โครงการ FC Bayern Youth Cup Thailand 2019 (เอฟซี บาร์เยิร์น ยูธ คัพ ไทยแลนด์ 2019) อันเป็นความร่วมมือระหว่าง สโมสรฟุตบอล บาเยิร์น มิวนิค บุนเดสลีก้า บริษัท สปอร์ตไทย-บาวาเรีย จำกัด กลุ่มวังขนาย และ อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต เปิดตัว 10 ตัวแทนเยาวชนไทยฝีเท้าเด่น เตรียมบินลัดฟ้าร่วมแข่งขันในรายการ FC Bayern Youth Cup World Final 2019 (เอฟซี บาร์เยิร์น ยูธ คัพ เวิร์ล ไฟนัล 2019) ณ อลิอันซ์ อารีน่า เมืองมิวนิค ประเทศเยอรมนี ระหว่างวันที่ 15-19 พฤษภาคม 2562 พร้อมได้สัมผัสประสบการณ์ครั้งหนึ่งในชีวิต พบปะตำนานผู้เล่นของบาเยิร์น มิวนิค และร่วมเข้าชมการแข่งขันนัดสุดท้ายของฤดูกาล
โครงการ FC Bayern Youth Cup Thailand 2019 ดำเนินการต่อเนื่องเข้าสู่ปีที่ 4 มีเยาวชนกว่า 10,000 คนเข้าร่วมโครงการนี้มาแล้ว ล่าสุดได้รางวัล เหรียญทอง ในประเภท โครงการสุดยอดการพัฒนาเยาวชนในประเทศไทย จาก SPIA ASIA AWARD 2018 สำหรับปีนี้ ได้เปิดรับสมัครเยาวชนจากทั่วประเทศมาตั้งแต่เดือนมกราคม มีเยาวชนสมัครเข้าร่วมคัดเลือกกว่า 3,500 คน โดยโครงการได้คัดเลือกเยาวชนจำนวน 120 คน มาร่วมแข่งรอบ National Final ณ สนามกีฬาไทย ญี่ปุ่น ดินแดง เมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2562 โดยมี มร.เคราซ์ เอาเกนธาเลอร์ ตำนานบาเยิร์นและแชมป์บุนเดสลีก้า 7สมัย ร่วมเป็นประธานคณะกรรมการคัดเลือก จนได้เยาวชนฝีเท้าเด่นรวม 15 คนเข้าค่ายเก็บตัว Thailand Camp วันที่ 22 -26 เมษายน 2562 ณ กิเลนวัลเล่ย์ จังหวัดนครราชสีมา เพื่อเก็บตัวฝึกซ้อมทักษะฟุตบอลเพิ่มเติม ในค่ายฯ มีการทำกิจกรรมร่วมกันทั้ง Team Building รวมถึงฝึกซ้อมอย่างหนัก จนขณะนี้ได้คัดเหลือ 10 คนสุดท้าย ที่มีฝีเท้าโดดเด่นที่สุด เป็นตัวแทนทีมประเทศไทย ที่จะเดินทางไปแข่งขันฟุตบอลในสนามระดับโลกอย่าง อลิอันซ์ อารีน่า
นายวินิจ เลิศรัตนชัย กรรมการผู้จัดการ บริษัท สปอร์ตไทย – บาวาเรีย จำกัด กล่าวว่า “ก่อนอื่นผมขอแสดงความยินดีกับเยาวชนทั้ง 10 คนที่ผ่านการคัดเลือก ซึ่งเป็นผลของความตั้งใจและการทำงานหนักในการเข้าแคมป์ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา และขอเป็นกำลังใจให้กับเยาวชนอีก 5 คนที่ไม่ผ่านการคัดเลือก แค่เพียงกล้าออกมาร่วมกิจกรรมและผ่านเข้าสู่รอบประเทศก็เป็นชัยชนะต่อตนเองที่ยิ่งใหญ่แล้ว อย่าย่อท้อขอให้มุ่งมั่นฝึกซ้อมพัฒนาตนเองต่อไป ผมมีความภูมิใจและยินดีเป็นอย่างมากที่โครงการ FC Bayern Youth Cup Thailand ได้สร้างโอกาสให้กับเยาวชนที่มีใจรักในกีฬาฟุตบอลและมีฝีเท้าที่ดี เป็นตัวแทนเยาวชนไทยไปแข่งขันที่เยอรมนี และสามารถทำผลงานได้ดีด้วยการคว้าแชมป์ 2 สมัย และเป็นเอเชียชาติเดียวที่สามารถคว้าแชมป์มาครอง มาถึงปีนี้น้องๆ ที่ผ่านมาถึงรอบนี้ทุกคนล้วนมีความสามารถ และผมเชื่อมั่นว่าเราจะสามารถสร้างประวัติศาสตร์อีกครั้งให้กับประเทศไทยได้สำเร็จ”
นางสาวธัญรักษ์ ณ วังขนาย ผอ.ฝ่ายประชาสัมพันธ์ กลุ่มวังขนาย กล่าวว่า ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมาเชื่อว่าเป็นช่วงเวลาที่ดีที่จะอยู่ในความทรงจำของน้องๆทั้ง 15 คน กลุ่มวังขนายได้ให้การสนับสนุนโครงการ FC Bayern Youth Cup มาอย่างต่อเนื่อง 4 ปีแล้ว และมีความภาคภูมิใจที่เห็นเยาวชนไทยมีฝีเท้าที่ดีเยี่ยม และกล้าออกมาทำความความฝัน สำหรับในปีนี้ ขอเป็นกำลังใจให้กับเยาวชนไทยที่ผ่านการคัดเลือกมาทั้ง 10 คนไปคว้าแชมป์ให้สำเร็จอีกครั้ง สำหรับเยาวชนที่ไม่ผ่านการคัดเลือกก็อย่าเพิ่งหมดกำลังใจ ขอให้หมั่นฝึกฝน พัฒนาทักษะการเล่นฟุตบอลต่อไป
นางสาวพัชรา ทวีชัยวัฒนะ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายบริหารงานลูกค้า บมจ. อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต ในฐานะผู้สนับสนุนหลัก กล่าวว่า “ ในปีนี้ อลิอันซ์ อยุธยา มุ่งมั่นส่งเสริมเยาวชนภายใต้แนวคิด “Explore the Future With Us” โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นแรงบันดาลใจและกระตุ้นให้เยาวชนไทยออกไปค้นหาสิ่งใหม่ๆ รอบตัว พร้อมเดินหน้าล่าฝัน ผ่านกิจกรรมสร้างสรรค์เยาวชนที่ครอบคลุมทุกมิติ สำหรับโครงการ FC Bayern Youth Cup Thailand 2019 อลิอันซ์ อยุธยา มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งกับเยาวชนผู้ได้รับการคัดเลือกทั้ง 10 คน เชื่อว่าจะเป็นประสบการณ์สำคัญครั้งหนึ่งในชีวิตที่จะได้ไปสัมผัสกับประสบการณ์ระดับโลก กับ สุดยอดทีมบาเยิร์น มิวนิค พร้อมโอกาสลงเตะ ณ สนาม อลิอันซ์ อารีน่า ซึ่งถือเป็นความภาคภูมิใจของ อลิอันซ์ อยุธยา ที่ได้มีส่วนผลักดันและสร้างแรงบันดาลใจให้กับเยาวชนไทย ที่แม้มีเงินก็ซื้อไม่ได้ ทั้งนี้เราเชื่อว่าเยาวชนทั้ง 10 คน จะเตรียมตัวและมีความพร้อมเป็นอย่างดี ทั้งด้านร่างกายและจิตใจ ขอให้ทุกคนกล้าที่จะแสดงฝีเท้าและศักยภาพตนเองให้เต็มที่ เพื่อจะได้ไปถึงสิ่งที่ทั้งทีมและตนเองมุ่งหวังได้สำเร็จ ทั้งนี้อลิอันซ์ อยุธยา ในฐานะบริษัทประกันชีวิตชั้นนำ ได้มอบกรมธรรม์ประกันภัยที่ให้ความคุ้มครองชีวิตและอุบัติเหตุ พร้อมด้วยค่ารักษาพยาบาล ตลอดระยะเวลาเดินทาง แก่นักกีฬา สื่อมวลชน และทีมงาน รวม 25 ท่าน ด้วยทุนประกันท่านละ 4 ล้านบาท รวมเป็นทุนประกันทั้งสิ้น 100 ล้านบาท
เยาวชนทั้ง 10 คน ที่ได้รับการคัดเลือกได้แก่ 1)โอ๊ต - เผด็จ แก้วมณี 2)เกมส์ - ปฏิภาณ เตี้ยงสูงเนิน 3)ลีซอ - เดชานนท์ ศรีเมือง 4)ฟิว - เกริกพล อาบรัมย์ 5) เกมส์ - นรากรณ์ แก่งกระโทก 6)คีม - นิติพันธ์ สุกใส 7)คิว - พิทยา ใจยาว 8)กอล์ฟ - ธนกฤต ทองศรี 9)มิกซ์ - ศุภวิชญ์ มาน้อย 10)กอล์ฟ - ฌัฐกิตติ์ แสงคำ โดยจะร่วมเดินทางไปประเทศเยอรมนีในช่วงต้นเดือนพฤษภาคม และจะลงฝึกซ้อมเพื่อปรับตัวกับสภาพอากาศทันทีที่เดินทางไปถึงโดยจะเข้าแคมป์ฝึกซ็อมที่เมืองแฟรงค์เฟิร์ต ก่อนเดินทางเข้าสู่เมืองมิวนิคเพื่อเตรียมตัวสำหรับการแข่งขันฟุตบอลในสนาม อลิอันซ์ อารีน่า ระหว่างวันที่ 15-19 พฤษภาคม 2562 ซึ่งการแข่งขันจะแบ่งเป็น 2 สาย ในแต่ละสายลงทำการแข่งขันแบบพบกันหมด โดยจะมีการจับสลากแบ่งสายในช่วงค่ำของวันที่ 17 พฤษภาคม 2562 เพื่อจะทำการแข่งขัน ในวันที่ 19 พฤษภาคม 2562 ในปีนี้มีทีมเข้าร่วมแข่งขันจาก 8 ประเทศ อาทิ เยอรมนี, สิงค์โปร์ ,จีน, อินเดีย, ไนจีเรีย , สหรัฐอเมริกา และ ไทย ผู้สนใจสามารถร่วมชมการถ่ายทอดสดการแข่งขันได้ทาง Facebook : Allianz Ayudhya
บมจ.กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต นำโดย คุณชัยณรงค์ เอื้อสิทธิชัย ประธานเจ้าที่บริหาร ฝ่ายจัดจำหน่ายผ่านธนาคาร (กลาง) พร้อมพนักงานจิตอาสาฝ่ายขาย ภูมิภาคนครหลวง 1 ร่วมจัดกิจกรรมเพื่อสังคมไทยน่าอยู่ “BANC’s Hearts in Action Day” หรือกิจกรรมจิตอาสาจากใจของทีมฝ่ายจัดจำหน่ายผ่านธนาคาร โดยครั้งนี้ ได้มีผู้บริหารและพนักงานจิตอาสาเดินทางไปร่วมกิจกรรมปรับปรุงภูมิทัศน์ภายในมูลนิธิสร้างสรรค์เด็ก (ครูหยุย) พร้อมจัดทำแปลงและปลูกพืชผักสวนครัว นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมที่สนุกสนานเพื่อส่งมอบความสุขและมอบรอยยิ้มให้กับน้อง ๆ ณ มูลนิธิสร้างสรรค์เด็กอีกด้วย ถือเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่ตอกย้ำเป้าหมายหลักของบริษัท ฯ คือ การให้โอกาสทุกคนได้มีชีวิตที่ดีขึ้นตามใจปรารถนา
คณะการบริหารและจัดการ (FAM) สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าคุณทหารลาดกระบัง ร่วมกับ สถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศ (องค์การมหาชน) หรือ สทป. จัดโครงการ Smart Supervisor 4.0 รุ่นที่ 1 หรือหลักสูตรอบรมผู้บริหารรุ่นใหม่ของ สทป. เพื่อเพิ่มศักยภาพ สร้างความตื่นตัวและเตรียมความพร้อมต่อการมาถึงของ Digital Disruption ได้อย่างเท่าทันและมีประสิทธิภาพ
โดยโครงการ Smart Supervisor 4.0 ครั้งนี้เกิดจากการที่คณะผู้บริหารของ สทป. ได้ตระหนักถึงโลกปัจจุบันที่เทคโนโลยีมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว รวมถึงการเกิดขึ้นขององค์ความรู้ใหม่ๆ ในยุคดิจิตอล ที่มาพร้อมข้อเรียกร้องให้หน่วยงานต่างๆ ต้องปรับเปลี่ยนวิธีคิด การทำงานและทัศนคติให้ร่วมสมัยขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กับองค์กรที่ทำงานกับวิทยาการด้านความมั่นคงของประเทศอย่าง สทป. ซึ่งมีผลงานในการวิจัย พัฒนาและผลิตยุทโธปกรณ์สำหรับกองทัพมานับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2552 ไม่ว่าจะเป็นอากาศยานไร้คนขับ จรวดหลายลำกล้องนำวิถี หรือ Simulator จำลองยุทธ์ เป็นต้น
พลอากาศเอก ดร. ปรีชา ประดับมุข ผู้อำนวยการสถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศ (สทป.) ได้เล่าถึงความคาดหวังของ Smart Supervisor 4.0 ในงานแถลงข่าวของโครงการ ณ สำนักหอสมุดกลาง สจล. ว่า “ปัจจุบัน วิทยาการทางการทหารนั้นเติบโตเร็วมาก ผู้บริหารของ สทป. รุ่นต่อๆ ไป หรือผู้ที่จะได้รับการเลื่อนขั้นจาก ผู้ปฏิบัติการมาเป็นผู้บริหาร จะใช้เพียงประสบการณ์เป็นเกณฑ์วัดไม่ได้อีกแล้ว หากแต่จะต้องมีองค์ความรู้ที่ทันสมัย การจัดโครงการ Smart Supervisor 4.0 นี้ขึ้นมา ก็เพื่อหาความรู้เพิ่มเติมจากผู้มีความรู้ก็คือ สจล. ซึ่งก็ถือเป็นการร่วมแรงร่วมใจของทั้งสองหน่วยงานในการออกแบบหลักสูตร เพื่อพัฒนา สทป.ในอนาคต”
ทางด้าน ศ.ดร. สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ อธิการบดี สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) ก็ได้แสดงทัศนะต่อการเป็นผู้บริหารยุคใหม่ไว้ว่า “ปัจจุบันเทคโนโลยีต่างๆ ไม่ได้สร้างจากมือของศาสตราจารย์หรือด็อกเตอร์อีกต่อไป มันอาจถูกสร้างโดยเด็กอายุ 11 หรือ 15 ยุคนี้คนเพียงคนเดียวอาจชัตดาวน์ทั้งกองทัพ หรือทั้งประเทศได้ เป็นยุคที่คนต้องแข่งขันกันทุกวินาที ฉนั้นแล้ว ผู้นำในยุคนี้จึงต้องมีความรู้ความสามารถในการบริหารจัดการคน บริหารเด็ก บริหารคนที่เก่งที่สุด ให้ทำงานบรรลุเป้าหมาย ในเวลาที่จำกัด นั่นคือความท้าทายที่ สทป. ต้องเผชิญในยุค disruption ซึ่งก็เรื่องที่ดีที่ทางผู้บริหารได้เห็นถึงความสำคัญในด้านนี้”
สำหรับคณะการบริหารและจัดการ หรือ FAM คือผู้ได้รับมอบหมายให้ดูแลหลักสูตรและจัดการเรียนการสอนในโครงการ Smart Supervisor 4.0 นี้ โดยมีลักษณะการอบรมแบ่งออกเป็นทักษะที่สำคัญ 8 ทักษะ 28 วิชา 90 ชั่วโมง ดังนี้
- ทักษะการสอนงาน การแก้ปัญหา และการตัดสินใจ
- ทักษะด้านการวางแผนเชิงกลยุทธ์ และการบริหารความเสี่ยง
- ทักษะการใช้เครื่องมือบริหารจัดการต่างๆ และพัฒนาวิสัยทัศน์
- ทักษะการทำงานเป็นทีม และทักษะการสร้างสรรค์สิ่งใหม่
- การบริหารโครงการและการบริหารการเปลี่ยนแปลง
- การพัฒนาบุคลิกภาพ การสื่อสาร และการประสานงาน
- การพัฒนาความซื่อสัตย์ ความภัคดี และหลักธรรมาภิบาลสำหรับผู้บริหาร
- Smart Coaching Supervisors 4.0
ซึ่งหลักสูตรดังกล่าวได้รับการออกแบบและดูแลอย่างใกล้ชิดจาก ดร. สุดาพร สาวม่วง คณบดี คณะการบริหารและจัดการ สจล. ที่ได้ตั้งมุดหมายของโครงการ ตามอักษรย่อภาษาอังกฤษของ สทป. ไว้ว่า D : Disruption, T : Technology, I : Innovation (หมายเหตุ: DTI คืออักษรย่อของ สทป. Defence Technology Institute)
“เราอยากให้ผู้เรียน กลายเป็น supervisor ที่ smart ดังนั้นหลักสูตรจะเน้นในการสร้างบุคลิกภาพ จิตวิทยาในการสื่อสาร ภาวะผู้นำ และรู้จักเครื่องมือในการบริหาร ให้ทำงานในองค์การอย่างมีความสุข ลักษณะการเรียนการสอนจะเป็นการนำปัญหาขององค์กรของผู้เรียน มาเป็นโจทย์ในการศึกษา หรือเวิร์คช็อป แล้วหลังจากนั้นจะร่วมคิดโปรเจ็กต์ที่นำไปใช้จริงเมื่อสำเร็จการศึกษา ซึ่งเราอยากให้มันเป็นตัวอย่างที่ดีกับองค์กรอื่นๆ ด้วย เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายของคณะอย่าง FAM to FAMOUS ที่เราไม่ได้คิดเฉพาะในคณะ หรือ สจล. แต่อยากให้การพัฒนามันเกิดขึ้นกับทุกองค์กรที่พร้อมจะให้เราช่วย ทั้งในประเทศในระดับอาเซียนด้วย” ดร. สุดาพร กล่าวในช่วงท้าย
ฮอกไกโด, ประเทศญี่ปุ่น, คิโรโระ เพชรเม็ดงามใจกลางเกาะฮอกไกโด ซึ่งนอกจากจะเป็นแหล่งสกีในหุบเขาอันเป็นที่เลื่องลือในเรื่องคุณภาพหิมะขาวสะอาด หนาและนุ่มละเอียดดุจแป้ง จนได้รับความนิยมในหมู่นักสกีและสโนว์บอร์ดแล้ว คิโรโระ ยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สามารถมาท่องเที่ยวได้ตลอดทั้งปี สะดวกสบายในการเดินทาง มีที่พักระดับพรีเมียม ร้านอาหารระดับโลก แหล่งช้อปปิ้ง และกิจกรรมกลางแจ้งมากมาย ผู้ที่ชื่นชอบการท่องเที่ยวในช่วงฤดูร้อน จะได้พบกับทิวทัศน์ที่งดงามและกิจกรรมบนภูเขาที่หลากหลาย ที่เหมาะสำหรับครอบครัว คู่รัก และหมู่คณะ
ในช่วงฤดูร้อน บนเทือกเขาโยอิชิของฮอกไกโดนั้น จะมีอากาศอุ่นสบายในเวลากลางวัน และอากาศเย็นในเวลากลางคืน ป่าที่เขียวชอุ่ม ทุ่งดอกไม้ ทะเลสาบและธารน้ำที่สดชื่น สบายตา คิโรโระ เมาน์เทน เซ็นเตอร์ จะเป็นศูนย์กลางของกิจกรรมบนภูเขาและบนพื้นราบ ไม่ว่าจะเป็นขึ้นกระเช้าสู่ยอดเขาอาซาริ ตกปลาในทะเลสาบยาชิโอะ หรือนั่งรถ ATV บักกี้เพื่อเที่ยวชมทิวทัศน์บนภูเขา
คิโรโระ เนเจอร์ เซ็นเตอร์ (Kiroro’s Nature Center) มีกิจกรรมอภินันทนาการมากมายสำหรับแขกของรีสอร์ต อาทิ เทนนิส, ว่ายน้ำ, กอล์ฟ และกิจกรรมในร่มที่ Grandship นอกจากนั้น เนเจอร์ เซ็นเตอร์ ยังให้บริการจองทัวร์ชมน้ำตก และกิจกรรมทางน้ำต่าง ๆ รวมทั้ง พายเรือคายัค และสแตนด์อัพ แพดเดิ้ลบอร์ด ระหว่างวันที่ 20 กรกฎาคม-1 กันยายน ผู้เข้าพักจะสามารถสนุกสนานกับกิจกรรมที่เป็นอภินันทนาการจากรีสอร์ตและรับส่วนลดสำหรับกิจกรรมอื่น ๆ ด้วยพาสปอร์ตกิจกรรมสำหรับ 1 วัน ในราคา 4,000 เยน สำหรับผู้ใหญ่, 3,500 เยน สำหรับเด็ก และ 10,000 เยน สำหรับครอบครัว (สูงสุด 4 คน) กิจกรรมที่น่าสนใจในช่วงหน้าร้อนมีดังนี้
นั่งกระเช้าขึ้นสู่ยอดเขาอาซาริ (Mt. Asari Gondola) – ขึ้นกระเช้าไปยังความสูงที่ 1,180 เมตรบนยอดเขาอาซาริ เพื่อชมทิวทัศน์อันงดงามของอ่าวอิชิคาริ (Ishikari Bay), ชาโคตัน เพนนินซูลา (Shakotan Penisula) และเทือกเขาของเมืองนิเซโกะ จากจุดนี้ ยังสามารถปีนไปสู่ยอดเขาโยอิชิที่อยู่ใกล้เคียงได้อีกด้วย และกิจกรรมใหม่ล่าสุดสำหรับปีนี้ คือ การวิ่งแข่งสุนัข ที่จัดขึ้นบริเวณยอดเขา กระเช้าสู่ยอดเขาอาซาริ เปิดให้บริการระหว่างวันที่ 27 กรกฎาคม-14 ตุลาคม ติดตามตารางเวลาการให้บริการได้ที่ www.kiroro.com/summeractivities
ขี่จักรยานภูเขา (Mountain Biking) - คิโรโระ รีสอร์ต มีกิจกรรมจักรยานภูเขาให้เลือกหลากหลายรูปแบบสำหรับนักปั่นตั้งแต่ระดับเริ่มต้น จนถึงระดับที่เชี่ยวชาญ ซึ่งจะได้ชื่นชมธรรมชาติที่สวยงามบนภูเขาตลอดเส้นทาง กิจกรรมใหม่ล่าสุดสำหรับปีนี้ คือ นำจักรยานขึ้นกระเช้าสู่ยอดเขา และปั่นลงเขาเพื่อเพลิดเพลินกับเส้นทางลงเขาที่น่าตื่นตาตื่นใจ กิจกรรมขึ้นกระเช้าเพื่อปั่นจักรยานลงเขา ให้บริการตั้งแต่วันที่ 27 กรกฎาคม และกิจกรรมจักรยานภูเขา ให้บริการตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม และยังมีบริการให้เช่าจักรยานภูเขาอีกด้วย
จักรยานไฟฟ้าระบบเทอร์โบ (Turbo E-Bike) – สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการปั่นจักรยานภูเขา แต่ต้องการตัวช่วยเพื่อความสนุกสนานที่เพิ่มขึ้น ขอแนะนำ ลีโว (Levo) จักรยานไฟฟ้าระบบเทอร์โบ ที่จะทำให้การปั่นขึ้นสู่ยอดเขาง่ายดายขึ้น ด้วยมอเตอร์ช่วยทุ่นแรงในการปั่น ที่มีกำลังถึง 530 วัตต์
บักกี้ทัวร์ (Buggy Tour) – กิจกรรมที่เหมาะกับทั้งผู้ที่มาเป็นคู่ และเป็นกลุ่ม สำรวจเส้นทางบนภูเขาในช่วงเวลาบ่ายด้วยรถ ATV บักกี้ โดยนั่งรถผ่านทุ่งหญ้าและพื้นที่ลาดชัน ให้บริการระหว่างวันที่ 20 กรกฎาคม-14 ตุลาคม กรุณาจองล่วงหน้า
เซกเวย์ทัวร์ (Segway Tour) – เซกเวย์เป็นอุปกรณ์ที่ใช้งานง่าย แม้แต่กับผู้ที่ไม่เคยใช้มาก่อน จึงเหมาะสำหรับผู้ที่มาเป็นคู่ ที่จะเคลื่อนที่ไปพร้อมกันโดยไม่มีเสียงเครื่องยนต์รบกวน บนทางเรียบที่ลัดเลาะไปในป่าของคิโรโระ ให้บริการระหว่างวันที่ 20 กรกฎาคม-14 ตุลาคม กรุณาจองล่วงหน้า
ทัวร์ชมน้ำตก (Waterfall Adventure Tour) – สัมผัสประสบการณ์ประทับใจ 90 นาที ที่น้ำตกซึ่งซ่อนตัวกลมกลืนอยู่ในป่า และธารน้ำตามธรรมชาติที่สวยงาม เหมาะสำหรับผู้ที่มาเป็นหมู่คณะ และมากับครอบครัว ให้บริการระหว่างวันที่ 20 กรกฎาคม-1 กันยายน กรุณาจองล่วงหน้า
สแตนด์อัพ แพดเดิ้ลบอร์ด และคายัค (SUP and Kayak) – พายแพดเดิ้ลบอร์ด หรือคายัค รอบทะเลสาบของเขื่อนโอชิเออิ (Ochiai Dam Lake) กิจกรรมนี้จัดขึ้นเพื่อแขกของคิโรโระ รีสอร์ต เท่านั้น ให้บริการระหว่างวันที่ 20 กรกฎาคม-1 กันยายน
บาร์บีคิวระดับพรีเมียมของคิโรโระ (Kiroro Premium BBQ) – บาร์บีคิวกลางแจ้งที่ให้บริการอาหารทะเลและเนื้อย่างคุณภาพเยี่ยมที่สุดของฮอกไกโด เสิร์ฟพร้อมกับผลิตผลอื่น ๆ ตามฤดูกาล ปิดท้ายด้วยการชมดอกไม้ไฟและกิจกรรมรอบกองไฟ
บ่อน้ำพุร้อน (Onsen) – คิโรโระ ออนเซ็น บ่อน้ำพุร้อนจากภูเขาไฟตามธรรมชาติ ซึ่งไหลผ่านหมู่บ้านอาคาอิกาวะ แช่กายในน้ำร้อนที่อุดมไปด้วยแร่ธาตุธรรมชาติ ในขณะที่เพลิดเพลินกับความงามของป่าด้านหน้า หรือจะเลือกพักผ่อนด้วยการขับพิษ หรือดีท็อกซ์ ที่ กังบังโยคุ (Ganbanyoku) ซึ่งเป็นการทำซาวน่าด้วยหินร้อน
แพ็คเกจเพื่อสุขภาพ (Wellness Package) – คิโรโระ สร้างสรรค์แพ็คเกจเพื่อสุขภาพในช่วงฤดูร้อน 2 แพ็คเกจ เพื่อให้ผู้เข้าพักได้ผ่อนคลายและกระปรี้กระเปร่า และได้ชื่นชมทิวทัศน์ของภูเขาที่สวยงามในขณะเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นการปีนเขาพร้อมผู้นำทาง, เดินป่า, ขี่จักรยาน, แช่กายในบ่อน้ำพุร้อนธรรมชาติ, นวดผ่อนคลาย, โยคะ และการฝึกสมาธิ อ่านเพิ่มเติมได้ที่ www.kiroro.co.jp
กิจกรรมสนุกสนานอื่น ๆ ได้แก่ เล่นยูโร-บับเบิ้ลบอล, กระโดดบันจี้แทรมโปลีน, เช่าจักรยาน และเล่นเกมล่าสมบัติ ณ ลานกิจกรรมกลางแจ้ง ส่วนในวันฝนตก ก็มีกิจกรรมมากมายที่ Grandship Game Park ซึ่งเป็นสวนสนุกในร่ม และยังสามารถเดินชมงานศิลปะและงานฝีมือที่ เนเจอร์ เซ็นเตอร์
ขับรถชมเที่ยวในคิโรโระ (Kiroro Original Driving Guide) – ขับรถชมเส้นทางที่สวยงามมีเอกลักษณ์ในบริเวณ คิตะ-ชาริ ซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางแห่งใหม่ใกล้กับเมืองซัปโปโร ที่ผู้มาเยือนจะได้ชมทั้งวิวทะเลที่สวยงาม เมืองที่มีเสน่ห์เฉพาะตัว หมู่บ้านต่าง ๆ ชิมสาเก, วิสกี้ และไวน์ และลิ้มลองอาหารทะเลสดใหม่และผลิตผลในท้องถิ่น ดาวน์โหลดแผนที่เส้นทางขับรถได้ที่นี่
คิโรโระ มีตัวเลือกของที่พักระดับ 5 ดาวถึง 2 แห่ง ที่เหมาะกับผู้เข้าพักหลากหลายประเภท เชอราตัน ฮอกไกโด คิโรโระ รีสอร์ต (Sheraton Hokkaido Kiroro Resort) ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลสกีระดับโลก ปี 2560 (2017 World Ski Awards) ในหัวข้อ โรงแรมที่เหมาะสำหรับการเล่นสกีที่ดีที่สุดในญี่ปุ่น (Japan’s best ski hotel) ตั้งอยู่บนเนินเขาด้านล่าง ใกล้กับเมาน์เทน เซ็นเตอร์, สกีและสโนว์บอร์ด อคาเดมี และสถานที่เช่าและรับฝากอุปกรณ์สกี มีห้องพักทั้งหมด 140 ห้องและ 3 ห้องอาหาร
เดอะ คิโรโระ, อะ ทรีบิวต์ พอร์ตโฟลิโอ โฮเต็ล (The Kiroro, a Tribute Portfolio Hotel) ตั้งอยู่บนเนินเขาที่สามารถมองเห็นทิวทัศน์ที่สวยงามของยอดเขา 2 แห่ง คือ อาซาริ (Asari) และ นากามิเนะ (Nagamine) จากห้องพักทั้ง 282 ห้อง อีกทั้งยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่เหนือระดับ และ 5 ห้องอาหาร ที่นำเสนออาหารจากนานาชาติ รวมทั้งอาหารญี่ปุ่น และอิตาเลียน
ราคาที่พักทั้ง 2 โรงแรม เริ่มต้นที่ 10,400 เยน หรือประมาณ 3,000 บาท (เฉพาะห้องพัก สำหรับการจองและชำระเงินล่วงหน้า) เข้าพักได้ตั้งแต่วันที่ 28 มิถุนายน จนถึง 30 กันยายน 2562
คิโรโระมีร้านอาหารและบาร์อื่น ๆ อีกถึง 9 แห่ง นำเสนออาหารชั้นเยี่ยมจากนานาชาติ ทั้งซูชิสไตล์ฮอกไกโดแท้ ๆ ที่ใช้วัตถุดิบที่สดใหม่ในท้องถิ่น อาหารอิตาเลียนสไตล์โฮมเมด และอาหารประเภทอื่นให้เลือกรับประทาน ผู้มาเยือนมีทางเลือกร้านอาหารมากมาย ทั้งที่ตั้งอยู่บนเนินเขา คาเฟ่ที่มีที่นั่งกลางแจ้ง หรือนั่งบนระเบียงที่เห็นวิวทิวทัศน์ของภูเขาที่งดงาม
ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.kiroro.co.jp
dwp|design worldwide partnership จัดงานเปิดตัว dwp|signature ซึ่งเป็นความร่วมมือของสถาปนิกและมัณฑนากรผู้มีชื่อเสียงจากทั่วโลก อาทิ จอร์ดี้ ฟู (dwp|jordy fu), แอนน์ คาร์สัน (dwp|anne carson), แมทธิว แคมป์เบล ลอเรนซา (dwp|matthew campbell laurenza) และ แกรี่ ซิลลิค (dwp|gary szillich) พร้อมเปิดตัวสตูดิโอแห่งใหม่ dwp เอ็ม อินทีเรียร์ (dwp|minteriors) ในประเทศเมียนมาร์ ในโอกาสเดียวกัน ณ ห้อง โคลอนเนด โรงแรมสุโขทัย กรุงเทพฯ โดยมีแขกผู้มีเกียรติระดับแนวหน้าในวงการอสังหาริมทรัพย์ ทั้งในและต่างประเทศ ผู้บริหารธุรกิจโรงแรม บุคคลผู้มีชื่อเสียงในสังคม และสื่อมวลชน เข้าร่วมงานอย่างคับคั่ง
เอ็ดเวิร์ด เอ็นสโก, แกรี่ ซีลิส, แอน คาร์สัน, เบร็นตัน มอเรลโล, สก๊อตต์ วิทเทเคอร์, มียา มิตสึ, จอร์ดี้ ฟู, แมทธิว แคมป์เบล ลอเรนซา และศรินรัตน์ กมลรัตนพิบูล
ทีม THE THREE MUSKETEERS จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ คว้ารางวัลชนะเลิศการแข่งขัน “ลอรีอัล แบรนด์สตอร์ม 2019” ครั้งที่ 16 ในประเทศไทย นำเสนอกลยุทธ์และพัฒนาแผนการตลาดดิจิทัล ภายใต้โจทย์ “INVENT THE FUTURE SKINCARE EXPERIENCE FOR HEALTH-CONSCIOUS CONSUMERS” หรือ “การสร้างสรรค์ประสบการณ์ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวแห่งอนาคต เพื่อผู้บริโภคที่ให้ความสำคัญเรื่องสุขภาพ” ให้กับแผนกผลิตภัณฑ์เวชสำอาง เน้นการเข้าถึงและสื่อสารโดยตรงกับผู้บริโภคที่รักสุขภาพ ผ่านการใช้นวัตกรรมด้านเทคโนโลยีและดิจิทัล เป็นตัวแทนประเทศไทยเข้าร่วมการแข่งขัน “ลอรีอัล แบรนด์สตอร์ม 2019” ระดับโลก ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ในเดือน พฤษภาคม 2562 ลุ้นชิงรางวัลประสบการณ์การทำงานที่ฝรั่งเศส ณ Station F ฮับสตาร์ทอัพที่ใหญ่ที่สุดในโลก เป็นระยะเวลา 3 เดือน โดยไม่มีค่าใช้จ่าย
ทีม THE THREE MUSKETEERS จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ชนะเลิศ “ลอรีอัล แบรนด์สตอร์ม 2019” ของประเทศไทย ประกอบด้วย นายนพรุจ กรุงไกรเพชร นางสาววราลี ธนะนิวิฐ และ นางสาวพิมพ์พัชร จันเทรมะ นักศึกษาคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี ชั้นปีที่ 4 เปิดเผยว่า “สำหรับผลงานอุปกรณ์ดูแลรักษาผิว SkinActiv นั้น มาจากการค้นคว้าของเรา และพบว่า 87% ของผู้หญิงไทยยังเลือกผลิตภัณฑ์บำรุงผิวได้ไม่ถูกต้อง ส่งผลให้ผลิตภัณฑ์เหล่านั้นไม่ตอบโจทย์กับสภาพผิวของพวกเขา ซึ่งอุปกรณ์ดูแลรักษาผิว SkinActiv นี้ มาพร้อมกับวิธีการใช้ 2 โหมด คือโหมด Diagnosis ซึ่งมีเซนเซอร์วินิจฉัยสภาพผิวของผู้ใช้ และโหมด Treatment ที่จะช่วยผ่อนคลาย ฟื้นฟูผิวหน้า และสามารถรักษาสิว ลดริ้วรอย และเปิดรูขุมขนเพื่อการเปิดรับผลิตภัณฑ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยจะเชื่อมต่อกับแอปพลิเคชันบนมือถือ เราคาดหวังว่าอุปกรณ์ SkinActiv จะทำหน้าที่เป็นตัวช่วยในการดูแลผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสะดวกสบายยิ่งขึ้น ด้วยการวิเคราะห์สภาพผิว ให้คำแนะนำผลิตภัณฑ์บำรุงผิวและวิธีการรักษาที่เหมาะกับสภาพผิวของผู้ใช้มากที่สุด”
“พวกเรารู้สึกดีใจมากที่ชนะการแข่งขัน “ลอรีอัล แบรนด์สตอร์ม 2019” ขอขอบคุณบริษัทลอรีอัล ที่เปิดโอกาสให้พวกเราได้ใช้ความคิดสร้างสรรค์อย่างอิสระ และใช้ทักษะรอบด้านในการออกแบบแผนการตลาดและนำเทคโนโลยีใหม่ๆมาประยุกต์ใช้ และขอขอบคุณสำหรับการผลักดันให้พวกเราก้าวข้ามขีดจำกัด และกรอบการนำเสนอเดิมๆ เพื่อที่จะเอาชนะใจกรรมการให้ได้ภายในเวลาเพียงแค่ 5 นาทีอีกด้วย นี่คือความท้าทายที่คนเจนเนอเรชั่นเรามองหา” ทีม THE THREE MUSKETEERS กล่าว
นายธนยศ ครุฑระเบียบ ผู้อำนวยการฝ่ายทรัพยากรบุคคล บริษัท ลอรีอัล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “โครงการ ลอรีอัล แบรนด์สตอร์ม เป็นโครงการสำหรับคนรุ่นใหม่ที่มองหาความท้าทาย ที่ต้องการพัฒนาทักษะความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ในการนำเทคโนโลยีและดิจิทัลโซลูชั่นส์ใหม่ๆ มาตอบโจทย์ทางธุรกิจ และตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคยุคดิจิทัลที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทีม THE THREE MUSTKETEERS เป็นผู้ตอบโจทย์ได้สมบูรณ์แบบที่สุด
และจะเป็นตัวแทนประเทศไทย ไปแข่งต่อที่เวทีโลกเพื่อชิงรางวัลชนะเลิศที่ใหญ่ที่สุดที่เคยมี เป็นครั้งแรก คือ ประสบการณ์การทำงานที่ฝรั่งเศส ณ Station F ฮับสตาร์ทอัพที่ใหญ่ที่สุดในโลก พาร์ทเนอร์ของลอรีอัล เป็นระยะเวลา 3 เดือน โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ซึ่งเป็นการตอบโจทย์ความตั้งใจของโครงการในการสร้างสรรค์นวัตกรรม และส่งเสริมแนวคิดการทำงานแบบผู้ประกอบการอย่างแท้จริง”
รูปแบบการแข่งขันลอรีอัล แบรนด์สตอร์มจะกำหนดให้นักศึกษานำเสนอผลงานทุกรอบ ในสไตล์ “Pitching” หรือ การขายไอเดียแบบธุรกิจสตาร์ทอัพ โดย 5 ทีมที่มีผลงานโดดเด่น จะได้นำเสนอผลงานบนเวทีในรอบสุดท้าย เพื่อชิงรางวัลชนะเลิศต่อหน้าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ อันประกอบไปด้วย คุณอินเนส คาลไดรา กรรมการผู้จัดการ และ คุณวิภาวี ทับสกุล ผู้จัดการทั่วไป แผนกผลิตภัณฑ์เวชสำอาง บริษัท ลอรีอัล (ประเทศไทย) จำกัด ดร.รัฐศาสตร์ กรสูต รองผู้อำนวยการสำนักงาน สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล และ พญ.ขวัญจิรา วงศ์เกียรติขจร แพทย์เฉพาะทางผิวหนัง
ผลการตัดสินการแข่งขันโครงการ “ลอรีอัล แบรนด์สตอร์ม 2019” ประเทศไทย คือ ทีม THE THREE MUSTKETEERS จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กับผลงานนำเสนอภายใต้คอนเซ็ปต์ “ผลงานอุปกรณ์ดูแลรักษาผิว SkinActiv” รับรางวัลเงินสดจำนวน 100,000 บาท และเป็นตัวแทนประเทศไทยแข่งขันกับตัวแทนจาก 65 ประเทศทั่วโลก ณ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ในเดือนพฤษภาคม 2562 ทีม BART HEART จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ชนะรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 รับรางวัลเงินสด 50,000 บาท และทีม S’OREAL จากวิทยาลัยนานาชาติ มหาวิทยาลัยศิลปากร ชนะรางวัล CSR Award รับเงินสด 30,000 บาท
นางอินเนส คาลไดรา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลอรีอัล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวสรุปว่า “วัตถุประสงค์ของโครงการฯ คือการเป็นมากกว่าการแข่งขันแผนการตลาด แต่เป็น “Project and Talent Incubator” ซึ่งตอกย้ำวิสัยทัศน์การเป็นผู้บุกเบิกด้าน Beauty Tech ของบริษัท ทุกๆ ปีความคิดสร้างสรรค์ และไอเดียในการรังสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ จากนักศึกษาผู้เข้าร่วมโครงการฯ จะแปลกใหม่ มีความน่าสนใจเสมอ เรามีความภาคภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการมอบประสบการณ์ที่มีค่าให้แก่นักศึกษาไทย เปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ได้พัฒนาศักยภาพที่เป็นพื้นฐานสำคัญในการทำงานจริง เพื่อการพัฒนาประเทศต่อไปในอนาคต”
“พฤกษา เรียลเอสเตท” บริษัทอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่ของประเทศไทย ล้ำหน้าด้วยความสำเร็จด้านการพัฒนาสินค้าและบริการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านนวัตกรรม จนได้รับรางวัล International Quality Management Award รางวัลระดับอินเตอร์ที่มอบให้กับองค์กรที่ทุ่มเทและพัฒนาด้านนวัตกรรมเป็นเลิศ โดยในปีนี้ได้วางกลยุทธ์ขับเคลื่อนองค์กรผ่าน Digital Transformation เดินหน้าด้วยนวัตกรรมเทคโนโลยี INNO–TECH เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของคนไทย ก้าวเป็นอันดับหนึ่งในใจผู้บริโภค
นางสุพัตรา เป้าเปี่ยมทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “รางวัล International Quality Management Award เป็นรางวัลจากเวทีระดับโลก มอบให้องค์กรที่ทุ่มเทและพัฒนาด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง พร้อมให้ความสำคัญในการส่งเสริมวัฒนธรรมในองค์กรในการมุ่งเน้นด้านคุณภาพเพื่อความเป็นเลิศอย่างต่อเนื่อง ซึ่งพฤกษา เรียลเอสเตท ได้รับรางวัลนี้เพราะให้ความสำคัญในเรื่องของ Quality, Innovation, Product และ Brand รางวัลนี้จึงเป็นความภูมิใจของพฤกษา เรียลเอสเตท ซึ่งเป็นบริษัทเดียวในประเทศไทยที่ได้ไปสร้างชื่อเสียงและเป็นที่ยอมรับในเวทีระดับนานาชาติ และเป็นกำลังใจที่จะทำให้เราเดินหน้าพัฒนาสินค้าและการบริการ รวมถึงนวัตกรรมต่างๆ ให้ก้าวล้ำเพื่อประโยชน์สูงสุดของผู้บริโภค พร้อมทั้งรักษามาตรฐานความเป็นอันดับหนึ่งของกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ มุ่งหวังให้สินค้าและการบริการดีเลิศควบคู่ไปพร้อมกับการใช้เทคโนโลยี”
“ในปีที่ผ่านมา พฤกษา เรียลเอสเตท ใส่ใจและให้ความสำคัญกับเรื่องคุณภาพมาอย่างต่อเนื่อง เน้นสร้าง Excellent Quality ด้วยการยึดหลักแบรนด์ไอเดีย “PRUKSA ใส่ใจ...เพื่อทั้งชีวิต” โดยวางโรดเมพ ไว้ 5 ด้าน คือ Construction ใส่ใจในเทคโนโลยีการก่อสร้างและการผลิต, Innovation ใส่ใจในนวัตกรรมที่ทำให้คุณภาพชีวิตดีขึ้น มุ่งมั่นพัฒนาเทคโนโลยีต่างๆ ไม่หยุดยั้ง, Product Design ใส่ใจการออกแบบฟังก์ชั่นใช้สอยเพื่อให้ตรงตามความต้องการของลูกค้า รวมไปถึงการออกแบบบ้านเพื่อการอยู่อาศัยสำหรับทุกเพศทุกวัย, Community ใส่ใจสร้างสรรค์สังคมน่าอยู่ เพื่อให้ลูกค้ามีสังคมและสิ่งแวดล้อมที่ดี และ Service ใส่ใจด้านบริการที่มีมาตรฐานทั้งก่อนและหลังการขายด้วยเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญ โดยในปีนี้ได้มีการเปิดตัว The Living Application ที่ทำให้ทุกเรื่องบ้าน ครบ จบ ในแอปเดียว ตั้งแต่เริ่มค้นหาบ้าน ข่าวสารและโปรโมชั่น ไปจนถึงการตรวจรับบ้านและเข้าอยู่อาศัย” นางสุพัตรา กล่าว
สำหรับในปี 2562 นี้ พฤกษา เรียลเอสเตท ได้ประกาศชูแผนกลยุทธ์รักษาความเป็นผู้นำอันดับ 1 ด้วยการขับเคลื่อนองค์กรผ่าน Digital Transformation พร้อมเดินหน้าด้วยนวัตกรรมเทคโนโลยี INNO–TECH เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของคนไทย และยังมุ่งมั่นในการสร้างวัฒนธรรมในองค์กรเรื่องของคุณภาพ ลงมือทำจริงเพื่อส่งมอบบ้านที่มีคุณภาพให้ลูกค้า โดยทุกวันศุกร์ทีมผู้บริหารจะออกตรวจไซต์งาน ดูแลใกล้ชิดตั้งแต่คนงานก่อสร้าง ลูกค้า และพนักงาน พร้อมปรับปรุงทุกกระบวนการทำงานให้มีคุณภาพ ขณะเดียวกัน ยังคงให้ความสำคัญกับโรดเมพทั้ง 5 ด้าน คือ Construction, Innovation, Product Design, Community และ Service อย่างต่อเนื่อง
จากการดำเนินงานตาม Roadmap ที่ตอกย้ำด้วยการลงมือทำจริง ความมุ่งมั่นในการพัฒนาองค์กร พัฒนาสินค้า และการบริการ นอกจากจะทำให้ พฤกษา เรียลเอสเตท ได้รับรางวัล International Quality Management Award ซึ่งจัดขึ้นที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศสแล้ว ในด้านความพึงพอใจจากลูกค้าของพฤกษายังเพิ่มสูงขึ้น รายการข้อร้องเรียนต่างๆ ลดลงถึง 18% แบรนด์พฤกษาได้รับการชื่นชมในโลกโซเชียลเพิ่มมากขึ้น ซึ่งทั้งหมดนี้จะเป็นแรงขับเคลื่อนที่ทำให้เรายังคงเดินหน้าพัฒนาต่อเนื่องอย่างไม่หยุดยั้งเพื่อตอบโจทย์ Brand Propose ของพฤกษาที่จะช่วยยกระดับมาตรฐานคุณภาพความสุขที่แท้จริงของการใช้ชีวิตของคนไทย” นางสุพัตรา กล่าวทิ้งท้าย
รองศาสตราจารย์นายแพทย์ ชาญชัย พานทองวิริยะกุล อธิการบดีมหาวิทยาลัยขอนแก่น เปิดเผยว่า มหาวิทยาลัยขอนแก่นร่วมกับ มหาวิทยาลัยคิวชู จัดโครงการถ่ายทอดนวัตกรรม เทคโนโลยีหุ่นยนต์ช่วยผ่าตัด เพื่อรองรับการเป็นเมดิคอลฮับ ของมหาวิทยาลัยขอนแก่น โดยในช่วง 10 ปีนี้ หุ่นยนต์ผ่าตัดได้รับการพัฒนาอย่างรวดเร็ว จนกระทั่งปัจจุบันการพัฒนาหุ่นยนต์ผ่าตัด ได้ก้าวเข้าสู่ขั้นให้หุ่นยนต์ผ่าตัดตามการเคลื่อนไหวนิ้วและมือของศัลยแพทย์ (da vinci model) มหาวิทยาลัยขอนแก่นเป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรกในเอเชียที่วิจัยคอมพิวเตอร์ช่วยผ่าตัด (หุ่นยนต์ผ่าตัด) เฉพาะทางนรีเวช ตั้งแต่ปี 2550 โดยทีมวิศวกรรมชีวการแพทย์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น เป็นทีมที่ประสบความสำเร็จ และมีงานวิจัยหุ่นยนต์ผ่าตัดที่ก้าวหน้าที่สุด หวังว่าการร่วมมือกัน ระหว่าง มหาวิทยาลัยขอนแก่น ประเทศไทย และ มหาวิทยาลัยคิวชู ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งนับว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญในเรื่องดังกล่าวนี้ จะทำให้เกิดการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของชาวไทยต่อไป
อย่างไรก็ตามหนึ่งในชุดผลงานหุ่นยนต์ผ่าตัดทางนรีเวช คือ หุ่นยนต์ช่วยถือและเคลื่อนกล้องผ่าตัด สำหรับการผ่าตัดในอุ้งเชิงกราน ได้รับรางวัลเหรียญทองจาก The international Federation of Inventors’ Associations ในงานวันนักประดิษฐ์นานาชาติครั้งที่ 1 ปี พ.ศ.2551 เทคโนโลยี “หุ่นยนต์ช่วยถือกล้องผ่าตัด” ถูกพัฒนาคิดค้นโดยคณะแพทย์ไทยเพื่อช่วยให้การผ่าตัดทางนรีเวชสะดวก ปลอดภัย มีความถูกต้อง แม่นยำและรวดเร็ว ช่วยให้คนไข้ฟื้นตัวเร็วขึ้น ทำให้พื้นผิวบริเวณที่ผ่าตัดได้รับความกระทบ กระเทือนน้อยที่สุด หุ่นยนต์มีลักษณะเป็นแขนกลช่วยจับกล้องที่ใช้ในการผ่าตัดเคลื่อนไปในมุมต่าง ๆ ตามที่แพทย์ต้องการได้อย่างแม่นยำ โดยแพทย์สามารถควบคุมการเคลื่อนไหวของหุ่นยนต์ผ่านการสัมผัสบนจอทัชสกรีน ช่วยให้การผ่าตัดผ่านกล้องของแพทย์สะดวกและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
นอกจากนี้ยังมีการอบรมเทคโนโลยีหุ่นยนต์ช่วยผ่าตัด โดย ศาสตราจารย์ นพ.โกวิท คำพิทักษ์ และรองศาสตราจารย์ นพ.เกรียงศักดิ์ เจนวิถีสุข ร่วมกับศาสตราจารย์จากประเทศญี่ปุ่น เพื่อวางแนวทางรวมทั้งยกระดับวงการวิทยาศาสตร์สุขภาพ รองรับการเป็นเมดิคอลฮับ ของอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงต่อไป
อาจารย์ ดอกเตอร์ นายแพทย์ วิทูร ชินสว่างวัฒนกุล (ขวา) หัวหน้าสถานวิทยามะเร็งศิริราช ร่วมกับ นางสาวสิรีรัตน์ คอวนิช (ซ้าย) ผู้อำนวยการ – ธุรกิจบัตรเครดิต “เคทีซี” หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ขอเชิญชวนสมาชิกบัตรเครดิตเคทีซีผู้มีจิตศรัทธาใช้คะแนน KTC FOREVER ทุก 1,000 คะแนน แทนเงินบริจาค 100 บาท สมทบทุนเพื่องานวิจัยการถอดรหัสยีนมะเร็งของคนไทย (Cancel Cancer Festival 2019) ในการดูแลรักษาโรคมะเร็งแบบบูรณาการ ร่วมกับการวิเคราะห์ข้อมูลทางพันธุกรรมส่วนบุคคล อันจะนำไปสู่การรักษาโรคมะเร็งที่แม่นยำและเหมาะสมกับแต่ละบุคคลมากที่สุด ตั้งแต่วันที่ 2 มีนาคม 2562 - 31 ธันวาคม 2562 ทั้งนี้เงินบริจาค 200 บาทขึ้นไป สามารถนำใบเสร็จรับเงินไปหักลดหย่อนภาษีได้
สำหรับการร่วมบริจาคสามารถทำได้ผ่าน 4 ช่องทาง 1) แอปฯ “KTC Mobile” 2) SMS (1 ครั้ง = แลก 1,000 คะแนน แทนเงินบริจาค 100 บาท) โดยพิมพ์ SIC วรรค ตามด้วยหมายเลขบัตรฯ 16 หลัก ส่งมาที่ 0613845000 (ค่าส่งครั้งละ 3 บาท) และจะได้รับข้อความตอบกลับเมื่อลงทะเบียนสำเร็จ 3) เว็บไซต์ www.ktc.co.th/clickktc 4) KTC PHONE 02 123 5000 กด 0
นายปรีชา รุธิรพงษ์ (คนที่ 4 จากซ้าย) ประธานเจ้าหน้าที่สายงานการตลาด พร้อมด้วยพนักงาน บริษัท เอฟดับบลิวดี ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) ร่วมให้กำลังใจและส่งคุณอิทธิพล สมุทรทอง หรือ คุณป๊อก (คนที่ 3 จากขวา) ที่เป็นตัวแทนเอฟดับบลิวดี ประเทศไทย เดินทางไปร่วม "FWD North Pole Marathon" มาราธอนที่วิ่งบน “แผ่นน้ำแข็ง” ปราศจากพื้นดิน บริเวณมหาสมุทรอาร์กติก ขั้วโลกเหนือ ที่ระยะ 42.195 กิโลเมตร จัดว่าเป็นมาราธอนที่อยู่เหนือสุดและหนาวที่สุดในโลก ด้วยอากาศต่ำกว่าศูนย์องศา (Sub-Zero Temperatures) ตลอดการแข่งขัน ร่วมให้กำลังใจและติดตามการผจญภัยครั้งสำคัญในชีวิตของคุณป๊อก ได้ที่ Facebook Fan Page FWD Thailand