนวยการหลี่เหวินถัง

วิทยาลัยบริหารแห่งชาติจีน

 

พร้อมผนึกพันธมิตรในเครือส่งมอบความพิเศษ สร้างปรากฏการณ์แลนด์มาร์กสีรุ้งใหม่ ใจกลางอารีย์ ที่ชวนทุกคนมาปลุกพลังความมั่นใจในตัวเอง ฉลอง Pride Month

คอนเทนต์กีฬาเป็นรายการที่คนไทยรับชมมากที่สุด จากผลสำรวจของนีลเส็น ประเทศไทย และกีฬาฟุตบอล ก็ครองอันดับ 1 ในใจผู้ชมชาวไทย สีสันของฟุตบอลสร้างเสน่ห์และการมีส่วนร่วมของผู้ชม BOSS COFFEE เปิดแคมเปญยิ่งใหญ่ “BOSS COFFEE x ISHII” แจกฟรี 1 หมื่นขวด ส่งแรงเชียร์โค้ชอิชิอิ นำทัพทีมชาติไทยปะทะทีมชาติจีน

ฟุตบอล ถือเป็นกีฬาที่สร้างการมีส่วนร่วมจากประชาชนจำนวนมากได้เป็นอย่างดี ทำให้ “sport marketing” เป็นกลยุทธ์สำคัญที่นักการตลาดหยิบมาใช้เพื่อสร้าง Brand Love ซึ่งจากรายงานของนีลเส็น พบว่า ผู้ชมกีฬามากกว่า 60% มีมุมมองเชิงบวกต่อผู้สนับสนุนแบรนด์และสามารถจดจำแบรนด์ได้ และ 55% พิจารณาและพร้อมที่จะซื้อสินค้าของผู้สนับสนุนการแข่งขันกีฬา

BOSS COFFEE กาแฟพร้อมดื่มจากประเทศญี่ปุ่น พร้อมนำกลยุทธ์สปอร์ต มาร์เก็ตติ้ง มาสร้างสีสันและการมีส่วนร่วมกับการแข่งขันฟุตบอลทีมชาติไทย ด้วยการจับมือมาซาทาดะ อิชิอิ กุนซือทีมชาติไทย เปิดแคมเปญ “BOSS COFFEE x ISHII” ร่วมกิจกรรมส่งแรงเชียร์ทีมชาติไทยปะทะทีมชาติจีน ในการแข่งขันฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก โซนเอเชีย ในวันที่ 6 มิ.ย. 2567 ที่ผ่านมา

โค้ชอิชิอิได้ชื่อว่าเป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอนที่ทุ่มเทอย่างเต็มที่ในการเป็นโค้ชให้กับทีมชาติไทย เพื่อให้ได้ผลลัพท์ที่ดีที่สุด เช่นเดียวกับ BOSS COFFEE ซึ่งเป็นกาแฟพร้อมดื่มที่มีชื่อเสียงด้านความพิถีพิถันแบบญี่ปุ่น มีกระบวนการผลิตที่ให้ความสำคัญตั้งแต่การคัดเลือกเมล็ดกาแฟคุณภาพสูง พร้อมเทคนิคในการผลิตแบบ Flash Brew เพื่อให้ได้กาแฟที่ดีที่สุดสำหรับผู้บริโภค

มาซาทาดะ อิชิอิ กุนซือทีมชาติไทย ยืนยันจะทำให้ดีที่สุดในนัดเจอกับจีนครั้งนี้ ซึ่งถือเป็นศึกสำคัญของทีมชาติไทย และโอกาสลุ้นไปฟุตบอลโลก พร้อมเตรียมตัวอย่างหนัก เพื่อทีมและแฟนบอลชาวไทยทุกคน โค้ชอิชิอิ ให้สัมภาษณ์ว่า หนึ่งในเคล็ดลับของเขา คือ BOSS COFFEE เช่นเดียวกับ Harry Kane กองหน้าบาร์เยิร์น มิวนิก ที่ต้องดื่มกาแฟทั้งวันจนระเบิดฟอร์มสุดยอดได้ BOSS COFFEE จึงเป็นเครื่องดื่มข้างกายของโค้ชอิชิอิ และทีมชาติไทย และเพื่อร่วมเชียร์ทีมชาติไทย และโค้ชอิชิอิ ในการทำศึกครั้งนี้ BOSS COFFEE เป็นขอเป็นอีกหนึ่งแรงสนับสนุนให้โค้ชอิชิอิ พาทีมฟุตบอลไทยให้คว้าชัยชนะมาให้ได้ ผ่านแคมเปญ “BOSS COFFEE x ISHII” เพื่อส่งต่อ BOSS COFFEE จำนวน 10,000 ขวด ให้กับแฟนบอลไทยทั่วประเทศเพื่อเติมความสดชื่น พร้อมร่วมเชียร์ทีมชาติไทยให้เอาชนะทีมชาติจีนไปด้วยกัน

สำหรับแคมเปญ “BOSS COFFEE x ISHII” มีการแจก  BOSS COFFEE ฟรี! ทั้งหมด 10,000 ขวด ในวันที่ 4-6 มิถุนายนที่ผ่านมา โดยได้มีผู้ร่วมส่งแรงเชียร์ให้โค้ชอิชิอิและทีมชาติไทยมากมาย พร้อมได้รับ BOSS COFFEE ให้ไปเติมความสดชื่น พร้อมเชียร์บอลนัดสำคัญทีมชาติไทยปะทะทีมชาติจีนอย่างสนุกสุดมันส์ไปด้วยกัน

มาร่วมลุ้นและเชียร์ทีมชาติไทย และโค้ชอิชิอิในการทำศึกกับทีมชาติจีน ในการแข่งขันฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก โซนเอเชียไปด้วยกันกับ BOSS COFFEE หอม เข้ม เต็มรสชาติ เคล็ดลับระเบิดพลังบอสในตัวคุณ

บริษัท กรุงเทพประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) ร่วมกับ ธนาคารทิสโก้ จำกัด (มหาชน) จัดสัมมนา Planning Health Planning Wealth จัดสัมมนา Planning Health Planning Wealth “รู้ทันโรคมะเร็ง - หลอดเลือดสมอง - หัวใจ กับ 3 อาจารย์แพทย์ รพ.ชั้นนำ” ให้แก่ลูกค้าและผู้ที่สนใจ ณ โรงแรมดับเบิ้ลยู กรุงเทพ ตอกย้ำความสำเร็จจากคอนเซ็ปต์ “Megatrend Retirement Planning” ซึ่งเป็นการจัดกิจกรรมติดต่อกันเป็นปีที่ 3 และยังคงมีกิจกรรมอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี 2567  โดยมี นายศักดิ์ชัย พีชะพัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มทิสโก้ (ที่สี่จากทางซ้าย) ให้การต้อนรับ นายพิชา รัตนธรรม ประธานเจ้าหน้าที่ธุรกิจธนบดี-ธนกิจและบริการธนาคาร ธนาคารทิสโก้ จำกัด (มหาชน) (ที่หกจากซ้าย) กล่าวเปิดงาน และ นายวทานีย์ ทองรุ่ง ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายบริหารการขายช่องทางพันธมิตรทางธุรกิจ บริษัท กรุงเทพประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) (ที่หนึ่งจากซ้าย) กล่าวต้อนรับ

ภายในงานได้รับเกียรติจาก รศ.นพ.ยงชัย นิละนนท์ ประธานศูนย์ โรคหลอดเลือดสมองศิริราช ให้ข้อมูลเรื่องนวัตกรรมการรักษาโรคหลอดเลือดสมอง ศ.นพ.ชวลิต เลิศบุษยานุกูล ศาสตราจารย์ สาขารังสีรักษาและมะเร็งวิทยา ภาควิชารังสีวิทยา คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ให้ข้อมูลเรื่องนวัตกรรมการรักษาโรคมะเร็ง และ รศ.นพ.ธีรภัทร ยิ่งชมน์เจริญ สาขาอายุรศาสตร์โรคหัวใจ ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ให้ข้อมูลเรื่องนวัตกรรมการรักษาโรคหัวใจ

ในช่วง Wealth Planning “วางแผนเพื่อสุขภาพการเงิน” นายสรัฐพงศ์ เบญจชินาภรณ์ AFPTTM ผู้ช่วยผู้อำนวยการ ฝ่ายฝึกอบรมช่องทางการขาย ส่วนฝึกอบรมพันธมิตรทางธุรกิจ บริษัท กรุงเทพประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) ให้ข้อมูลความจำเป็นของการมีประกันโรคร้ายแรงและเทคนิคการเลือกประกันให้คุ้มค่า ขณะที่นายยศรวี จงแสงทอง AFPTTM Senior Wealth Manager ธนาคารทิสโก้ จำกัด (มหาชน) ให้ข้อมูลเรื่องธีมการลงทุนเฮลธ์แคร์ซึ่งมีโอกาสสร้างผลตอบแทนที่โดดเด่นในช่วงนี้

มุ่งสู่เป้าหมาย SDGs ผ่านผลิตภัณฑ์นวัตกรรม เพื่อทุกคน

X

Right Click

No right click