December 16, 2025

SACIT ระดมสมอง 9 กูรูผู้เชี่ยวชาญด้านศิลปหัตถกรรม จัดทำ SACIT Craft Power Book 2025 เพื่อเป็นแนวทางการพัฒนาศิลปหัตถกรรมไทย พร้อมผลักดัน 8 ด้าน ยกระดับศิลปหัตถกรรมไทยให้ก้าวไกลไปในตลาดโลก และยังเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยผลักดัน soft power ของไทยให้ยกระดับสู่มาตรฐานสากล

นางพรรณวิลาส แพพ่วง รักษาการแทน ผู้อำนวยการสถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย (องค์การมหาชน) หรือ SACIT เปิดเผยว่า จากการที่ได้จัดงาน “SACIT Craft Power : แนวโน้มศิลปหัตถกรรมร่วมสมัย” โดยได้ระดมความคิดเห็นจากกูรูผู้เชี่ยวชาญด้านศิลปหัตถกรรมในทุกด้าน รวม 9 ท่าน มาระดมสมองวิเคราะห์ถึงทิศทางแนวโน้มความต้องการของตลาดสินค้าศิลปหัตถกรรมในอนาคต และจัดทำ SACIT  Craft Power Book 2025 ให้เป็นคัมภีร์สำหรับผู้ประกอบการไทยในการพัฒนาสินค้าศิลปหัตถกรรมให้ตรงกับความต้องการของตลาดโลก

ทั้งนี้ การกำหนดทิศทางหรือแนวโน้มงานศิลปหัตถกรรมไทยให้ชัดเจน ถือเป็นหัวใจสำคัญในการพัฒนาอย่างครอบคลุมตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ ไม่ว่าจะเป็นการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ กระบวนการผลิตงานหัตถกรรม กลยุทธ์ทางการตลาดและจัดจำหน่ายสินค้า รวมถึงสร้างการรับรู้ของผู้บริโภค ที่ต้องอาศัยการวางแผนและสนับสนุนจากทุกภาคส่วนอย่างเป็นเอกภาพและเป็นรูปธรรมในระยะยาว “SACIT จะนำข้อมูลที่ได้ไปถ่ายทอดให้กับผู้ประกอบกิจการศิลปหัตถกรรมไทยทั่วประเทศ ใช้เป็นแนวทางนำไปปรับปรุงสินค้า เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคทุกกลุ่มในอนาคต ซึ่งความรู้ที่ได้นี้จะเป็นส่วนสำคัญในการเพิ่มศักยภาพการแข่งขัน และต่อยอดศิลปหัตถกรรมไทยให้โดดเด่นในเวทีโลก” นางพรรณวิลาส กล่าว

จากข้อสรุปของการจัดทำ  SACIT Craft Power Book 2025  ได้แบ่งแนวทางที่สำคัญออกเป็น 8 ด้าน คือ 1. เผยแพร่องค์ความรู้จากผู้ผลิตงานศิลปหัตถกรรม เช่น นักวิชาการ รวบรวมความรู้จากครูช่าง แล้วนำมาถ่ายทอดผ่านช่องทางออนไลน์ และออฟไลน์ รวมถึงถ่ายทอดทักษะที่หายไปให้ช่างหรือคนรุ่นใหม่ได้พัฒนาฝีมือเพื่อดำเนินธุรกิจนั้นๆ อย่างยั่งยืน 2. เลือกใช้ภาพลักษณ์ที่เข้าใจง่ายมาเป็นตัวแทนในการสื่อสารกับลูกค้ากลุ่มคนรุ่นใหม่ และชาวต่างชาติ 3. ส่งเสริมคุณค่าในงานศิลปหัตถกรรมเพื่อให้เกิดเป็นของที่มีมูลค่า 4. สร้างวัฒนธรรมการส่งต่อสินค้าศิลปหัตถกรรมที่มีคุณค่าทางจิตใจจากรุ่นสู่รุ่น 5. สนับสนุนให้เกิดความร่วมมือในทางการผลิต เพื่อแบ่งปันองค์ความรู้เรื่องวัสดุไปจนถึงกระบวนการ และแลกเปลี่ยนความเห็น ระหว่างผู้ซื้อกับผู้ผลิตเพื่อสร้างสรรค์สินค้าให้ตรงตามความต้องการของตลาด 6. เน้นการสร้างสังคมผู้รักงานศิลปหัตถกรรม โดยปัจจุบัน SACIT มีการจัดประชุมเครือข่ายสมาชิกผู้ประกอบการจากภูมิภาคต่างๆ ให้เกิดกิจกรรมการแบ่งปันองค์ความรู้และศักยภาพของการผลิตสินค้า 7. จัดกิจกรรมสร้างประสบการณ์ในกลุ่มนักท่องเที่ยวที่เข้าไปในพื้นที่ ชุมชน ให้ทดลองลงมือทำางานศิลปหัตถกรรมด้วยตนเอง เพื่อให้เข้าใจกระบวนการผลิตจนเกิดเป็นความประทับใจจนตัดสินใจซื้อสินค้า และท้ายที่สุดเกิดการส่งต่อเรื่องราวสู่สังคมภายนอก 8. ส่งเสริมให้ผู้ผลิตเป็นผู้สร้าง – ผู้ใช้ และเป็นตัวแทนแฟชั่น โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าที่มีการออกแบบรูปลักษณ์ใหม่ให้ทันสมัยผสานกับวิธีการผลิตแบบเดิม จะช่วยผลักดันให้งานศิลปหัตถกรรมเป็นที่ยอมรับว่าใช้ในชีวิตประจำวันได้จริง และเข้าถึงทุกคนได้

ทั้งนี้ เพื่อถ่ายทอดข้อมูลความรู้ที่ได้จากการจัดทำ SACIT Craft Power Book 2025 ในครั้งนี้ SACIT ได้สร้างแพลตฟอร์มการเรียนรู้กระบวนการผลิตงานศิลปหัตถกรรมที่ต้องใช้ความประณีตและความทุ่มเท ตั้งแต่กระบวนการคิดไปจนถึงการสร้างสรรค์ ผ่านเรื่องราวเบื้องหลังการทำงานของครูศิลป์ของแผ่นดิน ครูช่างศิลปหัตถกรรม ทายาทช่างศิลปหัตถกรรม และผู้ประกอบการงานศิลปหัตถกรรมไทย เพื่อสร้างความภาคภูมิใจและความรู้สึกหวงแหนในภูมิปัญญาที่คนรุ่นก่อนได้สั่งสมมา นอกจากนี้ยังส่งเสริมให้เกิดกลุ่ม เครือข่ายหรือศูนย์กลางงานหัตถกรรมที่รวมกลุ่มช่างฝีมือไว้ด้วยกัน เพื่อให้เกิด การแลกเปลี่ยนและแบ่งปันองค์ความรู้ ส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาที่ไม่หยุดนิ่ง ไม่เลือนหายตามกาลเวลา และเกิดความสัมพันธ์ของแวดวงช่างฝีมือ

โดย การจัดทำ SACIT Craft Power Book 2025 ยังเป็นส่วนหนึ่งของแผนปฏิบัติการระยะ 5 ปี (พ.ศ. 2566 - 2570) มีพันธกิจที่เกี่ยวเนื่อง คือ การสร้างและถ่ายทอดองค์ความรู้ บริหารจัดการวัฒนธรรม รวมถึงจัดทำฐานข้อมูล เกี่ยวกับครูศิลปหัตถกรรมไทย ผู้ประกอบการ บุคลากร และข้อมูลอื่นที่เกี่ยวข้องกับศิลปหัตถกรรมไทย โดยมีเป้าหมายให้จำนวนผู้ประกอบการได้รับการพัฒนายกระดับศักยภาพในการผลิต รวมถึงสร้างโอกาสทางการตลาด โดยองค์ความรู้เหล่านี้ จะเป็นส่วนสำคัญในการผลักดันศิลปหัตถกรรมไทยให้ก้าวไกลไปสู่ตลาดโลก และเป็นเครื่องมือในการถ่ายทอด soft power ที่มีอิทธิพลในระดับสากลอีกด้วย

สำหรับผู้ที่สนใจเนื้อหาแนวโน้มงานหัตถกรรมฉบับสมบูรณ์ ติดต่อขอรับหนังสือได้ที่ SACIT Craft Power Book 2025 ได้ที่ สายงานพัฒนาผลิตภัณฑ์และศักยภาพ โทร. 0-3536-7054-9 ต่อ 1385 หรืออ่านในรูปแบบ E-book ได้ที่ https://www.sacit.or.th/th/detail/2024-06-20-16-40-45 

กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต นำโดย คุณบุปผาวดี โอวรารินท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายทรัพยากรบุคคล และภาพลักษณ์องค์กรและการสื่อสารองค์กร จับมือร่วมกับพันธมิตร VGI, BTS, Goodthings Happen, Zaap Word Entertainment, XOXO Entertainment, LOVEiS ENTERTAINMENT, Warner MusicThailand, Boxx Music และ What The Duck Music และผู้สนับสนุน ร่วมงานบิ๊กโปรเจกต์ “SkyTrain Music Fest” ครั้งแรกในเอเชียกับการจัด Music Fest บนขบวนรถไฟฟ้าบีทีเอส ที่ผู้ชมจะได้รับประสบการณ์สุดพิเศษ ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 23-24 พ.ย.2567

โดยกิจกรรมดังกล่าว เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่หลากหลายตามไลฟ์สไตล์ และสอดคล้องกับนโยบายของบริษัทฯ ที่เคียงข้างทุกความเชื่อมั่นดูแลกันตลอดไป

บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ส่งทีมสำรวจภัย TIP Smart Assist และ หน่วยหนุมานทิพยจิตอาสา ลงพื้นที่เพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่เขตภาคเหนือ สืบเนื่องจากฝนตกหนักในพื้นที่ลุ่มน้ำยม-น่าน ทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำเพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้เกิดน้ำล้นตลิ่ง น้ำท่วมเข้าบ้านเรือนประชาชนทิพยประกันภัย เร่งช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมภาคเหนือ พร้อมให้บริการยกรถฟรีแก่ลูกค้าและประชาชนในหลายพื้นที่ อาทิ จังหวัดเชียงราย เชียงใหม่ แพร่ น่าน และพะเยา

ทางทีม TIP Smart Assist และ หน่วยหนุมานทิพยจิตอาสา  ได้ลงพื้นที่จังหวัดน่านเป็นพื้นที่แรกเพื่อเข้าช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบโดยมอบถุงยังชีพ น้ำดื่ม  รวมถึงเข้าสำรวจและจ่ายค่าสินไหมทันที กรณีลูกค้าทำประกันได้รับความเสียหาย ทั้งที่อยู่อาศัยและรถยนต์

สำหรับท่านใดที่ได้รับผลกระทบจากเหตุน้ำท่วม สามารถแจ้งขอความช่วยเหลือมาที่สายด่วน 1736 กด1          

นายแพทย์อนันต์ จึงสุวัฒนานนท์ หรือคุณหมอหนึ่ง ผู้ชำนาญการด้านการออกแบบจมูกเฉพาะบุคคล ที่ EMMA CLINIC (เอมม่า คลินิก) มอบช่อดอกไม้ขอบคุณ คุณปอ -ณฐมน บุรุษพัฒน์ นักร้อง นักแสดง พิธีกร ทอล์กเปิดมุมมองด้านศาสตร์ศิลปะด้านความสวย -หล่อ เพื่อให้มีเอกลักษณ์แบบฉบับตัวเอง ถ่ายภาพที่ระลึกร่วมกัน  ณ สำนักงาน EMMA CLINIC ชั้น 6 อาคาร ICS เมื่อเร็วๆนี้

บริษัท สแกน อินเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCN ผู้เชี่ยวชาญด้านธุรกิจก๊าซธรรมชาติ พลังงานทดแทน และขนส่งแบบครบวงจร ร่วมนำประสบการณ์และความเชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมและพลังงานมาใช้ประโยชน์ตอบแทนสังคม ผ่านการสนับสนุนการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ให้กับโรงเรียนห้วยเสือเต้น จังหวัดขอนแก่น

 

ซึ่งเป็นกิจกรรมที่จัดขึ้นภายใต้ความร่วมมือระหว่างหน่วยงานหลายฝ่าย โดยมีเงินระดมทุนจากพนักงาน ปตท. จำกัด (มหาชน) อีกทั้งเงินสนับสนุนจาก หน่วยธุรกิจก๊าซธรรมชาติ ของปตท. จำกัด (มหาชน) และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย โรงไฟฟ้าน้ำพอง เพื่อส่งมอบพลังงานสะอาดและเป็นการปลูกฝังเยาวชนทางอ้อมในการตระหนักรู้และเห็นคุณค่าของการประหยัดพลังงาน

เจนเนอราลี่ ไทยแลนด์ นำทีมตัวแทนผู้ทรงคุณวุฒิ MDRT ประเทศไทย กว่า 60 ท่าน เข้าร่วมงานใหญ่แห่งปี “Generali Asia MDRT Convention 2024” เพื่อเฉลิมฉลองความสำเร็จและมอบรางวัลเชิดชูเกียรติให้แก่ตัวแทนจำหน่ายประกันชีวิตที่มีผลงานยอดเยี่ยมในระดับท็อปคลาส ซึ่งจัดขึ้นภายใต้คอนเซ็ปต์ “Shining Stars” ณ เมืองซานย่า มณฑลไหหลำ ประเทศจีน

สำหรับกิจกรรมครั้งนี้ นายอาร์ช คอลมิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท เจนเนอราลี่ ไทยแลนด์ พร้อมด้วยนายสมศักดิ์ อรรถเสรีพงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายช่องทางการจัดจำหน่ายผ่านตัวแทน บมจ.เจนเนอราลี่ ประกันชีวิต (ไทยแลนด์) ร่วมนำทีมผู้บริหารตัวแทนผู้ทรงคุณวุฒิ MDRT ระดับ COT (Court of the Table)  TOT (Top of the Table)  และคุณวุฒิ ROAR Club ซึ่งเป็นคุณวุฒิของเจนเนอราลี่ ที่สนับสนุนผู้สร้าง MDRT รวมกว่า 60 ท่าน เข้าร่วมงานร่วมกับสมาชิกตัวแทนคุณวุฒิ MDRT เจนเนอราลี่ในภูมิภาคเอเชียจากประเทศต่าง ๆ ได้แก่ อินโดนีเซีย เวียดนาม จีน ฮ่องกง ฟิลิปปินส์ มาเลย์เซีย และอินเดีย ร่วมกว่า 900 ท่าน โดยได้รับเกียรติจาก นายจูลิโอ แตร์ซาริโอล CEO Insurance, Group พร้อมด้วย นายราเกช วัทวา Chief Distribution and Marketing Officer, Asia  นายปิแอร์ มาร์เตลลี Chief Insurance Officer, Asia นายวินัย ธาเรศวร Chief of Staff, Asia และคณะผู้บริหารภูมิภาคเอเชีย ให้การต้อนรับพร้อมร่วมแบ่งปันประสบการณ์ ความรู้ แรงบันดาลใจ รวมถึงการสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างตัวแทนจากทั่วภูมิภาคเอเชีย อีกทั้งภายในงาน เจนเนอราลี่ ประเทศไทย ยังได้คว้ารางวัลอันทรงเกียรติ "Asia Champions" ระดับผู้จัดการหน่วย ซึ่งเป็นรางวัลที่มอบให้แก่ผู้ที่สร้างจำนวน MDRT สูงที่สุดในระดับภูมิภาคเอเชียอีกด้วย

โดยทางด้าน นายสมศักดิ์ กล่าวว่า “เจนเนอราลี่ ไทยแลนด์ มีแนวทางส่งเสริมและผลักดันตัวแทนจำหน่ายเพื่อให้มุ่งสู่ความสำเร็จ โดยมีการวางกลยุทธ์การดำเนินงานที่สำคัญคือ Agency RIGHT 2024 ได้แก่ Right – Recruitment คือ การสรรหาตัวแทนใหม่ที่ถูกต้อง Right – Infrastructure การวางระบบหลังบ้านที่แข็งแกร่ง Right Growing Together การเติบโตไปพร้อมกันในทิศทางที่ถูกต้อง Right – Habit การวางแผนกิจกรรมและการทำงานอย่างมีระบบ และ Right Training Platform การจัดระบบหลักสูตรการฝึกอบรม เพื่อเสริมศักยภาพตัวแทนให้มีความแข็งแกร่งและมีความพร้อมมุ่งสู่การพิชิตรางวัลคุณวุฒิ MDRT ตามเป้าหมาย นอกจากนี้ยังได้รับการสนับสนุนเป็นอย่างดีจากผู้บริหารในประเทศไทย และในส่วนภูมิภาค ซึ่งเชื่อมั่นว่าการสนับสนุนอย่างต่อเนื่องนี้จะเป็นการสร้างโอกาสในการพัฒนาตัวแทนให้มุ่งสู่ความสำเร็จและมุ่งสู่ความเป็นเลิศในอาชีพอย่างยั่งยืน”

ดร.สมพร สืบถวิลกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทิพย กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร เข้าเยี่ยมคารวะและแสดงความยินดี นายอรุณ บุญชม ที่ได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งจุฬาราชมนตรีคนที่ 19 แห่งราชอาณาจักรไทย ณ ห้องรับรองสำนักจุฬาราชมนตรี ชั้น 3 ศูนย์บริหารกิจการศาสนาอิสลามแห่งชาติ เฉลิมพระเกียรติ

ในโอกาสนี้ทิพยตะกาฟุลยังได้แนะนำคณะกรรมการชะรีอะฮ์ชุดใหม่ ซึ่งได้รับการแต่งตั้งเพื่อสนับสนุนการขยายตลาดด้านตะกาฟุล โดยคณะกรรมการฯ มีเป้าหมายในการพิจารณาผลิตภัณฑ์ประกันภัยให้สอดคล้องกับหลักศาสนาอิสลามอย่างแท้จริง มีจริยธรรม และรับผิดชอบต่อสังคม  พร้อมทั่งมอบหนังสือเพื่อให้ความรู้เรื่องการประกันภัยระบบอิสลาม และสื่อสารผ่านการกระจายความเสี่ยง (ตะกาฟุลและรีตะกาฟุล) ตามข้อกำหนดของ องค์การความร่วมมืออิสลาม (OIC)

บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน​) หรือ ซีพีเอฟ ขับเคลื่อนสนับสนุนกรมประมงร่วมปฏิบัติการไล่ล่าปลาหมอคางดำอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดเจ้าหน้าที่ซีพีเอฟลงพื้นที่ร่วมกับประมงจังหวัดสมุทรสาครปฏิบัติการจับปลาหมอคางดำ ณ คลองบริเวณประตูน้ำใกล้วัดบางน้ำวน ต.บางโทรัด อ.เมือง จ.สมุทรสาคร พร้อมส่งมอบปลากะพงจำนวน 5,000 ตัวเพื่อปล่อยลงสู่แหล่งน้ำ เพื่อตัดวงจรการแพร่กระจายของปลา ส่งผลให้วันนี้ ซีพีเอฟได้สนับสนุนกรมประมงจัดกิจกรรมลงแขกลงคลองจับปลารวม 12 จังหวัดสามารถขจัดปลาออกจากแหล่งน้ำไปมากกว่า 10,000 กิโลกรัม และส่งมอบปลานักล่ารวม 64,000 ตัวแล้ว พร้อมร่วมกับโรงงานศิริแสงอารำพีรับซื้อปลาเพื่อทำปลาป่นต่อเนื่อง

นายเผดิม รอดอินทร์ ประมงจังหวัดสมุทรสาคร เป็นประธานในกิจกรรม “ลงแขกลงคลอง” ครั้งที่ 3 ที่บริเวณท่าน้ำหน้าวัดบางน้ำวน  ม.4 ต.บางโทรัด อ.เมือง จ.สมุทรสาคร โดยมี นายกู้เกียรติ ดิษแพ นายกอบต.บางโทรัด  ผู้นำชุมชนตำบลบางโทรัด ผู้แทนจากหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ตำรวจน้ำ เรือนจำจังหวัดสมุทรสาคร พันธมิตรกำจัดปลาหมอคางดำ ตลอดจนกลุ่มเกษตรกรในพื้นที่ ในวันนี้มีกิจกรรมร่วมแรงกันจับปลาด้วยเครื่องมือจับสัตว์น้ำชนิดต่างๆ การปล่อยปลานักล่า รวมถึงการสาธิตเมนูอาหารจากปลาหมอคางดำ โดยมีผู้แทนจากซีพีเอฟร่วมกิจกรรม มอบอุปกรณ์จับปลา และปลากะพง จำนวน 5,000 ตัว ให้แก่ประมงจังหวัดสมุทรสาครเพื่อปล่อยลงสู่แหล่งน้ำกำจัดลูกปลาหมอคางดำ รวมถึงสนับสนุนอาหารและน้ำดื่มแก่ผู้ร่วมงานครั้งนี้

สำหรับกิจกรรมจับปลาครั้งนี้ จับปลาหมอคางดำได้ประมาณ 1,400 กิโลกรัม ประมงสมุทรสาครแบ่งให้ชาวบ้านไปบริโภค ส่งมอบให้กรมราชทัณฑ์ นำไปใช้ปรุงอาหารเลี้ยงผู้ต้องขัง รวมถึงนำไปทำเป็นอาหารเลี้ยงสัตว์น้ำในศูนย์แสดงพันธุ์สัตว์น้ำอควาเรียม จังหวัดสมุทรสาคร และมอบให้แก่หน่วยงานต่าง ๆ ที่มาร่วมลงจับปลาหมอคางดำในครั้งนี้

“ประมงสมุทรสาครได้เริ่มดำเนินการกำจัดปลาหมอคางดำ มาตั้งแต่ 2 กุมภาพันธ์ 2567 ร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ประมงพื้นบ้าน ร่วมกันจับปลาหมอคางดำในแหล่งน้ำธรรมชาติอย่างจริงจัง จนถึงวันนี้สามารถจับปลาหมอคางดำออกจากแหล่งน้ำธรรมชาติได้แล้วกว่า 1 ล้านกิโลกรัม  และยังเดินหน้ากำจัดปลาหมอคางดำต่อเนื่อง” นายเผดิม  กล่าว

โดยซีพีเอฟร่วมกับโรงงานปลาป่น บริษัท ศิริแสงอารำพี ได้เข้ามาช่วยรับซื้อปลาหมอคางดำ พร้อมสนับสนุนอุปกรณ์จับปลา รวมทั้งมอบพันธุ์ปลานักล่ารวมแล้ว 10,000 ตัว เพื่อปล่อยลงแหล่งน้ำตัดวงจรชีวิตและกำจัดปลาหมอคางดำในแหล่งน้ำให้เบาบางลง  คืนความอุดมสมบูรณ์ให้แก่ทรัพยากรในแหล่งน้ำ รวมถึงการให้ความรู้แก่ประชาชนในพื้นที่เพื่อสร้างความตระหนักถึงสถานการณ์ของปลาหมอคางดำในจังหวัดสมุทรสาคร

นายอดิศร์ กฤษณวงศ์ ผู้บริหารสูงสุดสายงานรัฐกิจและเอกชนสัมพันธ์ ซีพีเอฟ กล่าวว่า บริษัทเดินหน้าร่วมมือกับกรมประมงในการจัดกิจกรรม “ลงแขกลงคลอง”​เพื่อกำจัดปลาหมอคางดำอย่างจริงจังใน 12 จังหวัดแล้ว ได้แก่สมุทรสงคราม สมุทรสาคร สมุทรปราการ ระยอง ชลบุรี จันทบุรี ฉะเชิงเทรา  เพชรบุรี นครปฐม ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช และยังเดินหน้าพร้อมร่วมกับจังหวัดอื่นๆ ต่อเนื่อง นอกจากนี้ บริษัทยังได้สนับสนุนปลานักล่ารวม 64,000 ตัว แก่ประมงสมุทรสงคราม ประมงสมุทรสาคร ประมงจันทบุรี และประมงระยอง  พร้อมได้ประสานงานเพื่อประเมินผลการดำเนินโครงการอย่างต่อเนื่อง

ซีพีเอฟได้บูรณาการขับเคลื่อน 5 โครงการเชิงรุกเพื่อร่วมกำจัดปลาหมอคางดำออกจากแหล่งน้ำฟื้นฟูระบบนิเวศ ประกอบด้วย โครงการร่วมกับกรมประมงรับซื้อปลาเพื่อทำปลาป่น 2,000,000 กิโลกรัม ที่ปัจจุบันร่วมกับโรงงานปลาป่นในสมุทรสาครจัดซื้อปลาไปแล้วกว่า 605,860 กิโลกรัมและยังเไปจังหวัดอื่นช โครงการปล่อยปลานักล่า 200,000 ตัว รวมถึง โครงการร่วมมือกับมหาวิทยาลัยนำปลาไปใช้ประโยชน์ เช่น แปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์อาหาร และโครงการสนับสนุนผู้เชี่ยวชาญและมหาวิทยาลัยในการศึกษาวิจัยนวัตกรรมหรือเทคโนโลยีเพื่อตัดวงจรและควบคุมการแพร่พันธุ์ของปลาชนิดนี้ในระยะยาว.

“เซียงเพียว” (SIANGPURE) แบรนด์ยาหม่องน้ำระดับตำนาน ซึ่งเป็นที่รู้จักในฐานะผู้นำสินค้าที่ตอบโจทย์เรื่องการบรรเทา ภายใต้การผลิตและจัดจำหน่ายโดย บริษัท เบอร์แทรม (1958) จำกัด ขอแนะนำผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุด “ยาดมน้ำเซียงเพียว กลิ่นยูคาลิปตัส” (Siangpure Liquid Inhalant Eucalyptus Scent) ที่คัดสรรส่วนผสมจากธรรมชาติ มาพร้อมกลิ่นหอม เย็น สดชื่นจากน้ำมันยูคาลิปตัสและน้ำมันเป๊ปเปอร์มิ้นท์ ซึ่งมีส่วนช่วยบรรเทาอาการคัดจมูกเนื่องจากหวัด ช่วยลดอาการภูมิแพ้ เพิ่มความรู้สึกผ่อนคลาย และช่วยให้หายใจโล่งสบายมากยิ่งขึ้น ฉีกภาพลักษณ์ยาดมให้แตกต่างอย่างมีสไตล์ด้วยชนิดหัวลูกกลิ้ง ใช้ง่าย ไม่เลอะมือ ภายใต้สโลแกน “เมื่อหายใจไม่เป็นธรรมชาติ ให้ส่วนผสมจากธรรมชาติช่วยบรรเทา” โดยได้พรีเซนเตอร์ แอนโทเนีย โพซิ้ว Miss Universe Thailand 2023 และ รองอันดับ 1 Miss Universe 2023 ร่วมเสริมทัพส่งต่อความสดชื่น พร้อมสร้างแรงบันดาลใจให้ทุกคนต่อสู้กับปัญหาฝุ่น ควัน มลภาวะ และ PM 2.5 อย่างได้ผล หาซื้อได้แล้ววันนี้ที่ 7-Eleven ทุกสาขาทั่วประเทศ

ทั้งนี้เซียงเพียวเล็งเห็นว่าในปัจจุบันมีคนไทยมากกว่า 40% มีอาการของโรคภูมิแพ้ อันเนื่องจากการเผชิญปัญหามลภาวะ สภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงบ่อย ตลอดจนไอเย็นจากเครื่องปรับอากาศที่เราต้องพบเจออยู่ทุกวัน และอาจส่งผลให้เกิดอาการภูมิแพ้ ไอ จาม หรือคัดจมูกได้มากขึ้น ดังนั้นเซียงเพียวจึงคิดค้นและพัฒนาสูตรผลิตภัณฑ์ยาดมน้ำเซียงเพียว กลิ่นยูคาลิปตัสขึ้น ซึ่งโดดเด่นด้วยการเลือกใช้ส่วนผสมจากธรรมชาตินานาชนิด โดยมีส่วนผสมหลักคือ น้ำมันยูคาลิปตัส ที่มีสรรพคุณในการช่วยแก้อาการคัดจมูกจากการเป็นหวัดหรืออาการภูมิแพ้ และมีกลิ่นหอม เย็น สดชื่น พร้อมเพิ่มความรู้สึกผ่อนคลายด้วยน้ำมันหอมระเหยจากธรรมชาติ โดยเป็นการต่อยอดสูตรมาจากยาดมเซียงเพียว เพื่อตอบโจทย์ผู้ที่ชื่นชอบกลิ่นยูคาลิปตัสโดยเฉพาะ มาพร้อมดีไซน์ที่พกพาสะดวก ในรูปแบบหัวลูกกลิ้งที่ทาง่าย ไม่เลอะมือ

โดยเลือก แอนโทเนีย โพซิ้ว Miss Universe Thailand 2023 และ รองอันดับ 1 Miss Universe 2023 มาเป็นพรีเซนเตอร์ของผลิตภัณฑ์ยาดมน้ำเซียงเพียว กลิ่นยูคาลิปตัส เนื่องจากมองว่าเป็นไอคอนของผู้หญิงยุคใหม่ที่ช่วยสร้างแรงบันดาลใจ และเป็นเสมือนตัวแทนในการผลักดันศักยภาพของผู้หญิงให้เชื่อมั่นในคุณค่าของตัวเองอย่างเต็มภาคภูมิ เพื่อส่งมอบพลังแห่งการต่อสู้กับทุกสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน ทั้งมลภาวะ ฝุ่น ควัน PM 2.5 และอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย ภายใต้สโลแกน “เมื่อหายใจไม่เป็นธรรมชาติ ให้ส่วนผสมจากธรรมชาติช่วยบรรเทา” นอกจากนี้แฟนๆ เตรียมตัวพบกับกิจกรรมสุดพิเศษที่แอนโทเนีย แท็กทีมกับยาดมน้ำเซียงเพียว กลิ่นยูคาลิปตัส ยกทัพความหอม เย็น สดชื่น ไปบุกย่านสำนักงานใจกลางกรุงเทพฯ ในวันที่ 17 กันยายน 2567 นี้ ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เฟสบุ๊คเพจ Siangpure

ร่วมสัมผัสประสบการณ์ใหม่ของความหอม เย็น สดชื่น กับยาดมน้ำเซียงเพียว กลิ่นยูคาลิปตัส ได้แล้ววันนี้ ในราคาหลอดละ 45 บาท มีจำหน่ายแล้วที่ 7-Eleven ทุกสาขา, ร้านขายยา และร้านค้าชั้นนำทั่วประเทศ หรือช่องทางออนไลน์ที่ Shopee / Lazada : Bertram (1958)

X

Right Click

No right click