

จัดหนักจัดเต็มต้อนรับเทศกาลมหาสงกรานต์ สืบสานประเพณีขึ้นปีใหม่ไทยมาอย่างต่อเนื่อง “ศูนย์การค้ายูดีทาวน์” ตอกย้ำการเป็นแลนด์มาร์คแห่งความสุขใจกลางเมืองอุดร จัดงานมหาสงกรานต์สุดยิ่งใหญ่ “UDON SONGKRAN FESTIVAL 2025” ภายใต้แนวคิด “BLOOMING ISAN” (บลูมมิ่ง อีสาน) พร้อมสโลแกน “เทศกาลเปียกน้ำ เบ่งบานเสียงดนตรี ม่วนซื่นอีหลี ปาร์ตี้อีสาน” เนรมิตอุโมงค์น้ำขนาดยักษ์ไว้แจกความชุ่มฉ่ำ พร้อมวางระบบ เลเซอร์ แสง สีเสียงสุดอลังการ ยกพลศิลปินสุดฮอตระดับประเทศ มาเสิร์ฟนักท่องเที่ยวให้ม่วนจอย สนุกสุดมันส์ ม่วนซื่นกับเสน่ห์ปาร์ตี้อีสาน จังหวะดนตรีเดือดรวมทุกแนวเพลงแบบ Open Format 5 วัน 5 คืน แบบไม่ซ้ำความสนุก!! เสริมทัพด้วยพันธมิตรชั้นนำร่วมจัดกิจกรรมคับคั่ง
ภาสกร วีรชาติยานุกูล รองกรรมการผู้จัดการศูนย์การค้ายูดี ทาวน์ เผยถึง ความสำเร็จในการจัดงาน UDON SONGKRAN FESTIVAL ที่ผ่านมานั้น ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ โดยมีผู้เข้าร่วมงานและจับจ่ายใช้สอยภายในศูนย์การค้ายูดี ทาวน์ ตลอดระยะเวลา 5 วัน มากกว่า 325,000 คน รายได้จากการจัดงานในปีที่ผ่านมา หมุนเวียนสะพัดมากกว่า 100 ล้านบาท สะท้อนให้เห็นถึงการช่วยเพิ่มศักยภาพของจังหวัดอุดรธานี ในการเป็นจุดหมายปลายทางสำคัญสำหรับนักท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลสงกรานต์
สำหรับในการจัดงาน UDON SONGKRAN FESTIVAL 2025 ถูกจัดขึ้นภายใต้แนวคิด “BLOOMING ISAN” (บลูมมิ่ง อีสาน) ในสโลแกน “เทศกาลเปียกน้ำ เบ่งบานเสียงดนตรี ม่วนซื่นอีหลี ปาร์ตี้อีสาน” พร้อมผนึกกำลังพันธมิตรชั้นนำ มาร่วมสร้างสีสันและเสิร์ฟความสนุกให้กับชาวอุดรและนักท่องเทียวมากมาย อาทิ ผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มตราช้าง, ผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มเป๊ปซี่, ธนาคารกสิกรไทย, การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย, โรงแรม โมโค ฯลฯ โดยคาดการณ์จำนวนผู้เข้าร่วมงานและสัดส่วนนักท่องเที่ยว ในปีนี้จะมีนักท่องเที่ยวเข้าร่วมงานเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา แบ่งสัดส่วนเป้าหมายเป็นนักท่องเที่ยวชาวไทย 75% และนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ 25% ซึ่งจากการตอบรับที่ดีอย่างต่อเนื่อง เป็นเครื่องสะท้อนให้เห็นถึงความนิยมในเทศกาลสงกรานต์ในระดับนานาชาติ ตอกย้ำภาพลักษณ์และศักยภาพด้านการท่องเที่ยวของจังหวัดอุดรธานีที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 12 – 16 เมษายน 2568 ณ ศูนย์การค้ายูดี ทาวน์

โดยในทุกปีการจัดกิจกรรม SONGKRAN FESTIVAL มีการเตรียมบิ๊กเซอร์ไพรส์ สุดพิเศษไว้มอบให้ชาวอุดรและนักท่องเที่ยว ปีนี้มีไฮไลท์สำคัญมากมายที่ไม่ควรพลาด อาทิ เวทีดนตรีที่รวมศิลปินชั้นนำระดับประเทศ อาทิ D GERRARD, SARAN X DIEOUT, 1 MILL X FIIXD X 19HUNNID X SNB X 4BANG X BIRDMAN, SPRITE X NAME MT X OG BOBBY, DIAMOND MQT X YOUNGGU X GUYGEEGEE X GENA รวมถึงศิลปินสุดพิเศษ อาทิ TOKYO MUSIC, บิวบอง x จ่าลอดแก๊งเซียนหรั่ง, เนส พรอำนาจ พร้อมทั้งมีการแสดงของ DJ และ MC ชั้นนำ อาทิ BUDDHA X DIAMOND T, ONO X PETE D, SHOCKKO X 8BOTSBOYZ, IVY X ROCKY, MONSTER P, T-DOUBLE-E X MILEBLUE, KARA X VOX สนุกกันอย่างชุ่มฉ่ำ กับอุโมงค์น้ำขนาดใหญ่ จัดเต็มทั้งระบบ เลเซอร์ แสง สี เสียง สุดอลังการ พร้อมทั้งมีการแสดงพลุสวยงามสุดตระการตา เต็มอิ่มกับบรรยากาศในเทศกาลเฉลิมฉลองต้อนรับปีใหม่ไทย แบบไม่ซ้ำความสนุกตลอดทั้ง 5 วัน
ในส่วนของมาตรการรักษาความปลอดภัย และการอำนวยความสะดวกแก่ผู้ที่เข้ามาร่วมงาน UDON SONGKRAN FESTIVAL 2025 ทางศูนย์การค้ายูดี ทาวน์ ให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง เพื่อให้ทุกคนที่มาเยือน ได้รับประสบการณ์สุดประทับใจอย่างไม่รู้ลืม ไม่ว่าจะเป็น พื้นที่จอดรถ,ห้องน้ำ, ร้านค้าและร้านอาหาร พร้อมเมนูอาหารหลากหลายจากทั่วประเทศ มาตรการรักษาความปลอดภัยเข้มงวด โดยมีเจ้าหน้าที่ประจำการทั่วบริเวณการจัดงาน รวมถึงมีหน่วยปฐมพยาบาลจากโรงพยาบาลเอกอุดรธานีคอยดูแลตลอดการจัดงาน
สำหรับกติกาการเข้าร่วมงาน UDON SONGKRAN FESTIVAL 2025 เพื่อเป็นการต้อนรับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศทุกกลุ่ม ที่เดินทางมาเก็บเกี่ยวความสุข เต็มอิ่มกับประสบการณ์ความสนุกใน “เทศกาลเปียกน้ำ เบ่งบานเสียงดนตรี ม่วนซื่นอีหลี ปาร์ตี้อีสาน” เปิดพื้นที่ให้นักท่องเที่ยวทุกเพศทุกวัยได้เข้ามาม่วนจอยกันฟรี!! ก่อนเวลา 19.00 น.
UDON SONGKRAN FESTIVAL 2025 จัดเต็มในช่วงวันที่ 12 – 16 เมษายน 2568 ณ ศูนย์การค้ายูดี ทาวน์อุดรธานี
เงินสดคือเส้นเลือดของธุรกิจ เป็นทั้งโอกาสขยายตัวและเกราะป้องกันในช่วงเวลาท้าทาย หากบริหารจัดการเงินสดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ธุรกิจจะสามารถเติบโตได้อย่างมั่นคง ในขณะที่การละเลยอาจนำไปสู่ปัญหาทางการเงินที่ยากจะแก้ไข ด้วยเหตุนี้ บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) จึงได้จัดงานสัมมนาพิเศษ "Strategic Cash Management for Business Excellence" ขึ้นเมื่อวันที่ 19 มีนาคมที่ผ่านมา เพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการและนักลงทุนสามารถเข้าใจแนวทางการบริหารเงินสดที่มีประสิทธิภาพและนำไปใช้ได้จริง
ภายในงานสัมมนา ผู้เข้าร่วมได้รับฟังแนวทางการจัดการเงินสดเพื่อการลงทุน โดยมีทีมที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ (Independent Financial Advisor: IFA) และทีมผู้เชี่ยวชาญด้านผลิตภัณฑ์การลงทุน (Investment Solution) มาให้ข้อมูลเกี่ยวกับการจัดการเงินสดเพื่อการลงทุน เพื่อให้ธุรกิจสามารถวางแผนการใช้เงินสดได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งแนะแนวทางการลงทุนในตราสารหนี้ที่ช่วยเพิ่มผลตอบแทนโดยไม่กระทบกระแสเงินสดหลักขององค์กร นอกจากนี้ ยังมีเวิร์คชอปที่ออกแบบมาเพื่อให้ผู้เข้าร่วมได้เรียนรู้วิธีสร้างความมั่นคั่งผ่านกระแสเงินสดของบริษัท รวมถึงการตัดสินใจทางการเงินที่สามารถนำไปปรับใช้ในองค์กร เพื่อสร้างความมั่งคั่งจากการลงทุนไปพร้อมๆ กับการเติบโตของธุรกิจ
นายวศิน สุขวัฒน์วิบูลย์ หัวหน้าฝ่ายวางแผนการเงินส่วนบุคคล กล่าวว่า "การบริหารเงินสดไม่ใช่แค่การควบคุมค่าใช้จ่ายหรือการรักษาสภาพคล่องเท่านั้น แต่เป็นหัวใจสำคัญของการเติบโตทางธุรกิจ การมีแผนการจัดการเงินสดที่ดีจะช่วยให้ธุรกิจสามารถปรับตัวรับมือกับความเปลี่ยนแปลงของตลาด และใช้โอกาสในการลงทุนได้อย่างเหมาะสม"
ทั้งนี้ การบริหารจัดการเงินอย่างมีประสิทธิภาพไม่ได้เป็นเพียงเรื่องขององค์กร แต่ยังเป็นโอกาสของบุคคลทั่วไป อาชีพที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ (IFA) จึงมีบทบาทสำคัญในการช่วยลูกค้าบริหารเงินสดและพอร์ตการลงทุน รวมถึงวางกลยุทธ์ให้ลูกค้าสามารถบรรลุเป้าหมายทางการเงินได้อย่างมั่นคง บล.เกียรตินาคินภัทร เปิดโอกาสให้ผู้ที่สนใจด้านการเงินและการลงทุนได้ก้าวเข้าสู่เส้นทางที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ (IFA) โดยไม่จำเป็นต้องมีพื้นฐานมาก่อน ผ่านการฝึกอบรมและพัฒนาทักษะจากผู้เชี่ยวชาญ พร้อมการสนับสนุนด้านเครื่องมือและแพลตฟอร์มการลงทุนที่ครบวงจร ผู้ที่เข้าร่วมจะได้รับข้อมูลเชิงลึกจากนักวิเคราะห์การลงทุนและที่ปรึกษาทางการเงินมืออาชีพ รวมถึงผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่หลากหลายเพื่อตอบโจทย์ลูกค้าในทุกกลุ่ม ซึ่งจะช่วยให้สามารถให้คำปรึกษาด้านการลงทุนแก่ลูกค้าองค์กรและบุคคลทั่วไปได้อย่างมั่นใจ พร้อมสร้างรายได้ที่มั่นคงและเติบโตอย่างต่อเนื่อง เป็นโอกาสของผู้ที่กำลังมองหาเส้นทางอาชีพที่ท้าทายและมีโอกาสเติบโตอย่างไม่จำกัด
ผู้สนใจติดต่อร่วมงานได้ที่ Line : @KKPSIFA หรือดูข้อมูลเพิ่มเติมที่ https://edge.co.th/ifa
บริษัท นีโอ คอร์ปอเรท จำกัด (มหาชน) หรือ NEO โดย บริษัท นีโอ แฟคทอรี่ จำกัด จับมือ มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ ต่อยอดงานวิจัยสู่เชิงพาณิชย์ ปั้นสินค้า FMCG ตอบโจทย์ผู้คนทุกช่วงวัยและทุกไลฟ์สไตล์ พร้อมเพิ่มขีดความสามารถของอุตสาหกรรม ครอบคลุมวิทยาศาสตร์สุขภาพของคนรวมถึงสัตว์เลี้ยง เทคโนโลยีบรรจุภัณฑ์และวัสดุภัณฑ์ ตลอดจนมิติด้าน ESG ตอกย้ำบทบาท “Segment Creator” ผู้นำด้านนวัตกรรม FMCG เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตผู้คน พร้อมสร้างคุณค่าให้โลกและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน
![]()
นางสาวณิชมน ถกลศรี รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายนวัตกรรมธุรกิจ บริษัท นีโอ คอร์ปอเรท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “ผู้บริโภคปัจจุบันมีความต้องการที่หลากหลาย จากพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงในแต่ละช่วงวัย ตลอดจนปัจจัยทางสังคมและเทคโนโลยี ทั้งด้านความใส่ใจต่อสุขภาพ หรือความต้องการผลิตภัณฑ์เฉพาะบุคคล (Personalization) นีโอในฐานะ Segment Creator ให้ความสำคัญกับการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง เราจึงร่วมมือกับมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ ที่มีความเชี่ยวชาญด้านงานวิจัยและเทคโนโลยี เพื่อสนับสนุนงานวิจัยพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ช่วยส่งเสริมคุณภาพชีวิตในด้านต่าง ๆ โดยเฉพาะในกลุ่มผู้สูงอายุ นอกจากนั้น ยังมีการพัฒนาเทคโนโลยีด้านบรรจุภัณฑ์และวัสดุภัณฑ์ การใช้เทคโนโลยีเพื่อช่วยลดต้นทุนการผลิตและพัฒนากระบวนการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รวมถึงวิธีการจัดการขยะ (Waste Management) ที่มีประสิทธิภาพ โดยนำวัสดุเหลือทิ้งจากภาคการเกษตรหรืออุตสาหกรรมมาเพิ่มมูลค่าให้ได้ประโยชน์สูงสุด พร้อมยังเปิดโอกาสให้นักศึกษาและนักวิจัยได้เรียนรู้จากประสบการณ์จริงในภาคอุตสาหกรรม”
“ความร่วมมือครั้งนี้จึงเป็นอีกก้าวสำคัญของนีโอ ซึ่งตอกย้ำกลยุทธ์ ‘Innovation-led Premiumization’ ในการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์เพื่อขยายเซกเมนต์ใหม่ ๆ โดยเชื่อมโยงงานวิจัยสู่การพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีคุณค่าและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยตั้งเป้าออกผลิตภัณฑ์ใหม่ไม่น้อยกว่า 100 SKUs ในแต่ละปี เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคทุกช่วงวัยและทุกไลฟ์สไตล์ สู่เป้าหมายในการเป็น FMCG ที่ช่วยยกระดับการใช้ชีวิตที่ดีขึ้นในทุกวันให้กับผู้บริโภค (Uplift the Essentials for Everyday Betterment) ควบคู่กับแนวทางดำเนินธุรกิจที่สอดคล้องกับหลัก ESG เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน” นางสาวณิชมน กล่าวเพิ่มเติม
![]()
ศาสตราจารย์ ดร.สมบัติ ธำรงธัญวงศ์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ กล่าวว่า “ความร่วมมือกับ นีโอในครั้งนี้สอดคล้องกับเป้าหมายของมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ในการเป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำระดับโลก โดยเฉพาะในด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีสมัยใหม่ มหาวิทยาลัยได้ส่งเสริมและผลักดันงานวิจัยที่มีประโยชน์ทั้งเชิงพาณิชย์และสังคม เป้าหมายคือการเป็น 1 ใน 5 มหาวิทยาลัยไทยที่มีคุณภาพงานวิจัยโดดเด่นและเข้าสู่กลุ่มอันดับ 1001-1200 ของโลกในปี 2570 ความร่วมมือนี้ไม่เพียงขับเคลื่อนเป้าหมายมหาวิทยาลัย แต่ยังเปิดโอกาสให้นักศึกษาและคณาจารย์ร่วมงานกับผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมเพื่อเสริมทักษะการวิจัยและพัฒนาองค์ความรู้สู่ระดับสากล ทั้งนี้จากที่นีโอได้สนับสนุนทุนวิจัยให้กับนักวิจัยของมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์อย่างต่อเนื่อง จนทำให้เกิดการพัฒนาองค์ความรู้ที่ยั่งยืน ทางมหาวิทยาลัยจึงได้มอบรางวัล " Excellence in Sustainable Research Collaboration Award" (รางวัลความเป็นเลิศด้านความร่วมมือในการวิจัยอย่างยั่งยืน) ให้แก่นีโอซึ่งเป็นบริษัทเอกชนแห่งแรกที่ทาง มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์มอบรางวัลนี้ให้”
สถาบันมะเร็งแห่งชาติระบุว่า ในแต่ละปีมีคนไทยป่วยเป็นมะเร็งรายใหม่ประมาณ 140,000 คน และพบว่าการเกิดมะเร็งมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นในผู้ป่วยที่มีอายุน้อยซึ่งอยู่ในวัยเจริญพันธุ์ ในปัจจุบันความก้าวหน้าทางการแพทย์มีประสิทธิภาพสูงขึ้น ส่งผลให้การรักษามะเร็งมีประสิทธิภาพดีขึ้นทำให้ผู้ป่วยสามารถมีชีวิตที่ยืนยาวมากขึ้น และสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างมีคุณภาพ อย่างไรก็ตามการรักษามะเร็งด้วยวิธีมาตรฐาน เช่น การผ่าตัดอวัยวะสืบพันธุ์ รังสีรักษา หรือเคมีบำบัด มักส่งผลให้ผู้ป่วยทั้งชายและหญิงสูญเสียความสามารถในการมีบุตรภายหลังจากการรักษามะเร็งหายแล้ว จากการที่รังไข่หรืออัณฑะหยุดทำงานทำให้ไม่สามารถสร้างเซลล์สืบพันธุ์ได้
โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ตระหนักถึงปัญหาดังกล่าว จึงนำเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ที่ได้มาตรฐานสากล พร้อมบุคคลากรทางการแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านและทีมสหสาขาวิชาชีพที่ดูแลร่วมกันเน้นผู้ป่วยเป็นศูนย์กลาง ทำให้สามารถก้าวข้ามความกังวลใจของผู้ป่วยมะเร็งไม่เพียงกลับมาใช้ชีวิตประจำวันได้เหมือนเดิมอย่างมีคุณภาพ ยังสามารถวางแผนการมีบุตรในอนาคตได้อีกด้วย
ป่วยมะเร็ง มีบุตรได้ ไม่ยากอย่างที่คิด
แพทย์หญิงกตัญญุตา นาคปลัด แพทย์เฉพาะทางด้านสูติศาสตร์-นรีเวชวิทยา และเวชศาสตร์การเจริญพันธุ์ โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ กล่าวว่า ปัจจุบันผู้ป่วยมะเร็งสามารถมีบุตรได้ ไม่ว่าจะเป็นมะเร็งเต้านมซึ่งพบมากที่สุดในเพศหญิง มะเร็งปากมดลูก มะเร็งโพรงมดลูก หรือมะเร็งอัณฑะในเพศชาย โดยผู้ป่วยที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็ง ก่อนจะเข้ารับการรักษา ควรเข้าพบสูตินรีแพทย์ด้านเวชศาสตร์การเจริญพันธุ์ เพื่อเก็บเซลล์สืบพันธุ์ โดยการแช่แข็งเซลล์ไข่ในผู้หญิง และแช่แข็งเซลล์อสุจิในผู้ชาย หรือ้เก็บเซลล์ตัวอ่อนในผู้ป่วยที่มีคู่สมรสตามกฎหมายแล้ว คนส่วนมากเมื่อได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งจะรู้สึกเครียดและกังวล แนะนำว่าอย่าเพิ่งตกใจและหมดหวัง เพราะปัจจุบันสามารถควบคุมตัวโรคได้และสามารถใช้ชีวิตได้ไม่ต่างจากคนที่ไม่เป็นมะเร็ง โดยเฉพาะกลุ่มวัยเจริญพันธุ์และมีแผนที่จะมีลูกในอนาคต ก่อนจะเข้ารับการรักษา สามารถมาพบสูตินรีแพทย์ด้านเวชศาสตร์การเจริญพันธุ์เข้าสู่กระบวนการแช่แข็งเซลล์สืบพันธุ์ก่อน ถ้าเป็นฝ่ายหญิงจะใช้เวลาประมาณ 2 สัปดาห์ ขณะที่ฝ่ายชายระยะเวลาในการเก็บอสุจิเพียง 1-2 วันเท่านั้น
“ฉะนั้น จึงไม่ต้องกังวลว่าจะทำให้การรักษามะเร็งล่าช้า เพราะมีการศึกษามาแล้วว่าการเก็บเซลล์สืบพันธุ์ก่อนไม่ทำให้โรคมะเร็งลุกลามมากขึ้นเนื่องจากใช้เวลาที่สั้นมาก” ทั้งนี้ ระยะเวลาหลังจากการรักษามะเร็งและตัวโรคสงบแล้วจนถึงเริ่มตั้งครรภ์ได้ จะขึ้นกับชนิดของมะเร็งและระยะของโรค เช่น มะเร็งเต้านมใช้เวลา 2-5 ปี แต่ถ้ามะเร็งอื่นๆ อาจจะเร็วกว่านั้นได้ ขึ้นอยู่กับการประเมินผู้ป่วยในแต่ละราย
“มะเร็ง” หนึ่งในสาเหตุของภาวะมีบุตรยาก?
ถามว่า การป่วยเป็นมะเร็งมีความเกี่ยวข้องหรือส่งผลกระทบกับการมีบุตรยากหรือไม่? อย่างไร?
![]()
พญ.กตัญญุตา ขยายความเพิ่มเติมว่า กรณีของภาวะผู้มีบุตรยากเกิดได้จากหลายสาเหตุ ในฝ่ายหญิงเกิดจากการทำงานของรังไข่ไม่ปกติ เช่น ท่อนำไข่ตันไม่สามารถทำให้อสุจิกับไข่พบกันได้ การทำงานของรังไข่ที่ผิดปกติ ไม่ตกไข่ หรือ มีปัญหาเรื่องของโพรงมดลูก ไม่ว่าจะเป็นการพบก้อนเนื้อหรือติ่งเนื้อ ส่วนฝ่ายชายส่วนใหญ่จะเป็นการทำงานผิดปกติของอสุจิ ตัวอสุจิน้อย หรือไม่แข็งแรง และอีก 30% ไม่ทราบสาเหตุ
“การป่วยมะเร็งสามารถส่งผลกระทบกับการมีบุตรยากได้ใน 2 กรณีที่ 1 เมื่อได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็ง ในตัวโรคอาจทำให้สุขภาพโดยรวมเสื่อมลง และส่งผลต่อภาวะการเจริญพันธุ์ด้วย กรณีที่ 2 จากการรักษามะเร็ง ไม่ว่าจะโดยการผ่าตัด โดยเฉพาะรายที่เป็นการผ่าตัดในอวัยวะสืบพันธุ์ทั้งหญิงและชาย และรวมถึงการให้ยาเคมีบำบัดหรือการฉายแสง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การฉายแสงบริเวณอวัยวะสืบพันธุ์ หรือ ช่วงอุ้งเชิงกราน จะทำลายเซลล์สืบพันธุ์ อาจส่งผลให้เซลล์สืบพันธุ์มีปริมาณลดน้อยลง มีคุณภาพเสื่อมถอยลง หรือไม่สามารถสร้างเซลล์สืบพันธุ์ได้”
การใช้เทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ในผู้ป่วยมีบุตร
การใช้เทคโนโลยีในห้องปฏิบัติการจึงมีส่วนสำคัญในการช่วยการเจริญพันธุ์ ในกลุ่มผู้มีบุตรยากให้ตั้งครรภ์ได้สำเร็จมากขึ้น ได้แก่ “การฉีดเชื้อเข้าสู่โพรงมดลูก” (IUI) โดยการฉีดยากระตุ้นให้ไข่ตก จากนั้นฉีดน้ำเชื้อของฝ่ายชายที่ผ่านการเตรียมอสุจิ ส่งเข้าไปในโพรงมดลูกจะช่วยอัตราการตั้งครรภ์ได้มากกว่าการตั้งครรภ์ปกติ ในคู่สมรสที่ท่อนำไข่ปกติและอสุจิอยู่ในเกณ์ดี
อีกวิธีหนึ่งคือ “การทำเด็กหลอดแก้ว” (IVF/ICSI) หรือที่เรารู้จักในชื่อ “อิ๊กซี” คือการกระตุ้นไข่ฝ่ายหญิงให้ได้ไข่หลายใบ และใช้เข็มเจาะในช่องคลอดนำมาผสมกับอสุจิในห้องปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์ หลังจากนั้นจะเลี้ยงตัวอ่อนจนถึงวันที่ 5 หรือ 6 แล้วแช่แข็งไว้ก่อน เมื่อพร้อมที่จะตั้งครรภ์จะย้ายตัวอ่อนเข้าสู่โพรงมดลูก ทำให้อัตราความสำเร็จสูงขึ้นในกลุ่มผู้มีภาวะการมีบุตรยาก ไม่ว่าจะเป็นการทำเด็กหลอดแก้ว หรือการแช่แข็งเซลล์สืบพันธุ์ ทางศูนย์รักษาภาวะการเจริญพันธุ์ โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ นำมาช่วยในผู้ป่วยมะเร็งให้สามารถมีบุตรได้เช่นกัน เพราะการใช้เทคโนโลยีที่มีมาตรฐานและมีการศึกษาชัดเจนจะช่วยให้ผู้ป่วยตั้งครรภ์ได้สำเร็จเพิ่มขึ้น
ภายใต้การทำงานของแพทย์ผู้ชำนาญการ โดยทีมแพทย์หลักในการรักษาผู้ป่วยมีบุตรยากจะเป็นสูตินรีแพทย์ด้านเวชศาสตร์เจริญพันธุ์ ที่ทำงานร่วมกันกับแพทย์ในสาขาต่างๆ เช่นกับแพทย์ด้านการรักษามะเร็งต่างๆ ดูแลในส่วนของการรักษากระทั่งประเมินว่าโรคสงบและสามารถกลับมาตั้งครรภ์ได้ จะส่งตัวมาที่สูตินรีแพทย์ด้านเวชศาสตร์เจริญพันธุ์ และหลังจากตั้งครรภ์แล้วจะมีสูตินรีแพทย์ด้านมารดาและทารกในครรภ์ช่วยดูแลต่อเนื่องไปกระทั่งคลอดบุตร
ร่วมด้วยช่วยกัน แก้ปัญหาเด็กเกิดน้อย
![]()
ปัจจุบันประเทศไทยประสบปัญหาเด็กเกิดน้อยลง ซึ่งในปีที่ผ่านมาพบว่ามีอัตราการเกิดต่ำกว่า 5 แสนคนเป็นปีแรก ขณะที่ประชากรผู้สูงอายุเพิ่มขึ้น
พญ.กตัญญุตา กล่าวอีกว่า ทางโรงพยาบาลจุฬาภรณ์ ขอเป็นส่วนหนึ่งในการร่วมแก้ปัญหาเด็กเกิดน้อย ด้วยการให้บริการรักษาภาวะมีบุตรยากโดยใช้เทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ ไม่ว่าจะเป็นการฉีดเชื้อในโพรงมดลูก หรือการทำเด็กหลอดแก้ว เพื่อเพิ่มอัตราการตั้งครรภ์และเพิ่มอัตราการเกิดให้มากขึ้น ซึ่งหลังจากเปิดให้บริการรักษาภาวะการมีบุตรยาก โดยปีนี้ให้บริการเป็นปีที่ 3 มีผู้เข้ามารับบริการเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เปรียบเทียบกับปีแรกเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า
นอกจากการให้บริการรักษาภาวะมีบุตรยากแล้ว ที่ศูนย์รักษาภาวะการเจริญพันธุ์ โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ ยังให้บริการตั้งแต่ตรวจความพร้อมก่อนแต่งงาน ตรวจความพร้อมก่อนมีลูก รักษาและหาสาเหตุของคู่สมรสที่มีภาวะมีบุตรยากโดยใช้เทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ การให้บริการแช่แข็งเซลล์สืบพันธุ์ ซึ่งไม่ได้ให้บริการเฉพาะผู้ป่วยมะเร็งเท่านั้น แต่รวมถึงในคนไข้ทั่วไปด้วย เช่น ในสตรีที่มีแผนจะมีบุตรในอนาคต หรือกังวลว่าเซลล์ไข่จะลดน้อยลงก็สามารถเข้ามาขอรับคำปรึกษาได้เช่นกัน ติดต่อสอบถามนัดหมายรับคำปรึกษา ศูนย์สุขภาพชั้น 9 อาคารอัครราชกุมารี หรือ ชั้น 2 โซนโถงลิฟต์ A อาคารกรมพระศรีสวางควัฒน โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ โทร 1118 ต่อ 6565 / 5266-7 หรือแอดไลน์โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ (LINE Official @chulabhornhospital) เลือกเมนูบริการผู้ป่วย และเลือกทำนัด/เลื่อนนัด แล้วเลือก LINE ศูนย์รักษาภาวะการเจริญพันธุ์ เพื่อแชทปรึกษานัดหมายกับทางศูนย์รักษาภาวะการเจริญพันธุ์
1 เมษายน 2568 - บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) แสดงจุดยืนในการประชุมรับฟังความคิดเห็นสาธารณะครั้งที่ 2 ต่อร่างประกาศเกี่ยวกับหลักเกณฑ์การอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่สำหรับกิจการโทรคมนาคมเคลื่อนที่สากล สนับสนุน กสทช. นำคลื่นตามแผน IMT Spectrum Roadmap มาจัดประมูลตามกำหนดเดิม
นายจักรกฤษณ์ อุไรรัตน์ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านกิจการองค์กร บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า "ประเทศไทยเป็นหนึ่งในผู้นำการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลในเอเชียแปซิฟิก โดยเฉพาะด้านโครงข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ เราต้องรักษาความได้เปรียบนี้ด้วยการมองไปข้างหน้าและเร่งสร้างโอกาสใหม่ๆ การประมูลครั้งนี้จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ประเทศไทยจะเป็นประเทศชั้นนำด้านดิจิทัลหรือจะล้าหลัง การประมูลคลื่นความถี่ครั้งนี้มีส่วนสำคัญในการผลักดันโครงสร้างดิจิทัลของประเทศ ดังนั้น กสทช. จึงควรเร่งให้เกิดการประมูลคลื่นความถี่ตามแผนเดิม"
โดย ทรู คอร์ปอเรชั่น สนับสนุนให้ กสทช. จัดการประมูลตามแผนการจัดสรรคลื่นความถี่สำหรับกิจการโทรคมนาคมเคลื่อนที่สากลของประเทศไทย ระยะ 5 ปี (พ.ศ. 2567-2571) หรือแผน IMT Spectrum Roadmap ที่ กสทช. เห็นชอบ และเผยแพร่ให้ประชาชนทราบเป็นการทั่วไปตั้งแต่ปี 2567 อันประกอบด้วยคลื่นที่กำลังจะหมดอายุทั้งในปีนี้และอีก 2 ปีข้างหน้า รวมถึงคลื่นความถี่ที่ว่าง เพื่อให้เกิดการนำคลื่นไปใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเห็นว่า กสทช. ควรเร่งให้เกิดการประมูลคลื่นตามแผน IMT Spectrum Roadmap เพื่อลดผลกระทบอันเกิดจากการจัดสรรคลื่นไม่ทันท่วงที นอกจากนี้ ทรู คอร์ปอเรชั่น ยังสนับสนุนการประมูลคลื่นในรูปแบบที่นำคลื่นมาประมูลพร้อมกัน ซึ่งเป็นวิธีการที่เป็นที่ยอมรับว่ามีประสิทธิภาพ และสอดคล้องกับแนวโน้มในการจัดสรรคลื่นทั่วโลก นอกจากนี้ในประเด็นการกำหนดราคาขั้นต่ำ ทรู เห็นด้วยกับวิธีการกำหนดราคาที่อ้างอิงหลักการสากล ไม่ใช่การนำราคาตามข้อตกลงระหว่างเอกชนในอดีตที่ไม่ได้สะท้อนมูลค่าคลื่นความถี่เพียงอย่างเดียว
นอกจากนี้ ทรู คอร์ปอเรชั่น ยังได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับคลื่น 3500 MHz แม้จะเป็นอีกหนึ่งคลื่นที่มีความสำคัญ แต่ขณะนี้ทรู คอร์ปอเรชั่นยังไม่มีความจำเป็นต้องใช้ อีกทั้ง หากนำมาร่วมประมูล กสทช. ควรพิจารณาถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นต่อผู้ประกอบการทีวีดิจิทัล และผู้รับชมโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมระบบ C band ก่อนดำเนินการประมูล
ทรู คอร์ปอเรชั่นเน้นย้ำว่า คลื่นความถี่คือทรัพยากรสำคัญของประเทศที่เปรียบเสมือนรากฐานในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล การจัดสรรคลื่นอย่างมีประสิทธิภาพจะช่วยให้ไทยแข่งขันได้ในเวทีโลก และสนับสนุน
การเติบโตของเทคโนโลยีสมัยใหม่ ทั้ง 5G ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และอินเทอร์เน็ตของสรรพสิ่ง (IoT) บริษัทฯ แสดงความเชื่อมั่นว่า กสทช. จะดำเนินการประมูลคลื่นความถี่ครั้งนี้ด้วยความโปร่งใสและมีประสิทธิภาพ เพื่อประโยชน์สูงสุดต่อการพัฒนาประเทศในระยะยาว
สายการบินเวียตเจ็ท (เวียดนาม) ให้บริการเที่ยวบินพิเศษ 2 เที่ยว ได้แก่ VJ2875 และ VJ2877 ด้วยเครื่องบินแอร์บัส A330 และ A321 ขนส่งทีมกู้ภัยเวียดนามสู่เมียนมา เพื่อช่วยเหลือและสนับสนุนการบรรเทาทุกข์จากเหตุแผ่นดินไหวในประเทศเมียนมาร์ เที่ยวบินทั้งสองออกจากท่าอากาศยานนานาชาติโหน่ยบ่าย ฮานอย สู่ ย่างกุ้ง ในช่วงบ่ายของวันที่ 30 มีนาคม 2568 พร้อมเจ้าหน้าที่จากกระทรวงความมั่นคงสาธารณะและกระทรวงกลาโหมของเวียดนาม
เวียตเจ็ทเร่งดำเนินการขออนุญาตบินและเตรียมความพร้อมด้านเทคนิคอย่างรวดเร็ว โดยมอบหมายลูกเรือและพนักงานที่มีประสบการณ์สนับสนุนภารกิจนี้ เที่ยวบินดังกล่าวขนส่งเจ้าหน้าที่กู้ภัยจำนวน 106 นาย พร้อมสุนัขค้นหาและอุปกรณ์ช่วยเหลือกว่า 60 ตัน อาทิ อุปกรณ์ทางการแพทย์และอาหาร เพื่อช่วยเหลือและเยียวยาผู้ประสบภัย
นาย Dinh Viet Phoung ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการบินเวียตเจ็ท กล่าวว่า “เวียตเจ็ทมีความพร้อมสำหรับภารกิจพิเศษเสมอ เราจัดเตรียมทุกอย่างอย่างรวดเร็ว เพื่อส่งทีมกู้ภัยไปยังเมียนมาโดยเร่งด่วน เพื่อให้ความช่วยเหลือเกิดขึ้นได้อย่างทันท่วงที”
เจ้าหน้าที่กู้ภัยและทีมงานเวียตเจ็ทเร่งขนถ่ายสิ่งของและนำส่งไปยังพื้นที่ประสบภัยทันทีที่เครื่องบินลงจอด ณ ย่างกุ้ง พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ ตำรวจ และทหารเข้าร่วมปฏิบัติการค้นหา กู้ภัย และให้ความช่วยเหลือทางการแพทย์
เวียตเจ็ทมุ่งมั่นในการปฏิบัติภารกิจด้านมนุษยธรรมควบคู่กับการบริการมาอย่างต่อเนื่อง โดยเคยให้บริการเที่ยวบินบรรเทาทุกข์ในเหตุการณ์แผ่นดินไหวและสึนามิที่อินโดนีเซียในปี 2561 พายุไต้ฝุ่นไห่เยี่ยนที่ฟิลิปปินส์ในปี 2556 และช่วงการแพร่ระบาดของ COVID-19 ซึ่งได้ขนส่งบุคลากรทางการแพทย์และเจ้าหน้าที่ภาครัฐเพื่อบรรเทาทุกข์ เวียตเจ็ทยังคงให้ความสำคัญกับกิจกรรมการกุศลและการช่วยเหลือสังคมอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ เวียตเจ็ทไทยแลนด์ออกนโยบายสนับสนุนผู้โดยสารที่ได้รับผลกระทบจากเหตุแผ่นดินไหว โดยผู้โดยสารที่เดินทางไปยังกรุงเทพฯ (สุวรรณภูมิ) ระหว่างวันที่ 28 – 31 มีนาคม 2568 สามารถเปลี่ยนแปลงเที่ยวบินในเส้นทางเดิมได้ 1 ครั้ง (โดยไม่มีค่าใช้จ่าย) กำหนดวันเดินทางใหม่ภายใน 30 วัน นับจากวันเดินทางเดิม หรือเลือกรับค่าบัตรโดยสารคืนในรูปแบบวงเงินเครดิตเชลล์ เพื่อใช้ภายใน 365 วัน นับจากวันเดินทางเดิม นโยบายนี้ครอบคลุมเที่ยวบินของเวียตเจ็ทไทยแลนด์ รวมถึงเที่ยวบินเชื่อมต่อ (เที่ยวบินรหัส VZ) และมีผลบังคับใช้ทันที ผู้โดยสารสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ผ่านช่องทางติดต่อทางการของสายการบินฯ หรือที่เว็บไซต์ www.vietjetair.com
บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) นำโดยนายจักรกฤษณ์ อุไรรัตน์ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านกิจการองค์กร เข้าพบนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) และนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รวมถึง ศาสตราจารย์นายแพทย์สรณ บุญใบชัยพฤกษ์ ประธานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. และนายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เพื่อหารือเรื่องการเร่งดำเนินการเกี่ยวกับกระบวนการส่งข้อมูลการแจ้งเตือนสถานการณ์ฉุกเฉิน และการใช้ระบบ Cell Broadcast ในประเทศไทยอย่างเร่งด่วน
นายจักรกฤษณ์ อุไรรัตน์ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านกิจการองค์กร บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยภายหลังร่วมการประชุมติดตามและแก้ไขปัญหาการเตือนภัยที่มีนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีเป็นประธานว่า " “ทรู คอร์ปอเรชั่น ยืนยันความพร้อมในการใช้งานระบบ Cell Broadcast Service ได้ทันทีในวันนี้ โดยจะทำเป็นระบบ Virtual Cell Broadcast กล่าวคือ หากเกิดภัยพิบัติหรือมีความจำเป็นที่ภาครัฐต้องการส่งการแจ้งเตือนภัย ลูกค้าทรูและดีแทคสามารถได้รับการแจ้งเตือนผ่านระบบนี้ได้โดยทันที โดยไม่ต้องรอให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพัฒนาระบบให้พร้อมครบถ้วน เพราะเราตระหนักถึงความปลอดภัยของประชาชนเป็นสำคัญ และได้ติดตั้งระบบนี้เรียบร้อยแล้วในทุกสถานีฐานทั่วประเทศ ถือเป็นผู้ให้บริการรายแรกที่มีความพร้อมให้บริการระบบนี้อย่างเต็มรูปแบบ”
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันระบบ Cell Broadcast Service ยังรองรับเฉพาะโทรศัพท์มือถือระบบปฏิบัติการ Android เท่านั้น ยังไม่สามารถแจ้งเตือนภัยไปยังผู้ใช้งาน iOS ได้โดยตรง ดังนั้นการแจ้งเตือนภัยสำหรับผู้ใช้มือถือ iOS ยังคงใช้วิธีส่งข้อความ SMS แทน ทั้งนี้ สำนักงาน กสทช. กำลังอยู่ระหว่างการเจรจากับบริษัท Apple เพื่อให้ระบบ Cell Broadcast สามารถรองรับบนอุปกรณ์ iOS ได้ในอนาคต
ทั้งนี้ ระบบ Virtual Cell Broadcast Service ที่ทรูได้พัฒนาขึ้นนี้ ช่วยให้สามารถแจ้งเตือนฉุกเฉินได้อย่างรวดเร็ว โดยจะมีทั้งเสียงและข้อความปรากฏขึ้นบนหน้าจอโทรศัพท์ทันที แม้อยู่ในโหมด sleep หรือ standby รองรับการแสดงผลได้ 5 ภาษา ได้แก่ ไทย อังกฤษ จีน ญี่ปุ่น และรัสเซีย โดยไม่จำเป็นต้องติดตั้งแอปพลิเคชันเพิ่มเติม
การเข้าพบครั้งนี้เป็นการแสดงให้เห็นถึงความร่วมมือระหว่างทรู คอร์ปอเรชั่น ภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการพัฒนาระบบเตือนภัยพิบัติ โดยมีเป้าหมายให้ประชาชนได้รับข้อมูลการแจ้งเตือนที่รวดเร็วและแม่นยำ เพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินในช่วงสถานการณ์ฉุกเฉิน
ก่อนหน้านี้ ทรูได้ทดสอบและเร่งติดตั้งระบบเตือนภัย Cell Broadcast ให้ครบทุกสถานีฐานทั่วประเทศเรียบร้อยแล้วเป็นรายแรกในไทย โดยเร่งดำเนินการให้เร็วกว่าแผนเดิมที่ตั้งไว้ว่าจะแล้วเสร็จในเดือนพฤษภาคม 2568 เนื่องจากความห่วงใยต่อประชาชนคนไทย และสถานการณ์ภัยต่างๆ ที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมา
สมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน ตั้งคณะทำงาน “ช่วยเหลือ – ให้คำปรึกษา” ฟรี บ้านที่ได้ผลกระทบจาก “แผ่นดินไหว” เริ่ม 1 – 30 เมษายน 2568
นายอนันต์กร อมรวาที นายกสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน (Home Builder Association : HBA) เปิดเผยว่า จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้น สมาคมธุรกิจรับสร้างบ้านในฐานะองค์กรที่จัดตั้งขึ้นเพื่อสนับสนุนธุรกิจรับสร้างบ้าน และช่วยเหลือภาคสังคม และผู้บริโภค ได้ตระหนักดีถึงผลกระทบจากภัยพิบัติ ซึ่งเกิดขึ้นกับบ้านพักอาศัยของประชาชน เป็นความเดือดร้อนที่ไม่อาจมองข้ามได้ ด้วยความห่วงใยต่อผลกระทบ สมาคมฯ ได้จัดตั้งคณะทำงานที่มีความเชี่ยวชาญและมีประสบการณ์สร้างบ้านกว่า 20 ปี เพื่อให้ความช่วยเหลือประชาชนทั่วไปสำหรับบ้านในพื้นที่กรุงเทพและปริมณฑล ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ครั้งนี้
โดยคณะทำงานในฐานะผู้เชี่ยวชาญสามารถให้คำแนะนำสำหรับประชาชนทั่วไปที่ต้องการปรึกษา หรือ ขอความช่วยเหลือเป็นกรณีพิเศษ สามารถส่งข้อความ Inbox ผ่านทาง Facebook Messenger แจ้งมาที่เพจ: สมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน ตั้งแต่วันที่ 1 – 30 เมษายน 2568
สำหรับแนวทางเบื้องต้นให้ผู้บริโภค สำรวจรอยแตกร้าวในบ้านพักอาศัย โครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็ก หลังเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหว
1. เกิดรอยร้าวที่ผนังก่ออิฐเป็นลักษณะรอยแตกเส้นเล็กเหมือนแตกลายงา แต่ไม่กระทบกระเทือนไปถึงโครงสร้างหลักของบ้าน ให้เฝ้าติดตาม หากไม่มีการแตกร้าวเพิ่มเติม ถือว่ามีความเสี่ยงน้อย
2. เกิดรอยแตกร้าวที่ผนังก่ออิฐที่มีรอยแยก และมีความลึกเกิน 1 มิลลิเมตร หรือ ลึกไปจนเห็นวัสดุก่ออิฐภายใน แต่ยังไม่มีรอยร้าวกระทบไปถึงโครงสร้างหลักของบ้าน ถือว่ามีความเสี่ยงปานกลาง ควรแจ้งวิศวกรเข้ามาช่วยตรวจสอบ
3. เกิดรอยร้าวกระทบไปถึงโครงสร้างหลักของบ้าน เช่น เสา คาน พื้น หรือ รอยแยกตามหลังคาไม่ว่าจะเป็นรอยร้าวในรูปแบบใดก็ตาม ถือว่ามีความเสี่ยงสูง ควรแจ้งวิศวกรเข้ามาตรวจสอบทันที
สมาคมฯ พร้อมทุ่มเทและนำความเชี่ยวชาญในเรื่องการสร้างบ้านทั้งหมดช่วยเหลือประชาชน ผ่านการจัดตั้งคณะทำงานช่วยเหลือให้ข้อมูลเรื่องบ้านที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งนี้ เพื่อให้เราก้าวผ่านความยากลำบากในช่วงนี้ไปด้วยกัน
หนึ่งในผู้นำธุรกิจรถโดยสารสายประจำทางสาธารณะสายยาว สมบัติทัวร์ ที่พัฒนาอย่างต่อเนื่องคู่ขนส่งไทยมากว่า 80 ปี เดินหน้าปรับทัพสู่ภาพลักษณ์ใหม่ ชู 3 จุดขาย เดินทางถึงที่หมายปลอดภัย ด้วยนักขับที่มีทักษะและความรับผิดชอบ พร้อมรถโดยสารห้างแท้มาตรฐานยุโรป สแกนเนีย ที่มีประสิทธิภาพ สมรรถนะสูง มีระบบความปลอดภัยดีที่สุดของไทย ล่าสุดแย้มข่าวดีกดปุ่มนำ Scania New Bus Generation Euro 5 ล็อตแรก 12 คัน ให้บริการ ส่วนยอดตั๋วสงกรานต์ล่าสุดเต็มแล้ว 90% เตรียมพร้อมแผนรถเสริมป้องกันผู้โดยสารตกค้าง
นายศิวัช วงศ์บพิธ ผู้ช่วยผู้จัดการ บริษัท เทพสมบัติ จำกัด หรือ สมบัติทัวร์ กล่าวถึงการปรับตัวของธุรกิจรถโดยสารว่า ธุรกิจรถโดยสารวันนี้อยู่ในภาวะทรงตัว จากบริการขนส่งสาธารณะที่เป็นทางเลือกมากขึ้นและการใช้รถยนต์ส่วนตัวในการเดินทาง อย่างไรก็ตามการเดินทางด้วยรถโดยสารยังคงเป็นทางเลือกหลักของคนส่วนใหญ่ เพราะนอกจากราคาค่าโดยสารที่เหมาะสมกับค่าครองชีพแล้ว ยังเข้าถึงพื้นที่ได้ครอบคลุมกว่าการเดินทางด้วยขนส่งสาธารณะประเภทอื่น ส่วนปัจจัยบวกเพิ่มเติมของธุรกิจรถโดยสารนั้น มาจากการเดินทางท่องเที่ยวและการกลับภูมิลำเนาในช่วงเทศกาล ไลฟ์สไตล์การท่องเที่ยวของคนรุ่นใหม่ กลุ่มนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ซึ่งสมบัติทัวร์ได้มีการพัฒนาการให้บริการ พร้อมไปกับการพัฒนาคุณภาพบุคลากร และ เลือกใช้รถมาตรฐานยุโรป ทำให้ผู้โดยสารมีความไว้วางใจและเลือกเดินทางกับ สมบัติทัวร์ จนวันนี้เป็นหนึ่งในผู้นำในธุรกิจรถโดยสาร
ด้วยเป้าหมายในการมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้า สมบัติทัวร์ จึงมีการพัฒนาและยกระดับการดำเนินงานในทุกส่วนอยู่ตลอดเวลา ทำให้สามารถขับเคลื่อนธุรกิจและเป็นขนส่งที่อยู่คู่คนไทยมากว่า 80 ปี ซึ่งวันนี้ธุรกิจได้ถูกพัฒนาอย่างต่อเนื่องในมือผู้บริหารรุ่น 3 มาเป็นระยะเวลากว่า 10 ปีแล้ว เป็นข้อพิสูจน์ใหม่ที่ทำให้เห็นว่าธุรกิจขนส่งของเราและขนส่งสาธารณะสามารถเดินหน้าไปพร้อมกับความเปลี่ยนแปลงของยุคสมัย ซึ่งหัวใจของการพัฒนาธุรกิจของสมบัติทัวร์ นอกจากจะเพิ่มขีดความสามารถและขับเคลื่อนองค์กรอย่างเป็นระบบแล้ว ยังให้ความสำคัญกับทุกรายละเอียด รับฟังความคิดเห็นจากผู้โดยสารเพื่อนำมาพัฒนาและปรับปรุงการให้บริการ เช่น การปรับปรุงสภาพตัวรถ สิ่งอำนวยความสะดวก การให้บริการระหว่างการเดินทาง การนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาใช้เก็บข้อมูล สร้างระบบจองซื้อตั๋วออนไลน์ที่ง่ายและสะดวก ฯลฯ รวมถึงให้ความสำคัญกับทรัพยากรบุคคล โดยเฉพาะพนักงานขับรถที่ต้องพร้อมทั้งสุขภาพกายและใจ รับผิดชอบต่อการปฏิบัติหน้าที่ มีทักษะและประสบการณ์ในการขับรถที่ปลอดภัย แก้ปัญหาที่เกิดขึ้นได้อย่างถูกวิธีและใช้รถได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ การมีเป้าหมายและมีมาตรฐานสูงเช่นนี้ ทำให้พนักงานขับรถทุกคนต้องผ่านการฝึกอบรม ทดสอบการขับขี่ เพิ่มพูนทักษะอย่างเข้มข้นตลอดเวลา จากทั้งผู้เชี่ยวชาญภายในและผู้เชี่ยวชาญการขับขี่เฉพาะทาง
นอกจากการมีพนักงานขับรถที่มีทักษะสูงแล้ว ยังจำเป็นต้องมีรถโดยสารดีที่สุดด้วย เพื่อส่งเสริมและเป็นส่วนผสมที่ให้ทั้งความมั่นใจ ความปลอดภัย และความสะดวกสบายในการเดินทางของผู้โดยสาร ดังนั้น สมบัติทัวร์ จึงเลือกใช้รถที่ได้รับการยอมรับทั่วโลก ในเรื่องประสิทธิภาพและสมรรถนะที่ยอดเยี่ยม มีความปลอดภัยสูงอย่าง สแกนเนีย มาให้บริการมากกว่า 80% ของรถทั้งหมด โดยล่าสุดทางบริษัทฯ ได้สั่งซื้อรถโดยสาร Scania New Bus Generation พลังงาน Euro 5 ที่พึ่งเปิดตัวไปล็อตแรก 12 คัน มาวิ่งให้บริการแล้ว และมีแผนที่จะทยอยจัดซื้อเพิ่มเติมเพื่อเข้าประจำการในทุกเส้นทางทั่วประเทศต่อไป
โดย Scania New Bus Generation Euro 5 เป็นรถที่มีทั้งนวัตกรรมและเทคโนโลยีเครื่องยนต์ประสิทธิภาพสูง ประหยัดน้ำมัน มีระบบความปลอดภัยครบและที่ดีที่สุดของตลาดรถบัสโดยสารของประเทศไทยในปัจจุบัน ทั้ง ADAS (Advanced Driver Assistance Systems) ที่มาอย่างเต็มระบบ เช่นเดียวกับรถโดยสารที่ใช้ในยุโรป รวมถึงเสถียรภาพของตัวรถ ความแข็งแรง ทนทาน ช่วงล่างที่นุ่มสบายเหนือระดับ นี่คือสิ่งตอบแทนความไว้วางใจของลูกค้าที่ใช้บริการของสมบัติทัวร์ ส่วนคำแนะนำในการเลือกใช้บริการการเดินทางรถโดยสารอย่างไรให้ปลอดภัยนั้น ให้พิจารณาจากบริษัทผู้ให้บริการที่ดำเนินธุรกิจด้วยธรรมาภิบาล มีความรับผิดชอบทั้งต่อผู้โดยสารพนักงานและสังคม รวมถึงเลือกใช้รถโดยสารที่มีประสิทธิภาพและความปลอดภัยสูงซึ่งออกจากศูนย์โดยตรง
ส่วนสถานการณ์การจองตั๋วล่วงหน้าในช่วงเทศกาลสงกรานต์ปีนี้ ดูจะมีความคึกคักมากขึ้นกว่าหลายปีที่ผ่านมา เนื่องจากการส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างเต็มที่ของภาครัฐ มีการจัดงานสงกรานต์ใหญ่ๆ เพิ่มขึ้นในหลายจังหวัด ซึ่งผู้โดยสารส่วนใหญ่มีการเลือกใช้บริการบริษัทรถโดยสารที่ไว้ใจได้ในเรื่องความปลอดภัยเป็นอันดับแรก ซึ่งเป็นที่น่ายินดีว่าบริการเดินรถของ สมบัติทัวร์ ได้รับความไว้วางใจอย่างมาก จนทำให้ขณะนี้มียอดการจองตั๋วล่วงหน้าในเทศกาลสงกรานต์เข้ามาแล้วถึง 90% ส่วนหากเกิดกรณีตั๋วเต็มในช่วงเทศกาลฯ นั้น ทางบริษัทได้การเตรียมแผนในการเสริมรถและพนักงานขับรถในเครือมาให้บริการเพิ่มอย่างเต็มที่ เพื่อไม่ให้พนักงานขับรถเหนื่อยล้าจนเกินไป เพียงพอต่อความต้องการและไม่เกิดผู้โดยสารตกค้าง
![]()
ด้านนายพรต โชตินันทน์ ผู้จัดการฝ่ายขายรถโดยสารสแกนเนีย บริษัท สแกนเนีย สยาม จำกัด กล่าวถึงความร่วมมือในการพัฒนาธุรกิจรถโดยสารและการส่งมอบรถ Scania New Bus Generation Euro 5 ซึ่งเป็นรถที่ดีที่สุดในขณะนี้แก่ สมบัติทัวร์ ว่า ธุรกิจรถโดยสารเป็นบริการสาธารณะที่สำคัญของคนจำนวนมาก ดังนั้นความปลอดภัยจึงเป็นหัวใจสำคัญ สแกนเนีย ได้คิดค้นพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ตอบโจทย์ธุรกิจและความปลอดภัยในการเดินทางด้วยเครื่องยนต์ที่มีประสิทธิภาพสูง ประหยัดเชื้อเพลิงและมีระบบความปลอดภัยที่ดีที่สุด ยิ่งไปกว่านั้น สแกนเนีย ยังให้ความสำคัญกับลูกค้าทุกคนในการเป็น Business Partner เป็นพันธมิตรธุรกิจที่พร้อมสนับสนุนในทุกความต้องการพัฒนาธุรกิจและความสัมพันธ์ไปด้วยกัน
การจับมือกับ สมบัติทัวร์ ก็เช่นกัน รถสแกนเนีย ถูกใช้เป็นรถโดยสารให้บริการแก่ผู้โดยสาร สมบัติทัวร์ มากว่า 30 ปี โดยมีการแลกเปลี่ยน สนับสนุน เติบโต มีความทรงจำที่ดีร่วมกัน สแกนเนีย รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งต่อความไว้วางใจที่มอบให้ และวันนี้เรายังได้มีการส่งมอบรถ Scania New Bus Generation Euro 5 ซึ่งเป็นรถโดยสารรุ่นใหม่ที่ถูกพัฒนาขึ้นล่าสุด เพื่อเสริมทัพสร้างจุดแข็งให้กับสมบัติทัวร์ได้อย่างลงตัว ด้วยระบบการขับที่อำนวยความสะดวก ประสิทธิภาพของเครื่องยนต์ใหม่ ให้ความสบายในการขับแก่พนักงานรถและผู้โดยสาร พร้อม ADAS ระบบความปลอดภัย ที่เต็มระบบที่สุดในขณะนี้ ไม่ว่าจะเป็นระบบเตือนรถออกนอกเลน (LDW) ระบบเตือนจุดอับสายตา (Blind spot warning) ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ (AEB) ที่เบรคจนถึงจุดหยุดนิ่ง ทำงานร่วมกับระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน (ACC) ที่ปรับความเร็วรักษาระยะห่างที่ปลอดภัยจากรถคันหน้าอัตโนมัติ รวมถึงยังมีระบบความปลอดภัยเดิมที่มีอยู่ครบและยังทำงานได้ดีขึ้น เช่น เบรก ABS และ EBS เบรกไอเสียและเบรกเสริมรีทาร์เดอร์ ระบบป้องกันการพลิกคว่ำ (ESP) ระบบกันลื่นไถล (Traction Control) ฯลฯ มาเป็นมาตรฐานในทุกรุ่นย่อย ทั้งหมดที่สแกนเนียและสมบัติทัวร์ร่วมมือกันเพื่อเป้าหมายในการพัฒนาการเดินทางด้วยรถโดยสารให้มีความปลอดภัย ลดการเกิดอุบัติเหตุ ส่งผู้โดยสารทุกคนถึงที่หมายด้วยความสุข พร้อมรับผิดชอบต่อสังคมส่วนรวมอีกด้วย
หนึ่งในธุรกิจรถโดยสารสายประจำทางสาธารณะสายยาว สมบัติทัวร์ ที่เคียงคู่ขนส่งไทยมากว่า 80 ปี เดินหน้าปรับทัพสู่ภาพลักษณ์ใหม่ ชู 3 จุดขาย เดินทางถึงที่หมายปลอดภัยด้วยนักขับที่มีทักษะและความรับผิดชอบ พร้อมรถโดยสารห้างแท้มาตรฐานยุโรป สแกนเนีย ที่มีประสิทธิภาพ สมรรถนะสูง มีระบบความปลอดภัยดีที่สุดของไทย ล่าสุดแย้มข่าวใหม่กดปุ่มนำ Scania New Bus Generation Euro 5 ล็อตแรก 12 คัน เพื่อให้บริการ ส่วนยอดตั๋วสงกรานต์ล่าสุดเต็มแล้ว 90% เตรียมพร้อมแผนรถเสริมป้องกันผู้โดยสารตกค้าง
นายศิวัช วงศ์บพิธ ผู้ช่วยผู้จัดการ บริษัท เทพสมบัติ จำกัด หรือ สมบัติทัวร์ กล่าวถึงการปรับตัวของธุรกิจรถโดยสารว่า ธุรกิจรถโดยสารวันนี้อยู่ในภาวะทรงตัว จากบริการขนส่งสาธารณะที่เป็นทางเลือกมากขึ้นและการใช้รถยนต์ส่วนตัวในการเดินทาง อย่างไรก็ตามการเดินทางด้วยรถโดยสารยังคงเป็นทางเลือกหลักของคนส่วนใหญ่ เพราะนอกจากราคาค่าโดยสารที่เหมาะสมกับค่าครองชีพแล้ว ยังเข้าถึงพื้นที่ได้ครอบคลุมกว่าการเดินทางด้วยขนส่งสาธารณะประเภทอื่น ส่วนปัจจัยบวกเพิ่มเติมของธุรกิจรถโดยสารนั้น มาจากการเดินทางท่องเที่ยวและการกลับภูมิลำเนาในช่วงเทศกาล ไลฟ์สไตล์การท่องเที่ยวของคนรุ่นใหม่ กลุ่มนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ซึ่งสมบัติทัวร์ได้มีการพัฒนาการให้บริการ พร้อมไปกับการพัฒนาคุณภาพบุคลากร และ เลือกใช้รถมาตรฐานยุโรป ทำให้ผู้โดยสารมีความไว้วางใจและเลือกเดินทางกับ สมบัติทัวร์ จนวันนี้เป็นหนึ่งในผู้นำในธุรกิจรถโดยสาร
ด้วยเป้าหมายในการมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้า สมบัติทัวร์ จึงมีการพัฒนาและยกระดับการดำเนินงานในทุกส่วนอยู่ตลอดเวลา ทำให้สามารถขับเคลื่อนธุรกิจและเป็นขนส่งที่อยู่คู่คนไทยมากว่า 80 ปี ซึ่งวันนี้ธุรกิจได้ถูกพัฒนาอย่างต่อเนื่องในมือผู้บริหารรุ่น 3 มาเป็นระยะเวลากว่า 10 ปีแล้ว เป็นข้อพิสูจน์ใหม่ที่ทำให้เห็นว่าธุรกิจขนส่งของเราและขนส่งสาธารณะสามารถเดินหน้าไปพร้อมกับความเปลี่ยนแปลงของยุคสมัย ซึ่งหัวใจของการพัฒนาธุรกิจของสมบัติทัวร์ นอกจากจะเพิ่มขีดความสามารถและขับเคลื่อนองค์กรอย่างเป็นระบบแล้ว ยังให้ความสำคัญกับทุกรายละเอียด รับฟังความคิดเห็นจากผู้โดยสารเพื่อนำมาพัฒนาและปรับปรุงการให้บริการ เช่น การปรับปรุงสภาพตัวรถ สิ่งอำนวยความสะดวก การให้บริการระหว่างการเดินทาง การนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาใช้เก็บข้อมูล สร้างระบบจองซื้อตั๋วออนไลน์ที่ง่ายและสะดวก ฯลฯ รวมถึงให้ความสำคัญกับทรัพยากรบุคคล โดยเฉพาะพนักงานขับรถที่ต้องพร้อมทั้งสุขภาพกายและใจ รับผิดชอบต่อการปฏิบัติหน้าที่ มีทักษะและประสบการณ์ในการขับรถที่ปลอดภัย แก้ปัญหาที่เกิดขึ้นได้อย่างถูกวิธีและใช้รถได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ การมีเป้าหมายและมีมาตรฐานสูงเช่นนี้ ทำให้พนักงานขับรถทุกคนต้องผ่านการฝึกอบรม ทดสอบการขับขี่ เพิ่มพูนทักษะอย่างเข้มข้นตลอดเวลา จากทั้งผู้เชี่ยวชาญภายในและผู้เชี่ยวชาญการขับขี่เฉพาะทาง
นอกจากการมีพนักงานขับรถที่มีทักษะสูงแล้ว ยังจำเป็นต้องมีรถโดยสารดีที่สุดด้วย เพื่อส่งเสริมและเป็นส่วนผสมที่ให้ทั้งความมั่นใจ ความปลอดภัย และความสะดวกสบายในการเดินทางของผู้โดยสาร ดังนั้น สมบัติทัวร์ จึงเลือกใช้รถที่ได้รับการยอมรับทั่วโลก ในเรื่องประสิทธิภาพและสมรรถนะที่ยอดเยี่ยม มีความปลอดภัยสูงอย่าง สแกนเนีย มาให้บริการมากกว่า 80% ของรถทั้งหมด โดยล่าสุดทางบริษัทฯ ได้สั่งซื้อรถโดยสาร Scania New Bus Generation พลังงาน Euro 5 ที่พึ่งเปิดตัวไปล็อตแรก 12 คัน มาวิ่งให้บริการแล้ว และมีแผนที่จะทยอยจัดซื้อเพิ่มเติมเพื่อเข้าประจำการในทุกเส้นทางทั่วประเทศต่อไป
โดย Scania New Bus Generation Euro 5 เป็นรถที่มีทั้งนวัตกรรมและเทคโนโลยีเครื่องยนต์ประสิทธิภาพสูง ประหยัดน้ำมัน มีระบบความปลอดภัยครบและที่ดีที่สุดของตลาดรถบัสโดยสารของประเทศไทยในปัจจุบัน ทั้ง ADAS (Advanced Driver Assistance Systems) ที่มาอย่างเต็มระบบ เช่นเดียวกับรถโดยสารที่ใช้ในยุโรป รวมถึงเสถียรภาพของตัวรถ ความแข็งแรง ทนทาน ช่วงล่างที่นุ่มสบายเหนือระดับ นี่คือสิ่งตอบแทนความไว้วางใจของลูกค้าที่ใช้บริการของสมบัติทัวร์ ส่วนคำแนะนำในการเลือกใช้บริการการเดินทางรถโดยสารอย่างไรให้ปลอดภัยนั้น ให้พิจารณาจากบริษัทผู้ให้บริการที่ดำเนินธุรกิจด้วยธรรมาภิบาล มีความรับผิดชอบทั้งต่อผู้โดยสารพนักงานและสังคม รวมถึงเลือกใช้รถโดยสารที่มีประสิทธิภาพและความปลอดภัยสูงซึ่งออกจากศูนย์โดยตรง
ส่วนสถานการณ์การจองตั๋วล่วงหน้าในช่วงเทศกาลสงกรานต์ปีนี้ ดูจะมีความคึกคักมากขึ้นกว่าหลายปีที่ผ่านมา เนื่องจากการส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างเต็มที่ของภาครัฐ มีการจัดงานสงกรานต์ใหญ่ๆ เพิ่มขึ้นในหลายจังหวัด ซึ่งผู้โดยสารส่วนใหญ่มีการเลือกใช้บริการบริษัทรถโดยสารที่ไว้ใจได้ในเรื่องความปลอดภัยเป็นอันดับแรก ซึ่งเป็นที่น่ายินดีว่าบริการเดินรถของ สมบัติทัวร์ ได้รับความไว้วางใจอย่างมาก จนทำให้ขณะนี้มียอดการจองตั๋วล่วงหน้าในเทศกาลสงกรานต์เข้ามาแล้วถึง 90% ส่วนหากเกิดกรณีตั๋วเต็มในช่วงเทศกาลฯ นั้น ทางบริษัทได้การเตรียมแผนในการเสริมรถและพนักงานขับรถในเครือมาให้บริการเพิ่มอย่างเต็มที่ เพื่อไม่ให้พนักงานขับรถเหนื่อยล้าจนเกินไป เพียงพอต่อความต้องการและไม่เกิดผู้โดยสารตกค้าง
![]()
ด้านนายพรต โชตินันทน์ ผู้จัดการฝ่ายขายรถโดยสารสแกนเนีย บริษัท สแกนเนีย สยาม จำกัด กล่าวถึงความร่วมมือในการพัฒนาธุรกิจรถโดยสารและการส่งมอบรถ Scania New Bus Generation Euro 5 ซึ่งเป็นรถที่ดีที่สุดในขณะนี้แก่ สมบัติทัวร์ ว่า ธุรกิจรถโดยสารเป็นบริการสาธารณะที่สำคัญของคนจำนวนมาก ดังนั้นความปลอดภัยจึงเป็นหัวใจสำคัญ สแกนเนีย ได้คิดค้นพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ตอบโจทย์ธุรกิจและความปลอดภัยในการเดินทางด้วยเครื่องยนต์ที่มีประสิทธิภาพสูง ประหยัดเชื้อเพลิงและมีระบบความปลอดภัยที่ดีที่สุด ยิ่งไปกว่านั้น สแกนเนีย ยังให้ความสำคัญกับลูกค้าทุกคนในการเป็น Business Partner เป็นพันธมิตรธุรกิจที่พร้อมสนับสนุนในทุกความต้องการพัฒนาธุรกิจและความสัมพันธ์ไปด้วยกัน
การจับมือกับ สมบัติทัวร์ ก็เช่นกัน รถสแกนเนีย ถูกใช้เป็นรถโดยสารให้บริการแก่ผู้โดยสาร สมบัติทัวร์ มากว่า 30 ปี โดยมีการแลกเปลี่ยน สนับสนุน เติบโต มีความทรงจำที่ดีร่วมกัน สแกนเนีย รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งต่อความไว้วางใจที่มอบให้ และวันนี้เรายังได้มีการส่งมอบรถ Scania New Bus Generation Euro 5 ซึ่งเป็นรถโดยสารรุ่นใหม่ที่ถูกพัฒนาขึ้นล่าสุด เพื่อเสริมทัพสร้างจุดแข็งให้กับสมบัติทัวร์ได้อย่างลงตัว ด้วยระบบการขับที่อำนวยความสะดวก ประสิทธิภาพของเครื่องยนต์ใหม่ ให้ความสบายในการขับแก่พนักงานรถและผู้โดยสาร พร้อม ADAS ระบบความปลอดภัย ที่เต็มระบบที่สุดในขณะนี้ ไม่ว่าจะเป็นระบบเตือนรถออกนอกเลน (LDW) ระบบเตือนจุดอับสายตา (Blind spot warning) ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ (AEB) ที่เบรคจนถึงจุดหยุดนิ่ง ทำงานร่วมกับระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน (ACC) ที่ปรับความเร็วรักษาระยะห่างที่ปลอดภัยจากรถคันหน้าอัตโนมัติ รวมถึงยังมีระบบความปลอดภัยเดิมที่มีอยู่ครบและยังทำงานได้ดีขึ้น เช่น เบรก ABS และ EBS เบรกไอเสียและเบรกเสริมรีทาร์เดอร์ ระบบป้องกันการพลิกคว่ำ (ESP) ระบบกันลื่นไถล (Traction Control) ฯลฯ มาเป็นมาตรฐานในทุกรุ่นย่อย ทั้งหมดที่สแกนเนียและสมบัติทัวร์ร่วมมือกันเพื่อเป้าหมายในการพัฒนาการเดินทางด้วยรถโดยสารให้มีความปลอดภัย ลดการเกิดอุบัติเหตุ ส่งผู้โดยสารทุกคนถึงที่หมายด้วยความสุข พร้อมรับผิดชอบต่อสังคมส่วนรวมอีกด้วย