December 16, 2025

ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) และ ดร.สมบูรณ์ เอื้ออัชฌาสัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) (GUNKUL) ร่วมลงนามในสัญญาสนับสนุนทางการเงินของ EXIM BANK จำนวน 2,325 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนการลงทุนของกลุ่มบริษัทฯ รวมถึงการลงทุนในธุรกิจพลังงานทดแทนสำหรับการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา (Rooftop PV System) เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจสีเขียวและการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยมีนายบัณฑิต สะเพียรชัย ประธานกรรมการบริหาร EXIM BANK นายอิทธิพล เลิศศักดิ์ธนกุล รองกรรมการผู้จัดการ EXIM BANK นางสาวโศภชา ดำรงปิยวุฒิ์ ประธานกรรมการบริหาร GUNKUL นางสาวนฤชล ดำรงปิยวุฒิ์ กรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ กลุ่มธุรกิจพลังงานและกลยุทธ์การลงทุน GUNKUL และนายฐิติพงษ์ เตชะรัตนยืนยง ประธานเจ้าหน้าที่ด้านการเงินและบัญชี GUNKUL ร่วมเป็นสักขีพยาน ณ EXIM BANK สำนักงานใหญ่ เมื่อเร็ว ๆ นี้

กรรมการผู้จัดการ EXIM BANK เปิดเผยว่า การสนับสนุนทางการเงินของ EXIM BANK ในครั้งนี้เป็นการส่งเสริมให้ผู้ประกอบการไทยดำเนินธุรกิจโดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแลกิจการที่ดี (Environmental, Social, and Governance : ESG) ต่อยอดการพัฒนาอุตสาหกรรมเป้าหมายสู่อนาคต (Future Industries) ขับเคลื่อนประเทศไทยไปสู่เศรษฐกิจสีเขียว (Greenomics) สอดคล้องกับบทบาทของ EXIM BANK สู่การเป็น Green Development Bank ขณะที่กลุ่มบริษัท GUNKUL ผู้นำด้านธุรกิจพลังงานทดแทนอย่างครบวงจรทั้งในประเทศและต่างประเทศ มุ่งพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมด้านพลังงานสะอาด เพื่อร่วมขับเคลื่อนประเทศไทยสู่เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ภายในปี 2573 และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emissions) ภายในปี 2593

“การสนับสนุนทางการเงินให้แก่กลุ่มบริษัท GUNKUL เป็นส่วนหนึ่งในการทำหน้าที่ธนาคารเพื่อการพัฒนาของ EXIM BANK มุ่งสนับสนุนบริการทางการเงินเพื่อเพิ่มสัดส่วนสินเชื่อเพื่อความยั่งยืนของธนาคารให้เป็น 50% ของพอร์ตสินเชื่อทั้งหมดภายในปี 2570 ต่อยอดการพัฒนาเศรษฐกิจสีเขียวขับเคลื่อนการพัฒนาอย่างยั่งยืนของประเทศไทยและโลกโดยรวม ทั้งในมิติเศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อม” ดร.รักษ์ กล่าว

เวลานี้ ห้องสตูดิโอสีขาวขนาดย่อมของทรู ดิจิทัล พาร์ค อัดแน่นไปด้วยความฝันของศิลปินรุ่นใหม่ 6 คน ที่แม้มีสไตล์ผลงานที่แตกต่างกัน แต่มารวมตัวกันเพื่อส่งต่อแรงบันดาลใจด้วยงานศิลปะ ในนิทรรศการ “Dream a Little Dream” ที่พาทุกคนย้อนเวลากลับไปรำลึกถึงความสุขและความฝันอันไร้ขอบเขตในวัยเด็ก และชวนให้เราลองหยุดคิดว่า ความหลงใหลใฝ่ฝันในวัยนั้นได้จางหายไป หรือเราทำฝันเหล่านั้นให้เป็นจริงได้แล้ว

ผู้อยู่เบื้องหลังงานนิทรรศการครั้งนี้ คือ Madskills  แกลเลอรี่สตาร์ทอัพสัญชาติไทยที่ทำหน้าที่เสาะหา คัดสรร และจัดแสดงงานของศิลปิน โดยเน้นงานด้าน Pop Art และ Contemporary Art ทั้งในไทยและต่างประเทศ และอาจเรียกได้ว่า Madskills เองก็ก่อร่างสร้างขึ้นจากความฝันของ พิชย วิวัฒน์รุจิราพงศ์ ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งเช่นกัน

“จริงๆ แล้วผมเป็นวิศวกรขุดเจาะน้ำมัน ที่ได้เข้ามาทำงานในแวดวงของ Tech และธุรกิจ แต่โดยส่วนตัวชอบถ่ายรูปมาก ถึงขนาดเคยจัดแสดงงานภาพถ่ายของตัวเองมาแล้ว ในช่วงโควิดที่ไปเที่ยวถ่ายรูปที่ไหนไม่ได้ ผมจึงเริ่มสะสมงานศิลปะหลากหลายรูปแบบ สุดท้ายก็ทำให้ความฝันของการมีแกลเลอรี่ของตัวเองให้เกิดขึ้นจริงก่อนไปถึงวัยเกษียณ นิทรรศการนี้นับเป็นครั้งที่ 4 ของ Madskills แล้ว” พิชย กล่าว

นิทรรศการ Dream a Little Dream จัดขึ้นในพื้นที่สานต่อความฝันของศิลปินให้เป็นจริง ในห้อง Studio 2 บนชั้นสองของทรู ดิจิทัล พาร์ค ฝั่งเวสต์ และเปิดเข้าชมฟรีทุกวัน โดยเป็นความตั้งใจที่จะให้ผู้ที่สนใจหรือผู้ที่ผ่านมาได้เข้ามาชื่นชมงานศิลปะอย่างใกล้ชิด ในขณะเดียวกันก็เป็นการสนับสนุนสตาร์ทอัพในด้าน Art & Culture และส่งเสริมงานของศิลปินและครีเอเตอร์รุ่นใหม่ให้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง ซึ่งเป็นสิ่งที่ทรู ดิจิทัล พาร์คทำมาอย่างต่อเนื่อง

ก่อนเดินทางไปชมงานนิทรรศการ ขอพาทุกคนไปทำความรู้จักกับ 6 ศิลปินให้มากขึ้น ผ่านตัวตน เรื่องราวความฝัน และแรงบันดาลใจ ในการสร้างสรรค์ผลงาน เพื่อส่งต่อความหมายของการมีฝันให้กับทุกคน

1. หูยาว (HUUYAOW)

“ไม่จำเป็นต้องทำให้ทุกฝันสำเร็จ แต่ขอให้จับสักฝันให้แน่น แล้วทำให้เป็นจริง”

ปิ๊ง - มัณฑนา เลิศกรกิจจา หรือศิลปินที่รู้จักในชื่อของ หูยาว ชื่อนี้มาจากตุ๊กตากระต่ายที่เธอรักมากในวัยเยาว์ และเป็นตัวแทนความกล้าหาญและความอยากรู้อยากเห็นที่เธอมีในวัยนั้น ผลงานจึงโดดเด่นด้วยคาแรกเตอร์เด็กผู้หญิงหูยาวสีส้มอยู่ท่ามกลางฉากความฝันที่นำเสนอผ่านภาพก้อนเมฆ ดวงจันทร์ และกลุ่มดาว

งานที่จัดแสดงนับเป็นงานเพ้นท์อะคริลิคบนแคนวาสครั้งแรกของปิ๊ง จากที่ก่อนหน้านี้ทำงาน Digital Art มาตลอด เธอเล่าว่า 12 ชั่วโมงก่อนส่งงานเรื่องไม่คาดฝัน ขณะที่รอให้สีเคลือบชิ้นงานแห้งสนิทเกิดมีฝุ่นพัดเข้ามาทำให้ชิ้นงานมีส่วนเสียหาย เธอต้องรีบลงมือแก้ไขให้ทันเวลา แต่ที่ทำได้สำเร็จก็เพราะมีหูยาวคอยบอกว่า อย่ากลัวที่จะลุกขึ้นใหม่อีกครั้ง

2. ฉ่อกุง (CHORKUNG)

“แม้ว่าฝันในวัยเด็กอาจไม่ถึงเส้นชัย แต่ความฝันเล็กๆ เหล่านั้นได้มาเป็นส่วนหนึ่งของเราในวันนี้”

กุง – ศศิวิมล สุนทรวิกรานต์ เจ้าของนามปากกา ฉ่อกุง ศิลปินที่เคยวาดภาพประกอบหนังสือเด็กกว่า 20 เล่ม ผลงานของเธอเล่าถึงความฝันและความสุขในวัยเด็กผ่านคาแรกเตอร์ Red Loving Wolf ที่ประกอบด้วยสองตัวละครหลักคือ Rinny Red หนูน้อยหมวกแดง และ Milo หมาป่า ไม่ว่าจะเป็นการชิมไอศครีมรสชาติใหม่ ไปจนถึงการฝึกเล่นกีตาร์เพื่อตามความฝันที่อยากเป็นนักดนตรี

เธออยากให้ผลงานที่มีความสดใสเป็นตัวแทนที่ชวนให้ทุกคนกลับไปทำสิ่งเล็กๆ ที่แสนสนุกในวันวาน หรือหวนคิดถึงความฝันที่อาจไปไม่ถึงเป้าหมาย แต่ก็เคยมอบความสุขให้ในเวลานั้น เพราะเธอว่า เชื่อว่าทุกความฝันที่เคยมีได้หลอมรวมกลายมาเป็นตัวตนของเราในวันนี้

3. น้อยหน่า (NoiNah)

“ความฝันคือสิ่งหล่อเลี้ยงชีวิต ทำให้อยากตื่นขึ้นมาแล้วมีลมหายใจ เพื่อทำสิ่งที่ฝันต่อไปเรื่อยๆ ”

น้อยหน่า - สุริยา อุทัยรัศมี อดีตนักเขียนการ์ตูนขำขันในนิตยสารการ์ตูนรายสัปดาห์ ต่อมาได้ผันตัวมาเป็นเจ้าของสตูดิโอและแกลเลอรี่เล็กๆ ในชุมชนเก่าริมแม่น้ำจันทบุรี ผลงานที่จัดแสดงในนิทรรศการนี้ เขาสร้างสรรค์ผ่านลายเส้นปากกา สีน้ำ และสีอะคริลิค โดยสร้างนัยยะผ่านการเล่นกับประเภทของสี ส่วนที่มีสีสันเด่นชัดจากการฉาบทาด้วยสีอะคริลิคแสดงถึงความเป็นจริงที่เกิดขึ้นแล้ว ส่วนที่ฟุ้งจางของสีน้ำคือตัวแทนของ ความฝัน ซึ่งทั้งสองสิ่งนั้นอยู่ร่วมกันได้เสมอ

เขาหวังว่าผลงานชุดนี้จะเป็นกุญแจให้ผู้ชมกลับไปไขลิ้นชักความทรงจำ รื้อค้นความฝันมาปัดฝุ่นอีกครั้ง และหากใครสักคนได้เข้ามาชมผลงาน แล้วเกิดมีเมล็ดพันธุ์แห่งความฝันผลิบานในใจ ได้กลับไปจำความฝัน หรือเริ่มต้นทำในสิ่งที่เคยหลงลืมไป ก็ถือว่างานได้ทำหน้าที่อย่างสมบูรณ์แล้ว

4. Humbly

“ไม่สายเกินไปที่จะลองทำตามความฝัน แม้จะก้าวไปได้อย่างช้าๆ แต่ก็เป็นความก้าวหน้าที่พาไปสู่ความจริง”

Humbly คือชื่อที่รู้จักกันดีของ Bryan Reynald C. Antonio นักวาดภาพประกอบชาวฟิลิปปินส์ ที่ในวัยเด็กหลงใหลในเรื่องราวแฟนตาซีของการเดินทางไปยังดินแดนต่างโลก ต่างมิติ และย้อนไปในอดีต จากจินตนาการอันไร้ขอบเขตกลายเป็นแรงบันดาลใจให้เขาสร้างสรรค์ผลงาน โดยนำองค์ประกอบจากวัฒนธรรมป๊อบยุค 90 ของนิยายวิทยาศาสตร์ การ์ตูน และของเล่นมาผสานรวมกัน

ผลงานเหล่านี้พาเขาโลดแล่นไปแสดงงานยังต่างประเทศได้ดังความฝันในวัยเยาว์ ที่ผ่านมา Bryan เคยจัดแสดงผลงานในนิทรรศการที่สหรัฐอเมริกา โตเกียว ปารีส และเคยจัดแสดงงานเดี่ยวในเมืองสำคัญ เช่น เซี่ยงไฮ้ ลอนดอน สิงคโปร์ และที่กรุงเทพมหานครในเวลานี้

5. Jmons

“เส้นทางสู่ความฝัน อาจมีเรื่องท้าทาย แต่ขอให้มีความเชื่อมั่นและลงมือทำอย่างเต็มที่”

Jmons คือนามปากกาของ ตุ่ย - บุญสิทธิ์ อยู่ถาวร ศิลปินชาวไทยที่เติบโตมาในครอบครัวที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับศิลปะ เขาจึงได้ฝึกฝนทักษะงานศิลป์มาตั้งแต่เด็ก โดยมีสีเป็นเครื่องมือสุดโปรดปราน ผลงานของเขาโดดเด่นด้วยการผสมผสาน Abstract Art ผ่านการวาดและสาดสี เข้ากับคาแรกเตอร์ STARBUZZ ที่สะท้อนถึงความสนุกสนานและความหวังในชีวิตประจำวัน

ผลงานในครั้งนี้เขาตั้งใจที่จะมอบความสุขและแรงบันดาลใจผ่านความงามและความหมายที่ซ่อนอยู่ในแต่ละสีและรูปทรง และอยากใช้งานศิลปะเชื่อมโยงผู้คนให้มองเห็นโลกในแง่มุมที่แตกต่างและหลากหลายมากขึ้น

6. Wood You Mind

“เพราะมีฝันที่หลากหลาย ทำให้เปิดกว้างต่อทุกสิ่ง และสร้างสรรค์งานแบบไม่มีข้อจำกัด”

Wood You Mind คือชื่อที่คนรู้จัก ป่าน – อนิวรรต อัครสุทธิกร ศิลปินที่เชี่ยวชาญการแกะสลักไม้ ที่มีจุดเริ่มต้นจากการที่รอซ่อมเตาเซรามิกที่ใช้ทำงาน ทำให้เขาลองแกะสลักไม้เพราะคิดถึงช่วง ม.ปลายที่เคยแกะสลักดินสอเป็นสโนว์แมน ในที่สุดเขาหันมาทำงานแกะสลักไม้ตั้งแต่ปี 2019 ก่อนย้ายไปอยู่ที่สหรัฐอเมริกาตั้งแต่ปี 2020

สำหรับนิทรรศการนี้ ป่านได้ส่งผลงานมาร่วมแสดงทั้งภาพวาดบนผ้าใบและงานแกะสลักไม้ โดยต้องวางแผนเวลาทำงานล่วงหน้าอย่างถี่ถ้วนเนื่องจากเป็นขนส่งทางเรือที่ใช้เวลานาน ผลงานทั้งหมดตั้งใจถ่ายทอดความฝันในมุมมองของความปรารถนาดีกับสิ่งที่เคยพลาด หลงลืม หรือไม่ได้สานต่อ โดยมอบความรู้สึกเป็นมิตร ไม่ได้บอกเล่าสิ่งใดตายตัว เพราะอยากเป็นผู้ฟังหรือกระจกสะท้อนให้กับผู้ชมงานได้ตั้งคำถามหรือระบายความรู้สึก

นิทรรศการ “Dream a little Dream” จัดขึ้นระหว่างวันที่ 16 สิงหาคม - 22 กันยายน 2567 ณ TDPK Studio 2 ชั้น 2 ทรู ดิจิทัล พาร์ค ฝั่งเวสต์ (BTS ปุณณวิถี) เปิดให้เข้าชมนิทรรศการทุกวัน เวลา 11.00 - 19.00 น. โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ติดตามรายละเอียดกิจกรรมเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ https://www.truedigitalpark.com

บริษัท บี.กริม แคเรียร์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เครื่องปรับอากาศรายแรกของโลกสัญชาติอเมริกา ภายใต้แบรนด์ แคเรียร์ (Carrier) จับมือ  SB DESIGN SQUARE (เอสบี ดีไซน์สแควร์) ผู้นำด้านเฟอร์นิเจอร์และการออกแบบตกแต่งบ้าน ที่เข้าใจไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตที่หลากหลายในยุคปัจจุบัน

สองผู้นำด้านไลฟ์สไตล์ของเครื่องปรับอากาศ และเฟอร์นิเจอร์แห่งยุคนี้ รวมกันผสานดีไซน์เพื่อบ้านในฝันของคุณ เมื่อเครื่องปรับอากาศเป็นเสมือนหนึ่งในเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งบ้าน และเฟอร์นิเจอร์ เป็นเหมือนเครื่องประดับที่ให้บ้านดูสมบูรณ์ มาเติมเต็มทุกจินตนาการกับเครื่องปรับอากาศแคเรียร์ รุ่น XInverter Plus เครื่องปรับอากาศภายใต้คอนเซ็ปต์แอร์ดี มีดีไซน์ ครั้งแรกของการฉีกกฎดีไซน์แอร์แบบเดิมที่มีแค่สีขาว สู่ดีไซน์สุดล้ำกับแอร์ 5 เฉดสีให้เลือกสรรเพื่อตอบรับกับการตกแต่งบ้านให้ลงตัวในทุกดีไซน์ อาทิ มินิมอล, โมเดิร์น, ลัคซูรี่ หรือรูปแบบอื่นๆ เพื่อเติมเต็มทุกจินตนาการให้เครื่องปรับอากาศเป็นเสมือนหนึ่งในเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งบ้าน

นายวรเศรษฐ์ ตันติศิริวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท บี.กริม แคเรียร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ความร่วมมือกับทาง SB Design Square ในครั้งนี้เพื่อตอกย้ำคอนเซ็ปต์การดีไซน์ของเครื่องปรับอากาศแคเรียร์ที่ตอบโจทย์การตกแต่งบ้านอย่างลงตัวในทุกๆ รูปแบบ สำหรับแอร์แคเรียร์รุ่น XInverter Plus เป็นแอร์ที่สร้างสรรค์มาเพื่อให้เข้ากับทุกดีไซน์ของการตกแต่งห้อง หรือบ้าน เปรียบได้ว่าเสมือนเป็นหนึ่งในเฟอร์นิเจอร์ของบ้าน จากความร่วมมือกันในครั้งนี้ เป็นครั้งแรกที่เครื่องปรับอากาศแคเรียร์รุ่น XInverter plus กับคอลเลกชันลายหน้ากากแอร์ Mickey Mouse ได้เข้าไปเป็นหนึ่งในดิสเพย์ของ Room Display ในชุด Disney Collection ของทาง SB Design Square ซึ่งถือว่าเป็น Design Inspiration Room ครั้งแรกของแคเรียร์ สำหรับห้องตัวอย่างที่หลุดออกจากจากจินตนาการเพื่อเป็นแนวทางในการตกแต่งห้องของทุกคน เชิญชวนทุกท่านไปสัมผัสประสบการณ์ Design Inspiration นี้ด้วยกันที่ SB design Square 3 สาขา คือ คริสตัล ดีไซน์ เซ็นเตอร์, เดอะคริสตัล เอสบี ราชพฤกษ์ และ บางนา กม.4 และความพิเศษในครั้งนี้ ยังเป็นครั้งแรกที่ลูกค้าจะสามารถพบกับตัวอย่างของแอร์แคเรียร์รุ่น XInverter Plus ทั้ง 5 สี ที่ SB Design Square  3 สาขานี้ เพื่อเป็นแนวทางในการเลือกสรรให้เข้ากับทุกเฟอร์นิเจอร์ในบ้าน พร้อมทั้งสามารถซื้อเครื่องปรับอากาศแคเรียร์ได้ที่ SB Design Square ทั้ง 3 สาขานี้เช่นกัน

สำหรับเครื่องปรับอากาศแคเรียร์ รุ่น XInverter Plus (เอ็กซ์อินเวอร์เตอร์ พลัส) มาพร้อมฟังก์ชั่นเพื่อตอบสนองทุกไลฟ์สไตล์ อาทิ สั่งงานด้วยเสียงผ่าน Wi-Fi และควบคุมการทำงานผ่านมือถือแทนการใช้รีโมท โดยยังคงเน้นความคุ้มค่า คุ้มราคา ฉลาดล้ำ ทันสมัย ลงตัวกับการทุกสไตล์แต่งบ้านในทุกรูปแบบ และการประหยัดไฟสูงสุดถึงห้าดาว โดยมีให้เลือกมากถึง 9 ขนาด BTU ตั้งแต่ 9,000 – 36,000 BTU รองรับขนาดของบ้านที่แตกต่างกัน มี 5 สีให้เลือกสรร ทั้งสี ขาว , ดำ ,ชมพู, ส้ม และเขียว ครบทุกฟังก์ชั่น ลงตัวทุกไลฟ์สไตล์ ให้เครื่องปรับแคเรียร์ XInverter Plus ส่งต่อความสุขในรูปแบบใหม่ที่เต็มไปด้วยความเย็นสบายและรอยยิ้มของทุกคน

และในเดือนนี้ มีโปรโมชั่นพิเศษสำหรับลูกค้า SB Design Square ทุกท่านเพื่อเป็นการเฉลิมฉลองการร่วมมือกันในครั้งนี้ แคเรียร์มอบโปรโมชั่นสุดพิเศษ สำหรับลูกค้าที่ซื้อเครื่องปรับอากาศแคเรียร์ รุ่น XInverter Plus (เอ็กซ์อินเวอร์เตอร์ พลัส)  ขนาด 9,000 – 30,000 BTU (รหัส 42TVAB010-033) ได้สิทธิ์รับ “หน้ากากแอร์ ลายมิกกี้ เม้าส์” 1 ชุดทันที มี 4 สีให้เลือก คือ เขียว ชมพู ส้ม และดำ มูลค่า 990  บาท ตั้งแต่  1 ส.ค. – 31 ต.ค.2567 เมื่อซื้อเครื่องปรับอากาศแคเรียร์ ที่  SB Design Square สาขาที่ร่วมรายการเท่านั้น คือ สาขาคริสตัล ดีไซน์ เซ็นเตอร์, เดอะคริสตัล เอสบี ราชพฤกษ์ และ บางนา กม.4 สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทาง Line Official Account @carrierevent หรือ www.facebook.com/carrierthailand

นายพิเดช ชวาลดิฐ กรรมการบริหาร กลุ่มบริษัท เอสบี เฟอร์นิเจอร์ กล่าวว่า การร่วมมือกับทางแคเรียร์ในครั้งนี้ได้ มองเห็นถึงความต้องการของลูกค้า ในการจินตนาการการตกแต่ง ออกแบบ การจัดวางเฟอร์นิเจอร์ของทาง SB ตามดีไซน์ต่างๆ ในห้องหรือพื้นที่ภายในบ้าน หากเราเปรียบเครื่องปรับอากาศเป็นเสมือนหนึ่งในเฟอร์นิเจอร์ ในตัวอย่างของห้องดิสเพย์ของทาง SB ก็ควรมีจัดแสดงเพื่อเป็นแนวทางให้กับลูกค้าเช่นกัน และสำหรับเครื่องปรับอากาศแคเรียร์ XInverter Plus ที่นำมาตกแต่งห้องตัวอย่างในห้องชุด Disney Collection ดีไซน์ตัวเครื่องเข้ากับการตกแต่งห้องของเราอย่างมาก นอกจากมีลายของ Mickey Mouse แล้ว ยังมีสีสันให้เลือกหลากหลายอีกด้วย เชื่อว่าการที่ได้ร่วมมือกับทางแครียร์ในครั้งนี้ จะสร้างแรงบันดาลใจให้ลูกค้า และมีผลิตภัณฑ์คุณภาพ ภายใต้ดีไซน์ที่เราแนะนำ เพื่อให้ลูกค้าทุกคนได้สนุก และเพลิดเพลินทุกการเลือกสรร และใช้จ่ายที่ SB Design Square”

ด้วยความมุ่นมั่นของทั้งสองผู้เชี่ยวชาญด้านเครื่องปรับอากาศ และเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งบ้าน พร้อมมอบประสบการณ์สุดพิเศษนี้ให้กับลูกค้าทั่วประเทศ ให้ได้รับความเย็นสบายพร้อมได้รับการตกแต่งดีไซน์ได้อย่างลงตัว สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทาง ทาง www.facebook.com/carrierthailand หรือทางเว็บไซต์ www.carrierthailand.com หรือ Line Official Account @carrierevent

บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) หรือบีเจซี เปิดเผยรายได้รวมในไตรมาส 2/67 เท่ากับ 43,085 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 257 ล้านบาทจากปีก่อน จากการบริหารจัดการวัตถุดิบที่ดีขึ้น การผลิตที่เพิ่มขึ้นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น การมุ่งเน้นเพิ่มการขายสินค้าที่มีกำไรดีมากขึ้น รวมไปถึงโครงการลดต้นทุนต่าง ๆ ส่งผลให้ความสามารถในการทำกำไรดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง กำไรจากการดำเนินงานอยู่ที่ 3,352 ล้านบาท เติบโตขึ้นถึง 15% ส่งผลให้บริษัทมีกำไรสุทธิเติบโตขึ้นอยู่ที่ 1,228 ล้านบาท

กลุ่มสินค้าและบริการทางบรรจุภัณฑ์ รายงานยอดขายในไตรมาสนี้ 2/67 อยู่ที่ 6,315 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 255 ล้านบาท สาเหตุหลักจากยอดขายที่เติบโตขึ้นของกลุ่มบรรจุภัณฑ์กระป๋องจากยอดขายเครื่องดื่มน้ำอัดลมและกาแฟที่เพิ่มขึ้นและอัตรากำไรขั้นต้นที่ปรับตัวดีขึ้น ในขณะที่บรรจุภัณฑ์แก้วลดลงจากยอดขายที่ลดลงของหมวดหมู่เครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ แต่ในขณะเดียวกันยอดส่งออกและยอดขายกลุ่มลูกค้า 3rd party ยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

อัตรากำไรขั้นต้นของกลุ่มสินค้าและบริการทางบรรจุภัณฑ์ในไตรมาสนี้อยู่ที่ร้อยละ 22.3 เพิ่มขึ้น 411 bps จากปีก่อน เป็นผลมาจากทั้งกลุ่มบรรจุภัณฑ์แก้วและบรรจุภัณฑ์กระป๋อง จากการบริหารจัดการราคาต้นทุนวัตถุดิบและค่าใช้จ่ายสาธารณูปโภคที่ดีขึ้น ทั้งแก๊สธรรมชาติ โซดาแอช อะลูมิเนียมและค่าไฟฟ้า รวมไปถึงอัตราการใช้กำลังการผลิต (Utilization rate) และประสิทธิภาพการผลิตที่ดีขึ้น ส่งผลให้กำไรสุทธิสำหรับผู้ถือหุ้นของกลุ่มสินค้าและบริการทางบรรจุภัณฑ์ในไตรมาส 2/67 อยู่ที่ 613 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 216 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 54.4 จากปีก่อน

กลุ่มสินค้าและบริการทางอุปโภคบริโภค รายงานยอดขายอยู่ที่ 5,279 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 85 ล้านบาท จากยอดขายที่เพิ่มขึ้นของกลุ่มธุรกิจสินค้าอุปโภคในกลุ่มสินค้าเครื่องใช้ส่วนตัว เติบโตจากสบู่แพรอทและสบู่เด็กดีเอ็มพีจากแคมเปญการตลาดที่ได้รับการตอบรับที่ดี ส่งผลให้มีส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ กลุ่มสินค้ากระดาษ ที่เป็นแบรนด์ของบริษัท ยังคงเติบโตได้ดีเช่นกัน

อัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ร้อยละ 19.4 เพิ่มขึ้น 147 bps จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน จากการขายสินค้าที่มีกำไรดีมากขึ้น รวมถึงการควบคุมค่าใช้จ่ายที่ดีขึ้น ส่งผลให้กำไรสุทธิสำหรับผู้ถือหุ้นของกลุ่มสินค้าและบริการทางอุปโภคบริโภคในไตรมาส 2/67 อยู่ที่ 381 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 100 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 35.4 จากปีก่อน

กลุ่มสินค้าและบริการทางเวชภัณฑ์และเทคนิค รายงานยอดขายอยู่ที่ 2,401 ล้านบาท ลดลง 28 ล้านบาท จากยอดขายสินค้าเครื่องมือแพทย์ที่ลดลง อย่างไรก็ตาม สินค้าเครื่องมือแพทย์จะได้รับประโยชน์จากงบประมาณภาครัฐในครึ่งหลังของปี 2567

อัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ร้อยละ 28.5 ลดลง 111 bps จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน จากสัดส่วนการขายวัคซีนไข้หวัดใหญ่ที่เพิ่มขึ้นมีอัตรากำไรขั้นต้นตํ่ากว่าสินค้าปกติ อย่างไรก็ตาม กำไรสุทธิสำหรับผู้ถือหุ้นอยู่ที่ 280 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 34 ล้านบาท จากค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่ลดลง

กลุ่มสินค้าและบริการทางการค้าปลีกสมัยใหม่ รายงานรายได้รวมอยู่ที่ 29,404 ล้านบาท โดยเป็นรายได้จากการขายสินค้าเท่ากับ 26,195 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 43 ล้านบาท จากปีก่อน เป็นผลมาจากการขยายสาขา ขณะที่ยอดขายต่อสาขาเดิมในไตรมาสปรับตัวลดลงอยู่ที่ -1.9% (ไม่รวมยอดขายสินค้าบีทูบี) และรายได้อื่นอยู่ที่ 3,198 ล้านบาท ลดลง 113 ล้านบาท จากการลดลงของรายได้ค่าเช่าและการให้บริการ โดยมีสาเหตุหลักมาจากรายได้ค่าสาธารณูปโภคเรียกเก็บจากผู้เช่าที่ลดลง

อัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ร้อยละ 18.6 เพิ่มขึ้น 91 bps จากปีก่อน จากการจัดการการส่งเสริมการขายที่ดี และการลดลงของต้นทุนค่าขนส่ง และมีกำไรสุทธิสำหรับผู้ถือหุ้น อยู่ที่ 1,034 ล้านบาท ลดลง 77 ล้านบาท จากปีก่อน จากค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเพิ่มขึ้นจากการขยายสาขาในประเทศไทยและต่างประเทศ

กลุ่มสินค้าและบริการทางการค้าปลีกสมัยใหม่ยังคงขยายสาขาอย่างต่อเนื่องในไตรมาส 2/67 โดยได้เปิดบิ๊กซี ไฮเปอร์มาร์เก็ตในประเทศลาว จำนวน 1 สาขา บิ๊กซี มินิ ในประเทศไทยจำนวน 7 สาขา บิ๊กซี ฟู้ดเซอร์วิสจำนวน 1 สาขา ร้านขายยาเพรียวจำนวน 1 สาขา และร้านค้าโดนใจ 1,544 สาขา ในระหว่างไตรมาส นอกจากนี้ บริษัทเห็นการเติบโตอย่างแข็งแกร่งของการสั่งซื้อสินค้าแบบ On-Demand บนแฟลตฟอร์ม Omnichannel เป็นผลมาจากการขยายการให้บริการที่ครอบคลุมร้านค้าไฮเปอร์มาร์เก็ตและซูเปอร์มาร์เก็ตในช่วงปลายไตรมาสที่ 1/67 ซึ่งได้รับการตอบรับการลูกค้าที่ดี มีการสั่งสินค้าเพิ่มสูงขึ้น

กลุ่มบีเจซี บิ๊กซี มุ่งมั่นพัฒนาธุรกิจอย่างมั่นคง ด้วยวิสัยทัศขององค์กรที่ตั้งเป้าหมาย เป็นพันธมิตรทางธุรกิจที่น่าเชื่อถือ เพื่อร่วมสร้างให้สังคมมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืน เตรียมพร้อมรับมือทุกสถานการณ์เพื่อเติบโตต่อไปอย่างแข็งแกร่ง

ออเนอร์ (HONOR) ผู้ให้บริการอุปกรณ์อัจฉริยะชั้นนำระดับโลก เตรียมเปิดตัวสมาร์ตโฟนรุ่นใหม่ล่าสุดกับ HONOR X6b ภายใต้คอนเซ็ปต์ "ถึก ทน คุ้ม" ตอบโจทย์ผู้ใช้ที่ต้องการสมาร์ตโฟนคุณภาพสูง แบตเตอรี่อึด รุ่นนี้มาพร้อมแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 5200 mAh ใช้งานได้ยาวนานตลอดวันโดยไม่จำเป็นต้องชาร์จบ่อย ๆ ใช้งานได้ยาวนานสูงสุดถึง 3 วัน เหมาะกับไลฟ์สไตล์ผู้ที่ต้องใช้ชีวิตและทำงานนอกสถานที่ โดยไม่ต้องพกสายชาร์จทุก ๆ วัน แถมให้หน่วยความจำที่มากถึง 6GB+128GB ทำให้การจัดเก็บข้อมูลทำได้จุใจ ตลอดจนสามารถใช้งานแอปพลิเคชันต่าง ๆ ได้อย่างราบรื่นและไม่สะดุด รวมถึงยังมีความทนทานต่อการตกกระแทกจากความสูง 1.5 เมตร ถือได้ว่าสมาร์ตโฟนรุ่นนี้ครบครันทุกการใช้งานและเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับทุกคน ทั้งถึกและทน ใช้งานได้แบบไม่ต้องกังวลในราคาคุ้มค่ามากที่สุด เตรียมพร้อมเปิดราคาในประเทศไทย 5 กันยายนนี้ และเริ่มจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 6 กันยายน 2567 เป็นต้นไป

HONOR X6b สมาร์ตโฟนรุ่นเล็กที่เหมาะสำหรับการใช้งานเริ่มต้นอย่างครอบคลุม มาพร้อมดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์ พกพาง่าย ใช้งานได้ในชีวิตประจำวัน เน้นจับกลุ่มผู้ใช้งานทั่วไปที่ต้องเดินทางหรือใช้ชีวิตนอกสถานที่บ่อย ๆ โดยรุ่นนี้อัดแน่นด้วยประสิทธิภาพการใช้งานแบบจัดเต็ม ชูจุดขายด้วยแบตเตอรี่ความจุ 5200 mAh ที่มอบอายุการใช้งานแบตฯ ที่ดีที่สุด สามารถใช้งานต่อเนื่องยาวนานตลอดทั้งวันโดยไม่ต้องกังวลว่าแบตฯ จะหมด ด้วยโหมด HONOR Super Power-Saving ที่แม้แบตฯ เหลือเพียง 10% ก็ยังสามารถใช้งานได้ยาวนาน รองรับระบบชาร์จไว 35W ทำให้สมาร์ตโฟนพร้อมใช้งานได้อย่างรวดเร็วทุกที่ทุกเวลา และการันตีอายุการใช้งานแบตเตอรี่ยาวนานถึง 4 ปี อีกทั้งยังมาพร้อมกับหน่วยความจำขนาดใหญ่ 6GB+128GB ขยายได้ถึง 12GB ด้วยเทคโนโลยี HONOR RAM Turbo ที่มอบประสบการณ์การใช้งานที่ลื่นไหลและไร้ขีดจำกัด ไม่ว่าจะใช้งานหลายแอปพลิเคชันพร้อมกันหรือจัดเก็บไฟล์ขนาดใหญ่ก็ทำได้อย่างไม่สะดุด และอีกจุดไฮไลต์สำคัญกับความทนทานที่เหนือระดับโดยนวัตกรรมสุดล้ำเฉพาะจาก HONOR ที่ได้การรับรองโดย SGS ระดับ 5 ดาว ตัวเครื่องสามารถทนต่อการตกกระแทกจากความสูงถึง 1.5 เมตร ทำให้ผู้ใช้มั่นใจได้ในทุกสถานการณ์ ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานที่ต้องเผชิญกับความเสี่ยงหรือการใช้งานประจำวัน นอกจากนี้ยังมอบกล้อง AI Ultra-Clear 50MP โดดเด่นด้วยฟีเจอร์เสริม AI เพื่อยกระดับประสบการณ์การถ่ายภาพ AI Intelligent Recognition ที่จะระบุวัตถุหลักโดยอัตโนมัติและช่วยเบลอพื้นหลัง ทำให้ผู้ใช้สามารถจับภาพที่คมชัดและโฟกัสได้อย่างง่ายดาย

HONOR X6b ยังเสริมการใช้งานด้านอื่น ๆ ด้วยฟีเจอร์ที่น่าสนใจอย่าง Magic Capsule เพียงแตะที่การแจ้งเตือนที่แสดงด้านบนของหน้าจอ ข้อมูลก็จะขยายออกเพื่อนำทางไปยังแอป ฯ ที่เกี่ยวข้องได้อย่างรวดเร็วให้แก่ผู้ใช้งาน อีกทั้งยังมาพร้อมกับโหมด E-Book และ Dynamic Dimming Display ซึ่งคุณสมบัติเหล่านี้สามารถช่วยลดการกระพริบของหน้าจอซึ่งเป็นต้นเหตุทำให้ผู้ใช้มีอาการตาล้า ด้วยจุดเด่นและฟีเจอร์ทั้งหมดนี้ทำให้ HONOR X6b เป็นสมาร์ตโฟนที่ถึก ทน และคุ้มราคาที่สุด

ห้ามพลาด! เตรียมสัมผัสประสบการณ์การใช้งานที่ยาวนานและทนทาน กับสมาร์ตโฟนรุ่นใหม่ล่าสุด HONOR X6b เตรียมเปิดราคาอย่างเป็นทางการในประเทศไทยในวันที่ 5 กันยายน 2567 พร้อมเริ่มจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 6 กันยายน 2567 เป็นต้นไป พร้อมรับโปรโมชันสุดพิเศษมากมาย!

ผู้สนใจสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ https://www.hihonor.com/th หรือติดตามข่าวสารและกิจกรรมได้ที่เฟซบุ๊ก HONOR Thailand

กลุ่มบริษัทพรูเด็นเชียล แถลงผลการดำเนินงานครึ่งปีแรก (สิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย. 67) โดยมีผลกำไรจากธุรกิจใหม่ 1,468 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 8 (ไม่นับรวมผลกระทบจากอัตราดอกเบี้ย) และมีกำไรจากการดำเนินงานที่ปรับปรุงแล้วเพิ่มขึ้นร้อยละ 9 (ไม่นับรวมผลกระทบจากอัตราดอกเบี้ย) เป็น 1,544 ล้านเหรียญสหรัฐ นอกจากนั้น กลุ่มบริษัทฯ ได้ดำเนินการซื้อหุ้นคืนครั้งแรกมูลค่า 2 พันล้านเหรียญสหรัฐ และนับจนถึง ณ วันที่ 22 สิงหาคม 2567 กลุ่มบริษัทฯ ได้มีการซื้อหุ้นคืนแล้ว 22 ล้านหุ้น เป็นมูลค่า 150 ล้านปอนด์ (192 ล้านเหรียญสหรัฐ) สำหรับธุรกิจของกลุ่มบริษัทฯ ที่ทำผลงานโดดเด่น และมีผลกำไรธุรกิจใหม่เติบโตด้วยตัวเลขสองหลัก คือ ฮ่องกง, มาเลเซีย, สิงคโปร์, ไต้หวัน รวมทั้งประเทศไทย ตอกย้ำความเป็นผู้นำในธุรกิจประกันชีวิตระดับสากล

นายอนิล วัธวานี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัทพรูเด็นเชียล เปิดเผยว่า “เราเริ่มต้นปีนี้ด้วยกลยุทธ์ที่มีความชัดเจน จนทำให้ผลการดำเนินงานของเราเป็นที่ประจักษ์ และเรามั่นใจว่าจะบรรลุเป้าหมายได้ภายในปี พ.ศ. 2570 เราพยายามรักษาอัตราการเติบโตของผลกำไรธุรกิจใหม่เฉลี่ย 15-20% ต่อปี และสร้างกระแสเงินสดเติบโตในอัตราตัวเลขสองหลัก โดยวัดจากฐานปี พ.ศ. 2565 ในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ เรามีการเติบโตของกำไรจากธุรกิจใหม่อยู่ที่ 8% ควบคู่ไปกับอัตรากำไรที่เพิ่มขึ้น โดยพิจารณาจากปัจจัยทางเศรษฐกิจ กลุ่มบริษัทพรูเด็นเชียล มีกำไรจากการดำเนินงานที่ปรับปรุงแล้วเพิ่มขึ้นร้อยละ 9 ต่อยอดจากการเติบโตที่โดดเด่นที่ร้อยละ 47 (ไม่รวมผลกระทบทางเศรษฐกิจ) ในกำไรจากธุรกิจใหม่ในปี 2566 ซึ่งเป็นผลมาจากการฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งในฮ่องกง ภายหลังการยกเลิกข้อจำกัดด้านโควิด และการเปิดพรมแดนของจีนแผ่นดินใหญ่ นอกจากนี้ เรายังได้ประกาศโครงการซื้อหุ้นคืนมูลค่า 2 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อคืนทุนให้แก่ผู้ถือหุ้น ในขณะที่เรายังคงมุ่งลงทุนในโอกาสการเติบโตต่อไป”

“ในช่วงปีที่ผ่านมา เราผลักดันและดำเนินกลยุทธ์ของเราที่ตอบโจทย์มากยิ่งขึ้น โดยระบุถึงความท้าทายต่างๆ และปรับปรุงกระบวนการปฏิบัติการอย่างต่อเนื่อง เราเสริมความแข็งแกร่งและความสามารถของเราผ่านเสาหลักด้านกลยุทธ์ และปัจจัยเสริมต่างๆ ทางธุรกิจ นอกจากนี้ เรามีการแต่งตั้งผู้บริหารที่มีความเชี่ยวชาญเพื่อขับเคลื่อนกลยุทธ์สู่ความสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรม เรามุ่งเน้นไปที่การนำผลกำไรจากธุรกิจใหม่แปรสู่กระแสเงินสดอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และนำขนาดของธุรกิจมาต่อยอดเพื่อสร้างการเติบโตยิ่งขึ้น” นายอนิล กล่าว

สำหรับปีนี้ คาดว่ากำไรจากธุรกิจใหม่จะเติบโตตามเป้าหมาย ซึ่งสอดคล้องกับกลยุทธ์ที่ได้วางไว้ในปี พ.ศ. 2565-2570 ปัจจัยขับเคลื่อนเชิงโครงสร้างของการเติบโตในเอเชียและแอฟริกาสำหรับภาคธุรกิจยังคงไม่เปลี่ยนแปลง โดยยังคงมีความต้องการที่แข็งแกร่งอย่างต่อเนื่องในด้านการคุ้มครอง การออมระยะยาว และผลิตภัณฑ์เพื่อการเกษียณอายุ กลุ่มบริษัทพรูเด็นเชียล เชื่อมั่นว่า จะสามารถบรรลุเป้าหมายทางการเงินและเชิงกลยุทธ์ภายในปี 2570

McLaren Bangkok (แมคลาเรน แบงค็อก) ผู้ได้สิทธิ์เป็นผู้แทนจำหน่ายแมคลาเรน (McLaren) รถซูเปอร์คาร์และไฮเปอร์คาร์สัญชาติอังกฤษอย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย ภายใต้ บริษัท นิช คาร์ กรุ๊ป จำกัด เปิดตัว “McLaren Artura Spider” (แมคลาเรน อาร์ทูรา สไปเดอร์) เจนเนอเรชั่นใหม่ ซูเปอร์คาร์เปิดประทุนไฮบริดสมรรถนะสูงรุ่นแรกของ McLaren และรุ่นที่ 2 ของ McLaren Artura มาพร้อมกับการอัปเกรดทั้งพลังงาน สมรรถนะ และการมีส่วนร่วมของผู้ขับขี่ ที่สุดแห่งประสบการณ์สำหรับคนรักซูเปอร์คาร์ ไม่ว่าจะลงสนามแข่ง หรือใช้ในชีวิตประจำวัน โดยมาในธีม Bold It Your Way เพื่อให้ผู้ขับขี่ได้สะท้อนไลฟ์สไตล์ของตัวเองอย่างอิสระ

นายวิทวัส ชินบารมี, ผู้บริหาร McLaren Bangkok กล่าวว่า “เรามีความยินดีอย่างยิ่งในการเปิดตัว McLaren Artura Spider เจนเนอเรชั่นใหม่ในประเทศไทย เพื่อมอบประสบการณ์สุดพิเศษสำหรับทุกท่านที่รักซูเปอร์คาร์ และหลังจากความสำเร็จของแคมเปญ ‘Bold McLaren’ และ ‘Friend of McLaren Bangkok’ ในประเทศไทย วันนี้ เราได้ออกแคมเปญ ‘Bold It Your Way’ เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ที่ชื่นชอบซูเปอร์คาร์ได้กำหนดสไตล์ของตัวเอง เช่นเดียวกับที่ McLaren สามารถปรับแต่งรถแต่ละคัน ให้สะท้อนถึงวิสัยทัศน์เฉพาะของผู้ขับขี่ เรามั่นใจว่ารถ McLaren ทุกรุ่น จะเป็นการสะท้อนตัวตน และไลฟ์สไตล์ของเจ้าของได้อย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเป็นการขับขี่ที่สร้างอะดรีนาลีนบนสนามแข่ง หรือความสง่างามในการขับขี่ในเมือง โดย McLaren Autura Spider ถือเป็นตัวแทนที่ชัดเจนของนักขับขี่ยุคใหม่ ที่พร้อมก้าวข้ามขีดจำกัดที่มีอยู่

ทั้งนี้ McLaren Artura Spider มาพร้อมดีไซน์เปิดประทุนแบบใหม่ล่าสุด เสริมด้วยสมรรถนะการขับขี่ที่ไม่เหมือนใคร ถือเป็นรถเปิดประทุนที่ประหยัดน้ำมันที่สุดในประวัติศาสตร์ของ McLaren โดยใช้ระบบไฮบริดที่มีประสิทธิภาพสูง ซึ่งไม่เพียงแต่เพิ่มความตื่นเต้นในการขับขี่ แต่ยังช่วยลดการปล่อยก๊าซ CO2 ด้วยการปล่อยก๊าซ CO2 เพียง 108 กรัม/กม. ช่วยประหยัดน้ำมันได้อย่างน่าประทับใจ มีอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันที่ 4.8 ลิตร/100 กม. ทำให้สามารถขับขี่ได้ไกลถึง 58.9 ไมล์/แกลลอน ตามมาตรฐาน EU WLTP และ สามารถเร่งความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ภายในเวลาเพียง 3 วินาที เท่านั้น ซึ่งเกือบจะเทียบเท่ากับรุ่นคูเป้ พร้อมด้วยความเร็วสูงสุดที่ 330 กม./ชม. 

นอกจากนี้ ด้วยสัมผัสที่หรูหราของพวงมาลัย และ Gearshift Paddles ที่มีการออกแบบอย่างประณีต จะช่วยสร้างความตื่นเต้นกับศักยภาพเต็มรูปแบบของ Artura Spider ได้อย่างรวดเร็ว สอดคล้องกับเสียงคำรามที่เพิ่มขึ้นจากระบบไอเสียที่ออกแบบใหม่ ซึ่งโอบล้อมผู้ขับขี่ในบรรยากาศของเสียงซูเปอร์คาร์ที่น่าตื่นตาตื่นใจ พร้อมส่งมอบประสบการณ์ที่สัมผัสได้อย่างเต็มอารมณ์

“ที่ McLaren เราไม่เพียงแต่ปรับตัวตามการเปลี่ยนแปลง แต่เราคือผู้ขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมยานยนต์ ซึ่งการเปิดตัว Artura Spider ถือเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความมุ่งมั่นอันแน่วแน่ของเรา ในการนำเสนอนวัตกรรม ความแม่นยำ และการแสวงหาความเป็นเลิศอย่างต่อเนื่องมาพัฒนาทั้งสินค้า และบริการ การเดินทางของเรานั้น เกิดขึ้นจากการหลอมรวมความหลงใหลของทีมงาน เข้ากับความไว้วางใจจากลูกค้า ร่วมกัน เรากำลังนิยามอนาคตของวิศวกรรมยานยนต์ขึ้นมาใหม่ เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าทุกกลุ่มได้มากที่สุด” นายวิทวัส กล่าวเสริม

ชาร์ลอตต์ ดิกซ์ซัน (Ms.Charlotte Dickson), Regional Director – Asia Pacific, McLaren Automotive กล่าวว่า “ McLaren Artura Spider เจเนอเรชั่นใหม่ ถือเป็นตัวอย่างที่ยอดเยี่ยมของวิศวกรรมยานยนต์ล้ำสมัยจาก McLaren ที่เราได้สร้างรถไฮบริดประสิทธิภาพสูง และน่าตื่นเต้นที่สุด ไม่ว่าคุณจะขับบนเนินเขาเขียวขจีของ Surrey ทางโค้งกว้างในประเทศไทย หรือเส้นทางธรรมชาติอันงดงามของ French Riviera ด้วยหลังคาเปิดประทุนของ Artura Spider คุณจะได้สัมผัสประสบการณ์ที่ทำให้คุณเชื่อมต่อกับธรรมชาติรอบตัวได้อย่างเต็มที่ เพิ่มความตื่นเต้นให้ทั้งผู้ขับขี่ และผู้โดยสาร รวมไปถึงฟีเจอร์ E-Mode ที่เงียบสงบของ Artura Spider ยังเหมาะสำหรับการขับขี่ในเมืองอย่างเพลิดเพลิน ไปจนถึงการขับขี่ในสนามแข่ง ที่ก็ยังสามารถมอบความตื่นเต้นแบบรถสปอร์ตซูเปอร์คาร์โดยไม่มีข้อจำกัด”

พอล เฉิน (Mr. Paul Chen) Regional Sales Manager – South East Asia McLaren Automotive Asia Pte Ltd กล่าวว่า “McLaren Artura Spider เป็นการเปิดศักราชใหม่ของการขับขี่ที่เต็มไปด้วยสมรรถนะ และนวัตกรรมที่ล้ำสมัย สำหรับ McLaren เรามุ่งมั่นที่จะไม่เพียงแค่ส่งมอบรถยนต์ที่ยอดเยี่ยม แต่ยังให้บริการหลังการขายที่เหนือชั้น เพื่อให้แน่ใจว่าเจ้าของรถทุกท่านจะได้รับการดูแลอย่างมืออาชีพ พร้อมได้รับการสนับสนุนจากเครือข่ายผู้เชี่ยวชาญระดับโลก เราสัญญาว่า เราจะไม่เพียงแต่มอบความเร้าใจในการขับขี่ แต่ยังสร้างความมั่นใจ และความพึงพอใจที่ไม่เคยหยุดนิ่ง”

ภายในงาน นอกจากจะเป็นการเปิดตัว “McLaren Artura Spider” ในประเทศไทยแล้ว ยังมีอีกหนึ่งความพิเศษที่สร้างความฮือฮา และตื่นตาตื่นใจให้กับผู้ร่วมงาน นั่นคือ McLaren Bangkok ที่ได้จับมือกับ POEM (โพเอม) แบรนด์แฟชั่นระดับแนวหน้าของเมืองไทย ได้สร้างสรรค์ผลงาน Special Collection by POEM จำนวน 15 ชุด ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจาก McLaren Artura มาอวดโฉมคอลเลคชั่นพิเศษ ให้ได้จับจองเป็นเจ้าของในงานนี้อีกด้วย นับว่าเป็นครั้งแรกของการผสมผสานระหว่างแฟชั่นชั้นสูง และความยอดเยี่ยมด้านยานยนต์ที่เป็นเอกลักษณ์ของ McLaren

ร่วมสัมผัสประสบการณ์สุดพิเศษไปกับ McLaren Artura Spider สุดยอดแห่งยนตรกรรมซูเปอร์คาร์ไฮบริดที่ผสานความเร็ว และความหรูหราอย่างลงตัว ตอบโจทย์ทุกความต้องการของคนรักรถ ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่ชื่นชอบความเร็ว การออกแบบที่สวยงาม ไปจนถึงเทคโนโลยีอันล้ำสมัย โดยรถคันนี้จะพาคุณไปสัมผัสกับประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือระดับ เร็ว แรง เร้าใจ พร้อมตอบสนองต่อทุกการเคลื่อนไหว ไม่ว่าจะการขับขี่ในสนาม หรือในเมือง พร้อมให้คุณได้ดื่มด่ำไปกับความรู้สึกอิสระ และใกล้ชิดธรรมชาติมากยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ McLaren Bangkok ยังมอบสิทธิพิเศษให้แก่ลูกค้าที่มีความสนใจ McLaren Artura Coupe MY25 ซึ่งทาง McLaren มีแผนการส่งมอบครั้งแรกในไตรมาส 3 ของปี 2568 นี้ จะได้รับการอัปเกรดทั้งในส่วนของแรงม้าที่เพิ่มขึ้น ระบบการตอบสนอง อัตราการทดเกียร์ รวมถึงระบบต่างๆเพิ่มเติมให้เทียบเท่ากับ McLaren Artura Spider อัตโนมัติโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ซึ่งการอัปเกรดนี้มีกำหนดเพียงบางประเทศเท่านั้นและประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่ได้รับสิทธิ์การอัปเกรดนี้

สำหรับผู้ที่สนใจ “McLaren Artura Spider” ใหม่ และต้องการรายละเอียดเพิ่มเติม สามารถติดตามได้ที่ McLaren Bangkok ในช่องทางออนไลน์ Facebook : https://www.facebook.com/McLarenBKK หรือ โทร. 02-321-1111, 081-434-7777, 098-242-3287

เจนเนอราลี่ กรุ๊ป เผยธุรกิจโตต่อเนื่องสวนกระแสเศรษฐกิจโลก โชว์ฟอร์มครึ่งแรกปี 2024 สร้างผลกำไรจากการดำเนินงานเติบโตอย่างต่อเนื่อง กว่า 3.7 พันล้านยูโร หรือราว 1.48 ล้านล้านบาท ตอกย้ำความสำเร็จจากการดำเนินธุรกิจภายใต้กลยุทธ์ 'Lifetime Partner 24: Driving Growth' มั่นใจเตรียมขึ้นแท่นผู้นำระดับโลกด้านธุรกิจประกันภัยและการจัดการสินทรัพย์ ด้วยการขยายธุรกิจที่หลากหลาย และความแข็งแกร่งของกระแสเงินสดรับจากธุรกิจประกันชีวิต

สำหรับผลประกอบการครึ่งปีแรกประจำปี 2024 เจนเนอราลี่ กรุ๊ป มีอัตราเติบโตขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยมีเบี้ยประกันภัยรับรวม (Gross Written Premium) เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญอยู่ที่ 50.1 พันล้านยูโร คิดเป็น 1,993,065 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น +20.4%) ซึ่งรายได้หลักมาจากการเติบโตอย่างแข็งแกร่งของกลุ่มธุรกิจประกันชีวิต และธุรกิจประกันภัยทรัพย์สินเบ็ดเตล็ด (P&C) มีกระแสเงินสดรับจากธุรกิจประกันชีวิต (Life Net Inflows) แข็งแกร่งอยู่ที่ 204,513 ล้านบาท (5.1 พันล้านยูโร) โดยได้แรงหนุนจากประกันคุ้มครอง (Protection) และประกันชีวิตควบการลงทุน (Unit-linked) มูลค่ากำไรธุรกิจใหม่ (New Business Value) เพิ่มขึ้นเป็น 51,237 ล้านบาท (1,289 ล้านยูโร) (+3.7%) มีอัตราส่วนรวม (Combined ratio) อยู่ที่ 92.4% ทำให้ผลกำไรจากการดำเนินงาน (Operating Result) เติบโตอย่างต่อเนื่องอยู่ที่ 3.7 พันล้านยูโร หรือคิดเป็น 1,483,589 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น +1.6%) คิดเป็นผลกำไรสุทธิหลังปรับปรุง (Adjusted net result) อยู่ที่ 2.0 พันล้านยูโร มีมูลค่าสินทรัพย์ทั้งหมดภายใต้การจัดการ (Total Assets Under Management) ของกลุ่มบริษัทฯ เพิ่มขึ้นเป็น 32,626,482 ล้านบาท (821 พันล้านยูโร) (+25.2%) ซึ่งเป็นผลมาจากการรวมกิจการของบริษัทคอนนิ่ง โฮลดิ้งส์ จำกัด (Conning Holdings Limited)นอกจากนี้สถานะทางเงินทุนยังคงความแข็งแกร่งด้วยอัตราส่วนการดำรงเงินกองทุน (Solvency Ratio) อยู่ที่ 211% จากการเข้าซื้กิจการ ลิเบอร์ตี้ เซกูรอส (Liberty Seguros) และการประกาศโครงการซื้อหุ้นคืนมูลค่า 500 ล้านยูโร

มร.ฟิลลิป ดอนเนท (Mr. Philippe Donnet) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารเจนเนอราลี่ กรุ๊ป กล่าวว่า “ผลกำไรจากการดำเนินงานที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง และการกลับมาแข็งแกร่งของกระแสเงินสดรับจากธุรกิจประกันชีวิต ได้ยืนยันความแข็งแกร่งและประสิทธิผลของกลยุทธ์ ตลอดจนถึงความสามารถในการสร้างมูลค่าให้กับผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่าย แม้ในสภาวะเศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์ที่มีความซับซ้อน โดยเรากำลังก้าวสู่การเป็นผู้นำระดับโลกในด้านธุรกิจประกันภัยและการจัดการสินทรัพย์ ด้วยรูปแบบธุรกิจที่หลากหลายมากขึ้น  ความมุ่งมั่นของเราที่มีต่อสถานะเงินสดและทุนอย่างต่อเนื่อง ทำให้เราสามารถเริ่มโครงการซื้อหุ้นคืนมูลค่า 500 ล้านยูโร เป็นการสะท้อนถึงความตั้งใจของเราในการเพิ่มผลตอบแทนให้กับผู้ถือหุ้น ทั้งนี้ เหลือเวลาอีกเพียงไม่กี่เดือนก่อนที่แผน ‘Lifetime Partner 24: Driving Growth’ ของเราจะสิ้นสุดลง เรากำลังเดินหน้าไปสู่การบรรลุเป้าหมายที่ท้าทายทั้งหมดตามที่ตั้งไว้ จากความทุ่มเทของบุคคลากรและตัวแทนของเราทุกคน สำหรับอนาคตนั้น เรากำลังทำงานร่วมกับทีมผู้บริหารระดับสูงในการวางกลยุทธ์ใหม่ของกลุ่มบริษัทฯ ซึ่งเราจะนำเสนอในงานพบนักลงทุน (Investor Day) ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 30 มกราคม 2025 ณ เมืองเวนิส”


*หมายเหตุ อัตราขายถัวเฉลี่ย 1 ยูโร เท่ากับ 39.75 บาท

ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) เปิดเผยว่า EXIM BANK มีมาตรการช่วยเหลือและเยียวยาลูกค้าที่ได้รับผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมจากสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ภาคเหนือของไทย ทั้งในส่วนของวงเงินกู้ระยะสั้นและวงเงินกู้ระยะยาว โดยเพิ่มวงเงินทุนหมุนเวียนระยะสั้นชั่วคราวสูงสุด 20% ของวงเงินเดิม เปลี่ยนแปลงภาระหนี้ระยะสั้นเป็นภาระหนี้ระยะยาว ผ่อนชำระเงินกู้ระยะสั้นได้นานสูงสุด 3 ปี และระยะยาวสูงสุด 7 ปี ลดภาระดอกเบี้ยเงินกู้ระยะยาว และพักชำระหนี้เงินต้นนานสูงสุด 1 ปี เพื่อให้ลูกค้าของ EXIM BANK สามารถดำเนินธุรกิจส่งออกหรือธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการส่งออกตลอดทั้ง Supply Chain ได้อย่างต่อเนื่อง

มาตรการช่วยเหลือสำหรับวงเงินกู้ระยะสั้น

  • ขยายระยะเวลาตั๋วสัญญาใช้เงิน สูงสุด 180 วัน
  • เพิ่มวงเงินหมุนเวียนชั่วคราว สูงสุด 20% ของวงเงินหมุนเวียนเดิม ทั้งนี้ ไม่เกิน 2 ล้านบาท โดยใช้อัตราดอกเบี้ยเดิม
  • เปลี่ยนแปลงภาระหนี้ระยะสั้น เป็นภาระหนี้ระยะยาว ผ่อนชำระสูงสุด 3 ปี

มาตรการช่วยเหลือสำหรับวงเงินกู้ระยะยาว

  • ขยายระยะเวลาเงินกู้ สูงสุด 7 ปี
  • ปรับลดอัตราดอกเบี้ย ปีแรกลง 0.50% หรือ จ่ายดอกเบี้ยเพียง 50% ในช่วง 6 เดือนแรก
  • พักชำระหนี้เงินต้น สูงสุด 1 ปี

ทั้งนี้ อัตราดอกเบี้ย Prime Rate ปัจจุบันเท่ากับ 6.35% ต่อปี

EXIM BANK ในฐานะสถาบันการเงินของรัฐที่มุ่งดำเนินภารกิจ Green Development Bank พร้อมช่วยเหลือเยียวยาลูกค้าให้สามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้อย่างไม่สะดุดและต่อเนื่องท่ามกลางปัญหาและปัจจัยท้าทายต่าง ๆ ลูกค้าสอบถามแจ้งความประสงค์เข้าร่วมมาตรการช่วยเหลือได้โดยลงทะเบียนผ่าน www.exim.go.th สอบถาม EXIM Contact Center โทร. 0 2169 9999

X

Right Click

No right click