

บริษัท แอล พี ซี วิสาหกิจเพื่อสังคม จำกัด (LPC) ในเครือ บริษัท แอล.พี.เอ็น. ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) เดินหน้าพัฒนาคุณภาพชีวิตและส่งเสริมโอกาสทางการศึกษา ให้กับพนักงานและบุตรอย่างต่อเนื่องตลอดระยะเวลา 13 ปี ตั้งแต่ปี พ.ศ.2554-2566 รวมทั้งสิ้นกว่า 5,000 ทุน คิดเป็นมูลค่ากว่า 20 ล้านบาท โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อต้องการสร้างความเท่าเทียมในเรื่องการศึกษาและพัฒนาทักษะ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตสตรีด้อยโอกาส ซึ่งในปี 2566 จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 13 โดยมี นางสาวสุรัสวดี ซื่อวาจา กรรมการผู้จัดการ เป็นผู้มอบทุนการศึกษาแก่บุตรพนักงาน กว่า 700 ทุน รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 1.7 ล้านบาท แบ่งเป็น ทุนการศึกษาประจำปี จำนวน 630 ทุน รวมกว่า 2.5 ล้านบาท และทุนการศึกษา “บุตรเรียนดี” จำนวน 84 ทุน รวม 575,000 บาท
ทั้งนี้ เงินทุนการศึกษาดังกล่าวส่วนหนึ่งมาจากการสนับสนุนและการใช้บริการ ‘แม่บ้านลุมพินี’ และ ‘แจ๋วลุมพินี-บริการทำความสะอาดห้องชุด’ ของลูกค้าโครงการหมู่บ้านและคอนโดมิเนียมของ LPN และโครงการต่างๆ กว่า 270 แห่ง ทำให้บริษัทฯ สามารถพัฒนาคุณภาพชีวิต และครอบครัวของพนักงานให้ดียิ่งขึ้น ซึ่งการมอบทุนการศึกษา เป็นหนึ่งในนโยบายที่ต้องการพัฒนาคุณภาพชีวิตของพนักงานภายใต้กิจกรรม ‘แม่ดี ลูกเก่ง’ เพื่อแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายในครัวเรือน รวมถึงตอบแทนความทุ่มเทของพนักงานที่ปฏิบัติหน้าที่ ด้วยความรับผิดชอบ ความซื่อสัตย์ ทุ่มเทใส่ใจ ในบทบาทที่ได้รับมอบหมายอย่างเต็มประสิทธิภาพ พร้อมชื่นชมยินดีกับโอกาสทางการศึกษาของบุตรพนักงานทุกคนให้มีความเท่าเทียมกันในเรื่องการศึกษาที่ถือว่าเป็นพื้นฐานของการมีสังคมที่ดีต่อไปในอนาคต
ขอบคุณทุกภาคส่วน ที่มีส่วนร่วมผลักดันคุณภาพชีวิตของสตรีด้อยโอกาสอย่างยั่งยืน ร่วมกับ แอล พี ซี วิสาหกิจเพื่อสังคม
บริษัท เอฟดับบลิวดี ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) หรือ FWD ประกันชีวิต มุ่งมั่นในการเป็นสถานที่ทำงานที่ดีที่สุดในใจพนักงาน จัดกิจกรรมดูแลสุขภาพ 10xFWD Step It Up Challenge ชวนพนักงานเดิน-วิ่งสะสมก้าวผ่านแอปพลิเคชัน เพื่อเปลี่ยนก้าวเดินเป็นเงินสมทบทุนช่วยเหลือผู้ป่วยด้อยโอกาส ศิริราชมูลนิธิ โดยมีกำหนดระยะเวลา 1 เดือน ตั้งแต่วันที่ 9 ตุลาคม ถึง 10 พฤศจิกายน 2566 มีพนักงานเข้าร่วมกิจกรรม 107 คน สามารถสะสมจำนวนก้าวรวมกันได้มากถึง 23,629,140 ก้าว คิดเป็นเงิน 66,240 บาท โดยมีคุณศิริวรรณ ทองเหลือง ประธานเจ้าหน้าที่สายงานบุคลากรและวัฒนธรรม (ที่ 2 จากซ้าย) เป็นผู้แทนบริษัท เข้ามอบเงินจำนวนดังกล่าวให้ศิริราชมูลนิธิ ซึ่งมีคุณสุนันท์ สิรประภาธรรม ผู้ช่วยหัวหน้าสำนักงาน ศิริราชมูลนิธิ (กลาง) ให้เกียรติเป็นผู้รับมอบ
นายชูฉัตร ประมูลผล เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (เลขาธิการ คปภ.) เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (สำนักงาน คปภ.) ในฐานะที่เป็นหนึ่งในคณะกรรมการศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของการแก้ปัญหาอุบัติเหตุทางถนนที่เป็นสาเหตุสำคัญของการสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนเป็นจำนวนมาก จึงร่วมมือกับหน่วยงานภาคีเครือข่ายรณรงค์ป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนในช่วงเทศกาลวันหยุดยาวมาอย่างต่อเนื่องทุกปีนับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2558 โดยเมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2566 ตนได้ลงพื้นที่และร่วมพิธีเปิดจุดตรวจความพร้อมรถโดยสารสาธารณะและผู้ขับรถ (Rest Area) ณ หน่วยบริการประชาชนตำรวจทางหลวงรัตภูมิ อำเภอรัตภูมิ จังหวัดสงขลา โดยมีนายสมนึก พรหมเขียว ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา เป็นประธานในพิธีเปิด และมีนายเสกสม อัครพันธุ์ รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก นายอภิชาติ สาราบรรณ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา นางวงเดือน อัตโสภณวัฒนา ผู้อำนวยการภาคอาวุโส สำนักงาน คปภ. ภาค 9 (สงขลา) นายธนาศักดิ์ จันทร์ตระกูล ผู้อำนวยการสำนักงาน คปภ. จังหวัดสงขลา และหัวหน้าส่วนราชการเข้าร่วมด้วย ในการนี้ เลขาธิการ คปภ. ได้มอบน้ำดื่ม และเครื่องอุปโภค-บริโภคให้ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา เพื่อนำไปมอบให้จุดตรวจเพื่อป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ พ.ศ. 2567 ในจังหวัดสงขลา

ต่อจากนั้น เมื่อวันที่ 30 ธันวาคม 2566 นายชูฉัตร ประมูลผล เลขาธิการ คปภ. ร่วมกับนางโชลภา ไชยเพียร ผู้อำนวยการภาค สำนักงาน คปภ. ภาค 2 (นครสวรรค์) และนายยศพล จิตติมานุสรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงาน คปภ.จังหวัดพิษณุโลก พร้อมทีมงาน ได้มอบน้ำดื่มพร้อมสิ่งของให้แก่ศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ พ.ศ. 2567 ณ บริเวณสี่แยกเต็งหนาม แยกทางเข้าบริษัท ไทยแอร์โร่ จำกัด ตำบลหัวรอ อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก โดยมีนายภูสิต สมจิตต์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก ร่วมเป็นเกียรติตรวจเยี่ยมเพื่อเป็นขวัญและกำลังใจให้กับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในช่วงเทศกาลปีใหม่

สำนักงาน คปภ. ได้ดำเนินการให้ความช่วยเหลือประชาชนด้านการประกันภัยในช่วงเทศกาลปีใหม่ โดยเฉพาะช่วงระหว่างวันที่ 29 ธันวาคม 2566 – วันที่ 4 มกราคม 2567 ซึ่งเป็นช่วงวันหยุดยาวที่จะมีประชาชนเดินทางกลับภูมิลำเนาท่องเที่ยวและจัดกิจกรรมเฉลิมฉลองเป็นจำนวนมาก อาจมีความเสี่ยงต่อชีวิตและทรัพย์จากอุบัติเหตุสูงกว่าช่วงปกติ โดยได้เปิดศูนย์บริการสายด่วน คปภ. 1186 และ LINE @OICConnect อย่างครบวงจร ให้บริการตลอด 24 ชั่วโมงตลอด 7 วันอันตรายในช่วงเทศกาลปีใหม่
เมื่อปี 2566 กำลังจะสิ้นสุดลง TikTok ขอชวนทุกคนมองย้อนกลับไปถึงบทบาทสำคัญของแพลตฟอร์มในการส่งเสริมความสำเร็จของแบรนด์และสร้างเทรนด์ใหม่ๆ ตลอดทั้งปี โดยแพลตฟอร์มได้พัฒนาไปสู่การเป็นเครื่องมือแบบไดนามิกที่แบรนด์ไม่เพียงแต่นำมาใช้เพื่อเล่าเรื่องราวของตนเท่านั้น แต่ยังได้พบกับความสำเร็จในแบบที่จับต้องได้ และการมีส่วนร่วมกับกลุ่มเป้าหมายอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น ปีนี้จึงถือเป็นข้อพิสูจน์ถึงความสามารถอันเป็นเอกลักษณ์ของ TikTok ในการผสมผสานความคิดสร้างสรรค์ คอมมูนิตี้ และวัฒนธรรมที่ช่วยผลักดันประสบการณ์ที่น่าจดจำและผลลัพธ์ที่ยิ่งใหญ่ให้แก่หลากหลายแบรนด์ทั้งในประเทศและต่างประเทศ
ปีแห่งแคมเปญสร้างสรรค์และความเจริญทางวัฒนธรรม
ในปีที่ผ่านมา TikTok เป็นผู้นำในการสร้างเทรนด์ที่ทรงอิทธิพลต่างๆ มากมาย ผ่านแคมเปญที่ช่วยสะท้อนเรื่องราวและสร้างการมีส่วนร่วมระหว่างแบรนด์และกลุ่มผู้บริโภคเป้าหมาย ด้วยการประยุกต์ใช้พลังอันเป็นเอกลักษณ์ของ TikTok แบรนด์ต่างๆ จึงสามารถบอกเล่าเรื่องราวของตนเองได้อย่างน่าสนใจผ่านเทรนด์ต่างๆ กิจกรรม และการมีประสบการณ์ร่วมจากผู้ชม
สรุปภาพรวมความสำเร็จแห่งปี 2023


TikTok Unboxed: แกะกล่องเทรนด์และข้อมูลเชิงลึก เพิ่มโอกาสให้กับอุตสาหกรรมต่างๆ
ในปี 2566 TikTok ไม่เพียงแต่ปฏิวัติวงการช้อปปิ้งและความบันเทิงเท่านั้น แต่ยังมีอิทธิพลอย่างมากต่ออุตสาหกรรมยานยนต์และการเงินอีกด้วย โดย 'Automotive Unboxed' แสดงให้เห็นถึงบทบาทของ TikTok ในการเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมยานยนต์ ด้วยการเป็นแพลตฟอร์มที่ขับเคลื่อนการมีส่วนร่วมอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจของผู้บริโภคในการซื้อยานพาหนะ สะท้อนการเติบโตกว่า 48% ของยอดดูวิดีโอที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาเกี่ยวกับยานยนต์ในประเทศไทยเมื่อเทียบเป็นรายปีซึ่งตอกย้ำการขยายตัวอย่างรวดเร็วของหมวดหมู่นี้ ควบคู่ไปกับข้อมูลเชิงลึกที่ยังเผยให้เห็นว่าผู้ใช้ TikTok มากกว่า 40% ที่เป็นรวมไปถึงผู้ที่มีอายุมากกว่า 35 ปีมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันกับเนื้อหาเกี่ยวกับยานยนต์ ซึ่งหลายคนอาจเป็นผู้ซื้อรถยนต์รายใหม่ที่ได้รับอิทธิพลจากเนื้อหาของ TikTok

อิทธิพลของ TikTok แผ่ขยายไปทั่วเส้นทางของผู้บริโภค โดยผู้ใช้งาน 81% ค้นพบแบรนด์หรือผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ 77% แสดงความสนใจเพิ่มขึ้นหลังจากดูคอนเทนต์เกี่ยวกับยานยนต์ และเกือบ 30% ไปเยี่ยมชมตัวแทนจำหน่ายรถยนต์หรือเข้าร่วมเวิร์กช็อปหลังการมีส่วนร่วมในแพลตฟอร์ม ซึ่งข้อมูลเชิงลึกเหล่านี้เน้นย้ำถึงผลกระทบที่สำคัญของ TikTok ต่อผู้ซื้อรถยนต์ใหม่และกระบวนการตัดสินใจของพวกเขา
ในขณะเดียวกัน 'Finance Unboxed' ได้เผยให้เห็นถึงอิทธิพลที่เพิ่มขึ้นของ TikTok ในภาคการบริการทางการเงิน โดย TikTok ได้กลายเป็นแหล่งข้อมูลสำคัญสำหรับการให้คำแนะนำและคำปรึกษาข้อมูลทางการเงิน เห็นได้จากยอดการดูเนื้อหาในหมวดหมู่การเงินที่เพิ่มขึ้น 132% เมื่อเทียบเป็นรายปี ข้อมูลเชิงลึกยังแสดงให้เห็นอีกว่าผู้ใช้ TikTok 96% ดำเนินการบางอย่างหลังจากเห็นโฆษณาหรือเนื้อหาทางการเงิน ผู้ใช้ TikTok ยังมีการหาคำแนะนำด้านการเงินในเรื่องต่างๆ บนแพลตฟอร์มอย่างกระตือรือร้น ไม่ว่าจะเป็น คำแนะนำในการจัดการค่าใช้จ่าย การเพิ่มรายได้ การเปรียบเทียบผลิตภัณฑ์ทางการเงิน และการจัดการกับผลกระทบของอัตราเงินเฟ้อ อีกทั้ง พฤติกรรมของผู้ใช้ยังมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ โดยปริมาณการค้นหาหัวข้อทางการเงินเพิ่มขึ้นกว่า 112% ตั้งแต่เดือนกันยายน 2022 ถึงกันยายน 2023 ซึ่งสะท้อนถึงความสนใจอย่างมากในการหาความรู้ด้านการเงินและการตัดสินใจ

แบรนด์การเงินต่างๆ ยังได้รับผลลัพธ์ที่น่าประทับใจจากการใช้แนวทางการตลาดแบบครบวงจรและกลยุทธ์ที่สร้างสรรค์บน TikTok สามารถตอบโจทย์ผู้ใช้งานที่หลากหลายของ TikTok ในประเทศไทยได้อย่างลึกซึ้ง ข้อมูลเชิงลึกเหล่านี้เป็นตัวช่วยตอกย้ำถึงบทบาทความสำคัญของ TikTok ในการกำหนดพฤติกรรมผู้บริโภคกลุ่มต่างๆ ทำให้เกิดคอมมูนิตี้ที่มีชีวิตชีวา ทรงความรู้ และมีส่วนร่วม

“พวกเรารู้สึกตื่นเต้นกับความสำเร็จอันเหลือเชื่อในปีที่ผ่านมาอย่างมาก และมีพลังอย่างล้นเหลือในการขับเคลื่อนโมเมนตัมนี้ไปสู่ปี 2567” คุณสิรินิธิ์ วิรยศิริ Head of Business Marketing – Thailand, TikTok กล่าว "เราขอแสดงความขอบคุณจากใจจริงต่อคอมมูนิตี้ พันธมิตร และทุกคนที่มีส่วนร่วมในการเดินทางครั้งนี้ มาทำให้ปี 2567 สำเร็จอย่างยิ่งขึ้นด้วยกันเถอะ!"
TikTok มุ่งมั่นที่จะผลักดันความสำเร็จให้แก่ธุรกิจต่างๆ ด้วยการนำเสนอแพลตฟอร์มที่แบรนด์สามารถสร้างผลกระทบและการเข้าถึงผู้บริโภคได้อย่างมีนัยสำคัญ เมื่อเราก้าวเข้าสู่ปี 2024 TikTok ยังคงพร้อมที่จะเสริมพร้อมที่จะเสริมศักยภาพธุรกิจด้วยเครื่องมือและข้อมูลเชิงลึกที่เป็นนวัตกรรมที่มีความจำเป็นสำหรับการบรรลุความสำเร็จใหม่ๆ ในด้านการตลาดดิจิทัลและความสำเร็จเชิงพาณิชย์
กรุงศรี (ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ในเครือของมิตซูบิชิ ยูเอฟเจ ไฟแนนเชียล กรุ๊ป (MUFG) หนึ่งในกลุ่มสถาบันการเงินที่ใหญ่ที่สุดระดับโลก ตอกย้ำความเป็นผู้นำในระดับภูมิภาคอาเซียน พร้อมเดินหน้าเชื่อมโยงเครือข่ายให้ครอบคลุมทั่วทั้งเอเชียแปซิฟิก ผ่านการส่งมอบโซลูชัน บริการชำระเงินระหว่างประเทศผ่านคิวอาร์ (Cross-border QR payment) ที่ช่วยให้การทำธุรกรรมข้ามประเทศเป็นเรื่องง่าย สะดวก และปลอดภัย ด้วยอัตราแลกเปลี่ยนที่ดีกว่าสำหรับนักเดินทางด้วยการสแกนคิวอาร์โค้ดผ่าน KMA krungsri app เพื่อชำระเงินระหว่างประเทศไทยและเขตปกครองพิเศษฮ่องกง ได้แล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
การประกาศความสำเร็จในครั้งนี้นับเป็นอีกบทพิสูจน์ถึงความมุ่งมั่นตามแผนธุรกิจระยะกลางปี 2564-2566 ของกรุงศรี ในการเป็นสถาบันการเงินไทยที่เป็นที่หนึ่งในใจลูกค้า พร้อมเชื่อมโยงความต้องการของลูกค้าทั่วทั้งภูมิภาค ด้วยการส่งมอบนวัตกรรมและโซลูชันด้านการเงินที่พร้อมตอบโจทย์ทุกความต้องการของลูกค้าให้ใช้ชีวิตง่ายได้ทุกวัน
นายไพโรจน์ ชื่นครุฑ ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านกลยุทธ์และวางแผนธุรกิจองค์กร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “นวัตกรรมบริการชำระเงินระหว่างประเทศผ่านคิวอาร์ เป็นส่วนหนึ่งของโครงการความร่วมมือการเชื่อมโยงการชำระเงินข้ามพรมแดนรายย่อยของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และธนาคารกลางอื่นในภูมิภาคเพื่อส่งเสริมการบูรณาการทางการเงิน กรุงศรี ไม่เคยหยุดนิ่งในการนำเสนอบริการทางการเงินที่เอื้อประโยชน์ต่อการใช้ชีวิตและการทำธุรกิจให้แก่ลูกค้าและผู้ประกอบการทั่วทั้งภูมิภาค ซึ่งพิสูจน์ให้เห็นแล้วจากการเปิดให้บริการสแกนคิวอาร์โค้ดชำระเงินระหว่างประเทศไทยและฮ่องกง ภายใต้ความร่วมมือระหว่าง ธปท. และธนาคารกลางฮ่องกง (Hong Kong Monetary Authority: HKMA) การประกาศความร่วมมือในครั้งนี้นับเป็นความภูมิใจครั้งสำคัญของกรุงศรี ที่เป็นหนึ่งในธนาคารชั้นนำของประเทศไทยในการร่วมพัฒนาโครงการนี้ และยังแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของเราในการส่งมอบบริการทางการเงินที่ได้รับความไว้วางใจ และเชื่อมโยงทุกความต้องการของลูกค้าทั่วทั้งภูมิภาค โดยอาศัยความเชี่ยวชาญ และเครือข่ายของบริษัทแม่อย่าง MUFG ที่มีความแข็งแกร่งและครอบคลุมทั่วเอเชียและทั่วโลก”
การสแกนคิวอาร์โค้ดผ่าน KMA krungsri app เพื่อชำระเงินระหว่างประเทศไทยและฮ่องกง เป็นอีกหนึ่งนวัตกรรมการให้บริการทางการเงินจากกรุงศรี เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงการชำระเงินในรูปแบบดิจิทัลในปัจจุบัน พร้อมยกระดับประสบการณ์การทำธุรกรรมการเงินที่สะดวก รวดเร็ว และปลอดภัยยิ่งขึ้นแบบเรียลไทม์ตลอด 24 ชั่วโมง ช่วยให้ลูกค้ากรุงศรีสามารถรู้อัตราแลกเปลี่ยนทันทีด้วยอัตราพิเศษกว่าการชำระด้วยบัตรเครดิต ปลดล็อกให้นักเดินทางไม่ว่าจะเป็นนักท่องเที่ยวหรือนักธุรกิจจากประเทศไทยและฮ่องกงไม่จำเป็นต้องพกเงินสดจำนวนมาก เพราะสามารถชำระค่าสินค้าและบริการได้อย่างง่ายดายผ่านการสแกนคิวอาร์โค้ด ณ จุดรับชำระที่แสดงสัญลักษณ์ FPS QR Code (ฮ่องกง) และ Thai PromptPay QR Code (ประเทศไทย) ผ่านแอปพลิเคชันมือถือ นับเป็นการสนับสนุนธุรกิจการท่องเที่ยวและกิจกรรมทางเศรษฐกิจของฮ่องกงและประเทศไทยด้วย
กรุงศรี ให้บริการและเชื่อมโยงเครือข่ายการชำระเงินระหว่างประเทศในภูมิภาคอาเซียนและเอเชียแปซิฟิก ให้ลูกค้าสามารถสแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อชำระค่าสินค้าและบริการผ่าน KMA krungsri app ที่รองรับทั้งการไปสแกนคิวอาร์โค้ดที่ร้านค้าในต่างแดน หรือแสดง MyPromptQR บน KMA krungsri app ให้ร้านค้าสแกน โดยที่ผ่านมาได้เปิดให้บริการแล้วในหกประเทศ ได้แก่ ญี่ปุ่น กัมพูชา อินโดนีเซีย มาเลเซีย สิงคโปร์ และเวียดนาม และในครั้งนี้ได้ขยายการให้บริการไปยังฮ่องกง
“การประกาศเปิดให้บริการในครั้งนี้ แสดงให้เห็นถึงบทบาทของกรุงศรีในการสนับสนุนนโยบายภาพใหญ่ระดับประเทศเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศไทย ทั้งยังเป็นการบรรลุเป้าหมายอีกขั้นสำหรับช่วงโค้งสุดท้ายของแผนงานกลยุทธ์ธุรกิจระยะกลางปี 2564-2566 และเป็นการกรุยทางสู่ความท้าทายบทใหม่ที่กรุงศรีพร้อมจะส่งเสริมและขับเคลื่อนภูมิทัศน์ทางการเงินและเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศไทยและภูมิภาคให้มีความมั่นคงและยั่งยืน” นายไพโรจน์ กล่าวปิดท้าย