โดยในปี 2566 ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า จะมีนักท่องเที่ยวหลั่งไหลเข้ามาเที่ยวไทยมากถึง 20 ล้านคน และจะก่อให้เกิดรายได้รวมราว 5-6 แสนล้านบาท ดังนั้น เพื่อเตรียมตัวให้พร้อมรับโอกาสนี้ นอกเหนือจากการปรับกลยุทธ์ทางธุรกิจแล้ว การพัฒนาทักษะของบุคลากรสายท่องเที่ยวและบริการ ก็มีความสำคัญที่จะสร้างแต้มต่อทางธุรกิจได้ไม่แพ้กัน
ทั้งนี้ หนึ่งในวิธีที่ทรงประสิทธิภาพที่สุดในการเพิ่มพูนทักษะให้กับบุคลากรสายงานบริหารในธุรกิจบริการ นั่นคือ การศึกษาต่อในหลักสูตร MBA หรือหลักสูตรปริญญาโท บริหารธุรกิจมหาบัณฑิต และแน่นอนว่าการเลือกสถาบันการศึกษานั้นมีความสำคัญไม่น้อยเช่นกัน เพราะจะเป็นตัวแปรสำคัญที่บ่งชี้ประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการเรียนหลักสูตร MBA
และการได้เรียนกับสถาบันการศึกษาที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทางในด้านการผลิตและพัฒนาบุคลากรด้านการท่องเที่ยวและบริการ ย่อมเป็นการการันตีได้ในขั้นต้นว่าองค์ความรู้ที่จะได้รับจะสามารถนำไปปรับใช้ในงานบริหารการท่องเที่ยวและบริการได้จริง ซึ่งหนึ่งในสถาบันที่ได้รับการยอมรับและมีบทบาทในการผลิตและพัฒนาบุคลากรด้านนี้มาอย่างยาวนานกว่า 30 ปี คือ วิทยาลัยดุสิตธานี นั่นเอง
เปิดมุมมองการเรียนหลักสูตร MBA @Dusit Thani College กับการพลิกทุกวิกฤตเป็นโอกาส ติดอาวุธคนทำงานบริการ ฝ่าวิกฤตโควิด
ดังที่เกริ่นข้างต้นว่า ในช่วงเวลา 3 ปีที่ผ่านมา ทุกธุรกิจ ทุกอุตสาหกรรมต่างได้รับผลกระทบจากวิกฤตโควิด โดยเฉพาะธุรกิจการท่องเที่ยวและบริการ ที่ต่างต้องปรับกลยุทธ์เพื่อนำพาธุรกิจให้อยู่รอดได้ และภายใต้สถานการณ์เดียวกันนี้ ในภาคการศึกษาก็ต้องมีการวางแผนปรับตัวเพื่อรับความเปลี่ยนแปลงนี้เช่นกัน โดยเฉพาะการปรับหลักสูตร วิธีเรียน ให้สอดคล้องกับบริบทที่เปลี่ยนแปลงไปในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งนับเป็นความท้าทายไม่น้อยต่อสถาบันการศึกษาในยุคนี้
ทว่า ในความท้าทายนี้ ดร.วิลาสินี ยนต์วิกัย ผู้อำนวยการหลักสูตรบริหารธุรกิจมหาบัณฑิต (MBA) วิทยาลัยดุสิตธานี กลับมองวิกฤตนี้เป็นโอกาส สร้างหลักสูตร MBA ที่ยืดหยุ่น เหมาะกับคนทำงานยุคนี้
“แน่นอนว่าถ้าเป็นการศึกษาในระดับปริญญาตรี ต้องมีการเรียนการสอนที่เปิดโอกาสให้นักศึกษาได้ลงมือทำจริง โดยเฉพาะการเรียนในสาขาวิชาการจัดการโรงแรม การจัดการครัว และศิลปะการทำอาหาร แต่พอเป็นการเรียนในหลักสูตรปริญญาโท จะไม่ได้เป็นการเรียนที่เน้นทางด้านปฏิบัติการมากนัก ดังนั้น ที่ผ่านมา เราจึงเห็นโอกาสในการปรับหลักสูตรให้ตอบโจทย์ความต้องการและไลฟ์สไตล์ของผู้เรียน ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นผู้ที่ทำงานในสายงานบริหารธุรกิจบริการ”
“และสิ่งที่เราค้นพบคือ ผู้เรียน MBA ในยุคนี้ คือ พวกเขาสามารถปรับตัวให้มีความคุ้นเคยกับเทคโนโลยีการศึกษาที่ใช้ในยุคนี้ได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็น การเรียนการอบรมผ่านระบบออนไลน์ ที่แค่มีแล็ปท็อป หรือ สมาร์ทดีไวซ์ อย่างไอแพด ก็สามารถเรียนได้แล้ว นี่นับเป็นอีกหนึ่งจุดเด่น ที่วิกฤตโควิดได้สร้างโอกาสให้กับผู้เรียนยุคนี้ ได้พัฒนาทักษะด้านดิจิทัล หรือ Digital Literacy ของเขาได้ภายในระยะเวลาอันสั้น”
“ทางวิทยาลัยดุสิตธานีจึงได้สร้างแพลตฟอร์ม learn.dusit.com ซึ่งนักศึกษาสามารถล็อกอินเข้าไปเพื่อดาวน์โหลดบทเรียนต่าง ๆ ที่ทางวิทยาลัยฯ ได้อัปโหลดขึ้นไป ในรูปแบบของไฟล์ Word หรือ PowerPoint และนักศึกษายังสามารถส่งงานที่ได้รับมอบหมายจากอาจารย์ผ่านแพลตฟอร์มนี้ได้ทันที ทำให้ทุกที่ทุกเวลาเป็นพื้นที่แห่งการเรียนรู้”
“และสำหรับหลักสูตร MBA ที่วิทยาลัยดุสิตธานี ยังมีจุดเด่นที่เอื้อต่อการเรียนรู้ของผู้เรียนอย่างยิ่ง นั่นคือ การกำหนดให้ทำการเรียนการสอนแบบเรียนวิชาเดียวทั้งวันจนจบวิชานั้น ด้วยเหตุนี้จึงมีการสอนวิชานั้นติดกัน 5 เสาร์ จากนั้นค่อยเริ่มเรียนวิชาใหม่ และด้วยวิธีนี้ จะทำให้ผู้เรียนมีสมาธิกับการเรียนเพียงวิชาเดียวไปเลย แต่จะได้หน่วยกิตในการเรียน 1 เทอม 3 วิชา เท่าเดิม ซึ่งที่ผ่านมา ผู้เรียนมีฟีดแบ็กที่ดีกับวิธีการเรียนในรูปแบบนี้ โดยให้เหตุผลว่า เป็นการเรียนรู้ที่ไม่สร้างความสับสน และได้รับองค์ความรู้จากการเรียนในวิชานั้นๆ ได้อย่างเต็มที่”
“ดังนั้น ในมุมมองส่วนตัว มองว่า วิกฤตโควิดที่เกิดขึ้น ไม่ใช่ปัญหาสำหรับการเรียนในหลักสูตร MBA แต่กลับเป็นโอกาส ที่มาทำให้การเรียน MBA มีความสะดวกสบายและง่ายมากขึ้น จากการปรับตัวคู่กันไป ทั้งของผู้เรียน และสถาบันการศึกษาที่ต้องสร้างหลักสูตรที่ง่าย ยืดหยุ่น โดยคำนึงถึงผู้เรียนเป็นหลัก”
ด้วยการปรับตัวที่กล่าวมา ทำให้ในวันนี้ วิทยาลัยดุสิตธานี ได้สร้างหลักสูตร MBA ที่ตอบโจทย์บุคลากรสายบริหารธุรกิจบริการออกมา 3 กลุ่มวิชา ได้แก่
- กลุ่มวิชาการจัดการธุรกิจการบริการ (Hospitality Business Management)
- กลุ่มวิชาผู้ประกอบการเชิงนวัตกรรม (Innovative Entrepreneur)
- กลุ่มวิชาการจัดการธุรกิจอาหาร (Gastronomy Business Management)
โดยหลักสูตรทั้ง 3 กลุ่มวิชา มีจุดเด่นที่แตกต่างกันไป ทว่า วางอยู่บนพื้นฐาน “จุดเด่นของ หลักสูตร MBA” ซึ่ง ดร.วิลาสินี เน้นย้ำ คือ
- สะดวก เรียนแค่วันเสาร์วันเดียว สามารถแบ่งเวลาเรียนได้โดยไม่เสียเวลาทำงาน
- เรียนจบได้ใน 1 ปีครึ่ง และสามารถแบ่งชำระค่าเทอมได้เป็น 5 งวด โดยไม่มีดอกเบี้ย
- มี 3 กลุ่มวิชาให้เลือกเรียน นักศึกษาสามารถเลือกเรียนหรือพัฒนาทักษะให้เหมาะสมกับสาขาอาชีพ
- เนื้อหาเข้มข้น ทันสมัย สอนโดยคณาจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิ และมืออาชีพที่มาเป็นวิทยากรพิเศษ ในด้านธุรกิจบริการ การโรงแรม และอาหารอย่างแท้จริง
- ทันสมัย ลืมการเรียนรู้แบบเดิมๆ ไปได้เลย เพราะมีการผสมผสานการเรียนรู้ในห้องเรียน กับเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดกับผู้บริหารที่ประสบความสำเร็จตัวจริง เสียงจริง
- สานฝัน และเติมทักษะด้านการสร้าง วางแผน และบริหารจัดการธุรกิจ ลองฝึกสร้างธุรกิจจริงจากโปรเจกต์ที่รับมอบหมายจากในคลาสเรียน พร้อมรับคำแนะนำจากอาจารย์ผู้สอน เพื่อต่อยอดให้ธุรกิจเกิดขึ้นได้จริง
- ขยาย connection หรือเพิ่มเครือข่ายทางธุรกิจ กับ อาจารย์ผู้สอนจากภาคอุตสาหกรรมจริง และโอกาสร่วมกิจกรรมกับหน่วยงานพันธมิตร อาทิ สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (สนช.) สำหรับกลุ่มวิชา Innovative Entrepreneur
3 หลักสูตร MBA ที่ส่งมอบโอกาสเติบโตในสายงานธุรกิจบริการได้จริง
จากจุดเด่นของหลักสูตร MBA ที่วิทยาลัยดุสิตธานี ที่กล่าวมาข้างต้น ดร.วิลาสินี ได้ขยายความ ชี้ให้เห็นถึงความพิเศษของแต่ละหลักสูตรที่จะมาตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายของผู้เรียนที่แตกต่างกันว่า
“เริ่มจาก หลักสูตรกลุ่มวิชาการจัดการธุรกิจการบริการ ที่จะมุ่งเพิ่มความเชี่ยวชาญด้วยการศึกษาในรายวิชาการจัดการธุรกิจการบริการสำหรับผู้บริหารอย่าง วิชาทักษะผู้นำในการจัดการธุรกิจอุตสาหกรรมบริการ วิชาการจัดการวิกฤตในธุรกิจการบริการ (Crisis Management) ซึ่งเป็นรายวิชาสำคัญที่เราต้องการให้นักศึกษาได้เรียนรู้ในเรื่องของการจัดการวิกฤตที่เกิดขึ้นในอุตสาหกรรมการบริการ ซึ่งสามารถเกิดขึ้นเป็นประจำ ไม่ว่าจะเป็นการเตรียมพร้อมแบบก่อนเกิดวิกฤต Pre-crisis และ Post-crisis หลังจากเกิดวิกฤตแล้วแก้ปัญหาอย่างไร”
“โดย นศ.ที่มาเรียนในกลุ่มวิชาการจัดการธุรกิจการบริการ ส่วนใหญ่จะเป็นบุคลากรที่มาจากอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและการบริการโดยตรง ไม่ว่าจะเป็นคนที่อยู่ในอุตสาหกรรมการบิน อย่างแอร์โฮสเตส สจ๊วต และที่อยู่ในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว อย่างไกด์ ธุรกิจทัวร์ และคนที่ทำธุรกิจโรงแรม”
“นอกเหนือจากองค์ความรู้ด้านการจัดการวิกฤตแล้ว ผู้เรียนยังจะได้เรียนรู้ทักษะหลากหลายด้าน อย่างการบริหารการปฏิบัติงานด้านการบริการ การบริหารการตลาดดิจิทัลในธุรกิจบริการ การจัดการความหลากหลายทางวัฒนธรรมในธุรกิจการบริการ เพื่อเพิ่มความลุ่มลึกในการใช้เครื่องมือในการจัดการธุรกิจได้อย่างประสบความสำเร็จ มีความชำนาญในการดำเนินธุรกิจ ด้วยการใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยเข้ามาบริหารจัดการวิกฤตการณ์ และความหลากหลายทางวัฒนธรรมที่เกิดขึ้นในทุกวันนี้ด้วย”
“ต่อมาเป็น หลักสูตรกลุ่มวิชาผู้ประกอบการเชิงนวัตกรรม ที่ได้ออกแบบหลักสูตรมาเพื่อให้สอดรับกับเทรนด์ธุรกิจใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้นมากมายในช่วงวิกฤตโควิดมากมาย จนทำให้มี Business Model ใหม่ การให้บริการใหม่ ๆ ที่ตอบรับความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป”
โดยที่ผ่านมาก็มีสตาร์ตอัปที่ประสบความสำเร็จมากมาย ซึ่งสตาร์ตอัปเหล่านี้คือผู้ที่หาโซลูชันมาแก้ Pain point ของผู้บริโภค ดังนั้น เพื่อต่อยอดทักษะ ความสามารถของผู้ประกอบการด้านธุรกิจท่องเที่ยวและบริการให้เป็น ผู้ประกอบการเชิงนวัตกรรม ด้วยเหตุนี้ ทางวิทยาลัยฯ จึงจัดการเรียนการสอนในหลักสูตรนี้ขึ้น โดยเชิญอาจารย์จาก สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ หรือ NIA มาเป็นอาจารย์ผู้สอนหลัก”
“โดยรายวิชาสำคัญของหลักสูตรนี้ จะสอนตั้งแต่วิชาเขียนแผนธุรกิจ วิชา New Product Development เพื่อพัฒนา ต่อยอด ความคิดสร้างสรรค์สำหรับนวัตกรรมทางธุรกิจ เพื่อให้ผู้เรียนได้สวมหมวกของการเป็นผู้ประกอบการ และจัดการแนวคิดให้เป็นระบบเพื่อสร้างนวัตกรรมที่ตอบโจทย์ปัญหาต่างๆ ในธุรกิจบริการอย่างตรงจุด”
“นอกจากนั้น ผู้เรียนหลักสูตรในกลุ่มวิชานี้ยังได้เรียนรู้ในวิชาสำคัญอื่นๆ อย่าง การพัฒนาผลิตภัณฑ์และการสร้างตราสินค้าเชิงกลยุทธ์ การจัดการโลจิสติกส์และห่วงโซ่อุปทาน การพัฒนาแผนธุรกิจ กลยุทธ์การปรับเปลี่ยนสู่ดิจิทัลเพื่อเสริมทักษะ และความมั่นใจในการออกแบบ สร้าง และพัฒนาธุรกิจของตนเองให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีและเศรษฐกิจโลก พร้อมทั้งเข้าใจความต้องการและพฤติกรรมของผู้บริโภคในปัจจุบันและอนาคต”
“โดยการจัดการเรียนการสอนในหลักสูตรนี้ ยังได้รับการสนับสนุนจาก สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (สนช.) ในสังกัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์วิจัย และนวัตกรรม ที่จะทำให้ผู้เรียนได้เรียนและแลกเปลี่ยนความรู้กับอาจารย์ผู้สอนที่มีประสบการณ์จริงในภาคธุรกิจและภาคอุตสาหกรรมผ่านการคัดสรรโดย NIA ในกลุ่มรายวิชาเลือก และได้รับโอกาสเข้าร่วม Field Trip, Company Visit หรือ กิจกรรม Start-Up ต่างๆ ที่จัดโดย NIA ด้วย”
“ที่ผ่านมา มีผู้เรียนในหลักสูตร MBA ที่วิทยาลัยดุสิตธานี ได้รับการสนับสนุนให้ส่งผลงานนวัตกรรม อาหารสำเร็จรูปสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน ที่คิดค้น ไปแข่งขันในรายการ Startup Thailand League ที่จะจัดขึ้นทุกปี โดยมี NIA เป็นเจ้าภาพหลักของงานนี้ด้วย ซึ่งนักศึกษาของเราก็ได้ผ่านเข้าไปถึงรอบที่เป็นตัวแทนนำเสนอผลิตภัณฑ์ และได้ออกบูธแสดงสินค้าเพื่อหาผู้ที่สนใจจะมาร่วมลงทุน”
“ส่วนหลักสูตรที่ 3 เป็น กลุ่มวิชาการจัดการธุรกิจอาหาร ที่เป็นกลุ่มวิชาน้องใหม่ ซึ่งเราเปิดได้ไม่นาน เพื่อให้เจ้าของร้านอาหาร หรือผู้ที่ทำงานในธุรกิจร้านอาหาร อย่าง เชฟ หรือผู้จัดการร้านอาหาร โดยเราจะเปิดพื้นที่การเรียนรู้ให้เขาได้ใช้ความคิดสร้างสรรค์ ทักษะการตลาดสมัยใหม่ เพื่อออกแบบผลิตภัณฑ์ บริการ ที่เกี่ยวกับอาหาร ซึ่งตอบโจทย์พฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปในยุคนี้”
“นอกจากนั้น เรายังเพิ่มความเชี่ยวชาญด้วยการศึกษาในรายวิชา การท่องเที่ยวเชิงอาหารแบบยั่งยืน การจัดการห่วงโซ่อุปทานสำหรับอาหารและเครื่องดื่ม การออกแบบความคิดสำหรับธุรกิจอาหารอย่างสร้างสรรค์ นวัตกรรมและเทคโนโลยีการอาหาร การตลาดบริการสำหรับธุรกิจอาหาร การพัฒนาศักยภาพอาหารนานาชาติในเชิงธุรกิจ โดยทุกรายวิชาจะมุ่งสร้างการเรียนรู้ทุกองค์ความรู้จำเป็นในการปลุกปั้นธุรกิจบริการอาหาร และเครื่องดื่มให้ประสบความสำเร็จ จากทฤษฎีสู่การฝึกคิดวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ และการลองสร้างธุรกิจจริง”
ติดสปีดความสำเร็จอย่างมืออาชีพ ผ่านการเรียนรู้กับวิทยากร “ตัวจริง เสียงจริง” จากทุกวงการในธุรกิจบริการ
นอกเหนือจากการกำหนดกลุ่มวิชาที่ครอบคลุม ตอบโจทย์ ทุกความต้องการของผู้เรียนในสายงานการบริหารธุรกิจบริการแล้ว การเรียนในหลักสูตร MBA ที่วิทยาลัยดุสิตธานี ยังเปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้เรียนรู้กับวิทยากรพิเศษ ที่ล้วนเป็น “ตัวจริง เสียงจริง” ที่รอบรู้ในแวดวงธุรกิจบริการ อาหาร และการท่องเที่ยว ซึ่ง ดร.วิลาสินี เชื่อมั่นว่าจะมีส่วนช่วยสร้างแรงบันดาลใจ หรือ Inspiration ให้กับผู้เรียน นอกจากนั้น ยังช่วยให้ผู้เรียนได้เห็นภาพความสำเร็จในสายงานได้ชัดเจนขึ้นด้วย
“แน่นอนว่าในฐานะที่เราเป็น วิทยาลัยดุสิตธานี ทำให้เรามีจุดแข็งสำคัญ คือ เรามีเครือข่ายโรงแรมดุสิตธานี ที่กระจายอยู่ทั่วประเทศ ซึ่งจะเป็นแหล่งเรียนรู้ให้กับผู้เรียนได้เป็นอย่างดี นอกจากนั้น ที่ผ่านมา ก็มีจะมีผู้บริหารระดับสูงของเครือดุสิตธานีมาบรรยาย บอกเล่าเคล็ดลับการบริหารธุรกิจการท่องเที่ยวและโรงแรมให้ผู้เรียนได้รับฟังด้วย เช่น คุณศุภจี สุธรรมพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มดุสิตธานี ที่มาสอนแบ่งปันความรู้และประสบการณ์ให้นักศึกษาและบุคลากรของหลักสูตรอยู่เสมอ”
“รวมถึงเรายังมีโอกาสในการที่จะใช้สายป่านในอุตสาหกรรมการโรงแรมและบริการไปดูงานทั้งในและต่างประเทศ โดยเราจัดทริปดูงานในประเทศอยู่บ่อยครั้งและจะปักหมุดไปที่ Property ในเครือดุสิตธานี ที่มีอยู่หลายแห่งในประเทศ ส่วนทริปดูงานต่างประเทศ ล่าสุดในปีนี้เราก็จะจัดไปดูงานที่เกาหลีใต้ เพื่อไปเรียนรู้ในเรื่องอุตสาหกรรมการบริการที่นั่น ว่าทำอย่างไรธุรกิจบริการหรือธุรกิจท่องเที่ยว อุตสาหกรรมการจัดนิทรรศการและการประชุม หรือ MICE จึงกลายเป็นอุตสาหกรรมที่สร้างเม็ดเงินมหาศาลของเกาหลีใต้ได้”
“ส่วนในกลุ่มวิชาผู้ประกอบการเชิงนวัตกรรม นอกเหนือจากวิทยากรจาก NIA ที่เราเชิญมาสอนในหลักสูตรเป็นหลักแล้ว แน่นอนว่าในการเรียนยังมีการเชิญผู้ประกอบการนวัตกรรมเชิงบริการที่ประสบความสำเร็จ มาพูดคุยแชร์ประสบการณ์ให้กับผู้เรียนด้วย เช่น คุณโจ้ รังสรรค์ พรมประสิทธิ์ ผู้คิดค้น แอปพลิเคชัน QueQ ที่จัดการเรื่องคิวร้านอาหารอย่างมีประสิทธิภาพ หรือ คุณโบ๊ท ไผท ผดุงถิ่น สตาร์ตอัปผู้พลิกวงการก่อสร้าง ด้วย โปรแกรมควบคุมต้นทุน BUILK”
“และมาถึงในกลุ่มวิชาการจัดการธุรกิจอาหาร เราได้เชิญเชฟที่ประสบความสำเร็จในระดับประเทศ อย่าง เชฟ ชุมพล แจ้งไพร ผู้บริหารร้านอาหารมิชลินสตาร์ชื่อดังระดับโลก หรือ เชฟอาร์ ธีรภัทร ตียาสุนทรานนท์" เชฟกระทะเหล็กระดับประเทศที่จะมาแชร์ประสบการณ์การทำร้านอาหารให้ประสบความสำเร็จ การทำ Chef’ s Table ที่สร้างรายได้มากมาย รวมถึงอีกคนนึงก็คือ เชฟจากัวร์ ธีรวีร์ ดิษยะไชยพงษ์ ที่ประสบความสำเร็จในธุรกิจร้านขายข้าวแกง จนได้ฉายา “ข้าวแกงร้อยล้าน” โดย เชฟ ที่มีชื่อเสียงเหล่านี้จะมาร่วมแชร์ประสบการณ์ องค์ความรู้ดีๆ ที่สามารถนำไปปรับใช้ได้จริงในการทำธุรกิจอาหาร”
ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ เพื่อชี้ให้เห็นจุดเด่นของหลักสูตร MBA ที่ วิทยาลัยดุสิตธานี ที่ตั้งใจออกแบบทุกหลักสูตรในแต่ละกลุ่มวิชาอย่างเข้าใจและตอบโจทย์ผู้เรียนในสายงานบริหารธุรกิจบริการทุกมิติ โดยในตอนท้าย ดร.วิลาสินี ย้ำชัดเจนว่า
สิ่งหนึ่งที่เรามั่นใจ คือ การมาเรียนในหลักสูตร MBA ที่วิทยาลัยดุสิตธานี คุณจะได้เรียนรู้ท่ามกลาง “คนที่มี Passion เดียวกัน” และเราพร้อมเป็นพี่เลี้ยงที่ช่วยผลักดันให้ผู้เรียนประสบความสำเร็จในอุตสาหกรรมบริการ การันตีได้ด้วยชื่อเสียงของ วิทยาลัยดุสิตธานี ที่เปิดทำการมาเป็นปีที่ 30 แล้ว
บทความ: กองบรรณาธิการ
ภาพ: ธฤต ธีรกานนท์