

บราเดอร์ส่ง ‘PR1X’ จักรปักเอนกประสงค์หนุนสร้างอาชีพรับการเติบโตของเทรนด์ personalization ที่ดันผลิตภัณฑ์จักรปักในไทยให้มีปริมาณการซื้อขาย (volume) ของตลาดสูงเป็นอันดับต้นๆ ของอาเชียน ชวนคนไทยลงทุนจักรปักเริ่มต้นเพียง 31,990 บ. ก็สามารถสร้างอาชีพได้กับบราเดอร์

นายพงษ์พันธ์ สุระวัฒน์เจริญ ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายขยายธุรกิจ บริษัท บราเดอร์ คอมเมอร์เชี่ยล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ปัจจุบันเทรนด์ของตลาดจักรปักกำลังมุ่งสู่การเป็น personalization เพิ่มมากขึ้น จากอดีตเราอาจจะเห็นผลงานของจักรปักอยู่บนชุดนักเรียน โลโก้ แต่ 3-4 ปีที่ผ่านมาตลาดมีการพัฒนาอย่างมาก จักรปักถูกนำมาใช้ผลิตชิ้นงานที่เพิ่มไอเดียการออกแบบหลากหลายสไตล์ในแนวแฟชั่นเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มที่ผ่านมาบราเดอร์มุ่งพัฒนาจักรเพื่อเสริมศักยภาพของกลุ่มธุรกิจ SMEs โดยเฉพาะ ทำให้เรามีความแข็งแกร่งมากในกลุ่มนี้ ส่งผลให้เราสามารถครองส่วนแบ่งการตลาดเป็นอันดับ 1 ในปัจจุบัน
“การพัฒนาระบบ user interface คือปัจจัยสำคัญที่ทำให้จักรปักบราเดอร์เป็นตัวเลือกที่เหมาะสมในสายตาผู้บริโภค เพราะใช้งานง่าย สะดวก และมีฟังก์ชันให้ใช้อย่างหลากหลาย พร้อมอุปกรณ์เสริมที่ช่วยให้ชิ้นงานมีเอกลักษณ์เฉพาะ นอกจากนี้ คุณภาพบริการหลังการขายก็เป็นอีกปัจจัยหลักที่บราเดอร์ให้ความสำคัญ ปัจจุบันมีศูนย์บริการอยู่ทั่วประเทศเพื่อรองรับการให้บริการได้อย่างครอบคลุม” นายพงษ์พันธ์ กล่าว

ด้านนายนัจวริษฐ์ ถิระพุทธิพงษ์ ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายขยายธุรกิจ กลุ่มผลิตภัณฑ์จักรเย็บผ้า กล่าวถึงกลยุทธ์ในการสร้างการเติบโตต่อเนื่องในปี 2567 ว่า นอกจากจะมุ่งขยายช่องทางการขายทั้งออนไลน์และออฟไลน์แล้ว บราเดอร์ยังพุ่งเป้าขยายฐานลูกค้าในกลุ่มธุรกิจแฟชั่นไลฟ์สไตล์ และกลุ่มธุรกิจการศึกษาด้านแฟชั่น ตลอดจนสนับสนุนกิจกรรมของแฟชั่นแบรนด์ทั้งของไทยและต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง
“เรายังคงใช้ช่องทางออนไลน์เพื่อสร้าง community สำหรับผู้ที่ชื่นชอบงานด้านเย็บปักถักร้อยเป็นหลัก งปัจจุบันจักรบราเดอร์มีสมาชิกในโลกโซเชียลเกือบแสนราย ผ่านช่องทาง facebook.com/BrotherSewingClubThailand/ ทำให้เพิ่มศักยภาพในการเข้าถึง ส่งผลให้ตลาดของบราเดอร์กระจายตัวเพิ่มขึ้นในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ พร้อมกันนี้เราได้ใช้กลยุทธ์การรุก พื้นที่ชุมชนเพื่อสร้าง offline community ควบคู่กันไปด้วย” นายนัจวริษฐ์ ฉายภาพความแข็งแกร่งของ community จักรบราเดอร์

ในยุคนี้หลายภาคส่วนหันมาผลักดันด้านทักษะอาชีพรวมถึงการปรับหลักสูตรการเรียนการสอนโดยเพิ่มสายอาชีพเป็นทางเลือกให้เด็กรุ่นใหม่ ปัจจัยเหล่านี้ล้วนเอื้อต่อการเติบโตของกลุ่มผลิตภัณฑ์จักรปัก “ปัจจุบันในต่างประเทศได้นำจักรปักมาผสมผสานกับรูปแบบการดีไซน์ในแนวอื่นๆ เช่นออกแบบผสมกับงานพิมพ์ หรือวัสดุพื้นผิวที่หลากหลาย ซึ่งเป็นแนวทางในการเพิ่มมูลค่าที่ดีมาก บราเดอร์จึงอยากเป็นส่วนหนึ่งในการจุดประกายไอเดียใหม่ๆ เหล่านี้ในประเทศไทย เพราะปัจจุบันตลาดเครื่องนุ่งห่มของไทยยังไม่เด่นชัดด้านดีไซน์ที่ผสมผสาน เพราะส่วนใหญ่เราจะอยู่เบื้องหลังในแบบ OEM เป็นหลัก การที่บราเดอร์รุกตลาด SMEs นั้น จะเป็นการขับพลังสร้างสรรค์ในตัวผู้ประกอบการไทยให้ออกมา และสร้างอัตลักษณ์ตัวตนให้เกิดขึ้น เพิ่มมูลค่าเปิดกว้างตลาดจากในประเทศสู่ตลาดโลก ซึ่งจะเป็นการยกระดับมาตรฐานประเทศไทยสู่สากลได้เช่นกัน” นายพงษ์พันธ์ กล่าวสรุป

ทั้งนี้ จักรปักเอนกประสงค์คุณภาพระดับมืออาชีพจากประเทศญี่ปุ่น ‘บราเดอร์ PR1X’ ดีไซน์ทันสมัย ที่ช่วยสร้างสรรค์งานปักแบบไม่มีสะดุดด้วยเทคโนโลยีและฟังก์ชันใหม่ๆ ที่ถูกออกแบบมาอย่างใส่ใจในรายละเอียด เพิ่มความคล่องตัวในทุกโปรเจค อาทิ ระบบสนเข็มที่สะดวกยิ่งกว่า เลเซอร์กำหนดตำแหน่งปักรูปกากบาทเพื่อเพิ่มความแม่นยำ สามารถใช้งานได้กับสะดึงที่หลากหลายให้พร้อมกับทุกงานปักทั้งหมวกปีกแบน กระเป๋า แจ๊กแก๊ต รองเท้า ฯลฯ มาพร้อมพื้นที่ปักขนาดใหญ่ (200x300 มม.) หน้าจอระบบสัมผัสแบบ LCD ขนาด 7 นิ้ว เฉดสีสดใสสะดุดตามากกว่า 260,000 สี สามารถแก้ไขตัวอักษรและกราฟฟิคหน้าจอได้สะดวก พร้อมคุณสมบัติที่โดดเด่นอื่นๆ อาทิ ลายปักและตัวอักษรหลากหลายรูปแบบ ที่สามารถทำเป็น 3 มิติได้ในตัวเครื่อง กำหนดตำแหน่งโดยการปรับมุมได้อัตโนมัติ มีระบบปรับความตึงของด้าย พัฒนาสะดึงแม่เหล็กให้ยึดผ้าให้ตึงอย่างง่ายดายเพื่อพร้อมในทุกการปัก นอกจากนี้ บราเดอร์ยังได้พัฒนาอุปกรณ์เสริมอีกมากหมายให้เลือก เพื่อจินตนาการงานปักที่ไม่มีสะดุด ทั้งยังมีวิดีโอในการเรียนรู้การใช้งานให้ด้วย
จักรปักเอนกประสงค์ ‘บราเดอร์’ ปัจจุบันมีให้เลือก 6 รุ่น ประกอบไปด้วย รุ่นมาตรฐาน 3 รุ่น ได้แก่ รุ่น M330E ราคา 31,900 บาท รุ่น M380D ราคา 45,900 บาท รุ่น NV880E ราคา 59,900 บาท และรุ่นไฮเอนด์ 3 รุ่น ได้แก่ รุ่น PR1X ราคา 179,000 บาท รุ่น PR680W ราคา 349,000 บาท และรุ่น PR1055X ราคา 399,000 บาท
บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ LPN ผู้พัฒนาที่พักอาศัยคุณภาพที่มาพร้อมกับความน่าอยู่ในทุกมิติ เพื่อยกระดับรูปแบบการใช้ชีวิตที่ดีที่สุดมามากกว่า 35 ปี พร้อมส่งมอบประสบการณ์การอยู่อาศัย ‘Livable Living Experience’ ให้เป็นบ้านที่ ‘น่าอยู่’ สำหรับทุกคน ขอแนะนำโครงการคอนโดมิเนียมพร้อมอยู่ที่สร้างเสร็จสมบูรณ์แล้วบนทำเลศักยภาพในย่านธนบุรี ได้แก่ “ลุมพินี คอนโดทาวน์ เอกชัย 48” และ “ลุมพินี ซีเล็คเต็ด จรัญ 65 - สิรินธร สเตชั่น” ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านที่อยู่อาศัยแบบครบวงจรในทุกรูปแบบการอยู่อาศัย ด้วยความเชี่ยวชาญในการพัฒนาโครงการคุณภาพในราคาที่เหมาะสมที่มาพร้อมกับงานบริการหลังการขายอย่างครบวงจร เสริมทัพด้วยการร่วมมือกับทีมงานมืออาชีพจากบริษัทในเครืออย่าง บริษัท แอล พี พี พรอพเพอร์ตี้ มาเนจเมนท์ จํากัด หรือ LPP ที่เข้ามาดูแลงานด้านบริการหลังการขายที่มีมาตรฐานสูงในการดําเนินงานพร้อมทีมงานที่มากประสบการณ์กว่า 30 ปี สะท้อนความแข็งแกร่งของ LPN ในการส่งมอบสินค้าและบริการรวมถึงประสบการณ์การอยู่อาศัยที่ดีที่สุด และสร้างความมั่นใจให้กับลูกบ้าน LPN ทุกครอบครัว
ถ้าจะกล่าวถึงโซนที่พักอาศัยที่ได้รับความนิยมมากที่สุดแห่งหนึ่งของกรุงเทพ คงจะหนีไม่พ้นย่านฝั่งธนบุรี ซึ่งเป็นย่านเมืองเก่าแก่และเต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจ ตลอดจนวิถีชีวิตที่ผูกพันกับสายน้ำ จนได้ชื่อว่าเป็น ‘เวนิสแห่งตะวันออก’ ปัจจุบัน 'ความเรียบง่าย' ของการใช้ชีวิตที่เต็มไปด้วยเรื่องราวอันมีเสน่ห์ ที่เกิดขึ้นท่ามกลางการดำเนินชีวิตแบบดั้งเดิมของผู้คน ผสมผสานกับความเป็นอยู่อย่างถ้อยทีถ้อยอาศัย ร่วมกับความเจริญที่นำไลฟ์สไตล์ใหม่ๆ เข้ามาผสมผสานอย่างกลมกลืน หรืออาจเรียกได้ว่า สามารถใช้ชีวิตแบบ ‘สโลวไลฟ์’ ยังคงมีให้เห็นในบางพื้นที่ของย่านนี้ นำมาซึ่งเหตุผลที่ทำให้ย่านฝั่งธนเป็นย่านที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้คนที่กำลังมองหาที่อยู่อาศัยหรือกำลังขยับขยายตัวออกจากใจกลางเมืองเป็นอย่างมาก จึงทำให้ดีเวลอปเปอร์มองเห็นศักยภาพในการพัฒนาโครงการที่พักอาศัยอย่างต่อเนื่อง และมีแนวโน้มที่จะมากขึ้นเรื่อยๆในอนาคต

จากการสำรวจของ บริษัท แอล ดับเบิลยู เอส วิสดอม แอนด์ โซลูชั่นส์ จำกัด บริษัท วิจัย และ พัฒนา อสังหาริมทรัพย์ ในเครือ บริษัท แอล. พี. เอ็น. ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด พบว่า เอกชัย-บางบอน เป็น ทําเลที่มีศักยภาพ ในการรองรับการพัฒนาการขยายตัวของเมือง และ มีสิ่งอำนวยความสะดวก ในการเดินทางได้หลากหลาย เชื่อมระหว่างกรุงเทพฯ กับจังหวัดสมุทรสาคร เป็นเส้นทางเลี่ยงการจราจรจากถนนพระราม 2 ได้ และเดินทางเข้าสู่ใจกลาง เมืองกรุงเทพหรือโซน CBD ได้สะดวก โดยเชื่อมไปยัง ถ.กรุงธนบุรีได้ ใกล้รถไฟฟ้าสายสีเขียวเข้ม สถานีวุฒากาศ และรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ (เตาปูน-ราษฎร์ บูรณะ) สถานีดาวคะนอง ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการก่อสร้าง คืบหน้าไปแล้วกว่า 30% โดยจะเชื่อมต่อมาจากสถานีเตาปูน พื้นที่โดยรอบทำเล มีสิ่งอํานวยความสะดวกที่เอื้อต่อการอยู่อาศัยได้อย่างสะดวกสบาย มากขึ้น อย่างซุปเปอร์มาร์เก็ต ตลาดมากกว่า 10 แห่งในระยะ 5 กม. มีโรงพยาบาลท้ังรูปแบบรัฐบาลและเอกชน มากกว่า 10 แห่ง ในระยะ 5 กม. รวมถึงมีสถานศึกษารองรับได้ตั้งแต่ระดับประถม มัธยมศึกษาไปจนถึงระดับ มหาวิทยาลัย อาทิเช่น โรงเรียนเอกชนชื่อดังอย่าง โรงเรียนเลิศหล้าถนนกาญจนาภิเษก, โรงเรียนดวงวิภา, โรงเรียนมัธยมวัดสิงห์, โรงเรียนนานาชาติ เบซิส กรุงเทพ, ม. ราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา, และม.สยาม เป็นต้น
ในขณะที่ จํานวนประชากรในพื้นที่เขตบางบอน รวมพื้นที่ เขตจอมทองมีจํานวน 240,526 คน และจํานวนประชากรในเขตพื้นที่ติดกัน(เขตบางแค, เขตภาษีเจริญ และเขตบางขุน เทียน) อีกประมาณ 499,154 คน รายได้ประชากรในพื้นที่ เฉลี่ย 40,200 บาทต่อเดือนต่อครัวเรือน ส่งผลต่อความสามารถในการซื้อที่อยู่อาศัย คือ ระดับราคาไม่เกิน 3-4 ล้านบาท กลุ่มผู้ซื้อ มีทั้งที่ซื้อเพื่ออยู่อาศัย เอง และ การลงทุน
สำหรับโครงการคอนโดมิเนียมพร้อมอยู่ในย่านธนบุรี จาก LPN ประกอบไปด้วย 2 โครงการที่น่าสนใจ ไม่ว่าจะซื้อเพื่ออยู่อาศัยเองหรือซื้อเพื่อการลงทุน ได้แก่

โครงการ ลุมพินี คอนโดทาวน์ เอกชัย 48 (Lumpini Condotown Ekachai 48) เป็นโครงการคอนโดมิเนียมใหม่ Low Rise สูง 8 ชั้น จำนวน 8 อาคาร ตั้งอยู่บนพื้นที่ขนาดประมาณ 20 ไร่ ห้องชุดพักอาศัยทั้งสิ้นจำนวน 1,784 ยูนิต มูลค่าโครงการรวม 2,200 ล้านบาท มีรูปแบบห้องพักให้เลือก 2 แบบ ได้แก่ Studio และ 1 Bedroom ขนาดเริ่มต้นที่ 29.50-34.50 ตร.ม. ตกแต่งแบบ Fully Fitted ได้สุขภัณฑ์ภายในห้องน้ำ และเคาน์เตอร์ครัวพร้อมใช้งาน ราคาเริ่มต้น 1.19 ล้านบาท ด้วยคอนเซ็ปท์ที่ต้องการเพิ่มพื้นที่สีเขียวกว่า 7,000 ตร.ม.ที่ให้ความรู้สึกถึงการโอบล้อมด้วยธรรมชาติพร้อมให้ผู้อยู่อาศัยได้พักผ่อนและผ่อนคลายได้ทุกช่วงเวลา พรั่งพร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกมาตรฐานภายในโครงการที่มีให้อย่างครบครัน ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์การใช้ชีวิตของผู้อยู่อาศัยในปัจจุบัน เช่น สระว่ายน้ำ, ห้องฟิตเนส, ห้องโยคะ, ห้องอเนกประสงค์, ลานพักผ่อน, สนามเด็กเล่น, ร้านค้าหน้าโครงการ จำนวน 5 ยูนิต, ที่จอดรถ 640 คัน พร้อมระบบรักษาความปลอดภัย เข้า-ออกโครงการและอาคารผ่านระบบ Key Card Access, กล้องวงจรปิดรอบโครงการ และเจ้าหน้าที่ดูแลรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชม. เดินทางได้หลากหลายเส้นทางเนื่องจากโครงการอยู่ติดถนนเอกชัย แขวงบางบอน เขตบางบอน กทม. เชื่อมต่อถนนกัลปพฤกษ์, ถนนวุฒากาศ, ถนนพระราม 2, ถนนราชพฤกษ์ และ ถนนกาญจนาภิเษก ใกล้รถไฟฟ้า BTS วุฒากาศ และ รถไฟฟ้า MRT บางแค รายล้อมด้วยห้างสรรพสินค้า Big C บางบอน, Makro บางบอน, Home Pro กัลปพฤกษ์ และ Central พระราม 2 และตลาดขนาดใหญ่ อาทิ ตลาดปิ่นทอง, ตลาดบางบอน, รวมไปถึงสถานศึกษา และโรงพยาบาล เช่น รร.มัธยมวัดสิงห์, รร.ธนบุรีศึกษา และ รร.เลิศหล้า กาญจนาภิเษก, รพ.บางปะกอก 8, รพ.บางปะกอก 9 อินเตอร์เนชั่นแนล และ รพ.สมเด็จพระปิ่นเกล้า เป็นต้น พิเศษ! วันนี้ – 30 มิ.ย.67 รับโปรโมชันสุดคุ้มค่าคุ้มราคา กับห้องขนาดใหญ่ ครัวปิด 30 ตร.ม. ในราคา 1.19 ล้านบาท* หิ้วกระเป๋าเข้าอยู่ได้เลยฟรี! เฟอร์นิเจอร์ พร้อมผ้าม่าน* ฟรี! เครื่องปรับอากาศ* (*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด)

และโครงการ ลุมพินี ซีเล็คเต็ด จรัญ 65 - สิรินธร สเตชั่น (Lumpini Selected Charan 65 – Sirindhorn Station) เป็นโครงการคอนโดมิเนียม Low Rise 8 ชั้น จำนวน 3 อาคาร ขนาดพื้นที่ประมาณ 5-2-47.5 ไร่ ตั้งอยู่ใน ซ.จรัญสนิทวงศ์ 65 มาพร้อมกับแนวคิดใหม่ที่เชื่อมต่อวิถีชีวิตชาวเมืองและธรรมชาติเข้าด้วยกันไปได้อย่างลงตัว เดินทางสะดวกใกล้รถไฟฟ้าMRT สายสีน้ำเงิน สถานีสิรินธรเพียง 150 เมตร จำนวนห้องพักอาศัยรวม 514 ยูนิต มูลค่าโครงการรวม 1,100 ล้านบาท มีห้องพักอาศัยให้เลือกทั้งแบบ Studio ขนาด 23 ตร.ม., 1 Bedroom ขนาด 28-28.50 ตร.ม. และ1 Bedroom ขนาด 32 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 1.75 ล้านบาท ภายในโครงการมีสิ่งอำนวยความสะดวกตอบโจทย์ความต้องการของผู้อยู่อาศัยอย่างครบครัน อาทิ ฟิตเนส ห้องอเนกประสงค์ เครื่องซักผ้าแบบหยอดเหรียญ สระว่ายน้ำ สวนส่วนกลาง มีระบบรักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมง รายล้อมด้วยสถานที่สำคัญและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ เช่น ท่าเรือ,สะพานกรุงธน, ตั้งฮั่วเส็ง ธนบุรี, Tesco Lotus จรัญสนิทวงศ์, พาต้า ปิ่นเกล้า, Tesco Lotus ปิ่นเกล้า, เซ็นทรัล พลาซ่า ปิ่นเกล้า, เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ ปิ่นเกล้า, รพ.ศิริราช, รพ.ธนบุรี, โรงเรียนเซนต์คาเบรียล, ม.ธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์, และ ม.ศิลปากร วังท่าพระ เป็นต้น พบกับโปรโมชั่นราคาพิเศษ! เริ่ม 1.75 ล้าน* พร้อมหิ้วกระเป๋าเข้าอยู่ได้เลย ฟรี! เฟอร์นิเจอร์ พร้อมผ้าม่าน* ฟรี! เครื่องใช้ไฟฟ้า* ฟรี! ค่าใช้จ่ายวันโอน* (*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด) ตั้งแต่วันนี้ – 30 มิ.ย.67
สำหรับผู้ที่สนใจสามารถเยี่ยมชมโครงการคอนโดพร้อมอยู่คุณภาพที่มาพร้อมกับงานบริการหลังการขายแบบครบวงจร ลุมพินี คอนโดทาวน์ เอกชัย 48 และ ลุมพินี ซีเล็คเต็ด จรัญ 65 - สิรินธร สเตชั่น ได้แล้ววันนี้ ณ สำนักงานขายโครงการ ตั้งแต่เวลา 10.00 – 18.00 น. รายละเอียดเพิ่มเติมโทร LPN Call Center 02-689-6888 ช่องทางออนไลน์ www.lpn.co.th / Facebook: LPN Connect / LINE OA :@lpndev
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ก้าวสู่ปีที่ 50 ของการดำเนินงาน กำหนดแนวคิด Make it “Work” for Every Future - ร่วมสร้างอนาคต เพื่อโอกาสของทุกคน มุ่งเน้นเดินหน้าสู่เป้าหมายอนาคต ในการยกระดับสู่ตลาดหลักทรัพย์ภูมิภาค โดยขยายโอกาสระดมทุนสนับสนุนธุรกิจทุกขนาดจากทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงธุรกิจครอบครัวขนาดใหญ่ บริษัทต่างชาติที่ดำเนินธุรกิจในไทย SMEs Startups โดยเน้นสร้างศักยภาพในอุตสาหกรรมใหม่ ๆ (New Economy) ต่อยอดจากจุดแข็งเดิมของประเทศ พร้อมพัฒนาตลาดทุนแบบดิจิทัลเข้ามาเสริมตลาดทุนดั้งเดิมที่มีความเข้มแข็งในปัจจุบัน นอกจากนี้ จะเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการทำงานและการกำกับดูแล และสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้วยเทคโนโลยี AI ขับเคลื่อนความยั่งยืนทุกมิติ นำไปสู่การขับเคลื่อนประเทศอย่างแข็งแกร่ง พร้อมสร้างสมดุลสิ่งแวดล้อมและอนาคตของสังคมไทยอย่างยั่งยืน
นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ เริ่มเปิดให้มีการซื้อขายครั้งแรกในปี พ.ศ. 2518 และก้าวสู่ปีที่ 50 ของการดำเนินงานในปีนี้ โดยตลาดหลักทรัพย์ฯ มุ่งพัฒนาตลาดทุนไทยให้เป็นตลาดทุนแห่งอนาคตที่สนับสนุนผู้เกี่ยวข้องทุกกลุ่ม โดยกำหนดแนวคิดสำหรับการก้าวสู่ปีที่ 50 ว่า Make it “Work” for Every Future - ร่วมสร้างอนาคต เพื่อโอกาสของทุกคน ทั้งการสร้างสรรค์สินค้าและบริการที่ตอบโจทย์เป้าหมายอนาคตของผู้ออมและผู้ลงทุน เป็นกลไกให้ภาคธุรกิจเข้าถึงโอกาสการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว นำไปสู่การขับเคลื่อนประเทศอย่างแข็งแกร่ง พร้อมสร้างสมดุลสิ่งแวดล้อม และอนาคตของสังคมไทยอย่างยั่งยืน

“มองไปในอนาคต ตลาดทุนจะยังพบความเปลี่ยนแปลงต่อเนื่องทั้งจากปัจจัยภายในและนอกประเทศ ความต้องการของภาคธุรกิจและผู้ลงทุนที่เปลี่ยนแปลงไป การแข่งขันที่เข้มข้น ตลอดจนเทคโนโลยีที่ปรับเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว ตลาดหลักทรัพย์ฯ เดินหน้าสร้างอนาคต เพื่อโอกาสของทุกคน โดยมองบทบาทที่จะเปลี่ยนไปและมุ่งสู่เป้าหมายอนาคต ใน 5 ด้าน 1) ยกระดับสู่ตลาดหลักทรัพย์ภูมิภาค ทั้งในด้านการเป็นแหล่งระดมทุนของบริษัทในประเทศและต่างประเทศ รวมทั้งการเพิ่มเติมทางเลือกการลงทุนต่างประเทศผ่านกลไกตลาดทุนไทย 2) ขยายโอกาสการระดมทุน ให้บริษัททุกขนาดในภูมิภาค โดยมุ่งเน้นกลุ่มเป้าหมายทั้งบริษัทขนาดใหญ่ รวมถึงธุรกิจครอบครัวขนาดใหญ่ (Mega Family Business) บริษัทต่างชาติที่มีการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย บริษัทในกลุ่มอุตสาหกรรมใหม่ (New Economy) และ SMEs Startups พร้อมส่งเสริมการพัฒนา Data Platform สำหรับบริษัทจดทะเบียน เพื่อสร้างฐานข้อมูลที่มีคุณภาพ (Data Pools) นำมาต่อยอดเป็นข้อมูลเชิงวิเคราะห์ (Data Analytics) อาทิ Industry Highlights สำหรับเผยแพร่ให้ประชาชนทั่วไปผ่านช่องทางของตลาดหลักทรัพย์ฯ และพันธมิตร 3) พัฒนาตลาดทุนแบบดิจิทัลเข้ามาเสริมตลาดทุนดั้งเดิมที่มีความเข้มแข็งในปัจจุบัน เพื่อเป็นทางเลือกให้กับผู้ระดมทุนและผู้ลงทุนยุคใหม่ 4) เพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการทำงานและการกำกับดูแล และพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานตลาดทุนที่แข็งแกร่ง โดยพิจารณาในการนำเทคโนโลยี AI และ Generative AI เข้ามาช่วยพัฒนางานในหลายด้านเพิ่มขึ้น เช่น ระบบกำกับดูแลการซื้อขายและบริษัทจดทะเบียน ระบบช่วยนักวิเคราะห์ในการจัดทำบทวิเคราะห์หลักทรัพย์โดยเฉพาะขนาดกลางและขนาดเล็ก ระบบแปลเนื้อหาข้อมูลบริษัทจดทะเบียน หรือความรู้ด้านการลงทุนสำหรับผู้ลงทุนต่างชาติ รวมทั้งแนะนำบริการด้านต่าง ๆ ตามโจทย์พฤติกรรมผู้ลงทุน (Personalization) เป็นต้น และ 5) ขับเคลื่อนความยั่งยืน (Sustainability) ในทุกมิติ โดยมุ่งเน้นการเตรียมบริษัทจดทะเบียน ผู้ลงทุน และบุคลากรตลาดทุน ให้พร้อมรองรับความท้าทายและโอกาสจากประเด็นความยั่งยืน และพัฒนาการของกฎเกณฑ์กำกับใหม่ ๆ อาทิ วิกฤตสภาพภูมิอากาศ (Climate Crisis) ความหลากหลายทางชีวภาพ (Biodiversity) และสิทธิมนุษยชน (Human Rights)” นายภากรกล่าว

ตลอด 5 ทศวรรษ ตลาดหลักทรัพย์ฯ พัฒนาธุรกิจและตลาดทุนต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน โดยเป็นแพลตฟอร์มเพื่อการระดมทุนสำหรับธุรกิจทุกขนาดทั้งในภาวะปกติและวิกฤต ปัจจุบันมีบริษัทจดทะเบียนกว่า 850 บริษัท มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวมกว่า 17.4 ล้านล้านบาท จำนวนผู้ลงทุนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องล่าสุดที่กว่า 5.8 ล้านบัญชี และพัฒนาสินค้าบริการเพื่อตอบโจทย์ผู้ลงทุนทุกกลุ่ม รวมทั้งผลิตภัณฑ์ที่เชื่อมโยงต่างประเทศในหลากหลายรูปแบบ อาทิ DR DRx ETF DW ตลาดหลักทรัพย์ฯ ยังมีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับการขยายตัวของตลาด และสนับสนุนการทำงานของอุตสาหกรรมตลาดทุน ซึ่งรวมถึงการมีแพลตฟอร์มสินทรัพย์ดิจิทัล ควบคู่การนำ ESG เป็นหลักในการดำเนินธุรกิจ และขับเคลื่อนตลาดทุนในมิติต่างๆ การให้ความรู้การเงินการลงทุน ดูแลสิ่งแวดล้อม และส่งเสริมภาคสังคมให้เติบโตไปพร้อมกัน โดยปัจจุบัน บริษัทจดทะเบียนไทยเป็นผู้นำด้านความยั่งยืนระดับสากล
ทั้งนี้ ระหว่างปี 2567-2568 ภายใต้วาระตลาดหลักทรัพย์ฯ ก้าวสู่ปีที่ 50 จะมีการจัดกิจกรรมถ่ายทอดพัฒนาการตลาดหลักทรัพย์ฯ อาทิ นิทรรศการ 50 ปี ตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่ห้องสมุดมารวย หนังสือ 50 ปี “5 Decades of SET” และจัดทำซีรีส์สื่อสารผ่านช่องทางต่าง ๆ รวมทั้งส่งเสริม ESG ทั้งด้านการขับเคลื่อนภาคเอกชนสู่การบริหารจัดการสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน ด้านสังคมที่มีการดูแลกลุ่มเปราะบาง โดยสนับสนุนรถพยาบาลแก่โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช เด็กและเยาวชนด้วย Financial Literacy และส่งเสริมสุขภาวะประชาชนผ่านกีฬาเทเบิลเทนนิส และด้านการส่งเสริม CG ภาคธุรกิจ การประกวดงานวิจัยด้าน ESG ที่จะมีขึ้นในปีนี้ รวมทั้งการจัดทำหนังสือเกี่ยวกับกฎหมายหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
งานมหกรรม IAAPA Expo Asia 2024 จัดพิธีเปิดอย่างเป็นทางการแล้ววันนี้ที่ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ กรุงเทพฯ นับเป็นการกลับมาอย่างยิ่งใหญ่ของสมาคมผู้ประกอบการด้านสวนสนุกและสถานที่ท่องเที่ยว หรือ IAAPA (The International Association of Amusement Parks and Attractions) ในรอบ 17 ปี งานมหกรรมในปีนี้ จัดขึ้นภายใต้แนวคิด ‘กำหนดทิศทางการพัฒนาของคุณที่ IAAPA Expo Asia พร้อมต่อยอดธุรกิจของคุณให้เป็นผู้นำตลาด’ โดยมีผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมจำนวนมากจากทั่วโลก ขนทัพสุดยอดนวัตกรรมมาจัดแสดง พร้อมแลกเปลี่ยนความคิดเห็น และสำรวจโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ ภายในภาคอุตสาหกรรมสถานที่ท่องเที่ยวและสวนสนุก
งานมหกรรม IAAPA Expo Asia 2024 ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 27-30 พฤษภาคม 2567 นี้ ณ Exhibition Hall 1-3 ชั้น G ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ พร้อมต้อนรับผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมและผู้สนใจจากทั่วโลกเข้าสู่งานแสดงสุดยอดเทคโนโลยีที่ครอบคลุมพื้นที่กว่า 7,800 ตารางเมตร อัดแน่นด้วยนวัตกรรมสุดล้ำจากผู้จัดแสดงกว่า 350 ราย ซึ่งล้วนเป็นผู้ผลิตและผู้จัดหาโซลูชันชั้นนำของโลก พบกับเทคโนโลยีล้ำยุค เครื่องเล่นล้ำสมัย และประสบการณ์รูปแบบใหม่ที่จะเข้ามาปฏิรูปอุตสาหกรรม งานมหกรรม IAAPA Expo Asia 2024 ยังมอบโอกาสสำคัญในการขยายเครือข่ายทางธุรกิจ ให้ผู้ประกอบการในไทยได้ทำความรู้จักกับผู้เล่นรายใหญ่ระดับโลก พร้อมโอกาสในการเข้าหาลูกค้ากลุ่มเป้าหมายใหม่ ๆ และปลดล็อคศักยภาพทางธุรกิจ เมื่อผู้เล่นรายใหญ่จากทั่วโลกต่างมารวมตัวกันในงานมหกรรมประจำปีนี้ จึงเป็นโอกาสอันดีในการสร้างความสัมพันธ์ที่จะนำไปสู่การขยายความร่วมมือทางธุรกิจและโอกาสของการเติบโตอย่างไร้ขีดจำกัด

นายวุฒิชัย เหลืองอมรเลิศ ประธานสมาคมผู้ประกอบการด้านสวนสนุกและสถานที่ท่องเที่ยว (IAAPA) กล่าวว่า “นวัตกรรมคือหัวใจสำคัญของงานมหกรรม IAAPA Expo Asia 2024 ไม่ว่าจะเป็นเครื่องเล่นนวัตกรรมใหม่ แนวคิดความบันเทิงที่ล้ำสมัย ไปจนถึงเทคโนโลยีล่าสุดในการยกระดับประสบการณ์ให้กับลูกค้า งานนี้คือที่ที่อุตสาหกรรมมาบรรจบกันเพื่อกำหนดทิศทางของอนาคต เรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้นำงาน IAAPA Expo Asia มาสู่เมืองที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวาและวัฒนธรรมล้ำค่าอย่างกรุงเทพฯ พร้อมทั้งได้รวบรวมสิ่งที่ดีที่สุดในอุตสาหกรรมของเรามาไว้ในที่เดียว เพื่อให้ทุกคนได้สำรวจนวัตกรรม อัพเดทความรู้ และสร้างเครือข่ายความร่วมมือที่จะช่วยขยายธุรกิจและการบริการของเรา”
งานมหกรรม IAAPA Expo Asia 2024 จัดพิธีเปิดอย่างยิ่งใหญ่ พร้อมปลุกกระแสและสร้างบรรยากาศของความตื่นเต้นให้กับวันต่อไป ๆ โดยมีผู้บริหารระดับสูงของสมาคม IAAPA อาทิ นายวุฒิชัย เหลืองอมรเลิศ ประธานสมาคม และ มร. เจคอบ วาฮ์ล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและประธานกรรมการสมาคม เข้าร่วม และยังได้รับเกียรติจากนายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) สำนักนายกรัฐมนตรี ร่วมในพิธีเปิดงาน
“งานมหกรรม IAAPA Expo Asia 2024 เป็นโอกาสอันดีที่ผู้นำในอุตสาหกรรมสถานที่ท่องเที่ยวจะได้ทำความรู้จัก สานความร่วมมือ สำรวจเทรนด์และเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดของอุตสาหกรรม เมื่อพวกเราทุกคนมารวมตัวกันที่นี่แล้ว เราหวังที่จะได้นำเสนอความคิดสร้างสรรค์และความพร้อมในการปรับตัวของอุตสาหกรรมของเราให้ทุกคนได้สัมผัส พร้อมๆ กับการกำหนดเส้นทางเพื่อไปสู่อนาคตที่สดใส บรรยากาศเต็มไปด้วยความตื่นเต้น และเรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ผลักดันให้อุตสาหกรรมสถานที่ท่องเที่ยวได้กลับมารวมตัวกันอีกครั้งในสถานที่ที่มีแรงบันดาลใจเป็นตัวกำหนดอนาคตของความบันเทิง” นายวุฒิชัยกล่าว
งานมหกรรม IAAPA Expo Asia 2024 เต็มไปด้วยศักยภาพที่จะสร้างประโยชน์ร่วมกันให้กับอุตสาหกรรมทั้งในประเทศและระดับนานาชาติ โดยผ่านทางการจุดประกายความคิดสร้างสรรค์ และการสร้างความร่วมมือระยะยาวที่จะช่วยขับเคลื่อนอุตสาหกรรมให้เติบโตและก้าวหน้า การกลับมาจัดงานที่ประเทศไทยในครั้งนี้ไม่เพียงสะท้อนถึงความสนใจในศักยภาพการเติบโตของประเทศ แต่ยังมีส่วนเสริมสร้างการเติบโตให้กับภาคส่วนต่าง ๆ รวมไปถึงภาคการท่องเที่ยวและการบริการ ซึ่งเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมหลักของประเทศไทย และด้วยเครือข่ายที่กว้างขวางและพันธมิตรที่ครอบคลุมทั่วโลกของ IAAPA จะช่วยดึงดูดให้ประเทศไทยได้รับความสนใจมากยิ่งขึ้นในฐานะปลายทางด้านการท่องเที่ยวของภูมิภาคที่สามารถเทียบเคียงได้กับประเทศอย่างญี่ปุ่น สิงคโปร์ และจีน ไม่ใช่เฉพาะแค่สถานที่ท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงแหล่งท่องเที่ยวประเภทสวนสนุกและความบันเทิงอีกด้วย

ไฮไลท์สำคัญภายในงานมหกรรม IAAPA Expo Asia 2024 มีดังนี้

ร่วมสำรวจอนาคตของอุตสาหกรรมสถานที่ท่องเที่ยวในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ที่อาจเป็นตัวกำหนดอนาคตให้กับธุรกิจของคุณไปด้วยกัน ตั้งแต่วันที่ 27 ถึง 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2567 ณ Exhibition Hall 1-3 ชั้น G ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ กรุงเทพฯ อ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับไฮไลท์ทั้งหมดของงานได้ที่เว็บไซต์ของเรา และ Facebook: IAAPA APAC
บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ได้รับรางวัลองค์กรคุณธรรมต้นแบบจากศูนย์คุณธรรม (องค์การมหาชน) โดยเป็นองค์กรเอกชนแห่งแรก และเป็นบริษัทประกันภัยแห่งแรกที่ได้รับการยกย่องจากการสร้างแรงกระเพื่อมแห่งความดีต่อสาธารณะ ตั้งแต่ปี 2561 ด้วยโครงการ "ทิพยสืบสาน รักษา ต่อยอด นวัตกรรมศาสตร์พระราชา" ซึ่งดำเนินโครงการมากว่า 40 ครั้ง และมีผู้เข้าร่วมกิจกรรมกว่า 5,000 คน

พิธีมอบรางวัล Moral Awards 2022 และเกียรติบัตร ได้รับเกียรติจาก คุณหญิงปัทมา ลีสวัสดิ์ตระกูล ประธานกรรมการศูนย์คุณธรรม และ รศ.นพ.สุริยเดว ทรีปาตี ผู้อำนวยการศูนย์คุณธรรม เป็นผู้มอบรางวัลให้แก่บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ซึ่งมี ดร.สมพร สืบถวิลกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทิพย กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทิพยประกันภัยจำกัด (มหาชน) เป็นผู้รับมอบ ทั้งนี้ยังได้รับเกียรติจาก นายสมใจนึก เองตระกูล ประธานกรรมการ พร้อมด้วยคณะกรรมการฯ ดร.ดนัย จันทร์เจ้าฉาย ประธานมูลนิธิธรรมดี นางวิชชุดา ไตรธรรม ที่ปรึกษากรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารและพนักงาน บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ร่วมในพิธี ณ อาคารทิพยประกันภัย สำนักงานใหญ่ พระราม 3

รางวัล Moral Awards 2022 เป็นรางวัลที่ยกย่ององค์กรที่เป็นแบบอย่างด้านคุณธรรม และมีการขับเคลื่อนคุณธรรมอย่างต่อเนื่อง โดยศูนย์คุณธรรมได้ให้การสนับสนุนโครงการตามรอยพระราชา ซึ่งเป็นโครงการน้อมนำพระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร มาประยุกต์ใช้ในชีวิตจริง ทั้งในด้านการศึกษาดูงาน การลงมือทำกิจกรรมเสริมทักษะเรียนรู้ และการต่อยอด พร้อมสร้างความเข้าใจและเข้าถึงคุณธรรม พอเพียง วินัย สุจริต จิตอาสา และกตัญญู
ทิพยประกันภัยยังคงมุ่งมั่นดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน ใส่ใจสังคมและรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม โดยดำเนินธุรกิจอย่างมีธรรมาภิบาล และร่วมสานต่อหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงอย่างเป็นรูปธรรมและต่อเนื่อง พร้อมยกระดับการดำเนินงานภายใต้กรอบ ESG ในทุกมิติ
เครือเฮอริเทจ ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ เข้าร่วมงาน THAIFEX – ANUGA ASIA 2024 งานแสดงสินค้าอาหารและเครื่องดื่มที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ซึ่งคอนเซ็ปต์ของปีนี้คือ “Beyond Food Experience” หรือ การนำเสนอประสบการณ์ที่มากกว่าเพียงรสชาติ สอดคล้องกับผลิตภัณฑ์ในเครือที่ได้รับการยอมรับในมาตรฐานการผลิตระดับโลก พร้อมด้วยปณิธานของเครือที่มุ่งนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ไม่เพียงแต่มีรสชาติดี แต่ยังถึงพร้อมด้วยการสร้างสุขภาพที่เป็นเลิศให้แก่ผู้บริโภคทุกวัย
ภายในบูธเครือเฮอริเทจปีนี้ พร้อมจัดแสดงแบรนด์ชั้นนำ อาทิ “เฮอริเทจ” ผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ, “บลูไดมอนด์” ผลิตภัณฑ์อัลมอนด์และนมอัลมอนด์จากแคลิฟอร์เนีย, “ซันคิสท์” ผลิตภัณฑ์ถั่วพิสทาชิโอ ถั่วพรีเมียมคุณภาพหลากหลายชนิด และเครื่องดื่มน้ำนมพิสทาชิโอ, “นัท วอล์คเกอร์” ขนมขบเคี้ยวประเภทถั่วและเมล็ดพืช, “เนเจอร์ เซ็นเซชั่น” ผลิตภัณฑ์ธัญพืชและผลไม้อบแห้ง, “วันเดอร์พัฟฟ์” ข้าวโพดอบกรอบผสมถั่วพรีเมียม, “ฟรังซัว” คุ้กกี้สไตล์โฮมเมด และ “เลอรูท” อาหารคลีนพร้อมทาน
“เรามีความมุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำในการส่งมอบประสบการณ์อันมีคุณค่าที่เป็นเลิศด้วย Healthy Food เพื่อ Happy Life ของผู้บริโภค เราทำการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อสร้างนวัตกรรมทางอาหารที่มีความหลากหลายและเปี่ยมไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการ ด้วยเทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัย ได้รับการรับรองมาตรฐานระดับสากล เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคทุกกลุ่มและทุกไลฟ์สไตล์ ยกตัวอย่างงานในวันนี้ เราได้มีการนำนมอัลมอนด์ มาทำเป็นไอศกรีม plant-based soft serve เพิ่มความน่าสนใจให้กับตลาดผู้บริโภคนมทางเลือก เพื่อแสดงให้ผู้ประกอบการเห็นว่า ผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ในเครือเฮอริเทจ สามารถนำไปต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์ที่อร่อย ดีต่อสุขภาพ น่าสนใจได้หลากหลาย ขยายกลุ่มเป้าหมาย และสร้างโอกาสทางธุรกิจด้านอาหารเเละเครื่องดื่มสุขภาพได้ต่อไป” คุณวศธร พลไพศาล ผู้บริหารเครือเฮอริเทจ กล่าว
ในปีนี้เราได้รับรางวัล Thailand’s Most Admired Brand จัดขึ้นโดยนิตยสาร BrandAge โดยทำการสำรวจความคิดเห็นของผู้บริโภคชาวไทย เกี่ยวกับแบรนด์ที่พวกเขาชื่นชอบและประทับใจมากที่สุด โดย Blue Diamond Almond Breeze ได้รับรางวัลนี้ถึง 2 ปีซ้อน คือในปี 2023 จากกลุ่มนมจากธัญพืช และ ในปี 2024 จากกลุ่มนมอัลมอนด์ รางวัลนี้เป็นเครื่องยืนยันถึงความมุ่งมั่นของเรา ในการนำเสนอนมอัลมอนด์ที่มีคุณภาพ ผลิตจากอัลมอนด์นำเข้าจากแคลิฟอร์เนีย รสชาติอร่อย และดีต่อสุขภาพ ซึ่งเป็นแรงผลักดันให้เราพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง เพื่อมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดแก่ผู้บริโภคชาวไทย
ภายในงาน มีผลิตภัณฑ์ที่เป็นไฮไลท์หลายรายการ ได้แก่ บลูไดมอนด์ อัลมอนด์ บรีซ โยเกิร์ตพร้อมดื่มจากนมอัลมอนด์ เป็นผลิตภัณฑ์ที่เป็นไฮไลท์ ที่ได้เปิดตัวไปช่วง Q4 ของปี 2023 นับเป็นโยเกิร์ตพร้อมดื่มแพลนท์เบส ที่ทำจากนมอัลมอนด์ แบรนด์แรกในประเทศไทย ยังคงคุณประโยชน์ของนมอัลมอนด์ ที่มีวิตามินอีและแคลเซียมสูง นำมาผสมผสานกับน้ำผลไม้แท้ ที่ให้ทั้งวิตามินและความสดชื่น มาใน 2 รสชาติ ได้แก่ รสทรอปิคอล ฟรุต และ รสมิกซ์เบอร์รี่ เป็นการขยายทางเลือกให้กับผู้บริโภคที่หลีกเลี่ยงนมวัวด้วยสาเหตุต่าง ๆ เช่น มีภาวะย่อยแลคโตสผิดปกติ แพ้โปรตีนในนมวัว เป็นต้น
“บลูไดมอนด์ อัลมอนด์ บรีซ" เครื่องดื่มน้ำนมอัลมอนด์ ที่มียอดขายอันดับ 1 ในสหรัฐอเมริกา ทั้ง 7 สูตร ได้แก่ สูตรไม่เติมน้ำตาล, รสออริจินอล, รสวานิลลา, รสช็อกโกแลต, รสมัทฉะ, รสลาเต้ และ สูตรบาริสตา เบลนด์ ได้มีการปรับโฉม packaging ใหม่ทั้งหมด เพื่อขยายตลาดให้โดนใจสายสุขภาพที่เป็นคนรุ่นใหม่ โดยมี “คุณต้าเหนิง กัญญาวีร์” เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์คนแรกของประเทศไทย สื่อภาพลักษณ์ของการเป็นคนรุ่นใหม่ที่ดูแลตัวเอง และใส่ใจในสุขภาพ ให้เป็นตัวแทนสื่อสารในการเปลี่ยนลุคในครั้งนี้ โดยได้รับกระแสตอบรับที่ดีเป็นอย่างมาก
“วันเดอร์พัฟฟ์” เปิดตัว 2 รสชาติใหม่ ได้แก่ ข้าวโพดอบกรอบผสมมะม่วง และข้าวโพดอบกรอบผสมแครนเบอร์รี ป๊อบคอร์นแบรนด์วันเดอร์พัฟฟ์ มีความพิเศษตรงที่มีการผสมผสานถั่วพรีเมียมชนิดต่าง ๆ อาทิ แมคคาเดเมีย อัลมอนด์ เมล็ดมะม่วงหิมพานต์ เป็นต้น โดยปีนี้ เราได้เพิ่มผลไม้อบแห้ง 2 ชนิด คือ มะม่วงและแครนเบอร์รี่ เข้ามาเป็นส่วนประกอบ สร้าง texture การทานป๊อปคอร์นแบบใหม่ ๆ ซึ่งก็ได้รับการตอบรับที่ดี
เครือเฮอริเทจ ได้รับการจดทะเบียนระดับสากล และผ่านการรับรองมาตรฐานทั้ง HACCP, GHPs, BRCGS, และ ISO 22000 ซึ่งรับรองมาตรฐานด้านการจัดการความปลอดภัยของอาหาร พร้อมด้วยมาตรฐานอาหารฮาลาลและโคเชอร์ ด้วยวัตถุดิบคุณภาพจากธรรมชาติ คู่ค้า พันธมิตรทางธุรกิจและผู้บริโภคจึงสามารถมั่นใจได้อย่างเต็มเปี่ยมถึงความปลอดภัยและคุณประโยชน์ต่อสุขภาพเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีมีสุข
เครือเฮอริเทจสนับสนุนให้ผู้บริโภคทั่วโลกเข้าถึงอาหารที่มีคุณภาพ ปลอดภัย และดีต่อสุขภาพ ทุกขั้นตอนการผลิตคำนึงถึงสุขภาพของผู้บริโภคเป็นหลัก โดยงาน THAIFEX ในปีนี้ ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้เข้าชมงาน ทั้งจากนักธุรกิจและประชาชนทั่วไป ติดตามกิจกรรมและข่าวสารของเครือเฮอริเทจได้ที่ www.facebook.com/Heritagegroupth, www.instagram.com/heritagegroupth และ www.heritagethailand.com
ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) นำผู้บริหารระดับสูง EXIM BANK พบปะหารือนางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เกี่ยวกับแนวทางสนับสนุนผู้ประกอบการไทยในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ยกระดับธุรกิจการท่องเที่ยวและที่เกี่ยวเนื่องสู่ความยั่งยืน ส่งเสริมประเทศไทยเป็นศูนย์กลางเมืองท่องเที่ยว (Tourism Hub) และจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวทั่วโลก สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ Ignite Thailand ของรัฐบาลไทย ณ อาคาร ททท. เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2567
งานเขียนประเภทสารคดีเรื่อง "ผมส่งอาหารในปักกิ่ง" ได้รับการคัดเลือกให้เป็นหนังสือแห่งปี 2023 ในการประกวดหนังสือยอดนิยมครั้งหนึ่งของจีน และ หู อันเอียน ผู้เขียนหนังสือเรื่องนี้ ก็ได้รับการคัดเลือกให้เป็นนักเขียนแห่งปีด้วย ทันใดนั้น หลายคนก็หันมาสนใจผู้ประกอบอาชีพรูปแบบใหม่ ๆ เช่น คนขับรถส่งพัสดุและส่งอาหาร พวกเขาคือ "อัศวิน" ที่สัญจรไปมาตามถนนและตรอกซอกซอยของเมือง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแรงงานประกอบธุรกิจรูปแบบใหม่ 84 ล้านคนของจีน อีกทั้งเป็นผู้สร้างและผู้พิทักษ์ชีวิตที่ดีงามด้วย
ในสายตาของเหยียน เทียน รองศาสตราจารย์จากคณะนิติศาสตร์มหาวิทยาลัยปักกิ่ง อุตสาหกรรมการจัดส่งอาหารของจีนให้บริการที่สะดวกสบายแบบไม่มีใครเทียบได้ในโลก ชาวต่างชาติที่มาจีนต่างประทับใจกับชีวิตที่สะดวกสบายในจีน ที่สำคัญที่สุดประการหนึ่ง คือสามารถสั่งอาหารส่งถึงบ้านได้ทุกที่ทุกเวลา เบื้องหลังความสะดวกสบายนี้ คือ การทำงานหนักของคนขับรถส่งอาหาร และการพัฒนาวิธีการในการระดมแรงงานผ่านแพลตฟอร์มในประเทศจีน
คนขับรถส่งอาหารเป็นกลุ่มอาชีพใหม่ที่ใช้เทคโนโลยีดิจิทัล เป็นคนงานปกสีน้ำเงินในอุตสาหกรรมภาคบริการในยุคเศรษฐกิจดิจิทัล เมื่อลูกค้าสั่งซื้อผ่านแพลตฟอร์ม คำสั่งซื้อก็จะเข้าสู่ขั้นตอนการจัดส่งแบบออฟไลน์ ขั้นตอนการทำงานของคนขับรถส่งอาหารแบ่งออกเป็น 4 ขั้นตอน ได้แก่ การรับคำสั่งซื้อ การรับอาหารที่ร้าน การนำส่งอาหาร และ บรรลุงานตามคำสั่ง เทคโนโลยีดิจิทัลนำเสนอกระบวนการจัดส่งและขั้นตอนการดำเนินงานของคนขับรถส่งอาหารในแอพฯ อย่างง่ายดายและชัดเจน คนขับรถส่งอาหารสามารถคลิก "รับคำสั่งซื้อ" "รายงานไปยังร้านค้า" "ฉันรับสินค้าแล้ว" และ "ส่งถึงแล้ว" 4 ปุ่มเพื่อดูขั้นตอนของงานจัดส่งและเนื้อหางานถัดไป เมื่อคนขับรถส่งอาหารหาตำแหน่งที่ตั้งร้านค้าและลูกค้าไม่เจอ หรือไม่รู้วิธีการวางแผนเส้นทาง พวกเขาสามารถคลิกปุ่ม "ดูข้อมูลตำแหน่ง" และ "การวางแผนเส้นทาง" ในแอพฯ เพื่อได้รับความช่วยเหลือ
เทคโนโลยีดิจิทัลช่วยขจัดอุปสรรคด้านข้อมูลและเทคโนโลยีให้คนงานสามารถเข้าถึงธุรกิจการขับรถส่งอาหารได้ ลดเงื่อนไขการรับสมัคร และช่วยให้คนขับรถส่งอาหารมือใหมเริ่มงานได้อย่างรวดเร็ว และทำงานจัดส่งอาหารได้อย่างราบรื่น
ในปี 2020 "อาชีพผู้ขับขี่ส่งอาหารออนไลน์" ได้บรรจุไว้ในหมวดหมู่อาชีพแห่งชาติจีน แสดงว่า ผู้ขับขี่ส่งอาหารได้รับการยอมรับให้เป็นอาชีพใหม่ในระดับชาติ อุตสาหกรรมการจัดส่งอาหารถึงบ้านมีบทบาทสำคัญชนิดมองข้ามไม่ได้ในการพัฒนาเศรษฐกิจจีน สำหรับอุตสาหกรรมร้านอาหารแล้ว การจัดส่งอาหารถึงบ้านนับเป็นรูปแบบธุรกิจใหม่ที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลของอุตสาหกรรมร้านอาหารและเป็นแรงกระตุ้นใหม่ในการพัฒนาอุตสาหกรรมร้านอาหารสถิติจากศูนย์ข้อมูลอินเตอร์เน็ตจีนพบว่า ปี 2022 รายได้จากบริการจัดส่งอาหารถึงบ้านคิดเป็นประมาณ 25.4% ของรายได้จากอุตสาหกรรมร้านอาหารทั่วประเทศจีน ร้านอาหารจำนวนไม่น้อยก็ได้รับคำสั่งซื้อมากขึ้นผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ แบบสอบถามในปี 2020 พบว่า ผู้ค้าที่ตอบแบบสอบถามมี 83% และ 83.4% เห็นว่า การให้บริการจัดส่งอาหารถึงบ้านช่วยเพิ่มรายได้ และมี60% เห็นว่า การจัดส่งอาหารถึงบ้านเพิ่มยอดกระแสรายวันด้วย
การจัดส่งอาหารถึงบ้านมีอิทธิพลตรงต่อการหางานทำ ผู้รับผิดชอบที่เกี่ยวข้องของสำนักงานสถิติแห่งชาติจีนระบุว่า จนถึงปลายปี 2021 ผู้ขับรถส่งอาหารในตลาดการจ้างงานที่ยืดหยุ่นมีจำนวนถึง 13 ล้านคน ซึ่งเป็นเกือบ 1% ของประชากรทั้งประเทศ ข้อมูลจากเหม่ยถวน (Meituan) แพลตฟอร์มให้บริการชีวิตประจำวันที่ใหญ่ที่สุดของจีนพบว่า ปี 2022 มีผู้ขับรถส่งอาหารกว่า 6.24 ล้านคน มีรายได้จากการที่บริษัทดังกล่าว เปิดรับสมัครผู้ขับรถส่งอาหาร โดยในช่วงฤดูหนาวปี 2023 ทางบริษัทเปิดรับสมัครงานตำแหน่งผู้ขับรถส่งอาหารจำนวน 300,000 ตำแหน่ง และขยายการจ้างงานอย่างต่อเนื่อง
อาชีพผู้ขับขี่ส่งอาหารมีความเปิดกว้างและมีความเป็นธรรมด้านรายได้ โดยให้โอกาสในการหางานทำสำหรับคนกลุ่มต่าง ๆ และเป็นอาชีพที่ช่วยให้พนักงานเติบโตในระยะยาวด้วย เมื่อผู้ขับรถส่งอาหารคิดจะเปลี่ยนอาชีพอื่น ทักษะต่าง ๆ ที่ได้สั่งสมมาจากประสบการณ์งานดังกล่าว เช่น ทักษะการขับขี่ การสื่อสาร การแก้ปัญหาเร่งด่วน การควบคุมอารมณ์ และการเรียนรู้ด้วยตัวเองจะช่วยพวกเขาได้มาก ทุกวันนี้ ผู้ขับรถส่งอาหารหลายคนเปลี่ยนอาชีพเป็นพนักงานขายรถไฟฟ้า ผู้จัดการร้านอาหาร และเจ้าของเกสต์เฮาส์ พวกเขาต่างยอมรับว่า ระหว่างวิ่งจัดส่งอาหาร ทำให้พวกเขามีโอกาสสั่งสมประสบการณ์มากมาย ซึ่งมีส่วนช่วยต่อตำแหน่งงานต่อไปอย่างมาก
หลายปีมานี้ การดูแลคนงานในธุรกิจรูปแบบใหม่ของจีนเริ่มเป็นรูปธรรมมากขึ้นเรื่อย ๆ สื่อรายงานว่า การประกันคุ้มครองการบาดเจ็บจากการทำงานสำหรับพนักงานในรูปแบบการจ้างงานใหม่ ซึ่งนำร่องโดยบริษัทแพลตฟอร์มต่าง ๆ ในเมืองและมณฑล 7 แห่งของจีน รวมถึง เหม่ยถวน, ส่านซ่ง, ฮั่วลาลา, ไขว้โก่วต่าเชอ ได้ประสบความคืบหน้าในเบื้องต้น จนถึงปลายเดือนกันยายน 2023 คนงานในรูปแบบธุรกิจใหม่มี 6.68 ล้านคน ได้รับการคุ้มครอง และมี 32,000 คนได้รับค่าชดเชยรวม 490 ล้านหยวน เหยียนเทียนเห็นว่า ในการคุ้มครองสิทธิประโยชน์ของผู้ขับรถส่งอาหารนั้น จีนปฏิบัติตามหลักการถือข้อเท็จจริงและประชาชนเป็นที่ตั้ง “จีนเริ่มออกนโยบายและกฎหมายต่าง ๆ เพื่อคุ้มครองสิทธิประโยชน์ของผู้ขับรถส่งอาหารตั้งแต่ปี 2020 ถือเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายแรงงานให้สมบูรณ์ขึ้น และเป็นการมอบประสบการณ์ของจีนให้กับทั่วโลกด้วย”
เขียนโดย จางเหยียน

รูปแบบการจ้างงานใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้นได้เพิ่มความสามารถในการรองรับการจ้างงานของเศรษฐกิจจีนอย่างมาก โดยแสดงบทบาทสำคัญในฐานะ “อ่างเก็บน้ำ” และ “เครื่องรักษาเสถียรภาพ”สะท้อนให้เห็นถึงการปรับรูปร่างและการเพิ่มประสิทธิภาพของห่วงโซ่อุตสาหกรรมและห่วงโซ่อุปทานของจีนภายใต้การปฏิวัติทางเทคโนโลยี และสะท้อนให้เห็นถึงชัยชนะร่วมกันด้านการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมจีน ขณะเดียวกัน จำนวนพนักงานในธุรกิจใหม่ ๆ ที่เพิ่มขึ้นก็แสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าของเศรษฐกิจสังคมจีน และยังเป็นการแสดงให้เห็นถึงเสรีภาพ การเปิดกว้าง และประชาธิปไตยของผู้คนอีกด้วย
เศรษฐกิจแพลตฟอร์มที่พัฒนาอย่างคึกคักภายใต้เศรษฐกิจดิจิทัล กำลังปรับเปลี่ยนรูปแบบการจ้างงานแบบดั้งเดิมของจีน จำนวนคนขับรถส่งอาหาร ส่งพัสดุ และคนขับรถเรียกออนไลน์ที่เพิ่มขึ้น ตลอดจนผู้ดูแลคนป่วยเพื่อรับการรักษาพยาบาล คนทำขนมให้สัตว์เลี้ยง และคนซ่อมตุ๊กตาด้วย เป็นต้น ล้วนเป็นอาชีพใหม่ที่ปรากฏสู่สายตาสาธารณชน
รูปแบบการจ้างงานใหม่สามารถพบได้ทั้งตามถนนตรอกซอยที่พลุกพล่าน และอินเตอร์เน็ตที่เชื่อมได้ทุกทิศทุกทาง รูปแบบการจ้างงานใหม่มีข้อดีต่าง ๆ เช่น เกณฑ์รับสมัครที่ต่ำ สามารถรับคนได้จำนวนมาก และมีความยืดหยุ่นมาก และได้กลายมาเป็นภาพแห่งความขยันแข็งขัน และการต่อสู้อย่างกล้าหาญของแรงงานจีน
ผลสำรวจเกี่ยวกับกำลังแรงงานแห่งชาติจีนล่าสุดพบว่า ขณะนี้ จำนวนพนักงานทั้งหมดในประเทศจีนอยู่ที่ประมาณ 402 ล้านคน โดย 84 ล้านคน ทำงานในรูปแบบธุรกิจใหม่ คิดเป็นร้อยละ 21 ของจำนวนพนักงานทั้งหมดในจีน คนงานในรูปแบบการจ้างงานใหม่ได้กลายเป็นส่วนประกอบสำคัญของกำลังแรงงาน
รูปแบบการจ้างงานใหม่เป็นการผสมผสานระหว่างระบบการผลิตเสมือนจริงกับระบบการผลิตภาคจริง โดยอาศัยความสัมพันธ์ระหว่างคนงานกับวัสดุการผลิต ภายใต้ภูมิหลังของการพัฒนาความเป็นอัจฉริยะ ดิจิทัล และสารสนเทศ รูปแบบการจ้างงานใหม่เป็นรูปแบบที่เกิดขึ้นพร้อมกับความก้าวหน้าของเทคโนโลยีอินเตอร์เน็ตและการยกระดับการบริโภคสาธารณชน เป็นรูปแบบการจ้างงานที่มีความยืดหยุ่นสูง
การเติบโตอย่างคึกคักของรูปแบบการจ้างงานใหม่เป็นภาพที่มองเห็นได้และจับต้องได้ และเป็นภาพที่สะท้อนถึงศักยภาพการพัฒนาเศรษฐกิจจีน โอกาสที่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง และมีอนาคตที่สดใส
เขียนโดย หวังอวี๋ซินหง

ช่วงหน้าหนาวที่เพิ่งผ่านพ้นไป เป็นหน้าหนาวที่อบอุ่นสำหรับ หวัง ฝูเจา คนขับรถส่งอาหารในเซี่ยงไฮ้ เพราะเขาได้ที่พักที่น่าพอใจ
หวังฝูเจาเกิดหลังทศวรรษ 1995 ปี 2020 เขาเดินทางจากบ้านเกิดเหอเป่ยมาที่เซี่ยงไฮ้ เพื่อทำงานเป็นคนขับรถส่งอาหาร หนุ่มคนนี้ขยันมาก สามารถส่งอาหารได้กว่า 60 คำสั่งต่อวัน ผลงานของเขาจัดอยู่ในกลุ่มที่ดีที่สุดของบริษัท แต่สภาพที่พักของเขาไม่น่าพอใจเลย
เมืองใหญ่ ๆ อย่างนครเซี่ยงไฮ้ หาห้องพักได้ยาก ค่าเช่าบ้านก็แพง ก่อนหน้านี้ หวังฝูเจากับเพื่อนขับรถส่งอาหารอีกสองคน เช่าที่พักร่วมกันในห้องเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง ใช้ชีวิตลำบากมาก เพราะแม้ทั้งสามคนแบกรับค่าเช่าร่วมกัน แต่ละคนยังต้องจ่ายเกิน 1,000 หยวนอยู่ดี เมื่อพูดถึงเรื่องเหล่านี้ หวังฝูเจารู้สึกคับข้องใจมาก
ปัญหาที่หวังฝูเจาพบเจอ ไม่ได้เป็นกรณีพิเศษ ในการทำสำรวจกลุ่มคนพนักงานในธุรกิจใหม่ ๆ ของเขตผู่ถัว นครเซี่ยงไฮ้ การปรับปรุงสภาพที่พักอาศัยเป็นความปรารถนาที่เร่งด่วนที่สุดของพวกเขา
“ต้องให้ที่พักที่สะอาดสะอ้านและอบอุ่นน่าอยู่กับพวกเขา”เจ้าหน้าที่ทางการเขตผู่ถัวกล่าว
ทางการเขตผู่ถัวได้ริเริ่มโครงการ “ที่พักใหม่สำหรับผู้ขับรถส่งอาหาร” โดยระดมกำลังทางการท้องถิ่น กลุ่มสมาคม รัฐวิสาหกิจ และทรัพยากรทางสังคม และมีการวางแผนตำแหน่งที่ตั้งโครงการ และกำหนดราคาค่าเช่าบ้านอย่างละเอียด เช่น ต้องหาตำแหน่งที่ตั้งที่พักที่อยู่รอบบริเวณที่มีสถานีจัดส่งอาหารค่อนข้างเยอะ ระยะทางขับรถไม่ให้เกิน 15 นาที ค่าเช่าที่พักต่อเดือนไม่เกินคนละหลายร้อยหยวน และให้ผู้ขับรถส่งอาหารได้ที่พักดีราคาถูก
ในการทำสำรวจที่เป็นเวลาหลายเดือน เจ้าหน้าที่ทางการเขตผู่ถัวสำรวจพื้นที่ต่าง ๆ ในเขตหลายรอบ ท้ายที่สุด เลือกให้ที่พักเหอซินเป็นที่พักสำหรับผู้มีรายได้น้อย จากการตกแต่ง ที่พักอาศัยไม่เพียงแต่มีเฟอร์นิเจอร์ และเครื่องใช้ไฟฟ้าจำเป็นที่ครบสมบูรณ์ หากยังได้เตรียมแก้วน้ำ ผ้าเช็ดหน้า และผ้าปูเตียงด้วย
ภายในเขตที่พักยังได้เปิดซูเปอร์มาร์เก็ต มีอาหาร และของใช้ชีวิตประจำวันเตรียมพร้อม ได้เปิดโซนออกกำลังกาย โดยจัดโต๊ะพูล สนามบาสเกตบอล บริการจัดการที่พักตลอด 24 ชั่วโมง และยังได้จัดห้องซักผ้า และห้องฉายวิดีโอต่าง ๆ เพื่อให้ผู้ขับรถส่งอาหารได้ใช้ชีวิตอย่างสบาย พักผ่อนให้ดี และออกกำลังกายได้อย่างสะดวก
หวังฝูเจา ถือว่าโชคดีที่เป็นพนักงานขับรถส่งอาหารกลุ่มแรกที่มีสิทธิ์คัดเลือกที่พัก พวกเขาทำการจับฉลากเพื่อเลือกห้องพักที่ตนชื่นชอบ
ในอนาคต ยังจะมีการจัดที่พักประเภทนี้ให้กับคนงานในธุรกิจใหม่ต่าง ๆ ด้วย เช่น โชเฟอร์รถเรียกออนไลน์ และพนักงานขายของออนไลน์ ปี 2024 เขตผู่ถัว ยังจะสร้าง “ที่พักสำหรับผู้สร้างสรรค์ในยุคสมัยใหม่” ตามโซนพาณิชย์ และอุตสาหกรรมต่าง ๆ เพื่อจัดเตียงกว่า 1,000 เตียง ให้กับกลุ่มพนักงานในธุรกิจใหม่ทั้งหลาย
เขียนโดย เหยียนเหวยฉี หวงจินเลี่ยง และ หวังอวี๋ซินหง