

บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด (ปณท) ยืนยัน ครองแชมป์ตลาดไปรษณีย์ภัณฑ์และรับส่งสินค้า ครองส่วนแบ่งตลาดกว่า 55% จากมูลค่ารวมทั้งหมดกว่า 27,200 ล้านบาท โดยในพื้นที่ต่างจังหวัด ส่วนแบ่งตลาดของไปรษณีย์ไทยถือครองมากกว่า 70 % ในขณะที่ในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑลอยู่ที่ประมาณ 40 % อย่างไรก็ตาม ไปรษณีย์ไทย ยังคงเร่งพัฒนาการบริการ และประยุกต์ใช้นวัตกรรมเทคโนโลยีเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่อย่างต่อเนื่อง
เมื่อให้พูดถึง "เมืองไทย" นอกจาก รถตุ๊กตุ๊ก, ต้มยำกุ้ง และผัดไทย และตอนนี้ "ภาษาไทย" ของเรากำลังจะดังไกลไปทั่วโลกแล้ว
จากที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงว่าด้วยกำหนดอัตราภาษีสินค้าประเภทสุรา ยาสูบ และไพ่ ซึ่งออกตามพระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต 2560 ฉบับใหม่ ในเบื้องต้นนั้น เหล้าจะปรับเพิ่มตามดีกรีหรือความเข้มข้นของแอลกอฮอล์ ส่วนบุหรี่จะมีการจัดเก็บอัตราภาษีต่อมวนและเก็บตามอัตราของราคาบุหรี่ มีผลบังคับใช้ในวันที่ 16 ก.ย. 2560 ก่อให้เกิดความคิดเห็นหลากหลายกระแสทั้งในเชิงบวกและลบจากผู้ประกอบการและในหมู่ผู้บริโภค
ผลสำรวจคนกรุงส่วนใหญ่ 57.4 % ทราบข่าวการเปิดตัว PromptPay QR Code เพื่อการชำระเงินรูปแบบใหม่สร้างสังคมไร้เงินสด แต่ 52.6% กังวลว่าร้านค้าที่รับชำระยังไม่ครอบคลุม และ 43.8% ยังไม่แน่ใจว่าจะใช้ระบบ PromptPay QR Code
กรุงเทพโพลล์ โดยศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ ได้ดำเนินการสำรวจความคิดเห็นประชาชน เรื่อง “คนไทยพร้อมหรือไม่กับการใช้ PromptPay QR Code ชำระเงิน” โดยเก็บข้อมูลจากประชาชนในพื้นที่กรุงเทพมหานคร จำนวน 1,150 คน พบว่า ประชาชนร้อยละ 57.4 ทราบข่าวเกี่ยวกับธนาคารแห่งประเทศไทยเปิดตัว PromptPay QR Code เพื่อการชำระเงินรูปแบบใหม่สร้างสังคมไร้เงินสด ขณะที่ร้อยละ 42.6 ไม่ทราบ
เมื่อถามถึงข้อดีของการชำระเงินผ่าน PromptPay QR Code พบว่าส่วนใหญ่ร้อยละ 72.4 เห็นว่าสะดวกรวดเร็วในการซื้อสินค้าและบริการ รองลงมาร้อยละ 64.0 เห็นว่าไม่ต้องพกพาเงินสดให้ยุ่งยาก และร้อยละ 44.2 เห็นว่าเป็นการเพิ่มช่องทางในการชำระสินค้า
ด้านความกังวลกับการใช้ PromptPay QR Code ชำระสินค้าแทนการใช้เงินสดพบว่า ส่วนใหญ่ร้อยละ 52.6 กังวลว่า ร้านค้าที่รับชำระยังไม่ครอบคลุมทุกร้าน รองลงมาร้อยละ 52.2 กังวลด้านความปลอดภัยในการใช้งาน และร้อยละ 45.0 กังวลด้านความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับระบบ QR Code ของประชาชน
เมื่อถามว่าคิดว่าการนำ PromptPay QR Code มาใช้แทนการชำระเงินสด จะช่วยเปลี่ยนแปลงสังคมในด้านใด ส่วนใหญ่ร้อยละ 63.1 เห็นว่าจะทำให้รูปแบบการใช้ชีวิตของคนรุ่นใหม่สู่สังคมแบบ Smart City รองลงมาร้อยละ 45.9 จะช่วยทำให้เศรษฐกิจคล่องตัวขึ้น และร้อยละ 34.8 จะช่วยให้การท่องเที่ยวขยายตัว นักท่องเที่ยวใช้จ่ายมากขึ้น
สุดท้ายเมื่อถามว่าสนใจที่จะปรับตัวมาใช้ระบบการชำระเงินซื้อสินค้าโดยใช้ PromptPay QR Code แทนที่การใช้เงินสดหรือไม่ พบว่า ประชาชนร้อยละ 43.8 ยังไม่แน่ใจ ส่วนร้อยละ 39.0 สนใจ ขณะที่ร้อยละ 17.2 ไม่สนใจ
ชี้ยอดซื้อสินค้าทางออนไลน์โตต่อเนื่อง และการซื้อสินค้าออนไลน์ขึ้นมาติด 1 ใน 5 กิจกรรมยอดฮิตของผู้ใช้อินเทอร์เน็ตเป็นครั้งแรก สะท้อนการยอมรับการทำอีคอมเมิร์ซมากขึ้นในสังคมไทย
เป้าหมายการพัฒนายั่งยืนหรือ (SDGs) SustainableDevelopment Goals เป็นเป้าหมายการพัฒนาประเทศของสหประชาชาติที่อยู่ภายใต้การพัฒนา ปี ค.ศ. 2030 โดยมีประเทศสมาชิก 194 ประเทศร่วมลงนามเพือรับรองและให้คำมั่นว่าจะร่วมกันบรรลุ SDGs ภายในปี ค.ศ. 2030 ซึ่งประเทศไทยก็เป็นหนึ่งในสมาชิกที่ให้คำมั่นด้วย ในการนี้รัฐบาลไทยจึงดำเนินการผลักดัน SDGs ผ่านกลไกคณะกรรมการที่ยั่งยืน(กพย.) ในโอกาสที่สำนักงานกองทุนสนันสนุนการวิจัย (สกว.) และโครงการประสานงานการวิจัยเพื่อสนับสนุนการพัฒนาที่ยั่งยืน SDGs Move เปิดเวทีสาธารณะ ”เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของประเทศไทย : สถานะก้าวต่อไป" ณ.โรงแรมโนโวเทล สยามสแควร์ องค์กรหลายภาคส่วนได้เข้าร่วมงาน เพื่อร่วมระดมความคิดเห็นและพร้อมขับเคลื่อนการพัฒนาที่ยั่งยืน SDGs ผ่านภาคีเครือข่ายประชารัฐ องค์กรเอกชนและกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองที่มีทั่วประเทศ

ดร.สุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดงานและปาฐกถาพิเ ศษ เรื่อง“SEP for SDGs: หัวใจขับเคลื่อน Thailand 4.0” กล่าวว่า เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals: SDGs) และปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง (Sufficiency Economy Philosophy: SEP) ในนาม "SEP for SDGs" กับ "Thailand 4.0" มีความเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร บางท่านเห็นว่า SDGs เป็นการนำแนวคิดจากข้างบนลงมาสู่ระดับล่าง From Grand To Ground ซึ่งเห็นว่าหลักการ SDGs นำมาจากหลักเศรษฐกิจพอเพียงที่ รัชกาลที่ 9 ได้ผ่านการลงพื้นที่ปฎิบัติจริงและพิสูจน์มาแล้ว จากนั้นจึงนำมาเป็นแนวคิดใหม่ของการพัฒนาโลก From Grand To Ground

ดังนั้น SEP และ SDGs จึงสอดรับไปด้วยกัน และประเทศไทยของเราจะก้าวเดินไป ทางไหนในอนาคต ทางสกว.จะดำเนินโครงการสำรวจสถานะของเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนในบริบทประเทศไทย ซึ่ง"SEP for SDGs" และ "Thailand 4.0" นั้นเป็นเรื่องที่สอดรับกัน และมีเป้าหมายเดียวกัน นั่นคือการมุ่งพัฒนาประเทศไปสู่ “ความยั่งยืน” การเดินหน้าไปสู่ความยั่งยืนนั้น จะต้องเริ่มจากการสร้างสมดุลในการพัฒนา หรือ "Thriving in Balance" ตามปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งจะต้องมีการปรับเปลี่ยนหลัก คิดของคนให้ถูกต้อง และปรับกระบวนทัศน์ในการพัฒนาให้ถูกทาง เพื่อเปลี่ยนผ่านประเทศไปสู่ Thailand 4.0

สำหรับการปรับโครงสร้างสู่ 3 ระบบเศรษฐกิจที่เน้นคุณค่า (Value-Based Ecosystem) ได้แก่
1.ระบบเศรษฐกิจไหลเวียน (Circular Economy)ระบบเศรษฐกิจที่ทำให้มนุษย์มีความสมดุลอยู่ร่วมกับธรรมชาติ ตอบโจทย์ “ความยั่งยืน” การเติบโตโดยใช้ทรัพยากรอย่างชาญฉลาด ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม เช่น การมุ่งเน้นธุรกิจ การผลิตและการใช้เทคโนโลยีที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม การปรับแนวคิดจากเดิมที่เคยคำนึงแต่ความได้เปรียบเรื่องต้นทุนเป็นหลัก (Cost Advantage)มาเป็นการคำนึงถึงประโยชน์ที่ได้จากการสูญเสียที่เกิดขึ้นทั้งระบบ(Loss Advantage) การส่งเสริมองค์กรที่ ”คิดดี ทำดี” การบริหารจัดการความเสี่ยงจากภัยพิบัติ การพัฒนาเมืองอัจฉริยะและเมืองน่าอยู่ การมุ่งเน้นการใช้พลังงานทดแทน ตัวอย่างงานวิจัยของ ม.เทคโนโลยีสุรนารีได้ทำโครงการ จัดตั้งศูนย์ถ่ายทอดนวัตกรรมเศรษฐกิจหมุนเวียน, เทคโนโลยีบำบัดขยะมูลฝอยโดยวิธีกลและชีวภาพ

2.ระบบเศรษฐกิจกระจายตัว (Distributive Economy) จะลดความเหลื่อมล้ำทำให้เกิดสมดุลระหว่างมนุษย์กับมนุษย์ จะได้ตอบโจทย์ ”ความมั่นคง” โดยกระจายความมั่งคั่งและโอกาส ทำให้คนอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติสุข เช่น สร้างภูมิคุ้มกันที่เพียงพอให้ กับคนยากจน 40 % แรก การส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคม ยกระดับผลิตภาพของาคการเกษตร การปรับปรุงคุณภาพของการศึกษาและ ปรับทักษะแรงงานให้สอดรับกับโลก ยุค 4.0 การส่งเสริมเอสเอ็มอีให้เข้มแข็ งและแข่งขันได้บนเวทีโลก การสร้างคลัสเตอร์เศรษฐกิจระดับ กลุ่มจังหวัด และจังหวัด การพัฒนา Innovation Hub ให้กระจายในระดับูมิภาค การสร้างเศรษฐกิจฐานรากในชุมชน การสร้างเครือข่ายความร่วมมือใน รูปแบบประชารัฐ เป็นต้น ยกตัวอย่าง ภาคประชารัฐและมหาวิทยาลัยในภาคอีสาน ได้ทำวิจัยโครงการเสริมสร้างศักยภาพสินค้าและผลิตภัณฑ์ชุมชนเพื่อการท่องเที่ยว

3.ระบบเศรษฐกิจขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม (Innovation-Driven Economy ) เป็นกลไกขับเคลื่อนสู่ ”ความมั่งคั่ง” ปรับเปลี่ยนจากเดิมที่เน้นเงิน ทุนและทุนทางกายภาพ มาเป็นการเน้นปัญญามนุษย์และเทคโนโลยี เพราะมันจะตอบโจทย์ความสมดุลระหว่างมนุษย์กับเทคโนโลยี ทำให้เทคโนโลยีเกิดประโยชน์ต่อมนุษย์ นำความมั่งคั่งมาให้ เช่น การยกระดับทักษะด้านดิจิตอลไอซีทีและมีเดีย การยกระดับความสามารถด้านวิจัยและพัฒนา การสร้างคลัสเตอร์และเทคโนโลยีและนวัตกรรม การบ่มเพาะผู้ประกอบการด้านเทคโนโลยี การออกแบบและความคิดสร้างสรรค์ การพัฒนาวิสาหกิจที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม การพัฒนาทักษะและงานใหม่เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงในอนาคต การสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อ การทำธุรกิจ การบริหารจัดการสมัยใหม่ เป็นต้น

ทั้ง 3 ระบบเศรษฐกิจที่เน้นคุณค่า นี้ช่วยสร้างสมดุลให้เกิดขึ้น ทั้งระหว่าง "มนุษย์ กับ ธรรมชาติ" "มนุษย์ กับ มนุษย์" และ "มนุษย์ กับ เทคโนโลยี" สอดรับกับ SDGs ทั้ง 17 เป้าหมายอย่างสอดคล้องลงตัว ในบริบทของเอกชนนั้น การพัฒนาที่ยั่งยืนยากที่จะเกิดขึ้น จากการทำกิจกรรม CSR เพียงอย่างเดียว แต่จะเกิดขึ้นได้อย่างยั่งยืนถาวรก็ต่อเมื่อภาคเอกชนมีการ ปรับเปลี่ยนกระบวนทัศน์ในการดำเนินธุรกิจ จาก"Greed for Growth, Growth for Greed" มาเป็น "Doing Good, Doing Well" Doing Good เพื่อตอบโจทย์ Stakeholders ส่วน Doing Well เพื่อตอบโจทย์ Shareholders ของบริษัท Doing Good สะท้อนความเป็น "คน" ขององค์กร ในขณะที่ Doing Well สะท้อนความเป็น "ตน" ขององค์กร Doing Good และ Doing Well จึงเสมือน หยิน กับ หยาง ที่ต้องสร้างให้เกิดความสมดุล เมื่อสมดุลจึงจะเกิดการเติบโต แต่เป็นการเติบโตที่ยั่งยืน

การขับเคลื่อน SEP for SDGs บนภาคีเครือข่ายความร่วมมือประชารัฐ และกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองทั่วประเทศ 79,593 แห่งจะเป็นแพลตฟอร์มที่ยั่งยืน SEP for SDGs จะเกิดขึ้นไม่ได้ หากไม่มีการ “ลงมือปฏิบัติ” อย่างจริงจัง และต้องเป็นการลงมือปฏิบัติในระดับพื้นที่ ภูมิสังคม ศักยภาพ เงื่อนไขและความท้าทายที่แตกต่างกัน ตามโมเดล "Action-Oriented Area-Based Economy” ส่วนโมเดลธุรกิจที่ยั่งยืน จะยังคงเป็นกลไกทางตลาด (Market-Based Economy) แต่ต้องเสริมสร้างให้เป็น "Merit-Oriented Market-Based Economy" ที่แต่ละองค์กรดำเนินธุรกิจคิดดี ทำดีจะได้รับประโยชน์ โดยยึด “Doing Good, Doing Well” เป็นสำคัญนั่นเอง
"SEP for SDGs" จะบรรลุผล หากร่วมมือกันและลงไปสู่พื้นที่อย่างจริงจัง ถึงเวลาที่เราคนไทยทุกาคส่วนจะร่วมกันทำเรื่องนี้ให้ กลายเป็นจริง เชื่อว่าอีก 3-4 ปีข้างหน้าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างแท้จริง
นิตยสาร MBA ได้สัมภาษณ์ ดร.สาธิต พุทธชัยยงค์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ (มทร. กรุงเทพ)
กระทรวงพาณิชย์ เปิดโครงการเสริมสร้างศักยภาพร้านค้าชุมชนไทยสู่ โชวห่วย-ไฮบริด เสริมพื้นฐานการทำธุรกิจให้ร้านค้าชุมชน ภายในปีนี้คาดผลิตร้านโชวห่วย-ไฮบริดได้ถึง 100 ร้านค้าทั่วประเทศ ใช้กลยุทธ์การตลาดแบบ Omni-Channel ดึงออฟไลน์และออนไลน์ดูดลูกค้า และช่วยให้เกิดศูนย์กลาง (Hub) กระจายสินค้าในร้านและผลิตภัณฑ์ชุมชนไปสู่มือผู้บริโภคด้วย Platform ของไปรษณีย์ไทย และผ่านโครงข่ายอินเทอร์เน็ตของ DEPA
เปลี่ยนความคิดใหม่เรื่อง “บัวบก” หมอเผยไม่ใช่แค่เครื่องดื่มสีเขียวรักษาอาการร้อนในเท่านั้น มีสรรพคุณอย่างอื่นด้วย โดยเฉพาะเรื่องการบำรุงสมอง ป้องกันอัลไซเมอร์และช่วยฟื้นฟูความจำในผู้สูงอายุ
ประเทศไทยประกาศใช้แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติในปี 2504 ซึ่งเป็นแผนแม่บทในการพัฒนาประเทศฉบับแรก โดยมีเป้าหมายชัดเจนในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศให้เติบโต ซึ่งยังคงเป็นจุดมุ่งหมายหลักของแผนพัฒนาฯ ทุกฉบับนับตั้งแต่นั้นมา