

เมื่อเร็วๆ นี้ ณ หอประชุม 0101 ชั้น 1 อาคารศูนย์บริหารทางพิเศษ การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) กระทรวงคมนาคม นายสุรเชษฐ์ เหล่าพูลสุข ผู้ว่าการ กทพ. เป็นประธานในพิธีเปิดตัว Application EXAT Portal และระบบสะสมแต้ม EXAT Reward พร้อมทั้งบรรยายเกี่ยวกับ Application EXAT Portal และระบบสะสมแต้ม EXAT Reward

นายสุรเชษฐ์ เหล่าพูลสุข ผู้ว่าการ กทพ. กล่าวว่า กทพ. ได้เปิดบริการ Application EXAT Portal ให้ผู้ใช้บริการทางพิเศษได้ดาวน์โหลด มาตั้งแต่ปี 2561 ซึ่งในปัจจุบันมียอดผู้ใชงาน Application มากกว่า 1,000,000 บัญชี และเพื่อยกระดับการให้บริการ อำนวยความสะดวกผู้ใช้บริการ Easy Pass ให้ได้รับประสบการณ์ใหม่ ที่ทำให้การใช้บริการทางพิเศษสะดวกยิ่งขึ้น กทพ. จึงพัฒนา Application EXAT Portal เวอร์ชั่นใหม่ ซึ่งให้ความสำคัญในการพัฒนา 3 ส่วน ประกอบด้วย
1) การออกแบบที่ให้เข้าถึงเมนูต่าง ๆ ได้อย่างสะดวก ใช้งานง่าย ทันสมัย แก้ปัญหาจากผู้ใช้บริการ
2) การเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ ๆ ให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ของลูกค้า Easy Pass มากยิ่งขึ้น
3) ระบบการขอความช่วยเหลือ SOS และระบบการแจ้งเตือนต่าง ๆ
นอกจากนี้ยังได้มีการปรับเปลี่ยนโลโก้ใหม่ ปรับเปลี่ยนหน้าตา User Interface มีจัดวางเมนูใหม่ ให้ใช้งานง่ายขึ้นมีทั้งหมด 5 เมนู ได้แก่

(1) เมนูบัตร Easy Pass เป็นหน้าแรก มีฟีเจอร์เมนูที่เกี่ยวข้องกับการใช้บัตร Easy Pass เช่น การตั้งค่าความเป็นส่วนตัว การแสดงยอดเงินคงเหลือ การแสดงหมายเลขบัตร Easy Pass เมนูการเติมเงินที่รองรับการเติมเงินทั้งบัตรเดบิต และบัตรเครดิตได้ทุกธนาคาร รวมถึงการเติมเงินแบบรายครั้ง (On Demand) หรือการเติมเงินแบบอัตโนมัติ (Auto Top Up) เมนูการแสดงประวัติการใช้งาน และการเติมเงิน

(2) เมนูขอความช่วยเหลือฉุกเฉิน SOS ปรับเปลี่ยนหน้าตา User Interface ให้ใช้ง่ายขึ้น สามารถเลือกสาเหตุฉุกเฉิน และใส่เบอร์โทรเพื่อให้เจ้าหน้าที่ติดต่อกลับ หรือกดโทร EXAT Call Center 1543 ได้ทันที
(3) เมนูข่าวสาร ที่รวมข่าวสาร กิจกรรมและโปรโมชั่นต่าง ๆ ของ กทพ.
(4) เมนูบริการด้านต่าง ๆ เช่น EXAT E-Service รายงานภาพการจราจร สมัคร Easy Pass Plus EXAT Reward และ EXAT-Chatbot
(5) การแจ้งเตือนต่าง ๆ เช่น การแจ้งอุบัติเหตุ การแจ้งเตือนข่าวสาร รายการผ่านทาง และยอดการเติมเงิน

และในวันนี้ กทพ. ยังได้เปิดตัวโครงการสะสมคะแนน “EXAT REWARD” โดยเพียงชำระค่าผ่านทางพิเศษด้วยบัตร Easy Pass ทุก 5 บาท จะได้รับ 1 คะแนน ใช้แลกรับสินค้า บริการ หรือส่วนลดร้านค้า และร้านอาหารที่ร่วมรายการกว่า 30 ร้านค้า และพิเศษ Easy Pass Easy Point “สะสมแต้มแลกสุข X3” ระหว่างวันที่ 9 ก.ย. 2567 ถึงวันที่ 30 พ.ย. 2567 ดังนี้
Special 1 Welcome Point
สมัคร EXAT Reward ครั้งแรกรับคะแนนสะสมฟรี 200 คะแนน โดยสมาชิกบัตร Easy Pass สามารถสมัคร และล็อกอิน EXAT Reward ผ่าน Line@exatsociety หรือ Application EXAT Portal
Special 2 Easy Pass Easy Point
ใช้ Easy Pass ผ่านทางพิเศษทุก 5 บาท รับ 1 คะแนน สะสมครบ 5,000 คะแนน แลกรับเงินคืนเข้า บัตร Easy Pass จำนวน 100 บาท (จำนวน 10,000 สิทธิ์ต่อเดือน)
พิเศษรับ Easy Point คูณ 2 เมื่อใช้ Easy Pass ผ่านทางพิเศษเฉลิมมหานคร ช่วงเวลา 05.00 น.- 07.00 น. เริ่มตั้งแต่วันที่ 9 ก.ย. 67 - 30 พ.ย. 67
Special 3 Special Day Special Deal
ทุกวันที่ 1 ของเดือน ใช้ 1 คะแนน แลกรับส่วนลดสินค้า และบริการเช่น Shopee Grab Food Tops Food Hall Tops และ S&P
ทุกวันที่ 16 ของเดือน ใช้ 99 คะแนน แลกรับชุดแมคไก่ทอด McDonald's มูลค่า 139 บาท

“ในโอกาสนี้ ขอเชิญชวนให้มาสมัครใช้บัตร Easy Pass กันเยอะ ๆ เพื่อความสะดวกรวดเร็วในการชำระค่าผ่านทางพิเศษแล้วยังสามารถสะสมแต้ม แลกรับส่วนลดสินค้าและบริการต่าง ๆ ได้อีกด้วย ผู้ใช้ทางพิเศษสามารถอัปเดต และดาวน์โหลด Application EXAT Portal เวอร์ชั่นใหม่ได้ที่ App Store หรือ Google Play Store และลงทะเบียน EXAT Reward ได้ผ่าน Line@exatsociety หรือ Application EXAT Portal” นายสุรเชษฐ์ฯ กล่าวในท้ายที่สุด
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.thaieasypass.com reward.exat.co.th www.exat.co.th หรือ EXAT Call Center โทร. 1543 ตลอด 24 ชั่วโมง”
ยูนิลีเวอร์ องค์กรชั้นนำที่ให้ความสำคัญกับการสร้างความเปลี่ยนแปลงเชิงบวกอย่างยั่งยืน เดินหน้าภารกิจในการเสริมสร้างความยั่งยืนเพื่อพัฒนาความเป็นอยู่และคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้นให้กับทุกคน ประกาศความร่วมมือกับแม็คโครและโลตัส ภายใต้บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของกลุ่มคนเก็บขยะและกลุ่มผู้รับซื้อขยะในโครงการยกระดับซาเล้งและร้านรับซื้อของเก่า Smart Recycling Hub ภายใต้ PPP Plastics โดยริเริ่มการจัดหาอุปกรณ์เพื่อสุขอนามัยและความปลอดภัยในการเก็บและคัดแยกขยะ รวมถึงจัดกิจกรรมให้ความรู้เกี่ยวกับขยะพลาสติกเพื่อสร้างโอกาสเพิ่มมูลค่าและสร้างรายได้เสริม เปิดประตูเศรษฐกิจหมุนเวียนจากการนำพลาสติกใช้แล้วกลับเข้าสู่ระบบเพื่อนำกลับมาใช้ใหม่ นำร่องโครงการในกรุงเทพฯ และกลุ่มจังหวัดเศรษฐกิจ EEC ภาคตะวันออกก่อนขยายไปยังพื้นที่อื่นๆ ทั่วประเทศ โดยความร่วมมือครั้งนี้ยังครอบคลุมการจัดแคมเปญที่เปิดโอกาสให้ผู้บริโภคสามารถร่วมสนับสนุนการดำเนินงานของสถาบันสิ่งแวดล้อมไทยเพื่อขับเคลื่อนความยั่งยืนอย่างรอบด้านทั้งคุณภาพชีวิตและสิ่งแวดล้อมอีกด้วย

นายอภิชาติ ศาลิคุปต รองประธานกรรมการบริหารฝ่ายพัฒนาลูกค้า บริษัท ยูนิลีเวอร์ ไทย เทรดดิ้ง จำกัด กล่าวว่า “ยูนิลีเวอร์ให้ความสำคัญกับความยั่งยืนและการขับเคลื่อนเศรษฐกิจหมุนเวียน ซึ่งรวมถึงการยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้นให้กับทุกคนในห่วงโซ่คุณค่าตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ ภายในแผนกการพัฒนาธุรกิจลูกค้า เรามุ่งมั่นส่งเสริมความปลอดภัยและความเป็นอยู่ที่ดีผ่านเครือข่ายการจัดจำหน่ายที่กว้างขวางของเรา พร้อมทั้งบูรณาการความยั่งยืนในทุกด้านของการดำเนินงาน เราภูมิใจที่ได้ร่วมมือกับพันธมิตรที่มีวิสัยทัศน์เดียวกันในการสร้างคุณค่าที่ยั่งยืนให้กับผู้บริโภค นำมาสู่ความร่วมมือกับแม็คโครและโลตัสในการเปิดตัวแคมเปญที่ช่วยให้ผู้บริโภคมีส่วนร่วมในการสร้างสังคมที่ดีขึ้นในทุกการใช้จ่าย โดยริเริ่มการช่วยเหลือกลุ่มซาเล้งและผู้รับซื้อขยะที่ต้องเผชิญกับความเสี่ยงในแต่ละวันจากการขาดแคลนอุปกรณ์ที่จำเป็นต่อสุขอนามัยและความปลอดภัย รวมถึงขาดความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับการคัดแยกและจัดการขยะให้ตรงกับความต้องการของโรงงานรีไซเคิล ผ่านโครงการ Smart Recycling Hub ภายใต้ PPP Plastics ตอกย้ำเจตนารมย์ของยูนิลีเวอร์ที่ต้องการทำให้การใช้ชีวิตอย่างยั่งยืนเป็นไปได้สำหรับทุกคน”

ดร. วิจารย์ สิมาฉายา ผู้อำนวยการสถาบันสิ่งแวดล้อมไทยและเลขาธิการองค์กรธุรกิจเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน กล่าวว่า “สถาบันสิ่งแวดล้อมไทยได้ร่วมกับภาคีทุกภาคส่วนทั้งในระดับประเทศและต่างประเทศ เพื่อการกำหนดระดับเชิงนโยบายให้ชัดเจนสู่การขับเคลื่อนในระดับพื้นที่ให้เป็นรูปธรรม โดยการยกระดับการบริหารจัดการด้านสิ่งแวดล้อมไปสู่สังคมคาร์บอนต่ำและการพัฒนาที่ยั่งยืน ด้วยปัญหาขยะได้กลายมาเป็นปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมที่สำคัญทั้งในระดับประเทศ ระดับภูมิภาค และระดับโลกในปัจจุบัน หากไม่มีระบบและโครงสร้างการจัดการขยะที่เหมาะสมและเพียงพอก็จะทำให้มีขยะหลุดรอดออกสู่สิ่งแวดล้อมปลายทางที่ทะเล โดยแนวทางที่นำมาใช้ในการแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน คือ การจัดการขยะตามแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) โดยการลดขยะต้นทางและนำของเสียปลายทางมาใช้ประโยชน์อีก แต่สิ่งนี้จะเกิดขึ้นได้อย่างเป็นรูปธรรมจำเป็นต้องมีการจัดการและเเยกขยะอย่างถูกวิธีและเหมาะสม โดยกลไกสำคัญที่ช่วยให้มีการเก็บวัสดุใช้แล้วกลับเข้าสู่ระบบ คือ การรับและเก็บวัสดุรีไซเคิลโดยซาเล้งและร้านรับซื้อของเก่า เพื่อให้เกิดความเชื่อมโยงระบบรวบรวมวัสดุรีไซเคิลและส่งเสริมเศรษฐกิจหมุนเวียน ซึ่งจะเป็นส่วนสำคัญในการยกระดับและเพิ่มศักยภาพการจัดการขยะและสิ่งแวดล้อมบนพื้นฐานของการใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างสมดุล โดยสถาบันฯ ได้รับความสนับสนุนจากภาคีเครือข่ายในการดำเนินงานโครงการยกระดับมาตรฐานซาเล้งและร้านรับซื้อของเก่า โดยมีจุดมุ่งหมายในการจัดการและแปรรูปวัสดุรีไซเคิลให้เป็นวัตถุดิบคุณภาพสูงแบบครบวงจร เพื่อช่วยลดขยะพลาสติกให้ได้จำนวน 50,000 ตันต่อปีภายในปี พ.ศ. 2569 และรับมือกับความท้าทายด้านความยั่งยืนโดยเฉพาะอย่างยิ่งปริมาณขยะที่เพิ่มขึ้น ในประเทศไทยก่อให้เกิดขยะชุมชนกว่า 27-28 ล้านตันต่อปี
การบริหารจัดการขยะจึงเป็นสิ่งสำคัญเพื่อลดปัญหาและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในระยะยาว ในขณะเดียวกันก็ยังสามารถลดการใช้ทรัพยากร ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก รวมทั้ง การสร้างธุรกิจใหม่จากระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน ที่สำคัญ เราเชื่อมั่นว่าการสนับสนุนจากยูนิลีเวอร์ แม็คโคร และโลตัส ในโอกาสนี้ จะช่วยให้เครือข่ายซาเล้งและผู้รับซื้อขยะกว่า 300 คนภายใต้โครงการฯ ได้มีอุปกรณ์เก็บและคัดแยกขยะที่เหมาะสม ตลอดจนสามารถนำความรู้ที่ได้รับจากกิจกรรมต่าง ๆ ไปต่อยอดเพื่อสร้างรายได้และยกระดับคุณภาพชีวิตได้ในระยะยาวอย่างยั่งยืน”

นางสาวโชติมา ลาภเวโรจน์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการสายงานการพาณิชย์สินค้าทั่วไปในครัวเรือน บริษัท บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ซีพี แอ็กซ์ตร้า มีวิสัยทัศน์ในการดำเนินธุรกิจ ควบคู่ไปกับการสร้างความยั่งยืน ครอบคลุม 3 มิติ ด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม โดยหนึ่งในเป้าหมายสำคัญ คือการผลักดันระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) ที่มุ่งลดการทิ้งขยะสู่หลุมฝังกลบให้เป็นศูนย์ภายในปี ค.ศ. 2030 ซึ่งความร่วมมือกับยูนิลีเวอร์ครั้งนี้ ตอกย้ำความมุ่งมั่นขององค์กรในการส่งเสริมแนวทางปฏิบัติที่ยั่งยืนในการดำเนินงาน ทั้งยังเปิดโอกาสให้ลูกค้าของทั้งแม็คโคร-โลตัส ได้มีส่วนร่วมอย่างเป็นรูปธรรมในการลดขยะพลาสติกและการสนับสนุนคุณภาพชีวิตของกลุ่มคนเก็บขยะและกลุ่มผู้รับซื้อขยะ ผ่านสาขากว่า 2,400 สาขาทั่วประเทศ รวมถึงช่องทางออนไลน์[1] ทั้งนี้ เราเชื่อมั่นว่าการที่ลูกค้าได้มีส่วนร่วมในการช่วยเหลือคนเก็บขยะและผู้รับซื้อขยะ จะสามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกให้กับสังคมได้อย่างยั่งยืน”
ในโอกาสเดียวกันนี้ ยูนิลีเวอร์ยังจัดแคมเปญ ‘ยูนิลีเวอร์รวมพลัง ยกกำลัง2’ ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของผู้บริโภค เมื่อซื้อสินค้ายูนิลีเวอร์ที่ร่วมรายการที่แม็คโครและโลตัสทุกๆ ใบเสร็จเท่ากับได้ร่วมบริจาคสมทบทุนค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานของสถาบันสิ่งแวดล้อมไทย พร้อมรับของสมนาคุณรักษ์โลก ได้แก่

เปิดฉากอย่างเป็นทางการสำหรับการประกวด Miss Golf Thailand 2024 นำโดยนายชนะ วนิชพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท กอล์ฟ สเฟียร์ จำกัด พร้อมเหล่าพาร์ทเนอร์ ในงาน Welcome Ceremony เปิดตัวผู้เข้าประกวดทั้ง 40 คนเป็นครั้งแรก พร้อมเผยเอกลักษณ์ความโดดเด่นของผู้หญิง ยุคใหม่ในหลากหลายมิติ ที่จะมาร่วมสร้างปรากฏการณ์แห่งความงามบนสนามกอล์ฟ ตามคอนเซ็ปต์ “SWING SMART SMILE” พร้อมเปิดตัวมงกุฎประจำตำแหน่งที่ผสมผสานระหว่างความงดงามและกีฬากอล์ฟเข้าด้วยกันอย่างลงตัว ณ CDC Ballroom คริสตัล ดีไซน์ เซ็นเตอร์

หลังจากที่เหล่าคณะกรรมการซึ่งเป็นกูรูผู้เชี่ยวชาญด้านต่าง ๆ ได้คัดเลือกผู้สมัครกันอย่างเข้มข้นในรอบออดิชั่น เมื่อวันที่ 31 สิงหาคมที่ผ่านมา จากการสัมภาษณ์ตัวต่อตัวกับกรรมการ โดยมีสาวงามหลายคนที่ผ่านเข้ารอบมีคะแนนสูสีกันแบบที่เรียกได้ว่ากินกันไม่ลง ด้วยความงามและความสามารถที่ฉายแวว “SWING SMART SMILE” จนได้สาวงามที่จะมาร่วมชิงมงกุฎ Miss Golf Thailand มงแรกของประเทศไทย
สำหรับงาน Welcome Ceremony ในครั้งนี้ ผู้เข้าประกวด Miss Golf Thailand 2024 ทั้ง 40 คน เปิดตัวมาในชุดราตรีสีเงินเรียบหรูและทรงพลัง นับเป็นการเผยโฉมเหล่าสาวงามอย่างเป็นทางการครั้งแรก ภายใต้งานเปิดตัวที่จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ ก่อนจะเข้าสู่ช่วงแนะนำตัวแสดงทัศนคติให้แขกผู้มีเกียรติ สื่อมวลชนและผู้ร่วมงานได้รู้จักพวกเธอมากยิ่งขึ้น สำหรับการประกวดในครั้งนี้ มุ่งเน้นที่จะเฟ้นหาผู้หญิงไทยที่เปี่ยมไปด้วยความสง่างาม อ่อนหวาน แต่แข็งแกร่ง พร้อมที่จะส่งมอบพลังบวกและสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับสังคม และร่วมขับเคลื่อนธุรกิจ Golf & Luxury Life Style ผ่านความล้ำค่าตามแบบฉบับของผู้หญิงไทยยุคใหม่ และพร้อมที่จะประชันความงามบนเวทีการประกวดระดับโลกในอนาคต

ด้านนายชนะ วนิชพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท กอล์ฟ สเฟียร์ จำกัด ในฐานะผู้ถือลิขสิทธิ์ Miss Golf Thailand กล่าวถึงการจัดงานในครั้งนี้ว่า “การประกวด Miss Golf Thailand 2024 ได้รับกระแสตอบรับที่ดีจากสาวงามในการส่งใบสมัครเข้าร่วมการประกวด ซึ่งสาวงามผู้ผ่านด่านแรกก็มีทั้งสาวหน้าใหม่ที่โดดเด่นน่าสนใจ ความสามารถหลากหลาย ทั้งสวยสง่า โปรไฟล์เยี่ยม รวมทั้งสาวงามที่คุ้นหน้าคุ้นตากันดี ซึ่งทำเอาเหล่าคณะกรรมการต้องคัดเลือกกันอย่างหนักจนได้ 40 คน ที่มีคุณสมบัติแบบที่เราตามหา และเผยโฉมให้ทุกท่านได้ชมกันในวันนี้ ซึ่งผมภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้เห็นบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความอบอุ่น และได้เห็นรอยยิ้มจากผู้เข้าประกวดที่เปล่งประกาย เต็มเปี่ยมไปด้วยความมุ่งมั่น ซึ่งนำไปสู่ความสำเร็จในเส้นทางของการเป็น Miss Golf Thailand ได้อย่างที่ตั้งใจ”

สามารถติดตามการประกวดและเป็นกำลังใจให้สาวงามผู้เข้าประกวดได้อย่างต่อเนื่อง ผ่านกิจกรรมพัฒนาศักยภาพร่วมกับ 3S ได้แก่ Swing ฝึกทักษะความสามารถในกีฬากอล์ฟ โดย Golf Channel Academy, Smart พัฒนาความรู้และเครื่องมือธุรกิจสมัยใหม่ โดย Shopgenix และ Smile เสริมสร้างบุคลิกภาพที่ดี โดย SCA Superstar Academy โดยได้รับการสนับสนุนจากผู้สนับสนุนหลักอย่าง Robo Academy และเข้าร่วมเก็บตัวทำกิจกรรม ระหว่างวันที่ 4 – 8 พฤศจิกายน 2567 ที่ สนามกอล์ฟ Mountain Creek Golf Resort ก่อนจะเดินทางเข้าสู่รอบ Preliminary ในวันที่ 14 พฤศจิกายน 2567 และรอบ Final ประกาศผลสาวงามผู้ที่คว้ามงกุฎ Miss Golf Thailand 2024 ในค่ำคืนวันที่ 15 พฤศจิกายน 2567 เวลา 17:00-21:00 น. ณ CDC Ballroom คริสตัล ดีไซน์ เซ็นเตอร์ ติดตามชมการประกวด Miss Golf Thailand 2024 อย่างใกล้ชิดได้ที่เฟสบุ๊ก Miss Golf Thailand
บมจ.กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต ในฐานะผู้นำบริษัทฯ ที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม หรือ Green Insurer ร่วมกับมูลนิธิ ลากูน่า ภูเก็ต และศูนย์วิจัยทรัพยากรทะเลและชายฝั่งทะเลอันดามันตอนบน นำโดย คุณสุกัญญา อิสรานุวัฒน์ชัย รองประธานอาวุโส ฝ่ายสื่อสารการตลาดและภาพลักษณ์องค์กร (คนที่ 3 จากซ้าย) คุณอังคณา โตสิลานนท์ รองประธาน ฝ่ายทรัพยากรบุคคล (คนที่ 3 จากขวา) พนักงานจิตอาสากรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต และเครือลากูน่า นักเรียนจากโรงเรียนมูลนธิลากูน่า ภูเก็ต พร้อมทั้งชาวบ้านคลองเคียง ร่วมกันปลูกป่าชายเลนปีที่ 2 ภายใต้โครงการ Save Our Sea จำนวน 1,200 ต้น ซึ่งสามารถดูดซับก๊าซคาร์บอนได้ออกไซด์ ได้มากถึง 32 ตันต่อปี ณ โรงเรียนคลองเคียนรัฐราษฏร์รังสรรค์ จ.พังงา
โดยกรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต และพันธมิตรยังมีจุดมุ่งหมายร่วมกันผ่านความมุ่งมั่นใส่ใจสิ่งแวดล้อม และเป็นส่วนหนึ่งของการช่วยฟื้นฟูระบบนิเวศน์และสิ่งแวดล้อมทะเลของประเทสไทย รวมถึงเป็นแรงขับเคลื่อน ส่งเสริม และกระตุ้นการปลูกจิตสำนึกในการอนุรักษ์ และรักษาทรัพยากรธรรมชาติทางทะเล (Climate Change & Biodiversity) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในเจตนารมณ์ของบริษัทฯ ด้านความรับผิดชอบต่อสังคม และส่งเสริมการพัฒนาพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยบริษัทฯ มุ่งมั่นที่จะอยู่เคียงข้าง คุ้มครอง พร้อมใส่ใจสิ่งแวดล้อม
สำหรับผู้ที่สนใจสามารถติดตามกิจกรรมเพื่อสังคมดีๆ จาก กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต เพิ่มเติมได้ที่ https://www.facebook.com/Hearts.in.action.volunteers หรือ โทร 1159 ทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง
ออเนอร์ (HONOR) ผู้ให้บริการอุปกรณ์อัจฉริยะชั้นนำระดับโลก เอาใจผู้ที่ต้องการเปลี่ยนมือถือใหม่และนักช้อปตัวยง จัดโปรโมชันดี สุดคุ้ม ต้อนรับมหกรรม 9.9 Super Shopping Day วันช้อปแห่งปี ด้วยส่วนลดราคาพิเศษเมื่อซื้อสมาร์ตโฟน HONOR X6b และ HONOR 200 Series พร้อมรับโค้ดส่วนลดสูงสุด 2,000 บาท และข้อเสนอผ่อนสบาย ๆ 0% นานสูงสุด 5 เดือน* สามารถซื้อสินค้าและรับสิทธิ์ได้ที่ HONOR Official Store บน Shopee ตั้งแต่วันที่ 9 - 11 กันยายน 2567
HONOR มอบโปรโมชันสุดพิเศษให้คุณเป็นเจ้าของสมาร์ตโฟตรุ่นยอดนิยมได้ง่ายขึ้น ในมหกรรม 9.9 Super Shopping Day บน Shopee เตรียมพบกับส่วนลดและข้อเสนอสุดคุ้ม ดังนี้
เท่านั้นยังไม่พอ! ทุกคำสั่งซื้อจัดส่งฟรีทั่วประเทศ* พร้อมผ่อนชำระ 0% ผ่าน SpayLater ได้นานสูงสุด 5 เดือน สำหรับใครที่กำลังมองหาสมาร์ตโฟนคุณภาพดี ๆ อย่าพลาดโอกาสที่จะได้เป็นเจ้าของสมาร์ตโฟน HONOR ในราคาที่ดีที่สุดและคุ้มที่สุด เฉพาะวันที่ 9 - 11 กันยายน 2567 เท่านั้น ช้อปได้เลยที่ HONOR Official Store บน Shopee หรือคลิกเลยที่ https://bit.ly/3yrWNUd
HONOR X6b สมาร์ตโฟนรุ่นใหม่ล่าสุด มาพร้อมแบตเตอรี่ 5200 mAh รองรับชาร์จไว 35W การันตีอายุการใช้งานแบตเตอรี่นานถึง 4 ปี หน่วยความจำ 6GB+128GB ขยายได้ถึง 12GB ด้วยเทคโนโลยี HONOR RAM Turbo ใช้งานลื่นไหลและจัดเก็บข้อมูลได้มากขึ้น ตัวเครื่องทนทาน รองรับการตกกระแทกจากความสูง 1.5 เมตร พร้อมกล้อง AI Ultra-Clear 50MP ถ่ายภาพคมชัดและโฟกัสอัตโนมัติ นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ Magic Capsule เพื่อเพิ่มความสะดวกในการใช้งานสมาร์ตโฟน และโหมด E-Book และ Dynamic Dimming Display ที่ช่วยลดอาการตาล้าจากการมองหน้าจอเป็นระยะเวลานาน
HONOR 200 Series สมาร์ตโฟนเรือธง จัดเต็มทั้งสเปคและดีไซน์พรีเมียม ครอบคลุมทุกการใช้งาน โดดเด่นด้วยกล้องหลัง 3 ตัว ความละเอียดสูงสุด 50MP และเทคโนโลยี AI จากความร่วมมือกับ Harcourt Studio สตูดิโอถ่ายภาพชั้นนำระดับโลก เพื่อมอบประสบการณ์ถ่ายภาพระดับมืออาชีพ หน้าจอขนาดใหญ่ 6.78 นิ้ว พร้อมเทคโนโลยี Eye Comfort Display ช่วยถนอมสายตา แบตเตอรี่ซิลิคอนคาร์บอน 5200mAh รองรับชาร์จไว 100W ตอบโจทย์สายคอนเทนต์และครีเอเตอร์ทุกคน นอกจากนี้ HONOR 200 Lite มาพร้อมหน่วยความจำ 12GB และพื้นที่เก็บข้อมูล 256GB ที่รองรับการใช้งานหลายแอปพลิเคชันได้อย่างลื่นไหล และจัดเก็บไฟล์ขนาดใหญ่ได้อย่างจุใจ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการสมาร์ตโฟนที่ใช้งานได้ครอบคลุมทุกด้านในชีวิตประจำวัน
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ https://www.honor.com/th/ หรือติดตามข่าวสารและกิจกรรมได้ที่เฟซบุ๊ก HONOR Thailand
“ตระกูลสุโกศล” เผยเคล็ดลับการบริหารธุรกิจครอบครัวของตระกูลที่สามารถผสาน “การสืบทอดธุรกิจ” (Succession) ดำเนินมาถึงรุ่นที่สาม เข้ากับ “ความหลงใหล” (Passion) แล “ตัวตน” ของสมาชิกในครอบครัวที่ล้วนเป็นศิลปิน ทว่า ในความเหมือนก็มีความต่างในแต่ละคนด้วย กระนั้น ก็ยังได้รับ “ไฟเขียว” จากคุณแม่ ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งธุรกิจครอบครัวให้ดำเนินชีวิตแบบใส่เกียร์เดินหน้าได้เต็มร้อย ในครรลอง One Life to Live แต่ก็ต้องไม่ถอยจากธุรกิจครอบครัว
กลับมาอีกครั้งกับหลักสูตร Family Business Thailand ที่ล่าสุดจัดอบรมสำหรับรุ่นที่ 2 โดยเป็นความร่วมมือกันระหว่างกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ณ โรงแรมเดอะ เบย์วิว พัทยา จังหวัดชลบุรี เพื่อเสริมทักษะ พัฒนาเทคนิค รวมทั้งการสืบทอดธุรกิจครอบครัวให้ราบรื่น ให้สามารถต่อยอดกิจการอย่างมั่นคงจากรุ่นสู่รุ่น และในครั้งนี้ Family Business Thailand #2 ได้รับเกียรติจากครอบครัว “สุโกศล” มาแบ่งปันสไตล์การบริหารธุรกิจครอบครัวของตระกูล นำโดย

แม้ครอบครัวสุโกศลจะมีธุรกิจในกลุ่มอย่างหลากหลายทั้งธุรกิจโรงแรมในกรุงเทพฯ 2 แห่ง ได้แก่ The Sukosol, The Siam โรงแรมในพัทยา 3 แห่ง ได้แก่ Siam Bayshore, The Bayview, Wave และมีธุรกิจในเครืออื่น ๆ เช่น ร้านอาหาร เครื่องมือแพทย์ ทว่า ระหว่างเส้นทางการดำเนินธุรกิจของครอบครัวนี้พบกับความท้าทายให้ต้องรับมืออยู่ตลอด อาทิ ธุรกิจโรงแรมที่มีหนี้ยาวนาน 30 ปี แต่ก็สามารถพลิฟื้นกลับมาเป็น TOP 50 โรงแรมที่ดีที่สุดในโลก, กรณีธุรกิจเบเกอรี่ มิวสิคประสบภาวะวิกฤติ จนต้องเปิดให้ BMG เข้าร่วมทุน, ธุรกิจร้านกาแฟของดีโน่ที่ประสบปัญหาและจะถูกฟ้องร้อง แต่คุณสุกี้กลับบอกลูกชายว่า “ดี! จะได้เรียนรู้”
เนื้อเพลง Live & Learn ที่ขับร้องโดย คุณแม่ (คุณกมลา สุโกศล) ในท่อนที่ว่า
“อยู่ที่เรียนรู้ อยู่ที่ยอมรับมัน ตามความคิด สติเราให้ทัน”
นี่จึงไม่เรื่องเกินเลยสำหรับธุรกิจครอบครัวของตระกูลสุโกศล เพราะแม้ทุกก้าวย่างของธุรกิจจะมีคุณแม่ประคับประคองในฐานะเบอร์ 1 ของบอร์ดบริษัทฯ และเบอร์ 1 ของครอบครัว แต่ก็ยังมีความท้าทายที่อยู่นอกเหนือความคาดหมาย นอกเหนือความควบคุมให้ต้องเรียนรู้ ต้องยอมรับ เพื่อรับมือ เพียงแต่ต้อง “ตามความคิดสติเราให้ทัน” ดังนั้น เมื่อรุ่นเล็กอย่าง “คุณดีโน่จะมีคดีฟ้องร้องจึงเป็นประโยคที่ว่า เพื่อให้ลูกชายด้เรียนรู้นั้นล้วนเป็นประสบการณ์จากคุณสุกี้ ที่เคยเผชิญมาก่อน
สำหรับหลักการบ่มเพาะทายาททางธุรกิจครอบครัวที่มักจะพบว่า ในทางหลักการควรบ่มเพาะมาแต่เยาว์วัย และไม่ควรบังคับนั้น ทว่า ครอบครัวสุโกศลกลับเป็นแนว “ฟรีสไตล์” แต่คุณสมบัติร่วมที่ทุกคนมีเหมือนกัน คือ ความถนัดทางด้านดนตรี แต่กระนั้น คุณมาริสา ซึ่งเป็นลูกคนโตของครอบครัวก็ออกมาช่วยธุรกิจครอบครัว เพราะเห็นคุณแม่ต้องทำงานเพียงคนเดียว และเป็นช่วงเวลาที่คุณแม่กำลังก่อสร้างโรงแรมขนาด 500 ห้อง
“แต่เมื่อเข้ามาทำก็เกิดความรักความเข้าใจ ความผูกพัน ความภาคภูมิใจ เกิด Passion ในงานจนกลายเป็นอาชีพไปโดยปริยาย” คุณมาริสากล่าว ซึ่งหลังจากนั้น ทายาทอีกสามคนก็มีเส้นทางความฝันของตนเอง ซึ่ง คุณกฤษดา (น้อย วงพรู) สะท้อนเส้นทางเดินของสมาชิกในครอบครัวด้วยหลักการที่ว่า Keep going, be yourself, but give it 100% (จงเดินหน้า เป็นตัวของตัวเอง และเต็มร้อย) ทว่า ที่สุดแล้วถึงจุดหนึ่งคนเหล่านี้ก็กลับมาช่วยธุรกิจครอบครัวที่ทุกคนยอมรับว่า นี่คือ ความภาคภูมิใจของครอบครัว
อย่างไรก็ตาม ด้วยความเหมือนที่ต่างก็เป็นศิลปินก็ยังมีความแตกต่างทำให้ธุรกิจครอบครัวของสุโกศลมีความต่างที่สามารผสานกันได้อย่างลงตัวบนพื้นฐานของความไว้วางใจกัน เชื่อใจกัน แม้จะมีความขัดแย้งทางความคิดกัน แต่นั่นคือ “จบตรงนั้น” แล้วก็กลับมาเป็นพี่น้องที่พูดคุยกันด้วยหัวข้อที่มีความสนใจร่วมกันอย่างดนตรี กีฬากันได้เหมือนกัน คุณมาริสากล่าวเพิ่มเติมว่า “เราอยู่ด้วยความรัก ความเข้าใจ กติกาของเราคือ ต้องชัดเจน เป็นธรรม เรามีความรักและเคารพการตัดสินใจซึ่งกันและกัน อีกทั้งไม่มีใครทำงานที่ทับซ้อนกันเลย”
ทั้งนี้ บทบาทของทายาทรุ่นสอง โดยสรุป คือ
คุณกมล (สุกี้) กล่าวว่า “ตอนอายุสัก 20 กว่าๆ ผมคิดว่า ผมคงไม่มาช่วยธุรกิจครอบครัวหรอก ผมรู้แต่ว่าผมจะเล่นดนตรี แต่เมื่อเวลาผ่านไปก็ทำให้เราเข้าใจได้ว่า ธุรกิจครอบครัวคืออะไรที่อยู่ “ข้างหลัง” เรา ทำให้ผมเพิ่งเข้ามาช่วยครอบครัวเมื่อ 15 ปีนี้เอง แต่ก่อนผมว่า ธุรกิจครอบครัวมักไม่ค่อยมีความชัดเจน ตอนรุ่น 2 มี 4 คนก็ยังไม่เท่าไร แต่เมื่อรุ่น 3 กลายเป็น 8 คนทำให้เราเพิ่งวางกฎเกณฑ์ 6 ข้อ ซึ่งตอนนี้โดยส่วนตัวผมแฮปปี้ เพราะชัดเจนและง่ายด้วย เช่น การกำหนดสัดส่วนเปอร์เซนต์การแบ่งโบนัส ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดาๆ แต่ชัดเจนมากๆ สวัสดิการที่ให้ในธุรกิจครอบครัว อย่างตอนที่ดีโน่ทำงานให้กลุ่มสุโกศลก็มีรถสวัสดิการให้ใช้ แต่เมื่อออกไปทำสตาร์ทอัพก็ต้องคืนรถ ผมก็ต้องซื้อรถให้ลูกใช้และเมื่อกลับเข้ามาทำงานที่โรงแรมใหม่ก็มีรถใช้อีกครั้ง แต่สำหรับประกัน หรือการศึกษาบุตรพวกเราก็จ่ายกันเอง ตรงนี้ครอบครัวเราโชคดีที่มีความสัมพันธ์บนความไว้วางใจ ทุกคนเข้ากันได้ ขณะที่บางครอบครัวอาจไม่ใช่”
ขณะที่ คุณกฤษดา (น้อย วงพรู) เสริมว่า “เราวางกฎเกณฑ์ที่มีความละเอียดทำให้ช่วยลดความขัดแย้ง ครอบครัวเราเข้าใจจุดอ่อน จุดแข็งของแต่ละคน ทำให้เราสบายใจจริงๆ ไม่ต้องหลบจุดอ่อนของตนเอง เราทะเลาะกันได้และพร้อมให้อภัยเสมอ” ส่วนคุณกฤษดา (ดีโน่) เสริมว่า “ด้วยความรู้ทางด้านเศรษฐศาสตร์และธุรกิจ และจากประสบการณ์การทำร้านกาแฟ ธุรกิจสตาร์ทอัพ ตอนนี้ก็อยากทำให้ธุรกิจโรงแรมเป็นพื้นฐานสำหรับการพัฒนาและปรับปรุงตนเองในระยะยาว เหมือนที่คุณพ่อบอกว่า ธุรกิจโรงแรมนั้นเป็นการลงทุนระยะยาว ไม่ใช่การลงทุนเพื่อทำกำไรระยะสั้น และจะรับสไตล์การบริหารธุรกิจครอบครัวแบบแท้ๆ ให้มีสไตล์การบริหารแบบองค์กรธุรกิจมากขึ้น และมีโครงสร้างมากขึ้น”
ปัจจัยความสำเร็จของกลุ่มธุรกิจสุโกศลมาจากหลายปัจจัย ทว่า ที่โดดเด่นและมีน้ำหนักมาก นั่นคือ
“อยู่ที่เรียนรู้ อยู่ที่ยอมรับมัน ตามความคิดสติเราให้ทัน
อยู่กับสิ่งที่มี ไม่ใช่สิ่งที่ฝัน และทำสิ่งนั้นให้ดีที่สุด”
เนื้อร้องท่อนนี้ของ Live & Learn ยังคงก้องกังวานและใช้ได้อีกอย่างยาวนานสำหรับธุรกิจครอบครัว “สุโกศล”
เครดิตภาพ : สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย
“วันโป๊ยเซียนกั้วไห่” หรือ “วันแปดเซียนข้ามสมุทร” ถือเป็นอีกหนึ่งวันมงคลฤกษ์ของจีน ตรงกับวันขึ้น 8 ค่ำเดือน 8 ตามปฏิทินจันทรคติ ซึ่งในปีนี้ตรงกับวันที่ 10 กันยายน 2567 ด้วยความเชื่อในเลข 8 ของคนจีน ทั้งการเขียนและการออกเสียงที่พ้องกับคำที่แปลว่า ความมั่งคั่ง ร่ำรวย และเพื่อเป็นการเสริมพลังแห่งความโชคดี เสริมเรื่องการค้าขาย ความเจริญรุ่งเรือง ทางวิหาร “อี่ ทง เทียน ไท้” จึงได้จัดพิธีขอพรองค์พระโพธิสัตว์กวนอิม เพื่อเบิกทรัพย์รับมงคลทั้ง 8 ทิศ ขึ้น ในวันดังกล่าว
วิหารฯ ได้จัดตั้งบัลลังก์พิธีเพื่ออัญเชิญองค์พระโพธิสัตว์กวนอิมที่เป็นองค์ประธานหลัก มาอำนวยอวยชัยให้เหล่าสานุศิษย์ทั้ง 8 ทิศ และมีสัญลักษณ์ปากั๊ว หรือยันต์แปดทิศ อยู่บนบัลลังก์พิธี มีความหมายเชื่อมโยงฟ้า ดิน และมนุษย์ ตรีลักษณ์ รวมถึงสีที่เป็นตัวแทนของความสมดุลของธาตุทั้ง 5 ด้วย การทำพิธีผู้เข้าร่วมในพิธี จะเดินรอบองค์พระโพธิสัตว์กวนอิม 3 รอบ โดยการเดินรอบที่ 1 สรงน้ำถวายพระโพธิสัตว์กวนอิม รอบที่ 2 ถวายดอกบัวและเครื่องหอมบูชา และรอบที่ 3 อธิษฐานพร้อมทั้งถวายปัจจัย หลังจากนั้นลูบขอพรกับพญามังกรที่ฐานองค์พระโพธิสัตว์กวนอิมเพื่อให้พรนั้นสัมฤทธิ์ผล จึงเป็นอันเสร็จพิธี
นับเป็นโอกาสดีที่ศาสนิกชนผู้นับถือและมีจิตศรัทธาในองค์พระโพธิสัตว์กวนอิม จะได้เข้าร่วมพิธีขอพรองค์พระโพธิสัตว์กวนอิมเพื่อความเป็นสิริมงคล ณ วิหาร “อี่ ทง เทียน ไท้” สวนอุตสาหกรรมเครือสหพัฒน์กบินทร์บุรี จ. ปราจีนบุรี ในวันที่ 10 กันยายน 2567 นี้ ตั้งแต่เวลา 11.00 – 14.00 น.
สำหรับศาสนิกชนผู้ที่มีความศรัทธาในองค์พระโพธิสัตว์กวนอิม สามารถเข้ามาสักการะองค์พระโพธิสัตว์กวนอิมได้ทุกวันตั้งแต่เวลา 06.00 - 20.00 น. และติดตามข่าวสารกิจกรรมต่างๆ ของวิหาร อี่ ทง เทียน ไท้ ได้ทาง Line OA: @Yitongtiantai เฟซบุ๊กวิหารกวนอิม อี่ ทง เทียน ไท้ https://www.facebook.com/yitongtiantai IG: guanyinpavillion เว็บไซต์ Yitongtiantai.com
เทศกาลเครื่องดื่มที่ทุกคนรอคอย "CRAFT DRINK by DIPROM ศาสตร์และศิลป์เครื่องดื่มไทย นำธุรกิจไกลสู่สากล" ได้เปิดฉากอย่างยิ่งใหญ่แล้วที่ลานหน้าศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ท่ามกลางความสนใจของผู้คนจำนวนมากที่หลั่งไหลมาร่วมงานตั้งแต่วันแรก

บรรยากาศภายในงานเต็มไปด้วยความคึกคักและสีสัน ผู้เข้าชมงานต่างตื่นตาตื่นใจไปกับโซนแสดงสินค้า DRINKING AVENUE ที่รวบรวมร้านค้ากว่า 122 คูหาจากผู้ประกอบการกาแฟ โกโก้ และสุราชุมชนทั่วประเทศ ตลอดจนมีกิจกรรมมากมายที่สร้างความสนุกสนานให้กับผู้เข้าร่วมงาน ไม่ว่าจะเป็นการประกวด Cocoarista DIPROM Contest และ Speed Latte Art DIPROM Contest ที่ดึงดูดสายตาผู้ชมด้วยความสามารถอันน่าทึ่งของผู้เข้าแข่งขัน รวมถึงไฮไลต์ของงานอย่างโซนนิทรรศการที่ให้ความรู้เกี่ยวกับกาแฟ โกโก้ และสุราชุมชน พร้อมด้วยเวทีกิจกรรม Co-Drinking Space และ DIPROM Drink Lab ที่มีการจัดเวิร์กช็อปและเสวนาในหัวข้อที่น่าสนใจตลอดทั้งวัน

พิเศษสุด! เวลา 18.00 - 19.00 น. พบกับมินิคอนเสิร์ตจากศิลปินชั้นนำที่จะมาเติมเต็มบรรยากาศให้สนุกสนานโดยในวันศุกร์ที่ 6 ก.ย. พบกับ SarahSalola, วันเสาร์ที่ 7 ก.ย. พบกับ อะตอม ชนกันต์ และวันจันทร์ที่ 9 ก.ย. พบกับ คริส พีรวัส ที่จะขนเพลงฮิตและการแสดงสดมาให้คุณได้ดื่มด่ำไปกับเสียงดนตรีในบรรยากาศสุดพิเศษพร้อมจิบเครื่องดื่มแบบเข้มๆ!

สำหรับใครที่ยังไม่ได้มาร่วมงาน อย่าพลาดโอกาส! ขอเชิญมาสัมผัสประสบการณ์สุดพิเศษได้ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 10 กันยายน 2567 เวลา 10.00 - 22.00 น. ที่ลานหน้าศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ เข้าร่วมงานฟรี! ไม่มีค่าใช้จ่าย มาร่วมเดินทางผ่านรสชาติและวัฒนธรรมที่หลากหลายของเครื่องดื่มไทย พร้อมเพลิดเพลินกับกิจกรรมสนุก ๆ มากมายและดื่มด่ำไปกับการแสดงดนตรีสดจากศิลปินชื่อดังที่จะมาสร้างความประทับใจให้คุณอย่างเต็มที่

ติดตามข่าวสารและรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Facebook Page: DIPROM Thailand หรือสอบถามข้อมูลได้ที่กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (DIPROM) โทร. 0 2430 6860 หรือเว็บไซต์ www.diprom.go.th