December 20, 2025

สุดยอดการประชุมสัมมนาด้าน ESG โดยผู้เชี่ยวชาญระดับโลก สร้างอนาคตพาธุรกิจเปลี่ยนผ่านสู่ความยั่งยืน

การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) กระทรวงคมนาคม ได้ว่าจ้าง การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ดำเนินการปรับปรุงและเพิ่มประสิทธิภาพระบบแสงสว่าง บริเวณ Canopy ด่านเก็บค่าผ่านทางฯ ทางพิเศษบูรพาวิถี และทางพิเศษกาญจนาภิเษก (บางพลี - สุขสวัสดิ์)

โดย กฟภ. มีกำหนดเข้าปรับปรุงโคมไฟ Canopy บริเวณด่านเก็บค่าผ่านทางพิเศษปากน้ำ 3 (ทางออก 3) ในวันที่ 29 พฤษภาคม 2567 ระหว่างเวลา 22.00  - 04.00 น. กทพ. จึงมีความจำเป็นต้องปิดทางลงบริเวณด่านฯ ดังกล่าว

ทั้งนี้ ผู้ใช้ทางพิเศษที่จะใช้ทางลงบริเวณด่านเก็บเงินค่าผ่านทางพิเศษปากน้ำ 3 (ทางออก 3) ให้เบี่ยงไปใช้ทางลงบริเวณด่านเก็บเงินค่าผ่านทางพิเศษปากน้ำ 2 (ทางออก 2) แทนเป็นการชั่วคราว

กทพ. ต้องขออภัยในความไม่สะดวกมา ณ โอกาสนี้

ทรูมันนี่ ผู้นำด้านการให้บริการทางการเงินแบบดิจิทัลชั้นนำในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จับมือร่วมเป็นหนึ่งในพันธมิตรกับ Gogolook ผู้นำด้านเทคโนโลยีเพื่อความเชื่อมั่น (TrustTech) ผู้พัฒนาแอปพลิเคชัน Whoscall แอปพลิเคชันระบุตัวตนสายเรียกเข้าที่ไม่รู้จักและป้องกันสแปม สำหรับสมาร์ทโฟน ในแคมเปญ “จับมือเพื่อนรัก ตัดสายมิจร้าย (Save Friends From Fraud)” เพื่อสร้างการรับรู้และภูมิคุ้มกันป้องกันคนไทยถูกหลอกลวงจากมิจฉาชีพผ่านเทคโนโลยีเกราะป้องกันภัยผู้ใช้มือถือ โดยมอบโค้ด Whoscall พรีเมียม เบสิก จำนวน 1,000,000 โค้ด ให้ผู้ใช้ทรูมันนี่ทดลองฟรี 6 เดือน ตั้งแต่วันที่ 20 พฤษภาคม 2567 – 19 กรกฎาคม 2567

นายอธิปัตย์ พลอยพรายแก้ว ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารความเสี่ยงและตรวจสอบทุจริต บริษัท ทรูมันนี่ จำกัด กล่าวว่า “ทรูมันนี่ ถือเป็นหนึ่งในผู้ให้บริการทางการเงินดิจิทัลรายแรก ๆ ที่มุ่งมั่นในการพัฒนาระบบเทคโนโลยีเพื่อปกป้องและป้องกันบัญชีผู้ใช้งานโดยนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์มาใช้ อาทิ ระบบป้องกันการดูดเงิน 3 ชั้น TrueMoney 3X Protection ซึ่งเป็นระบบความปลอดภัยแอปมือถือที่ใช้ปัญญาประดิษฐ์ ตรวจ-จับ-หยุด ธุรกรรมแปลกปลอมและป้องกันมิจฉาชีพเข้าถึงบัญชีได้แบบเรียลไทม์ โดยการจับมือเป็นพันธมิตรของ Whoscall ในครั้งนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นอันไม่หยุดยั้งของ ทรูมันนี่ ในการช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันความปลอดภัยให้ผู้ใช้งานมือถือของไทยแบบครบวงจร รวมถึงการเข้าถึงฟีเจอร์ความปลอดภัยของการใช้อุปกรณ์มือถือที่เป็นประโยชน์ อาทิ การระบุตัวตนสายเรียกเข้าที่ไม่รู้จัก ตรวจจับและป้องกัน SMS และ URL Link อันตรายผ่าน Whoscall”

นายแมนวู จู ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท Gogolook ผู้ให้บริการแอปพลิเคชัน Whoscall กล่าวว่า “ในฐานะผู้นำแพลตฟอร์มด้านการป้องกันและต่อต้านการหลอกลวงในรูปแบบดิจิทัล เรารู้สึกเป็นเกียรติที่ได้เปิดตัวแคมเปญ “จับมือเพื่อนรัก ตัดสายมิจร้าย (SAVE FRIENDS FROM FRAUD)” เนื่องด้วยการหลอกลวงทางโทรศัพท์ที่เพิ่มจำนวนมากขึ้น ทาง Whoscall จึงมีความตั้งใจและมุ่งมั่นอย่างแน่วแน่ในการต่อสู้กับกลโกงและการหลอกลวงจากมิจฉาชีพ การได้รับความสนับสนุนจากพันธมิตรที่ดีอย่าง ทรูมันนี่ มาร่วมในแคมเปญถือเป็นการสร้างเสริมความแข็งแกร่งในการป้องกันคนไทยให้พ้นจากการถูกหลอกลวงทางดิจิทัล และจะช่วยยกระดับความมั่นใจและความปลอดภัยให้แก่ลูกค้าของ ทรูมันนี่ ได้เป็นอย่างดี โดยการนำเสนอบริการ Whoscall จะช่วยให้การสื่อสารของลูกค้าทรูมันนี่ปลอดภัยด้วยฟีเจอร์หลัก ระบุเบอร์โทรไม่รู้จักและสแกนความเสี่ยงลิงก์ และยังเพิ่มความสะดวกสบายด้วยฟีเจอร์เพิ่มเติมจาก Whoscall พรีเมียม เบสิก ได้แก่ 1. บล็อกสายสแปมอัตโนมัติ 2. อัปเดตฐานข้อมูลเบอร์โทรศัพท์อัตโนมัติ และ 3. ผู้ช่วย SMS อัจฉริยะ”

เพื่อตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นที่ ทรูมันนี่ ห่วงใย ใส่ใจและให้ความสำคัญความปลอดภัยของผู้ใช้ ทรูมันนี่ จึงมอบสิทธิ์พิเศษ แจกโค้ด Whoscall พรีเมียม เบสิก  ให้กับผู้ใช้ทรูมันนี่ จำนวน 1,000,000 โค้ด (จำกัด 1 สิทธิต่อ 1 บัญชีผู้ใช้งาน) โดยสามารถกดรับโค้ด Whoscall พรีเมียม เบสิก ใช้ฟรี 6 เดือน ได้ง่าย ๆ เพียงดาวน์โหลดแอปพลิเคชันทรูมันนี่ จากนั้น กดแบนเนอร์ Whoscall x TrueMoney บนหน้าแอปพลิเคชัน แล้ว “รับโค้ด Whoscall พรีเมียม เบสิก ” โดยนำโค้ดที่ได้ไป กรอก Redeem ในเว็บไซต์ https://redeem.whoscall.com/ เพื่อเริ่มต้นการใช้งาน การใช้งานจะเริ่มต้นทันทีเมื่อกรอกโค้ดบนเว็บไซต์ ซึ่งใช้งานได้เป็นระยะเวลาสูงสุดถึง 6 เดือน โดย Whoscall พรีเมียม เบสิก สามารถบล็อกเบอร์สแปมหรือมิจฉาชีพ ระบุหมายเลขที่ไม่รู้จัก รวมถึง สแกนความเสี่ยง เพื่อให้ผู้ใช้บริการทรูมันนี่ สามารถทำธุรกรรมออนไลน์บนแอปพลิเคชันได้อย่าง ง่าย สะดวก ปลอดภัย ไร้กังวล ให้ตอบโจทย์การใช้ชีวิตประจำวันมากยิ่งขึ้น

นางสาวศิรนุช  โรจนเสถียร  ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กรและความรับผิดชอบต่อสังคม บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) มอบเสื้อกันฝนและเสื้อกั๊กสะท้อนแสง รวมจำนวน 60 ตัว ให้กับตำรวจสถานีตำรวจภูธรบางแก้ว เพื่อสนับสนุนการปฏิบัติหน้าที่ในช่วงฤดูฝนและเพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนทั่วไป โดยมี พ.ต.ท. โสฬสสิริ กิมฮง รองผู้กำกับการจราจร สถานีตำรวจภูธรบางแก้ว จังหวัดสมุทรปราการ  รับมอบ ณ อาคารทิพยประกันภัย สำนักงานใหญ่ พระราม3

บมจ.กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต นำโดย คุณแซลลี่ โอฮาร่า ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร  แอกซ่า ภูมิภาคเอเชียอาคเนย์ และประเทศเกาหลีใต้ (แถวที่ 2 คน 4 จากซ้าย) คุณชัยณรงค์ เอื้อสิทธิชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ฝ่ายจัดจำหน่าย (แถวที่ 2 คนที่ 4 จากขวา) ดร.อุกฤษฎ์ ศรีดโรมนต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ฝ่ายตัวแทน และฝ่ายฝึกอบรมและพัฒนาฝ่ายจัดหน่าย (แถวที่ 2 คนที่ 5 จากขวา) พร้อมคณะผู้บริหาร จัดคอนเสิร์ตอย่างยิ่งใหญ่ “KRUNGTHAI-AXA Agency Know You Can Music Fest 2024” ภายใต้ธีม Rhythm of the Wave ด้วยการพาตัวแทนกว่า 15,000 คน ไปรับลมทะเลพร้อมระเบิดความมันส์กับคอนเสิร์ตกันแบบสุดเหวี่ยง จาก 3 ศิลปิน ได้แก่ แสตมป์ อภิวัชร์ F.Hero และ Potato ณ Tripple Tree Beach Resort ชะอำ

กิจกรรมดังกล่าวจัดขึ้นเพื่อเป็นการตอบแทนตัวแทนฯ ที่มุ่งมั่น ทุ่มเท และสร้างผลงานยอดเยี่ยมตลอดปีที่ผ่านมา โดยบริษัทฯ มุ่งมั่นให้การสนับสนุน และยกระดับให้ฝ่ายขายประสบความสำเร็จในอาชีพตั้งแต่เริ่มต้น จนก้าวสู่การเป็นนักขายมืออาชีพ ในปี Year of Double Growth ตามนโยบายของบริษัทฯ ที่ทุกคนจะยึดมั่นในการมีลูกค้ามาเป็นที่หนึ่ง และอยู่เคียงข้างทุกความเชื่อมั่น ดูแลกันตลอดไป

ทั้งนี้ สำหรับผู้ที่สนใจร่วมงานเป็นตัวแทนกับบริษัทฯ สามารถติดต่อได้ที่ สำนักงานตัวแทนใกล้บ้านท่าน หรือ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทร 1159 ทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง

การเดินหน้าให้ความรู้ผู้ประกอบการ SME ผ่านกิจกรรมหรือโครงการต่างๆ ยังคงเป็นพันธกิจหลักที่ทั้งหน่วยงานภาครัฐและเอกชนเร่งดำเนินการอย่างต่อเนื่อง  ล่าสุด ซีพี ออลล์ ได้ร่วมกับ อุทยานวิทยาศาสตร์ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จังหวัดขอนแก่น และ สมาคมการค้าปลีกและเอสเอ็มอีทุนไทย จัดกิจกรรมสัมมนาออนทัวร์ ครั้งที่ 2 ที่จังหวัดขอนแก่น เพื่อให้ SME New Gen ได้มีโอกาสมาเข้าร่วมฟังและอัปเดตเทรนด์ใหม่ๆ นำไปต่อยอดสร้างรายได้ที่เพิ่มขึ้นให้กับธุรกิจ

โดยในครั้งนี้ได้ 2 SME รับเชิญชื่อดังอย่าง นิค-พลากร เชาวน์ประดิษฐ์ เจ้าของแบรนด์ “จอลลี่แบร์” (Jolly Bears) ขนมเยลลี่หมีที่เชื่อว่าคนไทยทุกคนต้องเคยทาน และ เมย์-พรพรรณ เรืองปัญญาธรรม Influencer ชื่อดังจากช่องยูทูปMayyR” (เมอา) ที่มีผู้ติดตาม 1.74 ล้านคน และยังเป็นเจ้าของร้าน 11AM cafe and Space ร้านคาเฟ่ชื่อดังของ จ.ขอนแก่นที่ไม่ว่าใครก็ต้องแวะเวียนมาที่ร้าน โดยทั้งคู่มาร่วมเผยเคล็ดลับการสร้างตัวตน สู่การสร้างโอกาสทำให้ยอดขายปัง ในหัวข้อ SME New Gen สร้างตัวตนให้เป็น ยอดขายก็ปัง”

“จอลลี่แบร์” หาจุดแข็ง สร้างมาตรฐาน จับมือพันธมิตร ปั้นยอดขายสู่หลัก 100 ล้าน

“จอลลี่แบร์” ถือเป็นแบรนด์ขนมขบเคี้ยวสัญชาติไทย ที่ถือหุ้นและบริหารโดยคนไทย 100% มีชื่อเสียงโลดแล่นในตลาดมานานกว่า 50 ปี ผลิตโดย บริษัท พงษ์จิตต์ จำกัด ที่มีจุดเริ่มต้นจากการผลิตลูกอมแบบแข็ง แต่ด้วยสภาพตลาดที่มีการแข่งขันค่อนข้างสูง ทำให้ทายาทรุ่นที่ 2 ที่มารับช่วงต่อต้องมองหาโอกาสใหม่ๆ ในการเติบโต โดยหันมาผลิตเยลลี่รูปหมีแทน

นิค-พลากร เชาวน์ประดิษฐ์ เจ้าของแบรนด์ “จอลลี่แบร์” ทายาทรุ่นที่ 3 เล่าเรื่องขยายความต่อให้ฟังว่า ต้องยอมรับว่า ในยุคนั้นคนไทยยังไม่ค่อยรู้จักเยลลี่ จึงเป็นเรื่องยากที่จะทำให้คนตัดสินใจซื้อ เลยตัดสินใจทำการตลาดผ่านสื่อโฆษณาในช่องทางหลักอย่าง ทีวี หนังสือ ทำให้แบรนด์เป็นที่รู้จักในวงกว้าง สินค้าได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี แม้ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมาบริษัทจะไม่ได้สร้างแบรนด์อย่างจริงจังเหมือนเดิม แต่แบรนด์ก็ยังคงสามารถขายสินค้าได้ด้วยตัวของแบรนด์เอง

กระทั่งเมื่อช่วง 7-8 ปีที่ผ่านมา มีผู้เล่นรายอื่นเข้ามาในตลาดเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะจากต่างประเทศ บริษัทจึงต้องมุ่งสร้างแบรนด์อย่างจริงจังอีกครั้ง เนื่องจากแบรนด์ “จอลลี่แบร์” อยู่ในตลาดมาอย่างยาวนาน ผู้บริโภคที่เป็น Gen ใหม่ๆ อาจไม่สามารถเข้าถึงตัวตนที่แท้จริงของแบรนด์ได้ อีกทั้งรูปแบบการทำการตลาดแบบเดิมๆ ผ่านช่องทางหลักอาจไม่ตอบโจทย์พฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไปของผู้บริโภคที่ใช้เวลาในโลกโซเซียลมากขึ้น

สำหรับรูปแบบการสร้างแบรนด์และทำการตลาดที่ทางบริษัทใช้ในปัจจุบันคือ การทำผ่าน Offline ควบคู่กับ Online แต่จะเน้นที่ Online เป็นหลัก โดยการใช้ Influencer ทำการตลาดผ่านโซเซียลมีเดียต่างๆ ทั้ง YouTube Facebook TikTok Instagram ในการรีวิวสินค้าช่วยสร้างกระแสก่อให้เกิดการบอกต่อ ทำให้เกิดการมองหาสินค้า ตัวสินค้าเองก็ต้องได้มาตรฐาน เดินหน้าพัฒนาสินค้าให้มีความสดใหม่อยู่เสมอ ทั้งรสชาติใหม่ แพ็กเก็จจิ้งใหม่ หรือหาพันธมิตรในการออกสินค้าใหม่ร่วมกันก็ได้

“การยืนหยัดในตลาดที่มีผู้เล่นจำนวนมาก สิ่งสำคัญที่สุดคือการสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่ง เพราะแบรนด์ที่ดีจะช่วยสร้างความความเชื่อมั่น เชื่อใจ และน่าเชื่อถือให้กับองค์กรและสินค้า ซึ่งการสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่งได้นั้นจะต้องอาศัย 3 ข้อหลักๆ คือ 1.ต้องหาจุดแข็งของสินค้าให้เจอ สำหรับจอลลี่แบร์ก็คือ ความคุ้มค่า มีประโยชน์ มุ่งเน้นความปลอดภัย 2.สร้างมาตรฐานให้กับสินค้า สินค้าต้องได้มาตรฐานสากลในทุกด้าน และ 3.เดินหน้าหาพันธมิตรเพื่อสร้างการเติบโตร่วมกัน อย่างในช่วงหนึ่ง จอลลี่แบร์ได้จับมือแบรนด์รองเท้ากีโต้ เพื่อทำรองเท้าของจอลลี่แบร์ออกมาช่วงหนึ่ง ซึ่งก็ได้รับการตอบรับที่ดี โดยทั้ง 3 สิ่งนี้ทำให้จอลลี่แบร์ยังคงอยู่ในตลาดได้ พร้อมอัตราการเติบโตด้านยอดขายอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ในปี 2566 บริษัทมียอดขายสูงถึง 300 ล้านบาท อยากให้ SME จำไว้ว่า เมื่อไหร่ที่หยุดสร้างแบรนด์ก็จะมีปัญหาเมื่อนั้น เพราะคู่แข่งพร้อมที่จะมาแซงเราอยู่ตลอดเวลา ดังนั้น แบรนด์ จึงเป็นหัวใจหลักที่เราต้องรักษาและทำให้ดี”

“สร้างตัวตนให้ชัดเจน” ช่วยต่อยอดการเติบโต

หากเอ่ยชื่อของ เมย์-พรพรรณ เรืองปัญญาธรรม Influencer ชื่อดังจากช่องยูทูป “MayyR” (เมอา) เชื่อว่าบรรดาสาวๆ หลายคนคงรู้จักเธอเป็นอย่างดี เพราะช่องเกิดและโตมาจากการเป็นบิวตี้บล็อกเกอร์ ก่อนที่จะผันมาเป็นช่องท่องเที่ยว และหันมาทำร้านคาเฟ่เพิ่ม แต่ไม่ว่า เมย์ จะเปลี่ยนไปทำช่องในรูปแบบไหน หรือทำอะไรที่แตกต่างจากเดิม ก็ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง

ล่าสุดหันมาเปิดร้าน 11AM cafe and Space คาเฟ่ชื่อดังของจ.ขอนแก่น ผู้ติดตามก็ยังคงติดตามผลงานของเธออย่างเหนียวแน่นเหมือนเดิม อีกทั้งยังแวะเวียนไปที่ร้านอยู่บ่อยครั้ง นั่นเป็นเพราะ เมย์ สร้างตัวตนของตนเองออกมาได้อย่างชัดเจน และถูกถ่ายทอดออกมาสู่ช่อง MayyR ทำให้ผู้ติดตามเกิดความชื่นชอบ และยินดีที่จะติดตามไปในทุกๆ กิจกรรมที่เมย์ได้ทำ

เมย์ บอกว่า การสร้างตัวตนเป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะตัวตนที่ดีจะช่วยสร้างการจดจำที่ดี โดยเฉพาะการสร้างผ่านสื่อโซเซียลมีเดียต่างๆ เพราะเป็นสื่อที่เข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคได้ง่าย โดยเริ่มจากการเป็นยูทูบเบอร์ (YouTuber) เรื่องความสวยความงาม ก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นเรื่องของการท่องเที่ยว และหันมาเปิดร้านคาเฟ่ของตนเองที่บ้านเกิด เพราะไม่อยากทำงานไกลบ้าน แต่ก็ยังคงสร้างตัวตนของร้านผ่านสื่อโซเซียลมีเดียต่างๆอย่างต่อเนื่อง

“ช่อง MayyR ยังคงได้รับการตอบรับที่ดี ผู้ติดตามเก่าก็ยังคงติดตามอยู่ และมีผู้ติดตามใหม่เพิ่มมากขึ้น กระทั่งได้มีโอกาสมาเปิด ร้าน 11AM cafe and Space ซึ่งเป็นร้านคาเฟ่ที่ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากทั้งคนในพื้นที่และนักท่องเที่ยวเช่นเดียวกัน ลูกค้าส่วนหนึ่งมาจากผู้ติดตามเดิมในช่อง YouTube และอีกส่วนหนึ่งรู้จักร้านผ่าน Facebook TikTok Instagram ของร้านเอง โดยดึงจุดเด่นของร้านมาเป็นจุดขายในการสร้างตัวตนร้านนั่นคือ การเป็นไลฟ์สไตล์คาเฟ่ที่มาแล้วได้ครบ มีทั้งมุมถ่ายรูป มุมทำงาน ที่สะท้อนความเป็นตัวตนของเมย์ออกมานั่นคือความเรียบง่าย แต่ดูอบอุ่นและมีสไตล์ และเครื่องดื่ม อาหารหลากเมนู เพราะเป็นคนที่ชื่นชอบการทำขนมและอาหาร ชอบคิดสูตรเครื่องดื่มใหม่ๆ ที่ตอบโจทย์ความต้องการของคนในปัจจุบัน จนทำให้เกิดกระแสการบอกต่อ และอยากมาเห็นของจริง”

การสร้างตัวตนเพื่อยกระดับแบรนด์สามารถใช้ได้ทั้ง “ตัวสินค้าหรือตัวบุคคล” ในการสร้างแบรนด์ ขอเพียงรู้ถึงจุดเด่นของตัวเอง รวมถึงต้องหมั่นพัฒนาองค์ความรู้ใหม่ๆอยู่เสมอ ให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลกในปัจจุบัน เพื่อนำมาสร้างเป็นจุดแข็งให้แบรนด์ เพราะแบรนด์ที่แข็งแรงและแข็งแกร่ง จะช่วยทำให้ธุรกิจเติบโตได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน

"Cento" (เชนโต้) ร้านอาหารอิตาเลียนนิยามใหม่ ที่พลิกประสบการณ์การบริการแบบ ‘Hospitality House’ นำเสนอรสชาติที่เรียบง่ายแต่โดดเด่น ล่าสุดเปิดให้บริการบรันช์ (brunch) แล้วอย่างเป็นทางการแล้ว โดยพร้อมยกระดับประสบการณ์ในการรับประทานอาหารช่วงวันหยุดตั้งแต่วันที่ 9 มิถุนายน นี้เป็นต้นไป

การเปิดตัวในครั้งนี้ตอกย้ำการยกระดับของประสบการณ์การทานมื้อวันหยุดอีกขั้นของร้านอาหารในกรุงเทพฯ ผ่านคอนเซ็ปต์ที่ร่วมแชร์ประสบการณ์กับกลุ่มเพื่อนและครอบครัวในการสัมผัสลิ้มลองเมนูอาหารที่โดดเด่น รสชาติเลิศ และไม่เหมือนใคร

ลูกค้าที่เข้ามารับบริการจะถูกรับรองด้วยเมนูอาหารเรียกน้ำย่อยทั้ง 8 จานที่ถูกคัดเลือกและรังสรรค์มาอย่างพิถีพิถัน ตัวอย่างเช่น เมนูหอยตลับเนื้อเด้งสด ที่นำมาปรุงเพื่อเพิ่มรสชาติด้วยไวน์ขาว กระเทียม ผักชีฝรั่ง เอ็นดูย่า (Nduja) ไส้กรอกรสชาติจัดจ้าน และพริกอย่างลงตัวสู่รสชาติที่น่าหลงใหลและจัดจ้านในทุก ๆ คำ และเมนูยอดฮิตซิกเนเจอร์ของทางร้านอย่าง Crudo (ครูโด) ปลาฮามาจิสดเนื้อนุ่มเด้ง ที่ปรุงด้วย มะนาว ส้มยูซุ ถั่วเหลือง และน้ำมันมะกอกบริสุทธิ์แบบเรียบง่ายชูความสดของท้องทะเล ผสมผสานสองเนื้อสัมผัสเข้าด้วยกันอย่างลงตัวในหนึ่งคำ อีกทั้งเมนูสุดเอ็กคลูซีฟที่มีเฉพาะในบริการบรันช์อย่าง Sourdough Margherita (ซาวเวอร์โดมาการิต้า) ที่นำต้นตำรับหน้าพิซซ่าอิตาเลียนยอดนิยมที่ผ่านการปรุงให้มีรสชาติถูกปาก กลมกล่อม ซอสสูตรเฉพาะมาไว้บนขนมปังเนื้อสัมผัสสุดล้ำเลิศตัดรสชาติเพิ่มความสดชื่น

สำหรับเมนูจานหลักลูกค้าจะได้ลิ้มรสกับเมนูบรันช์ซิกเนเจอร์ของทางร้านไม่ว่าจะเป็นเมนูไข่ต่าง ๆ อย่าง Truffle Eggs ที่ชูวัตถุดิบขวัญใจชาวไทยที่ใคร ๆ ลองแล้วต้องติดใจ ผสานกลิ่นหอมของ Truffle เข้ากับเนื้อสัมผัสที่นวลเนียนของไข่ หรือเมนูขวัญใจสายเนื้ออย่าง Steak คุณภาพสูงที่ปรุงสุกอย่างไร้ที่ติเนื้อนุ่มชุ่มฉ่ำ ที่สามารถเลือกทานพร้อมกับ Eggs หรือ Bacon อีกทั้ง Marrow bone (แมร์โรว โบน) เมนูไขกระดูกวัวที่ได้ผ่านการปรุงอย่างประณีตบรรจงเพื่อให้รสชาติกลมกล่อม โดยทุกเมนูถูกรังสรรค์มาเรียกได้ว่าอย่างสมบูรณ์แบบและเต็มไปด้วยรสชาติ

ปิดท้ายประสบการณ์บรันช์สุดพิเศษด้วยเมนูวาฟเฟิลสดใหม่ที่ทำร้อน ๆ หอมกรุ่น ที่สามารถเลือกสรรได้ดั่งใจจากตัวเลือกท็อปปิ้งสุดแสนจะเข้ากันมากมายไม่ว่าจะช็อกโกแลต สตรอว์เบอร์รี เจลาโต มิกซ์เบอร์รี่ กล้วย และอื่น ๆ

สำหรับผู้ที่ต้องการดื่มด่ำช่วงเวลาสุดพิเศษนี้ ที่ร้านมีบริการเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ณ ช่วงเวลาบรันช์สุดพิเศษที่ Cento นำเสนอตัวเลือกเครื่องดื่มแบบ Free-Flow ในระยะเวลาที่กำหนด ซึ่งมีให้เลือกไม่ว่าจะสองหรือสามชั่วโมง โดยประกอบด้วยค็อกเทลซิกเนเจอร์ขวัญใจนักดื่มอย่าง Mimosas, Bloody Mary หรือแม้กระทั่งไวน์คุณภาพที่คัดมาแล้วอย่างดีและมีตัวเลือกให้ได้ดื่มกันอย่างหนำใจ อย่างไรก็ตามลูกค้าสามารถเลือกสั่งเครื่องดื่มแบบ à la carte เพื่อให้เหมาะสมกับความต้องการของตนได้เช่นเดียวกัน

ทั้งนี้ Cento พร้อมต้อนรับคุณหนูน้อยด้วยเมนูสำหรับเด็กโดยเฉพาะ ซึ่งประกอบด้วยเมนูพาสต้าแสนอร่อย เครื่องดื่ม 1 แก้ว และเมนูวาฟเฟิลสดใหม่แบบ unlimited ซึ่งราคาจะอยู่ที่ 290 บาท

Manuel Palacio, ผู้ก่อตั้ง Cento กล่าวว่า “ผมและทีมงานยินดีอย่างยิ่งที่เราพร้อมเปิดให้บริการบรันช์ เสริมสีสันให้แก่วงการร้านอาหารของกรุงเทพฯ โดยหัวใจของการเปิดให้บริการคือเรามุ่งมั่นให้ลูกค้าทุกท่านได้ร่วมแชร์ประสบการณ์ดี ๆ ด้วยกัน นำเสนอวัตถุดิบคุณภาพที่ถูกเราคัดเลือกเพื่อนำมารังสรรค์เมนูที่ไร้ที่ติต่าง ๆ อีกทั้งยังยึดมั่นหลักปฏิบัติของเราที่เน้นย้ำความเรียบง่ายไม่ซับซ้อนและการดูแลลูกค้าที่โดดเด่นซึ่งเรียกได้ว่าเป็นนิยามในความเป็นตัวตนของ Cento ที่แท้จริงและไม่เหมือนใคร”

“เราเชื่อว่าการเปิดให้บริการบรันช์จะเติมเต็มความต้องของวงการบริการด้านร้านอาหารของกรุงเทพฯ โดยเฉพาะอย่างยิ่งร้านอาหารเครืออิสระต่าง ๆ ด้วยแรงบรรดาลใจจากวงการร้านอาหารของฮ่องกงและลอนดอนที่เรียกว่าคึกคักเป็นอย่างมาก และมีการเปิดให้บริการบรันช์แก่ลูกค้ากันอย่างแพร่หลาย อย่างไรก็ตามเราได้รังสรรค์และคิดค้นการเสริมประสบการณ์ในให้บริการบรันช์ที่มีรสชาติอันโดดเด่นและเป็นเอกลักษณ์อีกทั้งการบริการที่เหนือกว่าด้วยการดูแลใส่ใจในรายละเอียดทุกๆ ขั้นตอน ซึ่งเราพร้อมที่จะร่วมยกระดับประสบการณ์การให้บริการยอดนิยมนั้นมาสู่ลูกค้าของเราที่กรุงเทพฯ ท้ายนี้ความมุ่งมั่นของเราไม่ได้มีเพียงแต่การเปิดให้บริการบรันช์เท่านั้น แต่เพื่อนิยามวิถีการร่วมสังคมของลูกค้าชาวไทย ณ พื้นที่ร้านอาหารของเราที่พร้อมจะตอนรับและดูแลลูกค้าอย่างดีเยี่ยมเมื่อพวกเขาได้มีโอกาสได้มาเจอกันในช่วงเวลาสุดแสนพิเศษนี้ อีกทั้งมอบประสบการณ์ในการสัมผัสรสชาติอาหารที่เอร็ดอร่อย สร้างความประทับใจที่ตราตรึงอยู่ในความทรงจำแก่ลูกค้าของเรา”

Package บริการบรันช์ของ Cento ประกอบด้วย:

  • Cento’s three-course brunch menu: 1,980 บาท ต่อท่าน
  • Brunch plus two hours of free-flow drinks: 3,280 บาท ต่อท่าน
  • Brunch plus three hours of free-flow drinks: 3,880 บาท ต่อท่าน
  • Children's brunch menu: 290 บาท ต่อท่าน

บริการบรันช์ของ Cento จะเปิดให้บริการครั้งแรกตั้งแต่วันอาทิตย์ที่ 9 มิถุนายนนี้เป็นต้นไป ตั้งแต่เวลา 12.00 น. ถึง 14.30 น. ทั้งนี้ทางร้านจะมีการเปิดให้บริการในวันเสาร์ซึ่งลูกค้าสามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้เกี่ยวกับวันที่เปิดให้บริการได้ สำหรับลูกค้าที่สนใจสามารถสำรองที่นั่งล่วงหน้าได้หรือสามารถเข้ามาที่หน้าร้าน หรือเข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์ www.centobangkok.com โทร 094 567 7779 และติดตามข้อมูลผ่านโซเชียลมีเดียต่างๆ ของทางร้านที่ Instagram และ Facebook หรือ Line @centobangkok

สะท้อนความเป็นเลิศด้านการพัฒนาโซลูชันเพื่อลูกค้าธุรกิจอย่างแท้จริง

บมจ.กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต นำโดย คุณชัยณรงค์ เอื้อสิทธิชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ฝ่ายจัดจำหน่าย (คนที่ 2 จากซ้าย) และคุณมนต์นิดา มุสิกบุตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารช่องทางคู่ค้า (คนที่ 4 จากซ้าย) จัดงาน “Krungthai-AXA CS Appreciation Party 2024 : Flashback Fiesta” ให้กับพันธมิตรของบริษัทฯ โดยกิจกรรมดังกล่าวจัดขึ้นเพื่อร่วมเฉลิมฉลองความสำเร็จของคู่ค้าของบริษัทฯ ที่ทุ่มเทและมุ่งมั่นสร้างผลงานคุณภาพยอดเยี่ยมตลอดปี 2566 ที่ผ่านมา ณ ร้าน Kilik Social Club

ทั้งนี้ บริษัทฯ มุ่งมั่นการพัฒนาเทคโนโลยี บริการ และผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย เพื่อสนองตอบความต้องการของลูกค้า พร้อมส่งมอบประสบการณ์ที่ดีให้แก่ลูกค้าคนสำคัญของเรา รวมถึงสนับสนุนฝ่ายขาย เพื่อก้าวสู่การเป็นนักขายมืออาชีพ ตามเป้าหมายหลักของบริษัทฯ ที่พร้อมเคียงข้างทุกความเชื่อมั่น ดูแลกันตลอดไป

X

Right Click

No right click