December 22, 2025

ผลิตกำลังคนดิจิทัลคุณภาพ ปูทางประเทศไทยให้พร้อมสู่ยุคดิจิทัล มอบทุนอัปสกิลดิจิทัลที่ควรมีในยุคนี้ จากทรู ดิจิทัล อคาเดมี

เอปสันเล็งเห็นความสำคัญของกลุ่มองค์กรธุรกิจที่ให้ความสนใจเครื่องพิมพ์ความเร็วสูง จึงจัด Epson Demo Car ให้บริการถึงสำนักงาน

ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ร่วมกับ กรุงเทพมหานคร ภาคเอกชน และเครือข่ายเพื่อความยั่งยืน นำโดย บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) และวันแบงค็อก เพื่อมอบ “สุขแรก” เป็นของขวัญสุดพิเศษให้คนกรุงเทพฯ รับวัน “ศุกร์แรก” ของปีใหม่ ด้วยเทศกาล “กรุงเทพ ดีต่อใจ” ส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีให้คนกรุงเทพฯ ได้สุขใจ สุขกายไปกับ 11 กิจกรรมตลอดทั้ง 3 วัน ตั้งแต่วันที่ 5-7 มกราคม 2567 ณ สวนเบญจกิติ โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย

เทศกาล “กรุงเทพ ดีต่อใจ” จัดต่อเนื่องเป็นปีที่ 2  โดยมีวัตถุประสงค์ในการต่อยอดเครือข่ายพันธมิตร ทั้งภาครัฐ และเอกชน เพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืนของคนเมือง พร้อมกระตุ้นการท่องเที่ยวในกทม. ตอบโจทย์ทุกความต้องการของคนทุกเพศทุกวัยที่สนับสนุนการใช้ชีวิตเชื่อม “เมือง-สวน-ป่า-น้ำ” กับ “เยาวชน-ชุมชน และคนกรุงเทพฯ” ให้มาใช้ชีวิตบนพื้นที่สาธารณะอย่าง “สวนเบญจกิติ”

สุรพล อุทินทุ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็น.ซี.ซี. แมนเนจเม้นท์ แอนด์ ดิเวลลอปเม้นท์ จำกัด ผู้บริหารศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ กล่าวว่า “สำหรับงาน “กรุงเทพ ดีต่อใจ” นับว่าเป็นการร่วมมือกันของหลายภาคส่วน เพื่อมอบ “สุขแรก” ให้กับคนกรุงเทพฯ ได้มาใช้ชีวิตและทำกิจกรรมต่างๆ บนพื้นที่สาธารณะอย่าง “สวนเบญจกิติ” ซึ่งเราจัดต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 หลังจากได้รับเสียงตอบรับจากผู้เข้าร่วมงานเป็นอย่างดี ซึ่งในปีนี้ยังมีกิจกรรมดีๆ และยังเพิ่มกิจกรรมไฮไลต์อีกมากมาย ให้คนกรุงฯ มีสุขภาพกาย และใจที่ดี และใช้ชีวิตในแบบยั่งยืน ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายของศูนย์ฯ สิริกิติ์ ในการเป็นมากกว่า “ศูนย์การประชุม” และเป็นพื้นที่เชื่อมต่อพื้นที่สาธารณะอย่าง “สวนเบญจกิติ” เพื่อให้ประชาชน และชุมชนโดยรอบได้เข้ามาใช้ชีวิตในแบบแอคทีฟไลฟ์สไตล์”

 

สุขกาย-สุขใจกับกิจกรรม “กรุงเทพ ดีต่อใจ” ประกอบไปด้วย

  • สุขใจ กับกิจกรรม “กรุงเทพ ดีต่อใจ”
  1. เจริญสุขอย่างดีงาม ต้อนรับปีใหม่ พิธีทำบุญตักบาตรพระสงฆ์ ร่วมใส่บาตรข้าวสารอาหารแห้งในเช้าวันสุข (ศุกร์) แรกของปี
  2. เสียงธรรมยามเช้า เริ่มต้นปีด้วยใจที่ตื่นรู้ กับการบรรยายธรรมะของพระเมธีวชิโรดม (ว.วชิรเมธี) เพื่อเริ่มต้นปีใหม่ด้วยใจที่ตื่นรู้
  3. *Nature Journey Workshop (กิจกรรมใหม่) ภารกิจสำรวจธรรมชาติ มาตรวจสุขภาพปอดกลางเมือง และ Nature Journey Workshop โดยผู้เชี่ยวชาญด้านธรรมชาติวิทยา
  4. Kids Climbing กิจกรรมที่พาน้องๆ ไปลองปีน และได้สัมผัสต้นไม้อย่างใกล้ชิด
  5. หมากรุกในสวน มาฝึกสมองกับกิจกรรมเล่นหมากรุก ที่จัดโดยสโมสรขุนทองคำ
  6. ระบายสี และเล่านิทานกลางสวน ร่วมฟังการเล่านิทานจากพี่ๆ วิทยากรท่ามกลางบรรยากาศร่มรื่นของสวนเบญจกิติในช่วงเย็น หรือจะเลือกอ่านหนังสือที่สนใจ ภายในงานเพื่อเป็นการบ่มเพาะเมล็ดพันธุ์นักอ่านตัวน้อยสู่การเรียนรู้ที่ยั่งยืน พร้อมทั้งกิจกรรมระบายสีเสริมจินตนาการผ่านศิลปะ
  7. *Better SX Morning Talk (กิจกรรมใหม่) Morning Talk ในสวน ร่วมแบ่งปันประสบการณ์เรื่องราวความยั่งยืนเพื่อชีวิต สังคม และโลก และพร้อม Workshop ภารกิจสำรวจธรรมชาติ
  8. ตลาดนัดชุมชน และดนตรีดีต่อใจ ฟังดนตรีบรรยากาศชิลล์ๆในสวน และชอป ชิมของดี กทม. กับ “มีสุข ฟาร์มมาร์เก็ต” ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ และวัตถุดิบ From Farm to Table รวมถึงตลาดต้นไม้จากชุมชนต่างๆ กว่า 40 ร้านค้า เอาใจคนกรุงฯ สายเฮลตี้ พร้อมทั้งเพิ่มช่องทางรายได้แก่ผู้ประกอบการรายย่อย
  9. SX REPARTMENT STORE ร่วมแบ่งปันของนอกสายตา ให้เป็นของมีค่าต่อใจ ส่งต่อของไม่ใช้แล้ว แบ่งปันเพื่อสร้างประโยชน์
  • สุขกาย กับกิจกรรม “กรุงเทพ ดีต่อใจ”
  1. Yoga in the Park and Sound Bath กิจกรรมโยคะในสวน เหมาะสำหรับคนเมืองที่ชีวิตเร่งรีบ และต้องการบำบัด ออฟฟิศซินโดรม และปรับสมดุล คลาสโยคะแบบ Mindfulness Yoga เพื่อฝึกกายใจให้แข็งแรง สงบ และผ่อนคลาย เหมาะกับทุกเพศทุกวัย คลื่นเสียงบำบัด Sound Bath Therapy เปิดประสบการณ์อาบเสียงรับพลังงานบวกพาร่างกาย และจิตใจ มาสัมผัสศาสตร์ที่มีมาแต่โบราณ เพื่อกายใจที่สงบสบายและผ่อนคลายในระดับลึก
  2. Nature Walk และ City Park Volunteer ร่วมพิทักษ์สวนกับกิจกรรมอาสาดูแลสวน กิจกรรมที่เชิญชวนคนกรุงฯ ร่วมดูแล ฟื้นฟูและสำรวจต้นไม้ เรียนรู้ระบบนิเวศของสวน

สำหรับผู้สนใจสามารถเข้าร่วมกิจกรรม “กรุงเทพ ดีต่อใจ รับปีใหม่ 2567” ได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ระหว่างวันที่ 5-7 มกราคม 2567 ที่สวนเบญจกิติ ฝั่งเชื่อมต่อศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ (รถไฟฟ้าใต้ดิน MRT สถานีศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ทางออก 3 หรือ รถไฟฟ้า BTS สถานีอโศก ทางออก 4)  

พร้อมสินเชื่อเพื่อเริ่มต้นส่งออกสำหรับ Size S และมาตรการช่วยเหลือต่อเนื่องแก่กลุ่ม SMEs ที่เป็น NPLs จากช่วงโควิด-19

ฝ่ายวิจัยและบัณฑิตศึกษา มหาวิทยาลัยขอนแก่น   ร่วมกับสถาบันวิจัยความมั่นคงด้านอาหารพลังงาน และน้ำ อนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง และ สถาบันวิจัยแคนนาบิสครบศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น จัดพิธีเปิดห้องปฏิบัติการแพลตฟอร์มการแปรสภาพวัตถุดิบทางการเกษตร เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์จากพืชและสมุนไพร  โดยมี ดร.ณรงค์ชัย อัครเศรณี นายกสภามหาวิทยาลัยขอนแก่น กล่าวเปิดงาน รศ.นพ. ชาญชัย พานทองวิริยะกุล อธิการบดีมหาวิทยาลัยขอนแก่น กล่าวรายงาน พร้อมด้วย ศ.ดร.มนต์ชัย ดวงจินดา รองอธิการบดีฝ่ายวิจัยและบัณฑิตศึกษา คณะผู้บริหารร่วมพิธี ณ อาคารสถาบันวิจัยและพัฒนา (RDI) มหาวิทยาลัยขอนแก่น

รศ.นพ. ชาญชัย พานทองวิริยะกุล อธิการบดีมหาวิทยาลัยขอนแก่น กล่าวว่า มหาวิทยาลัยขอนแก่น อยู่ในกลุ่มสถาบัน Global and Frontier Research University มีนโยบายและยุทธศาสตร์ในการเป็นมหาวิทยาลัยแห่งการวิจัย โดยมุ่งเน้นทำวิจัยตามความต้องการของผู้ใช้งานหรือตามปัญหาของประเทศ (Demand side) เพื่อให้สามารถตอบโจทย์ใหญ่ที่มีผลกระทบ (Impact) สูงได้ ก่อให้เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจ และช่วยยกระดับรายได้ของประเทศ 

“มหาวิทยาลัยขอนแก่นมีการพัฒนาแพลตฟอร์มต่าง ๆ เพื่อรองรับการบริการด้านการวิจัยให้ครอบคลุมทุกศาสตร์สาขา และ เพื่อให้เกิดความร่วมมือในการทำงานวิจัยด้านแปรรูปผลผลิตทางการเกษตร ผักพื้นบ้าน สมุนไพรพื้นถิ่น และปศุสัตว์พื้นเมือง  จึงกำหนดให้เปิดแพลตฟอร์มการแปรสภาพวัตถุดิบทางการเกษตรเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์จากพืชขึ้นในวันนี้”

ขณะที่ ดร.ณรงค์ชัย อัครเศรณี นายกสภามหาวิทยาลัยขอนแก่น กล่าวว่า มหาวิทยาลัยขอนแก่น เล็งเห็นความสำคัญของการส่งเสริมการวิจัยที่มีผลงานดีเด่น เป็นประโยชน์แก่ประชาชน สังคม และประเทศชาติ จึงพัฒนาแพลตฟอร์มการแปรสภาพวัตถุดิบทางการเกษตร เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์จากพืชขึ้น ในห้องปฏิบัติการต้นแบบที่มีขนาดใหญ่และได้รับมาตรฐานตามที่ อย.กำหนด พร้อมเตรียมพัฒนามาตรฐานในระดับสากลต่อไป

“Pain point การแข่งขันด้านผลผลิตทางการเกษตรของไทย ควรแก้ไขให้ตรงจุด คือ เริ่มต้นจากการทำวิจัย มหาวิทยาลัยขอนแก่นในวันนี้ได้พยายามสร้างผลิตภัณฑ์ที่มีฐานมาจากวัตถุดิบทางการเกษตรของภาคอีสาน เชื่อว่าเทคโนโลยีในวันนี้จะช่วยสร้างผลิตภัณฑ์จากพืชที่มีประโยชน์ให้แก่สังคมและชุมชน ยกระดับความสามารถสู่การแข่งขันทั้งในระดับประเทศและระดับสากล”

ด้าน ศ.ดร.มนต์ชัย ดวงจินดา รองอธิการบดีฝ่ายวิจัยและบัณฑิตศึกษา กล่าวว่า ห้องปฏิบัติการแพลตฟอร์มการแปรสภาพวัตถุดิบทางการเกษตร คือ พื้นที่ให้บริการเกษตรกรได้มาเพิ่มมูลค่า และเพิ่มคุณค่าผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร  โดยเฉพาะกลุ่มอาหารจากสมุนไพร อาหารเพื่อสุขภาพ ผลผลิตหลายตัวสามารถนำมาอบและบดได้ด้วยมาตรฐานระดับ GMP เป็นการยกระดับการผลิตของเกษตรกร ทั้งยังพร้อมให้บริการนักวิจัย ด้านการค้นคว้า ส่วนของผู้ประกอบการใหม่ ๆ ก็สามารถมาใช้บริการองค์ความรู้และใช้เครื่องมือต่าง ๆ ได้ 

ขณะเดียวกันห้องปฏิบัติการแห่งนี้ ยังพร้อมเชื่อมโยง บูรณาการการทำงานกับทุกคณะในมหาวิทยาลัย ในการให้บริการด้านต่าง ๆ อาทิ การผลิตผลิตภัณฑ์เป็นแคปซูล ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ไปจนถึงการให้บริการเครื่องมือเฉพาะทางอื่น ๆ 

สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (สพธอ.) หรือ ETDA (เอ็ตด้า) กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เผย ผู้ประกอบธุรกิจแพลตฟอร์มดิจิทัล ที่มีลักษณะตามมาตรา 16 ภายใต้กฎหมาย DPS จะต้องเตรียมประกาศข้อตกลงและเงื่อนไขการให้บริการ หรือ Terms & Conditions (T&C) อาทิ เงื่อนไขการให้บริการ การระงับ การคิดค่าบริการ การจัด Ranking การใช้ข้อมูลส่วนบุคคล ช่องทางรับเรื่องร้องเรียน ช่วยเหลือ ระงับข้อพิพาท ฯลฯ ให้ผู้ใช้บริการทราบอย่างชัดเจน เริ่มบังคับใช้พร้อมกัน 3 มกราคม 2567 นี้

นายชัยชนะ มิตรพันธ์ ผู้อำนวยการ ETDA เปิดเผยว่า ตามที่ กฎหมาย DPS (Digital Platform Service) หรือ พ.ร.ฎ.การประกอบธุรกิจบริการแพลตฟอร์มดิจิทัล ที่ต้องแจ้งให้ทราบ  พ.ศ. 2565 มาตรา 17 ได้กำหนดให้ผู้ประกอบธุรกิจแพลตฟอร์มดิจิทัล ที่มีลักษณะบริการตาม มาตรา 16 คือ เป็นบริการแพลตฟอร์มที่มีลักษณะให้บริการโดยคิดค่าบริการ, ให้บริการเป็นสื่อกลางในการเสนอสินค้าหรือบริการ, ผู้ประกอบธุรกิจมีสัญญากับผู้ประกอบการในการเสนอสินค้าหรือบริการ หรือเป็นบริการ Search engine  หรือ เป็นบริการสืบค้นแหล่งที่ตั้งของข้อมูลคอมพิวเตอร์ จะต้องดำเนินการแจ้งให้ผู้ใช้บริการทราบเกี่ยวกับ "ข้อตกลงและเงื่อนไขการให้บริการ (Terms & Conditions: T&C)” ก่อนหรือขณะใช้บริการ

การแจ้ง T&C เป็นหนึ่งกลไกที่ถูกกำหนดขึ้นเพื่อส่งเสริมและสนับสนุนให้เกิดความโปร่งใส เป็นธรรม ในการให้บริการของแพลตฟอร์มดิจิทัล ให้ผู้ใช้บริการมีข้อมูลในการประกอบการตัดสินใจ ที่จะเลือกใช้งานแพลตฟอร์มและทราบผลที่จะเกิดขึ้นจากการใช้บริการแพลตฟอร์มนั้นๆ ซึ่งจะช่วยให้มีการดูแลและปกป้องสิทธิของผู้ใช้บริการได้อย่างมีประสิทธิภาพ…

ดังนั้น เพื่อให้ผู้ประกอบธุรกิจแพลตฟอร์มดิจิทัล มีแนวทางในการแจ้งประกาศ T&C ได้อย่างเหมาะสม สอดคล้องกับกฎหมาย DPS ทาง ETDA จึงได้ออกประกาศ สพธอ. ที่ ธพด. 4/2566 เรื่อง รายละเอียดการประกาศข้อตกลงและเงื่อนไขการให้บริการแพลตฟอร์มดิจิทัลให้ผู้ใช้บริการทราบ เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2566 ที่ผ่านมา ซึ่งตามประกาศดังกล่าว ระบุว่า T&C ที่ผู้ประกอบธุรกิจแพลตฟอร์มดิจิทัลจะต้องแจ้งให้ผู้ใช้บริการทราบนั้น อย่างน้อยต้องประกอบไปด้วย 8 เรื่อง ดังนี้ 1. เงื่อนไขในการให้บริการ การระงับหรือการหยุดให้บริการ และการคิดค่าบริการ 2. ปัจจัยหลักของอัลกอริทึมหรือของหลักเกณฑ์ที่ใช้ในการจัดอันดับ (Ranking) หรือ แนะนำรายการสินค้าหรือบริการ (Recommending) 3. ปัจจัยหลักของอัลกอริทึมหรือของหลักเกณฑ์ที่ใช้ในการนำเสนอโฆษณาสินค้าหรือบริการแก่ผู้ใช้บริการ 4. ปัจจัยหลักของอัลกอริทึมหรือของหลักเกณฑ์ที่ใช้ในการประเมินความพึงพอใจและการแสดงความคิดเห็นของผู้ใช้บริการ 5. การเข้าถึงและการใช้งานข้อมูลที่ได้รับจากการให้บริการแพลตฟอร์มดิจิทัล โดยผู้ประกอบธุรกิจหรือผู้ใช้บริการ 6. ช่องทางการให้ความช่วยเหลือ กระบวนการจัดการเรื่องร้องเรียนและการระงับข้อพิพาทและกรอบระยะเวลาดำเนินการ 7. การจัดระดับการนำเสนอสินค้า บริการ หรือเนื้อหาที่เหมาะสมกับผู้ใช้บริการแต่ละกลุ่ม และ
8. การดำเนินการกับสินค้า บริการ หรือเนื้อหาที่เข้าข่ายผิดกฎหมาย เป็นต้น

ทั้งนี้ ผู้ประกอบธุรกิจแพลตฟอร์มดิจิทัล จะต้องดำเนินการแจ้ง T&C ให้ผู้ใช้บริการทราบ ตั้งแต่วันนี้ที่ 3 มกราคม 2567 เป็นต้นไป  และต้องยื่นรายงาน T&C พร้อมการแจ้งข้อมูลการประกอบธุรกิจรายปี ให้ ETDA ทราบตามระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด กรณีบุคคลธรรมดา ภายใน 60 วัน นับจากวันสิ้นปีปฏิทิน (ภายใน 29 กุมภาพันธ์ 2567) กรณีนิติบุคคล  ภายใน 60 วัน นับจากวันสิ้นปีบัญชี (ตามวันที่แจ้งกับ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์)                      

สามารถศึกษารายละเอียดประกาศ T&C ได้ที่  https://bit.ly/47vYJqY หรือขอคำปรึกษาเพิ่มเติม โทร 02-123-1234 (ติดต่อทีมกำกับดูแลกฎหมาย DPS) ในวันและเวลาราชการ (9.00-17.00 น.) หรือ อีเมล This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.

ทีคิวเอ็ม อินชัวร์รันส์ โบรคเกอร์ (TQM) ร่วมส่งคนไทยเดินทางกลับบ้านและท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลปีใหม่ ให้มีความสุขและสบายใจ มอบฟรีประกันภัยปีใหม่เที่ยวได้อุ่นใจ ที่ให้ความคุ้มครองสูงสุด 100,000 บาท และประกันอัคคีภัยที่อยู่อาศัยปีใหม่สุขใจฝากบ้านไว้กับประกัน ที่ให้ความคุ้มครองสูงสุด 30,000 บาท ทั้ง 2 กรมธรรม์ ให้ความคุ้มครอง 30 วัน

ดร.นภัสนันท์ พรรณนิภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีคิวเอ็ม อินชัวร์รันส์ โบรคเกอร์ จำกัด กล่าวว่า TQM ได้ร่วมมือกับพันธมิตร บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) ส่งเสริมความคุ้มครองประกันภัยในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2567 มอบฟรีกรมธรรม์ประกันภัยกลุ่มปีใหม่เที่ยวได้อุ่นใจ (ไมโครอินชัวรันส์) ให้ความคุ้มครองสูงสุด 100,000 บาท และกรมธรรม์ประกันอัคคีภัยที่อยู่อาศัยปีใหม่สุขใจฝากบ้านไว้กับประกัน (ไมโครอินชัวรันส์) ที่ให้ความคุ้มครองสูงสุด 30,000 บาท จำนวน 200,000 กรมธรรม์ คุ้มครอง 30 วัน เพื่อช่วยบรรเทาความสูญเสียเบื้องต้นหากเกิดอุบัติเหตุ ในระหว่างการเดินทาง หรือบ้านถูกโจรกรรม หรือเกิดไฟไหม้ TQM จึงขอเป็นส่วนหนึ่งในการร่วมส่งคนไทยได้กลับบ้านหรือท่องเที่ยว เพื่อใช้ชีวิตพักผ่อนกับครอบครัวและคนที่รัก แบบสุขใจ และยังเป็นการส่งเสริมให้ประชนเข้าถึงความคุ้มครองด้านประกันภัยเพิ่มขึ้นอีกด้วย โดยมีระยะการรับสิทธิ์ ตั้งแต่วันนี้ - 15 ก.พ. 67

สำหรับประกันภัยกลุ่มปีใหม่เที่ยวได้สุขใจ เป็นประกันภัยที่ให้ความคุ้มครองกรณีเกิดอุบัติเหตุ โดยมีเงื่อนไขในการรับสิทธิ์คือ ต้องเป็นคนสัญชาติไทยที่มีอายุระหว่าง 15-70 ปีบริบูรณ์ มีระยะเวลาคุ้มครองนาน 30 วัน และประกันอัคคีภัยที่อยู่อาศัยปีใหม่สุขใจฝากบ้านไว้กับประกัน เป็นประกันภัยบ้าน ที่ให้ความคุ้มครอง อาทิ ไฟไหม้ ภัยจากธรรมชาติ โจรกรรม คุ้มครองการ ลักทรัพย์ เป็นต้น มีระยะเวลาคุ้มครองนาน 30 วันเช่นกัน ทั้งนี้รายละเอียดการคุ้มครองตามกรมธรรม์ สามารถลงทะเบียนรับสิทธิ์ผ่านช่องทางออนไลน์ได้ที่เว็บไซต์ www.tqm.co.th หรือ Click Link ประกันภัยอุบัติเหตุ https://bit.ly/48qeT5i ประกันอัคคีภัยที่อยู่อาศัย https://bit.ly/3NCAn76 และศูนย์บริการทั่วประเทศของ TQM

นางเอมอร จิรเสาวภาคย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เทเวศประกันภัย จำกัด (มหาชน) รับรางวัลการใช้ระบบสินไหมอัตโนมัติดีเด่น ประจำปี 2565 “e-Claim Awards 2022” โดยได้รับเกียรติจากนางสาววสุมดี วสีนนท์ รองเลขาธิการด้านตรวจสอบ สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เป็นผู้แทนมอบรางวัลดังกล่าว ณ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็คเมืองทองธานี นนทบุรี

ทีเอ็มบีธนชาต หรือ ทีทีบี ร่วมฉลองการเปิดตัวของ The EM District อย่างเต็มรูปแบบ ด้วย 2 แคมเปญที่มอบสิทธิพิเศษสำหรับผู้ถือบัตรเครดิต ttb เมื่อจับจ่ายที่ศูนย์การค้าเอ็มโพเรียม เอ็มควอเทียร์ และเอ็มสเฟียร์ ระหว่างวันที่ 1 ธันวาคม 2566 – 21 มกราคม 2567 ดังนี้ 

แคมเปญ 7 Days Countdown : เมื่อมียอดใช้จ่ายสะสมครบ 19,000 บาทขึ้นไปในหมวดช้อปปิ้ง และรวม ยอดใช้จ่ายสะสมครบ 1,000 บาทขึ้นไปในหมวดร้านอาหาร ระหว่างวันที่ 25 ธันวาคม 2566  – 31 ธันวาคม 2566 รับบัตรกำนัลศูนย์การค้า มูลค่า 4,800 บาท รับสิทธิ์ด้วยการนำบัตรประชาชนและบัตรเครดิตที่มีชื่อสกุลตรงกัน ณ EM Privilege Counter ชั้น M ศูนย์การค้าเอ็มสเฟียร์  จำกัด 1 สิทธิ์ / หมายเลขบัตรตลอดรายการ และจำกัดรวม 50 สิทธิ์ตลอดรายการ

แคมเปญ Mission Possible : เมื่อใช้จ่ายที่ศูนย์การค้าเอ็มโพเรียม เอ็มควอเทียร์ และเอ็มสเฟียร์ ระหว่างวันที่ 11 มกราคม 2567 - 21 มกราคม 2567 ช้อปครบตามเงื่อนไข

  • มียอดใช้จ่ายตั้งแต่ 10,000 บาทขึ้นไป / เซลล์สลิป รับบัตรกำนัลศูนย์การค้า มูลค่า 1,000 บาท
  • มียอดใช้จ่ายตั้งแต่ 50,000 บาทขึ้นไป / เซลล์สลิป รับบัตรกำนัลศูนย์การค้า มูลค่า 5,000 บาท

จำกัด 1 สิทธิ์ / หมายเลขบัตร / วัน และจำกัดรับบัตรกำนัล สูงสุด 6,000 บาท จำกัดรวม 50 สิทธิ์ตลอดรายการรับบัตรกำนัลโดยนำเซลล์สลิปพร้อมบัตรเครดิต ลงทะเบียน ณ EM Privilege Counter ชั้น M ศูนย์การค้าเอ็มสเฟียร์

X

Right Click

No right click