

สกิลแมน, นิว เจอร์ซี่ -- บริษัท เคนวิว อิงค์ (NYSE: KVUE) (Kenvue) ซึ่งเป็นบริษัทด้านสุขภาพส่วนบุคคลที่ใหญ่ที่สุดในโลก (เมื่อพิจารณาจากรายได้) เริ่มทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์กภายใต้ชื่อย่อหลักทรัพย์ “KVUE” หลังจากการเสนอขายหุ้นต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) โดยมี ธิโบต์ มองกอน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการ และคณะผู้บริหารร่วมทำพิธีเปิดการซื้อขายหุ้นในวันแรก
ธิโบต์ มองกอน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เคนวิว กล่าวว่า “การช่วยให้ผู้บริโภคตระหนักถึงพลังวิเศษของการดูแลตัวเองในชีวิตประจำวัน คือหัวใจสำคัญที่บ่งบอกถึงตัวตนของเราและสิ่งที่เราทำอยู่ ในฐานะผู้นำระดับโลกทั้งในด้านการดูแลสุขภาพและสินค้าอุปโภคบริโภค พอร์ตโฟลิโอของผลิตภัณฑ์ซึ่งคัดสรรมาอย่างพิถีพิถันของเราอันประกอบด้วยแบรนด์ที่ผ่านการรับรองทางวิทยาศาสตร์และมีชื่อเสียงยาวนาน ต่างเป็นที่ไว้วางใจของผู้บริโภคและได้รับการแนะนำให้ใช้โดยบุคลากรด้านสุขภาพมาหลายชั่วอายุคน และวันนี้ เราพร้อมที่จะนำมุมมองใหม่ของการดูแลตัวเองมาสู่ผู้คนทั่วโลก”
ข่าวประชาสัมพันธ์นี้ไม่ใช่การเสนอขายหรือการชักชวนให้ซื้อหลักทรัพย์เหล่านี้ และจะไม่มีการขายหลักทรัพย์เหล่านี้ในรัฐหรือเขตอำนาจใด ๆ ที่การเสนอ การชักชวน หรือการขายดังกล่าว เป็นสิ่งที่ไม่รับอนุญาตตามกฎหมาย
เกี่ยวกับเคนวิว
เคนวิวคือบริษัทด้านสุขภาพสำหรับบุคคลที่ใหญ่ที่สุดในโลกเมื่อพิจารณาจากรายได้ มีประวัติความเป็นมายาวนานกว่าศตวรรษและขับเคลื่อนไปข้างหน้าด้วยวิทยาศาสตร์ โดยมีแบรนด์ที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จัก ได้แก่ AVEENO®, BAND-AID®, JOHNSON’S®, LISTERINE®, NEUTROGENA®, TYLENOL® และ ZYRTEC® ซึ่งบุคลากรด้านสุขภาพต่างแนะนำให้ใช้และได้รับความไว้วางใจจากผู้บริโภคที่ใช้ผลิตภัณฑ์ของเราเพื่อช่วยให้ชีวิตประจำวันดีขึ้น ทีมบุคลากรของเราล้วนมีทัศนคติที่เปิดรับเทคโนโลยีดิจิทัล ยึดมั่นนวัตกรรมที่มีพื้นฐานมาจากข้อมูลเชิงลึกของมนุษย์ และมุ่งมั่นในทุกวันที่จะทำให้ผลิตภัณฑ์ของเราอยู่ในใจและมีอยู่ติดบ้านผู้บริโภคทุกคน ที่ Kenvue เราเชื่อว่าการดูแลตัวเองไม่เพียงส่งผลให้ผู้คนมีสุขภาพดี แต่ยังทำให้ทุกชีวิตสมบูรณ์ลงตัว
ข้อควรระวังเกี่ยวกับข้อความคาดการณ์ล่วงหน้า
ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้ประกอบด้วย “ข้อความคาดการณ์ล่วงหน้า” ตามที่กำหนดไว้ในกฎหมายปฏิรูปการฟ้องร้องคดีหลักทรัพย์ส่วนบุคคลปี ค.ศ. 1995 ผู้อ่านควรระวังอย่าพึ่งพาข้อความคาดการณ์ล่วงหน้าเหล่านี้ ข้อความเหล่านี้ขึ้นอยู่กับการคาดการณ์ในปัจจุบันเกี่ยวกับเหตุการณ์ในอนาคต หากข้อสมมติฐานพิสูจน์ได้ว่าไม่ถูกต้อง หรือมีความเสี่ยงหรือความไม่แน่นอนที่ทราบหรือไม่ทราบเกิดขึ้นจริง ผลลัพธ์ที่แท้จริงอาจแตกต่างอย่างมากจากความคาดหวังและการคาดการณ์ของเคนวิว ความเสี่ยงและความไม่แน่นอนรวมถึงแต่ไม่จำกัดเฉพาะเพียง ความสำเร็จในเงื่อนไขตามปกติของการเสนอขายหุ้นไอพีโอ ความเสี่ยงด้านตลาดทุน และผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจหรืออุตสาหกรรมโดยทั่วไป สำหรับรายการและคำอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับความเสี่ยง ความไม่แน่นอน และปัจจัยอื่นๆ ที่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจของเคนวิว โปรดดูเอกสารที่ยื่นต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ แถลงการณ์เชิงคาดการณ์ล่วงหน้าใด ๆ ที่ระบุในข่าวประชาสัมพันธ์นี้กล่าวถึง ณ วันที่ของข่าวประชาสัมพันธ์นี้เท่านั้น เคนวิวไม่ดำเนินการปรับปรุงข้อความคาดการณ์ล่วงหน้าอันเป็นผลมาจากข้อมูลใหม่หรือเหตุการณ์ หรือการเปลี่ยนแปลงในอนาคต
โรยัล คานิน (Royal Canin) ผู้นำด้านโภชนาการเพื่อสุขภาพที่ดีของน้องแมวและน้องหมาระดับโลก ยกขบวนพาเหรดกิจกรรมพิเศษภายใต้แนวคิด ‘ความรู้คู่ความรัก’ และสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ทั้งโปรโมชันสุดคุ้ม รวมถึงของสมนาคุณพรีเมียม มาสร้างความสุขและความคุ้มค่าให้กับเจ้าของน้องแมวน้องหมาภายในงาน Pet Expo Thailand 2023 ครั้งที่ 23 ระหว่างวันที่ 4 - 7 พฤษภาคม 2566 ที่ผ่านมา เพื่อตอกย้ำถึงความตั้งใจของโรยัล คานิน ที่ต้องการสร้างโลกที่ดีขึ้นสำหรับน้องแมวและน้องหมา หรือ Making a Better World for Pets โดยเดินหน้าจัดกิจกรรมเพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจให้กับเจ้าของ เกี่ยวกับการดูแลน้องแมวน้องหมาอย่างเหมาะสม ให้พวกเขาได้มีพัฒนาการที่ดีตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นของชีวิต และมีสุขภาพที่ดีอย่างยั่งยืน โดยกิจกรรมไฮไลท์ภายในงาน มีดังนี้
โซนกิจกรรมให้ความรู้ เพื่อส่งเสริมสุขภาพที่ดีอย่างยั่งยืนของน้องแมวน้องหมา
![]()
โรยัล คานิน เข้าใจดีถึงความสำคัญของการดูแลน้องแมวน้องหมาให้มีสุขภาพที่แข็งแรงและร่าเริงอยู่เสมอ จึงสานต่อความตั้งใจของโครงการ Take Your Pet to The Vet ผ่านการให้ความรู้เรื่องการดูแลในเชิงป้องกัน (Preventive Care) และความสำคัญของการฉีดวัคซีน ซึ่งรวมถึงการรณรงค์ให้พาน้องแมวน้องหมาไปพบสัตวแพทย์อย่างเป็นประจำ ด้วยกิจกรรม Exclusive Visit at Vet Service Center ภายในบูธฯ ซึ่งเจ้าของสามารถพาน้องแมวน้องหมามาพบสัตวแพทย์ได้ฟรี เพื่อรับคำปรึกษาด้านโภชนาการ โดยสัตวแพทย์จะใช้นวัตกรรม Vet service ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มดิจิทัลที่ใช้ AI มาช่วยวิเคราะห์ความต้องการด้านโภชนาการที่มีความเฉพาะของน้องแมวน้องหมาแต่ละตัว และให้คำแนะนำด้านการดูแล พร้อมการปรับโภชนาการที่เหมาะสมตามสายพันธุ์ อายุ น้ำหนักที่ต้องการ หรือตามคะแนนความสมบูรณ์ของร่างกาย (Body Condition Score) รวมไปถึงความต้องการที่เฉพาะของสัตว์เลี้ยงแต่ละตัว
นับเป็นอีกหนึ่งสีสันและความน่ารักภายในงาน ที่อินฟลูเอนเซอร์ขนปุยจากเพจ Steve Jibs และเจ้าเหมียวจากเพจคิมบับครับผม ขวัญใจชาว TikTok มาร่วมเยี่ยมชมบูธของโรยัล คานิน พร้อมมาพบสัตวแพทย์และใช้บริการ Vet Service ของโรยัล คานิน ภายในงานครั้งนี้ด้วยเช่นกัน เพื่อปรึกษาปัญหาด้านสุขภาพและรับคำแนะนำด้านโภชนาการที่เหมาะสม โดยน้องหมาสายพันธุ์ไซบีเรียนอย่างสตีฟ ต้องได้รับการดูแลเรื่องขนเป็นพิเศษเนื่องจากชอบเล่นน้ำจนเกิดปัญหาขนร่วงบ่อยจึงต้องหันมาใช้อาหารสูตรที่เน้นเรื่องขนและผิวหนัง ส่วนน้องแมวเบอร์เบิ้น สายพันธุ์บริติช ลองแฮร์เริ่มมีน้ำหนักเกือบจะเกินเกณฑ์มาตรฐาน จึงได้รับคำแนะนำให้ปรับอาหารเป็นสูตรที่ช่วยในการควบคุมน้ำหนัก
โซนผลิตภัณฑ์ด้านโภชนาการที่หลากหลาย เพื่อตอบโจทย์ความต้องการที่แตกต่าง
![]()
ภายในโซนนี้ ผู้เข้าร่วมงานสามารถเลือกซื้อและรับคำแนะนำเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์อาหารสำหรับน้องแมวน้องหมาภายใต้แบรนด์ Royal Canin® หลากหลายสูตร ที่ช่วยดูแลด้านโภชนาการสำหรับน้องแมวน้องหมาให้เหมาะสมกับความแตกต่างหรือความเฉพาะตัวของพวกเขา ทั้งทางด้านสายพันธุ์ ช่วงอายุ และความต้องการพิเศษอื่น ๆ อาทิ อาหารสำหรับน้องแมวน้องหมาที่ต้องการดูแลผิวหนัง หรืออาหารน้องแมวน้องหมาหลังทำหมัน ฯลฯ เพื่อให้เจ้าของได้เลือกสรรโภชนาการอาหารที่เหมาะสมกับความต้องการของน้องแมวน้องหมาได้อย่างตรงจุด
และภายในงาน ยังมีผลิตภัณฑ์ด้านโภชนาการที่ออกแบบเฉพาะสำหรับสายพันธุ์น้องหมาอย่างดัชชุนและชิบะอินุ (Tailored-made nutrition for Dachshund and Shiba Inu) มาวางจำหน่ายด้วยเช่นกัน เพราะ โรยัล คานิน เข้าใจถึงความต้องการพิเศษของเจ้าสี่ขาทั้งสองสายพันธุ์ และเพื่อตอบรับกับจำนวนการรับเลี้ยงสุนัขสายพันธุ์นี้ที่เพิ่มขึ้นใน
ประเทศไทยอีกด้วย โดยเจ้าดัชชุนแม้จะมีขาที่เล็ก แต่ก็เป็นสายลุย ไม่ชอบอยู่นิ่ง จึงต้องการสารอาหารเสริมอย่างคอนดรอยตินและกลูโคซามีนเพื่อเสริมกระดูกและข้อต่อ รวมถึงแคลเซียมและฟอสฟอรัสเพื่อเสริมความแข็งแรงของกระดูกสันหลัง ให้พร้อมออกผจญภัยตะลุยโลกกว้างอยู่เสมอ และสูตรเฉพาะสำหรับสายแอคทีฟ อย่างเจ้าชิบะอินุที่โปรดปรานการทำกิจกรรมไม่แพ้กัน โดยสูตรนี้มีการปรับพลังงานเพื่อช่วยให้เจ้าตัวโปรดมีน้ำหนักและรูปร่างที่สมส่วนตามมาตรฐาน
ยิ่งไปกว่านั้น โรยัล คานิน ยังคงมุ่งมั่นไปสู่เป้าหมายในการสร้างโลกที่ดีสำหรับน้องแมวน้องหมา ด้วยการดำเนินธุรกิจตามแนวทางด้านความยั่งยืน ตั้งแต่การผลิตอาหารที่ลดการสร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม การจัดหาวัตถุดิบที่ลดปริมาณการปล่อยคาร์บอน การเปลี่ยนไปใช้โปรตีนทางเลือก หรือการใช้บรรจุภัณฑ์ (Packaging) ที่สามารถรีไซเคิลได้ 100% ซึ่งในปัจจุบันสามารถพัฒนากลุ่มผลิตภัณฑ์สำหรับลูกแมวและลูกสุนัข ROYAL CANIN® Kitten and Puppy Growth ให้กลายเป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์แรกที่ได้รับรองความเป็นกลางทางคาร์บอน ซึ่งทางบริษัทฯ ก็ได้นำมาวางจำหน่ายภายในงานด้วยเช่นกัน เพื่อให้ผู้เลี้ยงมั่นใจได้ว่าการใช้ผลิตภัณฑ์ของ โรยัล คานิน นอกจากช่วยสร้างเสริมสุขภาพที่ดีให้กับน้องแมวน้องหมาแล้ว ยังมีส่วนช่วยทำให้โลกของพวกเขาน่าอยู่มากยิ่งขึ้น
หากใครพลาดงานดังกล่าว แต่อยากทำความเข้าใจความต้องการด้านโภชนาการที่แตกต่างเพื่อสุขภาพที่ดีอย่างยั่งยืนของน้องแมวและน้องหมาที่คุณรักเพิ่มมากขึ้น สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับน้องแมวและน้องหมาสายพันธุ์ต่าง ๆ และติดตามความรู้เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพของพวกเขาอย่างเหมาะสม ได้ที่ www.royalcanin.com หรือ https://www.facebook.com/RoyalCaninThailand
อัลลี่ (ALLIE) ผลิตภัณฑ์กันแดดชั้นนำจากประเทศญี่ปุ่น โดย บริษัท คาเนโบ คอสเมติกส์ (ประเทศไทย) จำกัด นำเสนอผลิตภัณฑ์กันแดดภายใต้แนวคิด “ความงาม เพื่อโลกที่ยั่งยืน” จัดกิจกรรมฉลองครบรอบ 1 ปี ALLIE "Beauty & Sustainable UV” ในประเทศไทย กิจกรรม ALLIE x EARTH DAY เนื่องในวันคุ้มครองโลก เมื่อวันที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2566 ด้วยการเปิดสยามสแควร์เชิญผู้สนใจร่วมงาน เพื่อร่วมกันสร้างความตระหนักถึงความสำคัญของสิ่งแวดล้อม และรณรงค์ให้ทุกคนอนุรักษ์ และร่วมรักษ์โลกให้ยั่งยืน อัลลี่ (ALLIE) อาสาเป็นตัวแทนรวบรวมขวดน้ำดื่ม PET ที่ใช้แล้ว ส่งมอบต่อสำนักงานสิ่งแวดล้อม กรุงเทพมหานคร เพื่อผลิตเป็นชุด PPA สำหรับเจ้าหน้าที่ในการปฏิบัติงานต่อไป
![]()
นางสาวแสงเดือน อุทารวุฒิพงศ์ ผู้จัดการฝ่ายวางแผนกลยุทธ์ บริษัท คาเนโบ คอสเมติกส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า อัลลี่ (ALLIE) เป็นผลิตภัณฑ์กันแดดที่มีแนวคิดสนับสนุนการรักษ์โลกและสิ่งแวดล้อมโดยคำนึงถึงในหลายมิติ ตั้งแต่บรรจุภัณฑ์ที่ผลิตจากวัสดุรีไซเคิล และสามารถนำกลับมารีไซเคิลซ้ำอีกได้ทุกชิ้นส่วน เพื่อให้เกิดการใช้ทรัพยากรหมุนเวียนอย่างคุ้มค่า และส่วนผสมของผลิตภัณฑ์ ได้ยกเลิกการใช้สารดูดซับรังสียูวีจำพวก OMC ที่ประกอบด้วยสาร Octinoxate, Oxybenzone, 4-Methylbenzylid Camphor (4MBC) และ Butylparaben ที่มีข้อมูลการวิจัยพบว่าเป็นอันตรายต่อสัตว์ทะเลบางชนิด ขัดขวางการเจริญเติบโตของปะการัง ก่อให้เกิดมลพิษต่อท้องทะเล ซึ่งจากการคิดถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในทุกขั้นตอน ทำให้ อัลลี่ (ALLIE) เป็นที่ยอมรับว่าเป็นผลิตภัณฑ์กันแดดรักษ์โลกอย่างแท้จริง
ซึ่งในกิจกรรม ALLIE x EARTH DAY ทางอัลลี่ (ALLIE) ได้แนะนำ ผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุด LIMITED-EDITION PACKAGE ALLIE X PEANUTSTM กันแดดที่ออกแบบมาให้ทุกชิ้นส่วนสามารถนำไปใช้งานได้ โดยนำกันแดด 2 รุ่นขายดีมาบรรจุในแพ็คเกจจิ้งลาย SNOOPY กล่องบรรจุภัณฑ์นำไป DIY เป็นที่ใส่ปากกาหรือใส่แปรงได้ เนื้อกันแดดมีให้เลือก 2 รุ่น คือ ALLIE CHONO BEAUTY GEL UV EX สำหรับผิวหน้า-ผิวกาย และ ALLIE CHONO BEAUTY COLOR TUNING UV 03SHEER BEIGE สำหรับผิวหน้า พร้อมคุณสมบัติสำคัญในการกันแดดประสิทธิภาพสูง SPF50+ PA++++ โดยยังคงแนวคิดและคุณสมบัติผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ไร้สารอันตรายต่อปะการังและสัตว์ทะเล ภายในงานมีการให้ความรู้แนะนำการดูแลสิ่งแวดล้อมง่ายๆ ใกล้ตัว
![]()
กิจกรรมนี้มีคุณ ปูเป้-จิรดาภา อินทจักร และ ไข่มุก-วรัทยา ดีสมเลิศ อดีตสมาชิก BNK48 และนักแสดงน้องใหม่ ริวกิ (@rryu.ki), จิมมี่ (@jimmy.nt), พรีเซ้นต์ (@ssaintntp) และ ตั๋ง (@tung_thatkawin) ในฐานะตัวแทนคนรุ่นใหม่มาร่วมทดสอบคุณสมบัติของผลิตภัณฑ์กันแดด อัลลี่ (ALLIE) พร้อมอาสาร่วมเป็นตัวแทนในการรวบรวมขวดน้ำดื่มพลาสติกที่เป็น PET เพื่อส่งต่อให้กับสำนักงานสิ่งแวดล้อม กรุงเทพมหานคร เพื่อนำไปผลิตเป็นชุด PPE ให้กับเจ้าหน้าที่ที่ดูแลรักษาความสะอาดของกรุงเทพฯ โดยการเลือกจัดกิจกรรมนี้ เนื่องจากเป็นเรื่องใกล้ตัว ทุกวันนี้มีการใช้งานผลิตภัณฑ์ที่เป็นพลาสติกเป็นจำนวนมาก การเป็นจุดเล็กๆ ของเขาหวังว่าจะเป็นอีกหนึ่งแรงกระตุ้นให้ตระหนักว่า ทุกคนสามารถดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมได้ด้วยการช่วยกันคนละไม้ละมือ ซึ่งทำให้สิ่งแวดล้อมและสังคมน่าอยู่ยิ่งขึ้น
![]()
ซึ่งหลังจากกิจกรรมการจัดงาน ALLIE x EARTH DAY คณะผู้บริหารจาก อัลลี่ (ALLIE) นำโดย มร.อะทสึชิ ซูมิโน่ ประธานกรรมการ และ นางสาวแสงเดือน อุทารวุฒิพงศ์ ผู้จัดการฝ่ายวางแผนกลยุทธ์ บริษัท คาเนโบ คอสเมติกส์ (ประเทศไทย) จำกัด เป็นตัวแทนในการส่งมอบขวด PET ที่รวบรวมได้จำนวน 1,500 ขวด ให้แก่สำนักงานสิ่งแวดล้อม กรุงเทพมหานคร โดยมีนาย นายประพาส เหลืองศิรินภา ผู้อำนวยการสำนักสิ่งแวดล้อม กรุงเทพมหานคร เป็นผู้รับมอบ โดยขวด PET ทั้งหมดสามารถนำไปผลิตชุด PPE ส่งต่อให้แก่เจ้าหน้าที่ที่ดูแลรักษาความสะอาดของกรุงเทพฯ ได้เป็นจำนวนถึง 35 ชุด ผลิตภัณฑ์ อัลลี่ (ALLIE) ผู้บริหาร และทีมงานทุกคน ขอขอบคุณผู้ร่วมสนับสนุนกิจกรรมฯ อันเป็นประโยชน์ต่อโลกและสิ่งแวดล้อมในครั้งนี้ และสัญญาว่าจะยืนยัดในแนวคิด “ความงาม เพื่อโลกที่ยั่งยืน” ต่อไปอย่างไม่เปลี่ยนแปลง
ฉลองใหญ่ซีไรต์ครบ 45 ปี จัดงาน “45 ปี ซีไรต์ มาไกลมาก” ด้าน 3 องค์กรผู้จัด สมาคมภาษาและหนังสือแห่งประเทศไทยฯ หอสมุดและคลังความรู้มหาวิทยาลัยมหิดล และสยามจุลละมณฑล หวังใช้การจัดงานฯ ปลุกกระแสแวดวงวรรณกรรมไทยและอาเซียนให้กลับมาได้รับความสนใจอีกครั้ง พร้อมดึงเยาวชนและนักอ่านรุ่นใหม่ให้สร้างงานเขียนและการอ่านอย่างมีคุณค่า เพื่อพัฒนาศักยภาพพัฒนาความคิดและการเติบโตทางสังคม โดยการจัดงานฯ มีกำหนดจัดขึ้นระหว่างเดือนพฤษภาคม - สิงหาคม 2566
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ธเนศ เวศร์ภาดา นายกสมาคมภาษาและหนังสือแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ กล่าวถึงการเดินทางของรางวัลซีไรต์และการจัดงาน “45 ปีซีไรต์มาไกลมาก” ว่ารางวัลซีไรต์เดินทางมา 45 ปี ทำหน้าที่คัดสรรวรรณกรรม ทั้งนวนิยาย เรื่องสั้น และกวีนิพนธ์ ที่ทรงคุณค่าทางความคิดและวรรณศิลป์ โดยวรรณกรรมซีไรต์มีพัฒนาการด้านแนวคิดและกลวิธีการนำเสนอแบ่งเป็น 3 ช่วง คือ ช่วงที่ 1 หลัง 6 ตุลาคม 2519 สังคมไทยอยู่ในภาวะสุญญากาศทางสังคมการเมือง บรรยากาศด้านวรรณกรรมที่เคยคึกคักเงียบหายไป โดยซีไรต์ได้มาช่วยจุดประกายวรรณกรรมแนวสร้างสรรค์ให้เกิดขึ้น เช่น “เพียงความเคลื่อนไหว” ของเนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ “นาฏกรรมบนลานกว้าง” ของคมทวน คันธนู ซึ่งเป็นวรรณกรรมสร้างสำนึกทางสังคมการเมืองที่คลี่คลายจากวรรณกรรมเพื่อชีวิตยุค 2519
ช่วงที่ 2 ปี 2527 “ซอยเดียวกัน” ของ วาณิช จรุงกิจอนันต์ เป็นหัวเลี้ยวของวรรณกรรมซีไรต์ เปลี่ยนภาพวรรณกรรมเพื่อชีวิตสู่วรรณกรรมสะท้อนสังคม เป็นการก้าวสู่ยุควรรณกรรมสร้างสำนึกในมนุษยชาติ นำเสนอเนื้อหาความสําคัญกับความเป็นมนุษย์ มนุษย์มีคุณค่า ความรัก ความเอื้ออาทร เช่น “ก่อกองทราย” ไพฑูรย์ ธัญญา “ตลิ่งสูงซุงหนัก” นิคม รายยวา “อัญมณีแห่งชีวิต” อัญชัน “มือนั้นสีขาว” ศักดิ์สิริ มีสมสืบ “ม้าก้านกล้วย” ไพวรินทร์ ขาวงาม ฯลฯ
ช่วงที่ 3 ยุคสร้างสรรค์กลวิธีการเขียนแปลกใหม่ ผสมผสานงานเขียนหลายรูปแบบ เช่น “เจ้าจันท์ผมหอม” “นิราศพระธาตุอินทร์แขวน” ของมาลา คำจันทร์ “เวลา” ของชาติ กอบจิตติ “ประชาธิปไตยบนเส้นขนาน” “สิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าคน” ของวินทร์ เลียววาริณ “ความน่าจะเป็น” ของปราบดา หยุ่น และ “แผ่นดินอื่น” ของกนกพงศ์ สงสมพันธุ์
ปัจจุบันวรรณกรรมซีไรต์เปลี่ยนโฉมไปมาก มีสีสันใหม่ๆ ให้แก่วงการวรรณกรรม เช่น “สิงโตนอกคอก” ของจิดานัน เหลืองเพียรสมุท “พุทธศักราชอัสดงของทรงจำของทรงจำของแมวกุหลาบดำ” วีรพร นิติประภา “คืนปีเสือ” จเด็จ กำจรเดช และ “เดฟั่น” ศิริวร แก้วกาญจน์ ถึงวันนี้ซีไรต์เปรียบเป็นคนวัยฉกรรจ์ เดินทางสู่วัยกลางคนผ่านร้อนผ่านหนาว หยัดยืนได้อย่างสง่างาม การจัดงาน “45 ปี ซีไรต์มาไกลมาก” เพื่อยืนยันว่ารางวัลซีไรต์เป็นรางวัลที่มีความสำคัญต่อวงการวรรณกรรมไทยและอาเซียน รวมถึงเป็นการส่งเสริมให้นักเรียน นักศึกษา ครู อาจารย์ ประชาชนทั่วไป หันมาสนใจการอ่านวรรณกรรมซีไรต์กันมากขึ้น พร้อมช่วยกระตุ้นให้วงการวรรณกรรมกลับมาได้รับความสนใจ มีความคึกคัก ทั้งในด้านบรรยากาศการอ่านการเขียนอีกด้วย
ด้านผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.นพพล เผ่าสวัสดิ์ ผู้อำนวยการหอสมุดและคลังความรู้มหาวิทยาลัยมหิดล ในฐานะผู้ร่วมจัดงานฯ กล่าวว่า ในสถานะของสถาบันการศึกษา ซึ่งมีหน้าที่สำคัญในการเป็นแหล่งความรู้ สร้างการศึกษา ส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพ ทั้งในด้านวิชาการ เศรษฐกิจ และสังคมอย่างเท่าเทียม โดยมีหอสมุดและคลังความรู้มหาวิทยาลัยมหิดลถือเป็นหนึ่งในหน่วยงานสำคัญ ที่คอยสนับสนุนความเป็นปัญญาของแผ่นดินตามที่มหาวิทยาลัยตั้งปณิธานไว้ เราพิจารณาว่าการจัดกิจกรรมครั้งนี้จะเป็นประโยชน์ในวงกว้าง ส่งเสริมพัฒนาการด้านความรู้ ความคิดสร้างสรรค์ของคนไทย อันจะส่งผลในระยะยาวกับการพัฒนาประเทศ จึงมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งในการสนับสนุนการจัดงาน “45 ปี ซีไรต์มาไกลมาก”
ส่วนนางสาวจุฑาทิพย์ สุกาญจนาเศรษฐ์ กรรมการผู้จัดการและบรรณาธิการบริหาร บริษัท สยามจุลละมณฑล จำกัด กล่าวถึงการเข้ามาเป็นผู้ดำเนินการจัดงานฯ ในครั้งนี้ว่า สยามจุลละมณฑล เป็นผู้ให้บริการด้านการผลิตและจำหน่ายสื่อเทคโนโลยีเพื่อการศึกษา ผ่านการใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีคุณภาพ โดยประสานเข้ากับความรู้ความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน เพื่อสร้างบริการที่ตอบโจทย์การเรียนรู้ตลอดชีวิตอย่างไร้ขีดจำกัด สอดรับไปกับบริบทสังคมและโลกปัจจุบัน เพื่อนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงในด้านการพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนในสังคม การได้รับความไว้วางใจจากทุกฝ่ายให้เป็นผู้ดำเนินการจัดงาน “45 ปีซีไรต์มาไกลมาก” นับเป็นเกียรติอย่างยิ่ง และเป็นหนึ่งในวัตถุประสงค์หลักของบริษัทฯ ที่ต้องการเชื่อมโยงผู้คนให้เข้าถึงแหล่งเรียนรู้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น
การจัดงาน “45 ปีซีไรต์มาไกลมาก” จะจัดขึ้นระหว่างเดือนพฤษภาคม - สิงหาคม 2566 โดยมีกิจกรรมที่น่าสนใจมากมาย อาทิ การอบรม Online “ซีไรต์ศึกษา” การประกวดจัดโปสเตอร์นิทรรศการ “45 ปีซีไรต์มาไกลมาก” การประกวดสุนทรพจน์ภาษาอังกฤษ การแข่งขัน The S.E.A. Write Quiz ประกวดคอสเพลย์ “ใครเป็นใครในวรรณกรรมซีไรต์” ฯลฯ และจะจัดแสดงผลงานโปสเตอร์นิทรรศการและพิธีมอบเกียรติบัตรและเงินรางวัลในเดือนสิงหาคม 2566 ณ หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร โดยการจัดงานได้รับความร่วมมือจากสำนักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน, กรมส่งเสริมการเรียนรู้ กระทรวงศึกษาธิการ และสำนักการศึกษากรุงเทพมหานคร และได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม, ธนาคารออมสิน และแอปพลิเคชันสอบติดจูเนียร์
นายวิทการ จันทวิมล รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานกลยุทธ์องค์กรและ การสร้างสรรค์ บริษัท เอพี ไทยแลนด์ จำกัด (มหาชน) ผู้นำธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ไทย ภายใต้คำมั่นสัญญา “ชีวิตดีๆ ที่เลือกเองได้” กล่าวว่า ไตรมาส 1 ที่ผ่านมาบริษัทฯ สามารถสร้างรายได้รวมจากสินค้าแนวราบ กลุ่มคอนโดมิเนียม (100% JV) และธุรกิจอื่นๆ ได้สูงถึง 11,805 ล้านบาท ด้านกำไรสุทธิ 1,478 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้าที่มีกำไรสุทธิรวมเท่ากับ 1,154 ล้านบาท เท่ากับ 28% และมีสัดส่วนหนี้สินสุทธิต่อทุน 0.66 เท่า ซึ่งเป็นไปตามนโยบายในการบริหารจัดการสัดส่วนหนี้สินสุทธิในระดับที่ไม่เกิน 1 เท่า
ทั้งนี้ ในไตรมาสที่ผ่านมา สินค้ากลุ่มแนวราบอย่าง ทาวน์โฮม และบ้านเดี่ยวยังถือเป็นคีย์ไดรฟ์สำคัญในการเติบโตทางรายได้และกำไรอย่างแข็งแกร่ง โดยรายได้ที่เกิดขึ้นมาจากสินค้าแนวราบคิดเป็นมูลค่า 8,657 ล้านบาท หรือคิดเป็น 73% ของสัดส่วนรายได้รวมทั้งหมด ซึ่งมีบ้านเดี่ยวแบรนด์ THE CITY เป็นกำลังหลักหนุนสร้างรายได้รวมในกลุ่มแนวราบ
สำหรับสินค้ากลุ่มคอนโดมิเนียม ภาพรวมธุรกิจเริ่มมีแนวโน้มเป็นบวก ประกอบกับสัญญาณการโอนกรรมสิทธิ์เริ่มมีทิศทางที่ดีขึ้น โดยไตรมาสที่ผ่านมานอกจากบริษัทฯ จะโอนกรรมสิทธิ์ปิดจบโครงการ ASPIRE สุขุมวิท-อ่อนนุช เฟส 1 ได้ทั้งโครงการแล้วนั้น บริษัทฯ ยังสร้างรายได้จากการโอนคอนโด แบรนด์ ASPIRE อย่าง ASPIRE รัตนาธิเบศร์ เวสต์ตัน และ ASPIRE เอราวัณ ไพร์ม ได้อย่างต่อเนื่อง รวมถึงคอนโดมิเนียมร่วมทุนอย่าง RHYTHM เจริญกรุง พาวิลเลี่ยน คอนโดมิเนียมโครงการล่าสุดที่เริ่มทยอยรับรู้รายได้ในไตรมาสที่ผ่านมา
โดยไตรมาส 2 เอพีเตรียมเปิดตัวโครงการใหม่ทั้งสิ้น 16 โครงการ มูลค่า 21,030 ล้านบาท เป็นบ้านเดี่ยว 7 โครงการ มูลค่า 9,380 ล้านบาท ทาวน์โฮม 8 โครงการ มูลค่า 8,150 ล้านบาท และคอนโดมิเนียม 1 โครงการ มูลค่า 3,500 ล้านบาท ณ วันที่ 30 เมษายน 2566 บริษัทฯ สามารถสร้างยอดขายรวมได้ทั้งสิ้นมูลค่า 14,264 ล้านบาท แบ่งเป็นยอดขายจากสินค้าแนวราบมูลค่า 10,601 ล้านบาท และคอนโดมิเนียมมูลค่า 3,663 ล้านบาท และมีสินค้ารอรับรู้รายได้ (Backlog) 33,000 ล้านบาท
ปี 2566 บริษัทฯ ตั้งเป้าเปิดโครงการใหม่มากถึง 58 โครงการ มูลค่าประมาณ 77,000 ล้านบาท ตั้งเป้ายอดขาย 58,000 ล้านบาท เป้ารายได้รวม 100% JV ที่ 57,500 ล้านบาท อัปเดตข่าวสารของทุกโครงการใหม่จากเอพี กับ บ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม และคอนโด ตลอดปี 2023 นี้ คลิก
Q2/66 หุ้นเทคโนโลยีขนาดใหญ่ NASDAQ เป็นโอกาสของการลงทุน หลังผลประกอบการออกมาดีกว่าคาด บวกกระแสลงทุนเอไอหนุน อีกทั้งนโยบายของ FED ที่เริ่มเข้าสู่ภาวะผ่อนคลายและยังได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจถดถอยน้อย ขณะที่หุ้นเทคโนโลยีขนาดกลางในตลาดหุ้นจีน มีความน่าสนใจระยะยาวจากนโยบายกีดกันเทคโนโลยีจีนของสหรัฐฯ ส่วนตลาดหุ้นไทยแนะรอจังหวะความชัดเจนทางการเมือง จับตาเสถียรภาพของรัฐบาลใหม่ ชี้ชะตาหุ้นไทยเกิดกระแส Election Rally
นายณพวีร์ พุกกะมาน นักลงทุนและผู้ก่อตั้ง Creative Investment Space (CIS) สถาบันให้ความรู้ด้านนวัตกรรมการลงทุนรูปแบบใหม่ เปิดเผยว่า ผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา (FED) ในสัปดาห์ที่ผ่านมา มีมติขึ้นดอกเบี้ย 0.25% ตามที่ตลาดคาดไว้ และประธาน FED ออกมาแถลงการณ์ว่าอาจจะเป็นการขึ้นดอกเบี้ยครั้งสุดท้ายของปีนี้ แต่ยังคงเป้าหมายการปรับลดอัตราเงินเฟ้อที่ระดับ 2% โดยผลที่ออกมาถือว่าไม่มีอะไรที่ส่งผลต่อตลาดอย่างมีนัยสำคัญ
อย่างไรก็ดี ตลาดได้รับปัจจัยบวกจากการประกาศตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรของสหรัฐฯ (Non-Farm Payrolls) ในคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา และอัตราการว่างงานประจำเดือน ต่างออกมาในมุมที่ดีต่อเศรษฐกิจ โดย Non-Farm Payroll ออกมาสูงกว่าที่คาดไว้ค่อนข้างมาก ที่ระดับ 253,000 ตำแหน่ง จากที่คาดไว้ 180,000 ตำแหน่ง และอัตราว่างงานอยู่ที่ 3.4% น้อยกว่าที่ตลาดคาด
ขณะที่ Dollar Index กลับไม่ได้แข็งค่าขึ้นมากนัก บ่งบอกว่าตลาดได้มองข้ามตัวเลขดังกล่าวไปพอสมควร และให้ความสำคัญกับการประกาศตัวเลขเงินเฟ้อ (CPI Index) ในวันพุธนี้ (10 พ.ค.66) โดยตลาดคาดว่าจะทรงตัวในระดับ 5% จากเดือนก่อน
“หากตัวเลข CPI Index ออกมาต่ำกว่าที่คาดจะส่งผลดีต่อตลาด เพราะจะเป็นการเพิ่มโอกาสที่ FED จะคงดอกเบี้ย หรือ ลดดอกเบี้ย ในปีนี้ แต่ถ้าออกมาเพิ่มขึ้นจะสร้างแรงกดดันต่อตลาดที่ FED อาจต้องกลับลำมาเพิ่มดอกเบี้ยอีกครั้ง”
ทั้งนี้ สินทรัพย์ที่มีความน่าสนใจเพิ่มขึ้นในช่วงที่ผ่านมา คือ หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีในตลาด NASDAQ โดยหลังการประกาศงบการเงินไตรมาสแรกของหุ้นเทคโนโลยีขนาดใหญ่ ทั้ง APPLE, MICROSOFT, ALPHABET และ META ต่างมีผลประกอบการออกมาดีกว่าที่ตลาดคาดไว้ทั้งหมด โดยเฉพาะ APPLE ที่เป็นผู้นำตลาด
สาเหตุหลักนอกเหนือจากยอดขายที่เพิ่มขึ้นแล้ว ต้นทุนดำเนินการยังลดลงหลังจากบริษัทเทคโนโลยีกลุ่มนี้ต่างปรับลดพนักงานไปรวมกว่าหมื่นตำแหน่งในช่วงปลายปีที่แล้วและต่อเนื่องจนถึงต้นปีนี้ ประกอบกับผลกำไรในปี 2565 เริ่มกลับมาเข้าสู่ภาวะปกติจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิดยุติลง
ที่สำคัญหุ้นเทคโนโลยีขนาดใหญ่กำลังเร่งลงทุนในโปรดักต์เกี่ยวกับปัญญาประดิษฐ์ หรือ เอไอ (AI) โดยเฉพาะ MICROSOFT, ALPHABET และล่าสุด META จึงน่าจะเป็นปัจจัยที่ผลักดันความน่าสนใจของนักลงทุนได้พอสมควร และกระแสน่าจะอยู่ไปตลอดทั้งปีนี้
นายณพวีร์ กล่าวว่า ด้วยเหตุผลทั้งด้านงบการเงิน บวกกับปัจจัยบวกใหม่ และทิศทางนโยบายของ FED ที่เริ่มผ่อนคลายทางการเงิน ทำให้หุ้นในดัชนี NASDAQ มีความน่าสนใจอย่างยิ่ง โดยเฉพาะกลุ่มหุ้นขนาดใหญ่ (Big Cap) ที่ได้รับผลกระทบจากสถาวะเศรษฐกิจถดถอย (Recession) ในวงจำกัด เนื่องจากมีธุรกิจกระจายทั่วโลก ต่างจากหุ้นแบบดั้งเดิมที่อยู่ใน S&P500 ซึ่งอาจได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่อาจจะถดถอย
“ตั้งแต่ต้นปี 2566 ที่ผ่านมา ดัชนี NASDAQ ปรับตัวขึ้นมาแล้ว 21.2% เป็นดัชนีที่โดดเด่นที่สุดของโลก ขณะที่ดัชนี S&P500 สร้างผลตอบแทน 7.73% และดัชนี Dow Jones สร้างผลตอบแทน 1.59% แสดงให้เห็นว่าตลาดให้ความสำคัญกับหุ้นเทคโนโลยีมากกว่าหุ้นแบบดั้งเดิม ขณะที่กราฟเทคนิคดัชนี NASDAQ แนวโน้มกำลังเป็นขาขึ้น มีแนวต้านที่ 13,700 จุด และแนวรับ 12,800 จุด ถือเป็นสินทรัพย์ทางเลือกที่น่าสนใจในไตรมาสสองและต่อเนื่องถึงไตรมาสสาม”
นอกจากนั้น อีกสินทรัพย์ที่น่าสนใจ คือ หุ้นเทคโนโลยีจีน ในดัชนี STAR 50 Index ซึ่งจะเป็นหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็ก โดยส่วนใหญ่จะดำเนินธุรกิจผลิตเซมิคอนดัคเตอร์ ซึ่งจะได้ประโยชน์จากนโยบาย CHIPS for America Act ที่จำกัดการสั่งซื้อเซมิคอนดักเตอร์จากจีน ทำให้มีโอกาสสูงที่บริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ของจีนจะสั่งซื้ออุปกรณ์จากบริษัทขนาดกลางในประเทศแทน อีกทั้งรัฐบาลจีนยังให้การสนับสนุนอีกด้วย
ทางด้านกลยุทธ์การลงทุน สามารถมองเป็นการลงทุนระยะกลางถึงยาวได้ โดยนักลงทุนสามารถลงทุนผ่านกองทุน ETF KraneShares SSE STAR Market 50 Index (ETF KSTR) เป็นเกณฑ์มาตรฐาน (Benchmark) หรือ ลงทุนผ่านกองทุนรวมของไทยที่มีนโยบายลงทุนในดัชนี STAR50 ของจีน ได้เช่นกัน
สำหรับ ทิศทางตลาดหุ้นไทย (SET Index) มีประเด็นที่ต้องจับตา คือ เสถียรภาพของว่าที่รัฐบาลใหม่ หลังการเลือกตั้ง ถ้าหากไม่มีฝั่งที่ชนะอย่างชัดเจนจนทำให้เกิดรัฐบาลเสียงข้างน้อย ตลาดหุ้นอาจจะตอบสนองในเชิงลบ เพราะธรรมชาติของตลาดหุ้นไทยชอบความชัดเจน และต้องการรัฐบาลที่มีเสถียรภาพ
“ถึงแม้ว่าสัปดาห์นี้ SET Index เริ่มต้นได้ดี แต่ยังมีความเสี่ยงมาก การลงทุนแนะนำว่ารอดูความชัดเจนของการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ หลังวันที่ 14 พ.ค.66 โดยมองแนวรับสำคัญอยู่ที่ระดับ 1,500 จุด ถ้าหากหลุดจากระดับนี้ ดัชนีมีโอกาสจะเป็นขาลงในระยะยาว แต่ถ้ามีแนวโน้มสูงที่จะได้รัฐบาลใหม่ที่มีเสถียรภาพ น่าจะได้เห็น Election Rally เหมือนที่เคยเกิดขึ้นในอดีต”
ย บริษัท คินน์ เวิลด์ไวด์ จำกัด ภายใต้แบรนด์ “คินน์” (KINN) ผู้นำโภชนเภสัช ผนึกกำลัง รพ.ธนบุรี บำรุงเมือง จัดแคมเปญ “Nutraceutical Trend in Perfect Health โภชนเภสัช เทรนด์ใหม่ของการมีสุขภาพดีที่ยั่งยืนยุคดิจิตัล” รับเทรนด์ใหม่ ปรึกษาก่อนป่วย และการแพทย์ เฉพาะบุคคล หนึ่งในเมกะเทรนด์สุขภาพเชิงป้องกัน เติบโตต่อเนื่องมีมูลค่าตลาดกว่า 1.55 ล้านล้านดอลลาร์มีแนวโน้มและเติบโต 5-10% ในแต่ละปี ผุดแคมเปญ“Nutraceutical Trend in Perfect Health โภชนเภสัช เทรนด์ใหม่ของการมีสุขภาพดีที่ยั่งยืนยุคดิจิทัล” แจกบัตรกำนัลใช้บริการศูนย์การแพทย์ ฟรี!! กระตุ้นคนไทยตื่นตัวดูแลสุขภาพ ตรวจความเสี่ยง พร้อมดูแลสุขภาพให้ดีอยู่เสมอ ช่วยสร้างการรับรู้แบรนด์ ขยายฐานลูกค้า เจาะตลาดคนทำงานและ ผู้สูงอายุ ตั้งเป้ายอดขายแตะ 500 ล้านภายใน 3 ปี
![]()
นางสาวศิริพร อริยพุทธรัตน์ ประธานกรรมการบริหาร และผู้ก่อตั้ง บริษัท คินน์ เวิลด์ไวด์ จำกัด ผู้นำด้านโภชนเภสัช เปิดเผยว่า ล่าสุดบริษัทได้ร่วมมือกับ โรงพยาบาล ธนบุรี บำรุงเมือง ศูนย์การแพทย์เฉพาะทางที่พร้อมดูแลรักษาด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมทางการแพทย์ สำหรับคนทุกเพศ ทุกวัย ในการออกแคมเปญ “Nutraceutical Trend in Perfect Health โภชนเภสัช เทรนด์ใหม่ของการมีสุขภาพดีที่ยั่งยืนยุคดิจิทัล” ครั้งแรกในประเทศไทยที่ 2 ผู้นำด้านสุขภาพร่วมมือกันกระตุ้นคนไทยให้คนไทยหันมาดูแลสุขภาพ โดยเฉพาะวัยทำงานและกลุ่มผู้สูงวัย ซึ่งเป็นกลุ่มเสี่ยงต่อโรคไม่ติดต่อแต่เรื้อรัง NCD’s (Non Communication Disease) ให้ตื่นตัวเช็คระบบสุขภาพร่างกายประจำปี ตั้งแต่การตรวจวัดระดับคอเลสเตอรอล, วัดระดับไขมัน, ระดับไตรกลีเซอไรด์ ซึ่งถือเป็นการตรวจสุขภาพขั้นพื้นฐาน ไปพร้อมกับการสร้างการรับรู้ของทั้งสองแบรนด์ ไปพร้อมกับการขยายฐานผู้ใช้บริการไปยังกลุ่มคนทำงานยุคดิจิทัลและผู้สูงอายุ โดยโรงพยาบาลจะมอบการให้บริการตรวจวัดระดับคอเลสเตอรอล วัดระดับไขมันในเลือด วัดระดับไตรกลีเซอไรด์ วัดระดับไขมันดี HDL ซึ่งเป็นการตรวจสุขภาพขั้นพื้นฐาน
แคมเปญดังกล่าวเป็นการออกแบบมาให้ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ในการเข้ารักการปรึกษาแพทย์ของผู้คนในสังคมที่กำลังจะเปลี่ยนไปสู่ทรนด์ใหม่ จากการปรึกษาเพื่อที่จะ “ไม่เจ็บป่วย” เป็นการปรึกษา เพื่อที่จะ “ปรับปรุงไลฟ์สไตล์ Lifestyle” การดำเนินชีวิต โดยไม่ต้องรอให้เจ็บป่วย แล้วค่อยไปรักษา จะเป็นการศึกษาหาความรู้เพื่อดูแลสุขภาพทุกมิติ ทั้งด้านการใช้ชีวิต การกิน การอยู่ การออกกำลังกาย
แม้กระทั่งการพักผ่อน ในทุกเพศ ทุกวัย โดยเฉพาะคนทำงานในยุคดิจิทัลและผู้สูงอายุที่มีความเสี่ยง- โรคไม่ติดต่อแต่เรื้อรัง ซึ่งประกอบด้วย 4 โรคหลัก ๆ คือ โรคหัวใจและหลอดเลือด, โรคมะเร็งปอด, โรคเบาหวาน และโรคทางเดินหายใจ โดย 90% เกิดจากความเสื่อมชราของร่างกายจากพฤติกรรมการดำเนินชีวิตของตัวเอง ส่งผลให้มีความต้องการการรักษาการแพทย์แบบเฉพาะบุคคล หรือที่เรียกว่า Personalized Medicine มากขึ้นและจะเริ่มต้นจากการตรวจปัจจัยเสี่ยง
ทั้งนี้ “คินน์” ในฐานะผู้นำตลาดสุขภาพด้านอาหารเสริมโภชนเภสัช Nutraceutical ได้นำจุดแข็งของบริษัทมาสนับสนุนเทรนด์การดูแลสุขภาพของคนยุคใหม่ ด้วยการค้นคว้าวิจัยคุณประโยชน์ของจุลินทรีย์ Bio Longevity โดยผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง ด้านเทคโนโลยีที่ทันสมัย อย่างไบโอ ไต้หวัน ประเทศไต้หวัน ในการนำถั่วนัตโตะธรรมชาติมาสกัด จนได้สารสกัดนัตโตะไคเนส (Nattokinase) ที่มีความเข้มข้น 20,000 ไฟบริโนปรินยูนิตต่อกรัมใน 1 แคปซูล ที่มีส่วนช่วยในการลดระดับคอเลสเตอรอล, มีส่วนช่วยลดไตรกลีเซอไรด์ บรรจุอยู่ในแคปซูลมังสวิรัติ ถือเป็นโภชนเภสัชธรรมชาติ 100% ทั้งสารสกัดและแคปซูลบรรจุ นอกจากนี้ยังร่วมการวิจัยกับคณะเทคนิคการแพทย์ มหาวิทยาลัยมหิดล เพื่อศึกษาประสิทธิผลของผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร คินน์ เรด ยีสต์ ไรด์ พาวเดอร์ และนัตโตะ เฟอร์เมนต์เต็ด พาวเดอร์ ต่อระดับไขมันในเลือด และการส่งเสริมสุขภาพด้านอื่น ๆ ด้วยปัจจัยเหล่านี้จึงทำให้เรามีความโดดเด่นในตลาดโภชนเภสัชและได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้บริโภค
ปัจจุบัน บริษัท มีสินค้าจำนวน 4 รายการ แบ่งเป็นกลุ่มสินค้าเพื่อสุขภาพ โดยมีฐานลูกค้ากว่า 500,000 คน และมีเป้าหมายระยะยาว 3 ปี จะมียอดขายแตะ 500 ล้านบาท สามารถครองส่วนแบ่งการตลาดสุขภาพเชิงป้องกันได้ 12 % จากปัจจุบันที่ ครองส่วนแบ่งการตลาดอยู่ 5% ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับภาพรวมธุรกิจในอุตสาหกรรม Health & Wellness ที่มีมูลค่ามากกว่า 1.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐเมื่อปี ก่อนและมีแนวโน้มที่จะเติบโตขึ้น 5-10% ในแต่ละปี
อย่างไรก็ดี “คินน์” ได้เดินหน้ากลยุทธ์ Wellness For Life เพื่อเดินหน้าสนับสนุนส่งเสริมการมีสุขภาพดีเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของคนทุกเพศ ทุกวัย และคนรักสุขภาพ อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการออกแคมเปญที่ร่วมกับ รพ.ธนบุรี บำรุงเมืองนี้ คินน์ได้มอบโอกาสในการเข้าใช้ศูนย์การแพทย์เฉพาะทางเมื่อลูกค้าซื้อสินค้าครบ 4,499.- บาท ในการตรวจวัดระดับคอเลสสเตอรอล, ระดับไขมันไม่ดี LDL, ระดับไขมัน ดี และ ระดับไตรกลีเซอไรด์ ซึ่งมีกลุ่มเป้าหมายเป็นคนวัยทำงาน ผู้สูงอายุ คนรักสุขภาพ เพื่อเน้นย้ำ และขยายการรับรู้ของแบรนด์ คินน์ นัตโตะ ไปยังกลุ่มวัยทำงาน และกลุ่มผู้สูงวัย โรคไม่ติดต่อแต่เรื้อรัง โดยมีตัวช่วยเป็นคินน์ นัตโตะ KINN Natto ซึ่งเป็นตัวช่วยปรับระดับคอเลสเตอรอล โดย เป้าหมายของแคมเปญนี้ การ
ผลักดันนวัตกรรมเสริมอาหารโภชนเภสัช คินน์ นัตโตะ เข้าไปอยู่ในใจของผู้บริโภคชาวไทยทุกคน ตามสโลแกนของแบรนด์ คินน์ “เพื่อชีวิตยืนยาว อย่างยั่งยืน” และคาดว่าเพิ่มการรับรู้และทำให้คินน์ นัตโตะเป็นที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้น ช่วยต่อยอดและสนับสนุนหน่วยธุรกิจใหม่ หรือ New S-Curve ของบริษัทฯ ได้อีกทางปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์อาหารเสริมโภชนเภสัชอยู่ด้วยกันทั้งสิ้น 4 สูตร คือ คินน์ ถั่งเช่าเอ๊กตร้า, คินน์ ถั่งเช่าคลาสสิค, คินน์ หลืนจือสูตรเข้มข้น และคินน์ นัตโตะ และในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ จะมีตามมาอีก 4 สูตร ตามโรดแมพของบริษัทที่วางแผนเป็นอาหารเสริมโภชนเภสัชชั้นนำของประเทศไทยด้วยการใช้เทคโนโลยีทางวิทยาศาสตร์การแพทย์สมัยใหม่ในการวิจัย เพื่อการมีชีวิตยืนยาว อย่างยั่งยืน หรือที่เรียกว่า Integrated Longevity Nutraceutical พร้อมคิดค้นสูตรนิวตร้าซูติคอลผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสูตรอื่น ๆ อีกด้วย
โฟลว์ ยอร์ช คลับ โดยนางนฤมล ยงสกุล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท โฟลว์ ยอร์ช คลับ จำกัด เปิดตัวลักชัวรี่ยอร์ชคลับใหม่ล่าสุดของประเทศไทย และแพลตฟอร์ม ‘โฟลว์ ยอร์ช คลับ’ เพื่อมอบประสบการณ์ในการเล่นเรือท่องเที่ยวทางทะเลอย่างหรูหรา สะดวกสบาย และยังมอบความเป็นส่วนตัวและอิสระในการเดินทางอย่างไร้ข้อกังวลใด ๆ รูปแบบครบวงจรแห่งเดียวในโลก เพื่อให้เป็นคลับของคนที่รักเรือได้มาพบปะพูดคุยและแลกเปลี่ยนประสบการณ์กัน และเป็นการร่วมส่งเสริมวงการเรือยอร์ชในประเทศไทย โดยมีนายวินท์ ภักดีจิตต์ นายเทิดศักดิ์ บุญทศ นายสุระ คณิตทวีกุล นายเกษมสิทธิ์ ปฐมศักดิ์ และแขกผู้มีเกียรติเข้าร่วมงานมากมาย ณ ห้อง Conservatory 1 โรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ กรุงเทพฯ ริมแม่น้ำเจ้าพระยา เมื่อเร็ว ๆ นี้
ภาพบุคคลเรียงจากซ้ายไปขวา
1. นายนายวินท์ ภักดีจิตต์ Mr wynn pakdeejit
2. นายเทิดศักดิ์ บุญทศ Mr theadsak boontos
3. นายวริศ ยงสกุล Mr. Vrit Yongsakul
4. นางนฤมล ยงสกุล Ms.Narumon Yongsakul, CEO of Flow Yacht Club
5. นายสุระ คณิตทวีกุล Mr sura khanittaweekul
6. นายเกษมสิทธิ์ ปฐมศักดิ์ Mr kasemsit pathomsak
ดร.ดนุช ตันเทอดทิตย์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ได้มอบหมายให้ ดร.กร จันทรวิโรจน์ ที่ปรึกษาเลขานุการรัฐมนตรีกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เป็นประธานเปิดงาน “U2T for BCG บทเรียนจากอดีต สู่ความต่อเนื่องยั่งยืน” ที่ศูนย์สินค้าและผลิตภัณฑ์เกษตรอินทรีย์ (IN-C Coffee) มหาวิทยาลัยแม่โจ้-แพร่ เฉลิมพระเกียรติ ต.แม่ทราย อ.ร้องกวาง จ.แพร่ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งพื้นที่เป้าหมายจัดแสดงสินค้าออกสู่ตลาดผู้บริโภค เพื่อขยายโอกาส เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและพัฒนาช่องทางการตลาดทั้งออฟไลน์และออนไลน์ให้แก่ผู้ประกอบการในภาคธุรกิจและภาคบริการต่างๆ นอกจากนี้ยังถือเป็น 1 ใน 4 จังหวัดเป้าหมายประกอบด้วย จ.แพร่ จ.ชลบุรี จ.ระยอง และจ.จันทบุรี ที่ อว.จะถอดบทเรียนโครงการ U2T for BCG ที่ผ่านมาตั้งแต่เริ่มโครงการถึงปัจจุบันว่ามีข้อดี ข้อเสียอย่างไร และจะนำมาปรับปรุงอย่างไรให้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลมากขึ้นในอนาคต
โดย ดร.กร จันทรวิโรจน์ ที่ปรึกษาเลขานุการรัฐมนตรีกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กล่าวว่า กิจกรรมโครงการส่งเสริมการตลาดเพื่อประชาสัมพันธ์และแนะนำผลิตภัณฑ์สินค้า U2T for BCG เป็นโครงการยกระดับเศรษฐกิจและสังคมรายตำบลแบบบูรณาการ มหาวิทยาลัยสู่ตำบลสร้างรากแก้วให้ประเทศ หรือ โครงการ U2T โดยมีมหาวิทยาลัยในพื้นที่เป็นหน่วยบูรณาการโครงการ (System Integrator) การจ้างงาน การฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่มีความครอบคลุมในประเด็นต่าง ๆ ตามปัญหาและความต้องการของชุมชน
ทั้งนี้ งานวันที่ 8 พ.ค.นี้ มีการเสวนาในหัวข้อ “U2T for BCG บทเรียนจากอดีต สู่ความต่อเนื่องยั่งยืน” โดยผู้แทนเครือข่ายการดำเนินงานของ อว.(คลินิกเทคโนโลยี/Science park /OTOP /UBI) มหาวิทยาลัยแม่โจ้-แพร่ เฉลิมพระเกียรติ และตัวแทนผู้ประกอบการด้วย
“ผมหวังว่าการร่วมกันถอดบทเรียนภาพรวมผลการดำเนินงานในพื้นที่ภาคเหนือที่ผ่านมา จะนำปัญหาและอุปสรรคที่พบระหว่างการดำเนินงานมาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นร่วมกัน เพื่อเป็นแนวทางในการขับเคลื่อนกลไกการดำเนินงานและพัฒนาโครงการฯ ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น รวมถึงเป็นการบูรณาการ
การทำงานร่วมกันของเครือข่าย อว. เพื่อยกระดับเศรษฐกิจ สังคม พร้อมขจัดปัญหาความยากจนในพื้นที่ภาคเหนือ และภาคอื่นๆ ด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมสร้างชีวิตใหม่ สร้างผู้ประกอบการมืออาชีพในแต่ละตำบล และทำให้เกิดการสานต่อผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่องและเป็นรูปธรรม”
ดร.กร กล่าวว่า ที่ผ่านมา อว.ได้เห็นศักยภาพในแต่ละพื้นที่ แต่ละตำบลว่ามีศักยภาพ ทั้งในด้านทุนทางมนุษย์ ทุนประวัติศาสตร์ ทุนทางทรัพยากรธรรมชาติ ทุนทางสังคม ทุนทางประเพณีวัฒนธรรม และทุนอื่นๆ มากมาย ที่นำมาสร้างสรรค์สู่การพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์สินค้าชุมชนและยกระดับให้เกิดมาตรฐานต่างๆ มากขึ้น พร้อมทั้งยังทำให้ผลิตภัณฑ์สินค้าชุมชนเข้าถึงผู้บริโภคทั่วประเทศได้มากขึ้น ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ต่างๆ นอกจากนี้ ยังมุ่งเน้นการพัฒนาบรรจุภัณฑ์เป็นสินค้า BCG เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมด้วย
อย่างไรก็ตาม ภายในเดือนนี้ อว.ก็พร้อมปูพรมกิจกรรม “U2T for BCG บทเรียนจากอดีต สู่ความต่อเนื่องยั่งยืน” ต่อเนื่องในทุกพื้นที่จังหวัดภาคตะวันออกด้วย โดยวันที่ 10 พ.ค.จะจัดที่มหาวิทยาลัยบูรพา ต.แสนสุข อ.เมือง จ.ชลบุรี วันที่ 11 พ.ค.จัดที่หมู่บ้านเอื้ออาทรระยอง(วังหว้า) ต.วังหว้า อ.แกลง จ.ระยอง และวันที่ 12 พ.ค.จัดที่มหาวิทยาลัยราชภัฏรำไพพรรณี ต.ท่าช้าง อ.เมือง จ.จันทบุรี
นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ธนาคารออมสิน เตรียมใช้สิทธิ์ขายหุ้น 49% ในบริษัท เงินสดทันใจ จำกัด มูลค่า 1,500 ล้านบาท คืนให้กับบริษัท ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SAWAD ซึ่งเป็นไปตามที่กำหนดไว้ในสัญญาระหว่างผู้ถือหุ้นตั้งแต่เริ่มลงทุน ทั้งนี้ ธนาคารออมสินได้เข้าลงทุนใน บจ.เงินสดทันใจ เป็นระยะเวลา 2 ปี โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อเพิ่มการแข่งขันในตลาดสินเชื่อจำนำทะเบียนรถมอเตอร์ไซค์ ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวสามารถปรับลดโครงสร้างอัตราดอกเบี้ยของตลาดลงได้ประมาณ 8% - 10% ต่อปี จากเดิมอยู่ที่ 26% - 28% ต่อปี ในช่วงที่เริ่มประกาศเปิดตัวโครงการ ปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยลดลงมาอยู่ที่ประมาณ 16% - 18% ต่อปี ซึ่งยังสามารถสร้างผลกำไรให้กับผู้ประกอบการในระดับที่เหมาะสม และช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยให้มีโอกาสเข้าถึงแหล่งเงินกู้ในระบบด้วยต้นทุนสินเชื่อที่ถูกลงและเป็นธรรม โดย บจ.เงินสดทันใจ ได้อนุมัติสินเชื่อที่คิดอัตราดอกเบี้ยต่ำลงแก่ผู้มีรายได้น้อย จำนวนกว่า 1.7 ล้านราย และคาดการณ์ว่ามีผู้ได้รับประโยชน์จากการที่ดอกเบี้ยถูกลงทั้งตลาดสินเชื่อจำนำทะเบียนรถ เป็นจำนวนกว่า 5 ล้านราย
อนึ่ง ภายหลังจากที่ได้ดำเนินการขายหุ้นคืน ธนาคารออมสิน และ บมจ.ศรีสวัสดิ์ ได้ตกลงร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางธุรกิจ โดยธนาคารจะให้สินเชื่อกับ บจ. เงินสดทันใจ ในอัตราดอกเบี้ยที่เหมาะสม ส่วน บจ.เงินสดทันใจ จะยังปล่อยสินเชื่อจำนำทะเบียนรถมอเตอร์ไซค์ด้วยอัตราดอกเบี้ยปกติที่ไม่เกิน 18% เพื่อช่วยเหลือประชาชนผู้มีรายได้น้อยให้เข้าถึงสินเชื่อด้วยอัตราดอกเบี้ยที่เหมาะสมต่อไป.