December 15, 2025

“บมจ.แอสเซท ไฟว์ กรุ๊ป หรือ A5” ประกาศผลงานไตรมาสแรกของปี 2566 โกยกำไรสุทธิ 86.79 ล้านบาท สูงเป็น New High พุ่งเฉียด 66% YoY รับรู้รายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์รวม 337.01 ล้านบาท เติบโต 5.41%YoY รับอานิสงส์เศรษฐกิจฟื้น และผลตอบรับที่ดีของโครงการใหม่อย่าง CINQ ROYAL Krungthep Kreetha ( แซงค์ รอยัล กรุงเทพกรีฑา ) พร้อมโกยส่วนแบ่งกำไรต่อเนื่องจากโครงการ Tonson One Residence (ต้นสน วัน เรสซิเดนซ์) คอนโดมิเนียมระดับซูเปอร์ลักซ์ชัวรี่ ที่เตรียมพร้อมเปิดให้เข้าชมตึกจริง และโอนกรรมสิทธิ์รับรู้รายได้ในเร็วๆนี้ ลุยปักธงเปิดโครงการใหม่อีก 4 โครงการในปี 2566- 2567 มูลค่ากว่า 8,400 ล้านบาท ล่าสุดได้รับสนับสนุนสินเชื่อโครงการจาก ธนาคารเกียรตินาคินภัทรวงเงิน 923 ล้านบาท เดินหน้าก่อสร้างบ้านเดี่ยวโครงการใหม่ย่านราชพฤกษ์ ภายใต้แบรนด์ “วนา” ต่อยอดความสำเร็จของการพัฒนาของโครงการ วนา เรสซิเดนซ์ พระราม9-ศรีนครินทร์ คาดเตรียมเปิดตัวปลายปี 2566 นี้

นายศุภโชค ปัญจทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซท ไฟว์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ A5 เปิดเผยว่า บริษัทฯประสบความสำเร็จในการดำเนินงานในไตรมาสแรกของปี 2566 จากภาพรวมของดัชนีความเชื่อผู้บริโภคที่ฟื้นตัวกลับมา หลังจากสถานการณ์ของโรคระบาดคลี่คลาย โดยบริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 86.79 ล้านบาท เติบโต 66.75% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 52.05 ล้านบาท มีรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์จำนวน 337.01 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.41% จากไตรมาสที่ 1 ปี 2565 โดยมีรายได้มาจากการขายและโอนกรรมสิทธิ์โครงการพร้อมอยู่ทั้งหมด 4 โครงการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกิดจากการโอนกรรมสิทธิ์บ้านเฟสแรกของโครงการแซงค์ รอยัล กรุงเทพกรีฑา ที่เพิ่งเปิดตัวไปในช่วงต้นปี 2566 ซึ่งเป็นโครงการที่บริษัทได้รับผลตอบรับเป็นอย่างดี

อีกทั้ง ไตรมาสที่ 2 ปีนี้บริษัท เตรียมรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากโครงการ Tonson One Residence (ต้นสน วัน เรสซิเดนซ์) คอนโดมิเนียมระดับซูเปอร์ลักซ์ชัวรี่ สูง 29 ชั้น ห้องพักอาศัยเพียง 80 ยูนิต บนทำเลที่ดีที่สุดใจกลางกรุงเทพมหานคร ในซอยต้นสน ย่านเพลินจิต และชิดลม ซึ่งปัจจุบันมียอดจองซื้อแล้วกว่า 87% ล่าสุดเตรียมพร้อมเปิดให้เข้าชมตึกจริง และโอนกรรมสิทธิ์รับรู้รายได้ในเร็วๆ นี้

โครงการ Tonson One Residence (ต้นสน วัน เรสซิเดนซ์) เป็นคอนโด High Rise สูง 29 ชั้น ห้องพักอาศัยเพียง 80 ยูนิต พร้อมลิฟต์ส่วนตัวทุกห้อง บนที่ดินในซอยต้นสน ขนาดประมาณ 1 ไร่ เป็นที่ดินแบบ Freehold มีห้องพักอาศัย 4 รูปแบบ ตั้งแต่แบบ 1 ห้องนอน 2 ห้องนอน 3 ห้องนอน แบบ Penthouse และ Duplex Penthouse จัดเต็ม Facilities อาทิ ห้องรับรองและห้องประชุม , ห้องจัดเลี้ยงและครัวอเนกประสงค์, สระว่ายน้ำระบบน้ำอุ่น, Jacuzzi, ฟิตเนส, ที่จอดรถอัตโนมัติ ทั้งยังโดดเด่นด้านทำเลใกล้ศูนย์การค้าชั้นนำ โรงเรียน มหาวิทยาลัย โรงพยาบาล สวนสาธารณะ เป็นต้น

นายศุภโชค กล่าวเพิ่มเติมว่า จากการฟื้นตัวของภาพรวมเศรษฐกิจ ในปี 2566 บริษัทฯวางกลยุทธ์เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้พอร์ตโฟลิโอ (Portfolio) โดยมีแผนเปิดโครงการใหม่ 4 โครงการ ภายในปี 2567 มูลค่าโครงการรวม 8,400 ล้านบาท ซึ่งล่าสุดบริษัทฯ ได้รับการสนับสนุนสินเชื่อโครงการจาก ธนาคารเกียรตินาคินภัทร วงเงิน 923 ล้านบาท สำหรับใช้ในการก่อสร้างบ้านเดี่ยวโครงการใหม่ย่านราชพฤกษ์ มูลค่าโครงการ 1,700 ล้านบาท คาดเตรียมเปิดตัวปลายปี 2566 นี้ โครงการดังกล่าวจะถูกพัฒนาภายใต้แบรนด์ “วนา” ต่อยอดความสำเร็จของการพัฒนาโครงการ วนา เรสซิเดนซ์ พระราม9-ศรีนครินทร์ บ้านเดี่ยว 3 ชั้นระดับซูเปอร์ลักชัวรี่ ที่ปิดโครงการไปในปีที่ผ่านมา ซึ่งปัจจุบันที่ดินดังกล่าวอยู่ระหว่างการพัฒนาโครงการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว การที่บริษัทฯได้รับอนุมัติสินเชื่อโครงการครั้งนี้สะท้อนถึงความเชื่อมั่นในศักยภาพของบริษัทฯ จากสถาบันการเงินดังกล่าว ซึ่งบริษัทฯจะนำมาใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนเพื่อรองรับการพัฒนาโครงการใหม่ต่อไป

ต่อเนื่องในปี 2567 เตรียมเปิดตัวโครงการใหม่อีก 3 โครงการ มูลค่าโครงการ 6,700 ล้านบาท ประกอบด้วย โครงการแบรนด์ “วนา” เป็นโครงการที่ 3 มูลค่าโครงการ 3,400 ล้านบาท โครงการแบรนด์ “แซงค์ รอยัล” โครงการที่ 2 มูลค่าโครงการ 1,600 ล้านบาท และโครงการ “รธานี” ซึ่งเป็นการสร้างแบรนด์ใหม่ขึ้นมา ตั้งอยู่อำเภอบ้านช้าง จังหวัดอุดรธานี มูลค่าโครงการ 1,700 ล้านบาท ทำให้ในปี 2566-2567 บริษัทฯ จะมีโครงการใหม่รวมมูลค่ากว่า 8,400 ล้านบาท โดยทั้ง 3 โครงการมีที่ดินเตรียมพร้อมพัฒนาแล้วทั้งหมด

บมจ.กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต ร่วมรณรงค์วันสากลยุติความเกลียดกลัวคนรักเพศเดียวกัน คนรักสองเพศ คนหลากหลายทางเพศ และคนข้ามเพศ (IDAHOBIT) เพื่อส่งเสริมความเท่าเทียมกันในที่ทำงาน สามารถเป็นตัวของตัวเองได้อย่างมีอิสระ และไม่มีข้อจำกัด ผ่านกิจกรรม “IDAHOBIT – Together Always: United in Diversity” นำโดย คุณแซลลี่ โอฮาร่า ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (คนที่ 2 จากซ้าย) และ คุณบุปผาวดี โอวรารินท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ฝ่ายทรัพยากรบุคคลและภาพลักษณ์องค์กรและการสื่อสารองค์กร (คนที่ 2 จากขวา) ร่วมรณรงค์วันสากลยุติความเกลียดกลัวคนรักเพศเดียวกัน คนรักสองเพศ คนหลากหลายทางเพศ และคนข้ามเพศ (IDAHOBIT) ต้อนรับลูกค้า และพนักงาน พร้อมกล่าวถึงความสำคัญของสิทธิเท่าเทียมกัน และความมุ่งมั่นของบริษัทฯ ในการส่งเสริมความเท่าเทียม และความหลากหลาย ภายใต้ธีมของปีนี้ คือ “Together Always: United in Diversity รวมกันเป็นหนึ่ง เพื่อความแตกต่างที่หลากหลาย” เพื่อเป็นการตอกย้ำว่าทุกคนมีสิทธิในการแสดงออกทางเพศของตนได้อย่างอิสระ โดยปราศจากความรุนแรงทางจิตใจหรือร่างกาย

โดยภายในงานได้รับเกียรติจาก คุณปอย-ตรีชฎา หงส์หยก (คนกลาง) มาร่วมพูดคุยเรื่องความหลากหลาย และเติบโตไปด้วยกัน ทั้งนี้ กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต ขอเป็นอีกหนึ่งองค์กรที่ร่วมเป็นกระบอกเสียง เพื่อสร้างความตระหนักรู้ในเรื่องของการเคารพสิทธิซึ่งกันและกัน ภายใต้แนวคิด I&D (Inclusion and Diversity) ในการสนับสนุนให้ทุกคนเป็นตัวของตัวเองในที่ทำงาน (Be Yourself At Work) เพราะเราเชื่อว่า เมื่อทุกคน ได้เป็นตัวของตัวเอง ได้เป็นอิสระในสิ่งที่อยากเป็น ซึ่งจะช่วยให้ทุกคนได้แสดงศักยภาพภายในของตัวเองได้อย่างเต็มที่ และพัฒนาองค์กรของเราให้เติบโตอย่างยั่งยืน บริษัทฯ พร้อมอยู่เคียงข้างทุกความเชื่อมั่น ดูแลกันตลอดไป

ไทยพาณิชย์ โพรเทค เปิดแผนธุรกิจปี 2566 ต่อยอดทิศทางแบงก์แม่ จับโจทย์ผลิตภัณฑ์ประกันเป็นหนึ่งในรากฐานการสร้างความมั่งคั่ง พร้อมมอบประสบการณ์บริการที่เชื่อมถึงกันแบบไร้รอยต่อจากทุกช่องทางสู่ทุกภูมิภาคจากการวางระบบรากฐานข้อมูลเทคโนโลยีจากสำนักงานใหญ่ เพื่อการให้บริการที่เข้าใจง่ายและใส่ใจ ครอบคลุมทั่วพื้นที่สำคัญในประเทศไทยเพื่อการเติบโตระยะยาว ประเดิมเปิดศูนย์กลางการดำเนินงานภาคเหนือที่ จ.เชียงใหม่ เป็นแห่งแรก เพื่อสนับสนุนศักยภาพงานขายและบริการเต็มรูปแบบ พร้อมเปิดตัวผลิตภัณฑ์ประกันกลุ่มราคาสุดคุ้ม เพื่อช่วยตั้งต้นวางแผนชีวิตอย่างมั่นคงสำหรับกลุ่มอาชีพอิสระ โดยออกแบบประกันกลุ่มอุบัติเหตุสุดคุ้มเริ่มต้นเพียง 225 บาทต่อปี นำร่อง 5 องค์กรภาคธุรกิจและท่องเที่ยวเชียงใหม่ ตั้งเป้าผลักดันเบี้ยรับรวมและรายได้ปี 2566 โต 200%

 

นางสาวปรมาศิริ มโนลม้าย รองผู้จัดการใหญ่อาวุโส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจประกัน ธนาคารไทยพาณิชย์ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยพาณิชย์ โพรเทค จำกัด ซึ่งดำเนินธุรกิจนายหน้าประกันชีวิตและประกันวินาศภัย เปิดเผยว่า “จากการวางรากฐานการทำงานเพื่อสร้างการเจริญเติบโตในช่วงที่ผ่านมา การนำเสนอผลิตภัณฑ์ด้านความคุ้มครองที่คุ้มค่าและพัฒนาช่องทางการติดต่อลูกค้าทั้งออฟไลน์และออนไลน์ เพื่อให้ผู้บริโภคกลุ่มแมสเข้าถึงความคุ้มครองที่ต้องการได้อย่างง่ายดาย โดยเฉพาะช่องทางประกันออนไลน์ (Digital Insurance) https://online.scbprotect.co.th/ ส่งผลให้บริษัท ไทยพาณิชย์ โพรเทค จำกัด ก้าวขึ้นมาเป็นบริษัทนายหน้าประกันชีวิตและประกันวินาศภัยที่มียอดกรมธรรม์ผ่านช่องทางออนไลน์ที่เติบโตรวดเร็วที่สุดในตลาด ด้วยอัตราการเติบโตเฉลี่ย 200% ต่อเดือน บริษัทมีผลประกอบการที่โดดเด่น โดยในปี 2565 ที่ผ่านมา บริษัทมีเบี้ยรับรวม 1.7 พันล้านบาท และฐานลูกค้าเพิ่มขึ้นกว่า 1.8 แสนราย”

ในปี 2566 นี้ บริษัท ไทยพาณิชย์ โพรเทค ตั้งเป้าหมายเติบโตอย่างมีศักยภาพ โดยกำหนดกลยุทธ์สอดรับกับกลยุทธ์ของธนาคารไทยพาณิชย์ที่ประกาศเป็น “ดิจิทัลแบงก์ที่เป็นอันดับหนึ่งด้านการบริหารความมั่งคั่ง พร้อมมอบประสบการณ์การให้บริการที่เชื่อมถึงกันอย่างไร้รอยต่อในทุกช่องทาง” ด้วยการวางโครงสร้างการให้บริการและการวางระบบรากฐานข้อมูลเทคโนโลยี IT infrastructure ให้สามารถรองรับการให้บริการที่เชื่อมถึงกันอย่างไร้รอยต่อ (Omni-Channel) จากช่องทางการขายที่แตกต่างกัน เป็นการผสานความสะดวกสบายในการเข้าถึงความคุ้มครองผ่านทางดิจิทัลกับการดูแลและให้บริการลูกค้าด้วยใจจากพนักงานทั้งก่อนและหลัง

การขาย รวมถึงการพัฒนา AI ในการเรียนรู้และวิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้าเพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์และค่าเบี้ยที่คุ้มค่าผ่านช่องทางการขายที่เหมาะสมสำหรับลูกค้าแต่ละราย และการขยายเครือข่ายสู่ภูมิภาคหลัก โดยจะทยอยเปิดศูนย์กลางการดำเนินงานประจำภูมิภาคต่างๆ ทั่วประเทศ ประเดิมภาคเหนือ จ.เชียงใหม่เป็นแห่งแรก โดยตั้งเป้าภูมิภาคจะมีส่วนผลักดันให้เบี้ยรับรวมและรายได้ปีนี้เติบโต 200%

“เชียงใหม่เป็นเมืองหลักของธุรกิจการค้าและการท่องเที่ยวของประเทศไทย และตลาดแรงงานปรับดีขึ้นต่อเนื่อง สะท้อนจากจำนวนผู้ประกันตนมาตรา 33 จังหวัดเชียงใหม่ ในไตรมาสแรกของปี 2566 เติบโต 30%*1 อีกทั้งยังพบว่าหลังจากสถานการณ์โควิดดีขึ้นนั้น มีแรงงานกลับคืนถิ่นจำนวนมาก และต้องการมีอาชีพที่มั่นคง จนปัจจุบัน ศูนย์กลางการดำเนินงานประจำภาคเหนือ มีพนักงาน รวมทั้งสิ้น 450 คน พร้อมกันนี้ บริษัทฯ ลงนามความร่วมมือกับ 5 องค์กรภาคธุรกิจการค้าและการท่องเที่ยวเชียงใหม่ ประกอบด้วย สภาอุตสาหกรรมจังหวัดเชียงใหม่ สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ สมาพันธ์ SME ไทย จังหวัดเชียงใหม่ สมาคมส่งเสริมพัฒนาผู้ประกอบการไทยจังหวัดเชียงใหม่ ATED.CM และสมาคมโรงแรมไทยภาคเหนือ (ตอนบน) สนับสนุนผลิตภัณฑ์ประกันกลุ่มราคาพิเศษสุด เพื่อช่วยตั้งต้นวางแผนชีวิตอย่างมั่นคงสำหรับกลุ่มอาชีพอิสระเกี่ยวกับธุรกิจการค้าและการท่องเที่ยวซึ่งเป็นหัวใจหลักของภาคเหนือสามารถเข้าถึงประกันที่จำเป็นได้ในราคาคุ้มค่า”

นางสาวปรมาศิริ กล่าวว่า บริษัทฯ ร่วมมือกับ ซันเดย์ ประกันภัย บริษัทอินชัวร์เทคชั้นนำในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ SCB 10X ถือหุ้นอยู่ พัฒนาผลิตภัณฑ์และระบบที่ทันสมัยเหมาะกับลูกค้าในยุคดิจิทัลที่สามารถรับความคุ้มครองง่ายๆ ผ่านมือถือ ออกประกันกลุ่มอุบัติเหตุสุดคุ้ม (Group Personal Accident) ประกันพื้นฐานความคุ้มครองสำหรับความเสี่ยงในการใช้ชีวิตประจำวันที่เกิดขึ้นได้บ่อยสำหรับทุกวัย โดยสามารถทำได้ทั้งพนักงานองค์กร สมาชิกในองค์กรและครอบครัวของคนในองค์กร ด้วยค่าเบี้ยเริ่มต้นเพียงปีละ 225 บาท รับความคุ้มครองชีวิตจากอุบัติเหตุสูงถึง 100,000 บาท และอีกไฮไลต์สำคัญคือประกันกลุ่มอุบัติเหตุ PA แผน 6 ที่มีค่ารักษาพยาบาลจากอุบัติเหตุครั้งละ 5,000 บาท ไม่จำกัดจำนวนครั้ง และความคุ้มครองชีวิตจากอุบัติเหตุสูงถึง 500,000 บาท ด้วยค่าเบี้ยเพียง 1,180 บาทต่อปี นอกจากนี้ ยังมีประกันกลุ่มรถทัวร์ รถตู้ ประกันทรัพย์สินและโรงงาน ให้บริการอีกในลำดับถัดไป การขยายเครือข่ายสู่ภูมิภาคนี้ บริษัทตั้งเป้าสร้างเบี้ยรับเพิ่มภาคละ 720 ล้านบาทต่อภาคต่อปี

ทั้งนี้ บริษัทฯ มีแผนที่จะขยายศูนย์กลางการดำเนินงานประจำภาค โดยภาคถัดไป คือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่จังหวัดขอนแก่น โดยจะเริ่มรับสมัครทีมงานในไตรมาส 3 ของปีนี้กว่า 300 อัตรา จุดเด่นของงานเช่น งานเทเลเซลล์ คือ เป็นสัญญาจ้างพนักงาน มีเงินเดือนประจำ เบี้ยขยัน ค่าคอมมิชชั่นตามผลงาน รางวัลพิเศษตามแคมเปญ และสวัสดิการต่างๆ นอกจากนี้ บริษัทยังส่งเข้าอบรมและส่งสอบใบอนุญาตโดยไม่มีค่าใช้จ่าย เป็นต้น โดยรับทั้งผู้ที่มีประสบการณ์งานขายประกันและนักศึกษาจบใหม่ บริษัทฯ คาดว่าจะ

ได้รับการตอบรับอย่างล้นหลามเช่นที่จังหวัดเชียงใหม่ ผู้สนใจสามารถแอดไลน์ @scbprotect เพื่อติดตามประกาศเกี่ยวกับการรับสมัครงานและโปรโมชั่นประกันดีๆ คุ้มๆ ได้ตลอดทั้งปี

บริษัทฯ มีแนวทางที่สอดคล้องกับแบงก์แม่ คือ การให้บริการที่เชื่อมถึงกันอย่างไร้รอยต่อในทุกช่องทาง โดยยึดหลักการดูแลด้วยใจและใส่ใจบริการ ด้วยการบริการที่หลากหลายช่องทาง นำโดย 1314 SCB Protect Customer Service Center เป็นศูนย์กลางการให้บริการหลังการขายและตอบคำถามเกี่ยวกับประกันจากทุกช่องทาง ความสามารถในการรองรับการให้บริการจาก 200 คนต่อเดือนในช่วงเริ่มต้น เป็น 200 คนต่อวันในปี 2566 ช่องทางดิจิทัลอย่าง LINE Official Account (LINE OA) SCB Protect, Facebook SCB Protect และอีเมล และในปี 2566 นี้ ได้เชื่อมต่อระบบประกันออนไลน์ และประกันรถยนต์ทางโทรศัพท์เข้ากับ LINE OA SCB Protect ทำให้สามารถสอบถามเกี่ยวกับประกันที่สนใจ ทำรายการซื้อจนจบจ่ายเงิน และรับความคุ้มครองผ่านทางไลน์ได้อย่างปลอดภัย เป้าหมายสำคัญคือการเชื่อมต่อทุกระบบเพื่อเป็น One-Stop Service ในการให้บริการลูกค้าสำหรับทุกประเภทประกัน เพื่อให้คนไทยเข้าถึงประกันที่ต้องการได้ในราคาที่คุ้มค่า ผ่านการบริการที่สะดวกรวดเร็วในปี 2567

กรุงเทพฯ (18 พฤษภาคม 2566) – อากาศหนาว คือ ห้วงเวลาแห่งความสุขของคนไทยส่วนใหญ่ แต่รู้หรือไม่ยังมีคนบางกลุ่มในประเทศไทยที่อากาศหนาวมิได้หมายถึงห้วงเวลาแห่งความสุข แต่กลับเป็นความทุกข์ที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงและป้องกันได้ ในทุกๆ ปี ประเทศไทยของเรายังคงมีผู้เสียชีวิตจากภัยหนาวจำนวนมาก และคนในพื้นที่ประสบภัยหนาวส่วนใหญ่ ไม่มีแม้เสื้อผ้าที่คอยมอบความอบอุ่นได้เพียงพอ

ยูนิโคล่ ตระหนักถึงความลำบากของผู้ที่ประสบภัยหนาวของประเทศไทย จึงมีความตั้งใจและตั้งเป้าหมายที่จะรวบรวมเสื้อกันหนาว จำนวน 50,000 ตัว ภายในปี 2566 เพื่อนำไปบริจาคให้แก่ผู้ประสบภัยหนาวภายในประเทศ ผ่านโครงการ ‘RE.UNIQLO’ ซึ่งเป็นโครงการที่ดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2559 เพื่อการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน ในการ RECYCLEและ REUSE เสื้อผ้าที่ใม่จำเป็นแล้ว โดยในปีนี้ เสื้อกันหนาวที่เราได้รับ จะถูกส่งต่อผ่านมูลนิธิกระจกเงา มูลนิธิบ้านร่มไทร และ UNHCR เพื่อกระจายเสื้อกันหนาวไปให้ถึงมือผู้รับ ยูนิโคล่เชื่อในพลังแห่งเสื้อผ้าว่าสามารถสร้างอนาคตที่ดีขึ้นได้

ยูนิโคล่ จึงขอเชิญชวนคนไทยมาร่วมกันบริจาคเสื้อกันหนาว และเสื้อแขนยาวทุกชนิดที่ท่านอาจไม่ได้ใช้งานแล้ว เพื่อร่วมกันส่งต่อเสื้อผ้าเหล่านี้ไปให้กับผู้ที่ยังขาดแคลนและมีความจำเป็นต้องใช้งาน เพื่อร่วมกันมอบความอบอุ่นให้แก่ผู้ที่ประสบภัยหนาว และป้องกันเหตุผู้เสียชีวิตจากภัยหนาวที่จะมาถึงเพราะเสื้อกันหนาวเพียง 1 ตัวของคุณ อาจมีค่ามากสำหรับผู้ประสบภัยหนาวให้ผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้ไปได้

มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งกับเราในโครงการ RE.UNIQLO นำเสื้อกันหนาวตัวเก่าของคุณ ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์ใดก็ตาม ไปบริจาคที่กล่องรับบริจาคเสื้อผ้า ณ ร้านยูนิโคล่ทุกสาขาได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ดูตำแหน่งสาขาได้ที่ https://map.uniqlo.com/th/th/ และศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับแคมเปญ RE.UNIQLO ได้ที่ https://www.uniqlo.com/th/th/news/topics/2023042801/

หลังจากการเลิกจ้างพนักงานจำนวนมากของบริษัทในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีทำให้ผู้นำธุรกิจและเทคโนโลยีต่างสรุปว่า “ภาวะขาดแคลนบุคลากรไอทีที่มีทักษะสูง (หรือ Tech Talent Crunch)” นั้นได้ผ่านพ้นไปแล้ว

แต่สิ่งที่ปรากฏอาจเป็นเพียงภาพลวงตา ผลวิจัยล่าสุดของการ์ทเนอร์พบว่า 86% ของผู้บริหารเทคโนโลยีสารสนเทศระดับสูง (CIOs) บอกว่าพวกเขากำลังเผชิญกับการชิงตัวบุคลากรที่มีคุณสมบัติอย่างที่ต้องการ และอีก 73% มีความกังวลกับประสิทธิภาพของบุคลากรไอทีที่ลดลง

ปัญหาขาดแคลน Tech Talent ยังมีอยู่ต่อไป

วิกฤติการขาดแคลนบุคลากรไอทียังไม่จบสิ้น เนื่องจากปัจจุบันยังมีอุปสงค์แรงงานด้านนี้มากกว่าอุปทานที่มีอยู่ในตลาดเป็นอย่างมาก การ์ทเนอร์คาดว่าปัญหานี้จะส่งผลกระทบลากยาวไปถึงปี 2569 เป็นอย่างน้อย สอดคล้องกับปริมาณการใช้จ่ายด้านไอทีตามที่คาดการณ์

พนักงานที่ได้รับผลกระทบจากเหตุเลิกจ้างจำนวนมากนั้นอยู่ในสายงานธุรกิจไม่ใช่สายเทคโนโลยีและงานด้านไอทียังมีโอกาสอยู่อีกมากนอกจากบริษัทในสายเทคโนโลยี สิ่งสำคัญเพื่อทำความเข้าใจปัญหาขาดแคลนแรงงานไอทีที่มีทักษะสูงอย่างแท้จริงคือต้องมองไปให้ไกลกว่ากลุ่มบริษัทเทคฯ

การปรับลดแรงงานจำนวนมากในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ส่วนใหญ่เกิดขึ้นจากบริษัทที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ต่าง ๆ พยายามปรับให้ราคาหุ้นอยู่ในระดับที่เหมาะสมและเพื่อลดค่าใช้จ่ายตามโจทย์ของผู้ถือหุ้น แม้การเลิกจ้างเหล่านี้จะได้รับการชี้แจงว่าเป็นการปรับลดหลังเกิดการจ้างงานมากเกินความเป็นจริง แต่จากข้อมูลแสดงให้เห็นว่าการจ้างงานใหม่ไม่จำเป็นต้องได้รับผลกระทบไปด้วย ดังนั้นการปลดพนักงานเมื่อไม่นานมานี้จะส่งผลกระทบทั้งต่อตัวพนักงานและโครงการใหม่ ๆ อย่างเป็นวงกว้าง ตามที่องค์กรหันไปให้ความสำคัญกับผลิตภัณฑ์และบริการหลัก ๆ เพื่อสร้างโอกาสทางการตลาดที่เจาะจงมากขึ้นแก่บริษัท ผลวิจัยการ์ทเนอร์พบว่าบริษัทที่อยู่เบื้องหลังการเลิกจ้างพนักงานที่มีความสามารถด้านเทคโนโลยีครั้งใหญ่ที่สุด 10 อันดับ ยังคงมีการจ้างงานรวมกว่า 150,000 คน ซึ่งมากกว่าเมื่อต้นปี 2563  เนื่องจากตลาดยังมีความผันผวนและแกว่งไปมาตามภาวะปั่นป่วนทางเศรษฐกิจ รวมถึงการปรับตัวรับมือกับการแพร่ระบาดที่มีอย่างต่อเนื่อง และการให้ความสำคัญของทักษะการทำงานที่เปลี่ยนไป สำคัญมากที่ผู้นำธุรกิจและสารสนเทศต้องไม่ตีความเหตุเลิกจ้างในปัจจุบันผิดไป แต่ภาวะขาดแคลน Tech Talent จะยังดำเนินต่อไปอีกนาน แม้ความผันผวนของตลาดในปัจจุบันจะบรรเทาลงไปใช้กลยุทธ์ดึงบุคลากรไอทีระดับท็อป ผู้นำเทคโนโลยีมีหน้าที่สร้างการเติบโตให้องค์กรด้วยการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาปรับใช้ต้องมองให้ไกลกว่าข่าวการเลิกจ้างที่เข้ามารบกวนใจ เพื่อให้เห็นถึงสัญญาณต่าง ๆ ที่กำลังจะเกิดขึ้นในตลาด การขาดแคลนบุคลากรที่มีความรู้และทักษะด้านเทคโนโลยีถือเป็นเรื่องสำคัญ เพราะ CIO กำลังสูญเสียพนักงานที่มีความสามารถเร็วกว่าที่จะว่าจ้างได้ทัย โดยเฉพาะในส่วนงานหลัก เช่น วิทยาศาสตร์ข้อมูล (Data Science), วิศวกรรมซอฟต์แวร์ (Software Engineering) และ ความปลอดภัยทางไซเบอร์ (Cybersecurity) ที่ตลาดยังขาดแคลนและแย่งชิงตัวกันอย่างหนัก และจะหนักเพิ่มมากขึ้นไปอีก ผู้นำไอทีต้องรับมือกับการแข่งขันเพิ่มขึ้นในกลุ่มบุคลากรที่มีความสามารถ และค่าจ้างก็จะปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

การมอบโอกาสการเติบโตทางดิจิทัลให้องค์กรนั้นจะประสบความสำเร็จก็ต่อเมื่อเข้าใจถึงภาวะขาดแคลน Tech Talent เมื่ออุปทานภาพรวมของแรงงานสายนี้ในตลาดเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยไม่กี่เปอร์เซ็นต์ CIO สามารถใช้โอกาสนี้เสริมความพยายามในการสรรหาบุคลากรของตน ถึงเวลาแล้วที่ CIO ต้องใช้กลยุทธ์เพื่อให้ได้มาซึ่งบุคลากรไอทีระดับท็อป แทนที่จะสรรหาไปตามกลไกตลาด

จะเก็บรักษาและดึงดูดใจคนเก่ง ๆ ได้อย่างไร ?

CIO ต้องมีความตั้งใจจริงสำหรับนำแนวทางปฏิบัติที่ได้รับการพิสูจน์แล้วมาใช้ เพื่อดึงดูดบุคลากรที่มีทักษะสูงเข้ามาร่วมทำงานในองค์กรอย่างมีประสิทธิภาพตรงตามตำแหน่งงานที่เปิดรับสมัครได้อย่างรวดเร็ว ตัวอย่างเช่น

*ควรขยายขอบเขตการรับสมัครให้เจาะกลุ่มคนที่ไม่ได้ตั้งใจหางาน (Passive IT Candidates) หรือผู้สมัครงานที่มีงานทำอยู่ในปัจจุบันและไม่ได้มองหางานใหม่ แต่อาจเปิดรับโอกาสทางอาชีพที่ดีกว่าหากมีข้อเสนอที่น่าสนใจเข้ามา เนื่องจากแผนการจ้างงานด้านไอทีจำนวนมากถูกออกแบบมาเพื่อกำหนดเป้าหมายไปยังคนที่ตั้งใจหางาน (Active Job Seekers) มากกว่าคนที่ไม่ได้ตั้งใจหางาน จุดนี้ทำให้เสียโอกาสในการค้นหาผู้สมัครงานไอทีที่ครอบคลุมทั้งในเชิงคุณภาพและปริมาณ

*เพิ่มโครงการแนะนำพนักงาน (Employee Referral Programs) หรือการใช้ความฉลาดของเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) เป็นสองวิธีที่ยอดเยี่ยมในการเฟ้นหาผู้สมัครงานแบบพาสซีพจากการค้นหาผ่านโซเซียลมีเดีย

ทักษะที่ไม่มีในตลาดแรงงานไอที สามารถหาได้จากการกำหนดเป้าหมายไปยังพนักงานที่ถูกเลิกจ้างในหมวดเทคโนโลยีใกล้เคียง และฝึกอบรมพวกเขาเพื่อเติมทักษะไอทีที่จำเป็น ตัวอย่างเช่น การหานักวิทยาศาสตร์ข้อมูล (Data Scientists) เป็นเรื่องยากมาก ๆ แต่ก็มีกลุ่มนักวิเคราะห์ธุรกิจและข้อมูล (Data and Business Analysts) จำนวนมากในตลาดแรงงานที่สามารถนำมาฝึกฝนทักษะทางเทคนิคเพิ่มเติมได้

CIO ควรทำงานร่วมกับทีมงานสรรหาบุคลากรเพื่อปรับคุณสมบัติที่ต้องการในประกาศหางาน และเพิ่มทักษะที่เกี่ยวข้อง ที่ต้องการในตำแหน่งที่เปิดรับ

สุดท้ายแล้ว องค์กรที่สามารถปรับเปลี่ยนสิ่งที่ Tech Talent ให้คุณค่ามากที่สุดในการทำงานกับองค์กร (Employee Value Propositions หรือ EVP) จะได้รับประโยชน์จากโอกาสในตลาดได้ดีกว่าในการสร้างการเติบโตที่มุ่งเน้นและมีประสิทธิภาพ ซึ่งงานด้านไอทีในตลาดยังมีอยู่มาก โดยบริษัทที่ทำตามความคาดหวังของพนักงานไม่ได้อาจต้องพบกับการลาออกของพนักงานที่พร้อมลาออกทันทีเมื่อได้รับข้อเสนอที่ดีกว่า ดังนั้นการมุ่งไปที่ปัจจัยอื่น ๆ นอกเหนือจากค่าตอบแทน อาทิ ความยืดหยุ่นและโอกาสการเติบโตในสายงานจะสามารถปรับปรุง EVP ขององค์กรไอที เพื่อเอาชนะในสมรภูมิการแข่งขันด้านบุคลากรที่มีทักษะได้ทั้งในปัจจุบันและอนาคต

สยามคูโบต้าฉลองครบรอบ 45 ปี  แทนคำขอบคุณทุกความไว้วางใจที่ให้สยามคูโบต้าเคียงข้างเกษตรกรไทย มอบประสบการณ์สุดพิเศษ "45 ปีคูโบต้า 45 ปีแห่งความสุข" ภายในงานพบกับการเปิดตัวสินค้าใหม่มากมาย อาทิ แทรกเตอร์ L-Metallic Edition แทรกเตอร์ลิมิเต็ด สีส้มลาวาเมทัลลิก แทรกเตอร์ L-5018SP ห้องโดยสารปรับอากาศ และรถเกี่ยวนวดข้าว DC-108X พร้อมสนุกกับมินิคอนเสิร์ตสุดมันส์จาก "ตั๊ก ศิริพร" พร้อมพิธีกรคู่หูคู่ฮา "ดีเจนุ้ย ธนวัฒน์” และยังร่วมลุ้นชิงรางวัลกว่า 200 รางวัล ในวันเสาร์ที่ 20 พ.ค. 2566 นี้ เวลา 13.00 - 14.30 น. ที่ร้านผู้แทนจำหน่ายคูโบต้าใกล้บ้านท่าน หรือรับชมไลฟ์สดผ่านออนไลน์พร้อมกันที่ Facebook : Siam Kubota https://bit.ly/FBsiamkubota

ลงทะเบียน เพื่อมีสิทธิ์ลุ้นรับของรางวัลจากกิจกรรมสุดพิเศษของคูโบต้ากันได้ที่ https://bit.ly/PRonlineregister

เช็กเลย! สถานที่จัดงาน 45 ปีคูโบต้า 45 ปีแห่งความสุข ทั้ง 77 จุดทั่วประเทศ https://bit.ly/PRlocation

!!โปรโมชั่นพิเศษฉลองครบรอบ 45 ปี ซื้อสินค้าคูโบต้าวันนี้รับทันที

· ฟรีบัตรเติมน้ำมันมูลค่าสูงสุด 5,000 บาท เพื่อช่วยลดต้นทุน ให้คุณลุยงานได้มากขึ้น

· ฟรีของที่ระลึกสุดเท่ แจ็กเก็ตกัน UV พร้อมกระเป๋าผ้า ฉลอง 45 ปี รวมมูลค่า 1,500 บาท

ไม่เพียงเท่านี้ยังมีกิจกรรมอีกมากมายที่จะมอบความสุขเคียงข้างกันตลอดทั้งปี อัปเดตข้อมูล กิจกรรมพิเศษ ความรู้ดี ๆ และโปรโมชันจากคูโบต้าอีกมากมายได้ที่ https://bit.ly/3iVTZXA

บริษัท เอฟดับบลิวดี ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) หรือ FWD ประกันชีวิต นำทีมผู้บริหารร่วมแสดงความยินดีกับตัวแทนประกันชีวิตทั้ง 20 คน เข้ารับถ้วยรางวัลและประกาศนียบัตรจากงานมอบรางวัลคุณวุฒิตัวแทนยอดเยี่ยมแห่งชาติ ครั้งที่ 23 ประจำปี 2566 (National Agent Awards – NAA) จัดโดยสมาคมตัวแทนประกันชีวิตและที่ปรึกษาการเงิน (THAIFA) เพื่อยกย่องและเชิดชูเกียรติให้แก่ตัวแทนประกันชีวิตที่ทำผลงานยอดเยี่ยมในระดับแนวหน้าของอุตสาหกรรมประกันชีวิต สะท้อนถึงศักยภาพ ความสำเร็จ และมาตรฐานในอาชีพตัวแทนประกันชีวิต ซึ่งในปีนี้มีตัวแทนประกันชีวิตของ FWD ที่มีผลงานติดอันดับ 1 ถึง 10 ของประเทศได้รับถ้วยรางวัล จำนวน 5 คน ได้แก่ นายวัลลภ ก้อนมณี นางสาวเอมณัฐพิมพ์ วรุณบรรจง นายทศพร เผ่าปฏิมากร นางสาวสุวิมล เพ็ชร์กระ และนางสาวนฤมล วงศ์ผา โดย FWD ประกันชีวิต ยังคงมุ่งมั่นพัฒนาทักษะและศักยภาพตัวแทนประกันชีวิตอย่างต่อเนื่อง เพื่อส่งมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดจากตัวแทนประกันชีวิต ผ่านแนวทางการทำงานที่ยึดความต้องการลูกค้าเป็นหลัก (Customer-led) ตามวิสัยทัศน์ที่ต้องการเปลี่ยนมุมมองของผู้คนที่มีต่อการประกันชีวิต ณ ห้องเจ้าพระยา หอประชุมกองทัพเรือ (อรุณอัมรินทร์) เมื่อเร็วๆ นี้

ธนาคารไทยพาณิชย์ หรือ SCB และ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GC ร่วมตอกย้ำความมุ่งมั่นในการดำเนินงานด้านความยั่งยืนอย่างต่อเนื่อง ยกระดับขีดความสามารถทางด้านการเงินยั่งยืน ร่วมลงนามใน “สัญญาอนุพันธ์ป้องกันความเสี่ยงทางการเงินที่เชื่อมโยงกับผลการดำเนินงานด้านความยั่งยืน หรือ Sustainability Linked Swap” เป็นครั้งแรกในอุตสาหกรรมปิโตรเคมีของประเทศไทย โดยจะนำผลการดำเนินงานของ GC ในการมีส่วนร่วมในด้านการสร้างสมดุลระหว่างสิ่งแวดล้อม สังคมและเศรษฐกิจ และบรรษัทภิบาล (ESG) มาเป็นเกณฑ์เพื่อพิจารณาปรับอัตราดอกเบี้ยในธุรกรรมนี้ ทั้งนี้ ยังเป็นการต่อยอดการให้บริการการเงินยั่งยืนอย่างครบวงจรต่อเนื่องจากความสำเร็จของสัญญาการสนับสนุนสินเชื่อที่เชื่อมโยงกับการดำเนินงานด้านความยั่งยืน (Sustainability-Linked Loan: SLL) เมื่อเดือนธันวาคม 2565 การลงนามในครั้งนี้มี ดร. ยรรยง ไทยเจริญ รองผู้จัดการใหญ่อาวุโส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจ Wholesale และ รองผู้จัดการใหญ่อาวุโส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจ Wealth ธนาคารไทยพาณิชย์ และ นางสาวภัทรลดา สง่าแสง รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการเงินและบัญชี บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) ร่วมในพิธีลงนามเมื่อเร็วๆ นี้

ดร. ยรรยง ไทยเจริญ รองผู้จัดการใหญ่อาวุโส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจ Wholesale และ รองผู้จัดการใหญ่อาวุโส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจ Wealth ธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวว่า “ปัจจุบันกระแสของความยั่งยืนได้กลายเป็นวาระสำคัญของโลก รวมทั้งในประเทศไทยด้วย ดังจะเห็นได้จากความตื่นตัวขององค์กรไทยที่เริ่มให้ความสำคัญกับการทำธุรกิจควบคู่ไปกับการสร้างสรรค์สังคมยั่งยืน ผ่านการจัดการปัญหาสิ่งแวดล้อม ความรับผิดชอบต่อสังคม และการกำกับดูแลกิจการที่ดี ธนาคารไทยพาณิชย์จึงมุ่งมั่นผลักดันการดำเนินงานเพื่อความยั่งยืนให้เป็นหนึ่งในเป้าหมายหลักขององค์กร สอดคล้องกับการประกาศเป้าหมาย Net Zero ภายในปี 2050 ของกลุ่มธุรกิจ SCBX ทั้งนี้ ในส่วนของการสนับสนุนการปรับตัวของลูกค้าภาคธุรกิจนั้น ธนาคารมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินที่ผสานแนวคิดการเงินยั่งยืน (Sustainable Finance) เพื่อเป็นทางเลือกให้แก่ลูกค้าและต่อยอดความรับผิดชอบต่อสังคมตามแนวธุรกิจของลูกค้าในรูปแบบต่างๆ การที่องค์กรขนาดใหญ่อย่าง GC

เข้าทำธุรกรรมสัญญาอนุพันธ์ป้องกันความเสี่ยงทางการเงิน ในครั้งนี้ เป็นการตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นที่จะรับผิดชอบต่อสังคมและให้ความสำคัญต่อการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน ทั้งยังช่วยขยายขีดความสามารถในการแข่งขัน ลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นกับธุรกิจและการเติบโตในระยะยาว และสามารถช่วยองค์กรลดต้นทุนได้อีกทางหนึ่ง โดยในธุรกรรมของ GC ครั้งนี้ ธนาคารจะพิจารณาอัตราดอกเบี้ยโดยใช้ผลการดำเนินงานทางด้านความยั่งยืน ตลอดจนการเปิดเผยข้อมูลผลการดำเนินงานด้านความยั่งยืนอย่างครบถ้วนและโปร่งใสของ GC เป็นองค์ประกอบในการกำหนด ความร่วมมือในครั้งนี้จึงเป็นอีกก้าวสำคัญของการต่อยอดคุณค่าทางด้าน ESG ทั้งยังได้รับประโยชน์จากความมุ่งมั่นในการรับผิดชอบต่อสังคมและสร้างสรรค์โลกที่ดีขึ้น

นางสาวภัทรลดา สง่าแสง รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการเงินและบัญชี บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ที่ผ่านมา GC มุ่งมั่น และนำแนวทาง ESG มาใช้ในการดำเนินธุรกิจอย่างต่อเนื่อง บริษัทฯ ได้รับการจัดอันดับโดย DJSI เป็นอันดับที่ 1 ของโลก ในกลุ่มธุรกิจเคมีภัณฑ์ ต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 สะท้อนการเป็นผู้นำด้านความยั่งยืนที่มีความพร้อมในการสร้างการเปลี่ยนแปลงให้กับประเทศไทย และโลกใบนี้ร่วมกับพันธมิตรด้วยเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้เป็นศูนย์ภายในปี 2050 ตามแนวทาง Together To Net Zero นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีแผนในการนำ Sustainable Funding เข้ามาสนับสนุนเพื่อมุ่งสู่เป้าหมายด้านความยั่งยืน การเข้าร่วมลงนามในสัญญาอนุพันธ์ป้องกันความเสี่ยงทางการเงินที่เชื่อมโยงกับผลการดำเนินงานด้านความยั่งยืน หรือ Sustainability Linked Swap ร่วมกับธนาคารไทยพาณิชย์ในครั้งนี้ จะส่งผลให้ GC สามารถลดต้นทุนทางการเงิน และบริหารทรัพยากรได้อย่างมีประสิทธิภาพ ต่อเนื่องจากสินเชื่อความยั่งยืนที่ได้รับไปแล้วก่อนหน้านี้”

 

รายนามผู้บริหาร ภาพ 6 ท่าน (จากซ้ายไปขวา)

1. นายจิตศักดิ์ สุนทรพันธุ์ ผู้จัดการฝ่ายหน่วยงานการเงินองค์กรและนักลงทุนสัมพันธ์ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน)

2. นางสาวศรมน อิงคตานุวัฒน์ รองผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงาน Corporate Banking 1 ธนาคารไทยพาณิชย์

3. นางสาวภัทรลดา สง่าแสง รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการเงินและบัญชี บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน)

4. ดร. ยรรยง ไทยเจริญ รองผู้จัดการใหญ่อาวุโส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจ Wholesale และ รองผู้จัดการใหญ่อาวุโส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจ Wealth ธนาคารไทยพาณิชย์

5. นายสมสกุล วินิชบุตร ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารฝ่าย Client Coverage 1.7 ธนาคารไทยพาณิชย์

6. นางขวัญกมล พริ้งวณิชย์ Division Head, Financial Market Trading ธนาคารไทยพาณิชย์

SCAP เปิดปี 66 ส่งผลงานไตรมาสแรกกำไรทะลุ 394 ลบ. รายได้รวมขยับพุ่ง 1,552 ลบ. ผลงานเข้าเป้าตามคาด

ซีอีโอ ‘วิชิต พยุหนาวีชัย’ชี้ธุรกิจเริ่มกลับมาท็อปฟอร์มจากสถานการณ์เศรษฐกิจที่ดีขึ้น เล็งออก‘หุ้นกู้’ขยายธุรกิจสอดรับเป้าหมาย

วิชิต พยุหนาวีชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ศรีสวัสดิ์ แคปปิตอล 1969 จำกัด (มหาชน) หรือ SCAP เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 1 ประจำปี 2566 บริษัทมีกำไรสุทธิ 394.44 ล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้น 75.44% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 224.83 ล้านบาท ขณะที่รายได้รวมอยู่ที่ 1,552.08 ล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้น 131.83% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้อยู่ที่ 669.49 ล้านบาท รับอานิสงส์พอร์ตสินเชื่อขยายตัวดันรายได้ดอกเบี้ย รายได้ค่าธรรมเนียม และรายได้อื่นๆเพิ่มขึ้น สำหรับพอร์ตสินเชื่อคงค้างอยู่ที่ระดับ 26,521.67 ล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้น 133.10% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

ทั้งนี้ปัจจัยการเติบโตหลักเกิดจากการขยายตัวของธุรกิจสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ใหม่เป็นหลัก สะท้อนภาพธุรกิจเช่าซื้อของบริษัทที่มีอนาคตสดใสหลังการควบรวม เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ประกอบธุรกิจบริษัทเงินทุน อีกทั้งได้อานิสงส์สถานการณ์เศรษฐกิจที่กลับมาพลิกฟื้นดีขึ้น กระตุ้นให้เกิดยอดการจองซื้อรถจักรยานยนต์ใหม่ขยายตัวเพิ่มขึ้นตั้งแต่ช่วงเทศกาลปีใหม่ต่อเนื่องจนถึงเทศกาลสงกรานต์

“ไตรมาสแรกของปี 66 เราสามารถสร้างความเชื่อมั่นในหุ้น SCAP ให้แก่นักลงทุนได้ตามที่ตั้งใจ สะท้อนจากผลการดำเนินงานที่เข้าเป้าทั้งรายได้และกำไร อีกทั้งน่าจะคลายกังวลประเด็นเรื่องเพดานดอกเบี้ยเช่าซื้อที่เราสามารถบริหารจัดการได้ตามแผนที่วางไว้ ส่วนแนวโน้มการเติบโตเราประเมินว่าจะดีต่อเนื่องทั้ง 2 ไตรมาสแรก จากกำลังซื้อของผู้บริโภคที่ยังมีอยู่ตลอด คาดการณ์ว่าปิดครึ่งปีแรกเราน่าจะทำผลงานได้ตามเป้า และทั้งปีบริษัทฯ จะสามารถสร้างการเจริญเติบโตได้ตามแผน ส่งผลให้รายได้และกำไรทำนิวไฮรอบใหม่” วิชิต กล่าว

ขณะที่แผนงานในระยะถัดไป บริษัทเตรียมพร้อมในการเสนอขายหุ้นกู้ ให้แก่นักลงทุนทั่วไป ผู้ลงทุนสถาบัน โดยอยู่ระหว่างการเตรียมรายการข้อมูลและร่างหนังสือชี้ชวน เพื่อนำส่งสำนักงาน ก.ล.ต. พิจารณา โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อขยายธุรกิจผ่านการปล่อยสินเชื่อใหม่ให้แก่ลูกค้าของบริษัท ซึ่งจะสอดรับกับเป้าหมายตลอดทั้งปีที่บริษัทได้วางแผนไว้ ปัจจุบันบริษัทมีการควบคุมคุณภาพหนี้และมีมาตรการเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ อย่างต่อเนื่องเพื่อให้คงอยู่ในระดับที่เหมาะสม และสามารถควบคุมได้ และให้เป็นไปตามแผนที่วางไว้

บริษัท เอเซียติค อุตสาหกรรมเกษตร จำกัด ผู้ผลิต แปรรูป และส่งออกผลิตภัณฑ์จากมะพร้าวรายใหญ่ เตรียมขนทัพขบวนสินค้า ทั้งไทยและต่างประเทศ อัมพวา (Ampawa) กะทิแท้ 100% โคโค่แม็ก (Cocomax) น้ำมะพร้าวแท้ 100% และ โคโค่มิกซ์ (Cocomix) ผลิตภัณฑ์ประกอบอาหาร ร่วมงาน THAIFEX - Anuga Asia 2023 บนพื้นที่ 126 ตร.ม. ภายใต้ธีม From Local to Global

ตอกย้ำวิสัยทัศน์ “Sharing Coconut Culture with The World” ถ่ายทอดและแบ่งปันวัฒนธรรมจากมะพร้าวไปสู่ทั่วโลก จากแบรนด์ไทยสู่โกลบอลกว่า 70 ประเทศทั่วโลก ครั้งแรก! ของกิจกรรมไฮไลท์ Chef Table โดย Iron Chef Thailand ระดับตำนานของประเทศไทย ที่จะมารังสรรค์เมนูสุด เอ็กซ์คลูซีฟจากผลิตภัณฑ์ของบริษัท เอเซียติค อุตสาหกรรมเกษตร จำกัด พร้อมโชว์นวัตกรรม ทั้งในด้านของการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ จับเทรนด์ไลฟ์สไตล์ผู้บริโภค ควบคู่ไปกับ Sustainability Visions หรือการพัฒนาองค์กรอย่างยั่งยืน พร้อมเปิดโอกาสทางธุรกิจ ระหว่างวันที่ 23-27 พฤษภาคม 2566 ณ บูธเอเซียติคฯ (No. 3-F01) อาคารชาเลนเจอร์ฮอลล์ 3 ศูนย์การประชุมและแสดงสินค้า อิมแพ็ค อารีน่า เมืองทอง ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.asiaticagro.com

X

Right Click

No right click