January 09, 2025

‘ดร.จุล ธนศรีวนิชชัย’ กับภารกิจพา 5 โครงการ ฝ่าตลาด ป.โท ที่เติบโตช้า

January 08, 2025 36

ตลาดการศึกษาระดับปริญญาโท เริ่มอยู่ในจุดอิ่มตัวหรือเติบโตช้า เนื่องจากจำนวนประชากรลดลง และบางกลุ่มไม่สนใจศึกษาต่อในระดับปริญญาโทแต่สนใจการเรียนแบบเทคคอร์สหรือคอร์สระยะสั้น บวกกับค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นทำให้คนเริ่มมองการศึกษาต่อในต่างประเทศมากขึ้น

ดร.จุล ธนศรีวนิชชัย ประธานกรรมการดำเนินงานโครงการหลักสูตรบริหารธุรกิจมหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ผู้ดูแลโครงการปริญญาโท MBA 5 โครงการ คือ 1. โครงการปริญญาโทสาขาบริหารธุรกิจ ภาคค่ำ (YMBA) 2. โครงการบัณฑิตศึกษาสาขาบริหารธุรกิจ (ภาคปกติ) (RMBA) 3. โครงการบัณฑิตศึกษาสาขาบริหารธุรกิจ (สปท.) (CMMBA) 4. โครงการปริญญาโทสำหรับผู้บริหาร (Ex-MBA) และ 5. Kasetsart International MBA Program (KIMBA) จะมาบอกเล่าเรื่องราวและแผนกลยุทธ์ในการนำพาทั้ง 5 โครงการเป็นที่ตอบรับของนิสิตและตลาดแรงงาน

ดร.จุล บอกว่า “ก่อนหน้าที่ผมจะเข้ามาบริหารโครงการทั้ง 5 โครงการ ทีมผู้บริหารเดิมเขาทำได้ดีมากอยู่แล้ว ตอนนี้ผมจะเข้ามาช่วยดูเรื่อง facilities ต่างๆ เช่น การสร้างอาคาร Kasetsart Business School Space (KBS SPACE)  แทนอาคารเก่าอายุ 60 ปี โดยจะเป็นอาคาร 7 ชั้นและที่ชั้น 1-4 ชั้นจะเปิดให้บริการ 24 ชั่วโมงเพื่อให้เป็น co-working space เป็นพื้นที่ให้นิสิตทั้งปริญญาตรี - โท - เอกและศิษย์เก่าได้มาใช้บริการ รวมทั้งนิสิตต่างคณะเพื่อเป็นพื้นที่นั่งพูดคุย ระดมสมองเกี่ยวกับการทำธุรกิจ เพื่อสร้างนิสิตให้เป็นสตาร์ทอัพรุ่นใหม่ คาดจะใช้งบประมาณ 250 ล้านบาท โดยจะเริ่มก่อสร้างไม่เกินเดือนมิถุนายนปีนี้ ในส่วนอื่นๆ ก็ได้ปรับเรื่อง Smart Classroom ไอที อินเตอร์เน็ตที่เสถียรและเร็วขึ้นมาก เพราะต้องการเพิ่มความสะดวกสบาย และความทันสมัย สนองตอบความต้องการของนิสิตและศิษย์เก่า และนอกจากนี้เราต้องการจะพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกให้ตอบรับกับมาตรฐาน AACSB Accreditation ด้วย”

นอกจากหลักสูตรที่มีคุณภาพและ facilities ที่สะดวกสบายแล้ว การเดินทางที่สะดวกด้วยรถไฟฟ้า 2 สาย คือ สายสีแดงและสีเขียว บวกกับพื้นที่มหาวิทยาลัยที่มีขนาดใหญ่ถึง 800 ไร่ มีสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ  มีอาคารจอดรถข้างๆคณะ ทำให้ผู้เรียนมีความสะดวกสบายในการเดินทางมาเรียน ถือเป็นจุดสำคัญที่ทำให้ผู้เรียนเลือกมาเรียนที่นี้

“ค่าเล่าเรียนของเราก็ที่ไม่สูงเกินไป อย่าง YMBA ที่เดิมอยู่ที่ 235,000 บาท ซึ่งปีนี้จะมีการปรับราคาเป็น 275,000 บาท ส่วน RMBA ค่าเทอมอยู่ที่ 19,300 บาทต่อเทอม ส่วน KIMBA จะปรับค่าเทอมจาก 375,000 บาทเป็น 435,000 บาท การปรับค่าเล่าเรียนเนื่องจากภาวะเงินเฟ้อและเราไม่ได้ขึ้นค่าเล่าเรียนมามากกว่า 10 ปีแล้ว”

สำหรับการเปิดรับนิสิตปีนี้โครงการ YMBA เปิดรับ 80 คน ผู้เรียนต้องมีประสบการณ์ทำงาน 3 ปีขึ้นไป RMBA เปิดรับ 30 คน CMMBA เปิดรับ 50 คน Ex-MBA เปิดรับ  40 คน ผู้เรียนต้องมีประสบการณ์ทำงาน 7 ปีขึ้น และ KIMBA เปิดรับ 30 คน

“โครงการ YMBA กับ CMMBA ทุกปีมีผู้สนใจสมัครพอสมควร แต่ที่ต้องกระตุ้นยอดผู้สมัคร คือ KIMBA กับ Ex-MBA อย่าง Ex-MBA ที่อื่นเขาเรียนแค่ปีครึ่ง แต่ของเราใช้เวลา 2 ปีทำให้เด็กไม่ค่อยอยากมาเรียนและยังต้องทำโครงการค้นคว้าอิสระ (IS) ที่ต้องมีการเผยแพร่ในที่ประชุมวิชาการหรือตีพิมพ์ IS ในวารสาร โดยเป้าหมายของเราคือให้นิสิตมีทักษะในการทำวิจัย เพราะในการทำงานทักษะด้านการวิจัยจะช่วยให้นิสิตมองปัญหาและตัดสินใจได้อย่างเป็นเหตุเป็นผลมากขึ้น แต่กลับกลายเป็นทำให้นิสิตบางคนไม่สามารถจบได้ภายในสองปี เขาก็จะรู้สึกไม่อยากเรียน ในปัจจุบันเราจึงปรับให้นิสิตได้ทำวิจัยเร็วขึ้น เราจะให้เขาสอบ Proposal Defense ตั้งแต่ปี 2 เทอม 1 เพื่อให้ปี 2 เทอม 2 จะเป็นการสอบ Final Defense ซึ่งจะทำให้นิสิตทำ IS ได้เร็วขึ้นและจบแบบมีคุณภาพ เขาก็จะจบ 2 ปีตามเกณฑ์”  การสอบ IS เราเชิญผู้ทรงคุณวุฒิภายนอกมาช่วยตรวจสอบความถูกต้องของกระบวนการวิจัยต่างๆ  เราน่าจะเป็นโครงการปริญญาโท ไม่กี่แห่งที่มีผู้ทรงคุณวุฒิภายนอกมาร่วมสอบ IS ของนิสิตเรา

อย่างไรก็ดี อีกหนึ่งอุปสรรคสำคัญที่ทำให้การศึกษาต่อปริญญาโทได้รับความสนใจน้อยลง เพราะคนรุ่นใหม่นิยมการเรียนแบบหลักสูตรระยะสั้น หรือ ลงเรียนเป็น course มากกว่า ซึ่ง ดร.จุล บอกว่า การเรียนเป็น course นั้นจะเป็นการเรียนเฉพาะด้าน ผู้เรียนจะไม่เห็นความเชื่อมโยงของแต่ละด้าน แต่การเรียนปริญญาโทนั้นจะได้เห็นภาพใหญ่ ถึงแม้ว่าจะเรียนแยกออกเป็นหลาย ๆ วิชา แต่จะมี capstone course ที่จะนำความรู้ของทุกรายวิชาที่เรียนมาประยุกต์ใช้รวมกัน และนิสิตจะสามารถเชื่อมโยงความเกี่ยวข้องของแต่ละวิชาได้ ได้ทำงานเป็นทีม ได้รู้เรื่องบัญชีและการลงทุน การวางแผนการตลาดและการจัดเก็บสินค้า การบริหารองค์กร ฯลฯ นอกจากนี้ ยังได้มีโอกาสสร้างเครือข่ายที่เหนียวแน่น สำหรับการไปดูงานในต่างประเทศจะมุ่งเน้นไปประเทศที่มีการค้าการลงทุน อย่าง เวียดนาม ซึ่งปัจจุบันนักลงทุนต่างชาติไปลงทุนที่เวียดนามจำนวนมากหรือจีนเพื่อไปดูว่าเทคโนโลยีของเขาตอนนี้เป็นอย่างไรแล้ว

“การไปดูงานต่างประเทศ นิสิตจะได้สัมผัสถึงความเป็น Global Collaboration & Competition  และได้รู้ว่าตอนนี้โลกของธุรกิจ เทคโนโลยีที่อื่นๆก้าวหน้าไปอย่างไร จะได้รู้ความสามารถและศักยภาพของคู่แข่งของเรา เพื่อให้เราสามารถแข่งขันกับคนอื่นได้ ตอนนี้โจทย์ของการทำธุรกิจยากขึ้นเรื่อยๆ คู่แข่งมีทั้ง Local  & Global ดังนั้น ต้องรู้จักการยืดหยุ่น รู้จักการนำแนวคิดมาประยุกต์ใหม่”

ดร.จุล ยังกล่าวต่อว่า หลักสูตรบริหารธุรกิจมหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์เพิ่งได้รับการปรับหลักสูตรใหม่ให้มีความทันสมัย สอดคล้องกับความต้องการของธุรกิจไทยและธุรกิจโลก อย่างไรก็ดี เมื่อมีองค์ความรู้ใหม่ๆ กระแสและแนวโน้มที่เกิดขึ้นทั่วโลกที่มีความสำคัญต่อการบริหารธุริจ เช่น ความรู้ด้าน IT, Social Annalistic, AI, ChatGPT ฯลฯ โครงการจะเสริมองค์ความรู้เหล่านี้ให้กับนิสิตผ่านกิจกรรมการอบรมเสริมเพิ่มเติมจากการเรียนในรายวิชา ในอดีตจะเน้นให้เด็กเก่งภาษาอังกฤษ แต่ในปัจจุบันและอนาคตต้องเน้นให้เด็กมีทักษะและความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีด้วยเพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันให้กับนิสิต และเพื่อเพิ่มพูนประสบการณ์ด้านการบริหารธุรกิจ โครงการจะเชิญวิทยากรจากภายนอกทั้งในภาครัฐและเอกชนที่มีชื่อเสียงมาให้ความรู้กับนิสิตอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ ทางคณบดีเห็นความสำคัญในเรื่องของงานวิจัยและตำแหน่งวิชาการ จึงสนับสนุนให้คณาจารย์ทำงานวิจัยและทำตำแหน่งวิชาการ รวมถึงบุคลากรสายสนับสนุนในคณะก็ต้องมีคุณภาพ ให้บริการที่ดี เหมือนกับโรงพยาบาลดีๆ จะมีแพทย์ที่เก่งเพียงอย่างเดียวไม่ได้ พยาบาล เจ้าหน้าที่ ก็ต้องให้บริการที่ดีเช่นกัน

สำหรับผู้ที่สนใจศึกษาต่อในระดับปริญญาโท หลักสูตร MBA ทั้ง 5 โครงการของ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ไม่ว่าจะเลือกเรียนหลักสูตรใดก็ตามถือเป็น “the value & right choice” และ “the best choice” อย่างแน่นอน


บทความ/รูปภาพ: กองบรรณาธิการ

Last modified on Wednesday, 08 January 2025 10:20
X

Right Click

No right click