

ห้างเซ็นทรัล ในเครือเซ็นทรัล รีเทล ตอกย้ำผู้นำค้าปลีกในรูปแบบ Omni – Channel ที่ผสานทุกช่องทางการช้อปปิ้ง ทั้งห้างเซ็นทรัล 28 สาขาทั่วประเทศ, Central App, TikTok Shop Central Department Store และโซเชียลคอมเมิร์ซ ตอบรับทุกไลฟ์สไตล์การช้อปลูกค้าที่มีความชื่นชอบแตกต่างกัน โดยล่าสุด! เดินหน้ากวาดนักช้อปศึกวันเลขคู่ จัดแคมเปญ “Central 9.9 Sale 2024” ดีเดย์วันที่ 30 ส.ค.67 - 12 ก.ย.67 ในคอนเซ็ปต์ “ช้อปพีคทุกวัน โปรปังทุกช่องทาง” ชู 3 จุดแข็งสุดพีค ได้แก่

นางสาวรวิศรา จิราธิวัฒน์ ประธานบริหารฝ่ายการตลาด บริษัท สรรพสินค้าเซ็นทรัล จำกัด ในเครือเซ็นทรัล รีเทล เปิดเผยว่า “ช่วง 4 เดือนสุดท้ายของปีเป็นช่วงไฮซีซั่นการทำตลาดของธุรกิจค้าปลีกเพื่อช่วงชิงกำลังซื้อจากลูกค้า เพราะมีทั้งเทศกาลและอีเว้นต์ต่างๆ มากมาย ซึ่งหนึ่งในกิจกรรมโปรโมชั่นที่ได้รับ ความนิยมอย่างมากจากนักช้อปไทย คือการช้อปปิ้งในช่วง 9.9 ซึ่งปีนี้ ห้างเซ็นทรัล และ Central App ได้จัดต่อเนื่องจนถึง 12.12 เริ่มต้นด้วย Central 9.9 Sale 2024 ‘ช้อปพีคทุกวัน โปรปังทุกช่องทาง’ หรือ Peak Deals Every Day มอบข้อเสนอพิเศษแจกโค้ดส่วนลดและเอ็กซ์คลูซีฟโปรโมชั่นที่หาที่ไหนไม่ได้ เพราะเป็นแบรนด์ที่มีเฉพาะห้างเซ็นทรัล อย่าง Augustinus Bader และ Officine Universelle Buly หรือบน Central App เท่านั้น เช่น Vivienne Westwood, Samo Ondoh, Mardi Mercredi, Sanrio, Muji ซึ่งยังเจาะกลุ่มเข้าถึงลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ ผ่าน KOL, KOC และอินฟูลเอ็นเซอร์ มาร่วมทำคอนเท้นต์สนุกๆ สร้างสีสันให้การช้อปปิ้งสนุกมากยิ่งขึ้น”
“จุดเด่นสำคัญที่เราต่างจากที่อื่นๆ คือ เราเป็นห้างสรรพสินค้าในรูปแบบออมนิชาแนล รีเทลเลอร์ที่มีสาขาทั่วประเทศ และมีช่องทางให้ลูกค้าเลือกช้อปครบครัน ทั้ง Central App โซเชียลคอมเมิร์ซ รวมถึง TikTok Shop ที่ตอนนี้กำลังโตขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เราสามารถสื่อสารกับลูกค้าได้หลากหลายกลุ่ม และได้รับการตอบรับจากแบรนด์ชั้นนำมากมายร่วมทำดีลในเชิงกลยุทธ์เพื่อให้ลูกค้าได้รับความคุ้มค่าและประสบการณ์การช้อปที่ดีที่สุด ทำให้มั่นใจได้เลยว่า โปรโมชั่นที่ลูกค้าได้รับจะมาพร้อมคุณภาพสินค้าที่การันตีแบรนด์แท้ 100% ไม่ต้องกังวลในการช้อปออนไลน์กับเรา ซึ่ง Central 9.9 Sale 2024 นี้ เราคาดว่าแคมเปญนี้ จะมียอดจับจ่ายเติบโตขึ้นมากกว่า 40% เมื่อเทียบกับปีก่อน” รวิศรา กล่าว

สำหรับ แคมเปญ Central 9.9 Sale 2024 ช้อปพีคทุกวัน โปรปังทุกช่องทาง ที่จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 30 ส.ค.67 – 12 ก.ย. 67 มีสินค้าแบรนด์ชั้นนำที่เข้าร่วม อาทิ แบรนด์ DIOR, CLARINS, BOBBI BROWN, HOURGLASS, PAUL SMITH, GIORGIO ARMANI, MARDI MERCREDI, SAMO ONDOH, NIKE, DIESEL, PANDORA, MARKS & SPENCER, PASAYA, GARMIN, SMIGGLE, AMERICAN TOURISTER, DELONGHI, DYSON พร้อมโปรสุดพีคมากมาย อาทิ

เตรียมช้อปสุดพีคใน Central 9.9 Sale 2024 ที่ห้างเซ็นทรัล, Central App และทุกช่องทางช้อปของห้างฯ พร้อมร่วมทำคอนเท้นต์ร่วมกับห้างเซ็นทรัลและอินฟลูเอนเซอร์มากมาย แล้วติดแฮชแทกสนุกๆที่ #Central99Sale2024 #CentralDepartmentStore #CentralApp #PeakDealsEveryDay #ช้อปพีคทุกวันโปรปังทุกช่องทาง
มร. ซีล เจียง (Mr. Zeal Jiang) ประธานบริษัทโตชิบา ไลฟ์สไตล์ ประจำภูมิภาค เอเชียแปซิฟิก กล่าว “กลยุทธ์หลักของโตชิบาในปีนี้ ตั้งใจรุกตลาดระดับกลางถึงบน ซึ่งเป็นตลาดที่กำลังเติบโตในแถบภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (APAC) พร้อมตั้งเป้าเป็นที่หนึ่งของแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าสัญชาติญี่ปุ่นในภูมิภาคนี้ บริษัทจัดงานแถลงข่าวและงานประชุมผู้แทนจำหน่ายจากทั่วทุกภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกขึ้น ภายใต้คอนเซปต์ ‘Beyond Details, Innovate Tomorrow’ เพื่อสื่อถึงแนวคิด Japandi และ Master of Flow ที่อยู่เบื้องหลังการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ใหม่ มากถึง 98 รายการ ซึ่งเตรียมจะวางจำหน่ายในตลาดภายในอีก 12 เดือนข้างหน้า นอกจากนี้ ยังได้เปิดตัว‘ทาคาชิ โซริมาจิ’ นักแสดงและนักร้องชื่อดังชาวญี่ปุ่นในฐานะแบรนด์แอมบาสเดอร์ประจำภูมิภาคของโตชิบา ที่จะมาช่วยสร้างภาพลักษณ์และความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น”
“ที่โตชิบา เราพร้อมเสมอที่จะมอบโซลูชันอันทันสมัยให้กับผู้บริโภค นับตั้งแต่ปี 1875 เราได้สร้างชื่อเสียงจากการเป็นแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านที่เป็นที่นิยม และมุ่งหวังที่จะเติบโตขึ้นจากจุดนี้ เราตั้งมั่นที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่ออำนวยความสะดวก และตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภค ในอนาคตเราจะขยายการลงทุนเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งในด้านการวิจัยและพัฒนา บริการด้านการขายปลีก การตลาดดิจิทัล และการมีส่วนร่วมกับผู้บริโภค นอกจากนี้ เรายังจะทำงานอย่างใกล้ชิดกับพันธมิตรและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับธุรกิจของเรา เพื่อเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงตลาดให้กว้างยิ่งขึ้น และสามารถบรรลุเป้าหมายการเป็นแบรนด์ญี่ปุ่นอันดับหนึ่งของเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก”
Japandi และ Master of Flow สองแนวคิดเอกลักษณ์ สองโซลูชั่นนวัตกรรม สำหรับธีมงานวันนี้ ได้แก่ ‘Beyond Details, Innovate Tomorrow’ มีที่มาจากประวัติศาสตร์กว่า 149 ปีแห่งการประดิษฐ์และพัฒนาของโตชิบาในญี่ปุ่น หล่อหลอมขึ้นจากจิตวิญญาณแห่งการเป็นช่างฝีมือบนแผ่นดินที่มีชื่อเสียงด้านความพิถีพิถันในทุกรายละเอียด และความทุ่มเทเพื่อบรรลุถึงความสมบูรณ์แบบ โตชิบาให้ความสำคัญกับรายละเอียดทุกด้าน ตั้งแต่ขั้นตอนการออกแบบผลิตภัณฑ์ไปจนถึงการพัฒนา รวมกับความเชี่ยวชาญในการประดิษฐ์คิดค้นและความปรารถนาที่จะสร้างโลกที่ดีกว่า เหล่านี้ได้สะท้อนอยู่ในทุกโซลูชันของผลิตภัณฑ์
ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์สร้างการเติบโตในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และการยึดมั่นในจุดยืนที่จะสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่อยู่เสมอ โตชิบาได้ประกาศใช้ Master of Flow แนวคิดสำหรับนวัตกรรมด้านเทคโนโลยีที่เกี่ยวกับน้ำ และ Japandi สำหรับกลุ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ที่เน้นการออกแบบนวัตกรรม ให้ตรงกับความต้องการของผู้บริโภค แก้ปัญหาต่างๆ และยกระดับคุณภาพชีวิต ทั้งยังเป็นโซลูชันที่ใช้ภายในบ้านที่มีคุณภาพสูง ในราคาจับต้องได้

จิตวิญญาณแห่งทาคุมิ (Takumi Spirit) 1 ถูกหลอมรวมอยู่ใน Master of Flow ซึ่งเป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับน้ำสำหรับบ้านทั้งหลังของโตชิบา โดยมีเป้าหมายเพื่อยกระดับชีวิตประจำวันด้วยการปรับปรุงคุณภาพน้ำในบ้านทั้งสำหรับการดื่ม การปรุงอาหาร และการใช้ชีวิต ด้วยเทคโนโลยีและผลิตภัณฑ์น้ำชั้นนำของโตชิบา ซึ่งจะช่วยให้ผู้บริโภคมีไลฟ์สไตล์ที่ดีต่อสุขภาพ ง่ายต่อการทำงานบ้าน ทั้งยังมั่นใจในความทนทานระยะยาวของเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านที่เกี่ยวกับน้ำ ผู้บริโภคจะมีมาตรฐานชีวิตแบบใหม่ที่มีทั้งความสะดวกสบายและประสิทธิภาพ แนวคิดนี้จะให้ความสำคัญกับการพัฒนาใน 4 ด้าน ได้แก่
- คำนึงถึงสุขภาพ: มั่นใจในคุณภาพน้ำที่มีประสิทธิภาพ ทั้งเพื่อการดื่ม การนำไปใช้เพื่อประกอบอาหาร การใช้ในชีวิตประจำวัน รวมถึงการดูแลต้นไม้และสัตว์เลี้ยง Master of Flow ช่วยสร้างคุณภาพชีวิต และความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
- สะดวกในทุกพื้นที่: เหมาะกับการใช้งานในทุกส่วนของบ้าน ตั้งแต่ห้องครัว ห้องน้ำไปจนถึงห้องนั่งเล่นและสวน ซึ่งสะท้อนถึงปรัชญาการออกแบบที่ครอบคลุมและยืดหยุ่น
- ใช้งานง่าย: คุณภาพน้ำที่ดีขึ้นทำให้งานบ้านต่างๆ ง่ายขึ้น เช่น ล้างจาน ซักผ้า และรักษาความสะอาดโดยรวมของบ้าน จึงช่วยเพิ่มความสะดวกและประสิทธิภาพในการทำงานบ้าน
- ทนทาน มีประสิทธิภาพ: ด้วยคุณภาพน้ำที่ดี จะช่วยลดการเกิดคราบหินปูนและการอุดตันกับอุปกรณ์น้ำและท่อ ทำให้ใช้งานได้ยาวนานขึ้น ทั้งหมดนี้ จึงตอกย้ำถึงความยั่งยืนและนวัตกรรมในการออกแบบ

โตชิบา กับแนวคิด Master of Flow ได้ออกแบบผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับน้ำ 3 กลุ่มหลัก คือ
1. ระบบการกรองน้ำสำหรับบ้านทั้งหลัง ณ จุดน้ำเข้า (Point-of-Entry Whole House Water Treatment) เป็นระบบที่รวมถึงตัวกรองก่อนเข้าบ้าน (Pre-Filter) เครื่องกรองน้ำสำหรับบ้านทั้งหลัง (Whole House Water Purifier) และเครื่องปรับคุณภาพน้ำ สำหรับบ้านทั้งหลัง (Whole House Water Softener)
2. ระบบการกรองน้ำภายในบ้าน ซึ่งรวมถึงเครื่องกรองน้ำประเภทวางใต้ซิงค์ เครื่องกรองน้ำประเภทวางบนเคาน์เตอร์ เครื่องกรองน้ำแบบตั้งพื้น และเครื่องกรองแบบตู้กดน้ำ
3. ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับน้ำกลุ่มอื่นๆ ซึ่งรวมถึงเครื่องทำน้ำอุ่น เครื่องซักผ้า เครื่องล้างจาน ตู้เย็น หม้อหุงข้าว และไมโครเวฟ
Japandi คือการผสมผสานระหว่างความงามของสีขาวของภูเขาฟูจิในญี่ปุ่นและความงามแบบสแกนดิเนเวีย ซึ่งสะท้อนปรัชญาของ “Beyond Details, Innovate Tomorrow” ได้อย่างสมบูรณ์แบบ โดยเน้นที่ความเรียบง่าย ใช้งานได้จริง และกลมกลืนทางสุนทรียภาพ ซึ่งเป็นรากฐานของนวัตกรรมในอนาคตทางด้านการออกแบบภายใน Japandi จึงเป็นแนวคิดที่คำนึงถึงคุณภาพพร้อมกับความทนทาน ความสะดวกสบาย และความเป็นอยู่ที่ดีของผู้บริโภคซึ่งเป็นหัวใจสำคัญ โดยได้พัฒนาขึ้นสำหรับตู้เย็น เครื่องซักผ้า และไมโครเวฟ

ตู้เย็นภายใต้ซีรีย์ Japandi จะมี 2 รุ่น ประกอบไปด้วยตู้เย็น 4 ประตู แบบมัลติดอร์ รุ่น GR-RF695WIA-PGTH(67) ความจุ 18.9 คิว และตู้เย็น 4 ประตู แบบเฟรนช์ดอร์ รุ่น GR-RF690WI-PGTH(67) ความจุ 18.8 คิว ซึ่งทั้ง 2 รุ่น ได้รับรางวัลการันตีจากทั้ง Good Design และ IF ตัวเครื่องถูกออกแบบมาให้ฟิตเข้าได้กับบิ้วอินแบบแนบสนิท ไม่ต้องเหลือพื้นที่ด้านข้างหรือด้านหลังตู้ เพื่อระบายความร้อนแบบตู้เย็นทั่วไป โดยระบายความร้อนที่ด้านล่างตัวเครื่องแทน นอกจากนี้หน้าบานตู้เย็นเป็นแบบกระจก เพิ่มความหรูหรา และเคลือบสารถึง 10 ชั้น แข็งแรงทนทาน ลดรอยขีดข่วน ทำความสะอาดง่าย และสีไม่เหลือง แม้จะใช้งานไปยาวนาน ตู้เย็นเป็นระบบอินเวอร์เตอร์ ประหยัดไฟ โดดเด่นยิ่งขึ้นด้วยระบบทำน้ำแข็งขนาดใหญ่ถึง 1.45 กิโลกรัม สามารถทำน้ำแข็งอัตโนมัติได้รวดเร็ว โดยทำน้ำแข็งได้ภายใน 60 นาที เร็วกว่าตู้เย็นทั่วไปถึง 2 เท่า นอกจากนี้ยังมีระบบช่องแช่แข็งพิเศษ (Deep Freeze) สามารถปรับอุณหภูมิความเย็นได้ต่ำสุดถึง -30 องศา ซึ่งเป็นอุณหภูมิเดียวกับที่ร้านอาหารใหญ่ ๆ ใช้แช่อาหาร ทำให้เกล็ดน้ำแข็งจะมีความละเอียดกว่า ไม่ทำลายวัตถุดิบที่จะนำไปประกอบอาหาร อีกฟังก์ชันที่โดดเด่นคือระบบกำจัดกลิ่น Pure Air ซึ่งเป็นเป็นเทคโนโลยีลิขสิทธิ์เฉพาะของโตชิบา ที่จะปล่อยประจุออกมาทั้งในช่องแช่แข็งและช่องแช่เย็น เพื่อดูดซับกลิ่น ช่วยยับยั้งแบคทีเรียได้ เป็นเทคโนโลยีใหม่ที่มาทดแทนระบบกรอง Filter แบบเดิม ๆ ซึ่งควรเปลี่ยนแผ่นกรองทุก 6 เดือน ถึง 1 ปี แต่ในตู้เย็น ส่วนใหญ่ไม่มีใครเปลี่ยน และไฮไลท์สำคัญคือ สามารถควบคุมการทำงานของตู้เย็นได้ง่าย ๆ ผ่านแอปพลิเคชัน TSmartLife ให้ชีวิตคุณสะดวกสบายยิ่งขึ้น

โตชิบาปฏิวัติการหุงข้าวด้วยหม้อหุงข้าวอัจฉริยะซีรีส์ใหม่ เพราะเราตระหนักถึงความสำคัญของข้าว ซึ่งเป็นอาหารหลักของชาวเอเชีย กว่า 69 ปีที่โตชิบาได้คิดค้นหม้อหุงข้าว และศึกษาถึงพฤติกรรมและความชอบของผู้บริโภคในหลาย ๆ ประเทศ เพื่อพัฒนาหม้อหุงข้าวให้มีประสิทธิภาพ เพื่อให้ทุกการหุง จะได้ข้าวที่นุ่มพอเหมาะกับข้าวแต่ละประเภท ข้าวเรียงเม็ดสวยงาม กลิ่นหอม อร่อย และคงคุณค่าทางโภชนาการ โดยเฉพาะระดับน้ำตาลในข้าว

โตชิบาเปิดตัว ‘ทาคาชิ โซริมาจิ’ นักแสดงและนักร้องชาวญี่ปุ่น แบรนด์แอมบาสเดอร์ประจำภูมิภาคโซริมาจิเป็นที่รู้จักในฐานะศิลปินที่ประสบความสำเร็จมากมาย และมีความมุ่งมั่นในการทำงานสูง ซึ่งสอดคล้องกับจิตวิญญาณแห่งทาคุมิ (Takumi Spirit) ของโตชิบา ที่หลอมรวมอยู่ในคุณค่าด้านความเป็นเลิศและการทุ่มเท นอกจากนี้ ยังสอดคล้องกับคุณสมบัติที่โดดเด่นในเรื่องความใส่ใจในรายละเอียดและการแสวงหาความสมบูรณ์แบบอย่างไม่หยุดยั้ง การแต่งตั้งโซริมาจิเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ครั้งนี้ เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์การตลาดโดยรวมของโตชิบาสำหรับตลาดภูมิภาคนี้ โดยมุ่งหวังที่จะเสริมสร้างการจดจำแบรนด์และสร้างความสัมพันธ์กับผู้บริโภครวมถึงการขยายความแข็งแกร่งในระดับภูมิภาค
ก้าวสู่ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ขึ้นด้วยความยั่งยืน แม้ว่าโตชิบาจะมีเป้าหมายในการก้าวขึ้นเป็นอันดับหนึ่งของแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าสัญชาติญี่ปุ่นในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก แต่โตชิบาก็ยังคงมุ่งมั่นในเรื่องการรักษาสิ่งแวดล้อม การตอบแทนสังคม และการบริหารจัดการที่ดีเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน อาทิ ภายใต้โครงการ Green Factory Initiative ที่โตชิบาใช้เฉพาะผลิตภัณฑ์ที่ประหยัดพลังงานและมีประสิทธิภาพสูง โดยมีโรงงาน 28 แห่งที่อยู่ในความดูแลของโตชิบาซึ่งได้รับการรับรอง National Green Factory #BeyondDetailsInnovateTomorrow
ทรู คอร์ปอเรชั่น ร่วมกับ กสทช. ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำท่วมวิกฤตในอำเภอศรีสำโรงและอำเภอสวรรคโลก จังหวัดสุโขทัย เพื่อตรวจสอบคุณภาพสัญญาณโทรศัพท์เคลื่อนที่ สร้างความเชื่อมั่นแก่ผู้ใช้บริการในพื้นที่ประสบอุทกภัย พร้อมทั้งนำถุงยังชีพ 500 ชุดมอบแก่ผู้ประสบภัยในชุมชนต่างๆ โดยมีนายจักรกฤษณ์ อุไรรัตน์ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านกิจการองค์กร บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ร่วมกับนายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รองเลขาธิการ กสทช. และรักษาการเลขาธิการ กสทช. พร้อมด้วยทีมงาน นำทีมลงพื้นที่ ทั้งนี้ ทรู คอร์ปอเรชั่น ได้วางแผนการช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมมาอย่างต่อเนื่อง พร้อมจัดตั้งทีมเฝ้าระวังต่อเนื่องพื้นที่จังหวัดภาคกลางและกรุงเทพฯ ที่อาจได้รับผลกระทบจากน้ำเหนือไหลบ่าและฝนตกหนัก

นายจักรกฤษณ์ อุไรรัตน์ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านกิจการองค์กร บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า "ทรู คอร์ปอเรชั่นขอส่งกำลังใจถึงผู้ประสบภัยน้ำท่วมทุกท่าน โดยล่าสุดทีมงานของเรานอกจากจะดูแลความพร้อมระบบสื่อสารให้ใช้งานได้ต่อเนื่องแล้ว ยังได้เร่งลงพื้นที่ช่วยเหลือ พร้อมนำถุงยังชีพ อาหารแห้ง น้ำดื่ม และยา มอบแก่ผู้ประสบภัยในจังหวัดสุโขทัยซึ่งกำลังเผชิญกับสถานการณ์น้ำเหนือทะลักเข้าท่วมพื้นที่ ทั้งนี้ เราได้ดำเนินการช่วยเหลือจังหวัดต่างๆ ทางภาคเหนือที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมมาอย่างต่อเนื่อง เช่น ร่วมมือกับหอการค้าจังหวัดน่าน และโรงพยาบาลน่านในการมอบเครื่องอุปโภคบริโภคที่จำเป็นแก่ผู้ประสบภัยในพื้นที่ นอกจากนี้ เรายังได้ร่วมมือกับ กสทช. ลงพื้นที่จังหวัดสุโขทัยตรวจสอบสัญญาณมือถือ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าทรูและดีแทคว่าจะสามารถใช้งานได้อย่างต่อเนื่องแม้ในสถานการณ์ฉุกเฉิน โดยเฉพาะในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากฝนตกหนักและน้ำเหนือที่ไหลผ่าน ซึ่งทำให้เกิดน้ำท่วมในหลายพื้นที่”

ทีมเน็ตเวิร์กของทรู คอร์ปอเรชั่น ได้ประจำการตามสถานีฐานต่างๆ ในจังหวัดที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมทางภาคเหนือ และพื้นที่เสี่ยงภัยจังหวัดอื่นๆ โดยทีมงานได้เข้าปฏิบัติการอย่างเร่งด่วนตามแผนฉุกเฉิน เพื่อให้ลูกค้าทรูและดีแทคสามารถใช้บริการได้อย่างต่อเนื่องในทุกสถานการณ์ นอกจากนี้ ทรูได้จัดตั้งทีมปฏิบัติการพิเศษประจำศูนย์ปฏิบัติการเครือข่ายอัจฉริยะ (BNIC) พร้อมระบบ AI คอยเฝ้าระวังและดูแลเครือข่ายตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมทั้งจัดเตรียมรถโมบายล์ชุมสายเคลื่อนที่เร็ว (COW) และยานพาหนะทั้งรถและเรือสำหรับเข้าพื้นที่น้ำท่วม ตลอดจนอุปกรณ์สำรองและอะไหล่สำหรับซ่อมแซมในกรณีฉุกเฉิน รวมถึงประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อให้ลูกค้ามั่นใจในการใช้บริการอย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ
ทรู คอร์ปอเรชั่น ยังได้มอบความช่วยเหลือแก่ลูกค้าในพื้นที่ประสบภัย ซึ่งรวมถึงการขยายระยะเวลาใช้งานสำหรับลูกค้าเติมเงิน การระงับการตัดสัญญาณ และการขยายเวลาชำระค่าบริการสำหรับลูกค้ารายเดือนของทรูมูฟ เอช ดีแทค ทรูออนไลน์ และทรูวิชั่นส์ เป็นเวลา 7 วัน สำหรับลูกค้าในพื้นที่ประสบภัยน้ำท่วมในจังหวัดต่างๆ (ลูกค้าจะได้รับ SMS ยืนยันสิทธิ์)
กลุ่มบีเจซี บิ๊กซี ตัวแทนโดย ผู้จัดการสาขา และพนักงาน บิ๊กซี สาขาน่าน บิ๊กซี สาขาเชียงราย 1 บิ๊กซี สาขาแพร่ และ บิ๊กซี สาขาสุโขทัย ร่วมใจอาสาเร่งลงพื้นที่ช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมต่อเนื่อง ส่งมอบถุงยังชีพ สิ่งของจำเป็น และน้ำดื่ม ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ภาคเหนือ เพื่อบรรเทาทุกข์ในสถานการณ์วิกฤต และขอส่งพลังและกำลังใจให้กับผู้ประสบอุทกภัยในภาคเหนือและทุกพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบในครั้งนี้ ขอให้ทุกคนปลอดภัยและผ่านพันวิกฤตนี้ไปโดยเร็ว

นายโทมัส วิลสัน (ซ้าย) กรรมการผู้อำนวยการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อลิอันซ์ อยุธยา แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) (AYUD) รับมอบประกาศนียบัตร ESG100 Company ในฐานะบริษัทที่มีการดำเนินงานโดดเด่นด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) ประจำปี 2567 จาก ดร.พิพัฒน์ ยอดพฤติการ (ขวา) ประธานสถาบันไทยพัฒน์ ณ สำนักงานใหญ่ บริษัท อลิอันซ์ อยุธยา อาคารเพลินจิตทาวเวอร์ ปทุมวัน กรุงเทพฯ
บริษัท อลิอันซ์ อยุธยา แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) (AYUD) บริษัทเพื่อการลงทุนในธุรกิจประกันชีวิต และธุรกิจประกันภัย โดยเป็นส่วนหนึ่งของธุรกิจในกลุ่มอลิอันซ์ ผู้ประกอบธุรกิจบริการทางการเงินชั้นนำจากประเทศเยอรมนี ได้รับคัดเลือกให้เป็นหนึ่งในบริษัทกลุ่มหลักทรัพย์ ESG100 ที่มีการดำเนินงานโดดเด่นด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (Environmental, Social and Governance: ESG) จากการประเมินหลักทรัพย์จดทะเบียน ในปี พ.ศ.2567 โดยสถาบันไทยพัฒน์
นายโทมัส วิลสัน กรรมการผู้อำนวยการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อลิอันซ์ อยุธยา แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า สถาบันไทยพัฒน์ประกาศให้ บริษัท อลิอันซ์ อยุธยา แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) (AYUD) ติดอันดับ ESG100 ประจำปี 2567 ด้วยการคัดเลือกจาก 920 หลักทรัพย์จดทะเบียน ให้เป็นบริษัทที่มีการดำเนินงานโดดเด่นด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) ในกลุ่มธุรกิจประกันภัยและประกันชีวิต (Insurance) และบริษัทได้เข้าอยู่ในทำเนียบ ESG100 เป็นปีที่ 3 ติดต่อกัน (พ.ศ.2565-2567)

กลุ่มบริษัทและบริษัทร่วม ยึดถือเรื่องความยั่งยืนเป็นหนึ่งในสิ่งสำคัญ ด้วยวิสัยทัศน์ “เราใส่ใจในวันพรุ่งนี้” (We Care for Tomorrow) โดยมุ่งเน้นการมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม เพื่อทำให้วิสัยทัศน์นี้เกิดขึ้นได้จริงและสร้างโลกที่น่าอยู่ขึ้น กลุ่มบริษัทและบริษัทร่วม จึงผลักดันนโยบาย ESG สู่การปฏิบัติจริง มุ่งมั่นดำเนินธุรกิจด้วยความโปร่งใส มุ่งเน้นการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ และเป็นธรรมกับผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่าย เพื่อเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ “วันพรุ่งนี้” ของทุกคนมั่นคงและยั่งยืน
ทั้งนี้ การจัดอันดับของสถาบันไทยพัฒน์ พิจารณาข้อมูลจากการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) และผลประกอบการของบริษัทควบคู่ไปพร้อมกัน
สำหรับสถาบันไทยพัฒน์ เป็นผู้ริเริ่มพัฒนาข้อมูลด้านความยั่งยืนของธุรกิจ ได้เปิดเผยรายชื่อหลักทรัพย์จดทะเบียนที่มีการดำเนินงานโดดเด่นด้าน ESG จำนวน 100 บริษัท หรือที่เรียกว่ากลุ่มหลักทรัพย์ ESG100 เป็นครั้งแรกในปี 2558 และได้มีการเก็บรวบรวมข้อมูลด้านความยั่งยืนของบริษัทจดทะเบียนและดำเนินการต่อเนื่องมาเป็นปีที่สิบในปีนี้
ขณะที่ การจัดอันดับบริษัทจดทะเบียนด้านการพัฒนาความยั่งยืนของธุรกิจนี้ ถือเป็นแหล่งข้อมูลด้านความยั่งยืนของบริษัทจดทะเบียน เพื่อรองรับความต้องการของผู้ลงทุนที่ให้น้ำหนักการลงทุนในบริษัทที่มีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมเป็นสำคัญ และเป็นทางเลือกให้ผู้ลงทุนที่ต้องการลงทุนในหลักทรัพย์จดทะเบียนที่มีคุณภาพและได้รับผลตอบแทนที่มิได้ด้อยไปกว่าการลงทุนในแบบทั่วไป