เนติรัฐ ปรักมาส นักศึกษาปริญญาโท ชั้นปีที่ 2 สาขาการจัดการโลจิสติกส์ ได้เล่าให้ฟังถึงเหตุผลที่เลือกเรียนต่อ MBA ที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี (RMUTT) แห่งนี้
“เหตุผลที่เลือกเรียนที่นี่ เพราะคิดว่า ปัจจุบันควรเรียนขั้นต่ำในระดับปริญญาโท จึงเรียนต่อเลยหลังจากจบปริญญาตรี สาขาคอมพิวเตอร์ หลักสูตรนานาชาติ จากที่สถาบันแห่งนี้ และเห็นว่าที่นี่มีสาขาการจัดการโลจิสติกส์ ซึ่งมีความน่าสนใจและตรงกับที่เราสนใจด้วย จึงตัดสินใจเรียน รวมทั้งผมทำธุรกิจส่วนตัวเป็นการขายของออนไลน์ โดยการสินค้าจากจีนเข้ามาขายในรูปแบบอีคอมเมิร์ซตั้งแต่เรียนปริญญาตรีจนถึงปัจจุบัน และรับนำเข้าสินค้าจากจีนในลักษณะการชิปปิ้งให้กับลูกค้า ซึ่งผมคิดว่าน่าจะช่วยต่อยอดในการทำธุรกิจของผมได้” เนติรัฐกล่าว
หลังจากที่ได้เข้ามาเรียนแล้ว เนติรัฐ ก็ได้รับ ประสบการณ์ดี ๆ รวมทั้งความรู้ที่เพิ่มขึ้น ทำให้เขาได้มุมมองใหม่ ๆ ในการต่อยอดมากขึ้น
“จากประสบการณ์ที่เรียนในห้องเรียน ในบางวิชาของหลักสูตรจะมีความเข้มข้นค่อนข้างมาก โดยจะเน้นด้านวิชาการเชิงลึกมากกว่าปฏิบัติ แต่ในวิชาโลจิสติกส์ถ้าเรียนลงไปลึกๆ ก็จะมีด้านปฏิบัติค่อนข้างมาก ซึ่งสามารถนำไปใช้ปฏิบัติจริงได้มากทีเดียว เพราะแต่ก่อนคิดว่าโลจิสติกส์แค่เอาของไปส่ง แต่พอมาเรียนจริง ๆ พบว่าต้องมีการคำนวณ เช่น การคำนวณเรื่องพื้นที่บรรจุภัณฑ์ ต้องเอากล่องไปใส่ตู้คอนเทนเนอร์ขนาดไหน ตอนเรียนใหม่ ๆ ก็ดูเหมือนจะยาก แต่พอหลังสอบเสร็จแล้วก็ดูไม่ยากเท่าที่เรียนแรก ๆ สามารถนำไปต่อยอดได้ค่อนข้างมาก เช่น ไปสมัครงานในบริษัทขนส่งขนาดใหญ่ทั้งในประเทศและต่างประเทศได้ และช่วยในการต่อยอดธุรกิจที่ทำอยู่ในเรื่องของกลุ่มลูกค้าต่างประเทศ เช่น การโปรโมทสินค้า”
ทั้งนี้เนติรัฐ ได้กล่าวเสริมถึงภาพรวมของโลจิสติกส์ในประเทศไทยไว้ว่า
“ผมมองภาพรวมโลจิสติกส์ในประเทศว่า ถ้าเป็นบริษัทระดับใหญ่ ๆ ก็อยู่ในระดับที่ดีที่สามารถนำเทคโนโลยีมาใช้ แต่ถ้าเป็นระดับ SME ก็ดูว่าเป็นเรื่องค่อนข้างยากในการนำเทคโนโลยีมาใช้เพราะต้องลงทุนค่อนข้างมาก”
สำหรับความคิดเห็นที่มีต่อการเลือกเรียนสาขาการจัดการโลจิสติกส์ เนติรัฐก็มีความคิดเห็นว่า เป็นการเลือกเรียนที่ถูกต้องแล้วสำหรับเขา เพราะเป็นสาขาที่กำลังเป็นที่ต้องการของผู้ประกอบการ และการศึกษาในสาขานี้ทำให้เนติรัฐได้รับความรู้ด้านโลจิสติกส์มากขึ้น และคาดหวังว่าในอนาคตจะสามารถศึกษาต่อในระดับปริญญาเอกในสาขาการตลาดหรือการการจัดการด้วย เพราะรู้สึกสนุกกับการเรียน โดยก่อนเรียนนั้นได้วางเป้าหมายกับการเรียนในเรื่องของการขยายธุรกิจอีคอมเมิร์ซที่ทำอยู่ รวมทั้งการที่จะมีโอกาสได้ทำงานในองค์กรใหญ่ ซึ่งพอหลังจากเรียนไปก็ทำให้มุมมองของเขากว้างขึ้น
“พอหลังจากได้เรียนแล้วทำให้เป้าหมายเราเปลี่ยนไปโดยอยากจะศึกษาต่อเพื่อเพิ่มพูนความรู้ในอีกหลากหลายด้าน เพื่อประโยชน์ในการทำงาน เพราะทุกวันนี้โลกมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นหลายอย่าง สาขาอาชีพและสายงานต่างๆ ต้องการความรู้และทักษะใหม่ๆ เพื่อจะก้าวไปข้างหน้า ดังนั้นการศึกษาจึงมีความสำคัญ อย่างไรก็ดีการศึกษาต่อก็ต้องพิจารณาปัจจัยหลายประการ เช่นหากต้องการจะขยายธุรกิจเพราะค่อนข้างใช้เงินทุนมาก แต่ก็ได้ในเรื่องของการที่ได้มองเห็นช่องทางในการนำสินค้าในราคาต้นทุนจากโรงงานที่จีน ซึ่งสามารถนำเข้ามาขายในไทยได้ จากการได้เรียนสาขาโลจิสติกส์”
เนติรัฐยังบอกเล่าว่า จากการที่มหาวิทยาลัยมี Connection กับมหาวิทยาลัยในต่างประเทศ ทำให้เนติรัฐ และนักศึกษา MBA ของมทร.ธัญบุรี ได้มีโอกาสไปเรียนและศึกษาดูงานในสหราชอาณาจักร และได้เล่าความประทับใจและความคิดเห็นต่อการไปแลกเปลี่ยนเรียนรู้ดูงานในต่างประเทศ ให้นิตยสาร MBA Magazine ได้รับฟังว่า
“ตอนที่ไปดูงานที่สหราชอาณาจักรหรือประเทศอังกฤษ ทำให้เกิดความรู้สึกว่า หากเราได้มาเรียนต่อที่ต่างประเทศจะมีความรู้สึกอย่างไร ซึ่งทำให้เราได้เรียนรู้ว่า หากเรามาเรียนต่อต่างประเทศจะต้องใช้ชีวิตอย่างไรในหอพัก ในประเทศของเขา กฎระเบียบของเขาเป็นอย่างไร วัฒนธรรมเขาเป็นอย่างไร การเดินทางเป็นอย่างไร เช่น การนั่งรถไฟ การดูแผนที่ โดยการไปดูงานครั้งนี้จะมีวันที่อาจารย์ร่วมประกบเป็นพี่เลี้ยงและวันที่เป็นอิสระ วันที่อาจารย์จะมาประกบจะเป็นวันที่เข้าไปเรียนในมหาวิทยาลัยที่นั่น ส่วนวิชาก็จะคล้าย ๆ บ้านเรา แต่ก็ทำให้เราได้รู้อะไรมากขึ้น อย่างบางวิชาที่เกี่ยวกับการจัดการระหว่างประเทศต้องดูเรื่องของ GDP เขาจะเปรียบเทียบค่า GDP ในประเทศของเขาและในแถบยุโรป กับบ้านเราและโซนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ก็ทำให้เราได้รู้ข้อมูลกว้างขึ้น ในส่วนการดูงาน ก็ไปดูโรงงานผลิตจาน Royal Crown ที่เมืองดาร์บี (Derby) ว่าเขามีการลำเลียงวัตถุดิบมาอย่างไรเพื่อผลิตจาน ได้เห็นขั้นตอนการผลิตจานทั้งหมด ซึ่งการทำงานของเขาก็ดูสบายๆ ไม่เคร่งเครียด ไม่เหมือนบ้านเรา”
โดย เนติรัฐ ปรักมาส นักศึกษา MBA สาขาการจัดการโลจิสติกส์ มทร.ธัญบุรี ผู้ที่สามารถประสบความสำเร็จอีกขั้นในวันนี้ ได้ฝากข้อความซึ่งเป็นคติประจำใจไว้ว่า
“คนพยายามสามารถเอาชนะคนเก่งได้ เมื่อนึกย้อนกลับไปในวัยเด็กที่ไม่ตั้งใจเรียน ทำให้คิดได้ว่าที่ผ่านมาเพราะเราไม่พยายามมากกว่า ถ้าเราพยายามเราก็ทำได้ ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าที่เราเห็นคนเก่งดูเขาเก่งไปหมดทุกอย่าง เขาพยายามแค่ไหน แต่สำหรับผมผมไม่เก่ง เมื่อผมพยายามผมก็ทำได้”
นอกจากนี้ยังมีข้อความฝากทิ้งท้ายไว้ให้ ‘น้องใหม่’ ที่กำลังพิจารณาและตัดสินใจมาเรียนต่อที่สถาบันแห่งนี้ไว้ว่า
“ผมว่า นอกจากการได้มาเรียนที่นี่แล้ว ก็เป็นโอกาสที่ดีที่ได้ไปดูงานต่างประเทศ เพราะโอกาสไม่ได้มีบ่อย ๆ ที่จะได้เข้าไปถึงด้านในโรงงานซึ่งคนโดยทั่วไปไม่สามารถเข้าไปได้ และยังได้เข้าไปในห้องเรียนจริง ๆ ที่มหาวิทยาลัยในต่างประเทศ โดยทั้งหมดเป็นทุนจากมหาวิทยาลัย ก็อยากเชิญชวนให้มาเรียนกันครับ”
เรื่อง: กองบรรณาธิการ
ภาพ: ภัทรวรรธน์ พงษ์บริพันธ์