

เมื่อพูดถึงผลไม้ไทย หนึ่งในความท้าทายสำคัญคือ “การขนส่ง” เพราะนอกจากความสดใหม่แล้ว ยังต้องอาศัยความใส่ใจเป็นพิเศษในทุกขั้นตอน ตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทาง KEX ในฐานะผู้ให้บริการจัดส่งพัสดุด่วนทั่วไทย จึงเดินหน้าพัฒนาระบบการจัดส่งสำหรับสินค้าประเภทผลไม้โดยเฉพาะ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการขนส่ง และตอบโจทย์ทั้งเกษตรกรและผู้ประกอบการทั่วประเทศ
หนึ่งในผลไม้ไทยที่มีความต้องการสูงที่สุดทั้งในประเทศและตลาดส่งออกอย่าง “ทุเรียน” ไม่เพียงแค่ขึ้นชื่อเรื่องรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ แต่ยังเป็นผลไม้ที่ต้องการการขนส่งที่มีความพิถีพิถันมากกว่าปกติ เพื่อรักษาคุณภาพ ความสด และรูปลักษณ์ให้สมบูรณ์ที่สุดตลอดเส้นทาง KEX จึงเดินหน้าพัฒนาระบบขนส่งเฉพาะทางสำหรับผลไม้แต่ละประเภทอย่างต่อเนื่อง เพื่อสนับสนุนเกษตรกรและผู้ประกอบการให้สามารถจัดส่งผลไม้ได้อย่างมั่นใจในคุณภาพ โดยตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา KEX ได้วางแผนและลงพื้นที่ร่วมกับผู้ประกอบการ เพื่อออกแบบรูปแบบการขนส่งที่เหมาะสมกับผลไม้แต่ละประเภท โดยมีแนวทางการพัฒนาครอบคลุมในหลายด้าน ได้แก่
· เส้นทางขนส่งพิเศษ: มีการจัดทำระบบเส้นทางเฉพาะที่ช่วยลดระยะเวลา และระยะทางในการจัดส่ง เพื่อให้ผลไม้ถึงปลายทางได้อย่างรวดเร็ว พร้อมคงคุณภาพของผลไม้ให้ดีที่สุดตลอดกระบวนการขนส่ง
· ระบบแค็ตตาล็อกจำแนกประเภทผลไม้: มีการแยกประเภทผลไม้ เพื่อช่วยวางแผนการจัดเรียงและขนส่งได้อย่างเป็นระบบ แม่นยำ และเหมาะสมกับผลไม้แต่ละประเภท
· เพิ่มสัญลักษณ์"ผลไม้"ลงบนฉลาก: มีการระบุสินค้าประเภท “ผลไม้” ลงบนฉลากที่ติดบนกล่องพัสดุ เพื่อให้พนักงานสามารถระบุได้ทันทีว่าสินค้านั้นต้องการการดูแลเป็นพิเศษในระหว่างการขนส่ง ช่วยเพิ่มความระมัดระวังและใส่ใจในทุกขั้นตอน
นอกจากนี้ KEX ยังช่วยเหลือเกษตรกรไทยผ่านบริการรับผลไม้ถึงสวนฟรี! เพื่อให้เกษตรกรสามารถส่งตรงผลผลิตถึงผู้บริโภคโดยไม่ต้องผ่านพ่อค้าคนกลาง รวมทั้งยังร่วมมือกับกรมส่งเสริมการเกษตร มอบส่วนลด 10% สำหรับเกษตรกรที่มีสมุดทะเบียนเกษตรกรเล่มเขียว ผลักดันผลไม้ไทยให้ไตไกลถึงใจผู้บริโภคทั่วประเทศ
KEX มุ่งมั่นพัฒนาระบบขนส่งผลไม้ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นในทุกขั้นตอน เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าในทุกมิติ พร้อมสนับสนุนผลไม้ไทยให้ถึงมือผู้รับอย่างสดใหม่ มีคุณภาพ และมั่นใจได้ในทุกการจัดส่ง ดูรายละเอียดการส่งผลไม้เพิ่มเติม https://kex-th.app.link/Fruit
ทรู นับถอยหลังการใช้งานโมบายแบงก์กิ้ง ที่กำหนดให้ชื่อเจ้าของบัญชีต้องตรงกับชื่อเจ้าของหมายเลขโทรศัพท์มือถือ ซึ่งผู้ที่จำเป็นต้องดำเนินการจะได้รับการแจ้งเตือนในกล่องข้อความของแอปธนาคาร โดยลูกค้าจะต้องติดต่อสาขาธนาคารที่สะดวก เพื่อพิสูจน์และยืนยันตัวตน พร้อมเตรียมเอกสารตามที่ธนาคารกำหนด ภายในวันที่ 30 เมษายน 2568 หรือถ้าลูกค้าต้องการอัปเดตหมายเลขโทรศัพท์ให้ตรงกับชื่อเจ้าของบัญชีโมบายแบงก์กิ้ง สามารถต่อต่อที่ทรูช้อป หรือดีแทคช้อปทุกสาขา โดยผู้จดทะเบียนซิมเดิมและใหม่ ต้องนำบัตรประชาชนตัวจริง พร้อมซิมการ์ดเลขหมายที่ต้องการเปลี่ยนชื่อผู้ใช้บริการ มาแสดงตนพร้อมกัน
ลูกค้าทรูและดีแทคสามารถตรวจสอบความเป็นเจ้าของหมายเลขโทรศัพท์ได้ง่ายๆด้วยตัวเอง ดังนี้
· ลูกค้าทรูแบบรายเดือน กด *179*หมายเลขบัตรประชาชน#โทรออก
· ลูกค้าทรูแบบเติมเงิน กด *153#โทรออก
· ลูกค้าดีแทคแบบรายเดือนและเติมเงิน กด *120#โทรออก
ทั้งนี้ หากผลการตรวจสอบไม่ตรงกัน แต่ไม่ได้รับการแจ้งเตือนผ่านแอปธนาคาร ยังสามารถใช้งาน โมบายแบงก์กิ้ง ได้ตามปกติ ไม่ต้องดำเนินการใดๆ หรือหากต้องการอัปเดตให้ตรงกัน ก็สามารถทำได้ที่ ทรูช้อปหรือดีแทคช้อปทุกสาขา นอกจากนี้ทรูยังอำนวยความสะดวกให้ลูกค้าแบบเติมเงิน สามารถอัปเดต ชื่อเจ้าของหมายเลขโทรศัพท์ด้วยตัวเอง ได้ที่แอปพลิเคชันทรู ลูกค้าทรู https://ss.true.th/s/3aCz และลูกค้าดีแทค https://dtac.co.th/s/d3aCz
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ได้ที่คอลเซ็นเตอร์ ทรู 1242 หรือดีแทค 1678
ทรูมันนี่ ผู้นำด้านบริการการเงินดิจิทัลในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และ บริษัท แอสเซนด์ บิท จำกัด ผู้ให้บริการเทคโนโลยีบล็อกเชนชั้นนำ เดินหน้าขยายความร่วมมือด้านความยั่งยืน ล่าสุด ประกาศความร่วมมือกับ บริษัท วรุณา จำกัด (VARUNA) ผู้เชี่ยวชาญด้านการขับเคลื่อนคาร์บอนอย่างยั่งยืน ในกลุ่มบริษัท เอไอ แอนด์ โรโบติกส์ เวนเจอร์ส จำกัด หรือ เออาร์วี (ARV) จำกัด เปิดตัวโครงการนำร่องคาร์บอนเครดิตภาคป่าไม้ ผ่านแอปทรูมันนี่ ให้คนไทยสามารถเข้าถึงและมีส่วนร่วมในการลดก๊าซเรือนกระจกอย่างโปร่งใส ตรวจสอบได้ และยั่งยืน
ความร่วมมือในครั้งนี้ถือเป็นการสานต่อบริการซื้อคาร์บอนเครดิตเพื่อชดเชยการปล่อยคาร์บอน ผ่านโครงการที่พัฒนาภายใต้มาตรฐาน T-VER (Thailand Voluntary Emission Reduction Program - โครงการลดก๊าซเรือนกระจกภาคสมัครใจของประเทศไทย) ซึ่งมุ่งเน้นให้ผู้ใช้งานทรูมันนี่สามารถมีส่วนร่วมในการสนับสนุนการปลูกป่าไทยได้อย่างสะดวกและปลอดภัย โดยตั้งแต่เริ่มโครงการเมื่อปลายปีที่ผ่านมามีผู้ใช้งานแอปทรูมันนี่ ซื้อคาร์บอนเครดิตเพื่อชดเชยการปล่อยก๊าซคาร์บอนจำนวน 5,800 ตันคาร์บอน หรือเทียบเท่ากับการปลูกต้นไม้กว่า 386,000 ต้น (ข้อมูล ณ 20 เมษายน 2568)
ภายใต้ความร่วมมือนี้ ผู้ใช้งานสามารถสนับสนุนการปลูกป่าไม้ไทยผ่านโครงการที่ได้รับการขึ้นทะเบียนกับองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (TGO) อย่างถูกต้อง ครอบคลุมพื้นที่ป่าในจังหวัดแพร่ ได้แก่ สวนป่าขุนแม่คำมี, สวนป่าวังชิ้น และสวนป่าแม่ยม-แม่แปง โดยมีองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้เป็นเจ้าของโครงการและบริษัทวรุณา ผู้พัฒนาโครงการ ตั้งแต่การสำรวจพื้นที่ การวางแผนการปลูก การดูการเติบโตของต้นไม้ ประเมินคาร์บอนเครดิต และตรวจสอบโครงการ โดยใช้แพลตฟอร์มและเทคโนโลยีเข้าร่วมสนับสนุน

นายอภินันท์ ดาบเพ็ชร กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอสเซนด์ บิท จำกัด และผู้อำนวยการฝ่ายการเติบโตของวอลเล็ทแพลตฟอร์ม บริษัท ทรูมันนี่ จำกัด นายอภินันท์ ดาบเพ็ชร กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอสเซนด์ บิท จำกัด และผู้อำนวยการฝ่ายการเติบโตของวอลเล็ทแพลตฟอร์ม บริษัท ทรูมันนี่ จำกัด กล่าวว่า “ทรูมันนี่ และ แอสเซนด์ บิท ภายใต้เครือ แอสเซนด์ กรุ๊ป ต่างมุ่งมั่นที่จะใช้ศักยภาพของเทคโนโลยีบล็อกเชนสาธารณะ เชื่อมโยงและสนับสนุนคนไทยในด้านความยั่งยืน โดยล่าสุด เราได้ร่วมมือกับ วรุณา เปิดโอกาสให้ผู้ใช้งานทรูมันนี่ มีส่วนร่วมในการร่วมลดคาร์บอนผ่านโครงการป่าไม้ในไทย ด้วยการซื้อคาร์บอนเครดิตผ่านแอปทรูมันนี่ได้อย่างง่าย ๆ และโปร่งใสเพราะสามารถตรวจสอบได้ โดยความร่วมมือในครั้งนี้ ถือเป็นการนำร่องโครงการสนับสนุนความยั่งยืนด้านป่าไม้ภายในประเทศ และวางรากฐานสู่การขยายผลในอนาคต

นางสาวพณัญญา เจริญสวัสดิ์พงศ์ ผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท วรุณา จำกัด กล่าวว่า “วรุณา มุ่งมั่นที่จะขับเคลื่อนอนาคตสีเขียวที่ยั่งยืน และสร้างประโยชน์สูงสุดต่อพื้นที่เกษตรและป่าไม้รวมถึงสิ่งแวดล้อมของประเทศไทย ความร่วมมือกับทรูมันนี่ และแอสเซนด์ บิท ในครั้งนี้จะช่วยให้คนไทยเข้าถึงการมีส่วนร่วมด้านสิ่งแวดล้อมได้ในวงกว้างผ่านแอปพลิเคชันที่ใช้งานอยู่แล้ว พร้อมร่วมผลักดันการลดก๊าซเรือนกระจก สู่เป้าหมาย SDG 13 Climate Action และร่วมรักษ์โลกไปด้วยกัน”
สำหรับผู้ที่สนใจสามารถซื้อคาร์บอนเครดิตง่าย ๆ และโปร่งใสด้วยบล็อกเชน ผ่านแอปพลิเคชัน ทรูมันนี่ ที่เปิดโอกาสให้ผู้ใช้สามารถชดเชยคาร์บอนได้ในราคาเริ่มต้นเพียง 39 บาทสำหรับโครงการในไทย โดยสามารถเลือกแพ็กเกจได้ตามต้องการ (1, 3 , 10, 30 หรือ 90 วัน) ระบบจะตัดเงินจากบัญชีทรูมันนี่เพื่อซื้อและเบิร์นโทเคนคาร์บอนเครดิตที่ผ่านการรับรองมาตรฐานระดับสากล โดยทุกธุรกรรมจะถูกบันทึกไว้บนเครือข่ายบล็อกเชนสาธารณะ (Polygon) ในรูปแบบ NFT เพื่อความโปร่งใส ตรวจสอบได้ และลดต้นทุนเมื่อเทียบกับบริการชดเชยคาร์บอนรูปแบบเดิมหลายเท่าตัว สร้างประสบการณ์ที่ง่าย สะดวก และเข้าถึงได้สำหรับผู้ใช้งานทุกกลุ่ม ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://tmn.app.link/CARBON_CREDIT
ทรู ดีแทค กับแคมเปญ “ดีลโหด โปรดซื้อ” ยกขบวนพาเหรดสมาร์ทโฟน แบรนด์ดังหลากหลายรุ่น อาทิ iPhone Samsung OPPO vivo realme HONOR และอีกมากมาย ซื้อเครื่องเปล่าไม่ติดสัญญาราคาพิเศษ* หรือซื้อเครื่องพร้อมแพ็กเกจราคาสุดคุ้ม พร้อมดูฟรีความบันเทิงครบรสแบบจัดเต็ม ทั้งละคร ซีรีส์ วาไรตี้ ซิทคอม ผ่านแอป True Visions Now (POP, PLUS, PRIME), iQiyi, VIU, WeTV นาน 1 ปี
พิเศษยิ่งกว่า ลูกค้าทรู ดีแทค ยิ่งอยู่นาน ยิ่งลดเพิ่ม เพียงนำอายุการใช้งาน แลกรับส่วนลดเพิ่มสูงสุด 1,000 บาท พร้อมฟรี บริการดูแลหน้าจอนานสูงสุด 1 ปี* เมื่อซื้อมือถือรุ่นที่ร่วมรายการ ตั้งแต่วันนี้ ถึง 31 ธ.ค. 2568และพบข้อเสนอดีๆ อีกมากมาย ที่จัดเตรียมไว้ให้สำหรับลูกค้าทรู ดีแทคได้แล้ววันนี้ ซื้อมือถือคุ้มสุด ต้องที่ทรูช็อป ดีแทคช็อป ทุกสาขา หรือสั่งซื้อออนไลน์ผ่าน True Store / dtac Online Store ส่งฟรีถึงบ้าน ช้อปเลย !!
นอกจากนี้ ลูกค้าทรู ดีแทค ยังได้รับการปกป้องและเพิ่มความปลอดภัยในการใช้งานด้วยบริการ “True CyberSafe” ระบบป้องกันภัยไซเบอร์ที่ถูกพัฒนาขึ้น ด้วยเทคโนโลยี AI ขั้นสูงในการตรวจสอบและปกป้องลูกค้าจากลิงก์อันตราย SMS หลอกลวง และการโทรศัพท์จากมิจฉาชีพ โดยไม่ต้องลงทะเบียนหรือดาวน์โหลดแอปพลิเคชันเพิ่มเติมใดๆ พร้อมให้บริการฟรี! เพื่อช่วยเพิ่มความมั่นใจให้ลูกค้าทรู ดีแทค ปลอดภัยจากภัยคุกคามไซเบอร์ต่างๆ
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมหรือสั่งซื้อออนไลน์ผ่านเว็บ True Store / dtac Online Store ส่งฟรีถึงบ้าน คลิก https://ss.true.th/s/qEcyrXr
ดีลโหด โปรดซื้อ ซื้อมือถือคุ้มสุด ต้องที่ทรูช็อป ดีแทคช็อป !!! https://youtu.be/C29YEzJVPHg
เพราะต้นทุนชีวิตของคนเราไม่เท่ากัน ทำให้หลายคนอาจต้องใช้ความพยายามมากกว่าคนอื่นเป็นเท่าตัว เพื่อพาตัวเองก้าวสู่ความสำเร็จ เหมือนเช่น “น้องกิ่ง” กัญญารัตน์ สีแดงน้อย สาวน้อยวัย 25 ปี ที่เคยต้องหยุดเรียนกลางคันเพราะปัญหาทางด้านการเงิน ชีวิตเคยมืดมนจนมองไม่เห็นอนาคต แต่แล้วก็ได้รู้จักกับ “แกร็บ” ที่เข้ามาเป็นแสงสว่างให้เธอมีรายได้เลี้ยงชีพ และเป็น “สะพาน” ที่พาเธอกลับเข้าสู่เส้นทางการศึกษา จนจบชั้นอนุปริญญาได้สำเร็จ
เมื่อความฝันต้องพักไว้ เพื่อความอยู่รอดของครอบครัว
“น้องกิ่ง” ชาวอำเภอน้ำปาด จังหวัดอุตรดิตถ์ เป็นลูกคนเดียวของครอบครัวที่ทำอาชีพรับจ้าง ด้วยชีวิตที่ยากลำบากและฐานะทางบ้านที่ไม่เอื้ออำนวย ทำให้พ่อแม่มีกำลังส่งเสียให้เธอเรียนหนังสือได้ถึงชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย ทั้งที่จริงๆ แล้วเธอเป็นคนรักการเรียนและมองว่าการศึกษาจะเป็นหนทางเปลี่ยนชีวิต สร้างอนาคตที่ดีให้กับเธอและครอบครัว
ด้วยอายุเพียง 18 ปี เธอต้องเลือกเดินออกจากเส้นทางการศึกษา และมุ่งหน้าสู่โลกการทำงานอย่างเต็มตัวเพื่อหารายได้มาจุนเจือครอบครัว โดยได้ย้ายเข้ามาในตัวเมือง ทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟในร้านอาหารที่มีรายได้เพียงวันละ 300 บาทซึ่งเพียงพอแค่สำหรับการใช้จ่ายในแต่ละวันเท่านั้น

ขับแกร็บเปลี่ยนชีวิต จากรายได้ขั้นต่ำสู่โอกาสทางการศึกษา
ด้วยความเป็นคนอัธยาศัยดี เข้ากับคนง่าย ทำให้น้องกิ่งเป็นที่รักของทุกคนที่ได้รู้จัก รวมถึง “พี่ๆ คนขับแกร็บ” ที่ขับรถแวะเวียนมารับอาหารอยู่เป็นประจำ จนวันหนึ่งหลังจากที่น้องกิ่งทำงานที่ร้านอาหารได้ 3 ปี พี่คนขับแกร็บจึงได้ลองชักชวน พร้อมแนะนำน้องกิ่งให้มา “ขับแกร็บ”
แต่ในตอนนั้นเธอยังไม่ได้ตัดสินใจทันที และเลือกไปลองทำงานที่ร้านขายเครื่องดื่มในห้างเล็กๆ ก่อน แต่ไม่นานร้านนั้นก็ปิดตัวลง น้องกิ่งจึงว่างงานอยู่ราว 1 เดือน ท่ามกลางความไม่แน่นอนนั้นเอง เธอจึงตัดสินใจคว้าโอกาสที่เคยถูกยื่นให้ไว้
ด้วยมอเตอร์ไซค์คันเก่าที่เธอเก็บเงินจากการทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟ น้องกิ่งตัดสินใจสมัครขับแกร็บเพื่อส่งอาหาร “ก็ลองสมัครดูค่ะ แต่พอได้ขับจริงๆ มันกลับกลายเป็นโอกาสที่เปลี่ยนชีวิตหนูไปเลยค่ะ” น้องกิ่งกล่าว
รายได้ที่เธอได้รับจากการขับแกร็บเพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัว จากรายได้วันละ 300 บาทที่เคยได้รับจากการทำงานในร้านอาหาร กลายเป็น 400-500 บาทต่อวัน โดยที่ใช้เวลาทำงานเท่าๆ กัน นี่คือจุดเริ่มต้นที่ทำให้เธอกล้ากลับมาฝันถึงการเรียนหนังสืออีกครั้ง
หลังจากขับแกร็บได้ประมาณ 1 ปี ทำให้มีรายได้มากขึ้นและสามารถจัดสรรเวลาได้ น้องกิ่งเลยตัดสินใจสมัครเรียนต่อระดับอนุปริญญาที่วิทยาลัยสารพัดช่างอุตรดิตถ์ พร้อมเลือกขับแกร็บในช่วงเย็นวันธรรมดา และขับเต็มวันในวันหยุด“มันอิสระดีค่ะ หนูเลือกเวลาทำงานได้ ไม่กระทบกับการเรียน แถมยังได้ใช้เวลาว่างให้เป็นรายได้อีกด้วย” น้องกิ่งกล่าว
สำหรับน้องกิ่งแล้ว รายได้จากแกร็บทำให้เธอสามารถจ่ายค่าเทอม ค่าเดินทาง ค่าหนังสือ ค่ากินอยู่ได้ด้วยตัวเอง รวมทั้งยังแบ่งสันปันส่วนไปให้ครอบครัวได้อีกด้วย
“บางคนอาจคิดว่าขับแกร็บไม่มั่นคง รายได้ไม่แน่นอน แต่สำหรับหนู แกร็บคือสะพานที่ช่วยให้หนูไปถึงฝันได้” น้องกิ่งกล่าวด้วยความภูมิใจ
และเมื่อวันแห่งความสำเร็จมาถึง น้องกิ่งเรียนจบอนุปริญญาที่วิทยาลัยสารพัดช่างอุตรดิตถ์ ที่น่าตื้นตันไปมากกว่านั้น คือการที่พี่ๆ คนขับแกร็บ ที่ช่วยปูทางเดินให้กับเธอในวันนั้น ก็ได้มาร่วมแสดงความยินดีในวันแห่งความสำเร็จ ของเธอด้วย

จากเพื่อนร่วมอาชีพ สู่การเป็นอีกหนึ่ง “ครอบครัว”
น้องกิ่งยังติดต่อกับครอบครัวอยู่เสมอ และพยายามกลับบ้านในทุกเทศกาล แต่ระหว่างการเรียนและทำงานตัวคนเดียวที่อำเภอเมือง เธอก็ไม่ได้รู้สึกโดดเดี่ยวเลย เพราะเธอได้พบกับอีกหนึ่ง “ครอบครัว” ที่มอบความห่วงใยไม่แพ้กัน
“วันรับปริญญาหนู พี่ๆ คนขับแกร็บก็มาร่วมแสดงความยินดีด้วย หนูรู้สึกปลื้มใจที่มีคนรักและเอ็นดู และรู้สึกว่า หนูไม่ได้มีแค่ครอบครัวที่บ้าน แต่ยังมีครอบครัวอีกกลุ่มที่อยู่เคียงข้างหนูเสมอ” น้องกิ่งกล่าว
แม้จะเรียนจบระดับอนุปริญญาแล้ว แต่น้องกิ่งยังมีความฝันจะเรียนต่อในระดับปริญญาตรีสาขาการบัญชีต่อไป ด้วยความมุ่งมั่น ความพยายาม และหัวใจที่ไม่เคยหมดไฟ และนั่นคือพลังของ “โอกาส” ที่แท้จริง
บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตเคมีภัณฑ์ชั้นนำระดับโลกที่ดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน ได้ให้การต้อนรับคณะนักศึกษา จำนวน 48 คน จากหลักสูตร Leaders for Global Operations (LGO) ของสถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ (MIT) ณ สำนักงานใหญ่ของบริษัทฯ ในกรุงเทพมหานคร โดยการเยี่ยมชมครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาดูงานในระดับนานาชาติ ซึ่งออกแบบมาเพื่อเปิดโอกาสให้นักศึกษาได้สัมผัสประสบการณ์จริงกับบริษัทชั้นนำและกลยุทธ์ในการขับเคลื่อนการเติบโตอย่างยั่งยืน
นางอาราธนา โลเฮีย ชาร์มา รองประธานฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์และหัวหน้ากลุ่มธุรกิจ Wool ของอินโดรามา เวนเจอร์ส ได้กล่าวต้อนรับคณะผู้มาเยือน พร้อมแบ่งปันข้อมูลเชิงลึกที่สำคัญเกี่ยวกับเส้นทางการเติบโตและการขยายธุรกิจของบริษัทฯ ทั่วโลก ทั้งนี้ ผู้บริหารระดับสูงของบริษัทฯ ยังได้ร่วมบรรยายในหัวข้อ กลยุทธ์องค์กรของอินโดรามา เวนเจอร์ส การปรับเปลี่ยนธุรกิจเชิงกลยุทธ์ แผนงานด้านความยั่งยืน และโครงการริเริ่มด้านการพัฒนาบุคลากร นอกจากนี้ นักศึกษายังได้เยี่ยมชม อินโดรามา เวนเจอร์ส 360 แกลเลอรี นิทรรศการถาวรแบบอินเทอร์แอคทีฟของบริษัทฯ ซึ่งแสดงถึงพอร์ตโฟลิโอผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายของบริษัทฯ โซลูชั่นผลิตภัณฑ์นวัตกรรม และความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน
การเยี่ยมชมในครั้งนี้ สะท้อนถึงความร่วมมือที่ขยายวงกว้างขึ้นระหว่างอินโดรามา เวนเจอร์ส กับ MIT รวมถึงบทบาทของบริษัทฯ ในฐานะสมาชิกของคณะกรรมการที่ปรึกษา MIT Sloan Office for Southeast Asian Nations (MSAO) ซึ่งส่งเสริมการแลกเปลี่ยนองค์
ความรู้ การเรียนรู้เชิงปฏิบัติ และความร่วมมือระหว่างภาควิชาการกับภาคธุรกิจในภูมิภาคอาเซียน โดยบริษัทฯ ได้ให้การสนับสนุนภารกิจของ MSAO อย่างต่อเนื่องในการส่งเสริมความร่วมมือที่สร้างผลกระทบและยกระดับการพัฒนาการบริหารจัดการทั่วทั้งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
อินโดรามา เวนเจอร์ส ยังคงสนับสนุนการพัฒนาบุคลากรและเสริมสร้างภาพลักษณ์ขององค์กรในฐานะนายจ้างที่น่าเชื่อถือ ผ่านพันธมิตรเชิงกลยุทธ์กับสถาบันการศึกษาชั้นนำระดับโลก ตอกย้ำถึงกลยุทธ์การเปลี่ยนแปลง IVL 2.0 เพื่อส่งเสริมผู้นำในอนาคตและขับเคลื่อนการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว
การเดินทางไปต่างประเทศนอกจากการวางแผนเส้นทาง ที่พัก และสถานที่ท่องเที่ยวแล้ว การเลือกบัตรเครดิตที่เหมาะสมก็เป็นสิ่งสำคัญ เพราะเป็นสิ่งที่ช่วยให้ใช้จ่ายได้อย่างสะดวก ประหยัด คุ้มค่า อีกทั้งยังได้รับสิทธิพิเศษมากมาย แต่เมื่อพูดถึงการใช้บัตรเครดิตสำหรับการเดินทางหรือใช้จ่ายในต่างประเทศ หลายคนอาจลังเลว่าควรเลือกใช้บัตรประเภทไหนจึงจะได้สิทธิพิเศษสูงสุด เพราะแต่ละแบรนด์บัตรเครดิตทั้ง Visa Mastercard JCB และ UnionPay ต่างมีข้อดีและความคุ้มค่าที่แตกต่างกัน เคทีซีจึงได้รวบรวม 5 วิธีเลือกบัตรเครดิตสำหรับท่องเที่ยวต่างประเทศให้คุ้มค่าและเหมาะสมกับไลฟ์สไตล์การใช้จ่ายมากที่สุด
1. เลือกบัตรที่ได้รับการยอมรับในประเทศปลายทาง
บัตรเครดิตแต่ละแบรนด์มีความครอบคลุมในประเทศต่าง ๆ ไม่เหมือนกัน บางประเทศอาจรองรับบัตรบางประเภทมากกว่า ดังนั้นก่อนการเดินทางจึงควรเช็กสถานที่ที่ไปว่ารองรับบัตรประเภทใดเพื่อให้สามารถเลือกบัตรที่ใช้จ่ายได้สะดวกที่สุดในจุดหมายปลายทาง เช่น หากเดินทางไปยุโรปหรืออเมริกา ควรใช้บัตรเครดิต Visa หรือ Mastercard เพราะร้านค้ามักจะรับบัตรสองประเภทนี้มากที่สุด หากเดินทางไปญี่ปุ่น ควรมีบัตรเครดิต JCB ติดตัว เพราะมีส่วนลดพิเศษที่ร้านค้าและห้างสรรพสินค้าชั้นนำโดยเฉพาะเมื่อใช้จ่ายเป็นสกุลเงินเยน และหากเดินทางไปจีน ควรใช้บัตรเครดิต UnionPay เพราะร้านค้าส่วนใหญ่รองรับและมักไม่มีค่าธรรมเนียมเพิ่มเติม ซึ่งสำหรับสมาชิกบัตรเครดิต KTC UNIONPAY PLATINUM ยังได้รับคะแนน KTC FOREVER x2 ทุกการใช้จ่ายผ่านบัตรที่ฮ่องกง มาเก๊า และไต้หวัน เป็นสกุลเงินท้องถิ่น HKD/MOP/TWD อีกด้วย
2. เปรียบเทียบอัตราแลกเปลี่ยน ค่าธรรมเนียม และสิทธิพิเศษจากบัตรเครดิต
เมื่อใช้บัตรเครดิตในต่างประเทศ ระบบจะคำนวณอัตราแลกเปลี่ยนโดยอิงจากสกุลเงินท้องถิ่น ซึ่งแต่ละแบรนด์อาจมีอัตราที่แตกต่างกัน รวมถึงค่าธรรมเนียมในการแปลงสกุลเงิน สิทธิพิเศษที่ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายระหว่างเดินทาง เช่น เครดิตเงินคืน ส่วนลดจากการใช้จ่าย คะแนนสะสม หรือการแลกไมล์ เป็นต้น ดังนั้นก่อนออกเดินทางควรหาข้อมูลเพื่อเลือกบัตรที่ให้อัตราแลกเปลี่ยนดีและค่าธรรมเนียมต่ำที่สุด รวมถึงตรวจสอบค่าธรรมเนียมการถอนเงินสดล่วงหน้าหากจำเป็นต้องใช้เงินสดในต่างประเทศ
และสิทธิพิเศษต่าง ๆ เช่น บัตรเครดิต Visa และ Mastercard มักมีอัตราแลกเปลี่ยนที่ค่อนข้างดีเหมาะสำหรับการใช้จ่ายทั่วไป รวมถึงส่วนลดพิเศษสำหรับการจองโรงแรมและร้านอาหารในหลายประเทศ บัตรเครดิต UnionPay มีค่าธรรมเนียมถูกกว่าและมีโปรโมชันส่วนลดหากใช้ในประเทศจีน ฮ่องกง มาเก๊า ไต้หวัน หรือสิงคโปร์ และบัตรเครดิต JCB มีโปรโมชันสำหรับการใช้จ่ายในสกุลเงินเยนที่ร้านค้าปลอดภาษี หรือร้านอาหารในญี่ปุ่น โดยเคทีซีมีค่าธรรมเนียมอัตราความเสี่ยงการแปลงสกุลเงินต่างประเทศที่ถูกกว่าเพียง 2% จากปกติอัตราตลาด 2.5%
3. ตรวจสอบสิทธิ์การใช้บริการพิเศษ
หากต้องการความสะดวกสบายระหว่างเดินทาง การมีบัตรเครดิตที่ให้สิทธิ์ใช้บริการเลานจ์สนามบิน บริการ Fast Track หรือบริการรถรับส่งสนามบินเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญในการเลือกบัตร เช่น บัตรเครดิต KTC VISA SIGNATURE บัตรเครดิต KTC WORLD REWARDS MASTERCARD หรือ บัตรเครดิต KTC UNIONPAY DIAMOND ได้สิทธิ์ใช้บริการห้องรับรองพิเศษ MIRACLE LOUNGE ฟรี 2 ครั้งต่อปีที่สนามบินสุวรรณภูมิ รวมถึงบัตรเครดิต KTC JCB ULTIMATE ที่นอกจากจะได้สิทธิ์ห้องรับรองพิเศษทั้ง MIRACLE LOUNGE และ LoungeKey ที่เป็นห้องรับรองสำหรับสมาชิกบัตรเครดิต JCB แล้วยังมีบริการรถลีมูซีนรับ ส่งสนามบินสุวรรณภูมิหรือสนามบินดอนเมืองอีกด้วย (เงื่อนไขเป็นไปตามที่กำหนด)
4. เช็กสิทธิ์ประกันการเดินทางที่มาพร้อมกับบัตร
บัตรเครดิตหลายประเภทมาพร้อมกับสิทธิประโยชน์ด้านประกันการเดินทาง ซึ่งสามารถคุ้มครองผู้ถือบัตรจากเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ทั้งอุบัติเหตุ เที่ยวบินล่าช้า หรือกระเป๋าเดินทางสูญหาย จึงควรตรวจสอบสิทธิพิเศษของบัตรเครดิตก่อนเดินทางเสมอเพื่อช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายฉุกเฉินที่อาจเกิดขึ้น เช่น บัตรเครดิต KTC VISA SIGNATURE บัตรเครดิต KTC WORLD REWARDS MASTERCARD บัตรเครดิต KTC JCB ULTIMATE และบัตรเครดิต KTC UNIONPAY DIAMOND มีสิทธิประโยชน์ประกันเดินทางทั้งในและต่างประเทศที่ครอบคลุมความสูญเสียหรือความเสียหายของกระเป๋าเดินทาง รวมถึงเสียชีวิต หรือเสียอวัยวะ สายตาหรือทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิงในขณะโดยสารบนยานพาหนะโดยสารสาธารณะที่วงเงินสูงสุด 20,000,000 บาท
5. เลือกบัตรที่มีระบบความปลอดภัยและบริการฉุกเฉินที่ดี
ควรตรวจสอบระบบความปลอดภัยของบัตรเครดิตล่วงหน้าหากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดระหว่างการเดินทาง เช่น บัตรเครดิตสูญหายหรือถูกโจรกรรม โดยควรเลือกบัตรที่มีระบบแจ้งเตือนแบบเรียลไทม์ผ่านแอปพลิเคชันหรือข้อความ SMS เมื่อมีการใช้จ่าย พร้อมตรวจสอบว่ามีบริการอายัดบัตรฉุกเฉินหรือไม่ เพื่อให้สามารถมั่นใจได้ว่าการใช้จ่ายในต่างประเทศจะปลอดภัยมากยิ่งขึ้น หรือเลือกบัตรเครดิต DIGITAL เช่น บัตร
เครดิต KTC DIGITAL PLATINUM VISA และบัตรเครดิต KTC DIGITAL PLATINUM MASTERCARD เป็นบัตรเครดิตดีไซน์โปร่งใส ไม่มีหมายเลขบัตรหรือแถบแม่เหล็กบนบัตร โดยข้อมูลสำคัญจะถูกเก็บไว้ในชิปการ์ดที่สามารถเข้าถึงได้ผ่านแอปพลิเคชัน KTC Mobile เท่านั้น รหัส Dynamic CVV เปลี่ยนทุกครั้งที่ขอและใช้ได้ภายใน 24 ชั่วโมง รวมถึงรองรับการชำระเงินแบบ Contactless หากเกิดการสูญหายสามารถแจ้งอายัดบัตรชั่วคราวผ่านแอปพลิเคชัน KTC Mobile ได้ทันที
การเลือกบัตรเครดิตสำหรับเดินทางต่างประเทศไม่ใช่แค่เลือกบัตรที่มีวงเงินสูงสุด แต่ต้องพิจารณาปัจจัยต่าง ๆ เช่น ความครอบคลุมของบัตรในประเทศที่จะไป ค่าธรรมเนียมแลกเปลี่ยน สิทธิประโยชน์ที่ได้รับ ความคุ้มค่าของประกันการเดินทาง และระบบความปลอดภัยของบัตรเครดิต หากเลือกบัตรได้เหมาะสมจะช่วยให้การเดินทางสะดวกและคุ้มค่ากว่าที่เคย
ผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ KTC PHONE 02 123 5000 หรือติดตามโปรโมชันของเคทีซีได้ที่ https://www.ktc.co.th สำหรับผู้ที่ต้องการสมัครสมาชิกบัตรเครดิตเคทีซี สามารถคลิกดูรายละเอียดได้ที่ลิงค์ https://ktc.cards/apply-pop-jcb หรือติดต่อศูนย์บริการสมาชิก “เคทีซี ทัช” ทุกสาขาทั่วประเทศ
หมายเหตุ : บัตรเครดิตใช้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนได้ตามกำหนด จะได้ไม่เสียดอกเบี้ย 16% ต่อปี
ทรู คอร์ปอเรชั่น เดินหน้าอำนวยความสะดวกด้านการสื่อสารในสถานการณ์ฉุกเฉิน สานต่อภารกิจช่วยเหลือญาติผู้ประสบเหตุแผ่นดินไหว และเจ้าหน้าที่ทุกหน่วยงาน ติดตั้งเราเตอร์ทรูออนไลน์ เพื่อกระจายสัญญาณ WiFi ให้ใช้งานอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงฟรี ตลอด 24 ชั่วโมง ไม่จำกัดค่ายมือถือ ทุกคนใช้งานได้ไม่มีค่าใช้จ่าย ติดตั้งเสร็จแล้วเริ่มใช้ได้ตั้งแต่สงกรานต์เป็นต้นไป ณ เต็นท์ศูนย์พักพิงมูลนิธิกันจอมพลังช่วยสู้ 3 หลัง ซึ่งเป็นศูนย์บัญชาการช่วยเหลือผู้ประสบภัยต่อเนื่องจากเหตุอาคารสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ถล่ม เขตจตุจักร กรุงเทพฯ
จุดให้บริการฟรี WiFi ครอบคลุมบริเวณเต็นท์พักคอยสำหรับญาติผู้ประสบภัย และเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานช่วยเหลือ ทั้ง 3 หลัง เพื่อให้สามารถติดต่อสื่อสารและรับข้อมูลข่าวสารได้อย่างต่อเนื่อง ภายใต้ความร่วมมือกับมูลนิธิกันจอมพลัง
พร้อมกันนี้ ทรู คอร์ปอเรชั่น ยังระดมกำลังโครงข่ายและทีมวิศวกรภาคสนาม เข้าสนับสนุนการปฏิบัติงานค้นหาและช่วยเหลือผู้ประสบเหตุอย่างเร่งด่วน ด้วยการเสริมสัญญาณมือถือในพื้นที่จุดเกิดเหตุ ดังนี้
· ติดตั้งรถโมบายล์สถานีฐานเคลื่อนที่เร็ว (Cell-On-Wheel: COW) จำนวน 2 คัน
· ปรับแต่งค่าพารามิเตอร์เครือข่าย (Event Parameter) ให้เหมาะสมกับพฤติกรรมการใช้งานเฉพาะหน้า
· ส่งทีมวิศวกรเน็ตเวิร์กดูแลเครือข่ายประจำพื้นที่อาคารถล่ม
· BNIC (ศูนย์ปฏิบัติการเครือข่ายอัจฉริยะ) พร้อมเทคโนโลยี AI เฝ้าติดตามและบริหารจัดการโครงข่ายตลอด 24 ชั่วโมง
ทรู คอร์ปอเรชั่น ขอร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการส่งต่อความห่วงใย และสนับสนุนการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพสูงสุด เพื่อช่วยเหลือญาติผู้ประสบเหตุและเจ้าหน้าที่ปฏิบัติภารกิจทุกหน่วยงานจากเหตุแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในไทย
สายการบินแควนตัส (QANTAS) ร่วมกับ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ เคทีซี เปิดตัวแคมเปญ ‘One Journey, Two Worlds: The Best of Australia and New Zealand with QANTAS’ ด้วยเป้าหมายที่ต้องการสร้างประสบการณ์การเดินทางที่มากกว่าการท่องเที่ยวทั่วไป แต่ยังสร้างความเชื่อมโยงศิลปะ วัฒนธรรม อาหาร และการเรียนรู้ เข้ากับเส้นทางท่องเที่ยว โดยครั้งนี้ปักหมุดหมายปลายทางอยู่ที่ ประเทศออสเตรเลียและนิวซีแลนด์
ภายใต้การจัดงานเพื่อเปิดตัวแคมเปญความร่วมมือในครั้งนี้ที่เป็นการผสานจุดแข็งของสายการบินแควนตัสในการเชื่อมต่อเส้นทางบินตรงสู่ 7 เมืองหลัก พร้อมเครือข่ายพันธมิตรทั่วโลก และสิทธิพิเศษจากบัตรเครดิต KTC ที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์เทรนด์การเดินทางเชิงประสบการณ์ (Experiential Travel) ที่ได้รับความนิยมในกลุ่มนักเดินทางชาวไทย โดยเฉพาะกลุ่มครอบครัวและคนรุ่นใหม่

นายไซมอน สมิธ (Mr. Simon Smith) ผู้จัดการทั่วไปภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเอเชียใต้ สายการบินแควนตัส กล่าวว่า แควนตัสเริ่มให้บริการเที่ยวบินจากประเทศไทยเป็นครั้งแรกเมื่อกว่า 65 ปีที่แล้ว และในปัจจุบันยังคงมีบทบาทสำคัญในฐานะสายการบินหลักที่เชื่อมโยงนักเดินทางชาวไทยกับจุดหมายปลายทางต่างๆ ด้วยเที่ยวบินกว่า 700 เที่ยวบิน และจำนวนที่นั่งกว่า 180,000 ที่นั่งต่อปี แควนตัสให้บริการเที่ยวบินรายวันจากกรุงเทพฯ สู่ซิดนีย์ ซึ่งได้รับการออกแบบให้เชื่อมต่อกับเครือข่ายปลายทางที่ครอบคลุมทั่วออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และหมู่เกาะแปซิฟิกได้อย่างสะดวกรวดเร็ว ผู้โดยสารของแควนตัสจะได้รับสิทธิประโยชน์ครบถ้วนในทุกการสำรองที่นั่ง อาทิ บริการโหลดสัมภาระใต้ท้องเครื่อง อาหารและเครื่องดื่ม รวมถึงระบบความบันเทิงบนเครื่องบินแบบครบวงจร นอกจากนี้ แควนตัสยังมีบริการ ‘Qantas Explorer’ ซึ่งมอบสิทธิพิเศษให้ผู้โดยสารสามารถสำรองบัตรโดยสารแบบหลายเมืองภายในออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ได้ในราคาสุดคุ้ม

มิสซิสเลสลีย์ ดัมเบรล (Mrs. Lesley Dumbrell) ศิลปินออสเตรเลีย ผู้เชี่ยวชาญด้านศิลปะนามธรรม โดดเด่นด้วยผลงานเชิงเรขาคณิตและการใช้สีที่ทรงพลัง สะท้อนให้เห็นถึงความสัมพันธ์ลึกซึ้งระหว่างศิลปะและการเดินทาง
“ศิลปะและการเดินทางเป็นสิ่งที่เชื่อมโยงกันอย่างแนบแน่น” เธอกล่าว “ในออสเตรเลีย ภูมิประเทศไม่ได้เป็นเพียงฉากหลัง แต่เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการสร้างสรรค์” จากผืนทรายสีแดงของอูลูรู แนวปะการังเกรตแบร์ริเออร์รีฟ ไปจนถึงฉากศิลปะร่วมสมัยในเมลเบิร์นและโฮบาร์ต ธรรมชาติและเมืองของออสเตรเลียได้กลายเป็นแหล่งแรงบันดาลใจของศิลปินมาอย่างยาวนาน นับตั้งแต่เธอย้ายมาใช้ชีวิตที่ประเทศไทยในปี 2534 ดัมเบรลล์พบว่าศิลปะของออสเตรเลียและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีความคล้ายคลึงกันอย่างน่าประหลาด โดยเฉพาะในเรื่องการใช้สี มิติของภาพ และการตีความธรรมชาติในแบบเฉพาะตัวของแต่ละวัฒนธรรม “นักท่องเที่ยวชาวไทยที่รักในศิลปะ จะได้แรงบันดาลใจไม่รู้จบจากภูมิทัศน์และความคิดสร้างสรรค์ในออสเตรเลีย” เธอกล่าวเสริม
ในฐานะหนึ่งในผู้บุกเบิกศิลปะนามธรรมที่มีบทบาทโดดเด่นในยุค 1970s ซึ่งวงการศิลปะยังถูกครอบงำโดยผู้ชาย เธอมีบทบาทสำคัญในการเคลื่อนไหวของศิลปินหญิงในออสเตรเลีย ผลงานของเธอได้รับการจัดแสดงในนิทรรศการระดับนานาชาติ รวมถึงที่นิวยอร์ก และได้รับการยอมรับจากภัณฑารักษ์และนักวิจารณ์ศิลปะชื่อดัง โดย Rachel Kent จากพิพิธภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัยแห่งออสเตรเลีย (Museum of Contemporary Art) เคยกล่าวถึงเธอว่าเป็น “หนึ่งในศิลปินศิลปะนามธรรมที่ทรงพลังที่สุดของออสเตรเลีย”

มิสซิสดอนนาห์ เซียมป์กา (Mrs. Donnah Ciempka) ประธานหอการค้าออสเตรเลีย-ไทย (AustCham Thailand) และหัวหน้าสถานศึกษาโรงเรียนนานาชาติแอสคอท กรุงเทพฯ กล่าวว่า ด้วยประสบการณ์บริหารงานและพัฒนาโรงเรียนทั้งในออสเตรเลียและประเทศต่าง ๆ ทั่วภูมิภาค จึงเข้าใจเป็นอย่างดีว่า “การศึกษา” เป็นสิ่งที่ผู้ปกครองให้ความสำคัญสูงสุด และเป็นแรงจูงใจสำคัญที่ทำให้นักเดินทางแนวครอบครัวเลือกออสเตรเลียและนิวซีแลนด์เป็นจุดหมายปลายทาง หนึ่งในหัวใจสำคัญของการศึกษาใน ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ คือ การพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ (Creative Thinking) และการให้ความสำคัญกับ ความหลากหลายทางวัฒนธรรม (Cultural Diversity) ซึ่งช่วยให้นักเรียนเติบโตอย่างมีอิสระทางความคิด เข้าใจความแตกต่างของผู้คน และพร้อมเรียนรู้โลกในมุมที่กว้างขึ้น ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์จึงเป็นจุดหมายยอดนิยมของนักเรียนและครอบครัวจากทั่วโลกที่ต้องการทั้งการศึกษาคุณภาพและประสบการณ์ชีวิตที่เหนือกว่า “ระบบการศึกษาที่ดี” ไม่ได้หมายถึงห้องเรียนเพียงอย่างเดียว แต่หมายถึงสภาพแวดล้อมทั้งหมดที่ทำให้เด็ก ๆ ได้คิด ได้เรียนรู้ และค้นพบตนเอง เชื่อมโยงกับแนวคิดสำคัญที่ สายการบินแควนตัส และเคทีซีต้องการนำเสนอ นั่นก็คือ “การเดินทางคือการเรียนรู้ (Travel as Learning)” ทุกการเดินทางสามารถเปลี่ยนมุมมอง เติมเต็มแรงบันดาลใจ และสร้างคุณค่าต่อชีวิตได้

มิสซิสซาแมนธา โปรยรุ่งพงษ์ นักธุรกิจหญิงลูกครึ่งไทย-ออสเตรเลีย และผู้ก่อตั้ง Bangkok Foodies แพลตฟอร์มที่เชื่อมโยงเชฟ นักชิม และผู้เชี่ยวชาญในแวดวงอาหาร เธอเติบโตในเมืองเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย ซึ่งมีชื่อเสียงระดับโลกด้านวัฒนธรรมอาหาร และยังเป็นผู้ร่วมก่อตั้ง VIVIN Asok – Café Grocery Bistro ที่นำเสนออาหารไทยคุณภาพสูงจากผู้ผลิตท้องถิ่นในรูปแบบ “จากชั้นวางสู่จานอาหาร”
เธอเน้นว่าออสเตรเลียเป็นหนึ่งในจุดหมายด้านอาหารที่มีความสร้างสรรค์และมีเสน่ห์มากที่สุดในโลก ด้วยเอกลักษณ์ของ Modern Australian Cuisine ที่ผสานวัตถุดิบท้องถิ่นเข้ากับอิทธิพลจากนานาชาติ ตั้งแต่ร้านอาหารในเมืองใหญ่ เส้นทางไวน์ เทศกาลอาหาร ไปจนถึงอาหารที่ได้รับแรงบันดาลใจจากวัฒนธรรมพื้นเมือง ซาแมนธากล่าวว่า “การเดินทางในออสเตรเลียไม่ใช่แค่การชิมอาหาร แต่คือการสัมผัสผู้คน สถานที่ และแรงบันดาลใจเบื้องหลังในแต่ละจาน”

ดร. จุฑามาศ วิศาลสิงห์ ผู้ก่อตั้งเครือข่ายไทยแลนด์แกสโทรโนมี (Thailand Gastronomy Network) และศิษย์เก่าดีเด่นจากหน่วยงานการศึกษานิวซีแลนด์ ร่วมแสดงความคิดเห็นว่า นิวซีแลนด์มีระบบการศึกษาที่ก้าวหน้าและส่งผลต่อการพัฒนาศักยภาพของผู้เรียนอย่างแท้จริง เพราะที่นั่นไม่เพียงแต่ให้ความรู้เชิงวิชาการ แต่ยังสอนให้รู้จักคิดอย่างสร้างสรรค์ ปรับตัว และเข้าใจโลกในมุมกว้าง ระบบการศึกษาของนิวซีแลนด์ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในห้องเรียน แต่ฝังรากอยู่ในธรรมชาติ ชุมชน และแม้กระทั่งในวัฒนธรรมอาหาร ที่ทำให้ผู้เรียนและผู้มาเยือนเข้าใจคุณค่าของการใช้ชีวิตอย่างยั่งยืน สำหรับครอบครัวและนักเรียนไทย นิวซีแลนด์จึงเป็นมากกว่าจุดหมายในการศึกษา แต่คือประสบการณ์ชีวิตที่จะสร้างแรงบันดาลใจ ทักษะที่จำเป็นในอนาคต และมุมมองใหม่ต่อโลกที่เปลี่ยนไป

นางสาววริษฐา พัฒนรัชต์ ผู้บริหารสูงสุดฝ่ายการตลาดบัตรเครดิต เคทีซี กล่าวว่า จากพฤติกรรมการใช้จ่ายของสมาชิกในช่วงที่ผ่านมา พบว่านักเดินทางชาวไทยให้ความสำคัญกับการท่องเที่ยวในรูปแบบที่มีความหมายมากขึ้น (Meaningful Travel) โดยเฉพาะการเดินทางเพื่อค้นหาแรงบันดาลใจ ผ่านศิลปะ วัฒนธรรม อาหาร หรือแม้แต่การศึกษาสำหรับบุตรหลาน ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์จึงเป็นปลายทางที่ได้รับความนิยมอย่างมาก เพราะมีทั้งเสน่ห์ของธรรมชาติและความพร้อมในด้านสิ่งอำนวยความสะดวก โดยช่วงเดือนมกราคม - กุมภาพันธ์ 2568 ยอดรวมการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตเคทีซีที่ประเทศออสเตรเลียเติบโตขึ้น 21% และมีแนวโน้มเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประเทศออสเตรเลียมียอดการใช้จ่ายของสมาชิกเคทีซีติด 1 ใน 10 สำหรับหมวดการใช้จ่ายในต่างประเทศ ขณะที่เคทีซีได้สนับสนุนเรื่องการศึกษาของประเทศนิวซีแลนด์มาอย่างต่อเนื่องผ่านบริการของ KTC WORLD Travel Service เคทีซีจึงได้ร่วมมือกับสายการบินแควนตัสนำเสนอสิทธิพิเศษและบริการที่ตอบโจทย์นักเดินทางยุคใหม่ ทั้งการเดินทางเพื่อการพักผ่อน สร้างแรงบันดาลใจ หรือเติมเต็มความรู้ เพื่อให้ทุกการเดินทางของสมาชิกเคทีซีเป็นมากกว่าแค่การท่องเที่ยว แต่เป็นการลงทุนกับประสบการณ์ชีวิตที่น่าจดจำ โดยมีรายละเอียดดังนี้
สิทธิพิเศษที่ KTC World Travel Service
· รับส่วนลด 1,000 บาท/ท่าน เมื่อจองตั๋วเครื่องบินสายการบิน QANTAS ในเส้นทางออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์
· F.I.T. Package ออสเตรเลียหรือนิวซีแลนด์ ตั๋วเครื่องบิน Qantas Airways พร้อมที่พัก 4 คืน เพียง 40,000 บาท/ท่าน จำกัด 10 คู่ 20 ท่าน
สมาชิกสามารถใช้สิทธิ์การจองได้ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2568 ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2568 และเดินทางตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2568 ถึงวันที่ 30 พฤศจิกายน 2568 สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ KTC World Travel Service โทร 02 123 5050 หรือ LINE @KTCWORLD สิทธิพิเศษสำหรับจองตั๋วเครื่องบินเส้นทางออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ กับสายการบินแควนตัส ผ่าน ทราเวลโลก้า (Traveloka) รับโค๊ดส่วนลด 1,000 บาทต่อ 1 การจอง สามารถใช้สิทธิ์การจองได้ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2568 ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2568 หรือจองตั๋วเครื่องบินผ่านตัวแทนที่ร่วมรายการ พร้อมแบ่งชำระ ได้แก่ เคทีซี เวิลด์ ทราเวล เซอร์วิส (KTC World Travel Service) / มาแจ๊สติก ทราเวล (Majestic Travel ) / ควอลิตี้ เอ็กซ์เพรส (Quality Express) / วันเดอร์ฟูลแพ็กเกจ (Wonderfulpackage) / บริษัท เวิลด์ เอ็กซ์พลอเรอร์ (World Explorer) และทราเวลโลก้า (Traveloka)
สำหรับงานแถลงข่าวในครั้งนี้ นางพิทยา วรปัญญาสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ เคทีซี ให้การต้อนรับ ดร. แอนเจลา แมคโดนัลด์ เอกอัครราชทูตออสเตรเลียประจำประเทศไทย และนายโจนาธาน คิงส์ เอกอัครราชทูตนิวซีแลนด์ประจำประเทศไทย ที่ได้ให้เกียรติเดินทางมาร่วมงาน
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ KTC World Travel Service โทร 02 123 5050 หรือ ทักแชท https://ktc.cards/KWT-addline-FB
เช็คราคา จองตั๋วเครื่องบินออนไลน์ด้วยตัวเองได้ที่ https://bit.ly/KTCFlightOB
สนใจสมัครบัตรเครดิตเคทีซี https://ktc.today/apply-card
หรือติดต่อ KTC PHONE 02 123 5000 หรือศูนย์บริการสมาชิก “เคทีซี ทัช” ทุกสาขาทั่วประเทศ
กลุ่มบริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG โดย คุณชัยทัศน์ วันชัย กรรมการผู้จัดการ บริษัท สยามออโต้แบคส์ จำกัด และคุณสุขวสา ภูชัชวนิชกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท กาแฟพันธุ์ไทย จำกัด ร่วมกับ บริษัท ทางยกระดับดอนเมือง จำกัด (มหาชน) หรือ DMT โดย ดร.ศักดิ์ดา พรรณไวย กรรมการผู้จัดการ และ ดร. สัณห์ พันธ์อุไร ผู้ช่วยรองกรรมการผู้จัดการสายงานปฏิบัติการ ส่งความห่วงใยแก่ผู้ใช้ถนนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2568 ภายใต้โครงการ "สงกรานต์ปลอดภัย ใส่ใจเพื่อนร่วมทาง ปีที่ 15" โดยจัดกิจกรรมแจกของ ที่ระลึกสุดพิเศษสำหรับเทศกาลสงกรานต์จากออโต้แบคส์ (Autobacs) กาแฟพันธุ์ไทย และกระเป๋ากันง่วง สำหรับผู้ใช้รถที่ต้องการความมั่นใจก่อนเดินทาง ออโต้แบคส์ (Autobacs) ยังมีจุดบริการตรวจเช็กสภาพรถเบื้องต้น (Light Check) โดยทีมงานมืออาชีพ ณ ด่านดินแดง 1 ทางยกระดับดอนเมือง เมื่อเร็ว ๆ นี้