December 16, 2025

ตั้งเป้ายอดขายพุ่ง 30% พร้อมจัดงาน The Mall Lifestore Presents Thailand Influencer Awards 2024 by Tellscore เฟ้นหาสุดยอดอินฟลูเอนเซอร์แห่งปี

กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ร่วมกับกลุ่มอุตสาหกรรมเครื่องปรับอากาศและเครื่องทำความเย็น และกลุ่มอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย จัดงานแสดงสินค้าเครื่องปรับอากาศและเครื่องทำความเย็น 2567 (Bangkok RHVAC 2024) และงานแสดงสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ 2567 (Bangkok E&E 2024) รวมสินค้าและบริการหลากหลายจากผู้ผลิตชั้นนำทั้งไทยและต่างประเทศ ภายใต้แนวคิด “One Stop Solution for Net Zero Future” พร้อมกิจกรรมมากมายทั้งการสัมมนาวิชาการ นิทรรศการนวัตกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อม ระหว่างวันที่ 4-7 กันยายน 2567 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุม ไบเทค บางนา

นายเอกฉัตร ศีตวรรัตน์ รองปลัดกระทรวงพาณิชย์ ประธานในพิธีเปิดงาน เปิดเผยว่า งานแสดงสินค้านี้เป็นหนึ่งในกิจกรรมที่จัดขึ้นตามนโยบายนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ที่ได้สั่งการให้ขับเคลื่อนกิจกรรมขยายตลาดสินค้าไทยสู่ตลาดต่างประเทศในรูปแบบต่างๆ ให้สอดคล้องกับกระแสโลก โดยอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์เป็นอุตสาหกรรมที่มีการจ้างงานภายในประเทศสูงถึง 660,000 ราย และยังเป็นอุตสาหกรรมที่สำคัญยิ่งต่อเศรษฐกิจการค้าและการส่งออกของประเทศ โดยประเทศไทยเป็นผู้ผลิตและผู้ส่งออกเครื่องปรับอากาศอันดับที่ 2 ของโลก และในขณะเดียวกันยังเป็นผู้ผลิตและผู้ส่งออกเครื่องทำความเย็นอันดับที่ 6 ของโลก

“งานแสดงสินค้า Bangkok RHVAC และงานแสดงสินค้า Bangkok E&E เป็นเวทีแสดงศักยภาพและเจรจาธุรกิจระหว่างผู้ประกอบการไทยกับผู้ซื้อ ผู้นำเข้าจากทั่วโลก และยังเป็นการส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาสินค้าให้ตอบโจทย์แนวโน้มความต้องการของภาคอุตสาหกรรมและผู้บริโภคทั้งในและต่างประเทศ ตลอดจนเป็นการเชื่อมโยงสร้างเครือข่ายระหว่างกันในระดับสากล” รองปลัดกระทรวงพาณิชย์กล่าว

ในปีนี้ งานแสดงสินค้า Bangkok RHVAC และงานแสดงสินค้า Bangkok E&E ได้กลับมาจัดงานอย่างเต็มรูปแบบ บนพื้นที่การจัดงานกว่า 20,000 ตารางเมตร โดยงานแสดงสินค้า Bangkok RHVAC จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 14 และงานแสดงสินค้า Bangkok E&E จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 10 ภายใต้แนวคิด “One Stop Solutions for Net Zero Future” ซึ่งเป็นการตอบสนองต่อเทรนด์สำคัญของโลกที่อุตสาหกรรมนี้ของไทย ตั้งใจมุ่งหน้าไปสู่เป้าหมาย Net Zero emissions ในปี 2608 (ค.ศ. 2065)

การจัดงานในครั้งนี้มีผู้เข้าร่วมแสดงสินค้า รวมกว่า 300 ราย 800 คูหา จากทั้งไทย อาเซียน จีน ฮ่องกง เกาหลี อินเดีย ตะวันออกกลาง และยุโรป ในงานจะมีทั้งแบรนด์ผู้ผลิตเครื่องปรับอากาศชั้นนำ ผู้ผลิตส่วนประกอบเครื่องปรับอากาศ ผู้ผลิตตู้เย็น ตู้แช่แข็ง ไปจนถึงผู้เชี่ยวชาญด้านออกแบบและก่อสร้างห้องเย็น ผู้ผลิตคอมเพรสเซอร์ในระบบทำความเย็นและผู้ผลิตระบบควบคุมและอุปกรณ์ในระบบทำความเย็น ตลอดจนผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ชั้นนำ ทั้งเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือน อุปกรณ์ไฟฟ้าอุตสาหกรรม/พาวเวอร์ซัพพลาย ไฟฟ้ากำลัง อุปกรณ์ไอที ระบบไฟฟ้าแสงสว่าง ชิ้นส่วนและอุปกรณ์ประกอบ คาดการณ์ว่าจะมีผู้สนใจเข้าร่วมชมงาน จากทั่วโลกมากกว่า 10,000 ราย และเกิดมูลค่าการเจรจาการค้าภายในงานกว่า 4,500 ล้านบาท

ภายในงานจะมีโซนพิเศษที่เป็น highlight ได้แก่ นิทรรศการ One Stop Solutions for Net Zero future โซนจัดแสดงสินค้าโดดเด่น Product Highlight ของผู้ประกอบการที่เข้าร่วมงาน นิทรรศการพิเศษ OZONE และ e-Waste นอกจากโซนพิเศษภายในงานแล้วยังมีสัมมนาวิชาการ โดยหน่วยงานพันธมิตรต่างๆ เช่น “แนวทางการรับรองระบบทำความเย็นที่ใช้แอมโมเนียเป็นสารทำความเย็นตามที่กฎหมายกำหนดเพื่อก้าวสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน” “HVAC and Nearly Zero Energy Building Approach” เป็นต้น และกิจกรรมเสวนาภายในนิทรรศการ โดย Green Influencer ที่มีชื่อเสียง ได้แก่ คุณวรรณสิงห์ ประเสริฐกุล และลุงซาเล้งกับขยะที่หายไป เพื่อตอบโจทย์ Net Zero Future

อีกหนึ่งความพิเศษสำหรับการจัดงาน Bangkok RHVAC และ Bangkok E&E ในปีนี้ คือ การจัดงานแสดงสินค้าเสมือนจริง (Virtual Trade Show) ที่เปิดโอกาสให้ผู้ที่สนใจสินค้าในอุตสาหกรรม RHVAC และ E&E แต่ไม่สามารถเดินทางมาร่วมงานด้วยตนเองได้ สามารถเลือกชมสินค้า พร้อมทั้งเจรจาการค้าผ่านช่องทางออนไลน์ร่วมกับผู้ประกอบการได้เสมือนเดินทางมาที่งาน ได้ที่ https://ditpvirtual.com/RHV024

งาน Bangkok RHVAC 2024 และ Bangkok E&E 2024 จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 4-7 กันยายน 2567 ณ Hall 98-100 ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา โดยเป็นวันเจรจาการค้าระหว่างวันที่ 4-6 กันยายน และวันสุดท้ายจะเปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้าชมและซื้อสินค้า ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมและลงทะเบียนเข้าชมงานล่วงหน้าได้ที่ www.bangkok-rhvac.com

บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ “BJC” ผู้ดำเนินธุรกิจพาณิชยกรรมนำเข้า-ส่งออก ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายสินค้าและบริการครบวงจร ตั้งแต่ ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ ประสบความสำเร็จในการเสนอขายหุ้นกู้ให้แก่ผู้ลงทุนสถาบันและผู้ลงทุนรายใหญ่ สะท้อนความเชื่อมั่นจากนักลงทุน ด้วยมูลค่าเสนอขายหุ้นกู้รวม 13,000 ล้านบาท อายุหุ้นกู้ 3 ปี ถึงอายุ 10 ปี อัตราดอกเบี้ย 2.93% ถึง 3.77% ต่อปี และมีอันดับความน่าเชื่อถือของหุ้นกู้ที่ระดับ “A” แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” โดยบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด

นางฐาปณี เตชะเจริญวิกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 5 กันยายน 2567 บริษัทได้ออกหุ้นกู้ ครั้งที่ 2/2567 ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ จำนวน 5 รุ่น ต่อผู้ลงทุนสถาบันและผู้ลงทุนรายใหญ่ ได้แก่ หุ้นกู้อายุ 3 ปี อัตราดอกเบี้ย 2.93% ต่อปี จำนวน 3,000 ล้านบาท หุ้นกู้อายุ 4 ปี อัตราดอกเบี้ย 3.15% ต่อปี จำนวน 6,000 ล้านบาท หุ้นกู้อายุ 5 ปี อัตราดอกเบี้ย 3.33% ต่อปี จำนวน 2,000 ล้านบาท หุ้นกู้อายุ 7 ปี อัตราดอกเบี้ย 3.55% ต่อปี จำนวน 1,000 ล้านบาท และ หุ้นกู้อายุ 10 ปี อัตราดอกเบี้ย 3.77% ต่อปี จำนวน 1,000 ล้านบาท ผ่านสถาบันการเงินชั้นนำ 4 แห่ง ได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) และธนาคารยูโอบี จำกัด (มหาชน) ซึ่งการเสนอขายหุ้นกู้ครั้งนี้ได้รับความสนใจจากผู้ลงทุนอย่างล้นหลาม ด้วยยอดจองซื้อเกินเป้าหมายกว่า 4 เท่า จากมูลค่าเสนอขายเดิมที่ตั้งเป้าหมายไว้ที่ 7,000 ล้านบาท ส่งผลให้บริษัทพิจารณาเพิ่มมูลค่าการออกหุ้นกู้ ซึ่งเป็นหุ้นกู้ส่วนที่สำรองไว้มาเสนอขายเพิ่มเติม (Greenshoe Option) อีกจำนวน 6,000 ล้านบาท รวมเป็นมูลค่าเสนอขายรวม 13,000 ล้านบาท เพื่อรองรับความต้องการในการลงทุนของนักลงทุนที่ให้ความไว้วางใจในการเข้าลงทุนในหุ้นกู้ของบริษัท ความสำเร็จในการเสนอขายหุ้นกู้ในครั้งนี้ตอกย้ำถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีให้กับบริษัท ซึ่งมีสถานะทางการตลาดที่แข็งแกร่งในกลุ่มธุรกิจหลัก ตลอดจนมีความหลากหลายของผลิตภัณฑ์

“ในนามของ BJC ต้องขอขอบคุณผู้ลงทุนทุกท่านที่ให้ความเชื่อมั่นในศักยภาพของบริษัทที่ดำเนินธุรกิจในประเทศไทยมาอย่างยาวนานกว่า 140 ปี โดยการออกหุ้นกู้ในครั้งนี้นับว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างดีและผู้ลงทุนให้การตอบรับที่ดีเกินกว่าที่คาดไว้ โดย BJC จะยังคงเดินหน้าเพื่อพัฒนาธุรกิจให้มั่งคงและสร้างการเติบโตที่ยั่งยืนคู่สังคมไทยต่อไป เพื่อให้สมกับความไว้วางใจที่ทุกท่านมอบให้กับเรา” นางฐาปณี กล่าวทิ้งท้าย

กรุงศรี (ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)) มอบสิทธิพิเศษสำหรับลูกค้าบัตร Krungsri Boarding Card หรือบัตรกรุงศรี เดบิต ทุกประเภท (รวมถึงบัตรกรุงศรี เดบิต ที่เป็นบัตรประจำตัวนักศึกษา บัตรอาจารย์ บัตรบุคลากร และบัตรพนักงาน) เมื่อช้อปที่ Lazada App และชำระค่าสินค้าหรือบริการผ่านบัตร Krungsri Boarding Card หรือบัตรกรุงศรี เดบิต รับโค้ดส่วนลดสูงสุด 150 บาทต่อเดือน ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2567 – 31 มีนาคม 2568 โดยมีรายละเอียดดังนี้

  • ช้อปผ่านบัตร Krungsri Boarding Card ตั้งแต่ 700 บาทขึ้นไปต่อใบเสร็จ รับส่วนลดมูลค่า 150 บาทต่อเดือน
  • ช้อปผ่านบัตรกรุงศรี เดบิต ทุกประเภท ตั้งแต่ 900 บาทขึ้นไปต่อใบเสร็จ รับส่วนลดมูลค่า 150 บาท ต่อเดือน

ผู้ที่สนใจสามารถดูรายละเอียดและเงื่อนไขเพิ่มเติมได้ที่ เพิ่มเติมได้ที่ https://www.krungsri.com/th/promotions/cards/shopping-online/debit-lazada 

*ศึกษารายละเอียดและเงื่อนไขเพิ่มเติมได้จากสื่อต่าง ๆ ของธนาคาร

เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม ณ บิ๊กซี เพลส สาขารัชดาภิเษก ในวันอาทิตย์ที่ 8 กันยายน นี้

บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) ร่วมสนับสนุนโครงการ คปภ. และภาคธุรกิจประกันภัย จับมือร่วมใจสานฝันน้อง ซึ่งจัดโดยสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) สมาคมประกันวินาศภัยไทย  และสมาคมประกันชีวิตไทย โดยนางรุจิรัตน์ ปัญญาเกียรติคุณ (ที่ 2 จากซ้าย) รองผู้อำนวยการ สำนักบริหารแบรนด์องค์กร เป็นผู้แทนบริษัทฯ มอบพัดลมจำนวน 10 เครื่อง รวมทั้งเวชภัณฑ์ที่จำเป็นให้แก่บ้านราชาวดี (ชาย-หญิง) ซึ่งได้รับเกียรติจากนายชูฉัตร ประมูลผล (ที่ 3 จากซ้าย) เลขาธิการ คปภ. เป็นประธานในพิธีรับมอบร่วมกับนายพิสิฐ พูลพิพัฒน์ (ที่ 3 จากขวา) รองอธิบดีกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ เพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีให้แก่น้องๆ บ้านราชาวดี ณ บ้านราชาวดี จังหวัดนนทบุรี เมื่อเร็วๆ นี้

นายชูฉัตร ประมูลผล เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (เลขาธิการ คปภ.) เป็นประธานการประชุมผู้บริหารระดับสูงด้านการประกันภัย (OIC Meets CEO 2024) ครั้งที่ 2/2567 ร่วมกับ นายสาระ ลํ่าซำ ประธานสภาธุรกิจประกันภัยไทย นางนุสรา (อัสสกุล) บัญญัติปิยพจน์ นายกสมาคมประกันชีวิตไทย และ ดร.สมพร สืบถวิลกุล นายกสมาคมประกันวินาศภัยไทย พร้อมด้วย ผู้บริหารสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (สำนักงาน คปภ.) ผู้บริหารสมาคมประกันชีวิตไทย ผู้บริหารสมาคมประกันวินาศภัยไทย และผู้บริหารบริษัทประกันภัย เข้าร่วมประชุม ณ ศูนย์การประชุม อิมแพ็ค ฟอรั่ม เมืองทองธานี จังหวัดนนทบุรี

ในช่วงเช้าก่อนเริ่มการประชุม สำนักงาน คปภ. ร่วมกับ ภาคธุรกิจประกันภัย จัดกิจกรรม CSR “คปภ. และภาคธุรกิจประกันภัย จับมือร่วมใจกันสานฝันน้อง” โดยร่วมกันบริจาคเงินกว่า 1 ล้านบาท พร้อมสิ่งของอุปโภคบริโภค และหมวกกันน็อค ให้แก่น้อง ๆ ที่อยู่ในความดูแลของบ้านราชาวดี (หญิง) และ บ้านราชาวดี (ชาย) อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี โดยมีนายพิสิฐ พูลพิพัฒน์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ ร่วมด้วย

ต่อมาในช่วงบ่าย ผู้บริหารสำนักงาน คปภ. และผู้บริหารภาคธุรกิจประกันภัย เข้าสู่เวทีการประชุมผู้บริหารระดับสูงด้านการประกันภัย (OIC Meets CEO 2024) ครั้งที่ 2/2567 โดยได้มีการรายงานความคืบหน้าการดำเนินงานตามข้อสรุปที่ประชุม (OIC Meets CEO 2024) ครั้งที่ 1/2567 ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 8-9 มีนาคม 2567 ณ โรงแรมเรเนซองส์ พัทยา รีสอร์ท แอนด์ สปา จังหวัดชลบุรี ใน 5 ประเด็นหลัก ได้แก่ ประเด็นแรก การพัฒนามาตรฐานและยกระดับบทบาทของนักคณิตศาสตร์ประกันภัยและผู้สอบบัญชี ประเด็นที่ 2 การยกระดับมาตรฐานการอนุมัติกรมธรรม์ประกันภัย ประเด็นที่ 3 แนวปฏิบัติที่เกี่ยวข้องกับการประกันภัยสุขภาพ ประเด็นที่ 4 การจัดทำ Service Level Agreement (SLA) มาตรฐานกรอบระยะเวลาสำหรับการให้บริการของธุรกิจประกันภัย และประเด็นที่ 5 การนำส่งข้อมูลในระบบ IBS โดยการดำเนินงานทั้ง 5 ประเด็นดังกล่าวมีความคืบหน้าเป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ทุกประการ

ในโอกาสนี้ ที่ประชุมยังได้เห็นชอบหลักการและให้ข้อแนะนำเกี่ยวกับแนวทางการดำเนินงานเพื่อขับเคลื่อนระบบประกันภัยให้มีความมั่นคงยั่งยืน ดังนี้ 1. ยกระดับและเพิ่มประสิทธิภาพการส่งสัญญาณเตือนภัยล่วงหน้าด้วยระบบ EWS 2. การนำส่งข้อมูลการรับประกันภัยเข้าสู่ระบบรายงานข้อมูลประกันภัยรถภาคบังคับ (Compulsory Motor Insurance System : CMIS) 3. การดำเนินการส่งเสริมความรู้ด้านการประกันภัยระหว่าง สำนักงาน คปภ. และภาคอุตสาหกรรมประกันภัย 4. การส่งเสริมการกำกับดูแลตัวแทนและนายหน้าประกันภัย และ 5. กรณีที่มีกลุ่มบุคคล/บริษัทต่างชาติขายประกันภัยในประเทศไทยโดยไม่มีใบอนุญาตประกอบธุรกิจประกันภัยในประเทศไทย ทั้งนี้ เพื่อกำหนดมาตรการในการป้องกันและแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นเพื่อไม่ให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนและเสียหายจากการตกเป็นเหยื่อในการกระทำของกลุ่มบุคคลหรือบริษัทต่างชาติที่ไม่มีใบอนุญาตประกอบธุรกิจประกันภัยในประเทศไทย

นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้รับทราบถึงแนวทางเพื่อขับเคลื่อนธุรกิจประกันภัยในมิติใหม่ ๆ คือ 1. มาตรการส่งเสริมทางการเงินของภาครัฐ “กองทุนรวมวายุภักษ์” เพื่อสนับสนุนการพัฒนาตลาดทุนของประเทศ 2. มาตรการส่งเสริมทางการเงินของภาครัฐ โครงการ lgnite Finance เพื่อยกระดับประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางการเงินระดับโลก โดยมีเป้าหมายที่มุ่งเน้นการปฏิรูปการกำกับดูแลการประกอบธุรกิจทางการเงิน กำหนดสิทธิประโยชน์รูปแบบใหม่ และเสริมสร้างระบบนิเวศน์ทางการเงินที่เอื้อต่อการประกอบธุรกิจและให้ประชาชนสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ในอัตราที่เหมาะสม 3. แนวทางการแก้ไขเกี่ยวกับการประกาศหรือโฆษณาการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยการประกันชีวิต/วินาศภัย 4. การดำเนินการเกี่ยวกับการกำกับบริษัทประกันภัยแบบรวมกลุ่ม (Group Wide Supervision) 5. การควบคุมคุณภาพในการเสนอขายผลิตภัณฑ์ประกันภัยของคนกลางประกันภัย 6. การบริหารจัดการความเสี่ยงด้านสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม (Climate Risk Management) และ7. การขับเคลื่อนการพัฒนาการให้บริการแลกเปลี่ยนข้อมูลสำหรับภาคการเงิน (Open Data for Consumer Empowerment)

การประชุมผู้บริหารระดับสูงด้านการประกันภัย OIC Meets CEO 2024 ครั้งที่ 2 ในปีนี้ สำเร็จลุล่วง และได้รับความร่วมมือจากภาคธุรกิจประกันภัยเป็นอย่างดี ถือเป็นเวทีระดมความคิดเห็นและความร่วมมือระหว่างสำนักงาน คปภ. กับ ภาคธุรกิจประกันภัย เพื่อร่วมกันกำหนดทิศทางในการขับเคลื่อนและพัฒนาอุตสาหกรรมประกันภัยไทยอย่างเป็นรูปธรรม อันจะส่งผลต่อความเชื่อมั่นของประชาชนและการเติบโตอย่างยั่งยืนของระบบประกันภัยไทย

วีเอ็นยู เอเชีย แปซิฟิค ผู้จัดงานแสดงสินค้าในอุตสาหกรรมเครื่องมือห้องปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์ มากกว่า 13 ปี พร้อมเปิดตัวงานใหม่ล่าสุดที่สำหรับอุตสาหกรรมเทคโนโลยีเพื่อสุขภาพ ภายใต้ชื่องาน Health & Innovation Asia 2024 (เฮลท์ แอนด์ อินโนเวชั่น เอเชีย) จัดร่วมกันกับงาน Thailand LAB INTERNATIONAL 2024 ตั้งแต่วันที่ 11-13 กันยายน 2567 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุม ไบเทค กรุงเทพฯ ถือเป็นแพลตฟอร์มชั้นนำเพื่อการเจรจาธุรกิจอย่างเต็มรูปแบบ พร้อมเจาะลึกอุตสาหกรรมด้านเทคโนโลยีเพื่อสุขภาพผสมผสานกับโซลูชั่นและเทคโนโลยี ICT เพื่อส่งเสริมการปฏิวัติ Digital Health Tech ของประเทศไทย Health & Innovation Asia 2024 จัดพร้อมกับ Food For Health Pavilion พร้อมแล้วที่จะเปลี่ยนกรุงเทพฯ ให้กลายเป็นศูนย์กลางของนวัตกรรม ที่บรรจบกันของสุขภาพและเทคโนโลยีซึ่งจะปฏิวัติอนาคตการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม

ส่งเสริมศักยภาพการดูแลสุขภาพผ่านเทคโนโลยี

งาน Health and Innovation Asia 2024 มีเป้าหมายที่จะเป็นผู้นำนวัตกรรมด้านการดูแลสุขภาพยุคใหม่ในกรุงเทพฯ เพื่อรองรับผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพที่หลากหลายที่ต้องการสำรวจศักยภาพของเทคโนโลยีในการกำหนดอนาคตของการดูแลสุขภาพ โดยงานนี้ได้รับความร่วมมือจากงาน Zorg & ICT ซึ่งมีชื่อเสียงว่าเป็นงานเทคโนโลยีด้านสุขภาพที่ใหญ่ที่สุดในเนเธอร์แลนด์ และเป็นส่วนหนึ่งของ Dutch Health Week จัดโดย Royal Jaarbeurs ซึ่งเป็นบริษัทที่ถือหุ้นระดับนานาชาติของ วีเอ็นยู เอเชีย แปซิฟิค

งาน Health and Innovation Asia จะจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี เพื่อดึงดูดผู้เชี่ยวชาญในวงการหลายพันคนจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับการดูแลสุขภาพ ส่งเสริมสภาพแวดล้อมของการแลกเปลี่ยนข้อมูลและสร้างแรงบันดาลใจที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะและโซลูชั่นซึ่งมีส่วนสนับสนุนในการดูแลสุขภาพที่ยั่งยืนและรองรับอนาคตทั่วทั้งภูมิภาคเอเชีย ภายในงานสามารถพบกับผู้ประกอบการจากหลายแบรนด์ อาทิเช่น AMATA Corporation, MIC Lab, Interpharma, Hubino LLC, Ozone Network Integration, Connell Caldic Thailand และ ISA Healthcare Solutions ทั้งนี้ยังมีหัวข้อสัมมนาที่น่าสนใจจัดขึ้นภายในงานตลอด 3 วัน โดยได้รับความร่วมมือจากหลายหน่วยงานเช่น  ศูนย์การศึกษาต่อเนื่องของแพทย์ (ศ.น.พ.) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) วิทยาลัยแพทยศาสตร์พระมงกุฎเกล้า เป็นต้น

การปฏิวัติดิจิทัลและความพร้อมของประเทศไทย

คุณปนัดดา ก๋งม้า รองประธานสายงานธุรกิจ วีเอ็นยู เอเชีย แปซิฟิค กล่าวว่า "การเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลของประเทศไทยกำลังเร่งตัวขึ้นผ่านโมเดลเศรษฐกิจไทยแลนด์ 4.0 โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อสร้างเศรษฐกิจดิจิทัล โดยให้ความสำคัญกับความเจริญรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจ ความเป็นอยู่ที่ดีของสังคม ค่านิยมของมนุษย์ และการปกป้องสิ่งแวดล้อม การลงทุนด้านเทคโนโลยีครั้งใหญ่ได้นำไปสู่ความก้าวหน้าที่สำคัญในการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนและบรอดแบนด์ ซึ่งข้อมูลดิจิทัลสามารถเปลี่ยนคุณภาพและความยั่งยืนของสุขภาพและการดูแลสุขภาพได้ หากใช้อย่างเต็มประสิทธิภาพจะสามารถช่วยชีวิต ปรับปรุงสุขภาพ และความเป็นอยู่ที่ดี รวมไปถึงสนับสนุนระบบสุขภาพที่ยั่งยืนซึ่งให้บริการด้านสุขภาพที่ปลอดภัย คุณภาพสูง และมีประสิทธิภาพแก่ประชากรทั้งหมดในประเทศไทยและเอเชีย เราเห็นศักยภาพและโอกาสอันยิ่งใหญ่ในการนำงานนี้มาสู่กรุงเทพฯ และนั่นคือเหตุผลว่าทำไมเราจึงรู้สึกปลื้มปิติที่จะประกาศการจัดงาน Health and Innovation Asia และ Food For Health ขึ้นในประเทศไทยปีหน้านี้"

เติมเต็มนวัตกรรมความรู้ด้านอาหารเพื่อสุขภาพ

“อุตสาหกรรมอาหารเพื่อสุขภาพมีบทบาทสำคัญในการแก้ไขปัญหาสุขภาพในปัจจุบัน ส่งเสริมแนวทางปฏิบัติที่ยั่งยืน และตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นของผู้บริโภคสำหรับทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพ ตลาดที่ขยายตัวอย่างรวดเร็วนี้คาดว่าจะเติบโตจาก 988.46 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2024 เป็น 1,405.69 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2032 โดยมีอัตราการเติบโตต่อปีแบบทบต้น (CAGR) ที่ 4.50% ปัจจัยสำคัญที่ส่งเสริมการเติบโตนี้ในเอเชียได้แก่ การตระหนักรู้ด้านสุขภาพที่เพิ่มขึ้น รายได้ที่เพิ่มขึ้น และการแพร่ระบาดของโรคเรื้อรังที่สูงขึ้น ภายในพาวิลเลียน Food For Health ท่านจะได้พบกับแบรนด์ชั้นนำ เช่น Agapefarm, Fuji Kasei, HUMA Healthy, TofuSan และ TASTEBUD LAB เพื่อนำเสนอความก้าวหน้าล่าสุดในเทคโนโลยีด้านสุขภาพและอาหาร สมาคมที่เกี่ยวข้องนำเสนองานสัมมนาที่หลากหลาย ดึงดูดผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมอาหาร ผู้รักสุขภาพ ผู้ค้าปลีกและซูเปอร์มาร์เก็ต นักโภชนาการและนักกำหนดนโยบาย ภายในงานนี้” นางสาวชนันรัตน์ คงเกิด ผู้จัดการโครงการ กล่าว

สุขภาพและนวัตกรรมแห่งเอเชีย ผนวกรวมกับงาน Thailand LAB INTERNATIONAL

คุณอนุชา พันธุ์พิเชฐ ผู้จัดการโครงการอาวุโส Health and Innovation Asia 2024 ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า "งาน Health and Innovation Asia ร่วมกับ Thailand LAB INTERNATIONAL แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของเราในการส่งเสริมนวัตกรรมและขับเคลื่อนความก้าวหน้าในแวดวงการดูแลสุขภาพ ด้วยการรวมกันของเทคโนโลยีด้านสุขภาพที่ล้ำสมัยเข้ากับโซลูชั่นห้องปฏิบัติการขั้นสูง เรากำลังสร้างแพลตฟอร์มแบบไดนามิกที่ก้าวข้ามขอบเขตและมอบคุณค่าที่ไม่มีใครเทียบได้ให้กับผู้เข้าร่วมงานของเรา การทำงานร่วมกันนี้จะช่วยให้ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพสามารถสำรวจนวัตกรรมแบบองค์รวม ตั้งแต่ความก้าวหน้าในการวินิจฉัยไปจนถึงโซลูชันไอทีที่ล้ำสมัย ทั้งหมดนี้อยู่ภายใต้งานเดียวกัน"

ปลดล็อกโอกาสในการเข้าร่วม

งาน Health and Innovation Asia 2024 และ Food For Health Pavilion ขอเชิญชวนผู้ที่สนใจและบุคคลที่รักสุขภาพเข้าร่วมงานระหว่างวันที่ 11-13 กันยายน 2567 ณ ฮอลล์ 102-104 ไบเทค กรุงเทพฯ ตั้งแต่เวลา 10:00-17:00 น. ลงทะเบียนรับบัตรเข้างานฟรี พร้อมลุ้นรับรางวัลพิเศษมากมายได้ที่ https://eventpassinsight.co/el/to/THLAB0093 หรือเว็บไซต์หลัก https://health-innovation-asia.com สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทาง 02-1116611 (วีเอ็นยูฯ) หรืออีเมล This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it. ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในก้าวสำคัญสู่การกำหนดอนาคตของการดูแลสุขภาพด้วยเทคโนโลยีที่นี่!

สถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย (องค์การมหาชน) หรือ สศท.  จัดกิจกรรม SACIT Craft Power 2025 :  Symposium โดยเชิญผู้เชี่ยวชาญทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติ ซึ่งอยู่ในวงการศิลปหัตถกรรม และการออกแบบระดับโลก  เพื่อถ่ายทอดทิศทางหรือแนวโน้มงานศิลปหัตถกรรมไทยและองค์ความรู้เกี่ยวกับงานศิลปหัตถกรรม และการพัฒนางานคราฟต์เชิงพาณิชย์ ร่วมผลักดันงานคราฟต์ของไทยให้ก้าวไกลไปสู่ตลาดโลก

นางพรรณวิลาส แพพ่วง รักษาการแทนผู้อำนวยการ สถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย (องค์การมหาชน) หรือ สศท. เปิดเผยว่า การกำหนดทิศทางหรือแนวโน้มงานศิลปหัตถกรรมไทยให้ชัดเจน ถือเป็นหัวใจสำคัญในการพัฒนาอย่างครอบคลุมตั้งแต่ต้นน้ำไปจนถึงปลายน้ำ ดังนั้น สศท. จึงได้จัดกิจกรรม SACIT Craft Power 2025 :  Symposium  ซึ่งในครั้งนี้ ได้เชิญผู้เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ ทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติ จากหลากหลายวงการ มาร่วมถ่ายทอดความรู้ แลกเปลี่ยนแนวคิด และมุมมอง เกี่ยวกับงานศิลปหัตถกรรม และการพัฒนางานคราฟต์เชิงพาณิชย์ กลยุทธ์ทางการตลาดทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงเทรนด์วิถีชีวิตของคนปัจจุบัน

โดย Speaker มาร่วมให้ความรู้ใน 3 หัวข้อหลัก ซึ่งล้วนเป็นหัวข้อที่น่าสนใจและเป็นประโยชน์ เพื่อให้ผู้ร่วมงานได้เข้าใจถึง SACIT Craft Power 2025  อย่างชัดเจนได้แก่

1. “ศิลปหัตถกรรมไทย สู่สากล” จากรากเหง้าสู่สากล พัฒนางานศิลปหัตถกรรมสู่เวทีระดับโลก Speaker โดย คุณศรัณญ อยู่คงดี ผู้ก่อตั้ง ‘SARRAN’ แบรนด์เครื่องประดับที่นำเสน่ห์หญิงไทยโบราณได้อย่างเฉียบคม รวมทั้งยังได้รับรางวัลนักออกแบบแห่งปี สาขา Jewelry Design ปี 2021 และรางวัล Craft Design Award จาก World Crafts Council แห่ง UNESCO และ Mr. Jean Charles Chappuis ที่ปรึกษาประธานกรรมการบริษัท Currey & Company ผู้นำเข้างานศิลปะ และของแต่งบ้านจากเอเชียสู่ตลาดยุโรป

2. “ถอดรหัสศิลปหัตถกรรม สู่งานศิลปะร่วมสมัย” การค้นหาอัตลักษณ์แห่งชนชาติ ต่อยอดสู่ศิลปหัตถกรรมร่วมสมัย Speaker โดย คุณนักรบ มูลมานัส ซึ่งเป็นศิลปิน นักสร้างสรรค์ด้านภาพ ที่ทำงานโดยใช้สื่อตัดแปะเป็นหลัก โดยการนำชิ้นส่วนประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมภาพในท้องถิ่น และความแปลกใหม่มาวางเคียงกัน เป็นการผสมผสานกับสุนทรียศาสตร์ร่วมสมัย ซึ่งได้รับรางวัลจาก Cité Internationale des Arts ในปารีส และเป็นหนึ่งในศิลปินของ Bangkok Art Biennale และ Mr. Haoyang Sun ทูตศิลปะและการออกแบบระดับนานาชาติ, ภัณฑารักษ์โครงการเครื่องประดับระดับนานาชาติ

3. “โลกตื่นตัวเรื่อง Sustainability ไทยตื่นตัวเรื่อง Soft Power” ซึ่งจะเป็นการขับเคลื่อนศิลปหัตถกรรมด้วยพลังแห่งความยั่งยืน Speaker โดย รศ.ดร. สิงห์ อินทรชูโต อาจารย์ทางด้านนวัตกรรมอาคาร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และผู้อำนวยการศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบด้านสิ่งแวดล้อม (Eco-Design) และ Mr. Martin Venzky-Stalling ที่ปรึกษาอาวุโส อุทยานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และเป็นผู้เปิดช่องทางการสั่งซื้องานหัตถกรรมภาคเหนืออย่าง salah made ช่วยก่อตั้งรางวัล CDA (Creative Design Awards) สำหรับงานดีไซน์ภาคเหนือ

ซึ่งเป้าหมายในครั้งนี้ สถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย (องค์การมหาชน) หรือ สศท. ตระหนักถึงกลไกแห่งการขับเคลื่อนศิลปหัตถกรรมไทยให้เกิดความยั่งยืน สนับสนุนกลยุทธ์และระบบการบริหารจัดการที่สร้างสรรค์ อันประกอบด้วย กลไกการค้นหา กลไกการรักษา และกลไกการพัฒนา เพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันทางธุรกิจ ตอบรับกระแสตลาดไทยและตลาดโลก ต่อยอดองค์ความรู้ในมุมใหม่ๆของวงการหัตถศิลป์ไทย ผลักดันงานศิลปหัตถกรรมให้เป็นกลไกสําคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคม อย่างสร้างสรรค์และยั่งยืน

ผู้สนใจงานในด้านศิลปหัตถกรรมไทย และแนวโน้มงานหัตถกรรมโลก ติดตามข้อมูลได้ผ่านทางหนังสือ SACIT Craft Power Book 2025 ในรูปแบบ E-book ได้ที่ https://www.sacit.or.th/th/detail/2024-06-20-16-40-45 หรือติดต่อขอรับหนังสือได้ที่ ฝ่ายพัฒนาผลิตภัณฑ์ศิลปหัตถกรรม สำนักวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ศิลปหัตถกรรม สถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย (องค์การมหาชน) หรือ สศท. โทร. 0-3536-7054-9 ต่อ 1712

นายบัณฑิต เจียมอนุกูลกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร พรูเด็นเชียล ประเทศไทย ร่วมแสดงความยินดีกับผู้บริหารของบริษัทฯ ที่สามารถคว้า 3 รางวัลใหญ่จากเวที HR Excellence Awards 2024 กับรางวัล Gold Award ประเภท Employer of the Year ซึ่งเป็นผู้นำในธุรกิจประกันชีวิตที่คว้ารางวัลจากสาขานี้ และอีก 2 รางวัล Bronze Awards จากสาขากลยุทธ์ความรับผิดชอบต่อสังคม (CSR Strategy) และการประยุกต์ใช้ดิจิทัลเพื่อการพัฒนาองค์กร (Digital Transformation) ตอกย้ำถึงความเป็นเลิศ และความมุ่งมั่นของพรูเด็นเชียลฯ ด้านการบริหารทรัพยากรบุคคล และสนับสนุนสุขภาวะที่ดีของพนักงานรวมถึงสร้างวัฒนธรรมที่ส่งเสริมให้พนักงานมุ่งสู่ความเป็นเลิศ ตลอดจนการเป็นผู้นำองค์กรที่ส่งเสริมการดำเนินธุรกิจอย่างมีส่วนร่วมต่อสังคม สู่การพัฒนาที่ยั่งยืน ตามเจตนารมณ์ “ชีวิตมีกัน ทุกวันดีกว่า”

 

X

Right Click

No right click