December 15, 2025

กรุงเทพฯ – 30 กันยายน 64: CARS24 (คาร์สทเวนตี้โฟร์) บริษัทด้านออโต้เทคที่เติบโตเร็วที่สุดในเอเชีย ประกาศความสำเร็จล่าสุดในการระดมทุนรอบซีรี่ส์ F มูลค่ากว่า 340 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ 11,500 ล้านบาท ทำให้มูลค่าของบริษัทพุ่งแตะที่ 1.84 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ 62,500 ล้านบาท โดยมีกองทุนชื่อดังที่เป็นแกนนำในการลงทุนรอบนี้ทั้ง DST Global กลุ่ม Falcon Edge และทาง SoftBank Vision Fund 2*

 โดยการลงทุนรอบซีรี่ส์ F ล่าสุดนี้ นอกจากจะนำโดยกลุ่มกองทุนชื่อดังข้างต้นแล้ว ยังร่วมด้วยเทนเซ็นต์ และผู้ร่วมลงทุนรายเดิมอย่าง Moore Strategic Ventures และกองทุน Exor Seeds ซึ่งเงินทุนรอบนี้จะนำไปใช้ในการเปิดตลาดนานาชาติ เพิ่มศักยภาพด้านเทคโนโลยี และการนำไปให้บริการไฟแนนซ์สำหรับผู้บริโภค

 ทาง CARS24 นั้นเป็นผู้นำตลาดซื้อ-ขายรถยนต์ใช้แล้วออนไลน์ของอินเดียซึ่งครองส่วนแบ่งตลาดมากกว่า 90% และในต้นปี 2563 ที่ผ่านมานี้ก็ประสบความสำเร็จอย่างงดงาม ในการเปิดตัวให้บริการแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซสำหรับรถยนต์ใช้แล้วทั้งที่สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และออสเตรเลีย เพื่อเป็นการตอกย้ำกลยุทธ์ที่จะเดินหน้าสร้างฐานในตลาดนานาชาติ CARS24 ก็พร้อมรุกตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

 นายอภิจีต ดาบัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร CARS24 กลุ่มเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าวว่า “เราประสบความสำเร็จและได้รับความไว้วางใจอย่างมากจากผู้บริโภคในตลาดอินเดีย รวมไปถึงตลาดใหม่ที่เราไปเปิดตัวมาไม่นานอย่าง สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และออสเตรเลีย ด้วยการใช้เทคโนโลยี และ Data Science มาสร้างประสบการณ์การใช้งานที่ดีขึ้นให้กับผู้บริโภคตั้งแต่เริ่มต้นจนเสร็จสิ้นการซื้อ และตอนนี้สำหรับผู้บริโภคในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ก็จะได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ดีแบบนี้เช่นเดียวกัน เพราะเราต้องการให้การซื้อรถยนต์ใช้แล้วไม่มีความยุ่งยากอีกต่อไป ผู้ซื้อรู้สึกปลอดภัยและตรวจสอบได้ ทุกคนสามารถซื้อรถคันต่อไป

ผ่านทางออนไลน์ได้เลย ทุกขั้นตอนการซื้อสะดวกและเข้าใจง่าย เหมือนการซื้อเสื้อผ้า โทรศัพท์มือถือ หรือข้าวของเครื่องใช้ในบ้าน”

 ในปัจจุบันมูลค่าของตลาดรถยนต์ใช้แล้วตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้สูงกว่าตลาดรถยนต์ใหม่กว่า 1.3 เท่า และยังมีแนวโน้มที่จะเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องในอนาคตอันใกล้นี้ บวกกับสภาวการณ์ปัจจุบันที่ผู้คนส่วนใหญ่ก็เป็นกังวลกับความปลอดภัยของตัวเองท่ามกลางการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และการมองหาความคุ้มค่าในเม็ดเงินที่จะใช้จ่าย จึงส่งผลให้มีผู้บริโภคจำนวนมากที่มองหารถยนต์ใช้แล้วมาครอบครองเพื่อให้เดินทางได้อย่างปลอดภัยไปกับพาหนะที่คุ้มค่ากับเงินที่จ่าย

 “ไม่ว่าจะที่ไหน ปัญหาที่ผู้บริโภคส่วนใหญ่ต่างประสบเหมือนกันก็คือ ความไม่ไว้วางใจระหว่างผู้ซื้อกับผู้ขาย และประสบการณ์การซื้อรถมือสองที่ผู้ซื้อไม่สามารถหารถที่ถูกใจ ตรงตามงบ หรือความต้องการในการใช้งานได้ CARS24 จึงออกแบบมาเพื่อแก้ปัญหาเหล่านั้นให้หมดไป เพราะเราจะมีรถจำนวนมากให้ผู้บริโภคได้เลือก ทุกคันสามารถตรวจสอบได้ มีความโปร่งใส 100% บนแพลตฟอร์มของเรา รถที่คุณเห็นบนแพลตฟอร์มก็คือรถคันที่คุณจะได้เป็นเจ้าของ” นายอภิจีต กล่าวเสริม

 CARS24 จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในประเทศไทยในช่วงปลายปีที่จะถึงนี้ โดยมุ่งหวังจะพลิกโฉมประสบการณ์การซื้อรถยนต์ใช้แล้วให้กับคนไทยทุกคนได้สัมผัสกัน

1: South-east Asian Used Car Market – Growth, Trends, COVID-19 impact, and Forecast (2021-2026) report

เซินเจิ้น ประเทศจีน, 1 ตุลาคม 2564 - หัวเว่ย พร้อมพันธมิตรในอุตสาหกรรม ได้จัดการประชุมโลกอัจฉริยะแห่งอนาคตปี พ.ศ. 2573 (Intelligent World 2030 Forum) โดยมีคุณเดวิด หวัง (David Wang) กรรมการบริหารและประธานฝ่ายผลิตภัณฑ์และโซลูชันทางด้าน ICT ของบริษัทหัวเว่ย นำเสนอรายงานโลกอัจฉริยะ ปี พ.ศ. 2573 พร้อมกล่าวสุนทรพจน์ในหัวข้อ สำรวจโลกอัจฉริยะ ปี พ.ศ. 2573 (Exploring the Intelligent World 2030) นับเป็นครั้งแรกที่หัวเว่ยได้ใช้วิธีการทั้งเชิงคุณภาพและเชิงปริมาณเพื่ออธิบายถึงโลกอัจฉริยะทศวรรษหน้าและคาดการณ์ทิศทางอุตสาหกรรมอย่างเป็นระบบ ช่วยให้อุตสาหกรรมต่างๆ สามารถเล็งเห็นถึงโอกาสใหม่ๆ และค้นพบคุณค่าใหม่

ช่วงสามปีที่ผ่านมา หัวเว่ยได้มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลเชิงลึกกับนักวิชาการ ลูกค้า และพันธมิตรในอุตสาหกรรมกว่า 1,000 ราย จัดการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการกว่า 2,000 ครั้ง รวมถึงรวบรวมข้อมูลและแนวทางจากองค์กรที่มีอำนาจต่างๆ อาทิ สหประชาชาติ สภาเศรษฐกิจโลก และองค์การอนามัยโลก หัวเว่ยยังได้นำข้อมูลเชิงลึกจากบทความทางวิทยาศาสตร์ต่างๆ เช่น เนเจอร์ (Nature) และไออีอีอี (IEEE) และนำข้อมูลความรู้จากสมาคมอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องและบริษัทที่ปรึกษาต่างๆ ตลอดจนผู้เชี่ยวชาญทั้งจากภายในและภายนอกหัวเว่ย มาสู่การจัดทำรายงานโลกอัจฉริยะ ปี พ.ศ. 2573 นี้เพื่อแสดงวิสัยทัศน์ทางด้านเทคโนโลยี ICT และแนวทางของแอปพลิเคชันต่างๆ ในทศวรรษหน้า

 เดวิด หวัง นำเสนอรายงานโลกอัจฉริยะ ปี พ.ศ. 2573

รายงานดังกล่าวนำเสนอทิศทางการสำรวจในระดับมหภาคข้ามสาขาวิชา (cross-disciplinary) และข้ามองค์ความรู้ (cross-domain) ใน 8 แนวทางด้วยกัน ซึ่งแสดงให้เห็นว่า เทคโนโลยี ICT สามารถแก้ปัญหาและความท้าทายสำคัญเกี่ยวกับพัฒนาการมนุษย์ได้อย่างไรบ้าง และมีโอกาสใหม่ๆ อะไรบ้างสำหรับองค์กรและบุคคลต่างๆ สำหรับในระดับอุตสาหกรรม รายงานฉบับนี้ได้กล่าวถึงเทคโนโลยีอนาคต และทิศทางการพัฒนาเครือข่ายการสื่อสาร ระบบคอมพิวเตอร์ พลังงานดิจิทัล และโซลูชันทางด้านยานยนต์อัจฉริยะ

คุณเดวิด หวัง กล่าวว่า "เมื่อ 30 ปีที่แล้ว เราตัดสินใจพัฒนาคุณภาพชีวิตผ่านระบบสื่อสาร 10 ปีที่แล้ว เราตัดสินใจเชื่อมต่อทั่วทุกมุมโลกเข้าด้วยกันเพื่อสร้างโลกที่เชื่อมโยงกันที่ดียิ่งขึ้น และทุกวันนี้ วิสัยทัศน์และพันธกิจของเราคือการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาสู่ทุกผู้คน ทุกครัวเรือน และทุกองค์กร เพื่อขับเคลื่อนโลกอัจฉริยะที่เชื่อมโยงถึงกันอย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งเราเชื่อมั่นว่าโลกอัจฉริยะกำลังมาถึงอย่างรวดเร็ว"

แขกผู้มีเกียรติที่มีชื่อเสียงหลายท่านที่ร่วมกล่าวปาฐกถาในการประชุมครั้งนี้ ได้แก่ สตีเวน จอห์นสัน นักอนาคตศาสตร์ที่มีชื่อเสียง, เฉิน จิงจวน (Chen Qingquan) ประธานผู้ก่อตั้งและดำรงตำแหน่งตามวาระ สมาคมยานยนต์ไฟฟ้าโลก (World Electric Vehicle Association), เดนิส เดอปูซ์ (Denis Depoux) ประธานร่วมคณะกรรมการบริหารทั่วโลกของโรแลนด์ เบิร์ก (Roland Berg Global Management Committee) และหวัง ซีจิน (Wang Zhiqin) รองประธานสถาบันเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารแห่งประเทศจีน (China Academy of Information and Communications Technology (CAICT)) ซึ่งต่างแสดงวิสัยทัศน์เกี่ยวกับโลกอัจฉริยะ และอธิบายว่าเทคโนโลยี ICT สามารถขับเคลื่อนการพัฒนาทางเศรษฐกิจและสังคมให้ดีขึ้นได้อย่างไร

ในฐานะที่เป็นนักเขียนเกี่ยวกับอนาคตและวิทยาศาสตร์ที่มีชื่อเสียง สตีเวน จอห์นสัน กล่าวว่า เรากำลังเข้าสู่ยุคการเติบโตแบบทบทวีคูณ ทศวรรษที่กำลังจะมาถึงจะเป็นยุคทองของความร่วมมือระหว่างปัญญามนุษย์และปัญญาประดิษฐ์ และชุดคำสั่งต่างๆ (algorithms) จะช่วยเพิ่มศักยภาพปัญญามนุษย์ เมื่อเทคโนโลยีเติบโตอย่างทวีคูณ สังคมของเราก็จะได้ประโยชน์จากการนี้

การประชุมโลกอัจฉริยะ ปี พ.ศ. 2573 นับเป็นครั้งแรกที่หัวเว่ยได้นำเสนอวิสัยทัศน์และงานวิจัยที่มีความล้ำสมัยสู่ทศวรรษหน้าอย่างเป็นระบบ การนำเสนอองค์ความรู้นี้จะนำมาซึ่งคุณค่าต่อการพัฒนาสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งระบบเศรษฐกิจดิจิทัลและการเปลี่ยนแปลงสู่ยุคดิจิทัลทั่วโลก

จินตนาการจะเป็นตัวกำหนดว่าเราจะไปได้ไกลเพียงใดในอนาคต ส่วนการกระทำจะเป็นตัวกำหนดว่า เราจะไปถึงอนาคตได้รวดเร็วเพียงใด และวิธีที่ดีที่สุดที่จะทำนายอนาคตก็คือการสร้างอนาคตนั่นเอง นอกจากนี้ ยังมีความท้าทายอีกมากที่ต้องฝ่าฟันระหว่างทางไปสู่โลกอัจฉริยะ ดังเช่นที่คุณเดวิด หวังได้กล่าวไว้ตอนท้ายว่า “เราเชื่อว่า ภูมิปัญญาที่ยิ่งใหญ่ย่อมพบได้จากการแลกเปลี่ยนความคิดร่วมกัน ความฝันเป็นตัวขับเคลื่อนหลักต่อความก้าวหน้าทางสังคม เพื่อก้าวไปสู่ทศวรรษหน้า เราควรมาร่วมกันสร้างโลกอัจฉริยะที่ดียิ่งขึ้นไปด้วยกัน”

ภาพรวมรายงาน:

ข้อมูลสำคัญจากงานโลกอัจฉริยะ ปี พ.ศ. 2573: เราจะมีชีวิตที่ดียิ่งขึ้นในปี พ.ศ. 2573 มีอาหารมากขึ้น มีพื้นที่ที่อยู่อาศัยกว้างขึ้น มีพลังงานทางเลือก บริการดิจิทัลต่างๆ และไม่มีปัญหาการจราจรติดขัดอีกต่อไป เราจะสามารถขจัดงานที่ซ้ำซากและเป็นอันตรายไปไว้ที่เครื่องจักร และเข้าถึงบริการดิจิทัลอย่างมั่นคงปลอดภัย เพื่อบรรลุเป้าหมายนี้ เราได้กำหนด ทิศทางการสำรวจในด้านต่างๆ เอาไว้ 8 แนวทางด้วยกัน ได้แก่ สุขอนามัย อาหาร การดำรงชีวิต และการคมนาคม

 ปี พ.ศ. 2573 เราจะสามารถคาดการณ์ปัญหาทางด้านสุขอนามัยที่อาจเกิดขึ้นได้โดยการคำนวณและสร้างแบบจำลองข้อมูลสาธารณสุขและทางการแพทย์ เปลี่ยนเป้าหมายจากการรักษาไปสู่การป้องกัน โซลูชันทางการแพทย์ที่มีความแม่นยำสูงจาก IoT และ AI จะกลายเป็นจริง

ปี พ.ศ. 2573 การเพาะปลูกในแนวตั้ง (vertical farms) ที่ไม่ได้รับผลกระทบจากสภาพภูมิอากาศจะได้รับการประยุกต์ใช้อย่างแพร่หลาย ซึ่งจะทำให้เราผลิตอาหารเพื่อสุขภาพ (green food) ได้สำหรับทุกคน เทคโนโลยีการพิมพ์แบบสามมิติ (3D printing) จะทำให้เราสามารถผลิตเนื้อสัตว์สังเคราะห์ (artificial meat) เพื่อรองรับความต้องการทางโภชนาการของเราได้

บ้านและสำนักงานต่างๆ จะกลายเป็นอาคารที่มีการปล่อยคาร์บอนเป็นศูนย์ (zero-carbon buildings) เทคโนโลยี IoT รุ่นต่อไปจะสร้างสภาพแวดล้อมในบ้านที่สามารถเรียนรู้และปรับแต่งได้ตามความต้องการของเรา

ยานพาหนะที่ใช้พลังงานรูปแบบใหม่จะกลายเป็น “พื้นที่ที่สาม” แบบเคลื่อนที่ อากาศยานรูปแบบใหม่จะทำให้บริการฉุกเฉินต่างๆ มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ลดต้นทุนการจัดหาวัสดุอุปกรณ์ทางการแพทย์ และเปลี่ยนแปลงวิธีการเดินทางของเรา

นอกจากด้านสุขอนามัย อาหาร ที่อยู่อาศัย และการคมนาคมแล้ว หัวเว่ยยังได้สำรวจอนาคตของเมืองต่างๆ พลังงาน วิสาหกิจ และความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยของระบบดิจิทัล (digital trust) เราหวังว่าจะได้ร่วมงานกับทุกท่านเพื่อสำรวจความเป็นไปได้ที่ไร้ขอบเขตร่วมกันในปี พ.ศ. 2573

เครือข่ายการสื่อสารในปี พ.ศ. 2573: ทศวรรษหน้า เป้าหมายและขอบเขตการเชื่อมต่อเครือข่ายจะยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ภายในปี พ.ศ. 2573 เมื่อเทคโนโลยีต่างๆ พัฒนาต่อไป เช่น เอ็กซ์เรย์ (XR) จอแสดงผลสามมิติด้วยตาเปล่า (naked-eye 3D display) สัมผัสทางดิจิทัล (digital touch) และกลิ่นดิจิทัล (digital smell) “ภาพดิจิทัล สัมผัสทางดิจิทัล และกลิ่นดิจิทัล” (digital vision, digital touch, and digital smell) จะสร้างประสบการณ์การมีส่วนร่วมและแตกต่างผ่านระบบเครือข่ายรุ่นใหม่ๆ ขณะเดียวกัน เมื่อระบบเครือข่ายพัฒนาจากการเชื่อมโยงผู้คนนับพันล้านไปเป็นการเชื่อมโยงอุปกรณ์นับร้อยพันล้านเครื่องแทน การออกแบบเครือข่ายจะเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมซึ่งให้ความสำคัญกับการรับรู้ของมนุษย์ไปสู่การรับรู้ของอุปกรณ์ เราจะเห็นการเกิดของโครงสร้างพื้นฐานด้านระบบประมวลผลคอมพิวเตอร์ในหลากหลายระดับ ของอุปกรณ์นับร้อยพันล้านเครื่องและข้อมูลจำนวนมาก ตลอดจนเครือข่ายพลังงานคอมพิวเตอร์ที่รองรับความสามารถในการเชื่อมต่อ นอกจากนี้ ภาพจำลองระบบเครือข่ายอนาคตทั้งสี่ภาพจะค่อยๆ กลายเป็นจริง เป็นเครือข่ายที่จะทำให้เกิดประสบการณ์ต่อเนื่อง ทั้งที่บ้าน สำนักงาน และยานพาหนะ อินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์ระบบดาวเทียม อินเทอร์เน็ตสำหรับอุตสาหกรรม และเครือข่ายพลังงานคอมพิวเตอร์

และในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งในโลกอัจฉริยะ เครือข่ายการสื่อสารในปี พ.ศ. 2573 จะพัฒนาไปสู่เครือข่ายบรอดแบนด์แบบสามมิติ (cubic broadband networks) ประสบการณ์ที่กำหนดได้เอง (deterministic experience) รองรับปัญญาประดิษฐ์ (AI-native) ระบบคลาวด์ของหัวเว่ย (HCS) มีความมั่นคงปลอดภัยและเชื่อถือได้ และเป็นเครือข่ายที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ต่ำ หัวเว่ยคาดการณ์ว่าจำนวนการเชื่อมต่อทั้งหมดทั่วโลกจะสูงถึง 2 แสนล้านจุดภายในปี พ.ศ. 2573 ขณะเดียวกัน การเข้าถึงเครือข่ายองค์กร การเข้าถึงเครือข่ายบรอดแบนด์ในบ้าน และการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตไร้สาย

รายบุคคลจะสูงกว่า 10 กิกะบิตต่อวินาที (Gbit/s) นับเป็นจุดเริ่มต้นของยุคการเชื่อมต่อระดับ 10 กิกะบิตต่อวินาที (Gbit/s connectivity)

การประมวลผลคอมพิวเตอร์ในปี พ.ศ. 2573: ภายในปี พ.ศ. 2573 โลกดิจิทัลและโลกทางกายภาพจะเชื่อมโยงกันอย่างไร้รอยต่อ ทำให้ผู้คนและอุปกรณ์สามารถสื่อสารกันได้ทั้งทางการรับรู้และทางอารมณ์ AI จะปรากฏอยู่ทั่วทุกหนแห่ง และช่วยให้เราก้าวข้ามผ่านขีดจำกัดของมนุษย์ ทั้งยังทำหน้าที่เป็นกล้องจุลทรรศน์และกล้องส่องทางไกลสำหรับนักวิทยาศาสตร์ ซึ่งจะช่วยให้เราเข้าใจสิ่งต่าง ๆ นับตั้งแต่อนุภาคที่มีขนาดเล็กที่สุดไปจนถึงปรากฏการณ์ด้านจักรวาลวิทยาที่มีขนาดใหญ่ที่สุดได้ อุตสาหกรรมต่างๆ ที่ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีดิจิทัลอยู่แล้วจะมีความได้เปรียบยิ่งขึ้นจาก AI ประสิทธิภาพทางด้านพลังงานระบบคอมพิวเตอร์จะเพิ่มขึ้นอย่างมาก ทำให้เราเข้าใกล้ระบบคอมพิวเตอร์ที่มีการปล่อยคาร์บอนเป็นศูนย์ (zero-carbon computing) เทคโนโลยีดิจิทัลจะกลายเป็นหนึ่งในเครื่องมือสำหรับการบรรลุเป้าหมายทั่วโลกในการสร้างความเป็นกลางทางคาร์บอน (carbon neutrality)

ระบบการประมวลผลคอมพิวเตอร์กำลังก้าวไปสู่ขีดจำกัดทางกายภาพ ด้วยเหตุนี้ นวัตกรรมทางด้านซอฟท์แวร์ สถาปัตยกรรม และระบบต่างๆ จึงเป็นสิ่งจำเป็น ที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้น ทั้งอุตสาหกรรมจำเป็นต้องร่วมกันสำรวจรากฐานใหม่สำหรับระบบคอมพิวเตอร์ ทำลายข้อจำกัดทางกายภาพของเซมิคอนดัคเตอร์ และทำให้ระบบคอมพิวเตอร์เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น มีความมั่นคงปลอดภัยมากขึ้น และฉลาดมากขึ้น หัวเว่ยคาดการณ์ว่า ภายในปี พ.ศ. 2573 มนุษยชาติจะเข้าสู่ยุคข้อมูลระดับยอตตะไบต์ (yottabyte) ด้วยสมรรถนะของระบบคอมพิวเตอร์สำหรับใช้งานทั่วไปเพิ่มสูงขึ้น 10 เท่า และมีสมรรถนะของระบบคอมพิวเตอร์ปัญญาประดิษฐ์เพิ่มขึ้น 500 เท่า

พลังงานดิจิทัลปี พ.ศ. 2573: ในทศวรรษหน้า มนุษยชาติจะเข้าสู่ยุคแห่งพลังงานดิจิทัล มุ่งไปสู่การพัฒนาที่มีการปล่อยคาร์บอนต่ำ การพัฒนาระบบไฟฟ้า และการเปลี่ยนแปลงไปสู่ระบบอัจฉริยะ แหล่งพลังงานทางเลือกใหม่ เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ (photovoltaic) และพลังงานลม จะค่อยๆ เข้ามาแทนที่เชื้อเพลิงฟอสซิล เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์ไฟฟ้าและเทคโนโลยีดิจิทัลจะผนวกรวมกันอย่างแนบแน่นเพื่อให้สามารถใช้ “ข้อมูลบริหารจัดการพลังงาน” (bit to manage watt) โดยตลอดระบบพลังงาน และสร้างแอพพลิเคชันส์อัจฉริยะต่างๆ บน “ระบบคลาวด์พลังงาน” (energy cloud) หัวเว่ยคาดการณ์ว่า ภายในปี พ.ศ. 2573 พลังงานแสงอาทิตย์จะกลายเป็นแหล่งพลังงานหลักแหล่งหนึ่งของเรา พลังงานทางเลือกในการผลิตไฟฟ้าทั่วโลกจะมีสัดส่วนร้อยละ 50 และการแบ่งสันปันส่วนไฟฟ้าในการใช้พลังงานขั้นสุดท้ายคาดว่าจะสูงกว่าร้อยละ 30 รถยนต์ไฟฟ้าซึ่งจะเป็นยานพาหนะใหม่ที่ถูกขายได้จะมีสัดส่วนสูงกว่าร้อยละ 50 และพลังงานทางเลือกจะสามารถป้อนพลังงานรองรับโครงสร้างพื้นฐานทางดิจิทัลได้ถึงร้อยละ 80

โซลูชันยานยนต์อัจฉริยะ ปี พ.ศ. 2573: ในทศวรรษหน้า การพัฒนาระบบไฟฟ้าและระบบอัจฉริยะไม่อาจหยุดยั้งได้ และเทคโนโลยี ICT จะหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวอุตสาหกรรมยานยนต์ ซึ่งจะมีการพัฒนาระบบขับขี่อัจฉริยะ (intelligent driving) พื้นที่อัจฉริยะ (intelligent spaces) บริการอัจฉริยะ (intelligent services) และระบบปฏิบัติงานอัจฉริยะ (intelligent operations) หัวเว่ยหวังว่าจะใช้เทคโนโลยี ICT เพื่อช่วยสร้างอุตสาหกรรมยานยนต์อัจฉริยะ และช่วยผู้ผลิตรถยนต์สร้างยานยนต์ที่ดีขึ้นได้

เป้าหมายสูงสุดของระบบขับขี่อัจฉริยะคือการใช้เทคโนโลยี เช่น ระบบขับขี่ไร้คนขับ (autonomous driving) เพื่อช่วยลด การ

เกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน และสร้างประสบการณ์การเดินทางที่มีประสิทธิภาพและไร้รอยต่อแก่ผู้ใช้ ปัจจุบันระบบขับขี่อัจฉริยะถูกจำกัดแต่เฉพาะบนถนนปิด เช่น ถนนที่มีการใช้ความเร็วสูง และถนนภายในองค์กรหรือสถาบันต่างๆ หากแต่จะค่อยมีการใช้งานเพิ่มมากขึ้นบนถนนสาธารณะ เช่น ถนนในเขตตัวเมือง ยานพาหนะต่างๆ จะแปรสภาพเป็นพื้นที่อัจฉริยะแห่งใหม่ด้วยระบบ ICT เทคโนโลยีต่างๆ เช่น AI ระบบยืนยันตัวตนทางชีวภาพ (biometric recognition) อุปกรณ์ตรวจจับด้วยแสงในรถ (in-vehicle optical sensors) และเทคโนโลยี AR/VR จะนำมาซึ่งฟีเจอร์การใช้งานใหม่ๆ ในห้องขับขี่ ยานยนต์อัจฉริยะจะเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมที่เป็นเพียงพื้นที่สำหรับการเคลื่อนที่ซึ่งมีความยืดหยุ่น (flexible mobile space) ไปเป็นพื้นที่ดำรงชีวิตแบบอัจฉริยะ (intelligent living space) ที่ผนวกรวมโลกเสมือนจริงและโลกทางกายภาพเข้าด้วยกัน หัวเว่ยคาดการณ์ว่า ภายในปี พ.ศ. 2573 ยานยนต์แบบไร้คนขับจะมีสัดส่วนถึงร้อยละ 20 ของจำนวนรถยนต์ใหม่ที่จะถูกขายได้ในประเทศจีน ส่วนยานยนต์ไฟฟ้าจะมีสัดส่วนมากกว่าร้อยละ 50 ของจำนวนรถยนต์ใหม่ที่จะถูกขายได้ ซึ่งยานยนต์เหล่านี้จะติดตั้งพร้อมระบบคอมพิวเตอร์ที่มีความสามารถทำงานได้มากกว่า 5,000 TOPS (TOPS - trillions of operations per second) และมีความเร็วในการส่งสัญญาณเครือข่ายในรถต่อการเชื่อมต่อสูงกว่า 100 กิกะบิตต่อวินาที (Gbps)

โตเกียว--1 ต.ค.--เกียวโด เจบีเอ็น-เอเชียเน็ท/อินโฟเควสท์

 - สตาร์ทอัพชั้นนำ 11 แห่งจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เตรียมเข้าร่วมด้วย -

 CyberAgent Capital Inc. ประกาศในวันที่ 28 กันยายนว่า บริษัทเตรียมจัดอีเวนต์สตาร์ทอัพระดับโลกที่มุ่งเจาะภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นอย่าง "Monthly Pitch Asia" ในชื่อใหม่ซึ่งก็คือ "CyberAgent Pitching Arena" ในวันที่ 6 ตุลาคม 2564 นี้ ในรูปแบบออนไลน์

เวลาเป็นทรัพยากรที่สำคัญและมีจำกัด CyberAgent Capital จึงได้เริ่ม "Monthly Pitch ( https://monthly-pitch.com/ )" ขึ้น เพื่อให้เหล่าผู้ประกอบการระยะแรกเริ่มพบปะกับนักลงทุนได้อย่างรวดเร็ว เพื่อให้พวกเขาเสียเวลาน้อยที่สุดในการระดมทุน และนำเวลานั้นไปมุ่งพัฒนาธุรกิจของตนให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้

 เดือนกันยายน 2564 นับเป็นครั้งที่ 52 แล้ว โดยทาง CyberAgent Capital ได้จัดงานนี้เป็นประจำทุกเดือนมาตั้งแต่ปี 2559 ซึ่งนับจนถึงวันนี้มีบริษัทเข้าร่วมอีเวนต์รวมกัน 403 ราย (บริษัทในประเทศ 387 ราย และบริษัทต่างประเทศ 16 ราย) ขึ้นแท่นอีเวนต์ระดมทุนที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น

 อีเวนต์ที่กำลังจะมาถึงนี้ จะประกอบไปด้วยการนำเสนอบริษัทเพื่อหาทุน (pitch) ของสตาร์ทอัพเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 11 แห่ง ทั้งยังมีการประชุมระหว่างสตาร์ทอัพกับนักลงทุนจากทั่วโลกด้วย

 กำหนดการ:

 การนำเสนอบริษัทเพื่อหาทุนซึ่งบันทึกไว้ล่วงหน้า (5-6 นาที) ตามด้วยช่วงถามตอบ (5 นาที)

 

Windows นับเป็นแพลตฟอร์มที่เปรียบเสมือนพื้นฐานสำคัญให้คนทำงานทั่วโลกได้สร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ และยังเป็นจุดเริ่มต้นของสตาร์ทอัพมากมาย คงไม่ผิดนักถ้าจะพูดว่าคอมพิวเตอร์เครื่องแรกของคนส่วนใหญ่มาพร้อม Windows ขณะที่เว็บไซต์หลายแห่งก็ถือกำเนิดและเติบโตบน Windows ซึ่งเป็นที่ที่พวกเราหลายคนเขียนอีเมลฉบับแรก เล่นเกมพีซีเกมแรก และเขียนโค้ดบรรทัดแรก

Windows เป็นที่ที่ผู้คนเข้าไปสร้างสรรค์และเชื่อมหากัน เพื่อเรียนรู้และบรรลุเป้าหมายของตัวเอง เป็นแพลตฟอร์มที่มีผู้ใช้งานในปัจจุบันกว่าพันล้านคน และในช่วงเวลาที่พีซีมีบทบาทสำคัญยิ่งขึ้นในชีวิตของเรา Windows 11 ก็ได้รับการออกแบบมาเพื่อให้คุณใกล้ชิดกับสิ่งที่คุณรักมากขึ้น

เจาะลึก Windows 11 อัดลูกเล่น พร้อมเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ ตอบโจทย์เรื่องส่วนตัวและความรู้สึกได้ดีมากยิ่งขึ้น

หลังจากเรียกเสียงฮือฮากันไปแล้วเมื่อกลางปีกับการเผยโฉมครั้งแรกของ Windows 11 ระบบปฏิบัติการเวอร์ชันใหม่ล่าสุดของไมโครซอฟท์ ที่มาพร้อมกับคุณสมบัติใหม่มากมายที่เปลี่ยนไปจาก Windows 10 ในที่สุดก็ถึงเวลาแล้วที่ไมโครซอฟท์จะปล่อยเวอร์ชันเต็มของ Windows 11 ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2564 นี้เป็นต้นไป พร้อมสร้างประสบการณ์ใช้งานแบบใหม่เพื่อให้ผู้ใช้ได้ใกล้ชิดกับสิ่งที่รักและคนที่รักมากยิ่งขึ้น ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมด้านแพลตฟอร์ม หลุดออกจากกรอบเดิมๆ ของตัวเอง ด้วยดีไซน์ใหม่ ฟังก์ชันเด็ด และการโต้ตอบกับ Windows 11 ได้อย่างเป็นธรรมชาติผ่านเมาส์ คีย์บอร์ด การสัมผัส และปากกา ที่ช่วยเพิ่มความคล่องตัวในการใช้งาน รองรับทั้งการทำงาน เรียน และเล่นในเวลาเดียวกัน การเปลี่ยนแปลงที่เรียกได้ว่ามากที่สุดที่เคยมีมาครั้งนี้ Windows 11 มีอะไรใหม่ อะไรดี ถึงถูกขนานนามว่าเป็น “Your Next Love” ไปดูกันเลย

1. ยกระดับการทำงานหลายๆ อย่างพร้อมกันให้สะดวกสบายมากกว่าที่เคย

Windows 11 ปรับเปลี่ยนดีไซน์ด้วยการเพิ่มความโค้งมนเข้าไปที่กรอบหน้าต่างแอปและเมนูต่างๆ พร้อมย้ายไอคอนในทาสก์บาร์มาไว้กลางจอ ให้ใกล้สายตาเวลาใช้งานจริงมากกว่าเดิม ส่วนเมนู Start ใหม่ก็มาในลุคที่เรียบง่ายกว่าที่เคย พร้อมเสิร์ฟทั้งแอปและไฟล์ที่ใช้งานประจำให้ได้คลิกกันง่ายๆ ส่วนใครที่เป็นมือใหม่และยังไม่คุ้นกับ Windows ก็มีแอป Get Started โฉมใหม่ที่พร้อมสอนการใช้งาน Windows 11 ขั้นพื้นฐานอย่างรวดเร็ว

ท่ามกลางความท้าทายและการเปลี่ยนแปลงวิถีการทำงานในโลกดิจิทัล Windows 11 ยังถูกออกแบบมาพร้อมฟีเจอร์สุดว้าวเพื่อรองรับการทำงานแบบ Multi-tasking ให้ได้ประสิทธิภาพอย่างสมบูรณ์แบบที่สุด อย่าง Snap Layouts และ Snap Groups ตัวช่วยให้คุณจัดระเบียบหน้าจอที่เปิดแอปฯ ไว้หลายหน้าต่างให้แบ่งพื้นที่หน้าจอในแบบที่คุณใช้งานได้ถนัดทุกแอป ทำให้การทำงานหลายอย่างพร้อมกันไม่สะดุดและลื่นไหลมากขึ้น นอกจากนี้ยังเปิด Virtual Desktops เพิ่มเติม แยกพื้นที่ให้แต่ละหน้าจอเหมาะสำหรับแต่ละช่วงเวลาในชีวิตประจำวันได้เป๊ะยิ่งขึ้น โดยอาจแยกเป็นหน้าจอสำหรับทำงาน เรียน หรือเล่นเกม ช่วยเพิ่มความสะดวกเวลาใช้คอมทำงานมากขึ้นเป็นเท่าตัว

2. สร้างชีวิตที่ดีขึ้นได้ ด้วยการเชื่อมต่อกับคนที่คุณห่วงใยได้มากเท่าที่ต้องการ

การมีชีวิตที่ดี ก็ขึ้นอยู่กับความสัมพันธ์ที่ดีด้วย Windows 11 มอบประสบการณ์ใหม่ให้ผู้ใช้งานสามารถเชื่อมต่อกับบุคคลที่คุณห่วงใยได้รวดเร็วยิ่งขึ้นด้วยการฝัง Microsoft Teams มาพร้อมในตัวเครื่อง ซึ่งอยู่บริเวณทาสก์บาร์เพื่อการเข้าถึงได้ง่าย ไว้ใช้สำหรับประชุมงานทางไกล เรียนออนไลน์ และติดต่อสื่อสารกับคนที่เรารักผ่านได้ทั้งข้อความ ภาพ เสียง หรือวิดีโอ หรือจะรับส่งไฟล์งานไปมาก็ได้ ข้อดีอีกอย่างคือรองรับการทำงานข้ามแพลตฟอร์มบนพีซีได้ทั้ง Windows, iOS และ Android ช่วยให้ติดต่อกันผ่านแพลตฟอร์มต่าง ๆ ได้สะดวก

เท่านั้นยังไม่พอ ในโลกที่คนนับล้านต้องใช้เวลามากขึ้นกับการประชุมออนไลน์ผ่านแอปต่างๆ Windows 11 ก็พร้อมอำนวยความสะดวก ลดโอกาสพลาดออกไมโครโฟน ด้วยปุ่มเปิด-ปิดเสียงตัวเองที่คลิกได้ทันทีไม่ว่าจะเปิดแอปไหนอยู่ และอีกหนึ่งฟังก์ชันสำหรับนักเดินทาง หรือ ถ้าเราอยากทำงานจากที่ไหนเมื่อไหร่ก็ได้ Windows 11 ยังมาพร้อม Redocking ที่จะจดจำหน้าจอที่เราใช้งานครั้งล่าสุด เมื่อเรา unplug และไปเริ่มใช้งานใหม่อีกครั้ง ทุกอย่างก็จะกลับมาเหมือนเดิม ไม่ต้องเปิดใหม่ ผู้ใช้งานก็ไม่ต้องเสียเวลาจดจำงานหรือความบันเทิงต่างๆ ที่เปิดทิ้งไว้อีกต่อไป

3. อัปเดตทันทุกเหตุการณ์ได้ก่อนใคร กับเครื่องมือคุณภาพที่คุมการทำงานด้วย AI

ในยุคที่เทคโนโลยีเข้ามาแทรกซึมอยู่ในชีวิตประจำวัน การเข้าถึงข้อมูลข่าวสารที่แต่ละคนสนใจได้ก่อนใครถือเป็นเรื่องได้เปรียบ Windows 11 มาพร้อมเบราว์เซอร์ประสิทธิภาพสูง Microsoft Edge และได้นำ Widgets ฟีดส่วนบุคคลที่เคยมีให้ใช้ใน Windows 7 กลับมาให้ใช้งานอีกครั้งในรูปแบบใหม่ พร้อมไอคอนของตัวเอง ขับเคลื่อนโดย AI ที่ช่วยรวบรวม และคัดกรองข้อมูลที่ถูกใช้งานบ่อยๆ รวมถึงให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสารที่สนใจ ข่าวพยากรณ์อากาศ ตารางนัดหมายอื่นๆ ได้อย่างรวดเร็ว อีกทั้งสามารถปรับแต่งเพิ่มลด Widgets ให้เข้ากับไลฟ์สไตล์การใช้งานของตัวผู้ใช้แต่ละคนได้ด้วยเช่นกัน

ส่วน Microsoft Store หน้าร้านดาวน์โหลดแอปของ Windows ก็ผ่านการปรับโฉมใหม่ทั้งหมดให้มีความหลากหลาย เอื้อต่อการค้นหาและดาวน์โหลดแอปฯ มาใช้งานได้อย่างสะดวกสบายมากขึ้น และมีแอปฯ ใหม่มาลงอีกเพียบ ช่วยต่อยอดประสบการณ์ที่มีความหมาย และเชื่อมต่อเรื่องราวถึงกันได้อย่างลงตัว

4. สัมผัสชัยชนะในเกมสำคัญด้วยประสิทธิภาพที่เหนือชั้นบนพีซีเกมที่ทรงพลังที่สุด

Windows 11 ให้คุณได้เล่นเกมที่ระดับมาตรฐานสูงสุด ชิงความได้เปรียบเหนือคู่ต่อสู้ผ่านการปลดล็อกฮาร์ดแวร์ และซอฟต์แวร์ให้ทำงานได้เต็มศักยภาพ เสริมด้วยฟีเจอร์ใหม่ที่โดดเด่นทำให้การเล่นเกมมีประสิทธิภาพมากขึ้นตามไปด้วย ไม่ว่าจะเป็น Auto HDR ที่แต่งแต้มสีสันและแสงเงาในหลายๆ เกมให้ยิ่งสดใส สะดุดตา บนหน้าจอที่รองรับ HDR แม้ว่าตัวเกมจะไม่รองรับ HDR ก็ตาม พร้อมเต็มอิ่มกับประสบการณ์การเล่นเกมด้วยภาพกราฟิกคุณภาพสูงที่สมจริง และอัตราเฟรมที่ลื่นไหลด้วยด้วย DirectX 12 Ultimate ทั้งยังรองรับเทคโนโลยี DirectStorage สามารถส่งข้อมูลเกมจาก SSD ไปการ์ดจอโดยตรงช่วยให้โหลดตัวเกมและฉากในเกมได้เร็วขึ้นกว่าที่เคย

5. ล้ำหน้าด้วยนวัตกรรมใหม่ สร้างระบบนิเวศการทำงานเพื่อรับมือโลกแห่งอนาคต

Windows 11 มาพร้อมตัวเลือกอุปกรณ์ที่หลากหลายที่สุด ทั้งการ ปรับปรุงระบบสัมผัสให้ทำงานได้ดีขึ้น รองรับการสั่งงานด้วยเสียง แป้นพิมพ์สัมผัสใหม่พร้อมธีม และการเชื่อมต่ออุปกรณ์อัจฉริยะที่รองรับครบครันทั้งเมาส์ ปากกา และหน้าจอแบบสัมผัส ให้ทำงานร่วมกันได้อย่างลงตัว พร้อมมอบความสะดวกสบายและประสิทธิภาพในการใช้ชีวิตได้ดียิ่ง ในส่วนฟังก์ชันของปากกาสไตลัสนั้นได้รับการปรับแต่งให้น่าใช้ ส่งมอบอิสระในทุกลายเส้น ลื่นไหลกับทุกการขีดเขียนที่เป็นธรรมชาติ นอกจากนี้ยังสามารถตั้งค่าการทำงานของปากกาได้ด้วยเช่นกัน โดยแตะที่ไอคอนปากกาตรงบริเวณทาสก์บาร์ เปิดคำสั่ง Edit pen menu จากนั้นปักหมุดโปรแกรมที่ใช้งานบ่อยๆ เอาไว้ให้เรียกใช้ได้แบบทันท่วงที แถมมีโปรแกรมให้ปักหมุดอีกหลายโปรแกรม เช่น Paint และ Snipping tools เป็นต้น

ไมโครซอฟท์มุ่งมั่นในการสร้างระบบนิเวศในการทำงานให้แข็งแกร่งรองรับเทรนด์การทำงานที่ต้องสะดวก รวดเร็ว ยืดหยุ่น และมีประสิทธิภาพไปพร้อมกัน โดยมั่นใจได้ว่าผู้ใช้งาน Windows 11 จะได้พบประสบการณ์ดิจิทัลในการทำงานที่ยอดเยี่ยม อีกทั้งขยายโอกาสให้นักพัฒนา และสายงานครีเอเตอร์ได้ต่อยอดงานอย่างสร้างสรรค์อย่างไร้ขีดจำกัด ที่สำคัญไมโครซอฟท์ใจดีให้อัปเดตเป็น Windows 11 ฟรี! สำหรับอุปกรณ์ Windows 10 ที่มีคุณสมบัติตรงตามที่กำหนด1 และถ้าอยากรู้ว่าพีซีเครื่องปัจจุบันพร้อมแล้วหรือยังที่จะอัปเกรดเป็น Windows 11 ก็สามารถดาวน์โหลดแอป PC Health Check ไปเช็กสภาพกันได้ที่ https://aka.ms/GetPCHealthCheckApp

ไมโครซอฟท์ตั้งใจสร้างสรรค์ให้ Windows 11 เป็นเสมือนพื้นที่ปลอดภัยทางความคิดและความรู้สึกที่เข้ามาช่วยขยายศักยภาพการทำงาน ยกระดับประสบการณ์ในการเรียนรู้ ควบคู่ความบันเทิงในทุกแขนง และเชื่อมต่อถึงกันได้อย่างใกล้ชิดยิ่งขึ้น พร้อมกันหรือยังกับการใกล้ชิดกับสิ่งที่รักและคนที่รักมากยิ่งกว่าเดิม เร็วๆ นี้กับ Windows 11 สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับฟีเจอร์ใหม่ๆ ใน Windows 11 สามารถค้นหาได้ที่นี่

##

เอไอเอ ประเทศไทย นำโดย นายกฤษณ์ จันทโนทก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เข้ามอบเงินจำนวน 1,000,000 บาท สมทบทุนโครงการ “ประกันภัยรวมใจมอบวัคซีนต้านโควิดสู่ประชาชน” เพื่อร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) โดยมี ดร.สุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เป็นผู้รับมอบ เพื่อสนับสนุนในการจัดหาวัคซีนต้าน โควิด19 ‘ซิโนฟาร์ม’ จากราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ จำนวน 20,000 โดส ให้แก่ประชาชนทั่วไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มผู้พิการและกลุ่มเปราะบาง เพื่อให้ได้รับวัคซีนอย่างทั่วถึง พร้อมสานต่อคำมั่นสัญญา ‘Healthier, Longer, Better Lives’ ที่มุ่งสนับสนุนให้คนไทยมีสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้น ผ่านการให้ความสนับสนุนนโยบายภาครัฐในการเร่งฉีดวัคซีนโควิด 19 เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ ลดการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 โดยงานจัดขึ้น ณ สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย เมื่อเร็ว ๆ นี้

 

-จบ-

นายสุทธิพงศ์ กนกากร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และ นางนิสิตา ศิรธรานนท์ กรรมการบริหาร ฝ่ายการพัฒนา บริษัท บล็อคฟินท์ จำกัด (Blockfint) ฟินเทคสตาร์ทอัพ ที่มีความเชี่ยวชาญพัฒนาระบบซอฟต์แวร์ ด้วยเทคโนโลยีบล็อกเชน เข้ารับรางวัลสตาร์ทอัพด้านดิจิทัลยอดเยี่ยมอันดับที่ 5 จากผลงาน mini-REC จากโครงการ Spark Ignite 2021 – Thailand Start-up Competition ซึ่งจัดขึ้นโดย บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) จำกัด ร่วมมือกับ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (ดีป้า) สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (NIA) เพื่อสนับสนุนการเติบโตของอีโคซิสเต็มในประเทศไทย พร้อมยกระดับบุคลากรที่มีทักษะด้านดิจิทัล ตลอดจนธุรกิจสตาร์ทอัพไทยให้เติบโตในระดับภูมิภาค เมื่อเร็ว ๆ นี้

โครงการ “Spark Ignite 2021 – Thailand Start-up Competition” ในปีนี้ มีผู้เข้าแข่งขันรวม 132 ทีม คณะกรรมการ ประกอบไปด้วยผู้ทรงคุณวุฒิจากแวดวงเทคโนโลยีและนวัตกรรม ได้พิจารณาคัดเลือกผู้สมัคร ให้เข้ารอบชิงชนะเลิศ จำนวน 10 ทีม และตัดสินผลงานของสตาร์ทอัพแต่ละทีม จากปัจจัยด้านโอกาสในการทำตลาด รูปแบบบริการและธุรกิจ จุดขาย โอกาสทางธุรกิจ รวมไปถึงความแข็งแกร่งของทีมผู้เข้าแข่งขัน

 "ทีมงาน Blockfint รู้สึกดีใจและภูมิใจกับรางวัลนี้ เพราะประสบการณ์ และความรู้ที่ได้รับจากการเข้าร่วมการแข่งขัน ได้ก่อให้เกิดไอเดียใหม่ ที่จะเป็นประโยชน์ และนำไปปรับใช้เพื่อเพิ่มโอกาสในการเติบโตทางธุรกิจต่อไป mini-REC เป็นแพลตฟอร์มการซื้อขายพลังงานแบบรายย่อย ที่สามารถซื้อขาย RECs ได้ในปริมาณหน่วยที่ต่ำกว่า 1 MWh ซึ่ง เป็นการพลิกโฉมประสบการณ์ดิจิทัลด้านพลังงาน และสร้างระบบนิเวศใหม่ที่จะเชื่อมโยงผู้บริโภค ผู้ซื้อ และพันธมิตร ให้เข้าถึงการซื้อขาย RECs ได้ง่ายขึ้น และยังจะช่วยส่งเสริมให้หน่วยงานต่าง ๆ และบุคคลทั่วไป หันมาใช้พลังงาน หมุนเวียนเพิ่มมากขึ้น” นายสุทธิพงศ์กล่าว

 ปัจจุบัน บล็อกฟิน มีโซลูชันที่ช่วยแก้ปัญหาให้กับธุรกิจต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น Thinker โซลูชันที่ช่วยปฏิวัติระบบปฏิบัติการ ให้กับสถาบันการเงิน Gideon แพลตฟอร์มสำหรับซื้อขายพลังงาน (Energy Trading) และคาร์บอนเครดิต Finsdee แพลตฟอร์มที่เข้ามาช่วยการทำธุรกรรมด้านสินเชื่อ สำหรับผู้ประกอบการรายย่อย Signfin ระบบลายเซ็นอิเล็กทรอนิกส์ และสินค้าตัวอื่นที่กำลังอยู่ในระหว่างการพัฒนา เพื่อตอบโจทย์การใช้งานด้านดิจิทัลรูปแบบอื่น ๆ

# # #

SCB Tech X บริษัทในกลุ่มไทยพาณิชย์ (SCB Group) ประกาศแต่งตั้ง ตรัยรัตน์ สุวรรณประทีป ดำรงตำแหน่ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ปักธงสู่การเป็นผู้นำด้านฟินเทคระดับภูมิภาค

 

กรุงเทพฯ ประเทศไทย 4 ตุลาคม 2564 - บริษัท เอสซีบี เทคเอกซ์ จำกัด (SCB Tech X) บริษัทผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีดิจิทัล ดำเนินธุรกิจด้านแพลตฟอร์ม (Platform-as-a-Service) ให้บริการนวัตกรรมที่เกี่ยวกับการธนาคารและไม่เกี่ยวกับการธนาคารแบบครบวงจรแก่กลุ่มลูกค้าองค์กร และกลุ่มลูกค้าทั่วไปในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประกาศแต่งตั้ง นายตรัยรัตน์ สุวรรณประทีป ขึ้นดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร รับภารกิจสำคัญในการเป็นหัวเรือใหญ่นำ SCB Tech X เพื่อช่วยผลักดันสถาบันการเงินพัฒนาบริการต่าง ๆ ให้ตอบโจทย์ทุกความต้องการของลูกค้าในโลกยุคดิจิทัล

 

SCB Tech X บริษัทในกลุ่มไทยพาณิชย์ (SCB Group) ประกาศความพร้อมให้บริการด้านเทคโนโลยีแบบครบวงจร มุ่งให้คำปรึกษา ตลอดจนพัฒนาแพลตฟอร์มและโซลูชันทางดิจิทัลเทคโนโลยีเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า สร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้ใช้งาน พร้อมทั้งสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจของลูกค้าในระยะยาวท่ามกลางกระแสการเปลี่ยนแปลงที่มีเทคโนโลยีเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญ

 

นายตรัยรัตน์ สุวรรณประทีป ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซีบี เทคเอกซ์ จำกัด กล่าวว่า “ผมมีความตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ SCB Tech X ในครั้งนี้ โดยมุ่งหวังที่จะนำเสนอนวัตกรรมทางเทคโนโลยี ที่ตอบโจทย์ความต้องการทางธุรกิจ พร้อมทั้งสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับกลุ่มเป้าหมายของลูกค้า รวมทั้งเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในระดับโลกอย่างทัดเทียมให้กับลูกค้า ทั้งนี้ เรามีเป้าหมายสู่การเป็นผู้นำด้านฟินเทคแพลตฟอร์มในภูมิภาคอาเซียนภายใน 5 ปี”

 

นายตรัยรัตน์ สุวรรณประทีป เป็นผู้มีความรู้ ความสามารถ มากด้วยประสบการณ์ที่เชี่ยวชาญด้าน Technology Operations and Platforms โดยร่วมงานกับธนาคารไทยพาณิชย์ ตั้งแต่ปี 2554 มีโอกาสได้ดำรงตำแหน่งผู้บริหารระดับสูง และมีบทบาทสำคัญในการร่วมวางโครงสร้างทางด้านเทคโนโลยีให้กับธนาคาร ก่อนหน้าร่วมงานกับธนาคารไทยพาณิชย์ นายตรัยรัตน์ มีโอกาสได้ร่วมงานกับองค์กรขนาดใหญ่ทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ เช่น บริษัท ไอบีเอ็ม ประเทศไทย จำกัด ในตำแหน่ง Executive IT Specialist มากว่า 21 ปี และ บริษัท ABB ประเทศไทย จำกัด ในตำแหน่ง Project Engineer ด้านการศึกษา นายตรัยรัตน์ สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี คณะวิศวกรรมศาสตร์ จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และปริญญาโท สาขาบริหารธุรกิจ จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

###################

บัตรเครดิต ทีทีบี เอาใจนักช้อปให้สนุกและคุ้มค่ามากยิ่งขึ้น เพียงใช้คะแนนสะสม ttb rewards plus เท่ายอดซื้อ แลกรับเครดิตเงินคืนสูงสุด 18% ณ ศูนย์การค้า Central Embassy, Emporium, EmQuartier, ICONSIAM และ Siam Paragon ตั้งแต่วันนี้ถึง 31 ตุลาคม 2564

 

บัตรเครดิต ทีทีบี รีเซิร์ฟ อินฟินิท (ttb reserve infinite) และบัตรเครดิต ทีทีบี รีเซิร์ฟ ซิกเนเจอร์ (ttb reserve signature) ใช้คะแนนเท่ายอดซื้อแลกรับเครดิตเงินคืน 18% สำหรับวันเสาร์-อาทิตย์และ 12% สำหรับวันธรรมดา ส่วนบัตรเครดิตทีทีบีประเภทที่มีคะแนนสะสม ใช้คะแนนเท่ายอดซื้อแลกรับเครดิตเงินคืน 13% สำหรับวันเสาร์-อาทิตย์ และ 10% สำหรับวันธรรมดา โดยนำเซลล์สลิปมาลงทะเบียนแลกคะแนนสะสมเพื่อรับเครดิตเงินคืน ณ จุดลงทะเบียนของศูนย์การค้าภายในวันที่ซื้อสินค้า โดยระบุคะแนนเท่ายอดซื้อขั้นต่ำ 1,000 บาทขึ้นไป

 

พร้อมรับสิทธิพิเศษบริการแบ่งจ่ายรายเดือนกับ ttb so goood ดอกเบี้ย 0% นาน 3 เดือน เมื่อมียอดขั้นต่ำ 1,000 บาท/เซลล์สลิป เพียงทำรายการด้วยตนเองผ่านโมบายแอปพลิเคชัน ttb touch หรือ ttb contact center 1428 ก่อนวันสรุปยอดบัญชี สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ ttb contact center 1428

* * * * * *

#ทีเอ็มบีและธนชาตเปลี่ยนเป็นทีทีบี

#เปลี่ยนเพื่อให้ชีวิตคุณดีขึ้น

#TMBThanachart #ttb #MakeREALChange

* * * * * *

 

 4 ตุลาคม 2564, กรุงเทพฯ, ประเทศไทย – คุณคิดถึงความรู้สึกของอากาศหนาวเย็นบนใบหน้า หรือความสุขของการเดินทางและสำรวจที่ใหม่ ๆ ประสบการณ์ใหม่ ๆ กับคนที่คุณรักไหม? ฤดูหนาวที่จะถึงนี้ สายการบินเอมิเรตส์พร้อมสานฝันนั้นให้กลายเป็นจริง ด้วยข้อเสนอบัตรโดยสารราคาสุดพิเศษ ให้คุณได้ท่องโลกอย่างมีความสุขอีกครั้ง

 

จองบัตรโดยสารล่วงหน้าวันนี้ สำหรับการเดินทางในฤดูหนาวที่รอคอยมานานกับเพื่อนและครอบครัว หรือ บินลัดฟ้าเพื่อเยี่ยมคนที่คุณรักทั่วโลก กับราคาบัตรโดยสารเริ่มต้นเพียง 18,000 บาทในชั้นประหยัด และ 59,000 บาทในชั้นธุรกิจ โดยข้อเสนอสุดพิเศษสู่ยุโรปและอเมริกานี้ สามารถใช้สำหรับเที่ยวบินไปกลับที่ทำการจองบัตรโดยสาร ตั้งแต่วันนี้จนถึง 24 ตุลาคม 2564 และสามารถใช้สำหรับเดินทางระหว่างวันที่ 7 ตุลาคม 2564 ถึง 31 พฤษภาคม 2565

จุดหมายปลายทางยอดนิยม และราคาเริ่มต้น*:

 

*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด

 

สุขภาพและความปลอดภัย

จากการผ่อนคลายข้อจำกัดการเดินทางและการส่งเสริมการได้รับวัคซีนทั้งในประเทศไทยและหลายประเทศในยุโรป สายการบินเอมิเรตส์ได้ขยายการบริการและดำเนินการกำหนดมาตรการต่าง ๆ อย่างครอบคลุมในทุกขั้นตอนของการเดินทางของลูกค้าเพื่อตอบสนองความต้องการและสร้างความมั่นใจให้ลูกค้าสามารถเดินทางท่องเที่ยวได้อย่างปลอดภัยไร้กังวล ผู้โดยสารที่เดินทางกับเอมิเรตส์สามารถวางใจได้ว่าสุขภาพและความปลอดภัยของลูกค้าคือสิ่งที่สายการบินให้ความสำคัญที่สุด ผ่านมาตรการสุขภาพและความปลอดภัยล่าสุดที่ครอบคลุมในทุกขั้นตอนของการเดินทาง และลดการสัมผัสในแต่ละจุดสัมผัสเพื่อลดความเสี่ยงของการติดเชื้อ ทั้งนี้ ทุกจุดสัมผัส อาทิ เคาน์เตอร์และห้องรับรองของเอมิเรตส์ ณ สนามบิน รวมถึงในตัวเครื่อง จะได้รับการฆ่าเชื้ออย่างสม่ำเสมอ พร้อมการติดตตั้งแผ่นกรองอากาศประสิทธิภาพสูง (high-efficiency particulate absorbing: HEPA) ในภายเครื่องบิน เพื่อให้มั่นใจว่าผู้โดยสารจะได้รับอากาศที่สะอาดและบริสุทธิ์อย่างต่อเนื่องตลอดการเดินทาง

 

เดินทางด้วยความมั่นใจ ลูกค้าของสายการบินเอมิเรตส์ทุกท่านสามารถเดินทางด้วยความมั่นใจและอุ่นใจเป็นพิเศษด้วยประกันการเดินทางที่ครอบคลุมความเสี่ยงต่าง ๆ รวมถึง COVID-19 โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ เพิ่มเติมสำหรับลูกค้า นอกเหนือจากความคุ้มครองทางการแพทย์ของ COVID-19 แล้ว ข้อเสนอล่าสุดจากสายการบินเอมิเรตส์ยังมีข้อกำหนดคุ้มครองเพิ่มเติมสำหรับอุบัติเหตุส่วนบุคคลระหว่างการเดินทาง เช่น ความคุ้มครองกีฬาฤดูหนาว การสูญหายของทรัพย์สินส่วนตัว การหยุดชะงักในการเดินทางเนื่องจากการปิดน่านฟ้า และคำแนะนำการท่องเที่ยว ซึ่งครอบคลุมความเสี่ยงสำหรับประกันการเดินทางอื่นๆอีกด้วย ทั้งนี้เป็นไปตามข้อกำหนดและเงื่อนไขของทางสายการบิน

 

ความยืดยุ่นและมาตรการในการคุ้มครองผู้โดยสาร

ผู้โดยสาร สามารถอุ่นใจกับนโยบายการจองที่ยืดหยุ่นของสายการบิน โดยลูกค้าที่ซื้อบัตรโดยสารของสายการบินเอมิเรตส์ก่อนวันที่ 1 เมษายน 2564 เพื่อเดินทางภายในหือก่อนวันที่ 31 พฤษภาคม 2564 สามารถรับสิทธิ์เปลี่ยนแปลงวันเดินทางได้ หากแผนการเดินทางเปลี่ยนไปจากเดิม โดยผู้โดยสารสามารถเลือกเปลี่ยนวันเดินทางหรือขยายอายุตั๋วเครื่องบินได้ถึง 3 ปี ข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาไปที่นี่

 

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการสำรองบัตรโดยสาร รวมถึงข้อกำหนดและเงื่อนไขต่างๆ สามารถติดต่อตัวแทนท่องเที่ยวหรือเข้าชมได้ที่เว็บไซต์ www.emirates.com/th

 

-จบ-

 

 

LINE TODAY ปรับลุคใหม่ มอบประสบการณ์การเสพคอนเทนต์ที่ตอบโจทย์ทุกเจเนอเรชั่น เดินหน้าเสริมแกร่งคอนเทนต์รอบด้านจากพันธมิตรสำนักข่าว ผู้ผลิตคอนเทนต์ และอินฟลูเอนเซอร์ยอดนิยม เพิ่มความหลากหลายให้ผู้ใช้ ทั้งข่าว บันเทิง ดวง ไลฟ์สไตล์ กินเที่ยว ฯลฯ อัดแน่นทั้งวิดีโอและบทความ ตอบโจทย์ทุกความชอบของผู้ใช้ยุคดิจิทัล

 

นายกณพ ศุภมานพ รองประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายธุรกิจคอนเทนต์ LINE ประเทศไทย กล่าวว่า “ปัจจุบันการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารได้ทันต่อเหตุการณ์ เป็นอีกกิจวัตรที่สำคัญของผู้คนในยุคดิจิทัล และเราเห็นว่า LINE TODAY ตอบโจทย์นั้นได้เป็นอย่างดี สามารถเชื่อมผู้ใช้ให้เข้ากับข้อมูลข่าวสารได้สะดวก รวดเร็ว ทุกที่ ทุกเวลา โดยจากการศึกษาสถิติการเข้าถึงคอนเทนต์ต่าง ๆ บน LINE TODAY พบว่า การอ่านคอนเทนต์บน LINE TODAY เทียบเท่ากับการอ่านหนังสือมากกว่า 15 เล่มต่อปีในปี 2020 และมีแนวโน้มเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง  โดยในปี 2021 ภาพรวมการอ่านคอนเทนต์บน LINE TODAY นั้นเติบโตขึ้น 50%  เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดยเฉพาะในกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีเทรนด์การเปิดรับข้อมูลข่าวสารในรูปแบบต่างๆ เพิ่มมากขึ้น และมีการตอบรับที่ดีมากในคอนเทนต์ประเภทไลฟ์สไตล์ คอนเทนต์ที่มีเนื้อหาใกล้ตัวผู้ใช้งาน ทั้งที่มีสาระและเบาสมอง รวมไปถึงวิดีโอขนาดสั้น”

 

“เราเล็งเห็นศักยภาพในการขยายฐานผู้ใช้กลุ่มคนรุ่นใหม่ให้เติบโตขึ้นได้อีกมาก จึงมีการเพิ่มคอนเทนต์บน LINE TODAY จากพาร์ตเนอร์ที่นำเสนอรูปแบบเนื้อหาที่ตรงกับความชอบและไลฟ์สไตล์ของกลุ่มนี้มากขึ้นเพิ่มรูปแบบของคอนเทนต์ที่เป็นที่นิยม เช่น วิดีโอสั้น รวมถึงปรับรูปแบบการวางเนื้อหาให้เข้าถึงคอนเทนต์ได้สะดวก รวดเร็ว และง่ายต่อการค้นหา นอกจากนี้เรากำลังปรับภาพลักษณ์ของแบรนด์ให้ดูสดใสและแอคทีฟขึ้นกว่าเดิม ซึ่งโลโก้ใหม่จะช่วยเข้ามาเสริมภาพลักษณ์และประสิทธิภาพของการสื่อสารไปยังกลุ่มเป้าหมายดังกล่าว” นายกณพกล่าวเสริม

 

สำหรับความหลากหลายและโดดเด่นของคอนเทนต์ ทาง LINE TODAY ได้รวบรวมข่าวสารและคอนเทนต์จากพันธมิตรกว่า 300 ราย ทั้งสำนักข่าว ผู้ผลิตคอนเทนต์ รวมถึงอินฟลูเอนเซอร์ยอดนิยมของเมืองไทยครบทุกประเภท เพื่อไม่ให้พลาดการเกาะติดทุกเทรนด์ฮิตและประเด็นร้อน ไม่ว่าจะเป็นข่าว บันเทิง ไลฟ์สไตล์ ดวง แฟชั่นบิวตี้ ฯลฯ พร้อมเพิ่มพื้นที่แท็บ YOUNG ตอบโจทย์กลุ่มคนรุ่นใหม่ และแท็บ กิน-เที่ยว จากครีเอเตอร์ดังทั่วไทยมาไว้ในที่เดียว อาทิ บันทึกคนขี้เที่ยวกับข้าวกับปลาโอ, THE DISTRICT BKKตามรอยตำนานร้านดัง, Gogetlost ฯลฯ

 

นอกจากนี้ ยังเพิ่มอรรถรสด้วยวิดีโอสั้น เอาใจผู้ใช้ทุกเพศ ทุกวัย ไม่ว่าจะเป็นสกู๊ปข่าวจากสำนักข่าวชั้นนำ คลิปไฮไลท์รายการบันเทิงและวาไรตี้ยอดนิยม คลิปสอนภาษาอังกฤษจากติวเตอร์ดัง และคลิปในหมวดอื่น ๆ ที่กำลังอยู่ในกระแส ให้ทั้งประโยชน์และสีสันแก่ผู้ใช้งาน LINE TODAY ไว้อย่างครบถ้วน

 

  #

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่

ฝ่ายประชาสัมพันธ์ LINE ประเทศไทย This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.

 

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ เวิรฟ (VERVE)

คุณจิรายุ อุษณีย์วรัญญู (มายด์)          โทร 094-274-9090               อีเมล This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.

คุณอภิชยา เสรฐภักดี (วาว)                  โทร 084-142-9616               อีเมล This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.

คุณพรทิพย์ วิริยะกิจพัฒนา (บี)            โทร 086-813-1981               อีเมลThis email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.

X

Right Click

No right click