เจนเนอราลี่ ไทยแลนด์ ชวนลูกค้าเจนเนอราลี่ ทั่วประเทศ ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในโครงการ “ของฝัน ของหนู”
ฟอร์ด ประเทศไทย และสมาคมพัฒนาประชากรและชุมชน หรือ พีดีเอ ฉลองการจัดฝึกอบรมโครงการฟอร์ดฟื้นฟูชีวิต (Ford Regenerating Life) ประจำปี 2565 ให้แก่ผู้สูงวัย จำนวนรวมทั้งสิ้น 300 ครัวเรือนใน 9 จังหวัดทั่วประเทศครบตามเป้าหมาย หลังจากที่ได้จัดกิจกรรมมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เดือนกันยายน
“ฟอร์ด ประเทศไทย รู้สึกภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้ส่งเสริมการจัดฝึกอบรมพัฒนาทักษะอาชีพในโครงการฟอร์ดฟื้นฟูชีวิต ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 และขยายการอบรมไปยังกลุ่มผู้สูงวัย เพื่อเพิ่มโอกาสในการหารายได้และส่งเสริมการพึ่งพาตนเอง นอกจากการพัฒนาทักษะการทำการเกษตรเพื่อสร้างอาหารอย่างเร่งด่วนแล้ว เรายังแนะนำข้อมูลเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพและโภชนาการ รวมถึงทักษะด้านดิจิทัลเพื่อเพิ่มโอกาสในการหารายได้จากการขายสินค้าในชุมชนออนไลน์ นับเป็นหนึ่งในความพยายามของฟอร์ดที่ต้องการมีส่วนช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คนในชุมชนที่เราดำเนินธุรกิจอยู่” นางสาวกมลชนก ประเสริฐสม ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กร ฟอร์ด ประเทศไทยและตลาดอาเซียน กล่าว
ในปีนี้ ฟอร์ดและพีดีเอได้ร่วมกันจัดโครงการพัฒนาอบรมทักษะอาชีพ ‘ฟอร์ดฟื้นฟูชีวิต’ รวมทั้งสิ้น 12 ครั้ง โดยได้ขยายการส่งมอบองค์ความรู้ในภาคใต้เพื่อเข้าถึงกลุ่มผู้สูงวัยได้อย่างทั่วถึงมากขึ้น ครอบคลุม 9 จังหวัด ประกอบด้วย จังหวัดมหาสารคาม กาญจนบุรี ชลบุรี ขอนแก่น เชียงราย กรุงเทพมหานคร นครราชสีมา บุรีรัมย์ และกระบี่ ตลอดทั้งกิจกรรม ผู้เข้าร่วมอบรมได้เรียนรู้แนวทางการทำอาชีพเกษตรแบบเร่งด่วนพร้อมลงมือปฏิบัติจริงโดยมีพืชเศรษฐกิจที่แตกต่างกันในแต่ละพื้นที่ เช่น การเพาะเชื้อเห็ดป่าที่รับประทานได้หลายสายพันธุ์บนต้นยางนา การเพาะเลี้ยงหอยเชอรี่สีทองเพื่อเป็นแหล่งอาหารที่มีโปรตีนสูง
นอกจากนี้ ผู้เข้าอบรมยังได้เรียนรู้เกี่ยวกับหลักในการดูแลสุขภาพและโภชนาการสำหรับผู้สูงวัย รวมถึงการฝึกใช้เทคโนโลยีเพื่อการขายสินค้าออนไลน์ เมื่อจบการฝึกอบรม ผู้เข้าร่วมกิจกรรมยังได้รับอุปกรณ์และเครื่องมือเบื้องต้นในการเพาะปลูก ได้แก่ ชุดเพาะเห็ดนางฟ้า ชุดเพาะถั่วงอกและชุดเพาะทานตะวันงอก และกล้าพืชผักสวนครัว เพื่อนำไปใช้สร้างรายได้ และบริโภคในครัวเรือนได้ด้วยตัวเอง
ฟอร์ดมุ่งมั่นที่จะดำเนินกิจกรรมเพื่อสังคมเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คนในประเทศไทย ซึ่งฟอร์ด ประเทศไทย ได้มีส่วนร่วมในการช่วยเหลือสังคมในหลากหลายกิจกรรม โดยในโครงการ ‘ฟอร์ดฟื้นฟูชีวิต’ ประจำปี 2565 ฟอร์ด ประเทศไทย ได้สนับสนุนงบประมาณราว 1,200,000 บาทในการจัดอบรมเพื่อมอบองค์ความรู้ในด้านการสร้างอาชีพเกษตรแบบเร่งด่วน เพื่อเสริมแกร่งให้กับประชากรในกลุ่มผู้สูงวัยได้พัฒนาศักยภาพในการประกอบอาชีพ ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสในการหารายได้ และสนับสนุนให้เกิดการพึ่งพาตนเอง ทั้งนี้ ผู้ที่สนใจรับข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับโครงการ ‘ฟอร์ดฟื้นฟูชีวิต’ สามารถสแกนคิวอาร์โค้ดข้างล่างนี้เพื่อเข้าร่วมกลุ่มไลน์
เพราะเชื่อว่าการศึกษาจะช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตของเยาวชนที่ขาดแคลนได้ บริษัทยูเอ็มซี อิเล็คทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด โดย มร.อะคิโตะ ทาคาตะ (ขวา) กรรมการผู้จัดการ และนายนพดล ศรีโพธิ์ (ซ้าย) ผู้จัดการทั่วไป ถ่ายภาพร่วมกันในโอกาสที่บริษัทรวบรวมและส่งมอบเงินจากการตั้งกล่องรับบริจาคของมูลนิธิ EDF (มูลนิธิกองทุนการศึกษาเพื่อการพัฒนา) ภายในพื้นที่ของบริษัท ทั้งนี้ยูเอ็มซี อิเล็คทรอนิส์ (ประเทศไทย) ได้ร่วมสนับสนุนการศึกษาด้วยการวางกล่องบริจาคของมูลนิธิ EDF มาตั้งแต่ปี พ.ศ.2559
สำหรับมูลนิธิ EDF เป็นองค์กรสาธารณกุศลลำดับที่ 255 ของประเทศไทย ที่มุ่งพัฒนาคุณภาพชีวิตเยาวชนไทยที่ด้อยโอกาส โดยตั้งแต่ปี พ.ศ.2531-ปัจจุบัน มูลนิธิ EDF ได้มอบทุนการศึกษาให้เยาวชนที่ด้อยโอกาสจากสถาบันการศึกษาทั่วประเทศในโครงการต่าง ๆ จำนวน 406,560 คน นอกจากนั้นยังร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ จัดกิจกรรมซีเอสอาร์ในโรงเรียนและชุมชนอีกด้วย
หน่วยงาน หรือผู้ที่สนใจร่วมสนับสนุนทุนการศึกษาให้นักเรียนยากจนหรือจัดกิจกรรมเพื่อสังคมสามารถติดต่อมูลนิธิ EDF ได้ที่โทรศัพท์ (02) 579 9209-11 (วันจันทร์-วันศุกร์ เวลา 09.00-16.30 น.) อีเมล This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it. ทาง Line: @edfthai เว็บไซต์ www.edfthai.org สำหรับการบริจาคทางออนไลน์ หรือเฟสบุ๊คแฟนเพจ https://www.facebook.com/edfthai ทั้งนี้การบริจาคหรือทำกิจกรรมผ่านมูลนิธิสามารถนำไปหักลดหย่อนภาษีเงินได้ประจำปีตามกฎหมาย
BCG Economy หรือ เศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว (Bio-Circular-Green Economy)
เอสซีจี ตอกย้ำความร่วมมือ APEC 2022 Thailand เดินหน้าต่อเนื่องตลอดปี
ตลอดระยะเวลากว่า 3 ทศวรรษ ที่ผ่านมา “โครงการเลี้ยงไก่ไข่เพื่ออาหารกลางวันนักเรียน”
ซี-วิท (C-vitt) เดินหน้าลดปัญหาภาวะทุพโภชนาการเยาวชนไทย เนื่องในโอกาสครบรอบ 10 ปี ผลิตภัณฑ์ ซี-วิท (C-vitt)
บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ เร่งช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบภัยน้ำท่วม 28 จังหวัด
กรุงเทพฯ – 4 พฤศจิกายน 2565 – บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์ – ซีพี จำกัด และ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและผู้จำหน่ายรถยนต์เอ็มจีในประเทศไทย สานต่อโครงการ Together for Better Thailand ส่งมอบความห่วงใยจากใจสู่พี่น้องชาวไทย ร่วมช่วยเหลือ ฟื้นฟู และเยียวยาผู้ประสบภัยพิบัติต่างๆ ทั่วประเทศ
สำหรับ Together for Better Thailand โครงการเพื่อสังคมของ เอ็มจี ที่ได้ริเริ่มในปี 2562 และดำเนินการ มาอย่างต่อเนื่อง โดยมีจุดมุ่งหมายในการช่วยเหลือคนไทยให้สามารถก้าวข้ามผ่านทุกวิกฤติและภัยพิบัติต่างๆ ล่าสุด จากสถานการณ์น้ำท่วมในหลายจังหวัด เอ็มจี รับรู้ถึงความสูญเสีย เดือดร้อนของประชาชนคนไทย จึงเร่งส่งมอบความช่วยเหลือไปยังพื้นที่ต่างๆ ผ่านหลากหลายช่องทาง เพื่อกระจายความช่วยเหลือไปสู่พื้นที่ประสบภัย ไม่ว่าจะเป็นการสนับสนุนการทำงานของมูลนิธิ หน่วยงานทั้งภาครัฐอย่าง สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) กระทรวงอุตสาหกรรม และหน่วยงานเอกชนที่ไม่แสวงหาผลกำไร เพื่อเข้าช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบ ด้วยการส่งมอบสิ่งของที่จำเป็นต่อการยังชีพ รวมถึงการอำนวย ความสะดวกด้านยานพาหนะที่ใช้ในการเดินทางลงพื้นที่เพื่อใช้สัญจร แจกจ่ายสิ่งของในพื้นที่ประสบภัย หลายพื้นที่ที่จำเป็นต้องใช้รถกระบะยกสูงอย่าง MG EXTENDER ต่อเนื่องด้วยการผสานความร่วมมือกับ มูลนิธิร่วมกตัญญู ลงพื้นที่อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี ที่หลายหมู่บ้านยังคงมีระดับน้ำยังท่วมสูง และบ้านเรือนได้รับความเสียหาย โดยได้ระดมกำลังจากทั้งพนักงาน และผู้แทนจำหน่ายรถยนต์เอ็มจีในพื้นที่อย่าง M2 MotorSport เสริมทัพด้วยตัวแทนสื่อมวลชนลำเลียงถุงยังชีพ ทางจากกรุงเทพฯ มุ่งหน้าสู่จังหวัดอุบลราชธานี ในรูปแบบ “คาราวาน เอ็มจี” ร่วมภารกิจบรรจุถุงยังชีพ ลงพื้นที่แจกจ่าย ส่งมอบกำลังใจ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในการดำรงชีวิตให้กับผู้ประสบอุทกภัย
นายพงษ์ศักดิ์ เลิศฤดีวัฒนวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวถึง การลงพื้นที่เพื่อส่งมอบความช่วยเหลือให้กับผู้ประสบอุทกภัยในอำเภอวารินชำราบเมื่อช่วงปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมาว่า “เราสามารถส่งมอบถุงยังชีพ และสิ่งของจำเป็นอื่นๆให้ถึงมือชาวบ้านทั้งที่ศูนย์พักพิงชั่วคราว และตามบ้านเรือน รวมทั้งสิ้น 10 ชุมชน ประกอบด้วย ชุมชนหาดสวนสุข (เตาอิฐ) ชุมชนหาดสวนสุข 1 ชุมชนหาดสวนยา ชุมชนท่าบ้งมั่ง ชุมชนเกตุแก้ว ชุมชนคูยาง ชุมชนท่ากอไผ่ ชุมชนดอนงิ้ว ชุมชนหาดคูเดื่อ และชุมชนท่ากกแห่ พร้อมร่วมพูดคุยกับชาวบ้านในพื้นที่ ส่งต่อกำลังใจแก่ผู้ประสบภัย โดยมุ่งหวังให้สถานการณ์คลี่คลายกลับสู่ภาวะปกติโดยเร็ววัน ในส่วนของแผนงานโครงการเพื่อสังคม Together for Better Thailand ในระยะถัดไปนั้น เอ็มจี ได้เตรียมความพร้อมเพื่อจะเดินหน้าช่วยเหลือคนไทยให้สามารถผ่านพ้นทุกวิกฤติ และภัยพิบัติไปด้วยกันต่อไป”
กลุ่ม Unite Thailand ซึ่งเป็นกลุ่มที่เกิดขึ้นจากการรวมตัวของคนรุ่นใหม่ที่มาจากทุกสาขาอาชีพ ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2554 ภายใต้การริเริ่มของ ดร.รัตนา แซ่เล้า ผู้ได้รับพระราช ทานทุนอานันทมหิดล แผนกธรรมศาสตร์ ด้านการศึกษา ประจำปี 2549 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อขับเคลื่อนสร้างการศึกษาที่มีคุณภาพ และสร้างพื้นที่การเรียนรู้ให้กับเยาวชนไทย โดยในปี 2565 ทางกลุ่มฯ ได้จัดกิจกรรมเชิญชวนบริจาคหนังสือให้ชุมชนวัดทุ่งลาดหญ้า จ.กาญจนบุรี ซึ่งเป็นชุมชนที่มีความเข้มแข็ง และมีห้องสมุดในความดูแลที่ต้องการหนังสืออีกเป็นจำนวนมาก ผู้สนใจสามารถบริจาคได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
น.ส.ลลิตา ไวสินิทธ์ธรรม ผู้จัดการโครงการ ของกลุ่ม Unite Thailand ได้กล่าวว่า “โครงการรับบริจาคหนังสือให้ชุมชนวัดทุ่งลาดหญ้า จ.กาญจนบุรี เกิดขึ้นจากที่ผ่านมาทางกลุ่มฯ ได้มีการจัดทำโครงการค่ายศิลปะและจัดกิจกรรมให้เยาวชนในพื้นที่จังหวัดต่างๆ เพื่อขับเคลื่อนสร้างการศึกษาที่มีคุณภาพและสร้างพื้นที่การเรียนรู้ให้กับเยาวชนไทย และต่อมาก็ได้รับการติดต่อจากชุมชนวัดทุ่งลาดหญ้า ว่ามีห้องสมุดในความดูแล 2 แห่งที่ต้องการรับบริจาคหนังสือ ประกอบด้วย 1)ห้องสมุดใน รร.วัดทุ่งลาดหญ้า จ.กาญจนบุรี ซึ่งเป็นห้องสมุดเด็กเล็ก ตั้งแต่ระดับอนุบาล-ป.6 และ 2)ห้องสมุดส่วนกลาง หรือห้องสมุดเฉลิมพระเกียรติ เพื่อใช้ในการศึกษาตลอดชีวิตของชุมชน ซึ่งในปัจจุบันยังมีความต้องการหนังสืออีกเป็นจำนวนมาก จึงได้จัดทำโครงการรับบริจาคหนังสือครั้งนี้ขึ้นมา โดยผู้สนใจสามารถบริจาคหนังสือได้ทุกประเภท แต่ถ้าเป็นหนังสือที่มีความทันสมัยไม่เก่าเกินไป หรือวรรณกรรมสำหรับเด็กจะเป็นที่ต้องการมาก
หนังสือมีประโยชน์ต่อเยาวชนหลายอย่าง มีผลการวิจัยระบุไว้ว่าในช่วง 10 ขวบปีแรกนั้น การอ่านหนังสือมีความสำคัญมาก ไม่ว่าจะเป็นการที่เด็กอ่านเองหรือพ่อแม่อ่านให้ฟัง เพราะจะทำให้เด็กได้พัฒนาทั้งทักษะการภาษา สติปัญญา และยังได้สานสัมพันธ์กับพ่อแม่ นอกจากนี้การอ่านวรรณกรรมยังช่วยให้เด็กพัฒนา การรับรู้อารมณ์ความรู้สึกทั้งของทั้งตนเองและผู้อื่น รู้จักความเห็นอกเห็นใจ และการยอมรับความแตกต่างของผู้คน จากการได้เข้าไปผจญภัยในโลกของความคิดผู้อื่น รวมถึงได้ทั้งเปิดโลกทัศน์และจิตนาการ
ซึ่งทั้งหมดนี้หลายท่านอาจจะบอกว่า เราก็สามารถอ่านจากเว็บไซต์หรือในสื่อออนไลน์ก็ได้ แต่ถ้าไม่ได้เริ่มจากความรักในการอ่านมาตั้งแต่ต้น ก็จะไม่นำมาสู่การอ่านในรูปแบบอื่นๆ ต่อไป นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยที่สนับสนุนว่าการอ่านผ่านเว็บไซต์กับการอ่านผ่านหนังสือที่เป็นกระดาษ จะให้ผลต่างกันมาก โดยเฉพาะกับเด็กปฐมวัย หรือในวัยรุ่นก็ตาม การจดจำ การเรียนรู้คำที่ใช้ จนถึงความรู้สึก ซึ่งการอ่านจากหนังสือจะดีกว่ามาก เพราะไม่มีอะไรมาดึงสมาธิของเขาออกไป และได้ใช้เวลาคิดและรู้สึกร่วมไปได้เต็มที่ในทุกหน้า
ของหนังสือ ซึ่งในปัจจุบันนี้เด็กๆ ไม่ค่อยให้ความสนใจกับหนังสือหรือห้องสมุด เพราะมีสื่อในการเรียนรู้หลายรูปแบบ ซึ่งแต่ละอย่างมีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันออกไป แต่ทั้งนี้หนังสือก็ยังคงมีความสำคัญ โดย เฉพาะหนังสือจากแหล่งบริการ ในฐานะแหล่งเรียนรู้และความบันเทิงที่ผู้คนหลากหลายเข้าถึงได้โดยไม่ต้องลงทุน”
สำหรับผู้ที่สนใจจะนำหนังสือมาบริจาค จะสามารถส่งมาได้ที่ ดร.รัตนา แซ่เล้า บริษัท โอซีบี 1992 จำกัด เลขที่ 21/202-203 ถนนสุขุมวิท 62 แขวงบางจาก เขตพระโขนง กรุงเทพ 10260 โดยหนังสือที่ได้รับมาทางกลุ่ม Unite Thailand จะนำมาคัดกรองและแยกประเภท หลังจากนั้นจะจัดส่งให้ชุมชนวัดทุ่งลาดหญ้า จ.กาญจนบุรี หากหนังสือที่ได้รับบริจาคมามีจำนวนมาก ก็จะมีการจัดสรรนำไปมอบให้ห้องสมุดในโรงเรียนอื่นๆ ที่มีความต้องการต่อไป ซึ่งผู้ที่สนใจในกิจกรรมของกลุ่มฯ สามารถเข้าไปดูหรือติดตามได้ที่ Facebook : UNITE Thailand และทาง Instagram @UNITE2011 หรือสอบถามได้ที่โทรศัพท์ 062-7341267
นายอาคม ไม้ดัดจันทร์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ทิพยประกันภัย มอบหมวกกันน็อคสำหรับนักเรียน