December 22, 2025

กรมพัฒนาธุรกิจการค้า คว้ารางวัลการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ยอดเยี่ยม ประเภทหน่วยงานภาครัฐ ประจำปี 2566 ในงาน Prime Minister Awards : Thailand Cybersecurity Excellence Award 2023 ตอกย้ำความสามารถในการรับมือด้านความปลอดภัยอย่างมีประสิทธิภาพ

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า วันจันทร์ที่ 25 ธันวาคม 2566 ได้เข้ารับรางวัลจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (นายประเสริฐ จันทรรวงทอง) ณ โรงแรมอัศวิน แกรนด์คอนเวนชั่น เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ ซึ่งกรมฯ รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับการคัดเลือกให้ได้รับ รางวัลการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ยอดเยี่ยม ประเภทหน่วยงานภาครัฐ ประจำปี 2566 ซึ่งเป็นรางวัลอันทรงเกียรติที่สร้างความภูมิใจ และเกียรติยศให้แก่องค์กรเป็นอย่างมาก เป็นการตอกย้ำการเป็นองค์กรภาครัฐชั้นนำที่มีความสามารถในการป้องกันรับมือ และลดความเสี่ยงจากภัยคุกคามไซเบอร์ ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางของ พ.ร.บ. การรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ พ.ศ. 2562 และเป็นไปตามมาตรฐานสากล รวมถึงเป็นการสร้างความตระหนักและการรับรู้ถึงภัยคุกคามทางไซเบอร์

ที่ผ่านมากรมฯ ให้ความสำคัญกับการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ (Cyber Security) ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในการให้บริการดิจิทัล และจะยังคงรักษามาตรฐานการทำงานพร้อมทั้งพัฒนาให้ดียิ่งขึ้น เพื่อให้ประชาชนได้รับบริการจากภาครัฐ ที่มีคุณภาพ และมั่นคงปลอดภัยอยู่เสมอ ตลอดจนสร้างความเชื่อมั่นแก่ผู้ประกอบการ ส่งผลให้การลงทุนและระบบเศรษฐกิจของประเทศสามารถเติบโตและเดินหน้าต่อไปได้อย่างยั่นยืน

โอกาสนี้ กรมพัฒนาธุรกิจการค้าขอขอบคุณสำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (สกมช.) ที่พิจารณาคัดเลือกและมอบรางวัลอันทรงคุณค่าให้แก่กรมพัฒนาธุรกิจการค้า และพันธมิตรทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐและเอกชน ที่ร่วมขับเคลื่อนการดำเนินงานของกรมฯ ด้วยดีเสมอมา ตลอดจนประชาชนผู้ใช้บริการทุกท่านที่มั่นใจใช้บริการดิจิทัลของกรมฯ และขอให้คำมั่นว่ากรมฯ จะสร้างสรรค์นวัตกรรมการให้บริการแก่ภาคธุรกิจ และประชาชนอย่างมีประสิทธิภาพด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย พร้อมให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของข้อมูลสารสนเทศ ด้วยระบบรักษาความปลอดภัยที่น่าเชื่อถือตามมาตรฐานสากล และพ.ร.บ. การรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ พ.ศ. ๒๕๖๒ สอดคล้องกับ พ.ร.บ. การปฏิบัติราชการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2565 ที่ให้หน่วยงานรัฐต้องปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำงานของหน่วยงานราชการให้ทันสมัย โดยใช้เครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ในการอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนมากยิ่งขึ้น อธิบดีกล่าวในท้ายที่สุด

กลุ่มบริษัท ดาว ประเทศไทย (Dow) จัดกิจกรรม “เก็บ...เซฟ...โลก ลดขยะ พิทักษ์ป่าชายเลน” ภายใต้โครงการ ดาวและภาคีป่าชายเลนประเทศไทย หรือ Dow & Thailand Mangrove Alliance ผนึกกำลังภาครัฐ พนักงาน และประชาชนจิตอาสา ในการอนุรักษ์ป่าชายเลนจังหวัดระยองอย่างมีส่วนร่วม ช่วยลดปริมาณขยะตกค้างกว่า 2,750 กิโลกรัม สร้างสมดุลให้กับระบบนิเวศป่าชายเลนและความหลากหลายทางชีวภาพ เพื่อแก้วิกฤตโลกร้อนและลดปัญหาขยะทะเลอย่างยั่งยืน

กิจกรรม “เก็บ...เซฟ...โลก กำจัดขยะ พิทักษ์ป่าชายเลน” จัดขึ้นเป็นปีแรก และมีผู้สนใจเข้าร่วมมากกว่า 360 คน ตลอดเดือนสิงหาคม - พฤศจิกายน 2566 รวม 5 ครั้ง โดยจิตอาสาสามารถป้องกันขยะหลุดรอดสู่สิ่งแวดล้อม ณ ป่าชายเลนปากน้ำประแส อำเภอแกลง และป่าชายเลนบริเวณกลุ่มประมงเก้ายอด หาดแหลมเจริญ อำเภอเมือง จังหวัดระยอง ได้กว่า 2,750 กิโลกรัม โดยขยะที่เก็บได้โดยเฉพาะพลาสติกและวัสดุที่นำกลับมาใช้ใหม่ให้เกิดประโยชน์ได้จะเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลหรืออัปไซเคิลเป็นผลิตภัณฑ์ที่สร้างมูลค่าและรายได้ให้กับชุมชน และขยะที่เหลือจะถูกนำไปกำจัดตามกระบวนการอย่างเหมาะสมต่อไป

นายเดชา พาณิชยพิเชฐ ผู้อำนวยการโรงงาน กลุ่มบริษัท ดาว ประเทศไทย กล่าวว่า “Dow มีการปลูกป่าชายเลนทุก ๆ ปีอย่างต่อเนื่องมากว่า 15 ปี เพราะป่าชายเลนสามารถดูดซับคาร์บอนได้มากกว่าป่าบกหลายเท่า และยังเป็นปราการในการดักกรองขยะพลาสติกไม่ให้รั่วไหลลงสู่ทะเล”

“เมื่อเวลาผ่านไป ป่าชายเลนจะมีขยะสะสมอยู่เป็นจำนวนมาก เราจึงจัดกิจกรรมเก็บขยะที่ตกค้างในป่าชายเลนอย่างต่อเนื่อง โดยร่วมกับทั้งพนักงาน ลูกค้า และพาร์ทเนอร์ของ Dow น้อง ๆ นักเรียน และประชาชนในพื้นที่ ซึ่งนอกจากจะช่วยฟื้นฟูป่าชายเลนให้มีความอุดมสมบูรณ์ และช่วยลดปริมาณขยะในธรรมชาติ ยังช่วยสร้างทัศนียภาพที่สวยงามซึ่งจะนำรายได้จากการท่องเที่ยวมาสู่ชุมชนต่อไป ตอบโจทย์เป้าหมายประโยชน์ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมอย่างแท้จริง” นายเดชาสรุป

นับตั้งแต่ พ.ศ. 2552 จวบจนปัจจุบัน พนักงานดาวอาสา ร่วมกับหน่วยงานพันธมิตร และประชาชนในจังหวัดระยองได้ร่วมกันเพิ่มพื้นที่สีเขียวตามแนวชายฝั่งด้วยการปลูกและดูแลป่าชายเลนอย่างต่อเนื่องมาตลอด 15 ปี เพื่อเป็นการตอกย้ำพันธสัญญาด้านสิ่งแวดล้อมและความรับผิดชอบต่อสังคมที่บริษัทฯ ให้ความสำคัญตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา และยังมุ่งมั่นที่จะมีส่วนร่วมในการต้านโลกร้อนอย่างต่อเนื่องตามเป้าการทำงานด้านความยั่งยืนขององค์กร

เอไอเอ ประเทศไทย นำโดย นายปกป้อง ยินดีผล (ขวา) ผู้อำนวยการฝ่ายอสังหาริมทรัพย์ ร่วมงานแถลงข่าว “โครงการรณรงค์ความปลอดภัยทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ ประจำปี 2567” ซึ่งจัดขึ้นโดยสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เพื่อมุ่งรณรงค์ ขับขี่ปีใหม่ ถึงที่หมายปลอดภัย มีประกันภัยคุ้มครอง ในโอกาสนี้ เอไอเอ ยังได้ร่วมออกบูธเพื่อสร้างการตระหนักรู้ถึงความเสี่ยงจากอุบัติเหตุบนท้องถนนระหว่างการเดินทางในช่วงเทศกาลปีใหม่ โดยได้รับเกียรติจาก นายชูฉัตร ประมูลผล (กลาง) เลขาธิการ คปภ. และนายชัยยุทธ มังศรี รองเลขาธิการด้านกฎหมาย คดี และคุ้มครองสิทธิประโยชน์ สำนักงาน คปภ. เยี่ยมชมบูธเอไอเอ ณ สำนักงาน คปภ. เมื่อวันที่ 25 ธันวาคม ที่ผ่านมา

ทั้งนี้ เอไอเอ ประเทศไทย ได้ให้ความร่วมมือกับสำนักงาน คปภ. รณรงค์ขับขี่ปลอดภัย มาอย่างต่อเนื่องทุกปี โดยในปีนี้ เอไอเอ ประเทศไทย ร่วมกับ เอ ไลฟ์ มอบกรมธรรม์อุบัติเหตุประกันภัยกลุ่มปีใหม่เที่ยวได้อุ่นใจ (ไมโครอินชัวรันส์) ให้แก่ประชาชนทั่วไป ด้วยวงเงินคุ้มครองชีวิตสูงถึง 100,000 บาทต่อกรมธรรม์ กรณีเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ พร้อมรับผลประโยชน์ค่ารักษาพยาบาลเนื่องจากอุบัติเหตุตามจำนวนที่จ่ายจริงสูงสุด 5,000 บาท เพื่อช่วยให้คนไทยอุ่นใจยิ่งขึ้นหากต้องเดินทางในช่วงเทศกาลปีใหม่ที่จะถึงนี้ โดยสามารถลงทะเบียนรับสิทธิกรมธรรม์ประกันอุบัติเหตุฟรี และศึกษารายละเอียดความคุ้มครองในกรมธรรม์ ผ่าน LINE Official @AIAThailand ที่ลิงก์ https://bit.ly/freepa_edm (กด LINE Rich Menu “รับฟรีประกันอุบัติเหตุ”) ได้ตั้งแต่วันนี้ จนถึงวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2567

มอบรางวัลยกย่องพันธมิตรช่วยสร้างงานและรายได้ให้กับผู้ขาดโอกาส

กรุงศรี (ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) และบริษัทในเครือ) ส่งต่อความเชี่ยวชาญในการดำเนินธุรกิจให้กับ Hattha Bank Plc. ธนาคารพาณิชย์ชั้นนำในประเทศกัมพูชา ซึ่งเป็นสถาบันการเงินในเครือกรุงศรี ผลักดันโมเดล ASEAN Privileges ขยายฐานลูกค้าบัตรเดบิตด้วยสิทธิประโยชน์ต่างๆ เพื่อยกระดับประสบการณ์ทางการเงินที่สะดวกสบายและปลอดภัยให้กับคนกัมพูชา พร้อมต่อยอดในเครือข่ายธุรกิจของกรุงศรีในกลุ่มประเทศอาเซียนเพื่อช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวอาเซียนเข้ามาใช้จ่ายในประเทศ ขับเคลื่อนเศรษฐกิจภาคการท่องเที่ยวในประเทศไทย

นายวันชัยระบิน จิตวัฒนาธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงานธุรกิจระดับภูมิภาค ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “กรุงศรีทำงานร่วมกับ Hattha Bank อย่างใกล้ชิดและเห็นการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดย Hattha Bank ได้นำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่หลากหลายออกสู่ตลาดเพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคในกัมพูชาให้สอดคล้องกับเทรนด์และสภาวะตลาดที่เปลี่ยนแปลงไป ล่าสุดได้เปิดตัวบัตรเดบิต Hattha Visa Debit Card  ซึ่งนอกจากกรุงศรีจะได้ส่งต่อประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในด้านธุรกิจบัตรให้กับบริษัทในเครือซึ่งเป็นธุรกิจในต่างประเทศแล้ว เรายังได้ใช้ประโยชน์จากความแข็งแกร่งด้านเครือข่ายพันธมิตรในไทย ช่วยสร้างจุดแข็งให้กับบัตรเดบิตดังกล่าวด้วย โดยนักท่องเที่ยวกัมพูชาที่ถือบัตร Hattha Visa Debit Card จะได้รับสิทธิประโยชน์ส่วนลดต่างๆ เมื่อมาใช้จ่ายในประเทศไทย ในช่วงแรกเป็นการนำเสนอสิทธิประโยชน์สำหรับการใช้จ่ายในห้างสรรพสินค้าชั้นนำในไทย และในอนาคต กรุงศรีและ Hattha Bank มีแผนร่วมกันที่จะขยายสิทธิประโยชน์ให้ครอบคลุมกลุ่มธุรกิจอื่นๆ ให้สอดคล้องกับพฤติกรรมและไลฟ์สไตล์ของกลุ่มลูกค้า”

“กรุงศรีได้วางกลยุทธ์ในการช่วยต่อยอดธุรกิจให้กับเครือข่ายธุรกิจต่างๆ ในอาเซียน ภายใต้โครงการ ASEAN Privileges โดยต้องการขยายฐานลูกค้าธุรกิจบัตรด้วยสิทธิประโยชน์ต่างๆ สำหรับการใช้จ่ายในประเทศไทย ซึ่งในแต่ละปีมีนักท่องเที่ยวจากกลุ่มประเทศอาเซียนเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในไทยหลักล้านคน เราต้องการให้นักท่องเที่ยวกลุ่มนี้เมื่อเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยได้รับสิทธิประโยชน์และประสบการณ์ทางการเงินที่พิเศษซึ่งสนับสนุนโดยกรุงศรีและพันธมิตร เราได้เริ่มโครงการนี้กับ Hattha Bank เป็นที่แรก และมีแผนที่จะขยายโมเดลดังกล่าวไปยังเครือข่ายธุรกิจอื่นของกรุงศรีในอาเซียน ซึ่งนอกจากจะช่วยขยายฐานลูกค้าในต่างประเทศแล้ว ยังเป็นอีกทางหนึ่งที่จะช่วยสนับสนุนนักท่องเที่ยวในกลุ่มประเทศอาเซียนให้เข้ามาท่องเที่ยวและใช้จ่ายในประเทศไทยได้อีกด้วย”

นอกจากความสะดวกและสิทธิประโยชน์ที่ได้รับจากผลิตภัณฑ์บัตรแล้ว กรุงศรียังร่วมกับ Hattha Bank ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์การโอนเงินระหว่างประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยในปีนี้มีการเพิ่มฟีเจอร์การทำธุรกรรมโอนเงินแบบเรียลไทม์ระหว่างไทยและกัมพูชาด้วยระบบที่พัฒนาขึ้นโดยเฉพาะในเครือกรุงศรี ลูกค้าไม่ว่าที่ไทยหรือกัมพูชาสามารถทำธุรกรรมการโอนเงินออกผ่านทางโมบายแบงก์กิ้งได้อย่างสะดวกรวดเร็ว  นอกจากนี้เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา Hattha Bank ยังได้เปิดตัวบริการโอนเงินระหว่างประเทศผ่านทาง SWIFT ซึ่งเชื่อมต่อกับเครือข่ายธนาคารทั่วโลก นับเป็นอีกหนึ่งบริการใหม่ที่ช่วยสร้างความสะดวกสบายและความมั่นใจในการรับบริการทางการเงินให้กับประชาชนชาวกัมพูชาอีกด้วย

“ด้วยความร่วมมือในการการผสานความแข็งแกร่งของทั้งสองบริษัท กรุงศรีเชื่อมั่นว่า Hattha Bank จะสามารถขับเคลื่อนและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง มุ่งสู่การเป็นธุรกิจธนาคารพาณิชย์ชั้นนำที่นำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินที่ครบวงจร เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าทุกกลุ่ม และพร้อมเป็นกำลังสำคัญที่จะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจกัมพูชาให้เติบโตอย่างยั่งยืนต่อไป” นายวันชัยระบิน กล่าวปิดท้าย

ปี 2023 เกิดเหตุการณ์มากมายหลายอารมณ์ในทุกมิติ ทั้งสังคม การเมือง วัฒนธรรม และไลฟ์สไตล์ เราได้เห็นกระแสความเห็นอันหลากหลาย ล่าสุดทาง LINE TODAY จัดทำ LINE TODAY POLL OF THE YEAR 2023 โพลแห่งปี เพื่อรวมแง่มุมและประเด็นฮิตให้เหล่ามหาชนออนไลน์ร่วมโหวตระหว่างวันที่ 4 - 20 ธันวาคมที่ผ่านมา พบ “ข่าวพิธาหลุดนายก” มาแรงอันดับ 1 ข่าวแห่งปี “กางเกงช้าง” รั้งที่1 ซอฟต์พาวเวอร์

 

  1. สังคมจับตาข่าวพิธาหลุดนายกฯ มาแรงอันดับ 1 “ข่าวแห่งปี 2023”

ยกให้เป็นข่าวเด่นประเด็นร้อนที่สุดของปี โหวตข่าวพิธาถือหุ้น ITV หลุดตำแหน่งนายกฯ และโดนสั่งยุติการปฏิบัติหน้าที่ หลังจากชนะเลือกตั้งปี 66 ที่ผ่านมา ด้วยผลโหวต 28.03% รองลงมาเป็นข่าวสงครามระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาส 10.18% และอันดับสาม ข่าวเยาวชนวัย 14 กราดยิงศูนย์การค้า 10.1% 

นอกจากนี้ โพลอื่น ๆ ที่ผ่านมา ยังเผยผลสำรวจจากเหตุการณ์กราดยิงนี้ พบว่า การแจ้งเตือนฉุกเฉินที่ชัดเจน เข้าใจง่ายทั้งภาษาไทยและภาษาต่างประเทศ เป็นเรื่องที่ควรได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วนถึง 40.77% ขณะที่มองว่า “เกม” ส่งผลร่วมกับปัจจัยอื่น ก่อให้เกิดพฤติกรรมก้าวร้าว ที่ 63.3%

 

  1. ปีทองวอลเลย์บอลหญิงไทย โดนใจ “ข่าวกีฬา” แห่งปี

ถือเป็นปีทองของเหล่านักตบลูกยางหญิงไทย ที่สร้างชื่อเสียงและความสำเร็จในเวทีการแข่งขันระดับนานาชาติหลายรายการ อาทิ เหรียญทองกีฬาซีเกมส์ 2023, แชมป์เอเชีย 2023 สมัยที่ 3 และเหรียญทองแดงเอเชียนเกมส์ จนได้รับการโหวตให้เป็นที่สุดแห่งปีด้านเหตุการณ์ข่าวกีฬาถึง 29.15% รองลงมาเป็นเหตุการณ์ชวนลุ้นเพราะคะแนนคู่แข่งขึ้นผิดปกติจากระบบผิดพลาด ทำเอานักเทควันโดสาว “เทนนิส พานิภัค” เกือบชวดเหรียญทองเอเชียนเกมส์ 17.48% และวิว-กุลวุฒิ แบดมินตันชายเดี่ยวที่คว้าแชมป์แบดมินตันโลก 13.76%

  1. พิธา-เศรษฐา-วราวุธ “นักการเมือง” แห่งปี

พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ได้รับการโหวตจากผู้ใช้ LINE TODAY ขึ้นแท่นที่สุดนักการเมืองแห่งปีที่ 36.35% อันดับ 2 เศรษฐา ทวีสิน 16.5% และอันดับ 3 วราวุธ ศิลปอาชา 13.4% สอดคล้องกับผลโหวตคะแนนนิยมทางการเมืองในเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมาที่นายพิธา ได้อันดับหนึ่ง 31.73% 

ขณะที่โพลในอดีตในประเด็นคุณสมบัติของประธานสภาผู้แทนราษฎร ก็พบว่า “มีวัยวุฒิ คุณวุฒิ ประสบการณ์การเมือง” เป็นข้อที่ถูกโหวตมากที่สุดถึง 54.06% ตามมาด้วย “มาจากพรรคเสียงข้างมาก” 17.27%

 

  1. แฟชั่นกางเกงช้าง ที่สุดของ “ซอฟต์ พาวเวอร์” ไทย ครองใจทั้งไทยและเทศ

จากกระแสนโยบายการผลักดันซอฟต์ พาวเวอร์ (Soft Power) ที่เข้มข้น ทำให้กางเกงลายช้างกลายเป็นซอฟต์ พาวเวอร์ไทยที่มาแรงที่สุดแห่งปี ด้วยผลโหวตกว่า 26.94% ขณะที่ข้าวเหนียวมะม่วงยังคงได้รับอิทธิพลอย่างต่อเนื่องกว่า 17.96% ส่วนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไทย โดยเฉพาะพระพรหมและพระแม่ลักษมีก็ได้รับการโหวตให้เป็นหนึ่งในซอฟต์ พาวเวอร์มาแรงถึง 8.84%

 

  1. ด้อมนางงาม-การเมืองสุดคึกคัก คว้า “แฮชแท็กแห่งปี” แบบขาดลอย

นอกจากคอมมูนิตี้นางงามที่เติบโตไม่มีแผ่วในช่วง 2-3 ปีหลังมานี้ ยังพบว่า #อิงฟ้ามหาชน ของด้อมอิงฟ้า วราหะ ยังเป็นถูกโหวตให้เป็นแฮชแท็กแห่งปีด้วยคะแนนนำโด่งถึง 43.32% จากแรงเชียร์และแรงสนับสนุนที่เหนียวแน่น ตามมาด้วยอันดับ 2 อย่าง #นายกคนที่30 ที่ 11.02% จากสถานการณ์เลือกตั้งปี 66 ที่คึกคักนานหลายเดือน ตามมาอันดับ 3 ด้วย #เลือกตั้ง66 ที่ 8.80%

 

  1. แอนโทเนียชนะใจคนไทย สวมมงเบอร์หนึ่ง “ข่าวบันเทิง” แห่งปี

สำหรับฝั่งบันเทิง “แอนโทเนีย โพซิ้ว” ผู้สร้างความภาคภูมิใจให้คนไทยในช่วงปลายปี สามารถคว้าตำแหน่งรองอันดับ 1 Miss Universe ชนะใจคนไทย ได้รับการโหวตให้เป็นที่หนึ่งข่าวบันเทิงแห่งปีด้วยผลโหวต 40.17% ปาดมงทุกข่าวบันเทิงขาดลอย ตามด้วยข่าวเปิดใจคุยกันของนนกุล-แอฟ ทักษอร 14.84% และข่าวต้องเต ผู้กำกับหนัง “สัปเหร่อ” ที่พาหนังไทยม้ามืดกวาดรายได้หลายร้อยล้าน ปลุกกระแสให้คนไทยกลับมาดูหนังไทยในปีที่ผ่านมา 19.34%

 

  1. พีพี-บิวกิ้นตีคู่ “ศิลปินยอดนิยม” แห่งปี

พีพี กฤษฏ์ ครองใจแฟนคลับเหนียวแน่น คว้าอันดับหนึ่งศิลปินยอดนิยมแห่งปีด้วยผลโหวต 39.81% ตามมาติดๆ ด้วย บิวกิ้น พุฒิพงศ์ ที่ 36.13% และวง BUS – BECAUSE OF YOU I SHINE  บอยแบนด์สุดปังจากรายการ 789 Survival 5.76% ซึ่งที่ผ่านมา พีพี ก็เคยได้รับการโหวตให้เป็นศิลปินยอดนิยมประจำเดือนกุมภาพันธ์กับผลงานเพลงลังเล ด้วยคะแนนขาดลอยเกินครึ่ง 54.37% 

 

  1. เจฟ ซาเตอร์ “ศิลปิน POPCORNER” แห่งปีครองโหวตเกือบครึ่ง

เจฟ ซาเตอร์ นักร้องหนุ่มสุดฮอต ที่เคยมาเล่าเรื่องราวและเช็กอินในรายการ “POPCORNER” บน LINE TODAY  ติดอันดับหนึ่งศิลปินสุดเลิฟที่ชาวด้อมเทคะแนนโหวตให้มากที่สุด 42.03% รองลงมาเป็น ไลแคน (LYKN) วงบอยแบนด์ T-POP หน้าใหม่มาแรง 14.02% และตามมาติด ๆ กับอีกหนึ่งวงบอยแบนด์ไทยสุดฮอต พร็อกซี (PROXIE) เจ้าของเพลงฮิต “คนไม่คุย” 13.67%

นอกจากนี้ ยังมีโพลในหัวข้อประเด็นต่างๆ ในสังคมที่มหาชนออนไลน์อยากส่งเสียงบอก โดยในหัวข้อปัญหาสังคมที่ควรแก้ไขด่วนที่สุด เรื่องปากท้อง–ค่าครองชีพนำมาเป็นอันดับ 1 (25.85%) ในหัวข้อสิ่งที่อยากให้หมดไปจากการเมืองไทย มหาชนทุ่มโหวตให้เรื่องคอรัปชัน (43.95%) และ ในหัวข้อค่าใช้จ่ายที่ต้องแบกรับเพิ่มขึ้นมากที่สุด เป็นเรื่องค่าน้ำมัน (44.93%)


หมายเหตุ: เนื้อหาดังกล่าวเป็นการสรุปผลการโหวต LINE TODAY POLL ของผู้ใช้บนบริการ LINE TODAY ในหัวข้อต่างๆ มีวัตถุประสงค์เพื่อประมวลความคิดเห็นของผู้ใช้บน LINE TODAY โดยมีผู้ใช้ร่วมโหวตรวมกว่า 129,000 คน

ท่ามกลางวิกฤตของสภาพแวดล้อมโลกที่เปลี่ยนผ่านจากโลกร้อน (Global Warming) เข้าสู่ภาวะโลกเดือด (Global Boiling) ส่งผลให้ทุกภาคส่วนจำเป็นต้องเร่งเดินหน้าสู่เศรษฐกิจสีเขียวภายใต้บริบทใหม่ของโลกที่มุ่งสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals) โดยเฉพาะภาคธุรกิจ การค้า การลงทุน ที่กำลังเผชิญแรงกดดันจากบริบทใหม่ดังกล่าว ทั้งนี้ ปัจจุบันมีมาตรการทางการค้าด้านสิ่งแวดล้อมทั่วโลกรวมแล้วราว 18,000 มาตรการ เมื่อประกอบกับผลการศึกษาของ Moore Global บริษัทที่ปรึกษาทางบัญชีและธุรกิจที่ระบุว่า บริษัทที่ให้ความสำคัญอย่างมากกับประเด็นเรื่องของสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแลกิจการที่ดี (Environmental, Social, and Governance : ESG) จะมีอัตราการเติบโตของรายได้และกำไรสูงกว่าบริษัทที่ให้ความสำคัญน้อยถึง 2.2 และ 2.5 เท่าตามลำดับ ส่งผลให้บริษัททั่วโลกตื่นตัวและเร่งปฏิบัติตามหลัก ESG อย่างจริงจัง

ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) กล่าวว่า ในฐานะสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐภายใต้สังกัดกระทรวงการคลัง ธนาคารมีเจตนารมณ์แน่วแน่และเป้าหมายชัดเจนที่จะเดินหน้าสู่การเป็น Green Development Bank เพื่อตอบโจทย์การพัฒนาอย่างยั่งยืนและสมดุล ในทุกมิติ อีกทั้งสนับสนุนการสร้างระบบนิเวศ (Ecosystem) ของภาคการค้าการลงทุนระหว่างประเทศ ผลักดันการสร้างธุรกิจสีเขียว ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายทางที่สอดรับไปกับกระแสการพัฒนาอย่างยั่งยืน พร้อมเคียงข้างและนำพาผู้ประกอบการไทยก้าวเข้าสู่ Green Economy โดยมีแผนยุทธศาสตร์ปี 2567 ในการขับเคลื่อนบทบาทการเป็น Green Development Bank ผ่านยุทธศาสตร์ Sustainable Growth Escalator เพื่อยกระดับธุรกิจไทยสู่เศรษฐกิจที่เป็น ESG  โดยมุ่งเน้นให้การสนับสนุนสินเชื่อและเป็นกลไกในการยกระดับการบริหารจัดการธุรกิจสู่ความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างครบวงจร ผ่าน “กลยุทธ์ 3 เติม” ได้แก่ “เติมความรู้” ด้วยการบ่มเพาะให้ความรู้ด้านสิ่งแวดล้อมตามกติกาการค้าโลก พร้อมสร้างแรงจูงใจให้ผู้ประกอบการเร่งปรับตัว ทั้งผู้ส่งออก และ Suppliers ของผู้ส่งออก เพื่อให้ดำเนินธุรกิจได้อย่างต่อเนื่อง “เติมโอกาส” จับคู่ คู่ค้าทั้งใกล้และไกลทั่วโลก ผ่าน Business Matching และ E-commerce Platform และ “เติมเงินทุน” ด้วยการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการ รวมถึงนวัตกรรมทางการเงินใหม่ ๆ เพื่อยกระดับธุรกิจไทยให้สอดคล้องกับมาตรการด้านสิ่งแวดล้อมสากล เช่น EXIM Green Start, Solar Orchestra, Solar D-Carbon Financing, EXIM Green Goal และ EXIM Extra Transformation เพื่อให้ EXIM BANK สามารถขยาย Green Portfolio จาก 28% ในปี 2565 เป็น 50% ของพอร์ตทั้งหมดภายในปี 2571 และสนับสนุนการปรับลดคาร์บอนของ Suppliers ใน Chain ของผู้ส่งออก พร้อมกับเป็นหนึ่งในเครื่องยนต์สำคัญของประเทศที่จะช่วยเปลี่ยนผ่านเศรษฐกิจและธุรกิจไทยไปสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน

 

“การปรับตัวของภาคธุรกิจสู่ ESG กลายเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการดำเนินธุรกิจให้สอดคล้องตามมาตรฐานสากล เนื่องจากผู้บริโภคทุกกลุ่มให้ความสำคัญกับการดูแลสิ่งแวดล้อมและสังคม เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน ผู้ประกอบการที่สามารถปรับตัวได้ก่อน ก็จะสามารถอยู่รอดได้ รวมทั้งมีข้อได้เปรียบจากภาพลักษณ์ที่โดดเด่นขึ้น” ดร.รักษ์ กล่าว

 

นอกจากนี้ EXIM BANK ไม่เพียงพัฒนาสินเชื่อสีเขียว แต่ยังให้ความสำคัญในส่วนของเครื่องมือการระดมทุน ผ่านการออก Green Bond มูลค่า 5,000 ล้านบาท และ SME Green Bond มูลค่า 3,500 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนด้านการเงินแก่ธุรกิจสีเขียว ในระยะถัดไป EXIM BANK มีแผนจะขยายขอบเขตในด้านเครื่องมือของการระดมทุนให้ครอบคลุมไปถึงการออก Blue Bond ซึ่งเป็นตราสารหนี้ที่ระดมทุนเพื่อนำมาใช้กับโครงการที่เป็นประโยชน์กับสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรทางทะเลโดยเฉพาะ เพื่อการอนุรักษ์และฟื้นฟูมหาสมุทร ทะเล และทรัพยากรทางทะเลให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน เช่น พาณิชยนาวีที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ไม่ว่าจะเป็นการปรับปรุงเรือให้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นและปล่อยมลพิษลดลง การซื้อเรือใหม่ที่ใช้เทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เป็นต้น ยิ่งไปกว่านั้น ยังตอกย้ำบทบาทการเป็น Lead Bank ในการสนับสนุนทั้ง Green Economy และ Blue Economy ของประเทศ โดย EXIM BANK พร้อมทำหน้าที่เป็นกลไกเชื่อมโยงและบริหารจัดการการใช้ประโยชน์จากกองทุนของสถาบันการเงินระดับโลกและระดับภูมิภาคที่เกี่ยวข้องกับ Green/Climate Fund เพื่อช่วยผู้ประกอบการไทยในช่วงเปลี่ยนผ่านและปรับธุรกิจให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม รวมถึงการสร้างกลไกสำหรับอำนวยความสะดวกในการปฏิบัติตามระเบียบการค้าใหม่ ๆ ของโลก เดินหน้าสู่ Carbon Neutrality และสร้างการพัฒนาที่สมดุลในที่สุด

 

“EXIM BANK มุ่งสนับสนุนการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) โดยเฉพาะอุตสาหกรรมใหม่ที่มีมูลค่าเพิ่มสูง รวมไปถึงอุตสาหกรรมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยจะทำหน้าที่เสมือนเป็น Supply Chain Linker เชื่อมโยงระหว่างบริษัทข้ามชาติกับผู้ประกอบการไทย ร่วมกับหน่วยงานพันธมิตร ตลอดจนเป็น Financial Arm ของภาครัฐในการดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ ควบคู่กับการให้สิทธิประโยชน์ของหน่วยงานภาครัฐอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง” ดร.รักษ์ กล่าว

บริษัท กรุงเทพประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) โดย นางสาวศิรินารถ วงศ์เจริญสถิตย์ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ สายเทคโนโลยีสารสนเทศ (ซ้าย) รับมอบรางวัลชมเชยการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ยอดเยี่ยมภาคเอกชน  Cybersecurity Performance Excellence Awards 2023 จาก นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ขวา) ผู้มอบแทนนายกรัฐมนตรี ในพิธีมอบโล่รางวัลประกาศเกียรติคุณ เพื่อเชิดชูเกียรติหน่วยงาน และองค์กรที่มีผลพัฒนาการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ยอดเยี่ยมประจำปี 2566 ณ ห้องพระวิษณุ โรงแรมอัศวิน แกรนด์ คอนเวนชั่น เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ เมื่อเร็ว ๆ นี้

กรุงเทพประกันชีวิต ให้ความสำคัญต่อการพัฒนารักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ และสนับสนุนการสร้างความตระหนักรู้และรับรู้ถึงภัยคุกคามทางไซเบอร์ในทุกภาคส่วนของสังคมไทย รางวัล Prime Minister Awards: Cybersecurity Performance Excellence Awards 2023 นี้ เป็นรางวัลเกียรติยศที่สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของบริษัทในการดูแลใส่ใจความปลอดภัย ในการให้บริการที่สอดคล้องกับความต้องการที่หลากหลายในยุคดิจิทัล ควบคู่ไปกับสร้างความเชื่อมั่นและส่งมอบประสบการณ์ที่ดีให้แก่ผู้เอาประกันภัยและผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม

อีกพลังขับเคลื่อนในการสร้างสังคมน่าอยู่และเติบโตอย่างยั่งยืน 

ขับเคลื่อนวัฒนธรรม Impact for Good สานต่อแนวคิด ESG สร้างสังคมอยู่ดีมีสุข

X

Right Click

No right click