November 01, 2024

สถาบันภาษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในโครงการบัณฑิตศึกษา เปิดรับสมัครนักศึกษาประจำปีการศึกษา 2562 จำนวน 4 หลักสูตร ตั้งแต่วันนี้ – 20 พฤษภาคม 2562 ดังนี้

นายพิศิษฐ์ เสรีวิวัฒนา (กลาง) กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) เปิดบริการ “ประกันส่งออก SMEs Easy” เหมาะสำหรับผู้ที่มีแผนจะส่งออกหรือกำลังจะส่งออกด้วยมูลค่าในแต่ละครั้งไม่สูงนัก หรือกำลังจะไปเจรจาการค้าที่งานแสดงสินค้าในต่างประเทศ และต้องการความคุ้มครองความเสี่ยงจากการทำการค้ากับผู้ซื้อในต่างประเทศ โดยบริการนี้คุ้มครองการส่งออกกว่า 140 ประเทศทั่วโลก ที่อัตรา 85% ของมูลค่าความเสียหาย สมัครง่าย ขั้นตอนไม่ยุ่งยาก และสามารถเลือกรูปแบบวงเงินคุ้มครองที่เหมาะสมกับมูลค่าส่งออกได้สูงถึง 2 ล้านบาท

กรมพัฒนาธุรกิจการค้า จับมือ กรมสรรพากร และสภาวิชาชีพบัญชี ช่วยเหลือเอสเอ็มอีไทย กรณีเคยนำส่งงบการเงินและยื่นแบบภาษีอากรผิดพลาด ไม่ต้องกลัวเสียค่าปรับ-จ่ายเงินเพิ่ม หรือมีความผิดทางอาญา โดยให้ลงทะเบียนขอยกเว้นเบี้ยปรับฯ กับกรมสรรพากร พร้อมชำระเงินภาษีอากรส่วนขาดให้ครบทั้งจำนวน ภายในวันที่ 30 มิถุนายน 2562 สำหรับงบการเงินฉบับแก้ไขให้นำส่งต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้าทาง DBD e-Filing ...เพียงเท่านี้ ก็สามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้อย่างราบรื่น เชื่อ!! แสดงข้อมูลอย่างโปร่งใส่ สบายใจทั้งรัฐและเอกชน

นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า “ขณะนี้ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ร่วมกับ กรมสรรพากร และสภาวิชาชีพบัญชี ได้ออกมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอีของไทย กรณีเคยนำส่งงบการเงินและยื่นแบบภาษีอากรผิดพลาด โดยไม่ต้องเสียค่าปรับ-จ่ายเงินเพิ่ม หรือ มีความผิดทางอาญา ภายใต้ พ.ร.บ. ยกเว้นเบี้ยปรับ เงินเพิ่มภาษีอากร และความผิดทางอาญา เนื่องจากทั้ง 3 หน่วยงาน เข้าใจถึงสภาพการที่แท้จริงของเอสเอ็มอีว่ายังขาดความรู้ความเข้าใจในการจัดทำบัญชีที่ถูกต้องตามหลักการบัญชีและส่งผลให้ชำระภาษีไม่ครบถ้วนซึ่งอาจได้รับโทษทางแพ่งและอาญา ดังนั้น เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถดำเนินกิจการได้อย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ รวมทั้ง ช่วยบรรเทาภาระแก่ผู้ประกอบการที่ชำระภาษีอากรไว้ไม่ถูกต้อง จึงได้ร่วมกันออกมาตรการฯ ดังกล่าวขึ้น”

“ผู้ประกอบการที่จะเข้าร่วมมาตรการฯ ต้องมีคุณสมบัติดังนี้ (1) เป็นนิติบุคคลที่เสียภาษีจากกำไรสุทธิ มีรายได้ทางภาษี ไม่เกิน 500 ล้านบาท สำหรับรอบระยะเวลาบัญชีสุดท้ายที่ครบ 12 เดือน ซึ่งสิ้นสุดก่อนหรือในวันที่ 30 กันยายน 2561  (2) ได้ยื่นแบบภาษีเงินได้ (ภ.ง.ด.50) ของรอบบัญชีที่สิ้นสุดก่อนหรือในวันที่ 30 กันยายน 2561 ภายในวันที่ 25 มีนาคม 2562 (3) ไม่เป็นผู้ออก/ผู้ใช้ใบกำกับภาษีปลอมที่กรมสรรพากรได้ร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนแล้วก่อนวันที่ พ.ร.บ.ฯ บังคับใช้ (25 มีนาคม 2562)”

อธิบดีฯ กล่าวต่อว่า “สำหรับบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มีคุณสมบัติดังกล่าวข้างต้นที่จะได้รับการยกเว้นเบี้ยปรับหรือเงินเพิ่มและได้รับการยกเว้นความผิดทางอาญา ต้องดำเนินการดังนี้ (1) ลงทะเบียนต่อกรมสรรพากร (www.rd.go.th) และยื่นแบบแสดงรายการภาษีอากรทุกประเภท พร้อมทั้งชำระภาษีให้ครบถ้วนทั้งจำนวน ภายในวันที่ 30 มิถุนายน 2562 (2) ดำเนินการแก้ไขปรับปรุงงบการเงินให้ถูกต้อง และ (3) ยื่นแบบภาษีอากรทุกประเภทผ่านระบบ e-Filing ของกรมสรรพากรต่อไปอีก 1 ปี (1 กรกฎาคม 2562 ถึง 30 มิถุนายน 2563)”

“สำหรับแนวทางการปรับปรุงงบการเงิน ทั้ง 3 หน่วยงาน ได้ร่วมกันจัดทำตัวอย่างประกอบความเข้าใจ เช่น กรณีตรวจพบว่าสินค้าในบัญชีสูงหรือต่ำกว่าความเป็นจริง กรณีลูกหนี้หรือเจ้าหนี้กรรมการไม่มีจริง กรณีที่ดินหรือสินทรัพย์อื่นที่เป็นกรรมสิทธิ์ของกิจการแต่ไม่เคยบันทึกบัญชีไว้ เป็นต้น โดยเผยแพร่ผ่านเว็บไซต์ของสภาวิชาชีพบัญชี www.tfac.or.th หัวข้อ ข่าวสารสภาวิชาชีพบัญชี หัวข้อย่อย “ตัวอย่างเพื่อประกอบความเข้าใจในการปรับปรุงบัญชีเพื่อแก้ไขข้อผิดพลาด” ซึ่งเมื่อได้ปรับปรุงงบการเงินแล้ว หากมีความประสงค์จะนำส่งงบการเงินฉบับใหม่ทดแทนฉบับเดิมที่มีข้อผิดพลาด กรมพัฒนาธุรกิจการค้าได้เปิดช่องทาง Fast Track อำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ประกอบการ โดยดำเนินการดังนี้ (1) แจ้งความประสงค์ขอแก้ไขและนำส่งงบการเงินฉบับใหม่ผ่าน Google Forms : https://forms.gle/Pg74RUXh4 rNu4uEh8 พร้อมแนบหลักฐานการลงทะเบียนกับกรมสรรพากร (2) เมื่อเจ้าหน้าที่ตรวจสอบข้อมูลแล้วจะแจ้งการเปิดสิทธิให้สามารถส่งงบการเงินฉบับใหม่ ผ่านทาง DBD e-Filing ของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า (3) เมื่อผู้ประกอบการส่งงบการเงินฉบับใหม่เรียบร้อยแล้ว เจ้าหน้าที่จะอนุมัติให้แบบเร่งด่วน ทั้งนี้ ช่องทาง Fast Track จะเปิดให้บริการถึงวันที่ 31 กรกฎาคม 2562 เท่านั้น หากพ้นกำหนดดังกล่าวแล้ว ให้แจ้งความประสงค์เป็นหนังสือไปยังกองข้อมูลธุรกิจ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า”

อธิบดีฯ กล่าวทิ้งท้ายว่า “มาตรการภาครัฐดังกล่าว จะช่วยสร้างความโปร่งใสและยกระดับธรรมาภิบาลให้แก่ภาคธุรกิจได้เป็นอย่างดี ทำให้ภาคธุรกิจมีความน่าเชื่อถือสามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างราบรื่น และสอดคล้องกับสภาพที่แท้จริงของกิจการ และที่สำคัญจะทำให้ธุรกิจสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนจากสถาบันการเงินได้สะดวก รวดเร็ว ทำให้ธุรกิจเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืนต่อไปในอนาคต”

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการได้รับการยกเว้นเบี้ยปรับ หรือเงินเพิ่มภาษีอากร ได้ที่กรมสรรพากร สายด่วน 1161 www.rd.go.th และการนำส่งงบการเงินผ่าน DBD e-Filing ได้ที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กองข้อมูลธุรกิจ 0 2547 4377, 0 547 4390-91 e-Mail: This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it. หรือ สายด่วน 1570

นายสาระ ล่ำซำ กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่าบริษัทฯ ดำเนินธุรกิจควบคู่ไปกับพันธกิจในการส่งมอบความสุขและรอยยิ้มให้แก่สังคม ผ่านกิจกรรมเพื่อสังคมต่างๆ โดยล่าสุด ได้นำทีมผู้บริหาร พนักงาน นักศึกษา ชาวบ้าน และสื่อมวลชนลงพื้นที่บ้านนาโหนด ต.กำแพงเซา อ.เมือง และบ้านในถุ้ง ต.ท่าศาลา อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช จัดโครงการ “ส่งความสุข และรอยยิ้มสู่ชุมชน#happysharing”  เพื่อฟื้นฟูและซ่อมแซมอาคาร สถานที่ต่างๆ ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ภัยธรรมชาติพายุปาบึก

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้จัดกิจกรรมเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิต และส่งเสริมการเรียนรู้ให้กับชุมชนเพิ่มเติม อาทิ การตรวจสุขภาพให้กับคนในชุมชน และการจัดกิจกรรมให้ความรู้เสริมรายได้แก่ชุมชน เรื่องการเพาะเห็ด อีกทั้งยังได้ลงเรือปล่อยลูกปูม้า เพื่อเป็นการช่วยขยายพันธุ์ปูและทำซั้งสร้างบ้านปลา ให้เป็นแหล่งที่อยู่ของเหล่าสัตว์น้ำทะเลขนอน จ.นครศรีธรรมราช ต่อไป

ลอรีอัล ประเทศไทย เดินหน้าขยาย “โครงการ บิวตี้ ฟอร์ อะ เบทเทอร์ ไลฟ์” (Beauty For a Better Life) หรือโครงการหลักสูตรฝึกทักษะอาชีพเสริมสวยเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิต ในจังหวัดเชียงใหม่ โดยมุ่งช่วยให้ผู้ขาดโอกาสทางสังคมได้รับโอกาสในการสร้างอาชีพช่างผม เพื่อสามารถสร้างรายได้เลี้ยงตนเองและจุนเจือครอบครัว และสร้างคุณค่าในตัวเอง

โครงการ Beauty For a Better Life เป็นโครงการที่ก่อตั้งและกำกับดูแลโดยมูลนิธิลอรีอัล ซึ่งมีการดำเนินโครงการในกว่า 20 ประเทศทั่วโลก โดยโครงการนี้ มอบหลักสูตรฝึกทักษะอาชีพช่างผมมืออาชีพที่มีคุณภาพสูง ฝึกสอนโดยผู้เชี่ยวชาญ ให้แก่ผู้ขาดโอกาส โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย เพื่อให้สามารถนำมาประกอบอาชีพได้จริง หลักสูตรใช้ระยะเวลา 15 สัปดาห์ รวม 516 ชั่วโมง ผู้เข้าฝึกอบรมได้เรียนรู้ทักษะทั้งภาคทฤษฎีและปฏิบัติ เทคนิคและศาสตร์ของการทำผมจากผู้เชี่ยวชาญ หลักสูตรการสอนครอบคลุมถึงการฝึกทักษะการสระไดร์ การตัดผม การดัด และทำสีผม เพื่อจะนำมาพัฒนาฝีมือตนเองและสร้างความมั่นคงทางด้านอาชีพช่างผมมืออาชีพอย่างยั่งยืน

สำหรับโครงการ Beauty For a Better Life ในจังหวัดเชียงใหม่ ลอรีอัล ประเทศไทย ได้ร่วมมือกับ 65 แฮร์สตูดิโอ เป็นพันธมิตรในการดำเนินโครงการฯ โดยเริ่มการอบรมนักเรียนรุ่นที่ 1 ในวันที่ 29 เมษายน 2562 ด้วยจำนวนนักเรียน 15 คนต่อรุ่น โดยศูนย์ฝึกอบรมหลักสูตร Beauty For a Better Life จัดขึ้นที่ 65 แฮร์สตูดิโอ สาขาถนนนิมมาน จังหวัดเชียงใหม่ ผู้ที่ผ่านการอบรมหลักสูตรจะได้รับวุฒิบัตรที่ได้รับการรับรองจาก ลอรีอัล ประเทศไทย และ 65 แฮร์สตูดิโอ

นางสาวอรอนงค์ ประทักษ์พิริยะ ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กรและองค์กรสัมพันธ์ บริษัท ลอรีอัล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “เรามุ่งมั่นในการเป็นพลเมืองบรรษัทที่ดี และร่วมสนับสนุนและแบ่งปันสิ่งดีๆ แก่ชุมชนที่เราดำเนินธุรกิจ ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านความงาม เราต้องการส่งมอบความรู้และทักษะช่างผมมืออาชีพมาตรฐานระดับโลก เพื่อให้ผู้ขาดโอกาส ที่มีความมุ่งมั่นสามารถฝึกฝนเพื่อนำไปประกอบอาชีพ มีรายได้มั่นคง สามารถดูแลตนเองและครอบครัว และประสบความสำเร็จในเส้นทางอาชีพช่างผมต่อไป ”

นายปิตพุทธินันท์ ชัยเดช ผู้บริหาร 65 แฮร์สตูดิโอ กล่าวว่า “เรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือกับลอรีอัล ในการเปิดโครงการฯ ที่จังหวัดเชียงใหม่ ก่อนที่จะประสบความสำเร็จในการทำ 65 แฮร์สตูอิโอนั้น โดยส่วนตัวแล้วเป็นคนหนึ่งที่เคยได้รับโอกาสมาก่อน จึงเห็นความสำคัญของโอกาสเป็นอย่างมาก และเมื่อประสบความสำเร็จถึงจุดนึงแล้ว เราจึงอยากส่งต่อโอกาสเพื่อช่วยเหลือผู้อื่น ทีมงานและคณะอาจารย์ 65 แฮร์สตูอิโอ มีความตั้งใจเป็นอย่างยิ่งที่จะให้ความรู้และทักษะแก่ผู้เข้าร่วมอย่างเต็มที่ และหวังว่าจะสามารถช่วยผลักดันให้ผู้เข้าร่วมทุกคนประสบความสำเร็จ”

ในประเทศไทยปัจจุบันมีการดำเนินโครงการหลักสูตรฝึกทักษะอาชีพเสริมสวยเพื่อพัฒนาคุณภาพ ในจังหวัดกรุงเทพฯ ที่ร่วมมือกับสถาบันนักออกแบบทรงผมเรืองฤทธิ์ โดยในปีที่ผ่านมา มีผู้จบหลักสูตรไปแล้วกว่า 4 รุ่น เป็นจำนวน 43 คน ซึ่งแต่ละคนก็ได้นำเอาความรู้ความสามารถที่ได้รับจากโครงการฯ ไปต่อยอดสร้างอาชีพช่างผมได้อย่างประสบความสำเร็จ  ผู้ที่สนใจสมัครสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สาขากรุงเทพฯ โทร. 063-329-9464 และ สาขาเชียงใหม่ โทร. 097-035-3103

บริษัท อลิอันซ์ เยอรมนี ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของอลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต และบริษัท ศรีอยุธยา แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) (AYUD) ประสบความสำเร็จในการขยายความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ในประเทศไทย มั่นใจเป็นบริษัทประกันที่แข็งแกร่ง มุ่งเน้นตอบสนองความต้องการด้านความคุ้มครองที่หลากหลายและเพิ่มมากขึ้นของลูกค้าในประเทศ อีกทั้งยังยกระดับการนำเสนอผลิตภัณฑ์ของอลิอันซ์ให้กับลูกค้าในภูมิภาคนี้อีกด้วย

การควบรวมกิจการจะช่วยให้เกิด:

  • การรวมบริษัทระหว่าง บริษัทอลิอันซ์ ประกันภัย จำกัด (มหาชน) และบริษัท ศรีอยุธยา เจนเนอรัล ประกันภัย จำกัด (มหาชน) กลายเป็นธุรกิจประกันภัยขนาดใหญ่ขึ้น พร้อมรับการเติบโตและนวัตกรรมในอนาคต
  • บริษัทหลัก ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการประกันภัยจะอยู่ภายใต้แบรนด์ อลิอันซ์ อยุธยา ถือเป็นการสร้างแบรนด์ให้เด่นชัดมากขึ้นในตลาดภายในประเทศ ทั้งยังเป็นการส่งมอบประสบการณ์มาตรฐานเดียวกันให้กับลูกค้า
  • Allianz SE กลายเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดใน AYUD

ความร่วมมือที่แนบแน่นของธุรกิจประกันชีวิตและธุรกิจประกันภัยในครั้งนี้ จะช่วยเพิ่มขนาดการลงทุนและสร้างนวัตกรรมในประเทศ ทั้งยังสร้างให้เกิดความมั่นใจว่าพันธมิตรจะร่วมกันกระตุ้นการเติบโตและส่งมอบมูลค่าที่เพิ่มมากขึ้นให้กับลูกค้าในประเทศไทย

ในการควบรวมกิจการครั้งนี้ AYUD จะเปลี่ยนชื่อเป็น Allianz Ayudhya Capital PCL แต่ยังคงจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ภายใต้ชื่อ AYUD นอกจากนี้ ศรีอยุธยา เจนเนอรัล ประกันภัย (SAGI) จะเปลี่ยนชื่อเป็น อลิอันซ์ อยุธยา ประกันภัย จำกัด (มหาชน) (Allianz Ayudhya General Insurance PCL)

นายวีระพันธุ์ ทีปสุวรรณ ยังคงดำรงตำแหน่งประธานกรรมการบริษัท อลิอันซ์ อยุธยา แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) มร.ไบรอัน สมิธ ดำรงตำแหน่งประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อลิอันซ์ อยุธยา แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) และได้รับตำแหน่งใหม่เป็นผู้จัดการประจำประเทศไทยของอลิอันซ์ ดูแลภาพรวมการประกอบธุรกิจในประเทศไทย และยังคงดำรงตำแหน่งประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัท อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน)  ซึ่งเป็นธุรกิจประกันชีวิต ขณะที่ มร.ลาร์ส ไฮบุทสกี้ ได้รับการแต่งตั้งเป็นประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัท อลิอันซ์ อยุธยา ประกันภัย จำกัด (มหาชน)

มร.โซลมาซ อัลทิน รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารของอลิอันซ์ประจำภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก กล่าวว่า “วันนี้แสดงถึงความสำเร็จครั้งสำคัญสำหรับความมุ่งหวังในการเติบโตของอลิอันซ์ในประเทศไทยและภูมิภาคอื่นๆ ความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดมากยิ่งขึ้นระหว่างบริษัททั้งสองจะช่วยเพิ่มความร่วมมือ ความเชี่ยวชาญและส่งมอบข้อเสนอที่ดีขึ้นแก่ลูกค้าในประเทศ การเคลื่อนไหวเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงความพยายามเชิงกลยุทธ์ที่เรากำลังดำเนินการทั่วภูมิภาคเอเชีย และเรามั่นใจในอนาคตข้างหน้า”

นายวีระพันธุ์ ทีปสุวรรณ ประธานกรรมการบริษัท อลิอันซ์ อยุธยา แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “เรามั่นใจว่าการสร้างความร่วมมือทางธุรกิจที่ใกล้ชิดกันมากขึ้นเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องที่จะทำให้การนำเสนอผลิตภัณฑ์แก่ลูกค้าในประเทศไทยก้าวไปอีกขั้นหนึ่ง จะเป็นผลดีในอนาคตต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับบริษัท และเราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าความเป็นเอกภาพที่ใกล้ชิดกันยิ่งขึ้นจะช่วยพัฒนาการบริการลูกค้าในปัจจุบัน ในขณะเดียวกันก็ต้อนรับลูกค้ารายใหม่เข้าสู่ครอบครัวของเราด้วย”

มร.ไบรอัน สมิธ ผู้จัดการอลิอันซ์ ประจำประเทศไทย ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อลิอันซ์ อยุธยา แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) และ บริษัท อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การขยายความร่วมมือถือเป็นชัยชนะอันยิ่งใหญ่สำหรับลูกค้าในประเทศไทยและสร้างการเติบโตในอนาคตที่มั่นคง ขณะนี้เราอยู่ในสถานะที่แข็งแกร่งมากขึ้นในการส่งมอบโซลูชันความคุ้มครองที่ครบครันภายใต้ชื่อ Allianz  วันนี้ถือว่าเป็นตัวเปลี่ยนเกมธุรกิจสำหรับลูกค้าในประเทศและภาคประกันภัยในประเทศไทย”

ประเทศไทยเป็นตลาดเชิงยุทธศาสตร์ที่สำคัญของอลิอันซ์เอเชียและมีศักยภาพที่แข็งแกร่ง เนื่องจากมีการรุกตลาดประกันที่เพิ่มมากขึ้นรวมถึงแนวโน้มเศรษฐกิจมหภาคที่แข็งแกร่ง ความร่วมมือระหว่างอลิอันซ์และ AYUD มีมาอย่างยาวนานเกือบ 2 ทศวรรษปี และในปัจจุบัน เราให้บริการลูกค้ามากกว่าหนึ่งล้านรายทั่วประเทศ

 

สถาบันไทยพัฒน์ มูลนิธิบูรณะชนบทแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ เปิดบริการใหม่ ผ่าน Sustainability Store ของสถาบันฯ ด้วยเครื่องมือ S-Value

ดร.พัทธนันท์  เพชรเชิดชู  รองอธิการบดีสายภาคีสัมพันธ์ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (มธบ.) เปิดเผยว่า DPU X (สถาบันเพื่อพัฒนาความเป็นผู้ประกอบการและบุคลากรแห่งอนาคต) โดยมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ จัดกิจกรรม “จัดให้แซ่ด   DPU X Startup SUMMER CAMP”  เพื่อสนับสนุนให้น้องๆในระดับมัธยมศึกษาที่มีความสนใจปูพื้นฐานด้านธุรกิจเข้าร่วมรับฟังแนวคิด พร้อมฝึกตีโจทย์ วางแผนกลยุทธการสร้างธุรกิจ และ การเป็นสตาร์ทอัพที่ประสบความสำเร็จในตลาดยุคดิจิทัล กิจกรรมครั้งนี้เน้นเวิร์คชอปลงมือปฏิบัติจากโจทย์ธุรกิจที่ได้รับในหัวข้อ อาหารแห่งโลกอนาคต หรือ Food For The Future พร้อมทั้งยังได้ฟังประสบการณ์ตรงจากนักธุรกิจรุ่นใหม่ที่ประสบความสำเร็จจากตลาดออนไลน์อย่าง รัสรินทร์ ธนะชัยวัฒนะโภคิน (แคทตี้) เจ้าของสินค้าหลากหลายแบรนด์ ก่อนที่น้องๆจะลงสนาม Mini Pitching เวทีการแข่งขันนำเสนอไอเดียธุรกิจ โดยทีมที่ชนะเลิศจะได้รับรางวัลเป็นทุนการศึกษาตลอดหลักสูตรปริญญาตรี รวมมูลค่ากว่า 1.5 ล้านบาท  

“DPU X Startup SUMMER CAMP จัดขึ้นระหว่างวันที่ 24-25 เม.ย.62  ซึ่งทั้ง 2 วัน ทางทีมงานได้จัด กูรู มาให้ความรู้อย่างเต็มที  โดยวันแรกประเดิมด้วยนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จจากตลาดออนไลน์เป็นระดับต้นๆ  อย่าง “แคทตี้”  เจ้าของแบรนด์เสื้อผ้า Flat2112, Babykissthailand  แผ่นน้ำหอมสำหรับใช้ในรถยนต์ยี่ห้อ TED A CAR  และอีกหลายธุรกิจ มาถ่ายทอดเคล็ดลับวิชาการทำตลาดออนไลน์อย่างไร ให้ประสบความสำเร็จ และ ในช่วงบ่ายวันแรกเด็กๆ จะได้ลงมือทำอาหารที่ Chef Lab และคิดค้นคอนเซ็ปต์รูปแบบการนำเสนอไอเดีย ให้สอดคล้องกับโจทย์ในหัวข้อ Food For the Future ที่ได้เรียนกับอาจารย์จากหลักสูตรการประกอบอาหารเพื่อสุขภาพ (CIM DPU) ในช่วงก่อนหน้า” ดร.พัทธนันท์กล่าว

รองอธิการบดี กล่าวอีกว่า  ทางมหาวิทยาลัยจัดกิจกรรมครั้งนี้เพื่อให้น้องได้ใช้เวลาว่างในช่วงปิดเทอมให้เกิดประโยชน์และเพื่อกระตุ้นเด็กรุ่นใหม่หันมาให้ความสำคัญในสตาร์ทอัพ  ซึ่งทางมหาวิทยาลัย ฯ ให้ความสำคัญกับเรื่องของสตาร์ทอัพมาตลอด และหลายปีที่ผ่านมา ได้มีการปรับหลักสูตรโดยมีการสอดแทรกเรื่องของการเป็นเถ้าแก่ไว้ในทุกหลักสูตรเพราะมองเห็นถึงแนวทางในอนาคตว่านักศึกษาที่เรียนจบไปเขาจะไปทำธุรกิจส่วนตัวหรือออกไปเป็นพนังงานบริษัทก็สามารถนำเรื่องจิตวิญญาณการเป็นเถ้าแก่ไปใช้จนประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานได้  และเชื่อว่าเจ้าของกิจการเอง ก็คงอยากจะได้พนักงานที่มีแนวคิดความเป็นเถ้าแก่มาใช้ในการทำงานด้วย เพราะพนักงานจะทำงานด้วยความใส่ใจและตั้งใจเหมือนตนเองเป็นเจ้าของกิจการเอง 

ดร.พัทธนันท์ กล่าวด้วยว่า สำหรับปี 2562 นี้ เลือก หัวข้ออาหารแห่งโลกอนาคต  เพราะมองว่า เป็นเรื่องใกล้ตัวทุกคน  “ต้องกิน”  และการทำธุรกิจเกี่ยวกับอาหารต้องรู้แนวโน้มเทรนด์ของอาหารในโลกอนาคต ถ้าสามารถปรับตัวและรู้เทรนด์ได้ก่อนคนอื่นก็จะได้เปรียบ  โดยความรู้ที่ได้จากการเข้าร่วมกิจกรรมน้องๆสามารถนำไปปรับใช้ให้ เกิดประโยชน์ได้  นอกจากนี้ในวันที่ 2 ของกิจกรรม น้องๆจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับการทำธุรกิจในเชิงลึกมากขึ้นจากอาจารย์จากวิทยาลัยบริหารธุรกิจนวัตกรรมและการบัญชี (CIBA)  ในแง่ของการมองโอกาสทางธุรกิจผ่านปัญหาของกลุ่มลูกค้า การแก้ปัญหาให้ลูกค้า รวมถึงการหากลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ซึ่งเป็นพื้นฐานหลักๆ ในการเริ่มต้นธุรกิจ รวมถึงเวิร์คชอปการสร้างแบรนด์และเพิ่มมูลค่าให้สินค้า หรือ บริการ ด้วยทักษะแห่งการออกแบบที่มาสอนโดยอาจารย์จากคณะศิลปกรรมโดยตรง น้องๆจะได้นำเสนอไอเดียสุดครีเอทโดยการลงมือขีดเขียนผ่านโปรแกรม Good Note ในไอแพด

สำหรับทีมที่ชนะเลิศจาก Mini Pitching รับเงินทุนการศึกษาจำนวน 10,000 บาท พร้อมทุนศึกษาต่อระดับปริญญาตรีฟรีตลอดหลักสูตรที่มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ ได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษา ปีที่ 5 ทีม “อะจ๊วง” จากโรงเรียนธรรมศาสตร์คลองหลวงวิทยา จ.ปทุมธานี ประกอบด้วย นายพีระ เพิ่มพูน (พี) นางสาว พรปวีณ์ ปิติทิพยพัฒน์ (แอมเวย์) และนายชยานันท์ พิลึก (นิว) ร่วมกันเสนอไอเดียกล่องพิซซ่าลดโลกร้อน

นายพีระ เพิ่มพูน ตัวแทนทีมอะจ๊วง กล่าวว่า ที่เลือกทำกล่องพิซซ่าลดโลกร้อน ภายใต้แบรนด์ NAP BOX ปัญหาของลูกค้า คือ กล่องเก็บความร้อนไม่ได้นาน จึงคิดทำสินค้าเพื่อตอบโจทย์แก้ไขปัญหานี้ให้กับลูกค้า อีกอย่างการเป็นสตาร์ทอัพทุนมีไม่มาก จึงตั้งเป้าหมายแค่กลุ่มลูกค้าร้านขายพิซซ่ากลุ่มเดียวก่อนค่อยขยายฐานลูกค้าในภายหลังได้ โดยตอนแรกก็คิดสารพัดสินค้าวนอยู่แต่กับอาหาร พออาจารย์จาก มธบ.ให้คำแนะนำว่า สินค้าไม่จำเป็นต้องเป็นอาหารก็ได้เป็นแพคเกจจิ้ง ที่ใช้ในอุตสาหกรรมอาหารก็ได้ เลยสรุปออกมาเป็นโปรดักส์ตัวนี้ ตัวกล่องจะประกอบด้วย กระดาษ และ ฟอยท์เก็บความร้อน ที่นำมาเรียงเป็น 3 ชั้น เพื่อเก็บความร้อน และเรายังช่วยลดโลกร้อน โดยกล่องสามารถนำมารีไซเคิลได้ให้ลูกค้าส่งคืนกลับมาเน้นการรักษาสภาพแวดล้อมถือเป็นโปรดักส์รักษ์โลก

“สิ่งที่เราคิดจะได้ประโยชน์ถึง 3 ฝ่ายด้วยกัน คือ สร้างจิตสำนึกร่วมรักษ์โลกให้กับผู้บริโภคของแบรนด์ที่เราเป็นซัพพลายเออร์ให้ ตัวลูกค้าของเราเองก็มีภาพของสินค้าที่ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม และตัวของเราเองด้วย เมื่อตัวสินค้าขายดีขึ้นเราเองก็จะได้ยอดขายเพิ่มตามไปด้วย เป็นการช่วยขยายฐานผู้บริโภคที่ใส่ใจกับสิ่งแวดล้อมให้กับลูกค้าของเราด้วย ซึ่งจะช่วยให้เราเติบโตไปพร้อมๆกันได้ และการนำกล่องมารีไซเคิลกลับมาใช้ซ้ำ นอกจากช่วยลดโลกร้อนแล้วยังเป็นการช่วยลดต้นทุนของเราด้วย สินค้าก็จะมีราคาไม่แพงและสามารถขายได้ปริมาณมากขึ้น” น้องพีระกล่าว

น้องแอมเวย์และน้องนิว กล่าวเสริมว่า ตอนแรกที่ทำเวิร์คช็อบทำเบอเกอร์ ก็งงว่าเรามาค่ายธุรกิจทำไมต้องไปทำอาหารด้วยเหรอ พอลงมือทำเราจึงได้รู้รายละเอียดว่ายากแค่ไหน แล้วถ้ามีลูกจ้างเขาจะรู้สึกยังไงตอนทำเยอะๆ เขาเหนื่อยแค่ไหน จะได้เข้าใจตั้งแต่ระดับต่ำสุดจนถึงจุดสูงสุด แล้วเราจะเข้าใจสินค้ามากที่สุดด้วย ผมชอบค่ายนี้ อาจารย์ทุกคนให้ความรู้แบบไม่มีกั๊กเลยทำให้เรามองภาพต่างๆได้ชัดขึ้น จุดประกายให้เราเกิดความคิดสร้างสรรค์ มีไอเดียดีๆได้

ด้านนางสาวศศิภา อธิสินจงกล อาจารย์วิทยาลัยบริหารธุรกิจนวัตกรรมและการบัญชี (CIBA) หลักสูตรนานาชาติ หนึ่งในทีมพี่เลี้ยง กล่าวว่า ทีมนี้มีจุดเด่น คือ มีกลุ่มเป้าหมายชัดเจน เห็นปัญหาที่เกิดขึ้นกับลูกค้า และยังมองเห็นสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตด้วย เช่น เรื่องของขยะ และไม่ใช่คิดแค่จะสร้างเงินให้กับธุรกิจตัวเองอย่างไร แต่ยังคิดช่วยไปถึงธุรกิจของลูกค้าให้มี Brand Value ที่สูงขึ้นด้วย ทีมนี้ไม่ใช่แค่ทำให้ตัวเองมีรายได้ แต่ยังทำให้ลูกค้ามีภาพลักษณ์ที่ดีและส่งผลสังคมดีขึ้นด้วย

แววสตาร์ทอัพรุ่นใหม่ของทีม อะจ๊วง เห็นมาแต่ไกล น้องๆ คนไหนสนใจกิจกรรมดีๆที่จัดขึ้นทุกปีแบบนี้ ติดตามความเคลื่อนไหวได้ใน Facebook Fanpage : @dpuxyourfuture หรือ website : dpux.dpu.ac.th

ทีคิวเอ็ม อินชัวร์รันส์ โบรคเกอร์ จำกัด  จับมือ บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) ปล่อยแคมเปญ “มนุษย์เงินเดือน MAY DAY” เอาใจมนุษย์เงินเดือน เนื่องในวันแรงงานแห่งชาติ ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านผลิตภัณฑ์ประกันภัย เพื่อมนุษย์เงินเดือน เน้นขยายความคุ้มครองที่มีอยู่เดิมในครั้งนี้ ชูโปรดักท์ประกันอุบัติเหตุทำงานสบายใจ และประกันภัยการว่างงานให้เบาใจหายหว่ง  มุ่งเจาะกลุ่มคนใช้แรงงานในภาคอุตสาหกรรมและเกษตรกรรม พร้อมความคุ้มครองและสิทธิประโยชน์พิเศษเฉพาะช่วงเดือนพฤษภาคมเท่านั้น วางกลยุทธ์การขายในยุคดิจิทัลเทรนด์ ด้วยฟีเจอร์การซื้อประกันและบริการหลังการขายแบบ One Stop Service ผ่านช่องทางไลน์ “TQM Insurance Broker” หวังกระตุ้นยอดขายโปรดักท์ซีรีย์ประกันมนุษย์เงินเดือนไตรมาส 2

ดร.อภิสิทธิ์ อนันตนาถรัตน กรรมการและประธานคณะผู้บริหาร บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในปีนี้กรุงเทพประกันภัยได้ร่วมมือกับทีคิวเอ็ม โดยการนำโปรดักท์ประกันมนุษย์เงินเดือนมาพัฒนาต่อยอดด้วยการออกแบบความคุ้มครองและสิทธิประโยชน์ขึ้นมาเป็นแคมเปญพิเศษใช้ชื่อว่า  “มนุษย์เงินเดือน MAY DAY”  โดยใช้แนวคิดจากวันผู้ใช้แรงงานแห่งชาติ ซึ่งถือเป็นลูกค้าในกลุ่มมนุษย์เงินเดือนเช่นกัน ภายใต้ความร่วมมือครั้งนี้ ได้นำเสนอเป็นโปรดักท์ที่เหมาะกับช่วงวันสำคัญ อาทิ

ประกันอุบัติเหตุทำงานสบายใจ” ประกันอุบัติเหตุที่ออกแบบความคุ้มครองให้ครอบคลุมทุก ค่าใช้จ่าย เหมาะสำหรับคนทำงานในภาคอุตสาหกรรม และภาคเกษตรกรรม โดยเฉพาะคนที่ต้องใช้เครื่องจักรในการทำงาน ซึ่งมีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุสูง โดยให้ความคุ้มครองอุบัติเหตุกรณีเสียชีวิต สูญเสียอวัยวะ สายตา หรือทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิงที่เกิดจากการทำงาน สูงสุดถึง 500,000 บาท นอกจากนี้ เพื่อไม่ให้เป็นภาระต่อคนในครอบครัว ประกันนี้ยังมีเงินชดเชยรายได้กรณีต้องเข้าพักรักษาตัวในโรงพยาบาลเนื่องจากอุบัติเหตุอีก 500 บาทต่อวัน และเข้ารับการรักษาพยาบาลโดยไม่ต้องสำรองจ่าย ด้วยเบี้ยประกันภัยที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้เพียง 999 บาทต่อปี    

“ประกัน Care คุณว่างงาน” ประกันคุ้มครองการว่างงาน เพราะมนุษย์เงินเดือนในปัจจุบันมีความเสี่ยงต่อการที่นายจ้างปิดกิจการหรืออาจจะถูกเลิกจ้าง เนื่องจากการชะลอตัวของสภาพเศรษฐกิจและการย้ายฐานการผลิตของนักลงทุนในบางธุรกิจ โดยกรมธรรม์นี้จะให้เงินชดเชยเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายระหว่างการไม่มีงานทำ สูงสุด 75,000 บาท สำหรับมนุษย์เงินเดือนที่มีอายุระหว่าง 20 – 60 ปี ที่เป็นพนักงานหรือลูกจ้างประจำและเป็นผู้ประกันตนกับประกันสังคม

ประกันรถยนต์มนุษย์เงินเดือน” เพราะมนุษย์เงินเดือนทำงานยุ่งจนไม่มีเวลา รายได้ไม่เพียงพอต่อรายจ่าย ประกันภัยรถยนต์มนุษย์เงินเดือนซึ่งเป็นประกันรถยนต์ส่วนบุคคลประเภท 1 , 2+ และ 3+ จึงได้ออกแบบความคุ้มครองและบริการเสริมเพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์คนทำงานได้อย่างตรงจุด ด้วยบริการขับรถรับ-ส่งทำธุระแทน มีรถให้ใช้ระหว่างซ่อม บริการช่วยเหลือรถเสียฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง พร้อมให้ความคุ้มครอง Gadget ในรถยนต์ เมื่อเกิดอุบัติเหตุ และช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายด้วยบริการผ่อนชำระ 0% นานสูงสุด 10 เดือน

“ประกันสุขภาพ Health on Top” เพียงมีประกันสุขภาพหรือมีสวัสดิการของบริษัทอยู่แล้วก็สามารถซื้อประกันสุขภาพมนุษย์เงินเดือนกับเราได้ เริ่มต้นเพียง 3 พันกว่าบาท คุ้มครองสูงสุด 50,000 บาท ไม่ต้องกังวลเรื่องค่ารักษาพยาบาลอีกต่อไป ประกันจ่ายให้

ประกันอุบัติเหตุ 2 เด้งสำหรับวัยทำงาน” คุ้มครองอุบัติเหตุและหนี้สินค้างชำระหากผู้เอาประกันภัยเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ

“ประกันภัย Motor Add On” ให้มนุษย์เงินเดือนซื้อประกันเพิ่มได้ มีเงินชดเชยรายได้ขณะรักษาตัวในโรงพยาบาล สูงสุด 3,000 บาทต่อวัน

“ประกันมะเร็ง” โรคร้ายเกิดขึ้นได้เสมอเพื่อความไม่ประมาท ประกันมะเร็งสำหรับมนุษย์เงินเดือน เจอ จ่าย จบ คุ้มครองสูงสุด 5,000,000 บาท

“ประกันภัยบ้านอยู่อาศัย Home & Content” คุ้มครองอัคคีภัย น้ำท่วม ภัยธรรมชาติ รวมถึงให้ความคุ้มครองการโจรกรรม

ด้าน ดร.อัญชลิน พรรณนิภา ประธาน บริษัท ทีคิวเอ็ม อินชัวร์รันส์ โบรคเกอร์ จำกัด กล่าวว่า หลังการเปิดตัวโปรดักท์ซีรีย์ “ประกันมนุษย์เงินเดือน” เมื่อปีที่ผ่านมาได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ทำให้เห็นว่า โปรดักท์นี้ยังคงเป็นที่ต้องการของตลาด แคมเปญ “มนุษย์เงินเดือน MAY DAY” จึงถูกพัฒนาขึ้นเพื่อส่งเสริมและกระตุ้นยอดขายของโปรดักท์ประกันมนุษย์เงินเดือนโดยเฉพาะในช่วงไตรมาส 2 นี้ ด้วยการต่อยอดคอนเซปต์แคมเปญจากจุดเริ่มต้นของการออกแบบโปรดักท์คือ นำผลการสำรวจพฤติกรรม ความต้องการ และไลฟ์สไตล์ของกลุ่มผู้ใช้แรงงานมาพัฒนาเป็นความคุ้มครองและบริการเสริม ซึ่งพบว่าอุบัติเหตุของคนทำงาน อันเนื่องมาจากการปฏิบัติงานยังคงเป็นสิ่งที่หลายหน่วยงานรวมถึงตัวคนทำงานให้ความสำคัญ เพราะส่งผลกระทบรอบด้านทั้งตนเอง ครอบครัว สังคม เศรษฐกิจ และภาพลักษณ์ของประเทศ 

“เพราะเราเข้าใจว่า คนที่อยู่ในวัยทำงานส่วนใหญ่รับหน้าที่หลายบทบาท แต่บทบาทหนึ่งที่สำคัญคือ การเป็นเสาหลักให้ครอบครัว ต้องแบกทั้งภารกิจและหน้าที่ไว้มากมาย เราจึงอยากให้ “มนุษย์เงินเดือน MAY DAY” เป็นเสมือนตัวช่วยในการแบ่งเบาภาระ เพราะเหตุการณ์ไม่คาดคิดมีสิทธิ์เกิดขึ้นได้เสมอแม้ในยามที่เราปฏิบัติงาน ดังนั้น ความคุ้มครอง สิทธิประโยชน์พิเศษต่าง ๆ จึงถูกออกแบบมาเพื่อคนทำงานและผู้ใช้แรงงานอย่างแท้จริง”

ด้าน ดร.นภัสนันท์ พรรณนิภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีคิวเอ็ม อินชัวร์รันส์ โบรคเกอร์ จำกัด กล่าวเสริมว่า ในส่วนของกลยุทธ์การขายประกันมนุษย์เงินเดือน ภายใต้แคมเปญ “มนุษย์เงินเดือน MAY DAY”  เพื่อตอกย้ำภาพของโบรคเกอร์ประกันที่ให้ความสำคัญในการพัฒนาช่องทางการขายและบุกตลาดประกันออนไลน์เป็นเจ้าแรกๆ ดังนั้น สำหรับแคมเปญพิเศษ “มนุษย์เงินเดือน MAY DAY”  นี้ จะเปิดให้บริการผ่านช่องทาง Line Official “TQM Insurance Broker” แบบ One Stop Service สะดวกทั้งก่อนซื้อและบริการหลังการขายเพียงเข้าไปที่ไลน์ “TQM Insurance Broker” พิมพ์คำว่า “มนุษย์เงินเดือน” หรือคลิกที่ริชเมนูก็สามารถเลือกซื้อโปรดักท์ประกันมนุษย์เงินเดือนได้ทันใจ เป็นช่องทางที่ทุกคนเข้าถึงง่าย และครอบคลุมลูกค้าทั่วประเทศ ซึ่งที่ผ่านมาลูกค้าให้ความสนใจมาใช้บริการออนไลน์จากทีคิวเอ็มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันลูกค้าในกลุ่มออฟไลน์ก็ยังคงสามารถใช้บริการได้ครบวงจรเช่นเดิมที่ โทร 1737 

สำหรับสิทธิประโยชน์พิเศษของลูกค้าที่ซื้อประกันมนุษย์เงินเดือน ภายใต้แคมเปญ “มนุษย์เงินเดือน MAY DAY” ประกอบด้วย ซื้อประกันรถยนต์มนุษย์เงินเดือนประเภท 1 รับบัตรเติมน้ำมันมูลค่าสูงสุด 1,000 บาท และ เพื่อตอบโจทย์มนุษย์เงินเดือนที่ทำงานยุ่งจนไม่มีเวลา เมื่อซื้อประกันรถยนต์ภาคสมัครใจทุกประเภทจะได้รับบริการทำธุระแทนคุณผ่าน Grab Taxi มูลค่า 500 บาท ทุกกรมธรรม์ และซื้อประกันภัยประเภทอื่น ๆ จะได้รับบัตร Gift Voucher มูลค่าสูงสุด 300 บาท หมดเขตภายในวันที่ 31 พฤษภาคมนี้

ด้วยความห่วงใยผู้ใช้แรงงานทั่วประเทศ ภายในแคมเปญ “มนุษย์เงินเดือน  MAY DAY”  ทีคิวเอ็มและกรุงเทพประกันภัย มอบฟรีประกันอุบัติเหตุ 2 เท่า หรือ 200,000 บาท เฉพาะช่วงเดือนพฤษภาคมนี้เท่านั้น โดยผู้ที่สนใจสามารถขอลงทะเบียนรับได้ที่ไลน์ “TQM Insurance Broker” และสำหรับลูกค้าที่สนใจโปรดักท์ประกันมนุษย์เงินเดือน สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมและซื้อประกันได้ทุกช่องทางของทีคิวเอ็มที่ www.tqm.co.th , Facebook / Line Official “TQM Insurance Broker” , โทร 1737 ตลอด 24 ชั่วโมง หรือที่สาขาทีคิวเอ็มทั่วประเทศ

ดร.ศิริเดช  คำสุพรหม  คณบดีวิทยาลัยบริหารธุรกิจนวัตกรรมและการบัญชี

X

Right Click

No right click